คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : first meet (kaistal)
.
.
.
“พี่ไปก่อนนะซูจอง ถ้าจะออกจากห้องก็ล็อคให้เรียบร้อยด้วยล่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะกำลังเปิดประตูห้องสุดหรูเตรียมตัวจะออกไปมหาวิทยาลัย เธอบอกกับน้องสาวที่มาส่งเธอถึงหน้าประตู ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สาวน้อยโบกมือเบาๆให้พี่สาวของเธอ ก่อนจะยกคิมบับที่ถือติดมือมาด้วยใส่เข้าปากและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อประตูปิดลง สาวน้อยก็เดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร หย่อนสะโพกสวยลงบนเก้าอี้แสนนุ่ม พร้อมลงมือทานอาหารเช้าของเธอต่อไป
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ หรือก็คือเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้หยุดพักผ่อน พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เธอไปโรงเรียนมัธยมปลายที่เธอได้ทำเรื่องขอโอนย้ายมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย พี่สาวของเธอก็เหมือนกัน วันนี้เป็นวันแรกที่พี่สาวของเธอไปมหาวิทยาลัย ไม่รู้จะเป็นอะไรมากรึเปล่า เพราะด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของพี่สาวเธอนั้น ออกจะดูหยิ่งๆ ยิ่งใบหน้าหวานนั้นสวยเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้แสนไฮโซ ยิ่งทำให้ดูเป็นคนสวยแล้วหยิ่งเข้าไปใหญ่ ซึ่งจริงๆแล้วหากใครได้รู้จักพี่สาวของเธออย่างจริงจัง ก็จะรู้ถึงความจริงใจและความใจดีได้ไม่ยาก
ส่วนสาเหตุที่ย้ายมา เธอไม่ค่อยอยากเล่าให้ใครฟังเท่าไหร่ เพราะว่ามันออกจะงี่เง่าไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่มีทางเลือก อยู่ที่นี่มาเกือบเดือน เธอก็รู้สึกว่าสงบสุขดี อย่างน้อยก็มีความสุขมากกว่าอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ที่ต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลาล่ะนะ....
ปิ๊งป่องๆๆ
เสียงกริ๊งดังขึ้น ทำให้ร่างบางที่คิดอะไรอยู่เพลินๆถึงกับสะดุ้งตัวด้วยความระแวง คงไม่มีใครตามมาจากแคลิฟอร์เนียหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าเบื่อแย่ ขออยู่ที่นี่อีกสักปีสองปีไม่ได้หรือไงกันนะ
“มาแล้วค่า” เสียงกริ๊งยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุด ร่างบางจึงต้องรีบเดินออกไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าขืนชักช้า เธอคิดว่ากริ๊งบ้านเธอคงพังแน่ หญิงสาวมองดูที่หน้าจออินเตอร์โฟนอย่างชัดๆ จอสี่เหลี่ยมเล็กปรากฏภาพใบหน้าหล่อเหลาแบบชาวเกาหลี โล่งใจได้เปราะนึง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ฝรั่งตัวสูงใหญ่อย่างที่เธอคาดไว้ล่ะนะ เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดๆ ก็เห็นว่าเขามีท่าทางร้อนรนอย่างประหลาด เหมือนกับกำลังหนีอะไรบางอย่างมา และเมื่อพิจารณาแล้วก็คาดว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ลองคุยสักหน่อยคงไม่เป็นไร
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ” หญิงสาวยกโทรศัพท์ที่ต่อกับอินเตอร์โฟนขึ้นมาก่อนจะกรอกเสียงหวานปนห้าวของเธอลงไปอย่างสบายๆ แต่ตรงกันข้ามกับชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าตายุ่งเหยิงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“คุณ....ผู้หญิงเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามกลับไปอย่างไม่มั่นใจนัก ไหนคนดูแลบอกว่าห้องที่ย้ายมาใหม่เป็นพี่น้องผู้ชายสองคนไง แต่นี่มันเสียงผู้หญิงชัดๆถึงจะออกห้าวๆหน่อยก็เถอะ
“ผู้ชายมั้งคะ แล้วแต่คุณจะคิด” เสียงหวานออกห้าวนั้นเพิ่มระดับความต่ำของเสียงให้ทุ้มลงไปอีก จนชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับสะดุ้งตัวเล็กๆพร้อมกับสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นั่นทำให้ใบหน้าสวยของหญิงสาว เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มได้เป็นครั้งแรกในเช้าวันนี้
“แล้วสรุปมีอะไรไม่ทราบคะ”เธอยังคงแกล้งเขาต่อไป ด้วยการทำเสียงทุ้มๆ แต่ก็ยังพูดคะพูดขาให้เขาขนลุกเล่น ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อมีเหงื่อผุดขึ้นมาเม็ดเล็กๆตรงขมับข้างขวา มันทำให้หญิงสาวต้องเอาสองมือปิดโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างอดไม่ได้
“เอ่อคือ...ผมกำลังมีปัญหาค่อนข้างใหญ่...มาก ขอผมเข้าไปหลบสักครู่ได้ไหม...ครับ” แม้คนตรงหน้าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือจะเป็นชายในร่างหญิงก็ตาม เขาไม่สนอะไรแล้ว ขอแค่ให้เขาได้เข้าไปหลบพี่ชายจอมโหดของตัวเองได้สักพัก แค่นั้นก็พอแล้ว
“ไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับทันควัน แทบไม่ต้องคิด เรื่องอะไรจะยอมให้ผู้ชายที่เธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเข้ามาในบ้านที่ตอนนี้มีเพียงเธอซึ่งเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียงกันล่ะ
“ผมขอร้องล่ะ จะให้ผมทำอะไรก็ได้ นะๆ ตอนนี้ขอแค่ให้ผมเข้าไปหลบสักพัก ผมรับรองว่าคุณจะไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้น ผมจะไม่ทำอะไรคุณ สาบานได้ หรือถ้าเกิดคุณไม่ไว้ใจผม ผมอาศัยอยู่ห้องตรงข้ามคุณ หากคุณมีอันตรายการตามตัวผมไม่ใช่เรื่องยาก อย่าห่วงไปเลยนะครับ”ชายหนุ่มพูดจาหว่านล้อมทุกวิถีทาง พี่ชายของเขาน่าจะตื่นแล้ว ถ้าหมอนั่นเดินไปที่ห้องครัว แล้วไม่เจอแก้วใบนั้น...ใบสำคัญของตัวเองที่เขาคนนี้ทำแตกไปเมื่อเช้าแล้วล่ะก็ โฮ ไม่อยากจะคิดสภาพของตัวเองเลยให้ตาย
“ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ” หญิงสาวคิดอยู่นาน ก่อนจะถามออกไป ให้เข้ามาหลบสักพักคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีกะจิตกะใจมาทำอะไรเธอหรอก
“ครับ...เอ่อ แต่ยกเว้น ปล้ำผมนะ T_T” ชายหนุ่มทำหน้าตาเหมือนกำลังจะร้องไห้ นี่เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แปลงเพศแล้วจริงๆหรอเนี่ย ตลกชะมัด ฮ่าๆๆ
“เออ นายนี่ตลกดี ตกลงก็ได้ เข้ามาๆ” หญิงสาววางหูโทรศัพท์กลับไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มได้เข้ามา
ทันทีที่ประตูเปิด ชายหนุ่มก็รีบแทรกตัวเข้ามาในทันที พร้อมปิดประตูแทนให้ในทันที รอดตายหวุดหวิด ถึงแม้คนที่ช่วยเขาไว้จะเป็นเพศที่สามที่เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก แต่มาถึงจุดนี้แล้วจะไม่ขอบคุณก็ดูแย่เกินไป เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มที่ยืนจ้องประตูอยู่นานก็ตัดสินใจหันหลังกลับไปเผชิญหน้าตรงๆ เป็นไงเป็นกันวะ
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะเอ่ยคำขอบคุณ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่แบบที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย ร่างบางที่ตอนนี้กำลังยืนหัวเราะคิกคักในชุดเสื้อยืดสีชมพูกางเกงขาสั้นผ้าบางๆสีเทาเผยให้เห็นเรียวขาขาวยาวสมส่วน ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อค่อยๆไล่สายตามองจากสะโพกขึ้นไป หน้าอก...ลำคอ...ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้านั่น นี่มัน....
ผู้หญิงชัดๆ !!
ไม่ใช่เพียงผู้หญิงธรรมดา แต่เป็นผู้หญิงสวย สวยมากด้วย สวยราวนางฟ้านางสวรรค์ไม่มีผิด ผู้หญิงแน่นอน หรือถ้าเป็นผู้ชาย เขายอมให้เธอเป็นผู้หญิงเลยก็ได้ ใบหน้ายามเธอหัวเราะ ทำให้เขารู้สึกอยากจะหัวเราะตาม ว่าแต่..เธอหัวเราะอะไรน่ะ
“หัวเราะอะไรครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เธอจะหัวเราะอะไรขนาดนี้ นี่ถ้าลงไปกลิ้งกับพื้นได้เธอคงทำไปแล้ว
“หัวเราะนายนั่นแหละ ไงล่ะ ทำหน้าอึ้งเชียว นายยังคิดว่าฉันเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า ฮ่าๆๆ ฉันปล้ำนายเลยดีไหม ฮ่าๆๆๆ” ตอนนี้หญิงสาวลงไปนั่งกุมท้องอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว ไม่มีเรื่องสนุกผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอนานแล้ว วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริง
ฉันตั้งหากล่ะ ที่อยากจะปล้ำเธอ
นายหนุ่มได้แค่คิดเท่านั้น เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะนั่งหันหลังให้เธอที่ยังหัวเราะไม่หยุด หญิงสาวที่นั่งชันเข่าอยู่ไม่ได้ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย กางเกงขาสั้นที่เธอใส่อยู่ยามเธอยืนมันก็สั้นอยู่แล้ว พอเธอนั่งก็ไม่ต้องพูดถึง เลิกขึ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เจ้าตัวรู้บ้างรึเปล่า โชคดีที่เป็นเขา ถ้าเป็นคนอื่นคงจับเธอปล้ำหน้าประตูไปนานแล้ว
“นี่ๆ นายโกรธฉันเหรอ” หญิงสาวคลานเข่ามานั่งข้างๆชายหนุ่ม ก่อนจะกระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆ เพราะเห็นว่าเขาเอาแต่เงียบอย่างเดียวมานานมากแล้ว
“เปล่า ยังไงก็ขอบใจนะที่เธอช่วยฉัน”ชายหนุ่มตอบกลับไป ไม่ได้หันไปหาเธอที่บัดนี้มานั่งอยู่ข้างๆเขาซะแล้ว เธอจะรู้ไหมนะ ว่าความอดทนของเขาก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร นายก็ตลกดี อีกอย่างนายบอกว่าจะให้ทำอะไรก็ได้นี่นา”หญิงสาวตอบออกไปพลางยิ้มอย่างนึกสนุก เธอค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานที่ข้างใบหูของเขาว่า “ปล้ำนาย...ดีไหมคะ”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ถึงกับดวงตาเบิกโพลงพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาทันที หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆไม่นึกว่าเขาจะลุกพรวดพราดขึ้นมาจึงไม่ทันระวังตัว ไหล่หนาของชายหนุ่มกระแทกเข้าที่ปลายคางของหญิงสาวแบบเต็มๆ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวหงายหลังลงไปนอนแผ่กับพื้นไม่ยาก อยากจะขำท่าทางของคนตรงหน้าแต่ก็ขำไม่ออก เพราะความเจ็บร้าวราวกับกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยงๆที่ปลายคางมันมีมากกว่า สิ่งสุดท้ายที่เธอมองเห็นก็คือใบหน้าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกของชายหนุ่ม เวลาเขาทำหน้าแบบนี้แล้วตลก...ชะมัด...
“เฮ้ย สลบไปแล้วเหรอ! ทำใจดีๆไว้ก่อนสิ นี่ เธอๆ”เมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งไป ชายหนุ่มก็เข้าไปตบแก้มนุ่มของหญิงสาวเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ผล เขาจึงอุ้มเธอไปนอนที่โซฟาใกล้ๆก่อนจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับเธอ โดยการหาผ้าชุบน้ำมิดหมาดๆมาเช็ดใบหน้าสวย และเช็ดเบาๆบริเวณคางที่ขึ้นสีแดงจัดเพราะฝีมือของเขาเอง
“โธ่เว้ย ใครให้เธอเข้ามากระซิบฉันแบบนั้นฟะ ฉันเป็นผู้ชายน่ะเว้ย รีบๆฟื้นสิยัยบ้า” เสียงหวานที่กระซิบข้างๆหูเขายังวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขาไม่จางหาย ใครจะรู้ว่าคำพูดแค่นั้น จะทำให้เขาคิดจะปล้ำเธอจริงๆ นี่ถ้าเธอไม่สลบไปก่อน รับรองไม่รอดเงื้อมือเขาหรอก
“อื้มม” เสียงครางในลำคอของหญิงสาว เรียกสติของชายหนุ่มให้กลับมา ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวนิดหน่อย ทำให้เขาต้องยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ
“เธอต้องการอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มถามออกไป เพราะคาดว่าร่างบางที่นอนอยู่น่าจะรู้สึกตัวแล้ว แต่เธอกลับไม่ตอบอะไร ซ้ำยังเหมือนจะหลับไปแล้วอีก ใบหน้าหล่อห่างจากใบหน้าสวยไม่ถึงคืบ ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากเล็กไม่วางตา มาถึงขั้นนี้แล้ว แต่จูบนิดหน่อยคงไม่เป็นไร มาแกล้งเขาก็ต้องได้รับโทษนิดหน่อยล่ะนะ
“กรี๊ดดดดด” อีกเพียงนิดเดียว ริมฝีปากของทั้งคู่ก็จะแตะกันอยู่แล้วแท้ๆ แต่สาวเจ้ากลับแผดเสียงกรี๊ดขึ้นมาเสียก่อน ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจ เขาคิดจะทำอะไรเธอในห้องของเธอเนี่ยนะ
“ชู่วว ใจเย็นก่อน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย ร้องอย่างกับฉันจะปล้ำเธองั้นแหละ”ชายหนุ่มเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้ โชคดีที่ห้องแต่ละห้องในคอนโดมันใหญ่ แถมยังเก็บเสียงอีกด้วย ไม่งั้นป่านนี้ใครต่อใครคงมามุงดูกันแล้วแน่
“นายกำลังจะทำ เมื่อกี้นายกำลังจะปล้ำฉัน นายกำลังจะพรากเวอร์จิ้นฉัน คนบ้า!!”หญิงสาวพูดจบก็หยิบหมอนใบหนึ่งมาปิดหน้าของตนเอาไว้ ทั้งโกรธทั้งอายทั้งเขิน เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ยังไม่มีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้มาก่อนเลยนะ
“เดี๋ยวๆเมื่อกี้ฉันแค่จะจูบเธอเองนะ” ชายหนุ่มแก้ตัวออกไป พรากเพริกอะไร เพิ่งรู้จักกันจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง แม้ตอนแรกจะคิดก็เถอะ แต่เมื่อกี้เขาไม่ได้คิดจริงๆ สาบานได้
“อ๊ายย กล้าพูดออกมาได้ไง เห็นไหมว่านายจะพรากเวอร์จิ้นฉันจริงๆด้วย คนบ้า นิสัยไม่ดี ไปตายที่ไหนก็ไป!!” หญิงสาวปาหมอนใส่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างสุดแรง แต่เขาก็รับไว้ด้วยท่าทีสบายๆ
“ก็บอกว่าไม่ได้พรากเวอร์จิ้น แค่จะจูบอ่ะจูบ ไม่เคยทำเหรอ” ชายหนุ่มยังคงย้ำว่าเขาแค่จะจูบเธอเฉยๆ ไม่ได้โรคจิตขนาดจะปล้ำเธอจริงๆหรอก...มั้ง
“กรี๊ดด ยังไม่หยุดพูดอีก คนลามก เวอร์จิ้นฉัน ไม่มีทางให้นายหรอก ทุเรศที่สุด พูดออกมาได้ว่าจะพรากเวอร์จิ้นฉัน”
“บอกว่าจูบ ไม่ได้จะพรากเวอร์จิ้น!”
“ก็จูบนั่นแหละ คือการพรากเวอร์จิ้น!”
“ใครบอกเธอ!!”
“คุณพ่อ !!!”
“โอเค ฉันเข้าใจและ พ่อเธอนี่ก็เข้าใจสอนเนอะ” ชายหนุ่มลดเสียงตัวเองลง และเริ่มเข้าใจที่พ่อของเธอคิด แล้วนี่ถ้าลูกสาวโดนพรากเวอร์จิ้นไปจริงๆ เจ้าตัวจะรู้รึเปล่าเนี่ย
“คุณพ่อบอกว่าการเอาปากมาแตะปากหรือจูบนั่นแหละคือการพรากเวอร์จิ้น เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะมอบมันให้ใครสักคนก็ต้องให้กับคนที่เรารักและเขาก็รักเรา เพราะว่าเวอร์จิ้นสำคัญมาก เป็นเหมือนกับความภาคภูมิใจของหญิงสาว คุณพ่อสอนฉันกับพี่สาวมาแบบนี้แหละ”หญิงสาวอธิบายให้ชายหนุ่มฟัง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทีจะเข้ามาใกล้เธอแล้ว
“เธออายุเท่าไหร่”
“ปีนี้สิบแปด”
“อ้าว เท่ากันกับฉันเลยสิ แล้วพี่สาวเธออายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบเอ็ด นายจะถามไปทำไม” หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งตอบยิ่งงง เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“พี่สาวของเธอป่านนี้คงโดนพรากเวอร์จิ้นไปแล้วมั้ง ไม่เด็กแล้วนะนั่น”ชายหนุ่มลูบคางน้อยๆ ยี่สิบเอ็ดมันก็บรรลุนิติภาวะแล้วนี่นา จูบกับผู้ชายก็คงมีบ้างแหละ
“ไม่จริง! พี่สาวฉันยังบริสุทธิ์ แฟนก็ไม่เคยมี ผู้ชายก็ไม่เคยยุ่ง ไม่มีทางที่พี่สาวฉันจะไม่เวอร์จิ้นเด็ดขาด”หญิงสาวโต้ทันควัน พี่สาวเธอกับเธอนั้น เวลามีเรื่องอะไรก็จะเล่าให้ฟังตลอด ถ้าพี่สาวมีแฟน คนแรกที่รู้ต้องเป็นเธอแน่นอน
“โอเคๆ ฉันเชื่อเธอก็ได้ ว่าแต่เธอชื่ออะไร”ชายหนุ่มยอมเชื่อตามที่หญิงสาวบอก ก่อนจะถามชื่อของผู้หญิงที่นั่งคุยด้วยมาตั้งนาน
“ซูจอง เอ้ย คริสตัล นายต้องเรียกฉันว่าคริสตัล”หญิงสาวเผลอตอบชื่อกลับไปอัตโนมัติ นั่นทำให้เธอต้องรีบแก้ชื่อจนลิ้นแทบจะพันกัน
“ทำไมเธอมีสองชื่อ”ชายหนุ่มถามออกไปด้วยน้ำเสียงงุนงงและไม่เข้าใจ
“ซูจอง เป็นชื่อจริงๆของฉัน มีแค่คนในครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่เรียกชื่อนี้ ส่วนคริสตัลเป็นชื่อเล่นที่ฉันใช้ตอนอยู่แคลิฟอร์เนีย”หญิงสาวอธิบายอย่างง่ายๆและหวังว่าเขาจะเข้าใจ
“เข้าใจและ งั้นฉันเรียกซูจอง”
เธอหวังอะไรอยู่ =___=
“ไม่ได้ นายต้องเรียกฉันว่าคริสตัลสิ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะ”เสียงหวานพยายามอธิบายอีกรอบ ใบหน้ายียวนกวนประสาทของชายหนุ่ม ทำให้เธอไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย
“อื้ม ซูจอง ^__^” รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อ ทำเอาหญิงสาวถอนหายใจอย่างปลงๆ พลางล้มตัวลงไปนอนอีกรอบอย่างเซ็งๆ
“ฉันชื่อไค” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทำให้หญิงสาวที่หลับตาลงไปแล้ว ลืมตาขึ้นมา สายตาของทั้งคู่ประสานกัน เกิดความเงียบขึ้นเพียงชั่วครู่ หญิงสาวก็ตอบเขากลับมาว่า
“ไม่ได้ถาม” จากนั้นเธอก็เอาหมอนปิดหน้าตัวเองนะหลับตาลงอีกครั้ง พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้ อายุสิบแปดเข้าไปแล้ว จ้องตาแค่นี้ทำเขินไปได้
“งั้นฉันกลับห้องก่อนนะ ขอบคุณสำหรับที่พักพิงชั่วคราวนะ ซูจอง” ชายหนุ่มพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมตัวจะเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกเดิน ชายเสื้อของเขาก็กระตุกเบาๆซะก่อน
“มีอะไรเหรอ หรือยังเจ็บคางอยู่” ชายหนุ่มหันมาถามพลางจ้องมองที่คางของหญิงสาว ที่ตอนนี้คงเหลือไว้แต่รอยแดงจางๆเท่านั้น แต่ถ้าเธอเจ็บ เขาคงต้องดูอาการสักหน่อย หากว่ามีอาการช้ำในคงไม่ดีแน่
หนุ่มหล่อนั่งลงข้างๆร่างบางก่อนจะจับคางเล็กๆของเธออย่างทะนุถนอม พลางจับหันซ้ายหันขวาเช็คดูอาการรอบๆว่าซ้ำหรือเปล่า โดยไม่ทันได้สังเกตสายตาของหญิงสาวที่ทอดมองเขาอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก เธอเองก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน รู้สึกเหมือนว่าอยากจะทำอะไรกับเขาสักอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
“ดูแล้วคงไม่ซ้ำ แต่ถ้ายังเจ็บอยู่ เดี๋ยวฉันซื้อยามะ...”เมื่อชายหนุ่มมั่นใจแล้วว่าคงไม่มีอะไรสาหัส เขาจึงพูดไปเรื่อยๆแต่ยังไม่ทันพูดจบ สายตาของเขาก็สบเข้ากับดวงตาใสของหญิงสาวพอดี
“มองฉันแบบนี้ เดี๋ยวก็จับกินซะหรอก” ทั้งสองจ้องตากันเนิ่นนาน ก่อนที่เสียงทุ้มจะทำลายความเงียบลง พร้อมกับผลักหัวหญิงสาวเบาๆ เพียงแค่ดูก็รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคงไม่ประสากับเรื่องพรรค์นี้หรอก พนันได้เลยที่เธอมองเขาแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนกัน ตอนแรกที่คิดจะจูบเธอ เพียงแค่คิดว่าเธอคงพอผ่านผู้ชายมาบ้างถึงได้พูดว่าจะปล้ำได้หน้าตาเฉย แต่เจอแบบนี้เขาทำไม่ลงหรอก แถมยังรู้สึกผิดอีกตั้งหากที่ไปทำแบบนั้น ความเป็นสุภาพบุรุษเขาเองก็พอมีอยู่เหมือนกัน
“ไปเที่ยวสวนสนุกกัน”เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆท่ามกลางความเงียบ ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ
“เธออยากไปเหรอ...กับฉันเนี่ยนะ”ชายหนุ่มถามขึ้น จะไปก็ไปได้อยู่หรอก เพราะเขาก็ว่างเหมือนกัน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงอยากไปกับเขา
“อือ ตั้งแต่ย้ายมาฉันยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยอ่ะ ไปนะ ไหนนายบอกจะให้นายทำอะไรก็ได้ไง”หญิงสาวกลับเข้าสู่โหมดปกติ เธอต้องการเพิ่มสีสันให้กับชีวิตที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายของเธอ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้รับอิสระ แต่พอมีอิสระก็กลับใช้มันไม่ได้ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะไปยังไง ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ
“ก็ได้ งั้นสิบโมงเจอกันหน้าห้อง แต่บอกไว้ก่อนปกติฉันคิวแน่นมาก ได้ควงหนุ่มหล่อแบบฉันเที่ยวสวนสนุกเนี่ย ครั้งเดียวในชีวิตเธอเลยนะจะบอกให้” เขาพูดติดตลกก่อนจะขยี้หัวหญิงสาวเบาๆแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้หญิงสาวยืนใจเต้นแปลกๆอยู่คนเดียว สัมผัสจากมือหนายังคงอุ่นๆอยู่ มือบางจับที่ศีรษะตัวเองก่อนจะลูบเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ
ท่าจะบ้าไปแล้วแฮะเรา....
-------------------------------------------------------------------------------
มาลงตอนแรกค่ะ ที่เหลือก็ตามมีตามเกิด ( ยังไม่ได้แต่งนั่นเอง ฮา )
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^
ความคิดเห็น