ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO,SNSD,F(X)] GIRLS IN LOVE { krissica x kaistal }

    ลำดับตอนที่ #4 : Everland ( kaistal ) 100%

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 56


    .


    .


    .

     

    10.15 AM

       “นี่ ซูจองงง เมื่อไหร่เธอจะเสร็จสักที เราจะไปกันวันนี้นะไม่ใช่พรุ่งนี้”ชายหนุ่มที่ยืนพิงประตูห้องของหญิงสาวใช้เท้าเขี่ยพื้นเล่นพลางบ่นกระปอดประแปดมาได้สักพักแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าบางทีเธออาจไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่ก็ขอบ่นเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อยเถอะ ไม่งั้นเขาได้หลับคาประตูแน่ๆ

      “เสร็จแล้วๆ มาแล้วค่า”เสียงใสดังลอดเข้ามาในโสตประสาทของชายหนุ่ม เขาออกห่างจากประตูเล็กน้อย เพื่อที่เวลาหญิงสาวเปิดประตูออกมากจะได้ไม่กระแทกเขา

       ดีล่ะ ออกมาพ่อจะจัดชุดใหญ่ เอาให้หูชาไปเลย

      “ขอโทษที่ให้รอนานนะ”เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระโดดตัวออกมาจากบานประตูมายืนอยู่ที่หน้าของชายหนุ่มแทน ร่างบางตรงหน้าทำเอาเขาลืมคำต่อว่าเธอไปจนหมดสิ้น ให้มันได้อย่างนี้สิ

      “แต่งตัวแบบนี้เธอจะไปชายทะเลหรือไง”หนุ่มหล่อเอ่ยถามออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหน้าแตกเล็กๆ พลางสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด รองเท้าผ้าใบ ก่อนจะย้อนกลับมาดูเสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อยืดสีขาวกับกระโปรงเอวสูงลายดอกแถมรองเท้าส้นสูงอีก จริงด้วยแฮะ ถ้าใครไม่รู้เดินผ่านคงคิดว่าเรากำลังจะไปกันคนละที่แน่เลย  

        “ทำไมอ่ะ แต่งแบบนี้ก็ไปเที่ยวสวนสนุกได้เหมือนกันนั่นแหละ”แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองพลาดไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากเสียฟอร์มให้คนตรงหน้าเห็นนี่นา

       “ไปเปลี่ยนใหม่เถอะ กระโปรงห้ามสั้น ส้นสูงก็ห้าม ไม่เอาเสื้อขาวด้วย ถ้าเปียกน้ำแล้วเห็นหมดเลยนะ”ชายหนุ่มพูดพลางจับตัวหญิงสาวหมุนและดันหัวไหล่มนเบาๆเพื่อให้ร่างบางเดินเข้าประตูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักที แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ปล่อยมือจากตัวหญิงสาว มือเล็กทั้งสองข้างก็หันกลับมาจับมือเขาไว้เสียก่อน

        “นายก็เข้ามาช่วยฉันเลือกเลยสิ อีกอย่างยืนอยู่หน้าประตูมาตั้งนานแล้วไม่เมื่อยรึไง”ไม่พูดเปล่า หญิงสาวก็ลากชายหนุ่มให้เข้ามาในห้องด้วยกันเรียบร้อยแล้ว เธอให้เขานั่งบนโซฟา ส่วนตัวเองก็เข้าไปในห้องเสื้อผ้า แล้วลากราวแขวนเสื้อผ้าออกมา 3 ราว

          “เธอสะสมไว้ถมที่เหรอ” ชายหนุ่มเผลอพูดออกไปอย่างไม่ทันคิด ทำเอาสาวเจ้าหันมาค้อนเขาเสียวงใหญ่ ชายหนุ่มยิ้มออกมาแห้งๆ และลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อมาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ร่างบางตรงหน้า

          “นายเลือกไปก่อนนะ ฉันขอลองไปเปลี่ยนให้มันดูเข้ากับนายมากกว่านี้หน่อยแล้วกัน” เสียหวานพูดออกไปตามที่คิด โดยที่เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนชายหนุ่มที่ได้ยินก็อดยิ้มกับคำพูดน่ารักๆตรงไปตรงมาของหญิงสาวไม่ได้ ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเหมือนกันก็ได้

        “เด็กชะมัด” เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูหญิงสาวที่เพิ่งวิ่งเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไป มือหนาจับเสื้อผ้าของหญิงสาวไปเรื่อยเพื่อช่วยเธอเลือกว่าจะใส่ชุดไหนดี แต่ยังไม่ทันดูจบราวหนึ่ง เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับหญิงสาวคนเดิมในชุดใหม่ที่ทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

         ร่างบางในเสื้อกล้ามสีดำเข้ารูปทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน กางเกงยีนส์ขาสั้นสีซีดเผยให้เห็นผิวขาวเนียนและเรียวขาสวยน่าสัมผัส เสื้อผ้าธรรมดาแต่พอมาอยู่บนตัวเธอแล้วมันไม่ธรรมดาเลย เสื้อผ้าเปลี่ยนสาวสวยไร้เดียงสาให้กลายเป็นสาวสวยสุดฮอตได้ภายในพริบตาเดียวเท่านั้น

          “นี่ นายเหม่ออะไรอ่ะ แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่า”ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ร่างสูงกว่าสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมองดูเสื้อผ้าที่ราวอีกครั้ง

         “อะแฮ่ม กางเกงมันสั้นไป เอ้านี่” เขายื่นกางเกงยีนส์ขายาวสีซีดมาให้เธอแทน แต่หญิงสาวกลับเพียงแค่มองเฉย ไม่รับกางเกงที่เขาส่งมาให้ แต่กลับส่งเสียงใสตอบกลับมาว่า

          “ไม่เอาอ่า ร้อน อึดอัดด้วย”

          “งั้นนี่”

          “เหมือนป้าเลย นายนี่รสนิยมเดียวกับคุณพ่อฉันเลยนะ”

          เริ่มเข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อเธอแล้วล่ะ ใครจะปล่อยให้หญิงสาวที่ไม่ประสีประสาใส่เสื้อผ้าแบบนี้ออกไปข้างนอกกัน ใครจะห้ามก็ข้ามศพเขาไปก่อนแล้วกัน      

          “ฉันไม่มีทางให้เธอออกจากไปด้วยเสื้อผ้าแค่สองชิ้นนั้นแน่”ชายหนุ่มยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่น พลางเลือกเสื้อผ้าต่อไปอย่างขะมักเขม้น   

           “ทำไมอ่ะ ฉันว่าชุดนี้ก็โอเคดีนี่นา หรือนายว่ามันธรรมดาไป ฉันใส่แล้วไม่สวยเหรอ”

           ไม่ล่ะ ถึงมันจะธรรมดา แต่เธอใส่แล้วมันไม่ธรรมดา แค่คิดว่าคนอื่นจะได้เห็นแบบที่เขาเห็น มันก็รู้สึกหวง(โว้ย) แต่เขาไม่คิดจะพูดออกไปหรอก เพราะเขาก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงหวง อาจเพราะเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวก็ได้มั้ง...นะ

           “อย่างน้อยก็ใส่เสื้อคลุมไปหน่อยล่ะกัน ข้างนอกอากาศร้อน เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมามันจะลำบากฉัน” หนุ่มหล่อพูดขึ้นแต่ก็ยังไม่ยอมสบตากับหญิงสาวอยู่ดี ร่างบางเดินตรงเข้ามาใกล้ชายหนุ่มด้วยความสงสัย มือเล็กทั้งสองข้างวางลงบนแก้มของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ราวกับเธอกำลังบังคับให้เขาหันมาสบตากับเธอให้ได้ เมื่อสองสายตาประสานกันก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นที่หน้าอกข้างซ้ายของทั้งคู่ สำหรับหญิงสาวมันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา ร่างกายรู้สึกชาจนขยับแทบไม่ได้ ส่วนชายหนุ่มนั้นโชคดีที่ยังพอมีสติควบคุมได้ มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมมือเล็กของร่างบางเอาไว้ ก่อนจะดึงออกมาจากแก้มของเขา ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ แต่ทำไม่ได้ตั้งหาก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้

        “นี่..ถ้าไม่ถอยอีกสามวิเธอเสียเวอร์จิ้นแน่”จบประโยคหญิงสาวก็กระเด้งตัวออกห่างจากเขา ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขอบคุณจิตสำนึกส่วนดีของเขา ที่ทำให้เขาไม่ต้องทำอะไรร่างบางตรงหน้าตอนนี้

       “เอ่อ..คือว่า นะ นายพูดเหมือนคุณพ่อของฉันเลย ท่านอาจจะปลอมตัวมาก็ได้ ฉันก็เลยเข้าไปดูหน้านายใกล้ๆ...”หญิงสาวก้มหน้าก้มตา พลางพูดแก้ตัวเร็วปรือ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนตัวสูงตรงหน้า

       “แล้วฉันใช่ไหม”เมื่อสิ้นคำถามของชายหนุ่ม ร่างบางก็ส่ายหน้าปฏิเสธแทบจะทันที พ่อเธอไม่มีทางช็อตกระแสไฟฟ้าแปลกๆที่หัวใจของเธอได้แบบที่เขาทำแน่

        “แล้วเสื้อคลุมจะใส่ไหม” คราวนี้หญิงสาวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมสีขาวจากมือของชายหนุ่มทันที ใบหน้าหล่อระบายรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า ก่อนจะเดินมาใกล้ๆร่างบาง ใช้มือหนาขยี้ศีรษะหญิงสาวเบาๆอย่างเอ็นดู

         “ไปกันได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดขึ้น พร้อมก้าวขายาวเดินนำออกไปที่หน้าประตูเพื่อใส่รองเท้าแล้ว หญิงสาวเดินตามมาติดๆ พอมาถึงหน้าประตู ร่างบางก็ชั่งใจว่าจะใส่คู่ไหนดีระหว่างส้นสูงคู่โปรดกับรองเท้าผ้าใบสีเทาม่นๆ

          “ผ้าใบ”ชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าชั่งใจของหญิงสาว ดวงตากลมเงยหน้ามองเขาเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ ก่อนริมฝีปากเล็กจะเบะลงอย่างเด็กโดนขัดใจ แต่สุดท้ายเธอก็หยิบผ้าใบมาใส่ตามที่เขาบอกอยู่ดี

         ทั้งสองออกจากห้องพร้อมล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกตื่นเต้นก่อตัวขึ้นอีกครั้งภายในจิตใจของหญิงสาว ความสนุกที่เธอกำลังจะได้รับ มันจะมีมากขนาดไหนกันนะ แค่คิดก็อยากจะให้ถึงไวๆแล้ว

        “เอ่อนี่ แล้วเราจะไปกันยังไงอ่ะ” หญิงสาวถามขึ้น ความอายก่อนหน้านี้เธอลืมมันไปจนหมดสิ้น เพราะตอนนี้เธอรู้สึกสนุกมากกว่านี่นา

       “รถฉันไง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็จับข้อมือหญิงสาวให้เดินที่ไปที่รถพร้อมกับเขา
     



    50%
     

    Everland

       Audi R8 V10 Plus สีแดงเปิดประทุนเด่นสะดุดตาแล่นเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถกว้างของสวนสนุก เพียงชั่วโมงเดียวจากกรุงโซลมายังเมืองยงอิน เมื่อรถจอดสนิทและชายหนุ่มกดปิดประทุนรถเรียบร้อย เขาหันมาหาหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆตั้งแต่ชายหนุ่มเปิดประทุนรถตอนขึ้นเขามา เสียงเจื้อยแจ้วที่คอยถามนู่นถามนี่มาตลอดทางก็หยุดลงตอนนั้น

       “ซุจอง” เสียงทุ้มลองเรียกชื่อเธอดู แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆกลับมา ชายหนุ่มจึงลองเรียกเธอดูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตะแขนเธอเบาๆด้วย

      “ซูจอง ซูจอง” เหมือนจะได้ผล หญิงสาวสะดุ้งตัวอย่างแรงก่อนจะหันมาจ้องหน้าเขา จากนั้นก็

      “กรี๊ดดดดดดด”เสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหูจนเขาต้องยกมือขึ้นมาปิดใบหูทั้งสองข้างของตัวเอง ปล่อยให้เธอกรีดร้องให้พอใจ แล้วเขาค่อยถามดีกว่า

        “โอเคยัง” ชายหนุ่มถามขึ้นขณะที่สองมือยังคงปิดใบหูของตัวเองอยู่ หญิงสาวหันมาค้อนให้เขาหนึ่งที ก่อนจะตีเข้าที่แขนอกร่งของชายหนุ่มอย่างไม่ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย

       “โอ้ยๆๆ เจ็บๆ ซูจอง ฉันเจ็บนะ”ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด ตัวก็แค่นี้ ไปเอาแรงมหาศาลขนาดนี้มาจากไหนกันฟะ

      “นี่แหน่ะๆๆ นายขับรถเร็วฉันยังพอรับได้ แต่เปิดประทุนไปด้วยแล้วขับด้วยความเร็วขนาดนั้นขึ้นเขาเนี่ยนะ นายจะพาฉันไปตายหรือไง คนบ้า รู้ไหม ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตายไปแล้ว ตอนทางโค้งครั้งสุดท้าย สติฉันจะหลุดแล้วอีกนิดเดียวเท่านั้น กรี๊ดด ฉันจะไม่นั่งรถคันเดียวกับนายอีกแล้ว ลาก่อน”ว่าแล้วหญิงสาวก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูลงจากรถคันหรูทันที

       และเมื่อก้าวเดินออกมาเพียงไม่กี่ก้าว เธอก็รู้ว่าเธอพลาดซะแล้ว กระเป๋าของเธอยังอยู่บนรถเขา แถมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะเขา และเธอก็แทบไม่รู้จักสถานที่นี้เลยด้วยซ้ำ รู้แต่เพียงว่ามันคือสวนสนุก ทำยังไงดีล่ะซูจอง คิดสิคิด

        “เธอลืมกระเป๋านะ” ระหว่างที่หญิงสาวยืนคิดหาทางออกอยู่นั้น ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาทางด้านหลัง เขาชูกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลใบใหญ่ขึ้นสูงพอดีกับระดับสายตาของเธอพอดี

        “ไม่ได้ขอให้เอามาให้ซะหน่อย” ร่างบางหันไปตอบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ เรียกว่าแค่เธอเอนหลังนิดหน่อย ก็ได้ชนกับอกแกร่งของชายหนุ่มแน่นอน

        “แต่ก็ขอบคุณนะ” เธอกลับหลังหันก่อนจะดึงกระเป๋ามาจากมือของชายหนุ่ม ยังหนักเหมือนเดิมเลยแฮะ

        “เธอใส่อะไรมาเยอะแยะ มันถึงได้หนักขนาดนั้น” ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางที่เดินอยู่ข้างซ้ายของเขา เพราะสำหรับเขายังถือว่าหนัก แล้วคนข้างๆเขาจะถือไหวแน่หรือ

       “ก็ใส่มาหมดแหละ ฉันไม่รู้ว่าต้องเอาอะไรมาบ้างนี่นา” หญิงสาวตอบ พลางกระชับกระเป๋าใบใหญ่ที่กำลังจะหล่นลงจากไหล่ของเธอ หนักจัง

         “เอามานี่” ชายหนุ่มทนเห็นสภาพของหญิงสาวที่ถือกระเป๋าแต่ดูเหมือนแบกกระสอบทรายไม่ไหว จึงใช้มือขวาของเขาดึงกระเป๋าออกมาจากไหล่ขาวของเธอ หญิงสาวมองหน้าเขาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

        “ยิ้มอะไรของเธอ ฉันแค่เห็นว่าให้ผู้หญิงตัวบางๆอย่างเธอถือกระเป๋าหนักๆ แล้วผู้ชายอย่างฉันกลับไม่ได้ถืออะไร มันจะทำให้ฉันดูไม่ดี ไม่ได้ห่วงอะไรเธอนักหรอกนะ” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มพูดพลางมองที่ข้างทาง ไม่ยอมหันมาสบตากับเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธออารมณ์เสียเลยสักนิด กลับมองว่าเวลาที่เขาเป็นแบบนี้ก็น่ารักดี

        “นี่  ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันวันแรก แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเหมือนว่าอยู่กับนายมานาน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...” หญิงสาวพูดออกมาตามที่เธอคิดเป๊ะๆ เธออยากรู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้มันหมายความว่าอะไร ชายหนุ่มหยุดเดินนั่นทำให้หญิงสาวต้องหยุดเดินตามไปด้วย เขาหันหน้ามามองเธอ หญิงสาวจึงตัดสินใจตามเขาไปตรงๆ

        “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้...” ใบหน้าหล่อจ้องใบหน้าสวยราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง สองสายตาประสานกันท่ามกลางเสียงผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆ ในที่สุดมือหนาก็คว้ามือเล็กมาจับแน่น นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันไม่ใช่ความรู้สึกหวาดกลัวจนทำให้ใจเต้นแรง แต่มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมาก มากจนทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขนาดนี้

        “อย่าไปพูดแบบนี้กับใคร พูดได้แค่กับฉันเท่านั้น ฉันคนเดียว เข้าใจไหม..”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะเดินนำหน้าหญิงสาวไปยังทางเข้าของสวนสนุก พลางกระชับมือของเขาที่จับมือเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

       “อือ”หญิงสาวตอบกลับไปเพียงเท่านั้น พลางกระชับมือที่จับกันไว้ให้แน่นขึ้นไปอีกนิด เมื่อมองไปที่แผ่นหลังกว้างของเขาที่มีกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของเธออยู่บนไหล่หนานั่น มันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ รู้สึกมีความสุขเหมือนตัวจะลอยได้ พลางคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงจะดี....

     

    70%

     

         สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland) ถูกขนานนามว่า ดิสนีย์แลนด์เกาหลี เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลีเลยทีเดียว เป็นของบริษัทซัมซุงเอเวอร์แลนด์ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1976 และภายในสวนสนุกแห่งนี้ มีสิ่งให้ดูให้ชมให้ละเล่นครบทุกสิ่ง ทุกฤดูกาลและตอบสนองได้ทุกเพศทุกวัย เอเวอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ให้เลือกเล่นได้ตามความใจชอบทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียว สวนน้ำ สวนดอกไม้ ที่จัดตกแต่งสวนด้วยไม้ดอกนานาชาติ สลับกันตลอดทั้งปีและสวนสัตว์ซาฟารี ซึ่งทั้งหมดทำให้สวนสนุกแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตลอดทั้งปี

      “ว้าววว สุดยอดไปเลย นี่ ไคๆ ฉันเล่นทั้งหมดเลยได้ไหม”หญิงสาวเดินเข้ามาภายในสวนสนุกอย่างตื่นตาตื่นใจ คงเพราะตั้งแต่มาอยู่เกาหลี เธอยังไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ๆน่าสนุกแบบนี้เลย หญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มที่เดินตามเธอมาติดๆ หากเขาไม่ว่าอะไร เธอก็อยากจะเล่นเครื่องเล่นในนี้ทั้งหมดเลย

      “ถ้าเธอไหวมันก็โอเคล่ะนะ แต่ถ้าไม่ไหวเธอต้องหยุดเล่นเลยเข้าใจไหม แล้วก็ห้ามวิ่งด้วยล่ะ เดี๋ยวหกล้ม อย่าไปเล่นไกลหูไกลตาฉันด้วย เพราะฉันจะมองเธอไม่เห็น และมันทำให้ฉันเป็นห่วง เอ่อ..หมายถึง มันทำให้ฉันลำบากน่ะ” ชายหนุ่มพูดออกมาทั้งหมด เขารีบแก้ตัวทันทีเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรไป แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมา เพราะว่าหญิงสาวไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย

       พาเด็กประถมมาเที่ยวสวนสนุกรึไงกันนะ 

        “เฮ้อ ซูจอง เธอไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยสินะ เอาเป็นว่าห้ามปล่อยมือฉันเด็ดขาด เข้าใจไหม”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือที่ประสานกันของทั้งคู่ขึ้นมาชูเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนพูด

        “ทราบแล้วค่ะคุณพ่อออ แค่ไม่ปล่อยมือก็พอใช่ไหมคะ งั้นเริ่มจากอันนั้นเลยแล้วกันนะคะ”หญิงสาวยิ้มให้อย่างน่ารัก พลางชี้ไปยังที่ตั้งรถไฟเหาะขนาดใหญ่ จับจูงมือหนาให้เดินตามหลังมาด้วย ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางยิ้มบางๆอีกครั้งพร้อมปล่อยให้เจ้าของมือเล็กพาเขาไปยังที่ๆเธอต้องการจะไป

        

        “นี่ๆ ซื้ออันนี้ด้วยได้ป่ะ”หลังจากที่เล่นเครื่องเล่นไปหลากหลายชนิดแล้ว ทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ตรงบริเวณที่ขายสินค้าของทางสวนสนุก ร่างบางที่ตอนนี้กำลังเลือกสินค้าอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าหงิกหน้างออยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย

       “ถ้ามันเป็นชิ้นสุดท้ายล่ะก็ ได้”ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างหน่ายๆ เขาคิดว่าเธอซื้อของพวกนี้มากพอที่จะทำให้แขนเขาล้าได้แล้ว และพวกเขาทั้งสองคนก็ยืนเป็นจุดสนใจของผู้คนมานานมากแล้วด้วย

       “เชอะ เอางั้นก็ได้ ฉันไปจ่ายเงินแล้วนะ”ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบไปจ่ายเงินทันที ชายหนุ่มแหงนหน้ามองออกไปข้างนอกร้าน และพบท้องฟ้าที่ค่อนข้างมืดครึ้มพอสมควร คาดว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า คงต้องรีบกลับบ้านได้แล้ว

       “โอ๊ะ ใช้ได้แฮะ นายนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันน้า”ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะรู้ตัว หญิงสาวก็เอาที่คาดผมมิกกี้เมาส์มาใส่ให้เสียแล้ว ร่างสูงหันไม่มองกระจกก่อนจะแสดงท่าทางไม่พอใจนิดหน่อย แล้วพูดว่า

       “เอามันออกไป”

       “ไม่เอาหรอก เราใส่คู่กันนะเห็นไหม นายจะให้ฉันใส่มันคนเดียวเหรอ ฉันก็อายเป็นนะ จะทิ้งก็เสียดายออก ใส่เถอะนะๆๆ”เจอลูกอ้อนแบบนี้ ถึงใจแข็งขนาดไหนก็คงต้องอ่อนยวบยาบเป็นแน่ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างหน่ายๆก่อนจะเดินออกมาจากร้านอย่างเสียไม่ได้

       “ถ่ายรูปได้ไหม”หญิงสาวที่เดินตามหลังมาถามขึ้น และชายหนุ่มก็ตอบกลับทันทีว่า

       “ไม่”

        แชะ

       “เผลอกดชัตเตอร์ไปแล้วอ่ะ นายน่ารักดีนะ คิคิ”หญิงสาวดูรูปที่ถ่ายมาพร้อมกับหัวเราะคิกคักไปด้วย ก่อนที่มือหนาจะขยี้หัวเธออย่างรุนแรงจนเธอต้องหลับตาปี๋

       “ยัยตัวแสบ”เสียงทุ้มพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวมองตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้ดูเหมือนจะงอนเธอเข้าจริงๆเสียแล้ว

        แค่แกล้งนิดหน่อยเอง ทำงอนไปได้        

       จู่ๆแผ่นหลังกว้างที่กำลังไกลออกไปก็หยุดนิ่งเสียอย่างนั้น ใบหน้าหล่อหันมามองสาวสวยที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะยื่นมืออกมาหาเธอ

      “บอกว่าห้ามปล่อยมือไง”สิ้นเสียงทุ้ม รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏอยู่ใบหน้าสวยอย่างห้ามไม่ได้ ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าอย่างรีบเร่ง พร้อมกับยื่นมือเล็กเข้าไปประสานกับมือหนาของชายหนุ่มที่รออยู่แล้วอย่างแนบแน่น นั่นทำให้รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าหล่อเช่นกัน

       “ดูเหมือนฝนจะตกแล้วกลับบ้านเลยดีไหม”เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น ใบหน้าหล่อแหงนมองท้องฟ้าอีกครั้งด้วยความกังวล เพราะหากฝนตกจะต้องอันตรายตอนลงจากเขาเพราะถนนลื่นเป็นแน่

       “ก็ได้ งั้นขอเล่นอีกอย่างหนึ่ง แล้วค่อยกลับ...นะ”เสียงใสตอบกลับมาอย่างหงอยๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มที่ได้ฟังน้ำเสียงแบบนั้น จำต้องยอมใจอ่อนอีกครั้งจนได้

       “อยากเล่นอะไรล่ะ นี่มันก็จะหกโมงแล้ว ถ้ามืดกว่านี้แล้วมันจะอันตรายตอนขับรถกลับด้วย”ชายหนุ่มตอบพลางมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองไปด้วย ถ้าไม่นานก็พอเล่นได้อยุ่

       “ชิงช้าสวรรค์อ่ะ ฉันไม่เคยขึ้นมาก่อนเลย ขึ้นด้วยกันนะๆๆ”หญิงสาวว่าพลางกระตุกแขนเสื้อของชายหนุ่มไปด้วย เธอรู้ว่ามันได้ผลกับผู้ชายคนนี้เสมอ เพราะเธอก็ใช้วิธีนี้มาตลอดทั้งวันเลยล่ะ

        “จะไปก็รีบไปสิ”หญิงสาวยิ้มรับอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้ เพราะเขาใจดีแบบนี้ มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีกว่าที่คาดไว้เสียอีก

        ทั้งสองคนเดินมายังสถานที่ตั้งชิงช้าสวรรค์ โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เพราะดูท่าฝนจะตกแบบนี้ ผู้คนคงหาที่หลบฝนไม่ก็กลับบ้านไปแล้วแน่ๆ

        “โชคดีนะคะที่พวกคุณได้ขึ้นในช่วงเวลานี้ ปกติเวลานี้คิวจะยาวมากๆเลยค่ะ แต่เพราะฝนทำท่าจะตก คนเลยไม่ค่อยมากันน่ะค่ะ”พนักงานสาวเดินเข้าทักทั้งคู่ด้วยความสุภาพ เพราะเห็นว่ากว่าทั้งสองจะได้ขึ้นก็เหลืออีกประมาณสองคิว

       “ทำไมเหรอคะ ช่วงนี้มันพิเศษขนาดนั้นเลยเหรอคะ”หญิงสาวถามออกไปด้วยความงุนงง

        “ก็เพราะมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าหากคู่รักคู่ไหนขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วยกันตอนเวลาหกโมงพอดีเป๊ะ ทั้งคู่ก็จะได้อยู่คู่กันเหมือนดั่งเข็มนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ไปที่เลขหกและเช็มยาวชี้ไปที่เลขสิบสอง รูปร่างเหมือนกับคนที่จับมือเดินไปพร้อมกันใช่ไหมล่ะคะ อ๊ะ ถึงคิวพวกคุณแล้ว ขอให้โชคดีนะคะ”พนักงานสาวกล่าวจบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะส่งคนทั้งสองขึ้นกระเช้าไป

        “นี่กี่โมงแล้วอ่ะ”หญิงสาวที่ขึ้นมายังงงๆกับคำพูดของพนักงานสาวอยู่ถามขึ้น

        “5.59 แล้ว ทำไมเหรอ”เสียงทุ้มยกนาฬิกาขึ้นมาดู ทันใดนั้นมือเล็กก็คว้าแขนแกร่งมาก่อนจะเพ่งไปที่นาฬิกาแบรนด์หรูที่ชายหนุ่มสวมอยู่

        “ทำอะไรของเธอเนี่ย”ชายหนุ่มพยายามดึงแขนของตัวเองกลับมาแต่ก็ไร้ความหมาย บทจะแรงเยอะก็ไม่รู้ไปเอาพลังช้างสารแบบนี้มาจากไหน

        “อยู่เฉยๆสิ อีกแค่ครึ่งนาทีเราจะได้เห็นเข็มนาฬิกามันจับมือแล้วเดินคู่กันแล้วนะ”หญิงสาวเอ็ดชายหนุ่มเบาๆ สองสายตาประสานกันท่ามกลางความเงียบ ใจจริงเธออยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ เพราะความสุขที่เธอได้รับจากเขามันมีมากมายเหลือเกิน ทำยังไงเธอถึงจะมีความสุขแบบนี้ไปตลอดชีวิตกันนะ

       “นี่”เสียงทุ้มเรียกสติของร่างบางคืนมา ก่อนใบหน้าสวยจะเอียงคอน้อยๆมองใบหน้าหล่อด้วยความสงสัย

       “หกโมงแล้ว ดูสิ”ชายหนุ่มพูดพลางพยักพเยิดใบหน้าของตัวเองไปทางนาฬิกาข้อมือที่หญิงสาวมองมันอยู่เมื่อครู่

       “โอ๊ะ จริงด้วย นายดูนี่สิไค เหมือนคนสองคนจับมือกันเลยเนอะ เข้มสั้นนี่คงเป็นผู้หญิง ส่วนเข็มยาวก็คงเป็นผู้ชาย น่ารักจัง”หญิงสาวพูดพลางเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับชายหนุ่ม เขาระบายรอยยิ้มตอบกลับมาอย่างอบอุ่น และเธอคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย

       จะเห็นแก่ตัวไปไหมนะ ที่เธออยากจะครอบครองรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั้นไว้เป็นของเธอคนเดียว

        “เอาล่ะ กลับบ้านกันได้สักทีนะ”ชายหนุ่มยืนมือไปให้หญิงสาวจับ เพื่อที่เธอจะได้ลงจากชิงช้าได้อย่างปลอดภัย หญิงสาวเอื้อมมือมาหาชายหนุ่ม ก่อนจะกระโดดลงมาอย่างสบายๆ

        ซ่าาาา

        ไม่ทันจะได้ก้าวออกมาจากบริเวณนั้น ฝนกลับเทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังตกหนักมาเสียด้วย ชายหนุ่มจึงต้องพาหญิงสาวมาหลบฝนที่บริเวณที่มีหลังคาเล็กๆพอให้คนสองคนอยู่ได้

        “อ๊ะ ฉันมีร่มนี่นา อยู่ในกระเป๋าๆ”ว่าแล้วหญิงสาวก็ดึงกระเป๋าของเธอจากไหล่หนาเบาๆ แล้วก็เริ่มควานหาร่มที่เธอพกมาด้วย ไม่นานก็เจอร่มพับสามส่วนสีขาว ร่างบางจึงชูให้ร่างสูงดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “ร่มเล็กแค่นี้ฉันยืนคนเดียวก็เต็มแล้วล่ะ”ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับดึงร่มจากมือหญิงสาวมากางออกพร้อมหมุนเล่นไปมา

       “แต่ก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ”ร่างสูงพูดต่อก่อนจะดึงร่างบางให้มาอยู่ใกล้ๆเขาพร้อมออกเดิน เพื่อจะไปยังลานจอดรถ

       “นายเปียกฝนหมดแล้วนะ เขยิบเข้ามาหน่อยก็ได้”หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าไหล่ข้างขวาของชายหนุ่มชุ่มไปด้วยน้ำฝนเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ตัวเธอไม่โดนฝนเลยแม้แต่นิดเดียว นับเป็นโชคดีของกระเป๋าเธอด้วยที่ไม่ต้องเปียกฝนไปพร้อมกับไหล่ข้างขวาของเขา เพราะตอนนี้เธออุ้มมันอยู่แน่นเชียวล่ะ

       “ช่างฉันเถอะน่า รีบๆเดินไปเหอะ”ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงสั่นๆเพราะความหนาวจากหยาดฝนที่มากระทบกับร่างกายของเขา หญิงสาวรู้สึกถึงอาการสั่นของชายหนุ่ม เธอจึงพยายามเบียดตัวเองให้อยู่ใกล้เขาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นั้นกลับทำให้ชายหนุ่มเดินไม่ถนัดเอาเสียเลย อีกทั้งฝนตกหนักอย่างกับพายุเข้า ยังไงก็ต้องรีบไปให้ถึงรถให้ไวที่สุด

       “โทษนะ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมมือหนาที่ถือวิสาสะจับที่หัวไหล่มนของหญิงสาว ทำเอาหัวใจของคนที่ถูกจับถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว มือเล็กข้างหนึ่งเอื้อมไปจับเอวสอบของชายหนุ่มไว้เบาๆ เมื่อร่างสูงสัมผัสได้ถึงการกระทำของหญิงสาว เขากำชับหัวไหล่มนให้แน่นขึ้น ทำให้ใบหน้าสวยซุกลงที่อกแกร่งของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้

       “วิ่งกันเถอะ”ใบหน้าหล่อก้มลงมาใกล้ใบหูเล็กของหญิงสาวพลางกระซิบเบาๆ ก่อนจะวิ่งไปยังรถหรูของชายหนุ่มที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก

       “อะ..อืม”เสียงใสเอ่ยได้เพียงแค่นั้น เพราะความรู้สึกแปลกใหม่ที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาโดยที่เธอไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอรู้แต่เพียงว่า ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝนหรือเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นขณะกำลังวิ่ง ก็ไม่อาจสู้เสียงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นแรงอยู่ตอนนี้ได้เลย

     

    ---------------------------------------------------------------

    มาก่อนครึ่งแรกนะคะ ครึ่งหลังคงบ่ายๆหน่อย ขอไปทานข้าวก่อน
    ยังไงก็อ่านให้สนุกนะคะ ^^

    ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีแต่งอีกเรื่องอยู่ T_T
    ที่มารอเพิ่มแค่ 20% ก่อนเพราะไม่อยากผิดสัญญามากกว่านี้แล้วอ่ะค่ะ
    แต่อีก 30% คงอีกสักพักแหละค่ะ เพราะตอนนี้ปวดหลังมากกก T^T
    แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ^^

    100% แล้วค่ะ555555 ขอโทษที่ทำให้คอนานนะคะ
    อ่านพิมได้ไวๆบ้างจัง T___T ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ><

    © Tenpoints!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×