คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : บังเอิญ โลกกลม
ABU3
ผมเดินไปมาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
พลางจ้องมองโทรศัพท์ของตัวเองที่ผมโยนไว้อยู่บนเตียงนอนตัวเอง
ทำยังไงดีผมควรจะขอโทษจินยองใช่ไหมที่ไปพูดแบบนั้นกับเจ้าของร้านกาแฟ ฮือออ
หมดกันไอ้แบม
“แบมเป็นไร” ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินเสียงโผล่มาด้านหลัง
ให้ตายจะเข้ามาทำไมไม่บอกก่อน เข้ามาเงียบๆคนมันตกใจนะเว้ย
“มาร์ค..ทำไมเข้ามาเงียบๆตกใจหมด”
“มาร์คก็ไม่ได้เงียบนะ แบมต่างหากที่ไม่ได้สนใจกันเลย
มาร์คยืนมองแบมมาสักพักและนะ”
“อ่าว..”
“ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า บอกมาร์คได้นะ” มาร์คเดินเข้ามาก่อนจะยกมือขึ้นหมายจะลูบหัวผมเ
แต่มีหรอผมจะยอม ผมเบี่ยงตัวหลบมือมาร์คได้ทันก่อนจะมาถึงหัวของตัวเอง เห็นอย่างนั้นมาร์คจึงกระแอมไอนิดนึงแล้วเกาหัวตัวเองแก้เก้อ
ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่จะมาลูบหัวกันเนี่ย
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วเข้ามามีอะไร”
“จะชวนไปกินหนม”
ก็บอกว่าไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะเอาขนมมาล่อแล้วจะไปด้วยนะ
“ไม่ไป..” ผมตอบออกไปอย่างไม่ลังเล โอเค
ก็ลังเลแหละแต่แค่ไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กๆเท่านั้นเองเครียดเรื่องจินยองมันก็อยากของหวานแก้เครียดเป็นธรรมดา
“ตามใจ..”
มาร์คทำท่าทีว่าจะเดินออกไปจากห้องทันทีที่ผมปฏิเสธ ง้ออีกหน่อยไม่ได้?
“ที่ไหน..” ผมพูดออกมาลอยๆเพื่อจะรั้งอีกคนไว้
ยอมให้วันนึงก็ได้วะ
“อยากไปก็พูดออกมาตั้งแต่แรก ลีลาทำไมห้ะไอ้ดื้อ” มาร์คหัวเราะร่า
“เถอะน่า จะไปไม่ไป”ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอนตัวเองก่อนจะเบะปากใส่เค้าแล้วเดินผ่านออกไปก่อน
ชิชิ
ผมเดินนำมาร์คลงมาที่รถเป็นคนแรกประหนึ่งว่าตัวเองเป็นคนชวนยังไงยังงั้น
มาร์คเลี้ยวรถเข้ามาจอดตรงห้างที่ไกลจากคอนโดที่เดินทางมาประมาณ 20 นาทีได้ ดีนะที่รถไม่ติดมากเลยมาถึงเร็ว
ผมเดินตามมาร์คเข้าไปในห้างแล้วสอดส่องหาร้านที่ตัวเองอยากจะเข้ามากที่สุด
อ่า..มีแต่ร้านธรรมดาๆอ่ะ ไม่มีร้านน่านั่งเลยสักนิด
“มาร์คๆ”ผมดึงเสื้อมาร์คเพื่อให้เค้าหันมาคุยกับผมก่อน
“หือ”
“ไม่เห็นมีที่ไหนดีเลยอ่ะ”
“นี่ไง มาร์คกำลังจะพาไป”ผมพยักหน้าแล้วเดินตามมาร์คไปเงียบๆอีกครั้ง
มาร์คพาผมเดินมาจนสุดทางจนเห็นร้านเล็กๆอยู่ตรงหัวมุมชั้นที่สี่ของห้าง
คนไม่เยอะด้วย จริงๆมันเป็นร้านที่เรียกว่าโคตรสงบมากๆเลย ซึ่งมันก็ดีเพราะผมชอบ
แต่ตามตรรกะแล้วร้านที่คนน้อยๆมักจะไม่อร่อยไม่ใช่หรอ
“อร่อย?”ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย
“อร่อย ไม่งั้นจะพามาหรอ ไปๆเข้าไปเร็ว”
ผมพยักหน้าตามอีกครั้งแต่ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ก็นะ
ขนาดร้านจินยองคนเยอะยังไม่อร่อยเลย โว้ยย นึกแล้วก็เครียด
ต้องหาของหวานมาดับเครียดด่วน
“มาร์ค!! หายไปเลยน้า”เสียงใสๆทักขึ้นหลังจากที่เราเข้ามาในร้านได้ไม่นาน
ผมหันไปมองต้นเสียงนั้นตามมาร์ค ผู้หญิงน่าตาโอเค แต่คนอื่นอาจจะมองว่าสวย
กำลังยืนยิ้มกว้างส่งมาให้พี่ชายของผมอยู่
“อ้าวเวนดี้ วันนี้มากินเค้กที่นี่ด้วยหรอ”มาร์คเอื้อมมือไปยีผมคนตรงหน้าเบาๆจนผมอดที่จะดึงแขนมาร์คให้ถอยออกมาไม่ได้
ไม่ได้อะไรนะครับ ผมแค่หิว ไม่รู้จะยืนคุยกันอีกนานมั้ย
“อะ อือ แล้วนี่…”เธอชะงักไปนิดนึงที่เห็นว่าผมดึงมาร์คออกมาแบบนั้น
ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
“อ่อ นี่แบมแบม น้องชายเราเอง”
สิ้นเสียงมาร์คที่บอกว่าผมเป็นน้องชาย หน้าเสียๆของเธอกลับดูดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
แล้วไอ้สายตาแพรวพราวนั่นอีก อะไรของแม่นี่กันนะ
“อ่อ แค่น้องชายสินะ หวัดดีค่ะพี่ชื่อเวนดี้นะค่ะน้องแบมแบม” โอโหวว
จีบปากจีบคอได้โล่
“เมื่อไหร่จะไปนั่งสักที เสียเวลา”ผมหันไปคุยับมาร์คโดยไม่สนใจเสียงทักทายของอีกฝ่าย
ก็ไม่ได้รู้จักสักหน่อยทำไมต้องคุยด้วยก็ไม่รู้
“แบม!”
“อะไร เป็นคนชวนมาไม่ใช่หรอ ก็พาไปกินสักทีสิ หิว”ผมไม่สนใจเสียงดุของมาร์คแล้วเดินไปนั่งด้านในสุดของร้านทันที
มาร์คคุยกับผู้หญิงคนนั้นต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะเดินตามผมมาที่โต๊ะ
“ไม่น่ารักเลยนะแบม”
“ก็ไม่ได้อยากน่ารักอะไร”ผมเบะปากใส่
“ดื้อจริง”
มาร์คส่ายหัวก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งของหวานเสร็จสรรพ
ผมนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะเอ่ยถามออกไปขณะที่รอขนมมาเสริฟ
“มาร์ค.. คนนั้นใคร”
“คนไหน”
“ตอนเข้าร้านมาอ่ะ” ก็รู้อยู่ว่าถามถึงคนไหน ยังจะมาทำเป็นไม่รู้อีก
“อ่อ เวนดี้อ่ะนะ แฟนเก่ามาร์คเองแหละ”มาร์คตอบออกมาสบายๆแล้วเอามือเท้าโต๊ะ
จ้องหน้าผมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี แน่นอนว่ามีแค่มาร์คคนเดียวที่อารมณ์ดี
เข้าใจแล้วไอ้ที่ไม่ค่อยกลับบ้านเพราะติดแฟนสินะ ก็ว่าแหละ มีจับหงจับหัวกันด้วยนี่นะ เหอะๆๆๆ นี่ผมเบ้ปากใส่มาร์คเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้
“ทำไม หวงมาร์คหรอ”
ห้ะ!! หวงไร
“บะ..บ้าหรอ หวงไร ตลกและ แบมจะไปหวงมาร์คเพื่ออะไร
จะคบใคร จะชอบใคร ก็เรื่องของมาร์คไม่ใช่เรื่องของแบมสักหน่อย อยากทำอะไรก็ทำไปสิ”ผมกอดอกหันหน้าหนีไปที่อื่นทันที
จู่ๆก็มาพูดอะไรแบบนี้ ตลกตายแหละมาร์คต้วน!!
“ฮ่าๆๆๆพูดเยอะเชียว ล้อเล่น เวนดี้เป็นเพื่อนที่คณะ”
ผมเหลือบตาไปมองมาร์คก่อนจะค่อยคลายมือที่กอดอกออก
พร้อมกับมองมาร์คที่มองตัวเองอยู่ก่อนแล้ว และที่สำคัญผมจะไม่ได้อะไรเลยถ้าประโยคต่อมามาร์คไม่พูดออกมาแบบนั้น
“มาร์คหน่ะ ไม่เคยมีแฟนหรอกนะ มีแค่แบมคนเดียวมาร์คก็พอแล้ว”
….
……
……..
เงิบ บอกคำเดียวว่าโคตรเงิบ
.
.
"ขนมมาเสริฟแล้วค่า"
เสียงพนักงานร้านช่วยดึงสติของผมกลับมา ผมกระแอมไอสองสามครั้งแก้เก้อ
ส่วนไอ้ตัวเจ้าปัญหาดันหัวเราะขึ้นมาสะงั้น ไม่ตลกนะมาร์คต้วน ไม่ตลกเลยสักนิด
"แค่เลี้ยงแบมคนเดียวก็โคตรเหนื่อยแล้ว
พอแล้ว เด็กอะไรโคตรดื้อ"
ผมถอนหายใจโล่งอกกับประโยคที่อธิบายในภายหลัง
ก่อนจะนึกได้ว่ามาร์คมันว่าผมว่าดื้อนี่หว่า
ผมเลยหยิบกระดาษทิชชู่ปึกที่เค้าเพิ่งให้มาโยนไปที่มาร์คทันที
"อะไร
รับไม่ได้หรอว่าตัวเองเป็นเด็กดื้อ"
"ทำไม
ดื้อก็ไม่ต้อง..." ผมหยุดประโยคของตัวเองไว้แค่นั้น ตอนนี้หน่ะ
มันไม่เหมือนตอนเด็กๆแล้วนะที่ผมจะมางอแงกับมาร์คแล้วพูดประโยคที่ผมชอบพูดใส่อีกคนตอนที่ผมยังเป็นเด็กเล็กๆอยู่
'ถ้าแบมดื้อมาร์คก็ไม่ต้องมารักแบมสิ'
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดตัวเองสมัยเด็กๆออกไป กำลังจะเปลี่ยนคำพูดตัวเองใหม่มาร์คก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน..
"ยังไงมาร์คก็รักแบมน่า
รักที่สุดด้วย"
ผมนิ่งเงียบกับประโยคที่มาร์คพูดออกมาราวกับรู้ว่าในตอนแรกผมจะพูดอะไร
ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงดีใจกระโดดเข้าไปหอมแก้มมาร์คที่มาร์คพูดแบบนั้นกับผมด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้คงทำได้แต่เงียบแล้วหยิบซ้อมมาเขี่ยๆเค้กที่อยู่ตรงหน้าแทน..
เพราะความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้ผมรู้และเห็นได้ชัดว่า
เราสองคนห่างเหินกันมากเกินกว่าที่จะทำตัวสนิทกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว
"เอ้าไม่กินหรอ
เขี่ยเล่นทำไม วันหลังเดี๋ยวมาร์คไม่พาแบมมาแล้วนะ"
"กินดิ"
ผมตักเค้กเข้าปากตัวเองทันที บ่นเป็นตาแก่เลยนะมาร์คต้วน หึ่ย!
ว่าแต่..ทำไมเค้กมันอร่อยจังวะ ผมตักอีกคำอย่างไม่รอช้า
เห้ยมันใช่อ่ะ รสชาตินี้ที่ตามหามานานมากก
"อร่อยหล่ะสิ"
ผมพยักหน้ายอมรับง่ายๆก่อนจะตักเค้กเข้าปากไปเรื่อยๆจนหมด
"เอาอีกได้ป้ะ"
"อื่อเอาเลย
มาร์คเลี้ยงเองแค่เด็กดื้อคนเดียว"
มาร์คโบกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์เค้กอีกสองชิ้นไป ช่วงนี้เห็นแก่ของฟรีมาก
เพราะโดนหักค่าขนม ปกติใช้จะไม่พออยู่และนี่โดนหักไปครึ่งหนักกว่าเก่าอีก
ผาลเงินมาร์คได้ก็ต้องรีบกอบโกย
ผมวางซ้อมในมือลงบนจานเปล่าสี่จาน จริงๆอยากกินอีกแต่โคตรอิ่มเลยอ่ะ
ทำไงดีแงงง
"55555 นั่งย่อยไปก่อนนะ
เดี๋ยวมาร์คไปดูหนังสือชั้นบนแปปนึง รู้ว่าขี้เกียจไป รออยู่นี่แหละเดี๋ยวมา"
ผมพยักหน้าส่งๆไปให้มาร์คอย่างไม่ใส่ใจนัก พลางเปิดเมนูไปด้วยระหว่างที่มาร์คไม่อยู่
นี่ก็น่ากิน นั่นก็น่ากินนน สั่งอีกจานรอมาร์คดีมั้ยนะ
"อ้ะ!!
เด็กซังอิน" ผมหันขวับไปมองต้นเสียงทันดี
ไอ้เด็กบ๊วย!??
มันคงมีไม่กี่คนบนโลกที่เรียกผมแบบนี้ -______-
"ว้าาาา
บังเอิญจังเลยนะะ"ยังไม่พอจากตอนแรกที่มันยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ร้าน
มันดันเดินมานั่งโซฟาเดียวกะผมอีก ไอ้บ้าเอ้ย ที่นั่งออกจะเต็มร้าน
"ไปไหนก็ไปไป"
ผมไล่ไอ้ยักษ์
"สั่งเค้กไว้อ่ะ
รออยู่ ไปไหนไม่ได้ ขอนั่งด้วยคนดิตัวเล็ก เพื่อนกันเค้าไม่ไล่กันหรอกนะ"
ไอ้ยักษ์ทำตาปริบๆนั่งเท้าคางจ้องหน้าผมไม่ลดละ
"พอดีว่านายไม่ใช่เพื่อน"
เอาดิจ้องมาจ้องกลับ
"ใจร้าย..ว่าแต่หนึ่ง
สอง สาม..สี่! โอโหวว กินคนเดียวสี่จานเลยหรออ มิน่าแก้มยุ้ยเชียว"
มันพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อในทีแรก แล้วอยู่ๆก็หันไปนับจานเค้กที่ผมกินไว้คนเดียว
เออ คนเดียว มาร์คมันกินแต่มอคค่าร้อนแก้วเดียวถ้วน
แล้วอะไรมาบอกว่าแก้มคนอื่นยุ้ยมือก็ไม่ต้องมาจับ มายืดเลยนะ
เพี๊ยะ!!
นี่ใครแบมแบมนะครับ จะปล่อยให้คนอื่นมาจับแก้มผมได้ไงกัน ต้องตีมือใหญ่ๆนั่นกลับไป
"เจ็บน้าา -3-"
"ก็ตีให้เจ็บ
แล้วเมื่อไหร่จะไปรำคาญ"
"ไม่ไปหรอก
ได้เค้กก็จะยังไม่ไป จะนั่งมองนายก่อน..:)"
ประสาท !!
"ถ้านายไม่ไปฉันไปเอง"
ผมลุกขึ้นเดินปึงปังออกจากร้านอย่างรำคาญไปทันที
"คุณค่ะ
คุณยังไม่ได้จ่ายเงินค่ะ คุณ คุณ!!!!"
****
เออผมได้ยินว่าตัวเองยังไม่จ่ายตังค์
แต่จะให้เดินกลับไปมันก็ไม่ใช่ป่ะ เล่นไปสะบัดตูดใส่ได้บ๊วยซะเท่? จะให้ย้อนกลับไปจ่ายตังค์แบบหน้าแตกๆหน่ะหรอ ไม่มีทางอ่ะ…เอ่อ แล้วตำรวจจะมาจับผมมั้ยครับเนี่ยชักดาบออกมาแบบนั้น
ให้ตายคนอย่างแบมแบมไม่เคยเฉียดคำว่าชักดาบเลยนะ เป็นเพราะไอ้บ๊วยคนเดียวเลย
ฮึ่ยยยย
“มาร์ค”
ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ทันทีที่ปลายสายกดรับ
(ว่าไง รอแปปสิมาร์คกำลังจะจ่ายตังค์
เดี๋ยวลงไปแล้ว)
“แบมออกมาแล้ว ตังค์ก็ยังไม่จ่ายด้วย”ผมพูดเสียงเบาๆเกรงว่าคนในห้างจะได้ยิน
(ห้ะ!!! แล้วออกไปเฉยๆเนี่ยนะ แบม ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมาร์คลงไปเดี๋ยวนี้แหละ)
ตู้ด ตู้ด ตู้ด….
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หวังว่ามาร์คจะรีบไปจ่ายตังค์ให้ผมนะ
ก่อนที่เค้าจะโทรแจ้งตำรวจเอา โว้ย ซวยจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นานมาร์คก็โทรมาหาผมเพื่อจะกลับคอนโดด้วยกัน … พอขึ้นรถปุ๊บมาร์คก็เทศน์ผมซะยาวเลยที่เดินออกมาโดยไม่จ่ายตังค์ค่าเค้กทั้งหลาย
“ว่าแต่เค้าบอกว่าเพื่อนแบมเป็นคนจ่ายแทน
ใคร”
หืม… จ่ายแทน?
ไอ้บ๊วยหรอ?
“ไอ้บ๊วยมั้ง ก็ดีโทษฐานทำให้แบมรำคาญ”ผมยกมือกอดอกราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาใส่ใจ
แต่เชื่อเถอะ ผมรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้มัน
แล้วคนอย่างแบมแบมไม่เคยเป็นหนี้ใครด้วยซ้ำ ยังไงผมก็ต้องคืนตังค์ให้มันนั่นแหละ
“บ๊วยไหน”
“อย่าไปสนใจเลย ช่างมันเหอะ เดี๋ยวแบมเคลียร์เอง”
**
ผมนอนเล่นอยู่ในห้องหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรทำเลย
จะไปฝึกเปียโนก็ลืมไปว่าคอนโดมาร์คไม่มี จะทักจินยองไปตอนนี้ก็ไม่กล้า แหงแหละไปด่าร้านเค้านี่เนอะ
ทำไมการเริ่มต้นของผมมันถึงแย่ขนาดนี้นะ
ผมเดินออกมาจากห้องแล้วนั่งลงที่โซฟาเพื่อดูทีวีว่ามีอะไรดูบ้าง
แต่เพราะเสียงเตือนแชทดังขึ้นมาก่อนทำให้ผมวางรีโมตแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแทน
Jimin P. :: นี่ๆตัว
ไม่ทักไม่ทายมาเรียนที่เดียวกันแล้วแต่ก็ไม่มาเจอกันเลยนะ
ยัยตัวแสบนี่เอง ปาร์คจีมิน เป็นลูกของคุณอาของผมนั่นแหละ
ยัยนั่นเป็นพี่ผมแค่เดือนเดียวก็เลยสนิทกันกว่าญาติคนอื่นๆ
BB :: พอดียุ่งๆอ่ะ
ว่างๆเดี๋ยวโทรหาละกัน
Jimin P. :: จ้า
ยุ่งจ้ายุ่ง
Jimin P :: แล้วเป็นไงตอนนี้ยังคุยกับจินยองอยู่ป่ะ
ผมเม้มปากแน่นไม่กล้าตอบออกไปในทันที
ตอนนั้นโกรธจีมินแทบเป็นแทบตายเรื่องที่เอาโทรศัพท์ผมไปแอดไลน์จินยองอย่างถือวิสาสะ
แต่ตอนนี้…
BB :: ก็…อืม
Jimin P :: คิคิ
เห็นม้ะ แล้วทำมาโกรธเค้า
BB :: ก็มันน่าโกรธมั้ยหล่ะ
Jimin P :: ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่ไรหรอกเค้ามีเรื่องมาบอกตัว
BB :: เรื่อง?
Jimin P :: ถ้าอยากเจอจินยองอ่ะ
ลองไปนั่งร้านกาแฟหน้ามหาลัยดูดิ จินยองเค้าเป็นเจ้าของร้านหน่ะ น่าจะเข้าร้านบ่อยนะช่วงนี้
คือ…รู้แล้วมั้ย ไปด่าร้านเค้าแล้ว ต่อหน้าเจ้าของร้านด้วย
BB :: อือ
รู้แล้ว…
Jimin P :: ห้ะ
รู้แล้วหรอ ทำไมรู้อ่ะ..
หลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องที่ผมไปก่อมาให้จีมินฟังหมดเปลือก เออ
ทั้งอายทั้งสงสารตัวเอง แต่ยัยนั่นก็เอาแต่ขำ แต่แซวผมอยู่นั่นแหละ
ติ้งต่อง…
เสียงออดหน้าห้องดังทำให้ผมละสายตาจากโทรศัพท์ทันที
แล้วมองตามาร์คที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ใครกันมากันตอนสี่ทุ่มกว่าวะ
มารยาทไม่มีหรือไง สี่ทุ่มเค้าก็นอนกันแล้วนะเว้ย
“เฮีย!!!”
O_O
หืม…
จิน
ยอง???
แล้วอะไรคือการที่ไปคล้องคอมาร์คอย่างสนิทขนาดนั้นวะ
“ว่าไงไอ้แสบ”
มาร์คส่งหมัดไปชกที่อกของอีกคนเบาๆ เดี๋ยวกูช็อคอยู่ ทำไม… ผมมองทั้งสองคนตาปริบๆเหมือนมาร์คจะเป็นคนรู้ตัวก่อน
ตามด้วยจินยองที่มองตามมา
“เห้ยย”จินยองเดินมานั่งข้างๆผมทันทีที่เห็นหน้าผม
“รู้จักหรอ”
มาร์คเดินมานั่งโซฟาว่างอีกตัวก่อนจะขมวดคิ้วมองเราสองคนอย่างแปลกใจ
“รู้ดิ คนเนี่ยชื่อแบมแบม เนอะ”จินยองหันไปตอบมาร์คแล้วส่งยิ้มตาหยีมาให้ผม
“ว่าแต่…แบมแบมมาทำอะไรห้องเฮียมาร์คครับ”
เดี๋ยวนะ คำถามนี้มันต้องเป็นของผมป่ะครับ
อะไรที่จินยองมาถามผมแบบนั้น
“คือเรา เราเป็นน้องมาร์คอ้ะ”
ผมยังคงงงๆกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ อะไรวะ…
“อือ น้องเฮียเอง
แต่ยังไม่ได้บอกเลยว่าไปรู้จักกันได้ไง” มาร์คถามจินยองในตอนแรกก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกคน
“อ่อ พอดีว่า..”
“พอดีว่าเรื่องมันยาวอ่ะมาร์ค
แล้วนี่จินยองมาทำอะไรที่นี่หล่ะ” ผมตัดบทอีกคนที่ทำท่าเหมือนจะเล่าออกมา
พร้อมกับเปลี่ยนประเด็นไปทันที ไม่ต้องมาจ้องเลยมาร์คต้วน ให้ตายก็ไม่บอกหรอก
“ก็พอดีว่าจะเอาขนมมาฝากเฮียเค้าหน่ะ พี่สาวเราคิดสูตรใหม่มาไง
พี่เราเลยให้เราเอามาฝากเฮีย” จินยองยกขนมชูขึ้นมาให้ผมดู “แบมกินด้วยก็ได้นะ
แต่ถ้าไม่อร่อยเราขอโทษด้วยนะ 555555”
นั่นไงผมอุตส่าห์เบี่ยงประเด็น กลับมาเรื่องนี้ทำไมครับ
อายจะตายอยู่แล้ว
“โอ้ยย เราไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
ผมบ่นงุบงิบ
“ฮ่าๆๆๆ ก็ดีแล้วไงเราจะได้ปรับปรุง”
ไม่ว่าเปล่าจินยองยังส่งมือขึ้นมายีหัวผมเบาๆด้วย
หมับ!!
มาร์คที่นั่งอยู่ตอนแรกก็ลุกขึ้นมาจับข้อมือของจินยองออกก่อนจะถาม
“กลับยัง”
“เออ เดี๋ยวนี้ไล่น้องไล่นุ่งนะ
กลับก็ได้วะ” จินยองลุกขึ้นยืนพร้อมกับตวัดสายตางอนๆไปที่มาร์ค
“เออกลับได้และจะนอน”มาร์คดันจินยองออกไปทางประตูอย่างไม่รอช้า ทำให้จินยองเค้าหันมาโบกลาผมแทบจะไม่ทัน
“ไปนะแบ..”
ปัง!!!
โอโหวจินยองยังไม่ทันเรียกชื่อผมจบเลย มาร์คปิดประตูไล่ดังปั้งเลย
อะไรของเค้าวะ มาร์คหันมามองหน้าผมอย่างสงสัยก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
“แบม..”
“หาววว ง่วงแล้ว
พรุ่งนี้เรียนเช้านอนและ”
ว่าแล้วผมก็วิ่งหนีเข้าห้องไปเลย ไม่ต้องถาม เพราะจะไม่ตอบ…
ว่าแต่ทำไมจีมินมันไม่บอกผมว่ามาร์คกะจินยองรู้จักกันวะ ตกใจหมด
อย่างนี้ต้องถามให้รู้เรื่อง!!!!
#ฟิคข้างแบม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะค่ะ ขอโทษที่อัพช้ามากๆๆๆ
เพราะชีวิตวุ่นวายมากๆ ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน
จุ้ฟๆๆๆๆ
ขอแนบ yugbam นิดนึงงงง
(ณ ในร้านขนมเค้ก)
BY เค้าเองงงงงง
ความคิดเห็น