ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Heart's Casino กับดักรักลวงหัวใจให้จำยอม (Uncut 2022)

    ลำดับตอนที่ #2 : สวยสังหาร

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 65


     

                  อาคารทำการ Intelligent Agent Organization (IAO)

    เบื้องหน้า..คือหน่วยงานเอกชนที่ให้บริการด้านการวิจัยและนวัตกรรมพร้อมที่ปรึกษาทางกฎหมายแบบครบวงจร ทว่าคนในแวดวงต่างรู้กันดีว่าเบื้องหลังของอาคารสูงเสียดฟ้าแห่งนี้คือองค์กรลับใต้ดินที่รับจ้างทำงานสีเทาให้กับบรรดาผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ เป็นศูนย์รวมของสายลับและนักวิชาการฝีมือดีจากทั่วทุกมุมโลกที่มีเครือข่ายแทรกซึมอยู่ในธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายสาขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน

    ทุกห้องปฏิบัติการของ IAO จะมีระบบรักษาความปลอดภัยสองชั้น คือ ยืนยันตัวตนด้วยคีย์การ์ด ตามด้วยระบบสแกนม่านตา เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระมีเพียงห้องที่ตั้งอยู่ทางปีกขวาชั้นบนสุดของตึก IAO เท่านั้นที่ถูกจำกัดสิทธิ์ โดยจะอนุญาตให้สายลับและนักวิชาการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผ่านเข้าออก

    ห้องที่ว่าคือ ‘ห้องนิรภัยพิเศษ’ ใช้สำหรับเก็บสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป รวมไปถึงสินทรัพย์ดิจิตัลและสินทรัพย์ทางปัญหาที่นอกจากจะมีมูลค่าสูงลิ่วจนประเมินค่าแทบไม่ได้ ยังอาจนำมาซึ่งอันตรายแก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 

    หนึ่งในนั้น...มีงานวิจัยอยู่ไฟล์หนึ่ง...ที่เจ้าของนำมาฝากเอาไว้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในห้องทำงานส่วนตัวที่สเปนเมื่อสามปีก่อน...

    งานวิจัยชิ้นนี้ถูกล็อกด้วยรหัสผ่านพิเศษ แม้กระทั่งแฮกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลกก็ยังไม่สามารถถอดรหัสนี้ได้จนเวลาล่วงเลยมากว่าสามปี โดยระบบจะทำการแจ้งเตือนทุกครั้งว่ารหัสผ่านของงานวิจัยชิ้นนี้ไม่ใช่ตัวเลขหรือตัวอักษรแต่คือรูปภาพ

    ฟังดูเหมือนจะง่าย เพราะแค่หารูปภาพที่ถูกต้องอัพโหลดเข้าระบบบก็เปิดไฟล์งานได้แล้ว แต่ต้องอย่าลืมว่าการที่เจ้าของงานวิจัยใช้ชีวิตโดยไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้สังคมล่วงรู้ทำให้การสืบค้นหาจุดเชื่อมโยงกลายเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

    นี่คือไหวพริบและความแยบยลทางความคิดในการปกป้องข้อมูลชิ้นสำคัญให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกที่คิดจะหากอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัว

    เมื่อสัปดาห์ก่อนทีมไอทีได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วยคัดเลือกรูปภาพที่แฮ็กมาได้จากแล็ปท็อปส่วนตัวของศาสตราจารย์อลันดา ทว่าหลังอัพโหลดไปได้ไม่กี่ภาพหน้าจอก็ปรากฎข้อความแจ้งเตือนว่าหากอัพโหลดรูปภาพเกินจำนวนครั้งที่ตั้งไว้ ระบบจะทำการปล่อยไวรัสเพื่อทำลายไฟล์งานวิจัยรวมไปถึงข้อมูลลับทั้งหมดในเซิร์ฟเวอร์ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ของ IAO 

    นั่นจึงเป็นที่มาของสมมติฐานที่ว่ารหัสรูปภาพดังกล่าวไม่น่าใช่รูปภาพธรรมดาทั่วไป แต่อาจต้องใช้อุปกรณ์เสริมบางอย่างในการสร้างมันขึ้นมา 

    ผ่านไปวันแล้ววันเล่า...บรรดาทีมที่อาสาเข้ามาช่วยถอดรหัสหวังจะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่เบื้องบนต่างก็พากันถอนตัว

    ป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยลจากสมองอันลุ่มลึกและชาญฉลาด ยังคงพิทักษ์ข้อมูลชิ้นสำคัญนี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

    อย่างไรก็ตามมูลค่าสูงลิ่วประกอบกับการที่เจ้าของงานวิจัยด่วนจากไปโดยปราศจากทายาทหรือผู้สืบทอด ทำให้งานวิจัยชิ้นดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ IAO ซึ่งเป็นผู้รับฝากข้อมูลไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารระดับสูงจึงไม่ยอมถอดใจง่ายๆ แม้จะพบกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม ยากถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยอย่างสิ้นหวังในวงเหล้าว่าทางเดียวที่จะถอดรหัสบ้าๆ นี่ได้คือจ้างบาทหลวงมาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของนักวิชาการสาวขึ้นมาจากสุสานแล้วถามว่ารหัสผ่านคืออะไร   

    ชื่อของเธอคือ ‘ศาสตราจารย์อลันดา กรีนแลนด์’ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและทฤษฎีเกี่ยวกับแสงที่เดิมเคยใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ หวังจะสร้างครอบครัวเล็กๆ แสนอบอุ่นกับคนรัก กลับต้องพบจุดจบอันแสนเศร้า เพียงเพราะความรู้ความสามารถที่ประเมินมูลค่ามิได้ชักนำภยันตรายมาสู่ตัว   

    สถานภาพการสมรสถูกปิดบัง...

    สามีและลูกชายที่เจ้าตัวซ่อนเร้นปกปิดอย่างเงียบเชียบราวกับไร้ตัวตน...

    ยังคงเป็นความลับตราบจนทุกวันนี้

     

    ที่ระเบียงทางเดินเชื่อมต่อระหว่างตึก IAO ซึ่งทอดยาวเป็นแนวโค้งอย่างสวยงามทันสมัยที่รังสรรค์ขึ้นโดยสถาปนิกมือหนึ่งของโลก...

    เสียงรองเท้าส้นสูงรัดข้อสีดำสนิทดังกระทบพื้นเป็นจังหวะหนักแน่น เปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจ ชุดหนังรัดรูปสีดำที่ภายในซ่อนอาวุธสารพัดชนิดขับเน้นเรือนร่างสะโอดสะองทว่าอวบอิ่มไปทุกอณูดึงดูดสายตาพาให้ใจสั่นไหวจนเพื่อนชายร่วมองค์กรบางคนยั้งใจไม่ไหวเหลียวกลับมามองแนวโค้งเว้าที่สวยงามราวกับภาพวาดในจังหวะที่เดินสวนกัน แต่แล้วก็ต้องรีบหลุบสายตาแล้วหันขวับกลับมาตามเดิมเมื่อเหลือบไปเห็นนิ้วเรียวสวยกระชับด้ามปืน WALTHER PPK-S* ซึ่งโผล่พ้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงหนังสีดำให้กลับเข้าที่ คล้ายกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าหากยังจ้องไม่เลิกกระสุนในรังเพลิงก็พร้อมจะพุ่งไปทักทายได้ทุกเมื่อ

    ใบหน้าเรียบเฉยปราศจากรอยยิ้ม นัยน์ตาสีเขียวหม่นฉายแววเด็ดเดี่ยวหากก็มีร่องรอยความกังวล

    เคลือบฉาบเป็นเงาบางๆ อยู่ภายใน ขับเครื่องหน้าไร้ที่ติของเธอให้ดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา 

    ทุกอิริยาบถนำมาซึ่งแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้ชายทุกคนต้องยอมศิโรราบเพียงแค่ปรายหางตามอง

    จนอาจกล่าวได้ว่า ‘โมนา ลินคอร์ด’ คือสายลับหญิงที่ผู้ชายแทบทุกคนในองค์กรเฝ้าฝันถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีหวังก็ตาม 

    ชื่อบนบัตรประชาชนของเธอคือ ‘โมนา ลูทธ์’

    ทว่าคนในองค์กรกลับรู้จักเธอในนาม ‘โมนา ลินคอร์ด’ สายลับสาวเจ้าของใบหน้าสวยสง่าที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และการใช้อาวุธทุกรูปแบบจนได้รับการขนานนามจากเพื่อนร่วมทีมว่า ‘สวยสังหาร’ 

    เป็นที่รู้กันว่าสายลับมือดีส่วนใหญ่ใหญ่ยอมทำงานสีเทาให้ IAO เพราะจ่ายหนักจ่ายดี ทว่าสำหรับโมนาจุดประสงค์ในการแฝงตัวมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรลับใต้ดินแห่งนี้คือสืบหาเบาะแสการหายตัวไปอย่างลึกลับของสายลับฝีมือดีวัยห้าสิบกะรัตที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างปฏิบัติภารกิจให้ IAO เมื่อสามปีก่อน... 

    เขาคืออาแท้ๆ ที่เลี้ยงดูเธอแทนพ่อที่จากไปตั้งแต่เธออายุเพียงสามขวบ...

    เป็นสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต...

    ไม่ว่าจะสูญหายไปในรูปแบบใด แต่ ‘เป็น’ ต้องพบคน ‘ตาย’ ต้องพบร่าง 

    ตราบใดที่สถานะของ ‘แมดริค ลูทธ์’ ในระบบฐานข้อมูลสายลับ IAO ยังไม่มีการอัพเดตว่า ‘เสียชีวิต’ ย่อมไม่ผิดที่จะมีความหวัง 

    หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่ ’หน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอาคาร

    ทันทีที่ฝ่ามือเรียวสวยแตะลงบนแผงควบคุม เสียงสัญญาณจากระบบตรวจสอบลายนิ้วมือก็ดังขึ้นเป็นจังหวะสั้นสลับยาวติดกันสองครั้งพร้อมกับคำว่า ‘PASS’ ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอบ่งบอกให้รู้ว่าสถานะของเธอได้รับการยืนยันจากระบบเป็นที่เรียบร้อย

    ร่างสะโอดสะองเดินผ่านประตูบานกระจกที่เลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นห้องปฏิบัติการทรงโดมขนาดใหญ่ ภายในเต็มไปด้วยสายลับฝีมือดีและนักวิชาการระดับอาวุโสที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจากทั่วทุกมุมโลก

    บรรยากาศวันนี้ยังคงดำเนินเป็นปกติเฉกเช่นทุกครั้ง...

    สายลับแต่ละทีมกำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลการปฏิบัติงาน ประชุมหาข้อสรุปเพื่อแบ่งงานตามความเหมาะสมของภารกิจที่ได้รับมอบหมายอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง

    ในขณะที่สายลับพิเศษที่มีความเชี่ยวชาญระดับ S (ย่อมาจาก Special) มักจะได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติงานแบบฉายเดี่ยวจะถูกแยกไปอยู่รวมกันที่ชั้นลอย 

    โมนาคือหนึ่งในสายลับพิเศษระดับ S  

    ...

    ทันทีที่เดินพ้นบันไดมาเพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณชั้นลอย... 

    เหล่าสายลับต่างพากันไปเกาะติดอยู่ที่หน้าจอติดตามการปฏิบัติภารกิจพิเศษของ ‘แอริล’ สาวสวยนัยน์ตาเฉี่ยวที่สอบผ่านการคัดเลือกสายลับระดับ S ด้วยคะแนนอันดับสองของรุ่น แม้ผลคะแนนรวมจะเป็นรองโมนา แต่หากพูดถึงความเชี่ยวชาญด้านการเอาตัวรอดในน้ำคงต้องยกให้แอริลที่สามารถทนทานต่อสภาวะวิกฤติเมื่อต้องดำรงอยู่ในน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุณหภูมิ แรงดัน และการดิ้นรนจากเครื่องพันธนาการ รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาที่มองเผินๆ เหมือนจะเป็นรองโมนาแต่กลับมีหลายเสียงลงความเห็นว่ากินกันไม่ลง 

    แอริลสวยโฉบเฉี่ยวกล้าได้กล้าเสีย ตัดสินใจฉับไว ไม่ยอมแพ้ให้กับอะไรง่ายๆ 

    ในขณะที่โมนาสวยสง่าทว่าซ่อนรูป ภายใต้รอยยิ้มที่แลดูปราศจากพิษภัยเต็มไปด้วยแผนการสารพัดรูปแบบ ถนัดใช้สายตาและการพูดคุยในการเข้าหาเป้าหมายมากกว่าเอาตัวไปพัวพัน

    “พี่แอลขาดการติดต่อจากส่วนกลางไปสักพักใหญ่ๆ แล้ว แถมค่าออกซิเจนในเลือดกับอัตราการหายใจก็ไม่คงที่” สายลับหนุ่มรุ่นน้องที่ตามตอแยเธอมากว่าสามเดือนรีบเดินมารายงานความคืบหน้าในระยะที่ใกล้เกินความจำเป็นจนเธอต้องส่งสายตาปรามจนอีกฝ่ายยอมล่าถอยกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองตามเดิม 

    ว่ากันตามตรงเธอรู้สึกรำคาญนิดหน่อย แต่ก็มองว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีพิษภัยอะไรซ้ำยังชอบคาบข่าวจากหน่วยอื่นมารายงานไม่เว้นแต่ละวันซึ่งก็ได้แต่หวังว่าสักวันจะมีข้อมูลหรือเบาะแสที่เฉียดใกล้การหายตัวไปของแมดลิค ลูทธ์ 

    “โมนา” จูดี้ หัวหน้าสายลับหน่วย S ที่กำลังยืนกอดอกทำหน้าเครียดอยู่ที่หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่หันมาส่งเสียงเรียกเธอให้มาร่วมสังเกตการณ์ด้วยอีกแรง... 

    หญิงสาวยกมือขึ้นแตะที่หูฟังบลูทูธของตัวเองเพื่อจูนสัญญาณเข้ากับระบบติดตามการทำงานของแอริลซึ่งได้รับมอบหมายไปปฏิบัติภารกิจพิเศษที่ Casino Model ซึ่งสายลับทุกคนต่างรู้กันดีว่าระบบตรวจสอบรวมไปถึงอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยมีความรัดกุมแน่นหนาและทันสมัยในระดับที่ยากแก่การแฝงตัวเข้าไปลักลอบกระทำการใดๆ ที่ผิดวิสัยเป็นอย่างยิ่ง 

    การที่แอริลขาดการติดต่อไปโดยไม่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ รวมไปถึงการที่สัญญาณไฟแสดงพิกัดของแอริลกะพริบค้างอยู่ที่ตำแหน่งเดิมมานานกว่าครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีการขยับหรือเคลื่อนที่ใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อพิจารณาร่วมกับตัวเลขแสดงสัญญาณชีพซึ่งอยู่ในระดับที่คล้ายจะวิกฤติก็ไม่ใช่ปกติก็ไม่เชิง ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันตีความไปในทิศทางเดียวกันคือน่าจะถูกจับขังแล้วทรมานอย่างเลือดเย็น

    ปัญหาคือเป้าหมายดันเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่มักจะติดต่อมาขอซื้อข้อมูลทางเทคโนโลยีของ IAO อยู่เป็นประจำ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่หน่วยข่าวกรองส่งข้อมูลยืนยันว่าของชิ้นสำคัญที่เบื้องบนกำลังตามหาน่าจะอยู่ที่เขาคนนั้น  

    “งานนี้ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาจริงๆ คงต้องโกหกว่าพี่แอลไม่ใช่คนของเราเพื่อไม่ให้เสียลูกค้ารึเปล่าคะ” เจนิส สายลับน้องใหม่ของหน่วย S หันไปถามจูดี้ที่ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ การจะทอดทิ้งคนในทีมถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องตัดสินใจร่วมกับฝ่ายบริหาร หัวหน้าหน่วยอย่างเธอจึงไม่ได้อยู่ในข่ายอำนาจที่จะสามารถให้คำตอบกับประเด็นนี้ได้   

    “อาจเป็นได้ว่าแอลจงใจปิดไมค์เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจเพื่อไม่ให้คลื่นสัญญาณไปรบกวนพวกอุปกรณ์ตรวจจับในบ่อน” โมนาวิเคราะห์ 

    “ของที่แอลได้รับมอบหมายให้ไปโจรกรรมอยู่กับตัวเป้าหมาย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพะวงเรื่องคลื่นสัญญาณถูกรบกวน” คำตอบของจูดี้ทำให้ข้อสังเกตของโมนาถูกปัดตกไปทันที  

    “ถ้ามันวิกฤติจริงๆ พี่แอลน่าจะต้องส่งสัญญาณ SOS มาที่ส่วนกลางแล้วรึเปล่า ฉันว่าเราอย่าเพิ่งตื่นตระหนกกันเลยดีกว่า” เจนิสตั้งข้อสังเกตเพิ่ม 

    “ปัญหาคือแอลไม่ใช่คนที่จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ ต่อให้วิกฤติหนักจนโอกาสแทบจะเป็นศูนย์ แอลก็จะหาหนทางที่ทำให้ตัวเองรอดโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร” โมนาเอ่ยในฐานะที่เคยออกภาคสนามด้วยกันกับแอริลมาหลายครั้งหลายหน 

    “การพึ่งพาตัวเองได้ถือเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้มันครอบงำเราถึงขั้นที่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นต้องเดือดร้อน” คำพูดลอยๆ ของจูดี้ราวกับจงใจให้กระทบไปถึงใครบางคนที่แสร้งตีมึนไม่รับรู้ถึงถึงสาส์นที่ส่งตรงถึงตัวเอง

    “???”

    “พี่กำลังบอกเธอนั่นแหละโมนา นิสัยเสียๆ ข้อนี้ของแอริล เธอเองก็เป็นด้วยเหมือนกัน พี่ถึงบอกเธอสองคนทุกครั้งก่อนออกปฏิบัติงาน ถ้ามันจวนตัวถึงขั้นที่จะเอาชีวิตไม่รอด ให้รีบส่ง SOS ถึงส่วนกลาง จริงอยู่ว่าหน่วยของเราเน้นส่งคนออกไปทำงานแบบฉายเดี่ยว แต่ในส่วนของแผนงานและฝ่ายซัพพอร์ตที่อยู่เบื้องหลังทุกคนทำงานกันเป็นทีม ภารกิจสำเร็จคือสิ่งที่เราทุกคนคาดหวัง แต่การรักษาชีวิตของเพื่อนร่วมงานที่ถูกส่งตัวไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จด้วยเช่นกัน ” 

    “...” โมนารับฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเวลากลับไปสมัยมัธยมตอนถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกไปอบรมยืดยาว

    เจนิสที่ยืนเป็นคนกลางเหลือบมองท่าทีของสายลับรุ่นพี่สองคนที่ต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นในแนวคิดของตัวเองแล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก พี่โมนาดูเผินๆ เหมือนคนไม่มีปากมีเสียง แต่เอาเข้าจริงก็ดื้อเงียบอย่าบอกใคร เธอยังจำได้ดีถึงตอนที่หัวหน้าสั่งให้พี่โมนาถอนตัวจากภารกิจช่วยตัวประกันตอนที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ แต่แทนที่สายลับรุ่นพี่จะยอมถอนตัวออกมาแต่โดยดี กลับเลือกหาที่ซ่อนรอจนพวกผู้ก่อการร้ายล่าถอยออกไป ถึงคลานออกจากที่ซ่อนแล้วพาเด็กแฝดสองคนหนีออกมาได้อย่างฉิวเฉียด ทุกวันนี้รอยแผลเป็นที่ต้นขาด้านในจากการถูกรองหัวหน้าผู้ก่อการร้ายแทงแล้วด้วยส้อมยังคงทิ้งรอยจางๆ เอาไว้ หากไม่ตั้งใจสังเกตก็แทบจะมองไม่เห็นเพราะพี่โมนามีพื้นฐานผิวที่ดีแทบทุกบาดแผลบนร่างกายจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้เพียงเล็กน้อยราวมีเหรียญกล้าหาญประดับเป็นเงาบนตัว     

    “เฮ้อ พี่แอลยังเงียบอยู่เลย เป็นไปได้มั้ยคะว่าอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ไมค์พัง หรือไม่ก็...” 

    ปิ๊บ! 

    “อ๊ะ พี่แอลเปิดไมค์แล้วค่ะ” 

    “แอล”

    “...”

    “แอล”

    “...”

    โมนากับจูดี้ผลัดกันส่งเสียงเรียก แต่แล้วสัญญาณก็ถูกตัดไปอีกครั้ง

    ปิ๊บ

    “ดูจากพิกัดแล้ว...ตอนนี้พี่แอลน่าจะอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเป้าหมาย” เจนิสเทียบพิกัดบนหน้าจอกับแผนผังพิมพ์เขียวแล้วก็อดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกทดท้อระคนอิจฉา

    รุ่นพี่สองคนตรงหน้าเธอ...คนหนึ่งเป็นสาวทึนทึก ส่วนอีกคนถึงจะได้ฉายาสวยสังหาร แต่กลับไม่เคยใช้คุณสมบัติที่ว่าเสาะแสวงหาความสนุกที่สั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ

    เธออาจไม่ได้เก่งฉกาจหรือผ่านงานภาคสนามมากเท่าพี่โมนา แต่ดูจากสัญญาณชีพที่สวิงขึ้นสวิงลงกับพิกัดที่นิ่งค้างอยู่ที่เดิมมากว่าค่อนครึ่งชั่วโมงก็เดาได้ทันทีว่าพี่แอลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สมควรจะถูกอิจฉามากกว่าน่าเป็นห่วง

    “แอลคงถูกเขาจับตัวไว้จริงๆ แต่คงไม่ได้กะเอาถึงตาย” โมนาวิเคราะห์สัญญาณชีพในมุมมองที่แตกต่างกับเจนิสโดยสิ้นเชิง 

    “...” เอาเถอะในฐานะรุ่นน้องที่รู้จักมารยาท ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่าถูกมองว่าเป็นเด็กปีนเกลียวสายล่าแต้มจะดีกว่า

    ปิ๊บ!

    “พี่แอลกลับเข้ามาในระบบอีกแล้วค่ะ!” 

    แล้วเวลาก็ได้พิสูจน์ว่าสมมติฐานของเจนิสถูกต้องทุกประการ

    ทันทีที่สัญญาณตอบรับจากแอริลกลับคืนสู่ระบบ...เสียงแรกที่ทุกคนได้ยินไม่ใช่เสียงยืนยันภารกิจ แต่กลับเป็นเสียงครางฮือและเสียงหอบสะท้านที่ดังสอดประสานกันระหว่างแอริลกับเป้าหมาย ตามด้วยเสียงเสียดสีลูบไล้เป็นจังหวะร้อนแรงทำเอาผู้สังเกตการณ์แต่ละคนตกอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป มีเพียงเจนิสที่แอบอมยิ้มที่อยู่ในใจราวกับผู้ชนะในรายการตอบคำถามประลองปัญญา 

    จริงอยู่ว่าภารกิจที่ต้องใช้รูปร่างหน้าตาในในการล่อลวงเป้าหมายมักจะถูกมอบหมายให้แอริลไม่ก็โมนาซึ่งทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าแค่ยืนเฉยๆ ก็มากพอที่จะดึงดูดสายตาได้แล้วไม่ว่าจะกับเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน 

    เพียงแต่ครั้งนี้น้ำเสียงของแอริลฟังดูจะแตกต่างไปจากทุกครั้ง

    แม้กระทั่งคนที่เพิ่งถูกสายลับรุ่นน้องแอบสบประมาทในใจว่าไร้ประสบการณ์อย่างจูดี้และโมนายังรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ใกล้เคียงกับคำว่าถูกล่อลวงโดยสมบูรณ์ 

    เสียงประกอบกิจกรรมยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ทุกคนจำต้องรับฟังและตั้งสติเพื่อคิดวิเคราะห์ว่านี่คือแผนลวงเหยื่อให้ตายใจหรือถูกอีกฝ่ายล่อลวงจนหลงลืมภารกิจที่ได้รับมอบหมาย  

    ภายใต้ท่าทางสงบนิ่งและแววตาที่แลดูนิ่งเฉยของโมนา มีเพียงเจ้าตัวที่รู้ว่าเสียงประกอบกิจกรรมที่กำลังกระทบโสตประสาทอยู่ในขณะนี้คล้ายส่งแรงกระเพื่อมบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล

    ความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายทำให้เธอต้องยกมือขึ้นกอดอกเพื่อคุมสติให้กลับมาสงบนิ่งตามเดิม...

    แม้จะมีหลายครั้งที่เธอต้องกลั้นใจเอาตัวไปพัวกันกับเป้าหมายบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่กลับไม่มีเลยสักครั้งที่เธอจะเกิดอารมณ์ร่วมหรือถูกอีกฝ่ายสั่นคลอนทางอารมณ์เหมือนอย่างครั้งนี้

    [ออร์ดี้...อืม...] แอริลกระซิบเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ท่ามกลางเสียงลมหายใจหนักแน่นของเขาคนนั้นที่แม้จะไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใดๆ ออกมาแต่กลับส่งผลกระทบรุนแรงจนฝ่ามือของเธอชื้นเหงื่อและเผลอกำมือเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

    หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอคล้ายจะกระตุกเป็นพักๆ เสียงลูบไล้ผิวเนื้อที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทนำมาซึ่งความร้อนผ่าวราวกับเธอเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง...

    หญิงสาวบอกตัวเองว่าคงเป็นเพราะเพิ่งกลับจากภารกิจที่ต้องสังหารคนร้ายเพื่อช่วยตัวประกันระหว่างปฏิบัติภารกิจและขาดการพักผ่อนเลยทำให้สภาพจิตใจอ่อนไหวกว่าที่ควรจะเป็น 

    [อะ...ออร์ดี้ ยะ...อย่า...อะ...อื๊อ มะ...ไม่ไหวแล้ว อื๊อออ] เสียงวิงวอนของแอริลที่ขาดสะดุดเป็นห้วงๆ เต็มไปด้วยความทรมานระคนสุขสมจากการถูกซุกไซร้ลูบไล้เป็นจังหวะหนักหน่วงทำเอาคนฟังสั่นสะท้านไปตามๆ กัน 

    “ทำไมฉันรู้สึกเหมือนภาพของทั้งสองคนลอยมาอยู่ตรงหน้าทั้งที่ได้ยินแค่เสียง” เกรซ สายลับสาวเคร่งศาสนาที่ประกาศตัวว่าละทางโลกไม่ข้องเกี่ยวในกามเอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพิศวง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่า ‘เสียง’ จะสามารถรังสรรค์ท่วงท่าและอิริยาบถแสนพิศดารขึ้นมาตรงหน้าราวกับภาพโฮโลแกรมทั้งที่เธอไม่เคยเสพเรื่องราวเหล่านี้มาก่อนไม่ว่าจะในรูปแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ก็ตาม  

    “เพราะเขาคือออร์ดี้ไง เรื่องเอาอกเอาใจผู้หญิงตอนอยู่บนเตียง ไม่มีใครสู้เขาได้ เสียดายเขาไม่นอนกับใครซ้ำเป็นครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นถ้าใครมีโอกาสก็ควรตักตวงให้ได้มากที่สุด แล้วเก็บสำรองไว้ระลึกถึงในอนาคต” เจนิสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มตื้น ดวงตาสะท้อนแววโหยหาระคนร้อนผ่าวอย่างปิดไม่มิด...

    สัมพันธ์แบบปราศจากการผูกมัดในคืนนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในจิตวิญญาณ ทุกครั้งที่นึกถึงสัมผัสร้อนลวกของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านไหวไปทั่วทุกอณูราวกับเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน

    ทุกวันนี้เธอยังนึกขอบคุณเพื่อนสาวที่ชวนไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่บ่อนกลางน้ำแห่งนั้นเมื่อสองปีก่อน

    มันคือประสบการณ์แสนเร่าร้อนที่เธอจะจำตราบจนวันตาย 

    [ฮึก~ ยะ...อย่าหยุด ชะ...ใช่...ตรงนั้น...อืม~~~] 

    ขณะที่แอริลกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นสุดจากทักษะอันแสนช่ำชองของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเป้าหมายสำคัญของปฏิบัติการพิเศษในครั้งนี้ และมีเพียงเจนิสเท่านั้น (?) ที่รู้ว่าความสุขสมที่ว่านั่นมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร จูดี้กับโมนาก็พร้อมใจหันมาสบตากันอย่างอับจนหนทาง ถูกจับเป็นตัวประกันยังพอหาทางส่งคนไปชิงตัวออกมาได้ แต่ถ้าถูกล่อลวงจนสูญเสียการควบคุมถึงขั้นส่งเสียงครวญครางไม่เป็นส่ำจนคน (แอบ) ฟังหน้าร้อนผ่าวไปตามๆ กันแบบนี้ ทั้งสองนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีตัวช่วยใดที่ดึงสติแอริลให้กลับคืนมา

    [อะ...ออร์ดี้...อ๊ะ...อ๊า~ ]     

    “ฉันบอกแล้ว...ไม่มีใครต้านทานเขาตอนอยู่บนเตียงได้หรอก ฉันถึงบอกพี่ไงว่าอย่าโยนงานนี้มาให้ฉันเป็นอันขาด แค่ได้ยินชื่อเขาฉันก็แพ้แล้ว” คนที่เคยลิ้มรสชาติความสุขยามถูกเขากระตุ้นเร้าด้วยทักษะเหนือชั้นหันไปเอ่ยกับจูดี้ที่ยืนกอดอกทำหน้าเครียดเสียงละห้อย “ทุกวันนี้ฉันยังแอบฝันถึงเขาอยู่เลย...” 

    “บอกตามตรง...งานนี้พี่ไม่ได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้เลย จริงอยู่ว่าออร์ดี้ไม่ธรรมดา แต่แอลก็ไม่ใช่คนที่จะถูกไล่ต้อนได้ง่ายๆ แบบนี้” ลึกๆ แล้วจูดี้ยังคงเชื่อมั่นในตัวแอริล 

    “อาจเป็นได้ว่าแอลกำลังแสดงละครตบตาผู้ชายคนนั้นแล้วหาจังหวะเหมาะๆ จบภารกิจ” โมนาเป็นอีกคนที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเพื่อนว่าน่าจะยังครองสติเอาไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย ทว่าความเชื่อมั่นดังกล่าวก็ถูกทำให้พังทลายลงในวินาทีต่อมา...

    [อา~...ออร์ดี้...ออร์ดี้! ออร์ดี้!!!]

    ไม่อาจรู้ได้ว่าเป้าหมายกระทำการอันใดที่ทำให้สายลับสาวนัยน์ตาเฉี่ยวส่งเสียงกรีดร้องเรียกชื่อเขาเหมือนคนที่ถูกบีบเค้นอารมณ์จนถึงขีดสุด

    สายลับแต่ละคนพร้อมใจกันเสมองไปทางไหนก็ได้ที่จะไม่ต้องสบตากับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

    นี่คือการเกาะติดสถานการณ์ฉุกเฉินของเพื่อนร่วมหน่วยที่น่ากระอักกระอ่วนที่สุดในชีวิตตั้งแต่ทำงานให้ IAO สภาพไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ในห้องปิดตายแล้วฉายหนังอย่างว่าให้ดูพร้อมกันเป็นหมู่คณะ

    นาทีนี้โมนานึกขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ตัวเองติดภารกิจอื่นและไม่ต้องเผชิญหน้ากับเป้าหมายที่ดูจะกำราบแอริลเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด

    แม้จะยังไม่เคยมีพลาดท่าเสียทีให้ใคร…

    แต่เสียงกรีดร้องของแอริล รวมไปถึงเสียงขยับไหวเสียดสีที่ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ก็มากพอที่จะบ่งบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญแต่ช่ำชองและเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนแพรวพราวเกินกว่าที่ใครจะต้านทาน กระทั่งแอริลที่ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเจนสนามและรับมือกับเรื่องอย่างว่าได้ดีเยี่ยมก็ยังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดยสมบูรณ์

    “พี่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าแอลจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้ยังไง” จูดี้ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างคนที่เริ่มจะสิ้นหวัง 

    [ฮือ~ ออร์ดี้...ที่รัก...ได้โปรด...]

    เสียงหอบหายใจที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ของแอริล และการที่เจ้าตัวหลุดปากเรียกคนที่กำลังควบขับว่า ‘ที่รัก’ มันช่างสมจริงจนคนในห้องเริ่มไม่แน่ใจว่าภารกิจพิเศษนี้จะจบลงเช่นไร เพราะดูเหมือนสายลับสาวจะตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายเข้าให้อย่างจัง 

    “แอล พี่รู้ว่าเธอยังได้ยินพี่ ตั้งสติ ปลดสร้อยออกจากคอเขา แล้วรีบหนีออกมา พี่รู้ว่าเธอทำได้” จูดี้พยายามพูดกระตุ้นเตือน แม้จะรู้ว่าปลายสายน่าจะหูดับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย 

    “แอล ฉันรู้ว่านี่คือแผนของเธอ ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอไม่ใช่คนที่จะถูกใครครอบงำได้ง่ายๆ” โมนาช่วยกระตุ้นด้วยอีกแรง

    เท่าที่พอรู้มาคร่าวๆ แอริลได้รับมอบหมายให้ไปชิงสร้อยคอของออร์ดี้ที่เจ้าตัวสวมติดคอเอาไว้ตลอด หากเป้าหมายเป็นคนธรรมดาทั่วไปงานนี้ถือเป็นงานที่ง่าย ทว่ามันกลายเป็นงานยากทันทีเมื่อเขาคนนั้นคือหุ้นส่วนบ่อนพนันที่มีลูกน้องคอยล้อมหน้าล้อมหลังแทบจะตลอดเวลา ซ้ำยังเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนแพรวพราว 

    แผนสาวงามลวงเหยื่อให้ตายใจใช้ไม่ได้กับคนอย่างเขา

    ต่อให้เอาตัวไปพัวพันใกล้ชิดก็ใช่จะล่อเขาให้ติดกับได้ง่ายๆ ดีไม่ดีอาจร่วงตกลงไปในหลุมพรางเสียเอง 

    ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าแอริลจะไม่เป็นเช่นนั้น…  

    [อา...อือ...อื๊อ...]

    เสียงหอบสะท้านที่เต็มไปด้วยความทรมานที่รอการปลดปล่อยยังคงดังอย่างต่อเนื่องตามจังหวะการลูบไล้

    ขณะเดียวกันเสียงสายโซ่ที่ดังกระทบกับผนังเป็นพักๆ ทำให้ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาสองคนกำลังอยู่ในท่วงท่าแบบใดกันแน่

    เคร้ง~ เคร้ง~

    “ออร์ดี้เป็นคนที่มีทักษะในการใช้อุปกรณ์ที่อยู่รอบตัวมาทำให้คู่นอนอย่างเรารู้สึกดีจนลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต” เจนิสอธิบายถึงความช่ำชองของเขาด้วยสีหน้าของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน “เชื่อเถอะว่านั่นต้องเป็นเสียงของสายโซ่ที่อยู่หลังกรอบรูปตรงโซฟาในห้องทำงานของเขา

    [อา...แรงขึ้นอีก…ออร์ดี้...] 

    “งานนี้ถ้าแอลทำพลาด ก็เหลือแค่เธอที่เป็นความหวังสุดท้ายของพี่” จูดี้หันไปเปรยกับโมนาที่หันมามองด้วยสีหน้าของคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก  

    “คะ?” แม้จะมีหลายครั้งที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจซ่อมแทนเพื่อนร่วมหน่วยที่ปฏิบัติงานล้มเหลว แต่การจะให้รับมือกับผู้ชายที่สามารถทำให้สาวสวยมากประสบการณ์อย่างแอริลตกอยู่ในสภาพนี้ได้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด “ฉันเชื่อว่าแอลจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างแน่นอนค่ะ” คำพูดนั้นคล้ายจะปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า   

    “พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น ที่ผ่านมาแอลมักวางกับดักหลอกเป้าหมายให้ตายใจแล้วปิดเกมในตอนท้าย เพียงแต่ครั้งนี้มันน่าหนักใจตรงที่...” 

    [อ๊า...อ๊ะ...กรี๊ดดดดดด!!!]

    ในวินาทีที่แอริลดูเหมือนกำลังจะถึงฝั่งฝัน จู่ๆ เสียงครวญครางด้วยความสุขสมก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องสูงแหลมพร้อมกับเสียงลั่นไกดังติดกันสองนัด

    ปัง! ปัง!

    “!!!” โมนายืนตัวแข็งทื่อด้วยคาดไม่ถึงว่าบทสรุปของภารกิจนี้คือลมหายใจของเพื่อนร่วมทีม

    [...] 

    “แอล!!! ยังได้ยินพี่อยู่มั้ย! แอล!” จูดี้ส่งเสียงเรียกลูกทีมด้วยดวงตาแดงก่ำ แม้จะรู้ว่าหมดหวังแต่อย่างน้อยๆ เธออยากให้เสียงสุดท้ายที่แอริลได้ยินก่อนสิ้นใจเป็นเสียงอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เสียงลั่นไกปืน   

    ต้องยอมรับว่ามันคือความผิดพลาดของเธอที่มั่นใจในตัวแอริลมากเกินไป อีกทั้งยังประเมินผู้ชายคนนั้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 

    ระหว่างที่ทุกคนกำลังตั้งสติกับเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจ...

    ปัง!

    เสียงลั่นไกก็ดังขึ้นเป็นนัดที่สาม 

    ตามด้วยเสียงไมค์ติดตัวแอริลที่คล้ายจะถูกใครสักคนจับโยนลงพื้นแล้วบดขยี้ด้วยฝ่าเท้าจนแหลกเละไม่มีชิ้นดี! 

    ไม่กี่อึดใจต่อมาสัญญาณติดตามตัวทั้งหมดของแอริลก็ถูกตัดขาดจากระบบ เหลือไว้เพียงความเงียบงัน... 

     


     


    * ชื่อรุ่นปืนอัดแก๊ส ขนาดเท่าฝ่ามือ เหมาะสำหรับการพกพา นิยมใช้กันในหมู่สายลับระดับประเทศ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×