ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รถไฟเที่ยวสยอง
    สวัสดีอีกครั้งนะครับ ผมขอต้อนรับสู่ชมรมขนหัวลุก เพื่อนคงจะได้อ่านแล้วนะครับสำหรับเรื่องเล่าเรื่องแรกของคุณขวัญฤดี สำหรับวันนี้เรามาทำความรู้จักกับคุณ ธนนัฒิ เขาเป็นสมาชิกคนท้ายๆของชมรมเรา เอ้านั้นไงเขามาพอดี
    “สวัสดีครับ ผม ธนาณัติ เออ เรื่องที่ผมจะเล่า เอ้อ เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณต้องเคยขึ้นรถไฟแล้วนะครับ แต่คุณคงไม่เคยขึ้นรถไฟเที่ยงนี้กับผมแน่ๆ มันออกจะน่ากลัว (สำหรับผมนะ) แต่สำหรับเพื่อนๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะน่ากลัวรึเปล่า
วันนั้นผมกำลังจะกลับบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี เพราะแม่กำลังป่วยหนัก ผมกำลังซื้อตั๋วอยู่ที่สถานีหัวลำโพง สายตาผมบังเอิญไปมองที่ทางเข้าห้องน้ำ ผมเห็นเงาดำๆกำลังลอยอยู่เหนือพื้นอยู่2-3 Cmผมขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง คราวนี้มันหายไปแล้ว ผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เหลือเวลาอีก 30 นาที ผมกลับมานั่งรอรถไฟ เสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกล ซักพัก ขบวนรถไฟข้ามาเทียบชานชลาอย่างช้าๆ ลักษณะของมันดูเก่าแก่มาก มีผู้โดยสารมายืนกับผม8-9 คน ผมก้าวเข้ามาภายใน ทันมีที่ผมก้าวเข้าไปผมได้กลิ่นสาบสางของอะไรบางอย่างลอยเข้ามาปะทะจมูกมันเป็นกลิ่นจางๆ ผมคราดว่ามันคงมีกลิ่นนี้มานานแล้ว ผู้โดยสารข้างหน้าผมทำจมูกย่นๆ (คงจะเหม็นเหมือนผม) สำหรับสำภาระของผมไม่มีอะไรมากมีเพียงกระเป๋าใบเดียว
    คนขับกดหวูดรถไฟอีกครั้ง รถไฟเคลื่อนตัวช้าๆ  และเร็วขึ้นเรื่อยๆ ลมเย็นๆพัดมาปะทะหน้าเบาๆ ทำให้ผมเผลอหลับไป ปัง! เสียงเหมือนรถไฟกระแทกกับอะไรบางอย่าง ผมจ้องมองไปข้างนอกหน้าต่าง ขณะนี้รถไฟกำลังชะลอความเร็วลงอย่างช้าๆ ข้างนอกนั้นมืดสนิท ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ผมแปลกใจมากที่นาฬิกาของผมนั้นบอกเวลาเพียง บ่าย3โมงกว่าๆเท่านั้น “อะไรวะ นาฬิกาเสียอีกแล้ว” ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ ยิ่งผมเงยหน้าขึ้นผมต้องแปลกใจมากขึ้น เพราะตอนที่ผมขึ้นนั้นมีผู้โดยสารเพียงแค่ไม่กี่คน แต่ตอนนี้กลับมีผู้โดยสารแน่ขนัด ผมปลอบใจตนเองว่าพวกเขาคงจะขึ้นมาจากสถานีก่อนๆ ผมเผลอหลับไปอีกครั้ง ปัง! เสียงเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผู้โดยสารที่ผมเห็นนั้น บัดนี้กลับหายไปหมด (เหลือเพียงผมกับผู้โดยสารที่ขึ้นมากับผม) ผมจ้องมองนาฬิกาของผมโดยอัตโนมัติ นาฬิกาได้บอกเวลาบ่าย4โมง จะเป็นไปได้หรอว่าเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงผู้โดยสารจะลงไปหมด แสงแดดอ่อนๆได้ส่องเข้ามาขับไล่ความมืดออกไป (ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าผมคงจะฝันไป) รถไฟเร่งความเร็วขึ้นอีก ผมนั้งอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยจนความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาโดยที่ผมไม่รู้ตัว เสียงหัวเราะปนกลับเสียงร้องไห้เบาๆได้ล่องลอยมากับสายลม กว่าผมจะมารู้สึกตัวก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆแล้ว ปัง! เสียงนี้กลับมาอีกครั้งคราวนี้ผมรู้แล้วละว่าผู้โดยสารพวกนั้นมาจากไหน เหมือนกับว่าพวกเขาได้หายตัวเข้ามา พวกเขานั้งอยู่เฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เสียงหัวเราะก็กลับมา ผู้โดยสารที่มากลับพวกผมนั้นนั่งสั่นเทา รถไฟนั้นชะลอความเร็วลงอีกครั้ง มีสถานีหนึ่งอยู่ข้างหน้า จริงๆชื่อสถานีนี้ชื่อสถานีหนึ่งจริง แต่เป็น หนึ่งจุดสอง(1.2) ผู้โดยสารส่วนหนึ่งได้ลงไป (รวมทั้งผู้โดยสารที่มากับผมอีก4-5 คน) ส่วนผู้โดยสารคนอื่นมีท่าทางหวาดกลัว สายลมเอื่อยๆได้พัดเข้ามาอีกครั้ง ผมรู้สึกว่ามึนๆหัวและผมก็ได้หลับไปอีกครั้ง ปัง! เสียงเดิมได้เกิดขึ้นอีกครั้งผมสะดุ้งตื่น ข้างในโบกี้รถไฟมีเพียงพวกผมและผู้โดยสารรวมกันเพียง5คนเท่านั้น ผมและพวกเขาเริ่มเกิดความรู้สึกบางอย่าง เลยขยับเข้ามานั้งใกล้ๆกัน “นี่มีใครฝันอะไรแปลกๆไหม” ผู้โดยสารคนหนึ่งได้พูดขึ้นก่อน เสียงพึมพำได้เกิดขึ้น เราคุยกันอยู่หลายเรื่องพวกเราได้แปลกใจมากที่ความฝันของพวกเรานั้นตรงกันเปะ เรารู้สึกหวาดกลัวขึ้นอีกครั้ง รถไฟได้ชะลอความเร็วลงอีกครั้ง สถานีข้างหน้าคือสถานีปลายทางของพวกเรา นั้นคือสถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวาริมนชำราบ ผมรู้สึกโล่งใจมากพรางมองหาญาติที่จะมารับ ผมก้าวลงมาและก็มองหาญาติ ผมอดที่จะมองไปที่รถไฟขบวนที่ผมนั้งมาซึ่งกำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากสถานี ผมเห็นผู้โดยสารพวกนั้นอีกครั้งบางคน ( หรือจะเรียกว่าตัวหรือตนดี)ถึงกลับโบกมือบ๊ายบายให้ผม ผมยืนตะลึงอยู่ที่นั้นนานทีเดียวจนญาติเข้ามาสะกิด ผมจึงได้ก้าวออกมาจากสถานีนั้น ผมว่าเหตุการณ์นี้คงจะติดอยู่ในความจำผมอีกนานทีเดียวละ
เอาละครับผมก็ได้เล่าจนหมดเปลือกแล้ว มีอะไรจะให้ผมเสริมอีกไหมครับ”
    คงไม่มีอะไรแล้วละครับ ผมขอให้คุณธนาณัติอยู่ที่ชมรมเราก่อนนะครับ เดียวสมาชิกคนอื่นคงกำลังมา ผมกำลังอยากเล่นผีถ้วยแก้วตอนกลางคืนที่ตึกข้างๆนี่แหละ เอาละครับผมว่าเพื่อนๆคงจะเหนื่อยแล้ว ผมขอให้เพื่อนๆคอยติดตามต่อไปนะครับว่า พวกผมจะเจออะไรบ้างสำหรับการเล่นผีถ้วยแก้ว ตอนนี้ผมคงต้องลงไปดูก่อนนะว่าพวกเขามากันยัง       
    “สวัสดีครับ ผม ธนาณัติ เออ เรื่องที่ผมจะเล่า เอ้อ เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณต้องเคยขึ้นรถไฟแล้วนะครับ แต่คุณคงไม่เคยขึ้นรถไฟเที่ยงนี้กับผมแน่ๆ มันออกจะน่ากลัว (สำหรับผมนะ) แต่สำหรับเพื่อนๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะน่ากลัวรึเปล่า
วันนั้นผมกำลังจะกลับบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี เพราะแม่กำลังป่วยหนัก ผมกำลังซื้อตั๋วอยู่ที่สถานีหัวลำโพง สายตาผมบังเอิญไปมองที่ทางเข้าห้องน้ำ ผมเห็นเงาดำๆกำลังลอยอยู่เหนือพื้นอยู่2-3 Cmผมขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง คราวนี้มันหายไปแล้ว ผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เหลือเวลาอีก 30 นาที ผมกลับมานั่งรอรถไฟ เสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกล ซักพัก ขบวนรถไฟข้ามาเทียบชานชลาอย่างช้าๆ ลักษณะของมันดูเก่าแก่มาก มีผู้โดยสารมายืนกับผม8-9 คน ผมก้าวเข้ามาภายใน ทันมีที่ผมก้าวเข้าไปผมได้กลิ่นสาบสางของอะไรบางอย่างลอยเข้ามาปะทะจมูกมันเป็นกลิ่นจางๆ ผมคราดว่ามันคงมีกลิ่นนี้มานานแล้ว ผู้โดยสารข้างหน้าผมทำจมูกย่นๆ (คงจะเหม็นเหมือนผม) สำหรับสำภาระของผมไม่มีอะไรมากมีเพียงกระเป๋าใบเดียว
    คนขับกดหวูดรถไฟอีกครั้ง รถไฟเคลื่อนตัวช้าๆ  และเร็วขึ้นเรื่อยๆ ลมเย็นๆพัดมาปะทะหน้าเบาๆ ทำให้ผมเผลอหลับไป ปัง! เสียงเหมือนรถไฟกระแทกกับอะไรบางอย่าง ผมจ้องมองไปข้างนอกหน้าต่าง ขณะนี้รถไฟกำลังชะลอความเร็วลงอย่างช้าๆ ข้างนอกนั้นมืดสนิท ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ผมแปลกใจมากที่นาฬิกาของผมนั้นบอกเวลาเพียง บ่าย3โมงกว่าๆเท่านั้น “อะไรวะ นาฬิกาเสียอีกแล้ว” ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ ยิ่งผมเงยหน้าขึ้นผมต้องแปลกใจมากขึ้น เพราะตอนที่ผมขึ้นนั้นมีผู้โดยสารเพียงแค่ไม่กี่คน แต่ตอนนี้กลับมีผู้โดยสารแน่ขนัด ผมปลอบใจตนเองว่าพวกเขาคงจะขึ้นมาจากสถานีก่อนๆ ผมเผลอหลับไปอีกครั้ง ปัง! เสียงเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผู้โดยสารที่ผมเห็นนั้น บัดนี้กลับหายไปหมด (เหลือเพียงผมกับผู้โดยสารที่ขึ้นมากับผม) ผมจ้องมองนาฬิกาของผมโดยอัตโนมัติ นาฬิกาได้บอกเวลาบ่าย4โมง จะเป็นไปได้หรอว่าเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงผู้โดยสารจะลงไปหมด แสงแดดอ่อนๆได้ส่องเข้ามาขับไล่ความมืดออกไป (ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าผมคงจะฝันไป) รถไฟเร่งความเร็วขึ้นอีก ผมนั้งอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยจนความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาโดยที่ผมไม่รู้ตัว เสียงหัวเราะปนกลับเสียงร้องไห้เบาๆได้ล่องลอยมากับสายลม กว่าผมจะมารู้สึกตัวก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆแล้ว ปัง! เสียงนี้กลับมาอีกครั้งคราวนี้ผมรู้แล้วละว่าผู้โดยสารพวกนั้นมาจากไหน เหมือนกับว่าพวกเขาได้หายตัวเข้ามา พวกเขานั้งอยู่เฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เสียงหัวเราะก็กลับมา ผู้โดยสารที่มากลับพวกผมนั้นนั่งสั่นเทา รถไฟนั้นชะลอความเร็วลงอีกครั้ง มีสถานีหนึ่งอยู่ข้างหน้า จริงๆชื่อสถานีนี้ชื่อสถานีหนึ่งจริง แต่เป็น หนึ่งจุดสอง(1.2) ผู้โดยสารส่วนหนึ่งได้ลงไป (รวมทั้งผู้โดยสารที่มากับผมอีก4-5 คน) ส่วนผู้โดยสารคนอื่นมีท่าทางหวาดกลัว สายลมเอื่อยๆได้พัดเข้ามาอีกครั้ง ผมรู้สึกว่ามึนๆหัวและผมก็ได้หลับไปอีกครั้ง ปัง! เสียงเดิมได้เกิดขึ้นอีกครั้งผมสะดุ้งตื่น ข้างในโบกี้รถไฟมีเพียงพวกผมและผู้โดยสารรวมกันเพียง5คนเท่านั้น ผมและพวกเขาเริ่มเกิดความรู้สึกบางอย่าง เลยขยับเข้ามานั้งใกล้ๆกัน “นี่มีใครฝันอะไรแปลกๆไหม” ผู้โดยสารคนหนึ่งได้พูดขึ้นก่อน เสียงพึมพำได้เกิดขึ้น เราคุยกันอยู่หลายเรื่องพวกเราได้แปลกใจมากที่ความฝันของพวกเรานั้นตรงกันเปะ เรารู้สึกหวาดกลัวขึ้นอีกครั้ง รถไฟได้ชะลอความเร็วลงอีกครั้ง สถานีข้างหน้าคือสถานีปลายทางของพวกเรา นั้นคือสถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวาริมนชำราบ ผมรู้สึกโล่งใจมากพรางมองหาญาติที่จะมารับ ผมก้าวลงมาและก็มองหาญาติ ผมอดที่จะมองไปที่รถไฟขบวนที่ผมนั้งมาซึ่งกำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากสถานี ผมเห็นผู้โดยสารพวกนั้นอีกครั้งบางคน ( หรือจะเรียกว่าตัวหรือตนดี)ถึงกลับโบกมือบ๊ายบายให้ผม ผมยืนตะลึงอยู่ที่นั้นนานทีเดียวจนญาติเข้ามาสะกิด ผมจึงได้ก้าวออกมาจากสถานีนั้น ผมว่าเหตุการณ์นี้คงจะติดอยู่ในความจำผมอีกนานทีเดียวละ
เอาละครับผมก็ได้เล่าจนหมดเปลือกแล้ว มีอะไรจะให้ผมเสริมอีกไหมครับ”
    คงไม่มีอะไรแล้วละครับ ผมขอให้คุณธนาณัติอยู่ที่ชมรมเราก่อนนะครับ เดียวสมาชิกคนอื่นคงกำลังมา ผมกำลังอยากเล่นผีถ้วยแก้วตอนกลางคืนที่ตึกข้างๆนี่แหละ เอาละครับผมว่าเพื่อนๆคงจะเหนื่อยแล้ว ผมขอให้เพื่อนๆคอยติดตามต่อไปนะครับว่า พวกผมจะเจออะไรบ้างสำหรับการเล่นผีถ้วยแก้ว ตอนนี้ผมคงต้องลงไปดูก่อนนะว่าพวกเขามากันยัง       
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น