ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chemical love! รักอันตรายของนายเคมี {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #2 : Chemical love! :: Chapter. H

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 56


    Minor!

    CHAPTER. H

    ปัฐพลกับชลธี


                หน้าที่ของครูใหม่อย่างผมมันไม่ใช่ว่าจะง่ายเลย...เนื่องจากโรงเรียนนี้กำลังขาดบุคลากรที่ทรงคุณค่าหลายอัตรา ทำให้หน้าที่ของครูทุกคนจึงมักหนักกว่าการสอนหนังสือและประชุมภายในหมวดวิชาของตน...อย่างเช่นที่ผมกำลังทำอยู่

                “อาจารย์ปัฐพลคะ ฝากโรลงานของหมวดคณิตให้หน่อยนะคะ” เสียงอาจารย์ประจำห้องธุรการคนเก่งดังขึ้นเมื่อเธอเห็นผมกำลังเดินลงมาพักทานอาหารกลางวันและท่าทีเหมือนคนกำลังว่าง

                ใช่สิ...ครูใหม่อย่างผมจะไปเถียงอะไรใครได้ล่ะ!

                “ได้ครับอาจารย์ เดี๋ยวโรลเสร็จแล้วให้ผมเอาไปไว้ตรงไหนล่ะครับ?”

                “ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป...ขอแรงยกขึ้นไปหน้าห้องสาระคณิตที่ชั้นสองด้วยค่ะ” เธอส่งยิ้มใจดีแกมสงสารมาให้ก่อนจะขอตัวไปทำงานที่คั่งค้างของเธอต่อ

                ใช่ว่าจะรู้ทางที่โรงเรียนนี้ดี...คนเพิ่งเคยมาที่แห่งนี้เป็นครั้งที่สามหลังจากวันยื่นใบสมัครและสัมภาษณ์อย่างผมมันจะสามารถหาไอ้ห้องคณิตศาสตร์นั่นได้เรอะ =[]=!

                เอาเถอะ ไหนๆโรงเรียนนี้ก็ใหญ่และมีนักเรียนมากมาย...ถามทางสักพักเดี๋ยวก็คงเจอแหล่ะหน่าไอ้พล!

                ขณะที่ผมยืนโรลชีทอยู่ก็ถือโอกาสสังเกตรอบๆตัวไว้...โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ใหญ่ในระดับปานกลาง ไม่ถึงขั้นว่ามโหฬารจนเกินไป จากหน้าประตูโรงเรียนเข้ามาก็จะพบสนามหญ้าให้สำหรับนักเรียนชายที่เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน และเมื่อเดินเข้ามาอีกก็จะพบทางแยกไปตึกเรียนต่างๆ ซึ่งมีทั้งหมดสามตึก สำหรับตึกที่ผมอยู่คือตึกของเด็กม.ปลายสายวิทย์ทั้งหมด อีกสองตึกคือสายคำนวณและภาษา

                ตึกวิทย์คณิตจะถูกเรียกว่า ตึกศิษย์เทพ...เพราะนักเรียนทุกคนในตึกนี้ต่างมีความสามารถพิเศษที่โดดเด่นกันคนละด้านและกวาดเอารางวัลจากนอกโรงเรียนมามากมายจึงถูกขนานนามว่าลูกศิษย์เทพแห่งความรู้และสติปัญญา

                ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เห็นอาจารย์ที่ห้องวิทย์เล่าให้ฟังตอนเช้า...แต่จากที่ผมเห็นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเด็กพวกนี้มันเก่งจริงหรือขี้เกียจเรียนคาบผมกันแน่ แต่คาดว่าจะเป็นอย่างหลังเพราะตอนผมเป็นนักเรียน...ผมยิ่งกว่านี้อีกครับ -__-

                ซึ่งประวัติโรงเรียนอะไรที่ละเอียดมากกว่านี้ผมก็ไม่ทราบได้...รู้เพียงแต่ว่าขณะนี้กำลังขาดแคลนครูอย่างหนัก เนื่องจากปีที่แล้วครูได้เกษียณออกไปมาก ดังนั้นผมจึงเปรียบดั่งพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยที่โรงเรียนนี้นั่นเอง

                ก็แค่เปรียบเทียบ...พระเอกที่ไหนมายืนถ่ายเอกสารอย่างนี้ล่ะครับคุณ พูดละเหนื่อยใจ เฮ้อ

                ว่าแล้วก็ยืนดมกลิ่นหมึกถ่ายเอกสารต่อไปจนกระดาษแผ่นสุดท้ายที่ถ่ายออกมาจากเครื่อง รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้าอย่างกับยืนมาสองชั่วโมงเลยว่ะครับ -0-

                เวลาพักของนักเรียนเป็นปกติที่มีเสียงพูดคุยกัน แต่รู้สึกเสียงที่ผมได้ยินมันค่อนข้างจะดังเกินไปหน่อยแล้วนะ...

                “เฮ้ย! มึงกวนตีนกูเหรอวะ!!!” เสียงนักเรียนชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาลั่นโรงอาหาร ทำให้ผมทิ้งเอกสารที่วางเอาไว้แล้วรีบวิ่งไปดูเหตุการณ์

                ในขณะที่ผมวิ่งไปจนใกล้จะถึงแล้ว ก็มีคนที่วิ่งไปเร็วยิ่งกว่านำหน้าผมไปเหมือนเงาวูบ...แต่แล้วคนนั้นก็ยืนหยุดนิ่ง ส่วนผมที่มาถึงทีหลังทำให้เห็นว่านักเรียนชายที่กำลังมีเรื่องนั้นถึงตัวสูงเกือบเท่ากับผมแถมยังแต่งกายไม่เรียบร้อยสักที่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ตรงหน้าคือนักเรียนชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่าโข...กำลังก้มหน้าตัวสั่นด้วยความกลัว

                “กูบอกให้มึงตอบกูไง!” คราวนี้นักเรียนตัวสูงคนนั้นก็กระชากคอเสื้ออีกคนขึ้นมาใกล้ๆจนตัวลอย

    “เฮ้ หยุดนะ!” ผมพูดเสียงดังแล้ววิ่งเข้าไปแยกทั้งสองคนออกจากกัน

    “จารย์ไม่เกี่ยวอะไรก็ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องผม!” สอนที่โรงเรียนไหนมาผมยังไม่เคยเจอใครก้าวร้าวขนาดนี้มาก่อนเลยเหอะให้ตาย - -

    “ทุกการกระทำที่ผิดกฎโรงเรียนทั้งในและนอกสถานที่มันก็เกี่ยวกับผมหมดแหล่ะหน่า”

    ไอ้เด็กนี่จิ๊ปากอย่างไม่พอใจใส่ผมก่อนจะเบือนหน้าไปจ้องหน้ากับนักเรียนอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย

    เมื่อหันไปหาคนที่วิ่งนำผมมาแล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่วิ่งนำผมมาก่อนก็คืออาจารย์ชีวะแสนหยิ่งคนนั้นนั่นเอง และไม่แม้แต่ชายตามาที่ผมสักนิดกลับจ้องหน้านักเรียนตัวโตคนนั้นไม่วางตา

                “ในโรงเรียนห้ามมีเรื่องทะเลาะวิวาทไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น ทั้งสองคนมาที่ห้องปกครองเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินไปกระชากข้อมือของเด็กทั้งสองที่ผมกำลังขวางเอาไว้อยู่ให้เดินตาม ทิ้งให้ผมยืนมองแบบอึ้งๆกับความใจกล้าของครูคนนี้

                เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดแล้วหันกลับมาที่ผม

                “เดี๋ยวต่อไปผมจัดการให้ คุณไปทำงานของคุณต่อเถอะ” เมื่อจบประโยคผมก็เลิกคิ้วให้ เชิงถามว่าไหวแน่เหรอ?

                ไม่มีคำตอบรับกลับมากลายเป็นว่าผมถูกเมินโดยสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอน ไหนๆผมก็โดนไล่ละ คนปกติที่ไหนมันจะตื๊ออยู่ต่อล่ะครับ? ผมเลยเอ่ยรับไปสั้นๆแล้วจากไป “ครับ”

     

                กลับมาประจำการที่เดิม ณ เครื่องเอกสารเครื่องเก่า

                ผมจัดชีทที่ซีร็อกซ์เสร็จแล้วเดินไปหาห้องคณิตศาสตร์ต่อ แต่ด้วยปริมาณชีทที่มีมากเกินไปผมจึงต้องวานเด็กแถวนั้นให้ช่วยพาไป รู้สึกจะเป็นเด็กที่ผมเพิ่งสอนคาบเมื่อกี้เพราะจากท่าทางที่เหมือนจะจำผมได้แล้วเดินเข้ามาทักด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

                ขอโทษนะครับลูกศิษย์ มาทำหน้าที่นักเรียนที่ดีซะเถอะครับ หึๆ...

                “เมื่อกี้จารย์เห็นในโรงอาหารปะ?” นักเรียนที่ผมได้รู้มาแล้วว่าชื่อประสิทธ์ แต่ให้ผมเรียกชื่อเล่นแทนว่านัทเพราะชื่อจริงไอ้เด็กนี่เหมือนชื่อคนอายุรุ่นลุงๆป้าๆ...ดู๊ดู มันชวนครูคุยซะอย่างกับเพื่อนเล่น - -

                “เห็นอยู่ เด็กที่ตัวสูงๆนั่นแรงเยอะใช่เล่น”  

                “แน่ดิจารย์ มันเป็นนักกีฬาโรงเรียนนะ...เด็กโรงเรียนอื่นกรี๊ดมันจะตาย”

                “ก็ว่าอยู่...”

                “แต่เมื่อกี้จารย์ชลมาดโคตรโหดอ่ะ กริบทั้งโรงเลย”

                “ครูคนนั้นชื่อชลเหรอ? เค้าเป็นคนยังไงอ่ะ” ทีนี้จะได้รู้นิสัยเขาสักที ไม่ใช่ว่าหยิ่งกับผมคนเดียวนะเฮ้ย ไม่งั้นความสัมพันธ์ระหว่างครูวิทย์ด้วยกันคงไปได้ไม่สวย...

                “ช่ายยย จารย์เค้าชื่อชลธี เป็นครูชีวะที่โคตรของโคตรของโคตรเก่ง แต่ไม่มีใครที่เรียนตามทันเลย...เร็วอย่างกับจรวด แถมเวลาสั่งการบ้านนี่โหดชิบเป๋ง ผมแทบจะตายคากองการบ้านอ่ะ” เวลาพูดถึงการบ้านนี่เหมือนโลกจะแตกกันทุกคนจริงๆ...มันเป็นทุกโรงเรียนเลยนะ ให้มากก็บ่น ให้น้อยเดี๋ยวเด็กก็ขี้เกียจแต่ให้ไปพวกมันก็ลอกกันอยู่ดีและครับ

                งี้แหล่ะนะ...ชีวิตเด็กไทย  

                “เรื่องการบ้านนี่ครูทุกคนเค้าให้เยอะอยู่แล้วเหอะ ไม่ต้องบ่นเลย” ผมเอ็ดมันไปด้วยความหมั่นไส้

                “โถ่ จารย์ก็ว่าไปนั่น...เปลี่ยนเรื่องดีกว่าเดี๋ยวเข้าตัว” มันช่างเป็นเด็กที่เอาตัวรอดเก่งจริงๆ หรือให้เรียกอีกอย่างว่ากะล่อนมาก คุยด้วยกันไม่นานก็ทำตัวเหมือนสนิทสนมกันมาหลายปี...หรือว่าผมทำตัวไม่น่าเคารพวะเนี่ย -0-

                “เออเนี่ย แล้วทำไมเมื่อกี้ตอนที่เสียงดังกันไม่มีใครเข้าไปห้ามเลยล่ะ” ผมก็ยังงงกับเรื่องเมื่อกี้จริงๆ ถึงผมจะวิ่งเข้าไปที่โรงอาหารแล้วก็ไม่เห็นมีเพื่อนคนไหนที่ช่วยห้ามไอ้เด็กตัวโตนั่นเลย มีแต่แอบหันไปมองแบบเงียบๆ

                “ก็ไอ้เนิร์ดนั่นมันไม่มีเพื่อนนี่ครับ ใครจะไปช่วยมันได้ล่ะ แถมนิสัยก็แปลกอีกต่างหาก บรึ๋ย...”  

                “บ้าหน่า อะไรจะขนาดนั้น สักคนก็ไม่มี?” ทีนี้ผมเริ่มคิ้วขมวดนิดนึง และเริ่มสนใจกับประเด็นนี้

                “มันเรื่องจริงครับ เดี๋ยวถ้าจารย์ได้ไปสอนห้องมันเดี๋ยวจารย์ก็คงรู้เอง”

                “เอ้า ไม่เล่าให้ฟังเหรอ อุตส่าห์จะตั้งใจ” ผมพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ...เพราะไอ้เจ้านัทมันเดินมาส่งผมถึงหน้าห้องคณิตแล้ว ถ้าจะคุยกับนักเรียนมากไปให้ครูคนอื่นเห็นตอนนี้คงถูกมองว่าไม่ดีเท่าไหร่

                “ไม่บอก...ผมวางตรงนี้นะครับ ไปและ บ๊ายบาย” พอผมวางชีทเสร็จหันไปอีกที เด็กนั่นก็วิ่งปรู๊ดไปแล้ว ผมส่ายหน้าอย่างระอาใจปนขำอยู่คนเดียวก่อนที่จะเดินไปแจ้งครูคณิตคนนึงที่กำลังนั่งอยู่ว่าได้เอาชีทขึ้นมาให้แล้ว ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับพร้อมกับกล่าวขอบคุณตามมารยาท

                เหลือเวลาพักทานอาหารของผมอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีเพราะผมมีคาบสอนหลังขึ้นพัก แต่พอไปถึงที่โรงอาหารก็ไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว...ถ้าให้เดินออกไปซื้อข้าวข้างนอกตอนนี้ก็คงไม่ทัน เอาวะ! เดี๋ยวสอนคาบนี้จบแล้วค่อยออกไปกินก็ได้

                เกิดมาเป็นครูเคมีต้องอดทน เกิดมาจนต้องทำงาน!

     

    #TALK

    อุต่ะ สวัสดีค่านักอ่านทุกคนนนนน ฮิ้วววววววว พลอยมาลงแล้วน้าตอนหนึ่ง...สั้นไปหน่อยเนอะ T^T คิดถึงกันไหมมม แง้วว หายไปนานเลย...งานเยอะมากมาย ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิต ฮ่าๆ

    นักอ่านทุกคนสบายดีไหมมม? รักนะคะจุ้บๆ

    ปล. เหมือนอย่างกับกลับมาเริ่มแต่งใหม่อีกครั้งเลย สงสัยต้องฝึกเขียนใหม่แล้ว เอ้าฮึบๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×