ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] Always Beside you #ฟิคข้างแบม

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : เพื่อน? พี่ชาย? คนที่ชอบ?

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 58


    ABU2


     

    “แบม มาร์คไปแล้วนะ”

     

    “อือ”

     

     

    ก็ไปดิ ใครจะสนกัน

     

     

    “ไปจริงนะ”

     

    “เออ ก็ไปสิ ไม่ได้รั้งไว้สักหน่อย”

     

    “งั้นเย็นนี้เจอกันนะ”

     

     

    ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ มาร์คเบี่ยงตัวเพื่อจะเดินออกไปอีกทางนึง แต่ก็เดินไปได้แค่ก้าวเดียวก็ต้องหันกลับมาหาผมอีกครั้ง

     

     

    “โอเค แถวที่ห้าริมประตูเป็นจุดที่น่าสนใจน้อยที่สุด มาร์คไปได้ยัง”มาร์คเบนสายตาเลื่อนลงมาที่ชายเสื้อของตัวเองที่ถูกผมจับอยู่ ก็ใช่ผมเป็นคนรั้งมาร์คไว้เองแหละ แต่ก็ยังดีที่รู้ว่าผมจะถามอะไรออกไป

     

    “ขอบคุณ”

     

    “แล้วเที่ยงนี้เอาไง”

     

    “ไม่เอาไง อยู่คนเดียว”ผมปล่อยมือจากชายเสื้อของมาร์คแล้วผลักประตูเข้าไปที่ห้องเรียนของตัวเองแล้วนั่งลงยังเก้าอี้ตัวที่มาร์คบอก อยากมาก่อนก็เพราะอย่างนี้แหละ ก็ต้องใช้ห้องนี้เรียนบ่อยๆ ผมก็ต้องมาก่อนเพื่อมาหาที่นั่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

     

     

    ผมหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงแล้วหลับตาลงเงียบๆเพื่อรอเวลาเข้าเรียน ผ่านไปยี่สิบนาที คนก็เริ่มทยอยกันเข้าห้องมาจนเกือบเต็ม แน่นอนว่าต้องมีคนเข้ามาคุยกับผม แต่ผมก็เลือกที่จะวางกระเป๋าตัวเองไว้ที่เก้าอี้ข้างๆแล้วหลับตาลงอีกครั้งเพื่อเป็นการทักทาย

     

     

    “นั่งที่กันเรียบร้อยมั้ย” ผมลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงที่น่าจะเป็นอาจารย์เก็บหูฟัง แล้วหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาแทน

     

     

    อ่าเสียงดัง ที่มอกะโรงเรียนซังอินเงียบกว่านี้ตั้งเยอะ

     

     

    “คลาสแรก ผมจะบอกพวกคุณเรื่องการเก็บคะแนนในเทอมนี้ และให้แนะนำตัวกันทีละคนนะ”

     

     

    ผมกรอกตาทันทีที่ได้ยินอาจารย์บอกว่าต้องมีการแนะนำตัว มันจะสำคัญสักแค่ไหนกันเชียววะ อยากรู้จักก็ไปถามกันเองสิ แนะนำไปก็ใช่ว่าจะจำได้

     

     

    พลั่ก

     

     

    บุคคลที่เข้ามาใหม่หลังคลาสที่เริ่มไปแล้ว 20 นาที คนก็แนะนำตัวไปถึงครึ่งห้องแล้ว แต่หมอนี่เพิ่งจะมา ทุกสายตาจดจ้องไปที่คนนั้นรวมทั้งผมด้วย และเพราะร่างกายที่สูงใหญ่เรียวหน้าคมพร้อมกับผมสีเทาทีดูเข้ากันกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นมาเป็นระรอกๆ จนอาจารย์ต้องเคาะโต๊ะ และตวัดสายตาไปยังผู้ที่มาใหม่ ถึงจะแอบเคืองแต่ก็อนุญาตให้เดินเข้ามา

     

     

    ไอ้ยักษ์หยุดยืนอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆผม แต่ผมก็เบนสายตาไปมองแค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ได้ใส่ใจ และไม่อยากสนใจด้วย

     

     

    “กระเป๋านาย”

     

    “นั่งที่อื่นสิ”

     

    “ก็มันมีตรงนี้ที่เดียว”

     

     

    ผมกวาดสายตาไปมองรอบๆห้องที่ตอนนี้ไม่มีที่ว่างเหลือแล้วนอกจากที่ข้างๆผม ให้ตายเหอะ…. ผมก็ทำได้แต่ยกกระเป๋าตัวเองออกมาวางไว้บนตักอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก

     

     

    “นายชื่ออะไร” หลังจากนั่งไม่นาน ไอ้ยักษ์ก็หันมาคุยกับผม

     

    “นั่งเงียบๆไปเถอะ”

     

    “นอกจากไม่มีน้ำใจ ยังไม่มีมารยาทด้วยหรอ”

     

    “นี่นาย” ผมหันขวับไปทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เกินไปแล้วจริงๆ ถึงได้มาพูดจากแบบนี้กับคนแปลกหน้าเนี่ยย

     

    “นั่งเงียบๆไปเถอะ” มันหันมายอกย้อนผม

     

     

    “เอ้าคนต่อไปแนะนำตัว” เสียงอาจารย์ดังขึ้น พร้อมกับความสนใจที่เพ่งเล็งมายังคนที่นั่งข้างๆผมอย่างพร้อมเพรียง แทบจะทุกคนที่ดูตื่นเต้นกับการแนะนำตัวของไอ้ยักษ์นี่ ดูท่าแล้วที่ตรงนี้จะไม่ใช่จุดที่ไม่น่าสนใจจากคนอื่นอีกต่อไปแล้วสินะ เพราะมันคนเดียวเลยสิ

     

     

    “คิมยูคยอม อายุ 18 มาจาก seoul high school

     

     

    เสียงฮือฮาดังขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าหมอนี่เรียนจบมาจากที่ไหน ก็แหงหละ ที่นี่มันแหล่งรวมหัวกระทิไว้ทั้งนั้นแหละ หมอนี่คง

     

     

    “จริงๆผมอยู่ห้องบ๊วยหน่ะ เกือบจะไม่จบด้วยซ้ำ” เหมือนกับรู้ว่าทุกคนจะคิดกันว่าตัวเองนี่ต้องเก่งขั้นเทพแน่ๆ เขาเลยอธิบายออกมาแบบนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะยินดีอะไรแต่ทุกคนก็กลับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เอาจริงๆผมก็เกือบหลุดขำแล้วนะ

     

     

    งั้นคนต่อไปเลยละกัน”คุณครูพยายามกลั้นขำเพื่อเรียกคนต่อไป ซึ่งนั่นก็คือผม

     

     

    ทุกเสียงกลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อถึงตาของผม อ่า ให้ตาย ผมเกลียดการถูกโฟกัสมากที่สุดเลย

     

    “แบมแบม อายุ 18” ผมกำลังจะนั่งลง

     

     

    “เดี๋ยวสิ มาจากโรงเรียนอะไรเธอยังไม่ได้บอกเพื่อนๆเลย” อาจารย์ขัดขึ้นมา ทำให้ผมต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ถ้าเป็นมหาลัยเก่าผม ผมคงนั่งๆแล้วเงียบๆไปซะ อ่อ ลืมไป มหาลัยเก่าผมไม่มีการแนะนำชื่อแบบนี้กันหรอกนะ -_-

     

     

    ซังอิน”พูดเสร็จทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที บางคนก็หันไปพูดนินทาผมกับเพื่อนข้างๆต่อหน้าผม  แต่สักพักอาจารย์ก็เป็นคนแรกที่ดึงสติตัวเองกลับมาได้ และเคาะโต๊ะเรียกสติทุกๆคนให้กลับไปสนใจตัวเองเพราะอย่างงี้ไงผมถึงเกลียดการแนะนำตัว พอบอกว่าเรียนที่นี่คนอื่นก็เป็นอย่างนี้ทุกที

     

     

    “น่าสนใจดีนิ เด็กจากซังอินหรอ”คนข้างๆผมพูดขึ้นมาพร้อมกับไล่สายตามองผมอย่างไรมารยาท

     

     

    “ไม่น่าเชื่อว่าเด็กจากที่นั่นจะลดตัวมาเรียนมหาลัยธรรมดา แต่ก็นะนิสัยแปลกๆแบบนายก็สมควรมาจากที่นั่นแล้วแหละ แต่มันก็น่าตื่นเต้นไม่ใช่หรอ ฉันเพิ่งเคยเจอเด็กจากที่นั่นใกล้แบบนี้ เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าในนั้นมันเป็นยังไง ได้ข่าวว่าทั้งห้องเรียนมีแค่แปดคนเองนิ แล้วโรงอาหารที่นั้นก็ยิ่งกว่าภัคตาคารใช่ไหม โคตรอยากบุกเข้าไปดูอ่ะ”

     

     

    ผมหลับตาข่มความรำคาญจากคนข้างๆ

     

     

    “น่ารำคาญ”

     

    “โอ๊ะ ที่เค้าบอกว่า เด็กจากซังอินนิสัยไม่ดีกันก็คงจะจริงอีกเหมือนกันสินะ” ให้ตายเหอะผมอยากจะลุกออกไปเลยจริงๆ ไม่รู้จะอดทนไปทำไมกัน

     

    “เด็กห้องบ๊วยก็ควรจะเงียบๆไปซะ”ผมหันไปพูดกับเขาเพราะรำคาญ แต่หมอนั่นกลับมีสีหน้าที่ประหลาดใจมากกว่าจะโกรธ

     

    “แต่เรื่องที่เด็กซังอินไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเอง ฉันคงจะจำมาผิดสินะ เพราะนายจำได้ว่าฉันเรียนห้องบ๊วย” หมอนั่นยิ้มแฉ่งส่งกลับมาให้ผม

     

    “เหอะ”

     

     

     

    **

     

     

     

     

    ผมอยากกลับบ้าน

     

     

    “นี่เด็กจากซังอิน นายมีเพื่อนที่นั่นบ้างมั้ย” คิมยูคยอม เจ้าเด็กยักษ์นั่นเดินตามผมยิกๆตั้งแต่เลิกคลาสมา บอกตรงๆว่าโคตรรำคาญ

     

     

    “เลิกยุ่งกับฉันสักที”

     

     

    “นายจะไปกินข้าวใช่ป่ะ ฉันไปด้วยไง กำลังหิว ว่าแต่นายมาเรียนที่นี่วันแรกจะรับได้กับโรงอาหารที่นี่หรอ ฉันสำรวจมาก่อนแล้ว เดี๋ยวแนะนำให้ว่าร้านไหนดูดีที่สุดป่ะๆ”มันถือโอกาสฉวยข้อมือของผมให้เดินตามไป

     

     

    ผมสะบัดมือแทบจะทันทีที่มันทำแบบนั้น เกินไปแล้วจริงๆ

     

     

    “อุตส่าห์จะมาเป็นเพื่อน”

     

     

    “เหอะ อย่างนายไม่มีสิทธิ์มาใช้คำว่าเพื่อนกับฉันนะ นายไม่ใช่!!! แล้วก็เลิกยุ่งกับฉันสักที มันน่ารำคาญ ภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!!!!”ผมตะโกนใส่คนตรงหน้าปาวๆ โว้ยยย ผมไม่ได้ตะโกนแบบนี้ในรอบห้าปีเลยนะ

     

     

    “โอ๊ะ นายตะโกนใส่ฉันด้วย นายไม่แปลกใจเลยหรอ เดาว่าอยู่ที่โน้นคงไม่ค่อยได้ตะโกนสินะ จริงๆแล้ววันๆนายอาจจะไม่คุยกับใครเลยใช่มั้ย”

     

     

    ผมขมวดคิ้วแปลกใจที่ไอ้หมอนี่มันถูกเรื่องผม ไอ้หมอนี่ชักจะรู้มากเกินไปแล้วจริงๆ ปกติผมไม่ค่อยตะโกนด้วยซ้ำไป

     

     

    “ฉันกลัวว่านายจะเหงานะเนี่ย ไปๆไปกินข้าวกันเหอะหิวแล้ว”ผมจับข้อมือผมอีกครั้งพร้อมกับลากผมไปด้วยอย่างงงๆ

     

     

    “แบมแบม”เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ผมสะบัดมือจากคนข้างหน้าออกแล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก

     

     

    “มาร์ค”ผมเรียกชื่อเค้าออกมา มาร์คเดินตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน

     

     

    “จะไปไหน”

     

     

    “กินข้าวครับ”คนที่ลากผมมาตอนแรก ตอบแทนออกมา ผมหันขวับไปมองก่อนจะผลักเค้าออกไปให้ไกลจากตัวเอง

     

     

    “ใครหน่ะแบม”มาร์คขมวดคิ้วถามสงสัย

     

     

    “เพื่อน” แน่นอนว่าไม่ใช่ผมที่ตอบ หมอนี่มันเป็นโรคคิดเองเออเองหรือยังไงกันวะ

     

     

    “เพื่อน?!” มาร์คหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจนิดๆ

     

     

    “ไม่ใช่!! เป็นคนที่นั่งข้างกันในคลาส”

     

     

    “โห เสียใจนะเนี่ยเด็กซังอิน” สิ้นสุดคำนั้น เพื่อนมาร์คที่เดินมาด้วยกันในตอนแรกก็เงียบกันทันที พร้อมกับมองหน้ากันอย่างสงสัย ปนตกใจกันนิดหน่อย

     

     

    “หยุดเรียกแบบนั้นซะถ้าไม่อยากเจ็บตัว” มาร์คเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเจ้าเด็กบ๊วยเล็กน้อยทันทีหลังจบประโยคนั้น

     

     

    แฟนนายหรือไง”แต่เจ้านั่นก็ไม่สะทกสะท้านเบี่ยงหน้ามาถามคำถามแปลกๆกับผม

     

     

    “ห้ะ/ไม่ใช่!!!

     

     

    ผมพูดออกมาพร้อมๆกับมาร์ค ทำให้เด็กบ๊วยมันยิ้มมุมปากมองหน้าผมกับมาร์คสลับกันไปมา แน่นอนว่าผมรีบพูดปฏิเสธออกไปในทันที

     

     

    “น่าสนใจอีกแล้วสิเนี่ย”

     

     

    “พล่ามอะไรของนาย”เป็นผมเองที่เดินไปผลักคนที่มาร์คจับคอเสื้ออยู่ ก่อนจะดึงแขนมาร์คออกมา

     

     

    “พี่ชาย มาร์คเป็นพี่ชาย”ผมพูดย้ำออกมาให้เค้าฟังทั้งๆที่มันไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนแปลกหน้าฟังด้วยซ้ำ “ส่วนนายจะไปไหนก็ไป”พร้อมกับไล่ไปด้วย

     

     

    “งั้นวันนี้ฉันไปกินข้าวก่อนละกันและเจอกันนะเด็กซังอุ๊ปส์ แบมแบม” ให้ตายเหอะ ผมเกลียดการที่หมอนั่นดัจริตเอามือปิดปากตัวเองแล้วโบกมือให้ผมอย่างลั้นลานั่นจริงๆ

     

     

    “แบมย้ายเซคมั้ย” มาร์คหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง

     

     

    “ช่างเหอะ วุ่นวาย แบมไปเรียนห้องอื่น ถ้าครูให้แนะนำตัวก็คงจะเป็นเหมือนเดิมแหละ”ผมโบกมือปัดๆออกไป พร้อมเบนสายตาไปยังเพื่อนมาร์ค จนทั้งสามคนนั้นสะดุ้ง

     

     

    “หวัดดี” คนตัวสูงที่อยู่ด้านซ้ายสุดยกมือขึ้นมาเพื่อทักทายผม

     

     

    “อือ”

     

     

    จริงๆพวกนี้ก็ตลกดีนะ แบบว่าเหมือนผมเป็นครูห้องฝ่ายปกครองแล้วจับได้ว่าพวกเค้ากำลังทำความผิดอยู่อย่างงั้นแหละ อ่าผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอเนี่ยย แม้ว่าหน้าผมจะดูหยิ่ง โอเค นิสัยด้วยก็ได้ แต่มันก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย..ใช่มั้ย??

     

     

    “พวกมึงเป็นอะไรกันวะ นี่น้องกู ทำท่ากลัวซะเวอร์” มาร์คที่เห็นความผิดปกติก็หันไปตบไหล่คนที่เอ่ยทักทายผมคนแรก

     

     

    “แล้วกูได้ยินข่าวลือที่ว่าเด็กจากที่นั่น เลือดเย็น ไม่มีน้ำใจ ชอบดูถูกคน ไม่ชอบสุงสิงกับใคร หัวสูง บ้านรวยโคตร ทำตัวเว่อวัง นั่นจริงป่ะวะ”ไอ้พี่ตัวสูงถามมาร์คผ่านเสียงกระซิบที่ดังโคตรๆ -__-

     

     

    แล้วไอ้สรรพคุณที่พูดมาอะ มันไม่ใช่สักหน่อย นะ เออ ยอมรับว่ามีบางข้อที่ใช่ ไม่ชอบสุงสิง กับ บ้านรวยโคตรนี่ยอมรับอย่างแมนๆเลย อย่าเพิ่งหมั่นไส้ผมนะ ฮ่าๆๆ

     

     

    “ถ้าเสียงดังขนาดนั้นไม่พูดออกไมค์ประกาศไปเลยหล่ะ” ผมพูด

     

     

    “แบม!!!

     

     

    “อะไร!!!

     

     

    “เพื่อนมาร์คเป็นรุ่นพี่นะ พูดจาดีๆหน่อย”

     

     

    “เห้ย ไม่เป็นไรเว้ยมึง กูไม่ถือ” พี่คนที่กระซิบ โบกมือหยอยๆ

     

     

    “ขอโทษก่อน ไม่งั้นมาร์คไม่คุยเรื่องหอใหม่ให้นะ” ผมแทบจะก้มลงกราบขอขมาไอ้พี่โย่งทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น โห เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในรอบวันเลยนะ

     

     

    “ขอโทษครับ” เป็นไงแถมครับให้ด้วย

     

     

    มาร์คยิ้มพอใจแล้ว จัดการแนะนำผมให้เพื่อนๆเค้ารู้จักด้วย

     

     

    “แบมนี่ไอ้ มิโน บ๊อบบี้ แล้วก็แทฮยอน” ผมไล่มองไปตามที่มาร์คบอก เริ่มจากไอ้พี่โย่งที่ชื่อมิโน คนที่แต่งตัวฮิบฮอบหน่อยก็ชื่อบ๊อบบี้ ส่วนคนสุดท้ายคนตัวบางๆหน้าหวานๆชื่อแทฮยอน

     

     

    “ส่วนพวกมึง นี่น้องชายกู แบมแบม”

     

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะแบมแบม” คนที่ชื่อบ๊อบบี้เป็นคนพูดขึ้นมา ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้ากลับไปแค่นั้น

     

     

    “น้องกูไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีซักเท่าไหร่ นานๆไปเดี๋ยวก็ชิน” มาร์คหันไปหัวเราะใส่เพื่อนๆ จนเพื่อนๆเค้าก็ค่อยๆหัวเราะตามออกมา

     

     

    “มาร์ค!!

     

     

    “อะไรก็มันจริงนี่น่า ไอ้เด็กดื้อ!!” มาร์คหัวเราะร่าก่อนจะล็อคคอผมแล้วขยี้ผมของผมอย่างแรง เจ็บนะเว้ยย  หัวยุ่งหมดแล้ว

     

    “น่ารักจัง”

     

     

    อยู่ๆพี่คนที่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรในตอนแรก ก็พูดขึ้นมาบ้าง ทำให้ทั้งผมและมาร์คที่กำลังเล่นกันอยู่ชะงักค้าง เพราะสายตาของพี่เค้ามันแปลกๆ จริงๆมันแทบจะเหมือนสายตาไอ้เด็กห้องบ๊วยนั่นด้วยซ้ำ

     

     

    “อะไรมึง”มาร์คปล่อยผมทันทีที่เห็นอย่างนั้น

     

    “เปล่า”

     

    “หิว”

     

    ทุกคนหันมามองผมตาปริบๆเมื่อเห็นว่าผมพูดอะไรออกมา มาร์คขำออกมานิดหน่อย พลอยทำให้คนอื่นขำแม้จะฝืดๆตามไปด้วย ก็หิวอ่ะมันน่าขำอะไรวะ พิลึกเนอะพวกนี้

     

     

     

     

    **

     

     

     

     

    “แบมแบม”

     

    “กว่าจะมาเนอะ” ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามาร์คกำลังวิ่งมาทางผม

     

    “มาร์คต้องประชุมคณะอ่ะ แบมไปรอมาร์คที่ร้านกาแฟหน้ามอได้มั้ย แปปเดียว”

     

    “มาร์ค!!!

     

    “หรือจะกลับก่อนหล่ะ”มาร์คยื่นกุญแจรถให้ผม

     

    “จะไปจำทางได้ไงวะ”ผมบ่นออกมาเสียงดัง

     

    “ฮ่าๆๆ งั้นไปรอก่อน เดี๋ยวมาร์คตามไป แปปเดียว”มาร์คชี้ๆไปตามทางเพื่อให้ผมเดินไปรอร้านที่มาร์คเพิ่งบอกมา

     

    “เออๆๆ”

     

     

     

    ผมนั่งมองช็อคโกแลตเย็นอย่างเบื่อหน่าย ให้ตาย รสชาติแย่จริง ผมดูดไปทีนึงก่อนจะวางแก้วให้น้ำมันละลายทิ้งไปอย่างนั้น ร้านนี้ก็ดีแหละ แต่เสียงดังไปมาก ผมกวาดสายตามองรอบๆร้านก็เห็นมีนักศึกษาหญิง ชาย เต็มร้านไปหมด ดีที่ผมได้ที่นั่งเป็นบาร์ติดกระจกพอดี ถ้าร้านเต็มก็ไม่รู้จะไปรอมาร์คที่ไหนแล้ว จริงๆคือรสชาติก็ไม่ได้ดี แต่คนเยอะมากกกกก โคตรไม่เมกเซ้นเลย

     

     

    “แบมแบม!!”ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้รับแรงกดจากไหล่มาทางด้านหลัง

     

    “อะ..อ้าว..จิน..จินยอง” แต่พอกลับหลังหันมา กลับตกใจมากกว่าเพราะไม่คิดว่าจะเจอเร็วขนาดนี้

     

     

    “เห้ย!! จริงด้วย โหยยย ไม่คิดว่าจะเจอ”จินยองลากเก้าอี้ข้างๆมานั่งข้างๆผม

     

     

    “หวัดดี//” พอมาเจอจินยองใกล้ๆมันก็พาลเขินขึ้นมาซะงั้น แหงดิ ก็คนที่ชอบทั้งคนเนอะ จะเขินก็ไม่แปลก

     

     

    อ่า ใช่ ผมหน่ะชอบจินยอง ถึงขอคุณป๋าย้ายมายังไงหล่ะ โคตรไร้สาระเลยเนอะ ถ้าถามว่าผมมาคุย มารู้จักกับจินยองได้ไงก็คงเป็นเพราะยัยจีมิน ลูกพี่ลูกน้องผมมั้ง ผมแค่ชี้ว่าคนในรูป(ก็คือจินยอง) ดูดี หล่อดี แค่เนี่ย ยัยนั่นก็เนียนเอาโทรศัพท์ผมไปแอดไลน์แล้วคุยกะเค้าทันที พอผมรู้นี่โกรธไอ้จีมินไปพักใหญ่เลยแหละ แต่ผมก็จำไม่ได้หรอกว่าทำไมผมถึงได้คุยกับเค้ามาถึงตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะจินยองเป็นคนคุยสนุกมั้ง ก็เหมือนมีเพื่อน?แก้เหงาไปได้บ้าง มันทำให้ผมรู้สึกว่าเค้าพิเศษกว่าคนอื่น

     

     

    “แล้วนี่มาคนเดียว?” จินยองยิ้มตาหยีมาให้ผม อ่า ให้ตาย ทำไมเค้าน่ารักจัง

     

     

    “อือ เรามารอพี่”

     

     

    “เพิ่งมาหรอ น้ำในแก้วไม่ลดเลย”จินยองเสมองมาทางแก้วน้ำผมที่ตอนนี้น้ำก้นแก้วเอ่อนองเพราะน้ำแข็งละลายไปเยอะแล้ว

     

     

    “อ่อ นานแล้วแหละ แค่มันไม่อร่อยเลยไม่อยากกินแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าทำไมคนถึงแห่มากินกันนัก”ผมยกแก้วขึ้นมาดูก่อนจะพันไปมองคนรอบๆตัวอีกครั้ง แปลก..ทำไมทุกคนมองมาทางผมแปลกๆวะ มาเรียนวันแรกนี่โดนมองเป็นร้อยคนแล้วมั้ง โอ้ยย น่ารำคาญจริงๆ

     

     

    “อ๋ออออ สงสัยเค้ามารอดูเจ้าของร้านมั้ง เค้าบอกกันว่าหล่อ”จินยองหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    “จะแค่ไหนกันเชียว ในร้านเนี่ยเรายังไม่เห็นใครหล่อสักคน”

     

     

    “แล้วเราหล่ะ” จินยองยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ทำให้ผมเผลอกั้นหายใจไปชั่วขณะ จริงๆมันก็ไม่ได้ใกล้อะไรมาก ผมก็แค่ตกใจ

     

     

    “อะไรเล่า!!”ผมผลักไหล่เค้าออกไปเบาๆเพราะรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนๆแปลกๆ

     

     

    “ฮ่าๆ นายนี่น่ารักจังเลยนะ”จินยองยื่นมาขยี้หัวผมเบาๆจนตัวเองอดที่จะเอามือขึ้นมาจับๆลูบๆตามสัมผัสนั้นไม่ได้

     

     

    ครืด ครืด ครืด

     

     

    ผมสะดุ้งเมื่อได้รับแรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง

     

    “อื่อ”

     

    (มาร์คประชุมเสร็จแล้ว แบมมารอมาร์คที่หน้าประตูเลย เดี๋ยวมาร์ควนรถไปรับ)

     

    “อือ”

     

     

    ผมกดวางสายจากมาร์คก่อนจะหันมามองที่จินยองเหมือนเดิม

     

     

    “เอ่อ เราไปแล้วนะ แล้วเจอกันนะ”ผมลุกขึ้นยืน

     

     

    “อ้าวไปแล้วหรอ โอเคๆ กลับบ้านดีๆนะครับ” จินยองโบกมือลาผม เห็นอย่างนั้นผมก็กลับหลังหันเพื่อจะกลับไปที่คอนโดมาร์ค ผมแอบคิดนะว่ามาร์คประชุมเร็วไปมั้ย ถ้ารู้ว่าจะมาเจอจินยองอยาประชุมนานแค่ไหน็ตามใจเลย ไม่โกรธด้วย ผมยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้เจอจินยองอีกรึเปล่า

     

     

    “เดี๋ยวแบมแบม”

     

     

    “ห้ะ”ผมหันไปตามเสียงเรียกของจินยองที่เปิดประตูตามผมมา

     

     

    มาร้านเราบ่อยๆนะ เดี๋ยวเราจะไปปรับปรุงเรื่องรสชาติ บ๊ายบาย”

     

    ….

     

    ….

     

     

    เดี๋ยว!! ปาร์คจินยอง เป็นเจ้าของร้าน??!!!

     

    แล้วผมก็ไปพูดกับเจ้าของร้านว่ารสชาติ ไม่ได้เรื่อง

     

    แล้วเจ้าของร้านก็เป็นคนที่ผมชอบ

     

    ……

     

    ……

     

     

    ….

     

     

    น้ำตานอง

     

     




     #ฟิคข้างแบม

    มามามา กว่าจะมา 555555

    กดเม้นให้เค้าด้วยนะ จะได้มีกลจ.


    **Sungin High School = โรงเรียนเอกชนที่เป็นตำนาน ค่าเทอมเกือบล้าน เป็นแหล่งรวมลูกคนดังเรียน หรือคนที่รวยมากๆ เช่น ลูกนายก ลูกมาเฟีย ลูกนักธุรกิจดังๆ มีเสียงเลื่องลือกันว่าที่นั่นมีแต่เด็กเห็นแก่ตัว ไม่สุงสิง ไม่มีน้ำใจ ไม่ค่อยรู้ผิดชอบชั่วดี (แต่น้องแบมไม่เป็นนะ ที่เลือกเรียนเพราะมันสันโดษ ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องมีเพื่อนก้เรียนได้)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×