ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บของของเฮซ!

    ลำดับตอนที่ #2 : Rabbit Doubt ss1 - Adam Bond's side story.

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 56


                ผมชื่อ อดัม บอนด์      

                เรื่องราวต่อจากนี้ ถ้าพวกคุณคิดว่ามันเหมือนพวกหนังละครล่ะก็ ผมว่าผมก็เห็นด้วยนะ

                แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริง...

                พ่อของผมเป็นสารวัตรตำรวจ ส่วนแม่ของผมเป็นทนายความ ทั้งคู่รักกันเพราะคดีอะไร

    ซักอย่าง...ที่พวกเขาเคยเล่าแต่ผมจำไม่ได้

                ครอบครัวเราอยู่กันอย่างปกติ ไม่มีเรื่องหวือหวาหรือเรื่องเสี่ยงตายอะไร ถึงพ่อแม่ผมจะ

    ทำงานด้านกฏหมาย ด้านอาชญากรรมแต่ก็ไม่มีปัญหามาถึงทางบ้านเลยซักนิด

                โตขึ้นผมฝันอยากจะเป็นนักสืบ เหมือนในหนังสือที่ผมชอบยืมพ่อมาอ่าน ซึ่งบางทีผมก็ชอบ

    ตามพ่อไปที่สถานีตำรวจ เพื่อไปดูว่าพวกเขาทำหน้าที่อะไรกันบ้าง

                เราอยู่กันอย่างปกติสุขเรื่อยมา...จนผมอายุได้สิบสามปี

                วันนั้นเป็นสัปดาห์ก่อนหน้าวันเกิดของผม แม่ยังไม่กลับบ้าน วันนั้นผมเลยอยู่กับพ่อสองคน

    ตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว พ่อเลยไปส่งผมเข้านอนก่อน

                “แม่จะกลับมาเมื่อไหร่ฮะ?” ผมถาม

                “พ่อก็ไม่รู้หรอก แต่อีกไม่นานก็คงกลับแล้วล่ะ”

                “แล้วพ่อจะลงไปรอแม่เหรอฮะ ผมไปด้วยได้มั้ย?

                “นอนดึกมันไม่ดีนะ ไม่เป็นไรหรอก” พ่อยิ้มให้ผม พลางปิดไฟหัวเตียงก่อนออกจากห้องไป   

                โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นรอยยิ้มของพ่อ...

                ไม่รู้เลยว่าเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะมานั่งรอแม่กลับบ้าน...

                คืนนั้นผมฝันเห็นเพลิงไหม้โหมกระหน่ำทั่วทั้งบ้าน ควันโขมงไปทั่วจนผมมองไม่เห็นอะไร

    ซักอย่าง กลิ่นเหม็นไหม้โชยไปทั่ว ในตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย...

                ทันใดนั้นก็มีร่างๆ หนึ่งโผล่ออกมาจากกลุ่มควัน วิ่งมาทางผม ร่างนั้นโผเข้ามากอดผมไว้

    พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ        

                “ถึงพ่อกับแม่จะต้องตาย ลูกก็ต้องอยู่ต่อไปนะ...”

     

                พอผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตาเสียแล้ว รอบๆ ห้องเป็นสีขาวทั้งหมด  

    ข้างๆ เตียงที่ผมนอนอยู่มีเครื่องมือหน้าตาประหลาดๆ ตั้งอยู่ มีสายระโยงระยางเชื่อมต่อไปทั่ว

    ที่จมูกของผมก็มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่

                หรือที่นี่คือโรงพยาบาล...

                ผมสับสนไปหมด ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วพ่อแม่ของผมล่ะ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

                แล้วฝันเมื่อคืนล่ะ มันคืออะไรกัน?

                ผมพยายามนึกถึงฝันเมื่อคืน กลิ่นควัน เปลวเพลิง เสียงดัง...

                ทันใดนั้นผมก็รู้สึกราวกับมีมีดกรีดแทงลงมากลางศีรษะ ความเจ็บปวดแล่นไปทั่ว ราว

    กับศีรษะจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภาพทุกอย่างแล่นเข้ามาในหัว ภาพในฝัน เหตุการณ์ในอดีต ทุก

    อย่างผุดกลับขึ้นมา ทุกอย่างบิดเบี้ยวไปหมด...

                หรือเรากำลังจะตาย?

                ทันทีที่ความคิดนี้แว่บเข้ามา หัวผมก็ปวดอีกครั้ง ทุกอย่างหมุนติ้วราวกับพายุ ผมกรีดร้อง

    ออกมาด้วยความเจ็บปวด ทุกอย่างมันกระหน่ำเข้ามาจนผมทนไม่ไหว

                ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือหมอกำลังวิ่งเข้ามาหา...

               

                เส้นประสาทกดทับ นั่นคือสาเหตุที่ผมปวดหัวทรมานทุกเช้าหลังตื่นนอน

                ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเส้นประสาทกดทับมันจะทำให้เกิดอาการขนาดนี้...

                นั่นคือเรื่องแรกจากสามเรื่องที่ผมได้รู้หลังจากวันนั้น

                เรื่องที่สองคือพ่อแม่ของผมเสียชีวิตไปแล้วจากเหตุไฟไหม้ ร่างของทั้งสองไหม้เกรียมค้างอยู่

    ในบ้าน ผมได้รู้ว่าพวกเขาทั้งสองเอาตัวมาบังผมไว้ให้ผมปลอดภัย

                พวกเขาตายเพราะผม พอคิดได้ก็รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมา ชีวิตของคนสองคนต้องเสียไป

    เพราะตัวเอง แย่สิ้นดี... จากเหตุนั้นมีบางอย่างที่เป็นวัตถุหนักๆ หล่นมาโดนหัวผม จนข้างในเกิด

    การกระทบกระเทือน นั่นคือสาเหตุของอาการ

                เรื่องที่สาม ไม่มีใครมาให้ความช่วยเหลือผม ผมจึงไม่มีเงินมารักษา...

                ผมทนกับอาการนี้มาตลอดสี่ปี ผมต้องอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากบ้านกลายเป็น

    ซากไปแล้ว แถมต้องมาเช็คอาการเป็นประจำอีกต่างหาก

                แม้แต่ที่โรงเรียนผมก็ยังไม่ค่อยมีเพื่อน พวกนักเลงที่โรงเรียนชอบหาเรื่อง ชอบล้อผมประจำ

    ผมเลยมุ่งมั่นกับการเรียนซะส่วนใหญ่ กับเพื่อนๆ ที่มีเพียงแค่หยิบมือ

                ทางตำรวจบอกว่าเหตุไฟไหม้นั่นเป็นเพราะมีผู้แอบลอบวางเพลิง ซึ่งตอนนี้ยังคงตามจับตัว

    ไม่ได้ ซึ่งสืบยากเอาเรื่องเพราะพ่อแม่ของผมไม่ค่อยจะมีศัตรูเท่าไหร่นัก

                มันเป็นใคร...?

                ความเคียดแค้นแล่นเข้ามาในหัว ผมอยากจะเผาบ้านมันให้วอดวายเหมือนที่มันทำกับผม

    ผมอยากจะล้างแค้นให้พ่อกับแม่ ผมจะฆ่ามันให้ตายๆ ไปซะ

                แต่ผมก็ทำไม่ได้...

                การจะฆ่าใครแล้วจะหายตัวไปง่ายๆ อย่างปลอดภัยไร้ร่องรอยเหมือนในหนัง มันทำไม่ได้

                ยิ่งในสภาพที่ผมยังเป็นแบบนี้แล้วด้วย

                ในระหว่างที่ผมกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดและอาการปวดหัวนั้น...

                “คุณอยากจะหายหรือเปล่าล่ะครับ?

                เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ พอผมหันไปมองก็พลันไปเจอกับชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่งตัวภูมิฐาน

    ดูท่าจะเป็นลูกเศรษฐีซักคนก็ได้

                “คุณเป็นใคร?” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จากอาการปวดเมื่อซักครู่

                “ชื่อของผมคือ โทนี่ แอนเดอร์สัน” ชายหนุ่มว่า “คุณอยากจะหายจากอาการนี้ และได้เห็น

    คนร้ายที่เผาบ้านคุณได้รับโทษอย่างสาสมมั้ยล่ะครับ?

                “...ไม่มีใครทำได้หรอก” ผมส่ายหน้าช้าๆ “ว่าแต่คุณรู้จักผมเหรอ? คุณรู้ได้ยังไงว่าบ้านผมไฟไหม้ รู้ได้ยังไงว่าผมมีเส้นประสาทกดทับ?

                “เอาเป็นว่าผมรู้” โทนี่กล่าวยิ้มๆ  “ถ้าคุณต้องการสิ่งที่ผมเสนอมาล่ะก็...” เขายื่นบัตรสีดำให้ผม “มาเล่นเกมกับพวกเราสิครับ”

                “Rabbit Doubt เหรอ?” ผมอ่านข้อความบนบัตร ในนั้นบอกกติกาต่างๆ และข้อมูลทุก

    อย่างไว้ครบครัน มันดูน่าสนใจไม่ใช่น้อย...

                “แต่ขอผ่านดีกว่า” ผมยิ้ม “มีคนมากมายที่ลำบากกว่าผม คุณควรไปชวนเขา”

                เรื่องทั้งหมดมันบ้าสิ้นดี คนร้ายที่ว่ามานี่ตำรวจเก่งๆ ยังหาตัวไม่เจอเลย และอาการของผม

    มันก็ไม่ได้สลักสำคัญกับเขามากถึงขั้นต้องมาจ่ายค่ารักษาให้ผมหรอก

                “แต่ถึงพ่อแม่คุณจะตาย คุณก็ต้องอยู่ต่อไปนะครับ”

                ถึงพ่อกับแม่จะต้องตาย ลูกก็ต้องอยู่ต่อไปนะ...

                “ไม่จริงน่า...”

                ทำไมกัน? ทำไมโทนี่ถึงรู้เรื่องนี้ ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย อาการปวดหัวที่เพิ่ง

    หายไปเมื่อซักครู่กลับมาอีกครั้ง คราวนี้อาการหนักขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา มันปวดจนผมล้มลงกับพื้น

                “ทำไม...กัน?” ผมถามเสียงแผ่ว

                “เห็นมั้ยครับ ผมบอกคุณแล้ว” ถึงสติจะเริ่มเลือนราง แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าถูกโทนี่พยุงตัวขึ้น

    “คราวนี้ผมขอถามอีกที คุณอยากจะเล่นเกมนี้หรือเปล่า?

                “ฝีมือ...คุณ...” ปากผมเริ่มไม่มีแรงจะขยับแล้ว

                “ไม่ใช่ ไม่ใช่ผม อาการคุณหนักขึ้นเอง” โทนี่บอก “คราวนี้คุณจะยอมไปมั้ยครับ”

                ผมไม่มีแรงแม้แต่จะพยักหน้าแล้ว

                “ผมจะถือว่าคุณตกลงก็แล้วกันนะครับ” เสียงโทนี่ค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ

                แล้วสติของผมก็ดับวูบไป

               

                ผมตื่นขึ้นมาก็ได้รู้ว่าอาการของผมหายไปแล้ว เพราะผมตื่นมาโดยไม่ปวดหัวแม้ซักนิด

    คุณหมอบอกว่ามีชายหนุ่มท่าทางดูดีมีฐานะออกค่ารักษาให้ผม ต้องเป็นโทนี่แน่ๆ...

                แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังต้องระมัดระวังเอาไว้ อย่าใช้ความคิดมากจนเกินไปนัก

                พอผมออกจากโรงพยาบาล ผมก็ได้ข่าวว่าจับคนลอบวางเพลิงได้แล้ว ที่แท้ก็เป็นสารวัตร

    คนใหม่นั่นเอง เขาอยากแย่งตำแหน่งมาจากพ่อผมมานานแล้ว แต่ตอนนี้ผมกำลังเบลอจนไม่มีแก่

    ใจจะคิดเรื่องแก้แค้นนั่น

                ในที่สุด ผมก็เดินทางไปยังสถานที่ที่เขียนไว้ในบัตรเชิญนั่น ได้เจอกับผู้คนมากหน้า

    แปลกตา ที่กลับต้องมาฆ่ากันเอง

                แล้วผมก็พลาดที่เผลอบอกเรื่องความสงสัยในแต่ละคนของผมไป...

                ถ้าคุณอยากจะมาเล่นเกมนี้ละก็...ระวังตัวเองไว้ให้ดี

                ไม่งั้นจะเสียโอกาสได้สิ่งที่ปรารถนา แล้วกลายเป็นศพแรกเหมือนผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×