ตอนที่ 8 : บทที่ 7 | การตรวจสอบ (1) (RW)
บทที่ 7
หลินหลันอธิบายเรื่องคร่าวๆ ให้ราชครูหลันฟังอีกครั้งหนึ่งทำให้ราชครูหลันนึกเรื่องราวออกแล้วว่ามันเป็นมาอย่างไร ก่อนที่หลินหลันจะเสริมว่า
"คือว่า...ในหีบทรัพย์สินของผิงหยู่น่ะเจ้าค่ะ ลูกคิดว่าด้วยปริมาณทรัพย์สินที่อยู่ในหีบมันมากมายเกินกว่าที่จะมาจากเรือนของน้องรองแห่งเดียวเจ้าค่ะ" หลินหลันหันไปมองหน้าหลันเหม่ยอิง ที่ยังคงมีคราบน้ำตาอยู่บนใบหน้า "ไม่เช่นนั้นแล้ว น้องรองก็คงจะรู้ตัวแล้วว่าของในเรือนของนางหายไป"
"ลูกกล่าวเช่นนี้ แสดงว่าลูกมีสถานที่ที่ลูกสงสัยอีกอย่างนั้นหรือ"
"เจ้าค่ะ" หลินหลันตอบ "ที่ลูกสงสัยก็มีอยู่สองที่เจ้าค่ะ เรือนของอนุจ้าวกับห้องเก็บสมบัติของจวนเจ้าค่ะ"
"เรือนของอนุจ้าว พ่อเข้าใจได้ว่าที่ลูกสงสัยเป็นเพราะว่าเรือนของจ้าวหมิงหมิงอยู่ใกล้เรือนของเหม่ยอิง แต่ห้องเก็บสมบัติของจวนนี่สิ..." ราชครูหลินพูดพลางลูบเคราของตนเองอย่างครุ่นคิด "แต่ห้องเก็บสมบัติของจวนมีการควบคุมการเข้าออกอย่างเคร่งครัด การจะนำสิ่งของใดในนั้นออกมาก็จะต้องมีการจดบันทึกทุกครั้ง และหากว่าเป็นสาวใช้ก็จะต้องมีตรารับรองจากนายมาด้วยถึงจะเข้าไปได้"
"ที่พ่อคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"อืม พ่อว่ามันเป็นไปได้ยากมากเลยที่จะนำทรัพย์สินเข้าออกโดยที่พ่อบ้านหลิวไม่ทราบเรื่อง"
เมื่อได้ยินราชครูหลันเอ่ยถึงตน พ่อบ้านหลิวก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะลอบมองไปทางอนุจ้าวก่อนจะรีบแสดงท่าทางเป็นปกติเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ซึ่งท่าทางแบบนั้นของพ่อบ้านหลิวก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของหลินหลันที่สังเกตอยู่
…เป็นไปได้หรือไม่ว่าพ่อบ้านหลิวจะรู้เห็นเป็นใจกับอนุจ้าวด้วย...
หลินหลันครุ่นคิดอยู่ช่วงครู่ก่อนที่จะรีบตอบราชครูหลันออกไป
"แต่ทว่าทุกครั้งที่ลูกต้องการจะใช้เครื่องประดับของมารดา ลูกมักจะสั่งให้ผิงหยู่ไปเลือกออกมาเจ้าค่ะ ฉะนั้นนางก็อาจจะหยิบออกมามากกว่าที่ลูกต้องใช้ก็เป็นได้เจ้าค่ะ"
"ถ้าเช่นนั้น...ลูกก็ต้องการที่จะ..."
"เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกอยากจะของตรวจสอบทั้งสามสถานที่เจ้าค่ะ ว่ามีสิ่งใดหายไปหรือไม่ ถ้าของพวกนั้นอยู่ในหีบลูกจะได้เอาไปคืนถูก"
แม้ว่าน้ำเสียงของที่เอ่ยถึงสองแม่ลูกนั้นจะเจือความไม่พอใจอยู่ แต่หลินหลันก็ยังยินดีที่จะคืนทรัพย์สินที่ ‘คาดว่า’ จะถูกขโมยคืนให้ นั่นราชครูหลันดีใจเป็นอย่างมากที่บุตรสาวของตนรู้จักที่จะมีน้ำใจต่อผู้อื่นแล้ว
…ซื่ออวิ๋น บุตรของเราใจกว้างขนาดไหน เจ้าเห็นหรือไม่...
ด้านหลินหลันแม้จะตั้งใจให้ตนดูเหมือนเป็นคนมีจิตใจกว้างขวางแต่ก็ไม่ได้หวังว่าจะทำให้ราชครูหลันแสดงท่าทีคล้ายกับคนวิปลาสเช่นนั้นออกมาอีกครา
…ท่านพ่อ ท่านช่วยหยุดเงยหน้าพูดกับท้องฟ้าทีเถิด เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจว่าท่านสติไม่ดีแล้วนะเจ้าคะ...
เมื่อได้ยินว่าหลินหลันจะตรวจสอบทรัพย์สินในเรือนของพวกนาง อนุจ้าวและหลันเหม่ยอิงก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่จะหันมองหน้ากัน
ทั้งสองคนคิดแบบเดียวกันว่า...
…จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าพวกนางลักลอบยักยอกออกไปมากมายเพียงใด...
"ไม่ได้นะเจ้าค่ะ ท่านพี่" จู่ๆ อนุจ้าวที่นั่งเงียบไปนาน ก็รีบเอ่ยค้านขึ้นมาในทันที ทำให้ราชครูหลันพลันได้สติ "น้องหมายความว่าหลินเออร์ยังเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนจะให้นางมาตรวจสอบ..."
"ข้าไม่ได้จะตรวจสอบเองเสียหน่อย อนุจ้าว" หลินหลันพูดแทรกขึ้นมาทันที "ของในเรือนเจ้ากับบุตรสาวก็ไปจัดการตรวจสอบกันเอาเองว่ามีสิ่งใดหายไปหรือไม่ ส่วนข้าจะไปตรวจสอบสินเดิมมารดาของข้า"
"ลูกบอกว่าสินเดิมมารดาอย่างนั้นหรือ" ราชครูหลันเอ่ยถามแทรกออกมา
"เจ้าค่ะท่านพ่อ" หลินหลันตอบ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายเพิ่มเติม "ลูกลองดูทรัพย์สินในหีบทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ มีบางชิ้นที่ลูกรู้สึกคุ้นตาว่าเคยเห็นมาก่อน แต่ลูกมั่นใจว่าไม่เคยมอบให้ผิงหยู่ คราแรกลูกลองตรวจสอบข้าวของในเรือนดูแล้วก็พบว่าไม่มีสิ่งใดหายไปเลย ลูกเลยอยากที่จะลองตรวจสอบสินเดิมของมารดาดูเท่านั้นเจ้าค่ะ"
เหตุผลที่หลินหลันไม่เอ่ยถึงปิ่นทองรูปดอกบัวชิ้นนั้น ก็เพราะว่านางรู้สึกว่ามันเป็นปิ่นที่มีความพิเศษ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนเลยก็เป็นได้ เพราะรูปลักษณ์ของมันก่อนหน้านั้นเป็นเพียงปิ่นธรรมดาก็เท่านั้น ดังนั้นเรื่องปิ่นรูปดอกบัวชิ้นนั้นแม้จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะบ่งบอกว่าในหีบมีสินเดิมมารดานางปะปนอยู่ด้วย แต่หลินหลันก็ไม่อยากเสี่ยงและคิดว่าควรจะเก็บมันเป็นความลับเสียก่อนในตอนนี้
"อย่างนั้นหรือ" ราชครูหลันพยักหน้าให้หลินหลัน "เช่นนั้นก็ตามใจลูกเถิด หากต้องการจะตรวจสอบก็ไปเอากุญแจห้องเก็บสมบัติของจวนที่พ่อบ้านหลิว ส่วนรายการสินเดิมมารดาลูกก็อยู่ในห้องหนังสือของพ่อนี้แหละ ขอเวลาพ่อหาสักหน่อยแล้วพอจะให้คนนำไปส่งให้ลูกภายหลัง"
"ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านพ่อ"
หลังจากนั้นเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ราชครูหลันก็บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับเรือนเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน เมื่อออกมานอกห้องหนังสือของราชครูแล้ว หลันเหม่ยอิงก็พูดจาตัดพ้อกับหลินหลันในทันที เพื่อยั่วให้หลินหลันโกรธอย่างที่เคยทำทุกครา เพียงแต่ครานี้มันต่างกัน...
“พี่หญิงใหญ่เหตุใดท่านต้องให้ร้ายท่านแม่เช่นนี้ด้วยเจ้าคะ ท่านแม่ดีกับท่านมากแค่ไหน...”
…ไม่มีผู้ชมก็ยังพยายามแสดง ช่างเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทอะไรเช่นนี้ แม่น้องสาว...
หลินหลันได้แต่กลอกตามองบนให้กับความเสแสร้งของหลันเหม่ยอิง
...ถ้าตอนนี้พี่สาวไม่มีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ พี่สาวคนนี้ก็คงจะเล่นด้วยแล้ว แต่ตอนนี้พี่สาวมีเรื่องต้องจัดการอย่างเร่งด่วนไม่มีเวลามาเล่นกับน้องสาวหรอกนะ...
หลินหลันเมินหลันเหม่ยอิงที่กำลังพร่ำเพ้อถึงความดีของมารดาตนที่เคยทำมา ซึ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นมีความจริงถึงหนึ่งในสิบส่วนหรือไม่หลินหลันก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่หลินหลันหันไปพูดกับพ่อบ้านหลิวที่เพิ่งจะเดินตามออกมานอกห้องหนังสือของราชครูแทน พลางแบมือตรงหน้าของพ่อบ้านหลิว
“พ่อบ้านหลิว กุญแจล่ะ” หลินหลันไม่พยายามที่จะพูดดีๆ กับพ่อบ้านหลิว เพราะจากท่าทางที่นางเห็นในห้องหนังสือนั้น นางค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อบ้านหลิวรู้เห็นเป็นใจเรื่องการยักยอกในครั้งนี้ด้วย
ดังนั้นหลินหลันจึงไม่คิดที่จะปล่อยให้พ่อบ้านหลิวถือกุญแจนานไปกว่านี้ด้วยเกรงว่าอาจจะแอบไปทำลายหลักฐานก็เป็นได้
“คุณหนูจะเอากุญแจตอนนี้เลยหรือขอรับ แต่นี่มันก็ใกล้จะมืดแล้วบ่าวเกรงว่า...”
“เอามาให้ข้าตอนนี้เลย” พ่อบ้านหลิวจึงหยิบกุญแจพวงใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะไม่เต็มใจ ก่อนที่จะส่งกุญแจหนึ่งดอกมาให้หลินหลัน
"ขอบคุณ" หลินหลันรับกุญแจมา ก่อนที่จะเอ่ย "เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าเป็นดอกนี้"
"ขอรับคุณหนู" หลินหลันสังเกตเห็นว่าตอนที่พ่อบ้านหลิวพูดนั้น เขาแทบจะไม่ยอมสบตานางเลย ทั้งยังขยับมือขยุกขยิกอยู่ตลอดเวลา เธอจึงสงสัยว่าพ่อบ้านหลิวน่าจะโกหก
"ดี หากว่ากุญแจดอกนี้เปิดห้องเก็บสมบัติไม่ออก พรุ่งนี้เช้าข้าจะสั่งให้คนไปลากเจ้ามาโบยไปเรื่อยๆ จนกว่าเนื้อของเจ้าจะแตก แล้วราดน้ำเกลือทับแผล ก่อนที่จะเริ่มโบยต่อ สลับไปเรื่อยๆ หากว่าเจ้าหลับข้าก็จะให้คนราดน้ำให้เจ้าตื่นแล้ว..."
หลินหลันยังพูดไม่ทันจบประโยคดี พ่อบ้านหลิวก็ยื่นกุญแจอีกดอกมาให้หลินหลันด้วยมืออันสั่นเทา ด้วยความกลัว
ประโยคนั้นของหลินหลันกอปรกับสายตาเย็นเยียบของนางทำให้พ่อบ้านหลิวเชื่อสนิทใจว่านางสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ
ทั้งที่ความจริงแล้วหลินหลันกล้าทำแบบนั้นจริงๆ เสียที่ไหนกัน นางไม่ได้เคยชินกับการทรมานหรือการลงโทษแบบโบราณอย่างคนอื่นๆ ในโลกนี้ หากจะให้นางทำใจให้ชินกับการลงโทษของโลกนี้ นางคงจะต้องใช้เวลาในการทำใจเสียหน่อย
ดังนั้นการข่มขู่พ่อบ้านหลิวเมื่อครู่ก็ไม่ต่างอะไรกับเสือกระดาษ
แต่บังเอิญโชคดีที่หลินหลันวาดเสือกระดาษได้เหมือนจริงเสียจนพ่อบ้านหลิวเชื่อสนิทใจ
"ขอบคุณ" หลินหลันยกยิ้ม ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบกุญแจดอกใหม่มาจากมือของพ่อบ้านหลิวแล้วส่งกุญแจดอกเดิมคืนให้ "หวังว่าดอกนี้จะเปิดได้นะ"
พอพูดจบหลินหลันก็เดินออกไปทันทีโดยที่ไม่สนใจหลันเหม่ยอิงพยายามเรียกตนไว้แม้แต่น้อย
แม้ว่าหลินหลันจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่หลันเหม่ยอิงพูดแล้วหันไปพูดกับพ่อบ้านหลิวแทน แต่หลันเหม่ยอิงก็ยังไม่ละความพยายามแล้วเดินตามมาเพื่อที่จะมายั่วโมโหกับหลินหลันอีกครา
“พี่หญิงใหญ่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านเกลียดท่านแม่ของข้าแต่...”
แต่หลินหลันก็ยังคงไม่สนใจที่จะพูดคุยกับหลันเหม่ยอิง แล้วเดินผ่านหลันเหม่ยอิงไปเหมือนหลันเหม่ยอิงเป็นเพียงอากาศธาตุ
ทำให้หลันเหม่ยอิงรู้สึกโมโหขึ้นมาอยากจะปรี่เข้าไปกระชากแขนหลินหลันให้หันมาคุยด้วย ติดเพียงแต่ว่านางต้องการที่จะรักษาภาพลักษณ์หญิงงามผู้เรียบร้อยเอาไว้ เพราะไม่แน่ว่าในจวนนี้อาจจะมีคนขององค์ไท่จื่อกระจายตัวอยู่ที่นี่ก็เป็นได้ นางไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียภาพลักษณ์ที่สร้างไว้ไปมากกว่านี้ จึงได้แต่กำมือแน่นเพื่อระบายอารมณ์ แล้วมองตามแผ่นหลังของหลินหลันที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
…นังเหม่ยหลิน ในตอนนี้เจ้าหยิ่งผยองไปเถิด สักวันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้ายิ่งผยองไม่ออกอีกต่อไป...
หลินหลันแม้จะรับรู้ว่าการที่นางเมินเฉยใส่หลันเหม่ยอิงจะ ทำให้นางโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น แต่หลินหลันก็ไม่อยากที่จะไปเสวนากับหลันเหม่ยอิงที่ชอบท่าทางเสแสร้งเช่นนั้นอีกต่อไป ทั้งหลินหลันยังมีเรื่องอื่นที่จะต้องจัดการไม่มีเวลาที่จะมาเล่นงิ้วกับแม่น้องสาวอีกหรอก
หลังจากที่เดินแยกออกมาแล้วหลินหลันที่ในตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับไปยังเรือนของตนก่อน เพราะว่าในตอนนี้มันเย็นย่ำมากแล้ว อีกไม่นานฟ้าก็คงจะมืด ก็เกิดเปลี่ยนใจเดินกลับไปยังห้องหนังสือของราชครูหลันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะนำรายการสินเดิมมารดาออกมาเพื่อตรวจสอบในทันที
ราชครูหลันเมื่อเห็นว่าหลินหลันเดินกลับมาอีกคราก็รู้สึกแปลกใจ
"ลูกเพียงแค่สังหรณ์ใจ เลยอย่างที่จะเร่งตรวจสอบดูเจ้าค่ะ" นั่นคือเหตุผลที่หลินหลันบอกกล่าวแก่ราชครูหลัน ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ติดใจถามสิ่งใดต่อ จึงได้ยื่นรายการสินเดิมมารดาให้หลินหลัน เพราะถึงอย่างไรเขาก็หามันเจอแล้วและตั้งใจว่าจะให้คนนำไปให้หลินหลันอยู่แล้ว
แต่ในเมื่อหลินหลันเดินกลับมาแล้วเขาก็เพียงแค่ส่งมันให้หลินหลันกับมือเท่านั้น
เมื่อหลินหลันได้รับรายการสินเดิมมารดามาแล้ว นางก็เดินไปยังห้องเก็บสมบัติของจวนในทันทีโดยอาศัยความทรงจำของหลันเหม่ยหลินในการนำทาง แม้ว่าหลันเหม่ยหลินจะใช้งานให้ผิงหยู่มาที่ห้องเก็บสมบัติ แต่นางก็เคยมาที่นี่ด้วยตนเองอยู่บ้างทำให้พอรู้เส้นทางอยู่บ้าง
ระหว่างทางที่กำลังเดินไปห้องเก็บสมบัติของจวนนั้นมีแต่ความเงียบ ทั้งหลินหลันและเจียงอวี้ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากอะไรเลย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่หลินหลันเองก็ต้องการในเวลานี้ เพราะนางต้องการที่จะใช้ความคิด
หลินหลันคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องเหตุการณ์ยักยอกสินเดิมมารดา...
ในเมื่อกุญแจห้องเก็บสมบัติมันอยู่ที่พ่อบ้านหลิว การที่หลันเหม่ยอิงและมารดาจะยักยอกเอาสินเดิมมารดาของนางออกไปได้ เป็นไปได้สี่ทาง
หนึ่ง คือ ได้รับความร่วมมือจากราชครูหลัน แต่หากว่าราชครูหลันยินยอมที่จะให้อนุจ้าวและบุตรสาวยักยอกสินเดิมของฮูหยินคนเก่าออกไปนั้น สามารถทำได้ง่ายกว่านั้นโดยการยินยอมให้อนุจ้าวถือกุญแจห้องเก็บสมบัติของจวน และหากราชครูหลันมีส่วนเกี่ยวข้องจริง คงไม่อนุญาตให้หลินหลันตรวจสอบสินเดิมมารดาโดยง่ายเช่นนี้เป็นแน่ อาจจะบ่ายเบี่ยงเพื่อหาทางทำลายหลักฐานเสียก่อน แต่ราชครูหลันมิได้ทำเช่นนั้นดังนั้นหลินหลันจึงตัดข้อนี้ออกไป
สอง คือ พ่อบ้านหลิวให้ความร่วมมือกับอนุจ้าวในการยักยอกสินเดิมมารดานาง เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนที่คุยกับราชครูหลันเรื่องห้องเก็บสมบัติ หลินหลันแอบเห็นว่าพ่อบ้านหลิวมองไปทางอนุจ้าวหลายครั้งหลายครา ดังนั้นเรื่องนี้หลินหลันจะเก็บเอาไว้ก่อน
สาม คือ พ่อบ้านหลิวและราชครูหลันไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับการกระทำของสองแม่ลูก สองแม่ลูกนั่นอาจจะเคยขโมยกุญแจห้องเก็บสมบัติไปแล้วไปทำมาเพิ่มเพื่อเก็บไว้กับตัวก็เป็นได้
หรืออาจจะเป็นแบบที่สี่ คือ พ่อบ้านหลิวมีส่วนรู้เห็นแต่ตนเองยังมีหน้าที่ดูแลสมบัติของจวน หากว่าราชครูหลันเกิดอยากเปิดห้องเก็บสมบัติขึ้นมาแล้วกุญแจไม่ได้อยู่ที่ตนอาจจะถูกลงโทษได้ จึงได้ให้กุญแจสำรองหรืออาจจะไปทำกุญแจห้องเก็บสมบัติมาเพิ่มให้กับอนุจ้าว ซึ่งหลินหลันเทใจไปทางข้อนี้มากที่สุด
ในตอนนี้หลินหลันค่อนข้างจะเชื่อประมาณแปดส่วนว่าพ่อบ้านหลิวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย
เมื่อไปถึงห้องเก็บสมบัติของจวนฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว แต่โชคดีที่หลินหลันสั่งให้เจียงอวี้หยิบตะเกียงติดมือมาด้วย ทำให้ทั้งคู่สามารถอาศัยแสงจากตะเกียงในการมองเห็นได้
ห้องเก็บสมบัติของจวน หลินหลันก็พบว่าห้องเก็บสมบัติของจวนเป็นเรือนที่แยกออกมาจากเรือนอาศัยตั้งอยู่ในพื้นที่กลางๆ ของจวนเยื้องไปทางท้ายๆ ของจวน แต่แม้จะเป็นสถานที่ที่เก็บสมบัติแทบทุกอย่างในจวน แต่กลับมีคนเฝ้ายามเพียงแค่สองคนเท่านั้น
…มิน่าเล่า อนุจ้าวถึงได้ยักยอกสินเดิมมารดานางออกไปง่ายนัก...
ห้องเก็บสมบัตินี้ไม่มีหน้าต่างเลย มีเพียงประตูสำหรับเข้าออกเพียงทางเดียว ทำให้ภายในห้องเก็บสมบัติค่อนข้างที่จะมืด โชคดีที่บนกำแพงของห้องเก็บสมบัติของจวนก็มีตะเกียงแขวนอยู่เป็นระยะ เมื่อจุดตะเกียงจนครบทุกดวงก็ทำให้หลินหลันสามารถมองเห็นภายในห้องได้ถนัดตายิ่งขึ้น
ในห้องเก็บสมบัติของจวนนี้มีชั้นวางของวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หน้าชั้นวางของแต่ละจุดมีการเขียนป้ายระบุว่าบนชั้นนั้นมีสิ่งของอะไรวางอยู่บ้าง พื้นที่ด้านหน้าของห้องนี้เป็นชั้นวางข้าวของส่วนรวมของจวน การติดป้ายก็จะมีการแยกเอาไว้ว่าเป็นสิ่งของประเภทใด ซึ่งก็มีตั้งแต่เงิน ทอง ตั๋วเงิน ผ้าพับ เครื่องประดับ ไปจนถึงยาและสมุนไพรมีค่าต่างๆ ซึ่งถูกจัดวางเอาไว้อย่างมีระเบียบ
ทั้งหีบใส่ของหลากหลายขนาด พับผ้า และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ถูกวางอย่างเป็นระเบียบอยู่บนชั้น และดูเหมือนจะมีการจัดวางแยกตามประเภทอย่างมีระเบียบทำให้หลินหลันสามารถหาหีบใส่สินเดิมมารดานางได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่
หลินหลันก็ได้พบกับหีบที่ใส่สินเดิมมารดาวางอยู่บนชั้นด้านในสุดของห้องอย่างเป็นระเบียบ ตัวหีบที่มีหน้าตาตรงกับที่ระบุเอาไว้ในรายการสินเดิมมารดาว่าเป็นหีบขนาดกลางทำจากไม้เนื้อหอมสีน้ำตาลอมแดงที่แกะสลักลวดลายเป็นรูปดอกบัวที่ตรงกลางมีตัวอักษรคำว่า 'เหลียน'
ซึ่งหลินหลันก็จำได้อย่างแม่นยำว่ามันเป็นตัวอักษรแบบเดียวกันกับที่นางเห็นบนตัวปิ่น
แน่นอนแล้วว่าปิ่นชิ้นนั้นจะต้องเป็นของมารดาของเจ้าของร่างอย่างแน่นอน
จากหีบทั้งหมดสิบสามหีบ มีสามหีบใส่เงินและตั๋วเงิน สองหีบเป็นทองคำ สามหีบเป็นพับผ้าซึ่งถูกหลันเหม่ยหลินใช้ไปบ้างแล้ว หนึ่งหีบเป็นอัญมณีต่างๆ และสามหีบเป็นเครื่องประดับ
ในคราแรกหลินหลันก็ไม่คาดว่าอดีตฮูหยินจะมีสินเดิมมากมายถึงเพียงนี้
...สกุลเหลียนนี่เป็นใครกัน เหตุใดจึงมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้...
หากหลินหลันต้องการที่จะตรวจสอบนั้น นางจำเป็นที่จะต้องเลือกส่วนที่ตรวจสอบได้ง่ายที่สุดและสามารถสาวไปถึงตัวการได้ดีที่สุด
เงิน ตั๋วเงิน ทอง และอัญมณี หากว่ามีผู้ใดยักยอกออกไป ก็เป็นเรื่องยากที่จะจับมือใครดม
ส่วนพับผ้านั้นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยากในการที่ตรวจสอบอยู่ เพราะหลินหลันนั้นไม่ค่อยมีความรู้เรื่องของเนื้อผ้าต่างๆ สักเท่าไหร่ แม้จะแยกสีและลวดลายออก แต่ในสถานการณ์ที่มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงนั้น ลวดลายและสีสันต่างๆ ก็มองเห็นได้ไม่ชัด ดังนั้นหลินหลันจึงจะตัดมันออกไป
จึงเหลือทางเลือกสุดท้ายก็คือเครื่องประดับ ซึ่งเครื่องประดับนั้นนอกจากจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังเป็นสิ่งที่หลินหลันค่อนข้างจะมั่นใจว่ามันได้ถูกยักยอกออกไป
ทำให้จากสิบสามหีบ หลินหลันต้องทำเพียงแค่ตรวจสอบสามหีบก็เท่านั้น
หลินหลันให้เจียงอวี้ไปตามบ่าวที่เฝ้าหน้าห้องเก็บสมบัติของจวนมาช่วยยกหีบทั้งสามหีบลงมาจากชั้นวาง ก่อนที่หลินหลันจะมอบถุงเงินเล็กๆ ตอบแทนบ่าวชายที่มาช่วย
แม้ว่าบ่าวชายนั้นจะดูงงงวย แต่เมื่อหลินหลันยืนยันว่าจะให้บ่าวชายก็รับมันไป ก่อนที่จะออกจากห้องเก็บสมบัติไป เหลือเพียงเจียงอวี้และหลินหลันอยู่ในห้องเก็บสมบัติเท่านั้น
หลินหลันไล่ตรวจดูรายการสินเดิมมารดาก็ยังไม่เห็นรายการเครื่องประดับชิ้นไหนนางรู้สึกคุ้นว่าเคยเห็นในหีบทรัพย์สินของผิงหยู่เลยแม้แต่น้อย
หากว่าเป็นเช่นนี้สินเดิมมารดาชิ้นอื่นๆ ของนางที่ถูกยักยอกน่าจะยังคงอยู่ที่เรือนของอนุจ้าวและหลันเหม่ยอิงอย่างแน่นอน
แต่ทว่าที่น่าสงสัยคือปิ่นทองชิ้นนั้น ในบันทึกนี้ระบุเอาไว้เพียงแค่ปิ่นทองเรียบๆ ธรรมดาเพียงเท่านั้น แต่กลับไม่ได้มีการลงรายละเอียดว่าปิ่นนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้
ซึ่งนั่นถือว่าเป็นโชคดีของหลินหลันที่นางไม่ได้เอ่ยถึงความจริงข้อนี้ออกไปให้ผู้ใดฟังเลย แม้กระทั่งเจียงอวี้
หลินหลันและเจียงอวี้ช่วยกันไล่ตรวจดูเครื่องประดับทั้งหมดมาเรื่อยๆ จนถึงหีบสุดท้ายแล้ว แต่ก็ยังไม่พบว่ามีเครื่องประดับชิ้นไหนที่หายไปแม้แต่ชิ้นเดียว
...หรือว่าเราจะคิดผิดกันนะ...
หลินหลันถอนหายใจก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบเครื่องประดับในหีบสุดท้าย ตรวจสอบมาถึงครึ่งหีบก็ยังไม่พบเจอว่ามีเครื่องประดับหายไปเลย
แต่แล้วหลินหลันก็หยิบกำไลหยกมันแพะเนื้อดีชิ้นหนึ่งขึ้นมา
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลินหลันสังเกตได้จากหีบนี้ นางพบเรื่องน่าแปลกอยู่เรื่องหนึ่งที่ว่าเครื่องประดับในหีบนี้ดูจะเป็นเครื่องประดับที่ดูเหมือนว่าทำมาจากวัสดุชั้นดี ดีมากกว่าเครื่องประดับในสองหีบก่อนหน้ามาก
หลินหลันหมุนกำไลหยกมันแพะในมีอย่างครุ่นคิด หยกชิ้นนี้เป็นหยกที่เนื้อดีมากเมื่อสัมผัสให้ความรู้สึกเย็นสบายอย่างมาก ตัวกำไลนั้นก็เรียบลื่นทั้งด้านในและด้านนอก
เมื่อหลินหลันหมุนกำไลหยกในมีอยู่สักพักนางก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์รูปดอกบัวมีอักษรคำว่าเหลียนสลักอยู่ตรงกลาง สัญลักษณ์นี้หลินหลันพบมันอยู่ด้านในของตัวกำไลหยกมันแพะชิ้นนี้ โดยตัวดอกบัวจะนูนออกมาแต่ตัวอักษรเหลียนจะถูกสลักลึกเข้าไป และสัญลักษณ์นี้ก็เป็นส่วนที่มีสีออกชมพูอ่อนๆ เมื่อสะท้อนเข้ากับแสงและมีความแวววาวเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของเครื่องประดับ และที่สำคัญสัญลักษณ์นี้เมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้วดูเหมือนว่ามันจะมันความลึกนูนอยู่ แต่ทว่าเมื่อลูบผ่านกลับไม่รู้สึกถึงความขรุขระของมันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นการสลักลายแบบพิเศษที่ไม่น่าจะเลียนแบบได้โดยง่าย
เมื่อหลินหลันลองหยิบปิ่นระย้าลายผีเสื้อขึ้นมาจากหีบนั้นอีกชิ้นหนึ่ง นางก็เห็นสัญลักษณ์แบบเดียวกันอยู่บนตัวปิ่นด้วยเช่นกัน โดยสัญลักษณ์นั้นมีนอกจากจะมีลวดลายเหมือนกันแล้วยังมีลักษณ์ที่เหมือนกันอีกด้วยนั่นก็คือมันจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ เมื่อต้องแสง และเรียบลื่นเมื่อสัมผัส
ซึ่งหลังจากนั้น หลินหลันก็ตั้งใจสังเกตดูสัญลักษณ์บนเครื่องประดับแต่ละชิ้นมากขึ้น ทำให้หลินหลันเห็นว่าเครื่องประดับที่เหลือนั้นมีสัญลักษณ์เช่นนี้ด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่จะมีบางชิ้นที่สัญลักษณ์ไม่มีการเปลี่ยนสี ทั้งวิธีการที่ใช้สลักนั้นก็ดูจะไม่ละเอียดลออเท่า
ก่อนที่หลินหลันจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
"เจียงอวี้ เมื่อครู่ที่เจ้าว่ามีปิ่นทองเรียบๆ อยู่ชิ้นหนึ่งใช่หรือไม่ มันอยู่ที่ไหน"
"เจ้าค่ะ" เจียงอวี้ตอบรับก่อนที่จะหันกลับไปค้นหาปิ่นทองที่หลินหลันเอ่ยถึงออกมาจากหีบใบที่สอง แล้วยื่นมันให้หลินหลัน "นี่เจ้าค่ะ"
หลินหลันรับปิ่นชิ้นนั้นมาก่อนที่จะสำรวจดูลักษณะของมัน
ลักษณะของตัวปิ่นนั้นคล้ายคลึงกับที่หลินหลันเห็นในหีบทรัพย์สินของผิงหยู่
ไม่สิ หากว่าจำไม่ผิดรูปร่างของมันน่าจะเหมือนกันมากกว่าเก้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน แล้วหลินหลันก็ตรวจดูสัญลักษณ์ที่พบบนตัวปิ่น ก็พบว่าเป็นการแกะสัญลักษณ์ที่ค่อนข้างจะหยาบกว่า และไม่มีการเปลี่ยนสีเหมือนสัญลักษณ์ที่พบบนกำไลหยกมันแพะ และปิ่นระย้ารูปผีเสื้อ
ในคราแรกที่หลินหลันทราบว่าพบปิ่นทองเรียบๆ ชิ้นหนึ่งอยู่ในหีบด้วย นางก็คาดการณ์เอาไว้ว่าปิ่นทองชิ้นนั้นอาจจะเป็นเครื่องประดับที่ไม่ได้มีการจดบันทึกของฮูหยินก็เป็นได้
แต่เมื่อเห็นดังนี้แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเครื่องประดับเหล่านี้จะเป็นของปลอม
“เจียงอวี้ ส่งหีบเครื่องประดับใบแรกและใบที่สองที่เราตรวจสอบเรียบร้อยแล้วมาให้ข้า ข้าจะลองตรวจดูอีกครั้งหนึ่ง”
อีกด้านหนึ่งในเรือนของอนุจ้าว
อนุจ้าวและหลันเหม่ยอิงกำลังปรึกษากันถึงวิธีการที่จะรับมือเรื่องการยักยอกสินเดิมมารดาของหลันเหม่ยหลิน
เมื่อรู้ว่าหลินหลันกำลังจะตรวจสอบสินเดิมของฮูหยิน พวกนางก็รู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก ในตอนแรกพวกนางก็คาดการณ์ว่าหลินหลันคงจะเริ่มตรวจสอบทรัพย์สินในวันรุ่งขึ้น แต่ทว่ากลับได้ยินพวกบ่าวไพร่คุยกันว่าขณะนี้ หลินหลันกำลังตรวจสอบอยู่ หลันเหม่ยอิงจึงรีบเดินมาที่ห้องของมารดาในทันที
“เจ้าจะกังวลไปไยอิงเออร์” อนุจ้าวปลอบบุตรสาวให้คลายกังวลแม้ว่าตนเองจะหวั่นใจมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากจะให้บุตรสาวต้องมากังวลใจไปด้วย “ในเมื่อของในหีบนั้นที่เราก็ได้ทำของเลียนแบบใส่เข้าไปเรียบร้อยแล้ว ของเลียนแบบพวกนั้นดูคล้ายของจริงมากทีเดียว อย่างไรเหม่ยหลินก็ไม่ได้มีพื้นความรู้เรื่องเครื่องประดับมากนัก นางไม่รู้หรอกว่าของพวกนั้นไม่ใช้ของจริง"
ทุกครั้งที่อนุจ้าวลักลอบนำเอาเครื่องประดับและทรัพย์สินต่างๆ ของเหลียนซื่ออวิ๋นออกมา นางก็ได้นำของเลียนแบบที่ทำออกมาคล้ายของเดิมถึงเก้าส่วนเข้าไปใส่แทน
หากมิใช่ผู้เชี่ยวชาญ ดูอย่างไรก็ไม่มีวันทราบอย่างแน่นอน
“แต่ท่านแม่เจ้าคะ หากว่านางรู้เล่าเจ้าคะ” หลันเหม่ยอิงก็ยังอดกังวลใจไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาได้ฟื้นขึ้นมานั้นรับมือยากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
แค่เพียงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่ราชครูหลันประกาศว่าฮูหยินของจวนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็เหมือนกับจะบอกกับอนุจ้าวว่าจะไม่มีวันยกนางขึ้นเป็นฮูหยินเด็ดขาด ท่าทีของบ่าวไพร่ที่มีต่อพวกนางก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไปแล้ว หากว่ามีเรื่องของการยักยอกสินเดิมฮูหยินเข้ามาอีก เกรงว่าครานี้หลันเหม่ยอิงอย่าว่าแต่จะเป็นไท่จื่อเฟยเลย นางคงจะไม่มีวันได้แต่งเข้าวังไท่จื่ออย่างแน่นอน
ซึ่งเรื่องนั้นพวกนางจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น
"ลูกบอกท่านแม่แล้วว่าเราไม่ควรทำเช่นนี้"
ความจริงแล้ว เรื่องการยักยอกสินเดิมฮูหยินนั้น อนุจ้าวเป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียว หลันเหม่ยอิงไม่ได้รู้เรื่องด้วย แต่แล้ววันหนึ่งหลันเหม่ยอิงก็เกิดระแคะระคายที่มารดาเกินมีเงินเหลือกินเหลือใช้ขึ้นมาอย่างผิดปกติ จนสุดท้ายนางก็ได้รู้ว่ามารดานั้น ร่วมมือกับพ่อบ้านหลิวยักยอกสินเดิมของฮูหยิน
แรกเริ่มคิดเพียงว่าจะยักยอกเอาพวกเงิน ตั๋วเงิน และทองคำเท่านั้น แต่ทว่าของพวกนี้หากจะให้ทำของเลียนแบบคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ดังนั้นจึงยักยอกออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นตัดสินใจที่จะยักยอกเอาเครื่องประดับของฮูหยินเหลียนออกมา แล้วนำไปขายในตลาดมืดเพื่อนำเงินออกมาใช้ ส่วนเครื่องประดับชิ้นไหนที่ดูงดงาม อนุจ้าวก็เก็บเอาไว้ใช้ ทั้งบางครั้งยังมอบให้หลันเหม่ยอิงอีกตัว
แต่เมื่อหลันเหม่ยอิงจับได้แล้ว นางก็พยายามที่จะห้ามมารดา แต่ก็ไม่เป็นผล
สุดท้ายจึงทำได้เพียงแค่คอยช่วยมารดาไม่ให้ถูกจับได้ก็เท่านั้น
"แต่แม่ทำเพื่อเรานะ" อนุจ้าวพูดแทรกขึ้นมา "หากว่าไม่ทำเช่นนี้ เราจะมีเงินพอที่จะเข้าสังคมกับพวกขุนนางชั้นสูงได้หรือ ลูกก็รู้ว่าท่านตาของลูกนั้นไม่ได้มีทรัพย์สินมากมาย สินเดิมของมารดาจึงมีอยู่น้อยนัก"
อนุจ้าวเดินเข้าไปหาหลันเหม่ยอิงก่อนที่จะโอบกอดนางเอาไว้
"เรื่องที่ลูกกำลังกังวลอยู่จะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน" อนุจ้าวลูบหลังหลันเหม่ยอิงอยู่ปลอบโยน "สิ่งที่เราต้องทำก็เพียงแค่เอาเครื่องประดับที่เรายักยอกมาไปซ่อนไว้เสียก่อน หากนังเหม่ยหลินมันหาไม่เจอว่าเครื่องประดับพวกนั้นอยู่ที่ใด อย่างไรมันก็ต้องคิดว่านังผิงหยู่มันขโมยไปขายหมดแล้ว แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ก็ให้นังผิงหยู่มันรับผิดแต่เพียงผู้เดียว"
ให้สาวใช้คนหนึ่งรับโทษข้อหาขโมย ยังดีกว่าให้พวกนางรับโทษข้อหายักยอกทรัพย์เสียเอง
“เอาล่ะอิงเออร์ ลูกช่วยแม่นำเครื่องประดับพวกนั้นออกมาวางเอาไว้บนห่อผ้านี่เสีย เดี๋ยวใกล้ยามจื่อ* แม่จะให้บ่าวมันทยอยนำออกไปจากเรือนทีละน้อย จะได้ไม่มีผู้ใดสงสัย”
“เจ้าค่ะท่านแม่” หลันเหม่ยอิงแม่จะไม่เห็นด้วยกับการยักยอกของมารดา แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่รับคำอย่างว่าง่ายแล้วช่วยมารดาหยิบเอาเครื่องประดับพวกนั้นใส่ในห่อผ้าเพื่อเตรียมที่จะขนออกไปในคืนนี้
แม้จะเสียดายเครื่องประดับอันงดงามราคาแพงเหล่านั้นของฮูหยินเหลียน แต่อนุจ้าวก็ต้องยอมตัดใจ
...หากเรื่องมันผ่านไปนานแล้วค่อยเอาออกมาใช้แล้วบอกว่าซื้อมาเองทีหลังก็ได้ ในตอนนั้นแม้นังเหม่ยหลินจะสงสัยแต่ก็คงจะหาหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์ไม่ได้...
อนุจ้าวยกยิ้มให้กับความคิดของตน ก่อนที่จะเริ่มลงมือคัดเอาเครื่องประดับที่เคยเป็นของฮูหยินเหลียนออกมาจะกล่องเก็บเครื่องประดับของตน
พวกเงินและทองคำที่แอบยักยอกมายังพอจะปฏิเสธได้ว่าไม่รู้เห็น แต่พวกเครื่องประดับเหล่านี้หากถูกจับได้แล้วละก็มันอาจจะกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะมัดตัวพวกนางได้
...อย่างไรข้าก็ต้องทยอยนำออกไปให้หมดในคืนนี้ ก่อนที่นังเหม่ยหลินมันจะเริ่มตรวจสอบในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า...
________________________
*ยามจื่อ (23.00 - 00.59 น.)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอาให้หลาบจำค่ะ
ค้างงงง. มาต่อไวๆนะไรท์~~~
จัดไปอย่าให้รอด สักคน