ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [GOT7 Markbam] Love Announcement รักก็บอก

    ลำดับตอนที่ #30 : EP27 My Reason (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.43K
      22
      25 ก.พ. 58





                           “เห้ย!!!! ก็ฟังกันหน่อยดิวะ จะหลบหน้าทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญขนาดไหนวะ

                                                                                 จริงๆฮยองมันก็เหี้ยเหมือนกันแหละที่ทำกับผมแบบนี้

     

    หลังจากได้ยินสิ่งนั้นออกมาจากปากเพื่อนของผมแล้ว ผมก็รีบดึงไอ้ยูคเข้าไปในห้องทันที รู้กันไหมครับว่าตอนไอ้ยองแจมันโกรธมันน่ากลัวขนาดไหน

     

     

    ผลั๊ว!

     

    เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นหลังจากที่ผมผลักเข้ามาอย่างแรง..แต่คนในห้องกลับไม่มีใครสนใจพวกผมที่เพิ่งเข้ามาเลยสักคน..

     

     

    “นาย...จะบอกว่าฉันเหี้ยเนี่ยนะ .. ตรงไหนกัน ไอ้เรื่องบ้าๆทั้งหมดเนี่ยมันเป็นเพราะพวกนายสองคนไม่ใช่หรอ พวกนายเป็นคนหักหลังฉันนะเว้ย” เจบีฮยองแค่นหัวเราะออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องขำขัน

     

     

    “ใช่..ผมยอมรับ แต่ถ้าฮยองลองมองให้ลึกสักนิด ฮยองอาจจะเข้าใจก็ได้ว่าทำไมผมพูดว่าฮยองมันก็ไม่ต่างกับพวกผม.....”

     

     

    อีกคนขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนผมกำลังพูด...แต่กลับเป็นทุกคนที่อยู่ในห้องที่เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ยองแจพูดออกมา รวมทั้งตัวผมเองด้วย

     

     

    “ผมรู้สึกผิดกับฮยองมากนะครับ ผมถึงต้องการมาขอโทษฮยองแต่ผมก็ไม่กล้าขอให้ฮยองยกโทษให้ผมหรอกนะครับ เพราะสิ่งที่ผมทำมันก็แย่จริงๆ แต่ถ้าคิดดูดีๆแล้วมันก็มีเหตุผลให้ผมต้องมีใครอีกคน” ยองแจกัดปากก้มหน้าในขณะที่พูดในประโยคสุดท้ายที่แสนจะบางเบานั่น

     

    “ไหนๆก็พูดแล้ว..ก็พูดมาสิว่านายมีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนั้น”มาร์คฮยองที่ยืนเงียบๆอยู่กับจูเนียร์ฮยองพูดขึ้นมา

     

     

    “ครั้งแรกเลย ฮยองจำได้ไหม...วันนั้นที่ฮยองกับผมเราเจอกันโดยบังเอิญที่ป้ายรถเมล์ ฮยองดูเศร้ามากเลยนะ แต่นึกๆดูแล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมขอเลือกไม่เดินเข้าไปทักฮยองจะดีกว่า...”

    ยองแจถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเริ่มเล่าถึงอดีต... ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้เรื่องราวอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่คิดจะขัดยองแจมันเลยสักนิด เรารู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง...แต่ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนกำลังรู้สึกอะไร

     

     

    “วันนั้นผมนั่งคุยเป็นเพื่อนฮยองเป็นชั่วโมงเลยนะจำได้ไหม...หลังจากนั้นพอฮยองเจอผมในโรงเรียน ฮยองก็มักจะโบกมือทักทายผม ยิ้มให้ผมแทบทุกวันจนผมเริ่มชอบฮยองแล้วเราก็เริ่มคุยกัน ตอนนั้นผมมีความสุขมากเลยนะครับฮยอง จนสุดท้าย..เราก็ตกลงเป็นแฟนกัน...”

     

    “ผมรู้ว่าฮยองสนิทกับจูเนียร์ฮยองมาก ผมรู้ว่าฮยองดูแลกันดีมาตลอด ตอนแรกผมคิดว่าฮยองสองคนคบกันด้วยซ้ำไป...”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้น เจบีฮยองก็เหลือบหันไปมองจูเนียร์ฮยอง แต่ก็แค่แป๊ปเดียว ก่อนจะรีบก้มหน้าหันมาอีกทางทันที

     

     

    “เราเคยทะเลาะกันเรื่องจูเนียร์ฮยองด้วยจำได้ไหม อ่อ..แต่ฮยองคงไม่ได้บอกจูเนียร์ฮยองเพราะกลัวเค้าไม่สบายใจใช่ไหมหล่ะครับ ฮยองบอกผมว่าฮยองกับจูเนียร์ฮยองเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน แล้วฮยองบอกว่าถึงแม้เราจะคบกันแต่ไม่ได้หมายความว่าฮยองจะต้องเปลี่ยนไปกับจูเนียร์ฮยอง ฮะๆ รู้ไหมผมเกือบเลิกกับฮยองไปแล้วนะตอนนั้น แต่เพราะผมชอบฮยองมาก เพราะผมไม่อยากเสียฮยองไป ผมเลยทน..”

     

    “ฮยองไปส่งจูเนียร์ฮยองถึงที่บ้าน ทั้งๆที่ฮยองส่งผมแค่ที่ป้ายรถเมล์ วันหยุดที่ผมกับฮยองไปเดทกันถ้าจูเนียร์ฮยองโทรมาฮยองก็พร้อมจะไปหาทุกครั้งทั้งๆที่เค้าไม่ได้ร้องขอเลยสักนิด ผมเจ็บทุกครั้งที่เห็นฮยองวิ่งออกไปทั้งๆที่เรากำลังอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมผมจะไม่รู้ว่าฮยองหน่ะโทรไปหาจูเนียร์ฮยองทุกครั้งเพื่อถามว่าจูเนียร์ฮยองชอบอะไรเพื่อจะเอามาให้ผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้ชอบมันเลยก็ตาม ฮยองหน่ะเอาจูเนียร์ฮยองเป็นศูนย์กลางของฮยองแทบทุกอย่าง...ทั้งๆที่ผมเสียใจทุกครั้ง แต่ผมกลับทำได้แต่เงียบแล้วก็ต้องชินกับเรื่องทั้งหมดไปเอง”

     

     

    คิ้วหนาของคนฟังอย่างเจบีฮยองขมวดเข้าหากันเป็นปมเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ยองแจพูดออกมา

     

     

    “ผมถามฮยองจริงๆนะ ฮยองหน่ะ..เคยรักผมบ้างมั้ย”

     

     

    “ถ้าฉันไม่รัก ฉันจะไปคบกับนายทำไมวะ”

     

     

    “ฮยองอาจจะชอบผม แต่อาจจะไม่ได้รักผมก็ได้นะ” ยองแจมองตรงไปยังเจบีฮยอง จ้องเข้าไปในตาคมนั้นเพื่อพูดให้อีกคนเข้าใจ ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “แต่หลังจากนั้น...แจ็คสันฮยองก็เข้ามา ผมหวั่นไหว เพราะผมได้รับทุกอย่างจากเค้า เพราะแจ็คสันฮยองทำให้ผมสัมผัสได้ถึงคำว่าแฟนและความรักจริงๆ”

     

     

    “ฉันยอมรับ...ว่าฉันทำหน้าที่แฟนได้แย่จริงๆ แต่ก็ต้องบอกว่าตอนนั้นฉันก็ชอบนายจริงๆนะ” เจบีฮยองตอบกลับไปด้วยเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด  “แต่เรื่องที่ฉันคาใจ..ทั้งๆที่กูเป็นเพื่อนมึง แต่ทำไมมึงต้องหักหลังกู” เจบีฮยองหันไปพูดกับแจ็คสันฮยองในประโยคสุดท้าย

     

     

    “มึงก็พูดเหมือนที่มึงพูดกับกูวันนั้นอ้ะ แต่กูก็ไม่ได้เข้าข้างมึงนะเว้ยเพราะมึงผิดจริงๆ” มาร์คฮยองพูดขึ้นมาอีกครั้ง...

     

     

    “กูก็ผิดจริงๆนั่นแหละ”

     

     

    “เออ!! มึงผิด” ถึงแม้ว่าเจบีฮยองจะตะโกนกลับไป แต่ผมกลับรู้สึกถึงน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าตอนแรกลงไปมากเลยทีเดียว

     

     

    กูชอบยองแจก่อนมึงอีก..

     

     

    ทุกคนหันขวับไปทางแจ็คสันฮยอง ย้ำนะว่าทุกคน รวมทั้งไอ้ยองแจด้วยซ้ำอะไร มึงไม่รู้เหมือนกันหรอวะ นี่กูอึ้งนะเนี่ย

     

     

    “ว่าไงนะ” เจบีฮยองโพลงขึ้นมาเสียงดัง

     

     

    “กูชอบเค้าก่อนมึง กูมองน้องก่อนมึงด้วยซ้ำ แต่กูเสือกจีบน้องช้ากว่ามึง จนกูเองก็ต้องพยายามตัดใจเพราะมึงเป็นเพื่อนกู...แต่พอกูมาเห็นมึงทิ้งๆขว้างๆไม่ใส่ใจในสิ่งที่แฟนควรจะทำ กูรู้สึกว่าแม่งโคตรไม่แฟร์เลยหว่ะทึ่คนที่กูชอบต้องมาเจออะไรแบบนี้ กูชอบเวลาที่น้องยิ้ม กูชอบเสียงหัวเราะของน้อง พอพวกมึงคบกันนานวันสิ่งที่กูชอบมันกลับน้อยลงจนแทบจะไม่เหลือ มันเลยทำให้กูโกรธมึง จนกูตัดสินใจจะจีบยองแจโดยที่กูจะไม่แคร์มึงแล้ว เพราะมึงไม่ดูแลเค้าเอง...”

     

     

    ผมแทบจะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อได้ยินแจ็คสันฮยองพูดแบบนั้น ผมรู้สึกว่ามัน...เท่ มากๆนะ ถึงแม้สถานการณ์ในตอนนี้มันจะไม่เอื้ออำนวยในการรู้สึกแบบนี้ก็เถอะ

     

     

    “แต่กูก็ยอมรับว่ากูมันเหี้ยจริงๆ กูขอโทษ... มึงไม่จำเป็นต้องยกโทษให้กูก็ได้นะแค่มึงไม่เกลียดกูก็พอ..กูแคร์มึงจริงๆนะเว้ย กูไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมึงไป”แจ็คสันฮยองส่งสายตาจริงใจพร้อมกับความรู้สึกผิดไปให้เจบีฮยอง

     

     

    “กู...ไม่รู้ กูยังรู้สึกแย่ที่มึงทำแบบนั้นกับกูอยู่ กูจะกลับบ้าน”เจบีฮยองยืนชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา โบกมือปัดๆก่อนจะเดินไปหาจูเนียร์ฮยองแล้วลากให้ออกไปพร้อมกัน ท่ามกลางความงุงงงของทุกคนทันที

     

     

    “อ้าวเห้ย อะไรของมึงเนี่ย”มาร์คฮยองพยายามจะเดินไปตามเจบีฮยองให้กลับมาคุยให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปผมก็คว้าหมับเอาไว้ก่อน

     

     

    “ฮยองไม่ต้องไปหรอกครับ ปล่อยไปเถอะ ผมว่าเค้าคงใจเย็นและรับฟังมากขึ้นแล้วแหละ ตอนนี้ก็เหลือแต่รอเวลา แบมเชื่อว่าทุกอย่างก็จะดีเอง”

     

     

    “อ่า..นั่นสินะ ทำไมถึงคิดไม่ได้วะ”อีกคนพึมพำกับตัวเองคล้ายจะอารมณ์เสียนิดๆด้วยซ้ำ... ก็แหงหล่ะมาร์คฮยองเป็นคนฉลาดและไหวพริบดีนี่นะ แต่เรื่องง่ายๆกลับคิดไม่ถึง 5555555

     

     

    ยองแจกับแจ็คสันฮยองก็ดูจะโล่งใจไปมากกับการที่ได้พูดสิ่งที่อยู่ออกไปสักที ... ผมเหลือบมองเวลาที่ข้อมือตัวเองก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว สงสัยฟ้าข้างนอกต้องมืดแล้วแหงเลย เพราะนี่มันก็เข้าหน้าหนาวแล้วพระอาทิตย์ก็ตกไปตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วด้วยซ้ำ

     

     

    “แบมว่าเรากลับกันเถอะ ฟ้ามืดแล้วนะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็พยักหน้าก่อนจะไปหยิบของของตัวเองเตรียมพร้อมจะกลับบ้าน

     

     

    “ยูคๆ ไอ้ยูคมึง ไอ้สัสยูค”มันสะดุ้งทันทีที่ผมเรียกมันในครั้งที่สาม

     

     

    “ห้ะ!

     

     

    “กลับบ้าน ยืนเหม่อมองประตูอยู่นั่นแหละ” ผมดันๆมันไปที่ตรงประตู มันค่อยๆพยักหน้าตอบสนองผมก่อนจะเดินออกไปพร้อมกัน.....

     

    หวังว่าอะไรมันจะคลี่คลายสักทีนะ...
     

    50%



    Junior’s Part

     

    ผมเดินตามบีออกมาจากห้องชมรม...ไม่สิ ต้องพูดว่าลากออกมาเลยมากกว่า จริงๆผมก็ไม่เข้าใจอารมณ์บีสักเท่าไหร่หรอกนะครับ

     

    ตอนที่มาร์คมาคุยกับผมเรื่องบีกับแจ็คสัน ผมก็แอบลังลหมือนกันว่าจะทำตามแผนที่มาร์คบอกมั้ย แต่ผมก็อยากให้เพื่อนทั้งสองคนของผมคยกันสักที แต่ก็นะครับเรื่องแบบนี้ผมเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา ตลอดปิดเทอมที่ผ่านมาก็มีบ้างที่บีมักจะหลุดพูดชื่อแจ็คสันออกมาบ่อยๆ แต่พอรู้ตัวก็เงียบแล้วเปลี่ยนเรื่องไปในที่สุด

     

    ตอนแรกผมก็โกรธสองคนนั้นนะที่ทำแบบนี้ แต่พอได้มาฟังเหตุผลของแจ็คสันกับยองแจเอาซะผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แล้วยิ่งมามีผมเป็นต้นเหตุหลักในการตัดสินใจของยองแจและแจ็คสัน ผมก็ยิ่งพูดไม่ออกมากกว่าเดิมได้แต่ก้มหน้าฟังต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในใจ

     

    ผมสะบัดหัวตัวเองเพื่อที่จะหยุดนึกถึงเรื่องบ้าๆนี่ก่อนจะกลับมาสนใจคนที่กำลังลากผมอยู่ตอนนี้

     

    “บี…แล้วกับแจ็คสัน…”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค อีกคนก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

     

    “เนียร์..อย่าเพิ่งพูดถึงมันเลยนะ บีขอร้อง”

     

    พูดจบอีกคนก็ลากผมออกมาจากตรงนั้นก่อนจะตรงดิ่งกลับไปที่บ้านของผมทันที

     

     

     

     

     

    “อ้าวแจบอม วันนี้มาค้างบ้านแม่อีกแล้วหรอ นี่แม่นึกว่าเราโดนไล่ออกจากบ้านมาแล้วนะเนี่ย” แม่ของผมเอ่ยแซวทันทีที่เราสองคนเข้ามาในบ้าน

     

     

    “โถ่แม่บ้านผมก็มีครับแต่วันนี้ผมมีเรื่องจะคุยกับจินยองหน่อยหน่ะครับ ก็เลยขี้เกียจกลับบ้านแล้วอ้ะแม่”บีส่งยิ้มไปให้แม่ของผมที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว

     

     

    “แม่ก็เห็นเราพูดอย่างงี้ตลอดเลย คิดอะไรกับลูกชายแม่รึเปล่าเนี่ย” แม่ผมเอ่ยแซวพร้อมหัวเราะร่าออกมาอย่างสบายใจรวมทั้งคนข้างๆที่พลอยหัวเราะตามไปด้วย แต่ผมนี่สิหน้าร้อนแห่อหมดแล้วเนี่ย

     

     

    “แม่!!! พูดอะไรเนี่ย แม่ก็รู้ว่าเราเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน”ผมเหวกลับไป แต่อยู่คนข้างๆกลับเงียบขึ้นมาซะอย่างนั้น

     

     

    “เอ่อแม่ครับ งั้นเราขอขึ้นห้องก่อนนะครับ”บีหันไปหาแม่ผมอีกครั้งนึงก่อนจะลากผมตามขึ้นมาด้วย เป็นอะไรของเค้าวะ

     

     

     

    ปัง

     

    เสียงปิดประตูตามหลังมาทำให้ผมสะดุ้ง ทำไมต้องทำเสียงดังด้วยวะ อิมแจบอม

     

     

    “อะไรของบีเนี่ย ตอนแรกก็อารมณ์ดีๆ นี่เป็นอะไรอีกหล่ะ” ผมมองตามคนที่ปิดประตูไล่หลังตัวเองเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงของผมอย่างถือวิสาสะ

     

     

    “เมื่อสามปีที่แล้วเนียร์ก็เคยพูดแบบนี้”

     

     

    “หืมมม สามปีที่แล้ว พูดอะไรหรอ” ผมสงสัยที่จู่ๆอีกคนก็พูดถึงเรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว ผม…พูดอะไรงั้นหรอ

     

     

    “เห้อ ไม่รู้หรือไงเพราะคำพูดของตัวเองแท้ๆทำให้บีมารู้จักกับยองแจเนี่ย” คนข้างๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอานิ้วมาจิ้มที่หน้าผากผมย้ำอยู่แบบนั้น ราวกับว่าจะทำให้ผมจำได้งั้นแหละ

     

     

    “เดี๋ยว หมายความว่าไงเล่ามาดิ้”ผมเอามือจับนิ้วชี้ของบีเพื่อให้เค้าหยุดจิ้มหน้าผากผมสักที

     

     

    “ช่างมันเถอะ บีก็คงเป็นได้แค่เพื่อนเนียร์สินะ”บีพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะทิ้งตัวนอนราบไปกับเตียง แล้วยังไม่วายพลิกตัวนอนหันหลังใส่ผมซะงั้น แล้วไอ้ที่พูดหมายความว่าไงห้ะ

     

     

    “นี่หันมาคุยกันก่อนนะบี นี่!!!!”ผมเขย่าแขนอีกคนแรงๆ แต่บีก็นอนหันหลังอยู่อย่างนั้นไม่ยอมสนใจผมเลยสักนิด ผมก็ได้แต่พึมพำเบาๆคนเดียว “ใครกันแน่ ทั้งๆที่บอกชอบไปแล้วแท้ๆ อยากงอนก็ตามใจเลย จะงอนเหมือนกัน” ผมปาหมอนใส่คนที่นอนอยู่อย่างหมั่นไส้ก่อนจะเตรียมลุกออกไป

     

     

    หวืดด

     

     

    แต่ยังไม่ทันไรผมก็ถูกฉุดแขนลงไปนอนทับอกหนาของอีกคนทันที

     

     

    “บี!!! ปล่อยเรานะ”ผมพยายามลุกขึ้น แต่อีกคนก็มือไวกว่าใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับข้อมือผมไว้ ตวัดโอบรอบเอวเพื่อไม่ให้ผมหนีไปไหนได้ จริงๆผมก็ควรจะเขินหรอกนะครับ ถ้าไม่ติดที่ว่าอิมแจบอมคนนี้เค้าเล่นแบบนี้เป็นประจำแล้วหล่ะครับ

     

     

    “ไม่!!! เมื่อกี๋ได้ยินนะเนียร์พูดอะไร” คนที่ผมกำลังนอนทับอยู่ปล่อยมือจากข้อมือผมก่อนจะกวาดมือไปกอดรอบเอวผมให้แน่นกว่าเดิม

     

     

    ผมว่า…ผมควรจะเขินได้แล้วมั้งครับ ถ้ามันจะใกล้กันขนาดนี้

     

     

    “อะไร”

     

     

    “หรือว่าที่บีทำมันไม่ชัดเจน…” พูดจบอีกคนก็พลิกตัวผมให้นอนราบลงกับเตียงแทน

     

     

    “หะ..หือ ทำอะ…ไรผมพูดจาติดๆขัดๆเมื่อคนตัวสูงเริ่มโน้มหน้าเข้ามาจนปลายจมูกเราแตะกัน

     

     

    “งั้น….

     

     

    เป็นแฟนกันมั้ย

     

     

    ห้ะ O/////O

     

     

    “บี”

     

     

    “ขอโทษที่ไม่ยอมรับว่าบีก็รักเนียร์ รักมานานแล้ว แต่เพราะบีกลัว กลัวว่าถ้าบีคิดหรือทำอะไรที่มากกว่าเพื่อนลงไป เนียร์อาจจะไม่ชอบ อาจจะเลิกคบบีไปเลยก็ได้ บีไม่อยากให้เราห่างกันไป… แต่ตอนนี้บีมั่นใจแล้วหล่ะที่จะพูดคำนี้ออกไป ไม่อยากจะพูดจริงๆว่าพราะสองคนนั้นอีกนั้นแหละ ที่ทำให้เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ แต่ไม่มีพวกมันเราก็คงไม่ได้มาพูดกันตรงๆสักที”

     

     

    ……

     

     

    จินยอง รักนะครับ” ทันทีที่คำนั้นหลุดออกมาจากปากร่างสูง ทำให้ผมแทบจะมุดหน้าหนีไปกับหมอนเลยด้วยซ้ำ โอ้ยยย

     

     

    “อื่อออ”

     

     

    “อื่ออะไร”

     

     

    “ก็อื่อไง ก็ตอบคำถามบีไง”

     

     

    “หืมม”

     

     

    “เป็นนะ” ผมหลบตาอีกคนที่ยังคงทำหน้างงอยู่

     

     

    “เป็นอะไร” อีกคนใช้มือจับคางผมให้หันหน้ามาสบตากับเค้า

     

     

    เป็นแฟนแจบอมไง” ทำไมต้องให้พูดออกมาด้วยวะ

     

     

    ฟอด

     

     

    “น่ารักที่สุด” ผมจับแก้มตัวเองทันทีที่โดนอีกคนขโมยหอมแก้ม ไอ้บ้าเอ้ยยย

     

     

    “ไม่ต้องเลย แล้วเรื่องแจ็คสันหล่ะ บีหายโกรธยัง หลังจากได้ฟังรื่องทั้งหมดแล้ว” ผมเปลี่ยนเรื่องถามอีกคนทันที

     

     

    “ไม่รู้….มั้ง”ส่วนคนที่ถูกถามก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระก่อนจะนอนราบลงไปกับเตียงข้างๆกับผม

     

     

    “บี”ผมหันหน้าไปมองคนถูกถาม

     

     

    “ก็ต้องหายแหละ จริงๆบีก็มีส่วนผิดไง แต่ยังไงมันก็ผิดมากกว่าบี งั้นก็รอไปก่อนละกัน บีไม่ใจง่ายยกโทษให้ง่ายๆหรอกนะ” ผมหัวเราะกับคำพูดของเพื่อนสนิท โอ๊ะ ไม่สิ แฟนหมาดๆของผมเอง พูดติดตลกแบบนี้คงหายโกรธแล้วแหละ

     

     

    “อือ ก็ดีแล้วแหละ ไปอาบน้ำเลย”ผมดันอีกคนให้ลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ “เหม็นเหงื่อ”

     

     

    “ก็เพราะใครหล่ะ”ได้ทีบีก็หันมาค้อนใส่ผมทันที “ถ้าไม่ทำให้ตกใจต้องวิ่งไปขนาดนั้น…ทีหลังไม่เอาและนะจินยอง สัญญามาเลย บีหันมาสบตาผมส่งสายตาจริงจังมาให้ เอ้ออ เรียกชื่อจริงทีไรจริงจังทุกที

     

     

    “อือ สัญญา”

     

     

     

     

    Talk.

    ฮัลโหล คิดถึงเค้ามั้ย มาต่อให้แล้วนะ

    หายไปนานๆๆๆโคตรๆๆๆ ไม่รู้รีดหายไปหมดยัง ฮือๆๆๆ

     

    พาร์ทหลังป็นบีเนียร์นะแจ้ะ

    คนละอารมณ์เลยเนี่ย

     

    คุยกันหน่อยนะ คือตอนนี้เค้าไม่สบายมากๆเรื้อรังมานาน

    เอ้ออ ควรจะหาหมอเนอะคนเรา ฮ่าๆๆ

    อีกอย่างอาทิตย์หน้าก็จะสอบมิดเทอมแล้วคะ งืออออ

    แต่จะพยายามหาทางมาอัพให้น้า

    อย่าเพิ่งหนีเค้าไปไหนนะทุกคน

    ปล. งานมีทไปวันไหนกันบ้างเอ่ยยย

    ไรท์ไปวันที่ 14 นะ ไปเจอกัน

     

    สักนิดนะที่รัก #ฟิครกบ







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×