ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO,SNSD,F(X)] GIRLS IN LOVE { krissica x kaistal }

    ลำดับตอนที่ #5 : I promise... ( krissica ) 100%

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 56


    .


    .


    .


    .

     




    11.30 AM

       เลิกคลาสแล้ว ร่างบางเดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังง่วงสุดๆ เธอแทบจะหลับให้ได้ หากไม่ติดว่าชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆ คอยแต่จะแกล้งเธออยู่ตลอดเวลา  เขียนเล่นใส่สมุดเธอบ้างล่ะ แถมยังนั่งจ้องหน้าเธอแล้วไม่พูดอะไรอีก เป็นเด็กมีปัญหาหรือเปล่านะ ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองอายุเท่าไรกันเชียว

        “เลิกตามฉันสักที ฉันจะไปทานข้าวแล้ว!”หญิงสาวหันหลังไปตะโกนใส่ชายหนุ่มที่เดินตามเธอมาตั้งแต่ออกมาจากห้องแล้ว จะอะไรกับเธอนักหนา

       “แล้วคุณรู้เหรอว่าคุณจะไปทานที่ไหน”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างสบายๆ ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ยังต้องหยุดมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เหตุเพราะสงสัยว่าทำไมหนุ่มหล่อประจำมหาวิทยาลัยคนนี้ถึงยิ้มได้ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็นเขายิ้มมาเกือบปีแล้วแท้ๆ และเมื่อผู้คนมองเห็นหญิงสาวที่พูดคุยกับหนุ่มหล่อคนนี้ก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เพราะเกือบปีแล้วเช่นกันที่ไม่มีใครได้เห็นข้างกายของชายหนุ่มมีหญิงสาวมาเดินเคียงข้างเช่นนี้ ไม่เคยมีใครได้รับสิทธิ์นี้นอกจากเธอคนนั้น คนที่ทำให้ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข คนสำคัญของชายหนุ่มผู้นี้ แต่บัดนี้หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนนี้กำลังทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆก็ยังดี

       ทุกคนรู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้ผ่านความเจ็บปวดมามากมายเพียงใด....

      แต่ทุกคนก็ยังหวังว่าเขาจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้มันจะเป็นไปได้ยากมากก็ตาม

      “ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ”เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่กลับพยายามหลบสบตาของชายหนุ่มที่มองมา ไม่งั้นเขาได้รู้แน่ว่าเธอไม่มีความมั่นใจเรื่องที่ทางแถวนี้เลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งแผนที่ที่เธอพกมาในตอนแรก ชายหนุ่มก็เอาไปวาดเล่นจนเลอะเทอะไปหมดตั้งแต่อยู่ในคลาสเรียนแล้ว

        “เฮ้อ ครับๆ ผมเข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินมาคว้าข้อมือร่างบางมาจับอีกครั้งและเดินนำหน้าเธอไปที่ลานจอดรถท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จ้องมองดูพวกเขาอยู่ห่างๆ

       “เอ้า จะเข้าไปดีๆหรือจะให้ผมอุ้มเข้าไปครับ”ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อมาถึงรถของเขาแล้วหญิงสาวกลับไม่ยอมขึ้นไปเสียที แต่เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น เธอจึงรีบเข้าไปในรถทันทีอย่างไม่รอให้ชายหนุ่มมาอุ้มเธอเสียก่อน ร่างสูงเห็นดังนั้นจึงระบายรอยยิ้มบางๆ และปิดประตูให้หญิงสาว จากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ ก่อนจะนั่งลงประจำที่และสตาร์ทรถออกไปทันที

       “คุณกำลังจะไปไหนเหรอคะ”รถเคลื่อนตัวออกมาสักพักแล้ว หญิงสาวจึงถามขึ้น เพราะเห็นว่าภายในรถนั้นเงียบมาก มากเสียจนทำให้เธอง่วง ดังนั้นเธอจึงต้องชวนเขาคุยเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ เพราะหากเธอหลับในขณะที่อยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสองคงไม่ปลอดภัยสำหรับเธอแน่ๆ  

       “เผื่อคุณจะยังไม่ทราบ ผมชื่อคริสนะครับซูยอน เรียกชื่อผมก็ได้“ชายหนุ่มพูดขึ้นพลางเหลือบมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้กำลังเบะปากพลางพูดล้อเลียนเขาไปด้วย ชายหนุ่มแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น มันไม่ได้ชวนให้น่าโมโหเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับดูน่ารักมากเสียจนหากไม่ติดว่ามือเขาจับพวงมาลัยอยู่เขาจะใช้มือคู่นี้บิดแก้มที่ดูนุ่มนิ่มนั่นให้เป็นรอยแดงๆเสียเหลือเกิน

       “ล้อเลียนผมไม่ดีนะครับ คุณอยากจะโดนลงโทษไหม รับรองคุณจะไม่กล้าล้อเลียนผมอีกเลย ลองไหมครับ”ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างจงใจขณะหันไปมองคนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ ร่างบางเห็นรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจเช่นนั้นก็ไม่อยากจะเสี่ยงอันตราย จึงยอมเขาไปก่อน

       “ไม่เอาค่ะ ฉันขอโทษก็แล้วกัน แล้วสรุปว่าคุณคริสกำลังจะไปไหนคะ”หญิงสาวแทบจะกัดฟันพูดขอโทษเขา แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากสำหรับเธอ

       ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าพอใจ เขาไม่ตอบคำถามของหญิงสาว แต่หักพวงมาลัยและเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถของห้างดังที่มีรถจำนวนมากจอดเรียงรายกันเต็มไปหมด แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

       “แหม ที่จอด VIP เชียวนะคะ ท่าทางคุณคงคงพาผู้หญิงมาบ่อยน่าดู”หญิงสาวพูดเหน็บแนมขึ้นอย่างห้ามปากตัวเองไม่ทัน ร่างเล็กเหลือบมองชายหนุ่มก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นใบหน้าหล่อไม่ได้มีแววโกรธเคืองเธอแม้แต่น้อย แต่กลับหมองลงนิดหน่อย พอที่เธอจะสังเกตเห็นมันได้ทันที

       “คงงั้นมั้งครับ”ชายหนุ่มตอบกลับมา ไม่รู้ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆมันช่างน่าหดหู่เหลือเกิน ทำไมชายหนุ่มข้างๆเธอถึงได้ชอบทำท่าทางเศร้าสร้อยมากนักนะ มันไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบเลยแม้แต่นิดเดียว

       “ไปกันเถอะค่ะคุณคริส ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะคะเนี่ย”หญิงสาวพูดพร้อมกับลูบท้องไปมาด้วยท่าทางตลกๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ พลางยื่นมือหนามาขยี้ศีรษะเธออย่างเอ็นดู

        “ไปครับ ผมก็หิวจนจะกินคุณเข้าไปได้ทั้งตัวแล้วเหมือนกัน”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่ออีกครั้ง เท่านี้ก็ทำให้หญิงสาวพอใจแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่เหมาะกับสีหน้าเศร้าๆแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว หากเป็นไปได้

      เธอก็ไม่อยากเห็นมันอีก....

       “ถ้ายังไม่รีบลงมา ผมจะจับคุณกินบนรถเลยดีไหมครับ”หญิงสาวรีบกระเด้งตัวออกมาจากรถทันทีพลางส่ายใบหน้าสวยเบาๆ พูดจาลามกแบบนี้เธอก็ไม่ชอบพอกันแหละนะ...

       “มานี่สิครับ”ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวเดินห่างจากเขาอยู่มากโข ราวกับรังเกียจที่จะเดินใกล้เขา ขายาวจึงเดินกลับไปจากหญิงสาวก่อนจะคว้ามือเล็กมาจับ

       “อ๊ะ”

       “อย่าบอกนะว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนมาจับมือคุณแบบที่ผมกำลังจับ”ชายหนุ่มหยุดเดินพลางก้มมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการคำตอบ

       “มะ..ไม่ใช่! ไม่ใช่สักหน่อย...”เสียงหวานเถียงออกไปอย่างแผ่วปลายตรงท้ายประโยค แต่เธอไม่ได้โกหกนะ เธอเคยจับมือกับคุณพ่อของเธอตอนที่ยังเด็ก แม้ความรู้สึกมันจะต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ตาม เธอไม่ได้ใจเต้นตอนจับมือกับพ่อ ไม่ได้รู้สึกประหม่าเหมือนตอนนี้ แต่มันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือความอบอุ่นที่เธอได้รับราวกับว่ามันสามารถถ่ายทอดให้กันได้ผ่านทางฝ่ามือของคนสองคน

       “คุณพ่อของฉันก็เคยจับมือฉันแบบนี้เหมือนกัน จับแบบนี้...”เมื่อเอ่ยออกมาก็ทำให้เธอคิดถึง ไม่รู้ป่านนี้คุณพ่อของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงเธอแบบที่เธอคิดถึงท่านหรือเปล่านะ

      “งั้นเหรอ แล้วถ้าจับแบบนี้ล่ะ”ชายหนุ่มเปลี่ยนวิธีการจับมือ โดยการสอดนิ้วมือประสานกับมือเล็กโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว

      ! ”การกระทำแบบนั้นของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้ ทำได้เพิ่งยืนนิ่งให้เขาจับมือเธอไว้อย่างนั้น

      “ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าอันนี้คงครั้งแรกจริงๆสินะครับ”หนุ่มหล่อพูดก่อนจะยิ้มบางๆให้หญิงสาว พลางดึงมือเธอให้เดินตามเขาเข้ามาภายในห้างเสียที

      “อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับซูยอน”เสียงทุ้มถามพลางหันมามองร่างเล็กที่เงียบมาตั้งนานแล้ว เมื่อหันไปหาเธอก็เห็นหญิงสาวเอาแต่จ้องไปที่มือของเขาและเธอที่สอดประสานกันอยู่ นั่นทำให้ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้

       “ไม่ชอบให้ผมจับมือแบบนี้เหรอครับ”ชายหนุ่มลองถามดู เพราะการที่เธอเงียบแบบนี้มันดูไม่ใช่ตัวเธอสักเท่าไร คงโกรธเขาเรื่องนี้ล่ะมั้ง

       “ก็..เอ่อ..”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก จะบอกว่าไม่ชอบก็เหมือนจะโกหก เพราะการจับมือแบบนี้มันทำให้เธอใจเต้นแรงกว่าเดิมเสียอีก ที่สำคัญมันอบอุ่นมากเสียจนไม่อยากปล่อยเลยตะหาก      

       “งั้นจับแบบเดิมก็ได้ครับ”ชายหนุ่มว่าพลางจะเปลี่ยนท่าจับมือเสียใหม่ แต่หากทำไม่ได้เพราะมือเล็กกลับจับมือเขาไว้แน่น ชายหนุ่มไม่เข้าใจในการกระทำของเธอเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาได้มองใบหน้าสวยของหญิงสาวชัดๆ มันทำให้เขายิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อแต่กลับไม่ยอมปล่อยมือเขาซะอย่างนั้น เธอคงจะชอบให้เขาจับมือแบบนี้เป็นแน่ เพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับ

       สัญญาได้ไหมว่านายจะรักฉันตลอดไป  

         ฟึ่บ!

         ชายหนุ่มสะบัดมือเล็กออกอย่างแรงจนหญิงสาวรู้สึกเหมือนแขนจะหลุดออกจากร่าง เธอมองใบหน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อหญิงสาวจ้องมองไปที่ดวงตาคมของชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับมีอะไรมาจุกในลำคอ นัยน์ตาของชายหนุ่มสั่นไหวไปวูบหนึ่งแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว แต่หญิงสาวสังเกตเห็นมันราวกับภาพติดตา ความเจ็บปวดในดวงตาของเขามันทำให้เธออยากจะร้องไห้ แม้จะไม่รู้ว่าทำไมก็ตาม แต่สิ่งที่เขาทำ เธอกลับไม่โกรธเขาเลยแม้แต่น้อย

        “ผมหิวแล้วล่ะครับ..”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย เขาเดินตรงเข้าไปในร้านอาหารใกล้ๆโดยไม่หันกลับมามองหญิงสาวอีกเลย ความทรงจำเก่าๆเริ่มกลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามันเจ็บปวด แต่เขายินดีที่จะยอบรับความเจ็บปวดนั้น และยินดีที่จะคิดถึงมัน

       ‘ ฉันรักนายนะ

      เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม

      สัญญาได้ไหมว่านายจะรักฉันตลอดไป

       “ฉันสัญญา”   
     

    50% 

        

          “นี่คุณ คุณคริส ฟังฉันอยู่รึเปล่า”เสียงหวานเอ่ยถามพลางเอามือเล็กแตะแขนแกร่งเบาๆ เรียกสติของชายหนุ่มที่ฝั่งตรงข้ามเธอกลับคืนมา

        “หืม เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมา

        “เมื่อกี้ฉันถามว่าเราจะกลับกันได้รึยังคะ เรานั่งร้านอาหารนี่มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ”คนตัวเล็กตอบด้วยความสงสัย สงสัยว่าเขาเป็นอะไร ทั้งๆที่ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาเอาแต่ค่อยแกล้งเธอแท้ๆ แต่จู่ๆก็กลับเงียบ นิ่งและเอาแต่เหม่อลอย จนเธออดถามออกไปไม่ได้ “คุณดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ เป็นอะไรรึเปล่า”

        “ผมไม่เป็นไรครับ เรากลับกันเลยเถอะ” เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาวางเงินจำนวนหนึ่งที่มากเกินกว่าค่าอาหารมื้อนี้ไปมากไว้ ก่อนจะเดินนำออกจากร้านไป ทำให้หญิงสาวต้องเดินตามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

        ร่างเล็กดินตามเขาไปเรื่อยๆ พอจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในตัวของชายหนุ่ม แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว ยังไม่สนิทกันพอที่เธอจะปลอบประโลมอะไรเขาได้เลย หญิงสาวยกข้อมือเล็กที่มีนาฬิกาเรือนสวยขึ้นมาดูเวลา และพบว่านี่เพิ่งจะบ่ายสองโมงกว่าๆ ไหนๆเขาก็เลี้ยงข้าวเธอแล้ว เธอก็อยากตอบแทนอะไรเขาบ้าง

       “นี่คุณ รีบกลับบ้านรีเปล่าคะ”หญิงสาวสะกิดแขนของชายหนุ่มเบาๆ  ใบหน้าหล่อหันมาตามเสียงเรียก พร้อมเอ่ยตอบว่า

       “ไม่รีบครับ คุณอยากไปไหนก่อนรึเปล่า”

       “เมื่อกี้ตอนที่นั่งรถผ่านฉันเห็นป้ายบอกว่า  Seoul Sqare มีลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งด้วย คุณอยากไปเล่นไหม”หญิงสาวเอ่ยถามออกไป เพราะเมื่อครู่ตอนที่อยู่ในรถของเขา เธอเห็นรองเท้าสเก็ตคู่นึงอยู่บนเบาะหลังของรถแว้บๆ  แสดงว่าเขาต้องชอบเล่นมันมากแน่ๆ

        “ก็...ได้ครับ ผมชอบเล่นมันอยู่พอดี”ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มกลบเกลื่อน เมื่อก่อนเขาเล่นมันบ่อยมาก เพราะกีฬาชนิดนี้เป็นกิจกรรมยามว่างของเขาและ...เธอคนนั้น

        “งั้นเราก็รีบไปกันเถอะค่ะ”ว่าแล้วก็เป็นคนตัวเล็กเสียเองที่เดินนำเขาออกไปที่รถ ชายหนุ่มยืนนิ่งพลางคิดว่า อุตส่าห์ได้ของเล่นใหม่มาทั้งที ถ้ามัวแต่เหม่อก็หมดสนุกกันพอดี เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็สะบัดความคิดในหัวออกให้หมด นาทีนี้เขาไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น ขายาวก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามมาทันคนตัวเล็กเสียแล้ว ร่างบางเงยขึ้นไปมองใบหน้าหล่อน้อยๆ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกโล่งอก แม้เขาจะยังคงเงียบและไม่ได้พูดอะไร แต่อย่างน้อยสีหน้าที่มัวหมองก่อนหน้านี้ก็ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว...

     

     



     

          ซวยแล้ว !

          ร่างบางได้แต่พึมพำในใจตั้งแต่นั่งรถออกมาจากห้าง พร้อมนึกขึ้นได้ว่า...

            เธอเล่นสเก็ตไม่เป็น !

        เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากความโง่ของเธอเอง ที่อยากให้เขาอารมณ์ดีขึ้นแต่ก็ลืมนึกถึงตัวเองซะอย่างนั้น ตอนนี้เธอกะจะบอกให้เขาไปส่งเธอกลับบ้านเลย แต่ในเมื่อเห็นชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นขนาดฮัมเพลงได้ เธอก็ไม่อยากจะบอกออกไป

        “ไม่ต้องเกาะหน้าต่างขนาดนั้นก็ได้คุณ ผมรู้แล้วว่าคุณอยากเล่น”

        ไม่ได้อยากเล่นซักหน่อย...

         “มาจากต่างประเทศทั้งที คุณต้องเล่นสเก็ตเก่งมากแน่ๆ”

          เก่งกับผีน่ะสิ T^T

       “รออีกหน่อยนะครับ ท่าทางรถจะติด เอาเป็นว่าเราอยู่เล่นกันซักสามชั่วโมงเป็นไงครับ”

        โห นานขนาดนั้นไปเล่นกับแม่นายเถ๊อะ T___T

      

    SEOULSKATE  

          “เฮ้อ กว่าจะถึง ลงกันเถอะครับซูยอน”ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ พร้อมเรียกหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างๆให้ลงจากรถด้วย ร่างบางเปิดประตูลงไปอย่างว่าง่าย ทั้งๆที่จิตใจของเธอไม่ได้อยากลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว

         “ดูคุณสีหน้าไม่ดีเลยนะ”ร่างสูงเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าคนข้างๆมีสีหน้าซีดลงเรื่อยๆ “ถ้าคุณปวดหัว หรือเป็นอะไรเรากลับกันก่อนก็ได้นะครับ”

         “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว คุณคงไม่อยากพลาด...”หญิงสาวพูดไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นขื่นขมยิ่งนัก เพราะอะไรทำไมเธอถึงต้องทำเพื่อเขาขนาดนี้ด้วยนะ

          “งั้นเราเข้าไปกันเถอะครับ แต่ก่อนอื่น คุณเอานี่ไปใส่ก่อนนะ”ชายหนุ่มพูดพลางยื่นเสื้อคลุมสีขาวที่เขาไปหยิบมาจากหลังรถให้กับคนตัวเล็กตรงหน้า “ถึงมันจะเป็นกลางแจ้ง แต่มันก็ยังหนาวอยู่ดีนะครับ”

          เสียงหวานเอ่ยขอบคุณก่อนจะใส่เสื้อคลุมที่เขาให้มาทันที เพราะอากาศที่ค่อนข้างหนาวขึ้นเรื่อยๆ เธอใส่มันได้สบายออกจะหลวมไปมากเสียด้วย แต่ด้วยรูปทรงของเสื้อรวมทั้งดีไซน์ที่น่ารัก ทำให้รู้ได้ว่าอย่างไรเสื้อตัวนี้ก็ต้องเป็นของผู้หญิงแน่นอน

        ทำไมเขาถึงมีเสื้อของผู้หญิงอยู่หลังรถได้นะ

         หญิงสาวได้แต่คิดในใจ ไม่ได้ถามออกมา เพราะมันจะเป็นการละลาบละล้วงจนเกินไป บางทีอาจจะเป็นของน้องสาว ของแฟนหรือของเพื่อนของเขาก็ได้

          “2 คนครับ”เดินตามร่างสูงพลางคิดอะไรมาเพลินๆก็มาถึงช่องขายบัตรเสียแล้ว แผนที่เตรียมไว้ก่อนหน้าที่เธอคิดจะให้เขาเล่นคนเดียวเลยพังไม่เป็นท่า นี่เธอต้องเล่นมันจริงๆเหรอนี่

          “คุณคริสคะ เอ่อฉัน...”

          “เลิกเรียกคุณนำหน้าเถอะครับ เราอายุเท่ากัน ไม่ต้องเป็นทางการอะไรมากก็ได้”ชายหนุ่มตอบพลางเดินนำเข้าไปเพื่อเช่ารองเท้า

          “ก็ได้ค่ะ เอ่อ คริสคะ...”

          “รองเท้าคุณ เบอร์ 37 ใช่รึเปล่าครับ”

          “ใช่ค่ะ เอ่อนี่ คริส...”

          “นี่ครับ ของซูยอน ส่วนนี่ของผม เข้าไปกันเถอะครับ ผมอยากเล่นจะแย่แล้ว”

          หญิงสาวจนปัญญาที่จะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาไม่ฟังที่เธอพูดเลยซักนิด คงอยากเล่นมากจริงๆนั่นแหละ ช่วยไม่ได้แฮะ ลองดูอีกสักครั้งก็คงไม่เสียหาย เมื่อผ่านประตูเข้าไป หญิงสาวก็พบกับลานน้ำแข็งกว้างประมาณสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ และเพราะหน้าหนาวจะมีกลางวันที่สั้น พระอาทิตย์จึงตกไวกว่าปกติ และขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกนั้น แสงจากพระอาทิตย์มากระทบกับลานน้ำแข็งทำให้เกิดแสงระยิบระยับไปทั่วสนาม สร้างความประทับใจให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนสวยที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูนั่นด้วย

          “ซูยอน คุณจะยืนอยู่ตรงไหนอีกนานไหมครับ” คริสเปล่งเสียงที่ดังกว่าปกตินิดหน่อยมาให้หญิงสาว ตอนนี้เขาอยู่ในลานสเก็ตเรียบร้อยพร้อมโบกมือไปมาเหมือนเด็กๆ หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆอย่างอดขำในความเป็นเด็กของเขาไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ออกจะเคร่งครึมแท้ๆ

          “คุณใส่ช้าไปนะ มานี่ผมช่วย”ร่างสูงเดินขึ้นมาหาเธอด้วยรองเท้าสเก็ตเหมือนกำลังใส่รองเท้าคัตชูธรรมดา เขาคงไม่เก่งธรรมดาแล้วมั้งเนี่ย สงสัยต้องเก่งมากแน่ๆ

       “ไม่ต้องหรอกคริส ฉันใส่เองได้น่า”เสียงหวานเอ่ยออกมา ขาสวยหลบหลีกมือหนาที่พยายามจะใส่รองเท้าให้เธอ

       “ให้ผมใส่ให้เถอะครับ ดูท่าทางคุณจะไม่ถนัดเลยนะ”ว่าแล้วชายหนุ่มก็จับเรียวขาเล็กไว้ได้ ก่อนจะค่อยๆใส่รองเท้าและผูกเชือกรองเท้าให้เธออย่างเบามือ

        “นี่คริส ความจริงแล้ว...”

         “เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะซูยอน”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ร่างสูงก็ดึงเธอให้ลุกขึ้น พร้อมดึงเธอลงลานสเก็ตทันที

         “คะ คือ ความจริงแล้วฉันไม่....ว้าย!!” ยังไม่ทันที่สองขาจะได้ออกแรง ร่างบางก็ทรงตัวไม่อยู่เสียแล้ว เธอเสียหลักเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งร่างจะฝังเข้ากับอกแกร่งของคนตรงหน้าพอดี  

         “อ้าว ซูยอน หรือว่าคุณ...”

         “ใช่ ใช่เลย ฉันพยายามบอกคุณตั้งหลายครั้งแล้วนะ แต่คุณกลับไม่ฟังฉันเลย ฉันเล่นไม่เป็น ฉันเล่นสเก็ตไม่เป็น นี่แหละคือสิ่งที่ฉันพยายามจะบอกคุณ!”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพร้อยเอ่ยประโยคที่เธอพยายามพูดตั้งแต่ลงมาจากรถ ในที่สุดเธอก็ได้พูดมันสักที

          “จริงเหรอครับ งั้นผมต้องขอโทษด้วย สงสัยผมคงจะอยากเล่นมากเกินไปหน่อย คุณไม่เป็นไรนะ”ชายหนุ่มถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางเช็ดน้ำตาที่กำลังคลออยู่ในดวงตาหวานทิ้งอย่างนุ่มนวล ร่างบางเมื่อมีคนมาปลอบโยนแบบนี้ น้ำตาที่ไม่ค่อยได้ไหลให้ใครเห็น กลับไหลออกมาให้ชายหนุ่มตรงหน้าได้เห็นอย่างง่ายดาย ที่หนักกว่านั้นคือเธอไม่รู้ว่า ตัวเองร้องไห้ทำไม เพราะความอ่อนโยนที่เขามอบให้นี่รึเปล่านะ....

          “โอ๋ คนสวยไม่ร้องนะครับ ผมขอโทษ คุณไม่เป็นไรแล้วนะ ผมอยู่ตรงนี้คุณจะต้องปลอดภัยนะครับ..”ชายหนุ่มก็ร็สึกแปลกไปเหมือนกัน ทั้งๆที่เขาไม่ชอบปลอบโยนใครสักเท่าไหร่ แต่กับหญิงสาวตรงหน้า พอเห็นหยาดน้ำตาของเธอไหลลงมาไม่ขาดสายก็ทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ แขนแกร่งโอบเอวบางไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมเอ่ยคำพูดอ่อนโยนที่เขาแทบไม่ได้พูดมันออกมาเลยตั้งแต่จำความได้

          คนทั้งสองยืนตระกองกอดกันแน่นโดยที่ไม่ได้สนใจใคร ราวกับตรงนั้นมีกันอยู่แค่สองคนทั้งๆที่ทั้งสนามมีคนไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคน และสายตาที่จับจองมาด้วยความรู้สึกหลากหลายก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาทั้งสองสะทกสะท้านได้เลย

         

    ---------------------------------------------------------------------
    มาต่อของคริสสิก้าแล้วนะคะ กว่าจะพิมพ์เสร็จ แค่ 50%นี่ก็แทบแย่ ปวดหลังอีกแล้วค่ะ T^T
    จริงๆหัวมันไปจนจะจบเรื่องแล้ว แต่มือมันไม่ไปตามอ่ะค่ะ55555
    ใกล้ได้เวลาลงคาแรกเตอร์แล้วล่ะค่ะ สาวในดวงใจของพี่คริสคือใครหนอ เดากันเล่นๆได้นะคะ55555
    สุดท้ายก็ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อ่านให้สนุกค่ะ ^^


    มาแล้วววววววค่ะ หายไปนานมากกกกกกก คิดถึงกันรึเปล่าคะ55555
    ก็ใกล้สอบมิดเทอมแล้ว เครียดๆก็เลยมาแต่งฟิคต่อ เพื่อนอย่าโกรธเค้าน้าที่มาลงช้า(มาก)อ่ะ T__T
    ไม่ค่อยมีเวลาจริงๆ จะพยายามแต่งให้เร็วๆนะคะ
    อ่านให้สนุกนะคะ ^^ 
    22/07/13




     

     

    © Tenpoints!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×