คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : เพื่อน? พี่ชาย? คนที่ชอบ?
ABU2
“แบม
มาร์คไปแล้วนะ”
“อือ”
ก็ไปดิ ใครจะสนกัน
“ไปจริงนะ”
“เออ ก็ไปสิ ไม่ได้รั้งไว้สักหน่อย”
“งั้นเย็นนี้เจอกันนะ”
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ มาร์คเบี่ยงตัวเพื่อจะเดินออกไปอีกทางนึง แต่ก็เดินไปได้แค่ก้าวเดียวก็ต้องหันกลับมาหาผมอีกครั้ง
“โอเค
แถวที่ห้าริมประตูเป็นจุดที่น่าสนใจน้อยที่สุด
มาร์คไปได้ยัง”มาร์คเบนสายตาเลื่อนลงมาที่ชายเสื้อของตัวเองที่ถูกผมจับอยู่
ก็ใช่ผมเป็นคนรั้งมาร์คไว้เองแหละ แต่ก็ยังดีที่รู้ว่าผมจะถามอะไรออกไป
“ขอบคุณ”
“แล้วเที่ยงนี้เอาไง”
“ไม่เอาไง
อยู่คนเดียว”ผมปล่อยมือจากชายเสื้อของมาร์คแล้วผลักประตูเข้าไปที่ห้องเรียนของตัวเองแล้วนั่งลงยังเก้าอี้ตัวที่มาร์คบอก
อยากมาก่อนก็เพราะอย่างนี้แหละ ก็ต้องใช้ห้องนี้เรียนบ่อยๆ
ผมก็ต้องมาก่อนเพื่อมาหาที่นั่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ผมหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงแล้วหลับตาลงเงียบๆเพื่อรอเวลาเข้าเรียน
ผ่านไปยี่สิบนาที คนก็เริ่มทยอยกันเข้าห้องมาจนเกือบเต็ม
แน่นอนว่าต้องมีคนเข้ามาคุยกับผม
แต่ผมก็เลือกที่จะวางกระเป๋าตัวเองไว้ที่เก้าอี้ข้างๆแล้วหลับตาลงอีกครั้งเพื่อเป็นการทักทาย
“นั่งที่กันเรียบร้อยมั้ย”
ผมลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงที่น่าจะเป็นอาจารย์เก็บหูฟัง
แล้วหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาแทน
อ่า…เสียงดัง ที่มอกะโรงเรียนซังอินเงียบกว่านี้ตั้งเยอะ
“คลาสแรก
ผมจะบอกพวกคุณเรื่องการเก็บคะแนนในเทอมนี้ และให้แนะนำตัวกันทีละคนนะ”
ผมกรอกตาทันทีที่ได้ยินอาจารย์บอกว่าต้องมีการแนะนำตัว
มันจะสำคัญสักแค่ไหนกันเชียววะ อยากรู้จักก็ไปถามกันเองสิ แนะนำไปก็ใช่ว่าจะจำได้
พลั่ก
บุคคลที่เข้ามาใหม่หลังคลาสที่เริ่มไปแล้ว 20 นาที คนก็แนะนำตัวไปถึงครึ่งห้องแล้ว แต่หมอนี่เพิ่งจะมา
ทุกสายตาจดจ้องไปที่คนนั้นรวมทั้งผมด้วย
และเพราะร่างกายที่สูงใหญ่เรียวหน้าคมพร้อมกับผมสีเทาทีดูเข้ากันกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นมาเป็นระรอกๆ
จนอาจารย์ต้องเคาะโต๊ะ และตวัดสายตาไปยังผู้ที่มาใหม่
ถึงจะแอบเคืองแต่ก็อนุญาตให้เดินเข้ามา
ไอ้ยักษ์หยุดยืนอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆผม แต่ผมก็เบนสายตาไปมองแค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ
ไม่ได้ใส่ใจ และไม่อยากสนใจด้วย
“กระเป๋านาย”
“นั่งที่อื่นสิ”
“ก็มันมีตรงนี้ที่เดียว”
ผมกวาดสายตาไปมองรอบๆห้องที่ตอนนี้ไม่มีที่ว่างเหลือแล้วนอกจากที่ข้างๆผม
ให้ตายเหอะ…. ผมก็ทำได้แต่ยกกระเป๋าตัวเองออกมาวางไว้บนตักอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
“นายชื่ออะไร” หลังจากนั่งไม่นาน
ไอ้ยักษ์ก็หันมาคุยกับผม
“นั่งเงียบๆไปเถอะ”
“นอกจากไม่มีน้ำใจ
ยังไม่มีมารยาทด้วยหรอ”
“นี่นาย” ผมหันขวับไปทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
เกินไปแล้วจริงๆ ถึงได้มาพูดจากแบบนี้กับคนแปลกหน้าเนี่ยย
“นั่งเงียบๆไปเถอะ” มันหันมายอกย้อนผม
“เอ้าคนต่อไปแนะนำตัว” เสียงอาจารย์ดังขึ้น
พร้อมกับความสนใจที่เพ่งเล็งมายังคนที่นั่งข้างๆผมอย่างพร้อมเพรียง
แทบจะทุกคนที่ดูตื่นเต้นกับการแนะนำตัวของไอ้ยักษ์นี่
ดูท่าแล้วที่ตรงนี้จะไม่ใช่จุดที่ไม่น่าสนใจจากคนอื่นอีกต่อไปแล้วสินะ เพราะมันคนเดียวเลยสิ
“คิมยูคยอม อายุ 18 มาจาก seoul high school”
เสียงฮือฮาดังขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าหมอนี่เรียนจบมาจากที่ไหน
ก็แหงหละ ที่นี่มันแหล่งรวมหัวกระทิไว้ทั้งนั้นแหละ หมอนี่คง…
“จริงๆผมอยู่ห้องบ๊วยหน่ะ
เกือบจะไม่จบด้วยซ้ำ” เหมือนกับรู้ว่าทุกคนจะคิดกันว่าตัวเองนี่ต้องเก่งขั้นเทพแน่ๆ
เขาเลยอธิบายออกมาแบบนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะยินดีอะไรแต่ทุกคนก็กลับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น
เอาจริงๆผมก็เกือบหลุดขำแล้วนะ
“’งั้น…คนต่อไปเลยละกัน”คุณครูพยายามกลั้นขำเพื่อเรียกคนต่อไป ซึ่งนั่นก็คือผม
ทุกเสียงกลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อถึงตาของผม อ่า ให้ตาย
ผมเกลียดการถูกโฟกัสมากที่สุดเลย
“แบมแบม อายุ 18” ผมกำลังจะนั่งลง
“เดี๋ยวสิ
มาจากโรงเรียนอะไรเธอยังไม่ได้บอกเพื่อนๆเลย” อาจารย์ขัดขึ้นมา
ทำให้ผมต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ถ้าเป็นมหาลัยเก่าผม ผมคงนั่งๆแล้วเงียบๆไปซะ อ่อ
ลืมไป มหาลัยเก่าผมไม่มีการแนะนำชื่อแบบนี้กันหรอกนะ -_-
“ซังอิน…”พูดเสร็จทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
บางคนก็หันไปพูดนินทาผมกับเพื่อนข้างๆต่อหน้าผม แต่สักพักอาจารย์ก็เป็นคนแรกที่ดึงสติตัวเองกลับมาได้
และเคาะโต๊ะเรียกสติทุกๆคนให้กลับไปสนใจตัวเอง… เพราะอย่างงี้ไงผมถึงเกลียดการแนะนำตัว
พอบอกว่าเรียนที่นี่คนอื่นก็เป็นอย่างนี้ทุกที
“น่าสนใจดีนิ
เด็กจากซังอินหรอ”คนข้างๆผมพูดขึ้นมาพร้อมกับไล่สายตามองผมอย่างไรมารยาท
“…”
“ไม่น่าเชื่อว่าเด็กจากที่นั่นจะลดตัวมาเรียนมหาลัยธรรมดา
แต่ก็นะนิสัยแปลกๆแบบนายก็สมควรมาจากที่นั่นแล้วแหละ แต่มันก็น่าตื่นเต้นไม่ใช่หรอ
ฉันเพิ่งเคยเจอเด็กจากที่นั่นใกล้แบบนี้ เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าในนั้นมันเป็นยังไง
ได้ข่าวว่าทั้งห้องเรียนมีแค่แปดคนเองนิ แล้วโรงอาหารที่นั้นก็ยิ่งกว่าภัคตาคารใช่ไหม
โคตรอยากบุกเข้าไปดูอ่ะ”
ผมหลับตาข่มความรำคาญจากคนข้างๆ
“น่ารำคาญ”
“โอ๊ะ ที่เค้าบอกว่า
เด็กจากซังอินนิสัยไม่ดีกันก็คงจะจริงอีกเหมือนกันสินะ”
ให้ตายเหอะผมอยากจะลุกออกไปเลยจริงๆ ไม่รู้จะอดทนไปทำไมกัน
“เด็กห้องบ๊วยก็ควรจะเงียบๆไปซะ”ผมหันไปพูดกับเขาเพราะรำคาญ
แต่หมอนั่นกลับมีสีหน้าที่ประหลาดใจมากกว่าจะโกรธ
“แต่เรื่องที่เด็กซังอินไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเอง
ฉันคงจะจำมาผิดสินะ เพราะนายจำได้ว่าฉันเรียนห้องบ๊วย”
หมอนั่นยิ้มแฉ่งส่งกลับมาให้ผม
“เหอะ”
**
ผมอยากกลับบ้าน
“นี่เด็กจากซังอิน นายมีเพื่อนที่นั่นบ้างมั้ย”
คิมยูคยอม เจ้าเด็กยักษ์นั่นเดินตามผมยิกๆตั้งแต่เลิกคลาสมา บอกตรงๆว่าโคตรรำคาญ
“เลิกยุ่งกับฉันสักที”
“นายจะไปกินข้าวใช่ป่ะ ฉันไปด้วยไง
กำลังหิว ว่าแต่นายมาเรียนที่นี่วันแรกจะรับได้กับโรงอาหารที่นี่หรอ
ฉันสำรวจมาก่อนแล้ว เดี๋ยวแนะนำให้ว่าร้านไหนดูดีที่สุดป่ะๆ”มันถือโอกาสฉวยข้อมือของผมให้เดินตามไป
ผมสะบัดมือแทบจะทันทีที่มันทำแบบนั้น เกินไปแล้วจริงๆ
“อุตส่าห์จะมาเป็นเพื่อน”
“เหอะ อย่างนายไม่มีสิทธิ์มาใช้คำว่าเพื่อนกับฉันนะ
นายไม่ใช่!!! แล้วก็เลิกยุ่งกับฉันสักที มันน่ารำคาญ
ภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!!!!”ผมตะโกนใส่คนตรงหน้าปาวๆ
โว้ยยย ผมไม่ได้ตะโกนแบบนี้ในรอบห้าปีเลยนะ
“โอ๊ะ นายตะโกนใส่ฉันด้วย นายไม่แปลกใจเลยหรอ
เดาว่าอยู่ที่โน้นคงไม่ค่อยได้ตะโกนสินะ
จริงๆแล้ววันๆนายอาจจะไม่คุยกับใครเลยใช่มั้ย”
ผมขมวดคิ้วแปลกใจที่ไอ้หมอนี่มันถูกเรื่องผม
ไอ้หมอนี่ชักจะรู้มากเกินไปแล้วจริงๆ ปกติผมไม่ค่อยตะโกนด้วยซ้ำไป
“ฉันกลัวว่านายจะเหงานะเนี่ย
ไปๆไปกินข้าวกันเหอะหิวแล้ว”ผมจับข้อมือผมอีกครั้งพร้อมกับลากผมไปด้วยอย่างงงๆ
“แบมแบม”เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ผมสะบัดมือจากคนข้างหน้าออกแล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก
“มาร์ค”ผมเรียกชื่อเค้าออกมา
มาร์คเดินตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน
“จะไปไหน”
“กินข้าวครับ”คนที่ลากผมมาตอนแรก
ตอบแทนออกมา ผมหันขวับไปมองก่อนจะผลักเค้าออกไปให้ไกลจากตัวเอง
“ใครหน่ะแบม”มาร์คขมวดคิ้วถามสงสัย
“เพื่อน” แน่นอนว่าไม่ใช่ผมที่ตอบ
หมอนี่มันเป็นโรคคิดเองเออเองหรือยังไงกันวะ
“เพื่อน?!” มาร์คหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจนิดๆ
“ไม่ใช่!! เป็นคนที่นั่งข้างกันในคลาส”
“โห เสียใจนะเนี่ยเด็กซังอิน…” สิ้นสุดคำนั้น เพื่อนมาร์คที่เดินมาด้วยกันในตอนแรกก็เงียบกันทันที
พร้อมกับมองหน้ากันอย่างสงสัย ปนตกใจกันนิดหน่อย
“หยุดเรียกแบบนั้นซะถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
มาร์คเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเจ้าเด็กบ๊วยเล็กน้อยทันทีหลังจบประโยคนั้น
“แฟนนายหรือไง”แต่เจ้านั่นก็ไม่สะทกสะท้านเบี่ยงหน้ามาถามคำถามแปลกๆกับผม
“ห้ะ/ไม่ใช่!!!”
ผมพูดออกมาพร้อมๆกับมาร์ค
ทำให้เด็กบ๊วยมันยิ้มมุมปากมองหน้าผมกับมาร์คสลับกันไปมา แน่นอนว่าผมรีบพูดปฏิเสธออกไปในทันที
“น่าสนใจอีกแล้วสิเนี่ย”
“พล่ามอะไรของนาย”เป็นผมเองที่เดินไปผลักคนที่มาร์คจับคอเสื้ออยู่
ก่อนจะดึงแขนมาร์คออกมา
“พี่ชาย
มาร์คเป็นพี่ชาย”ผมพูดย้ำออกมาให้เค้าฟังทั้งๆที่มันไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนแปลกหน้าฟังด้วยซ้ำ
“ส่วนนายจะไปไหนก็ไป”พร้อมกับไล่ไปด้วย
“งั้นวันนี้ฉันไปกินข้าวก่อนละกันและเจอกันนะเด็กซัง…อุ๊ปส์ แบมแบม” ให้ตายเหอะ
ผมเกลียดการที่หมอนั่นดัจริตเอามือปิดปากตัวเองแล้วโบกมือให้ผมอย่างลั้นลานั่นจริงๆ
“แบมย้ายเซคมั้ย”
มาร์คหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“ช่างเหอะ วุ่นวาย แบมไปเรียนห้องอื่น
ถ้าครูให้แนะนำตัวก็คงจะเป็นเหมือนเดิมแหละ”ผมโบกมือปัดๆออกไป พร้อมเบนสายตาไปยังเพื่อนมาร์ค
จนทั้งสามคนนั้นสะดุ้ง
“หวัดดี”
คนตัวสูงที่อยู่ด้านซ้ายสุดยกมือขึ้นมาเพื่อทักทายผม
“อือ”
จริงๆพวกนี้ก็ตลกดีนะ
แบบว่าเหมือนผมเป็นครูห้องฝ่ายปกครองแล้วจับได้ว่าพวกเค้ากำลังทำความผิดอยู่อย่างงั้นแหละ
อ่า…ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอเนี่ยย แม้ว่าหน้าผมจะดูหยิ่ง
โอเค นิสัยด้วยก็ได้… แต่มันก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย..ใช่มั้ย??
“พวกมึงเป็นอะไรกันวะ นี่น้องกู ทำท่ากลัวซะเวอร์”
มาร์คที่เห็นความผิดปกติก็หันไปตบไหล่คนที่เอ่ยทักทายผมคนแรก
“แล้วกูได้ยินข่าวลือที่ว่าเด็กจากที่นั่น
เลือดเย็น ไม่มีน้ำใจ ชอบดูถูกคน ไม่ชอบสุงสิงกับใคร หัวสูง บ้านรวยโคตร
ทำตัวเว่อวัง นั่นจริงป่ะวะ”ไอ้พี่ตัวสูงถามมาร์คผ่านเสียงกระซิบที่ดังโคตรๆ -__-
แล้วไอ้สรรพคุณที่พูดมาอะ มันไม่ใช่สักหน่อย นะ เออ
ยอมรับว่ามีบางข้อที่ใช่ ไม่ชอบสุงสิง กับ บ้านรวยโคตรนี่ยอมรับอย่างแมนๆเลย อย่าเพิ่งหมั่นไส้ผมนะ
ฮ่าๆๆ
“ถ้าเสียงดังขนาดนั้นไม่พูดออกไมค์ประกาศไปเลยหล่ะ”
ผมพูด
“แบม!!!”
“อะไร!!!”
“เพื่อนมาร์คเป็นรุ่นพี่นะ
พูดจาดีๆหน่อย”
“เห้ย ไม่เป็นไรเว้ยมึง กูไม่ถือ”
พี่คนที่กระซิบ โบกมือหยอยๆ
“ขอโทษก่อน
ไม่งั้นมาร์คไม่คุยเรื่องหอใหม่ให้นะ” ผมแทบจะก้มลงกราบขอขมาไอ้พี่โย่งทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
โห เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในรอบวันเลยนะ
“ขอโทษครับ” เป็นไงแถมครับให้ด้วย
มาร์คยิ้มพอใจแล้ว จัดการแนะนำผมให้เพื่อนๆเค้ารู้จักด้วย
“แบมนี่ไอ้ มิโน บ๊อบบี้
แล้วก็แทฮยอน” ผมไล่มองไปตามที่มาร์คบอก เริ่มจากไอ้พี่โย่งที่ชื่อมิโน
คนที่แต่งตัวฮิบฮอบหน่อยก็ชื่อบ๊อบบี้ ส่วนคนสุดท้ายคนตัวบางๆหน้าหวานๆชื่อแทฮยอน
“ส่วนพวกมึง นี่น้องชายกู แบมแบม”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแบมแบม”
คนที่ชื่อบ๊อบบี้เป็นคนพูดขึ้นมา ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้ากลับไปแค่นั้น
“น้องกูไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีซักเท่าไหร่
นานๆไปเดี๋ยวก็ชิน” มาร์คหันไปหัวเราะใส่เพื่อนๆ
จนเพื่อนๆเค้าก็ค่อยๆหัวเราะตามออกมา
“มาร์ค!!”
“อะไรก็มันจริงนี่น่า ไอ้เด็กดื้อ!!” มาร์คหัวเราะร่าก่อนจะล็อคคอผมแล้วขยี้ผมของผมอย่างแรง เจ็บนะเว้ยย หัวยุ่งหมดแล้ว
“น่ารักจัง”
อยู่ๆพี่คนที่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรในตอนแรก ก็พูดขึ้นมาบ้าง
ทำให้ทั้งผมและมาร์คที่กำลังเล่นกันอยู่ชะงักค้าง เพราะสายตาของพี่เค้ามันแปลกๆ
จริงๆมันแทบจะเหมือนสายตาไอ้เด็กห้องบ๊วยนั่นด้วยซ้ำ
“อะไรมึง”มาร์คปล่อยผมทันทีที่เห็นอย่างนั้น
“เปล่า”
“หิว”
ทุกคนหันมามองผมตาปริบๆเมื่อเห็นว่าผมพูดอะไรออกมา
มาร์คขำออกมานิดหน่อย พลอยทำให้คนอื่นขำแม้จะฝืดๆตามไปด้วย ก็หิวอ่ะมันน่าขำอะไรวะ
พิลึกเนอะพวกนี้
**
“แบมแบม”
“กว่าจะมาเนอะ”
ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามาร์คกำลังวิ่งมาทางผม
“มาร์คต้องประชุมคณะอ่ะ แบมไปรอมาร์คที่ร้านกาแฟหน้ามอได้มั้ย
แปปเดียว”
“มาร์ค!!!”
“หรือจะกลับก่อนหล่ะ”มาร์คยื่นกุญแจรถให้ผม
“จะไปจำทางได้ไงวะ”ผมบ่นออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ งั้นไปรอก่อน เดี๋ยวมาร์คตามไป
แปปเดียว”มาร์คชี้ๆไปตามทางเพื่อให้ผมเดินไปรอร้านที่มาร์คเพิ่งบอกมา
“เออๆๆ”
ผมนั่งมองช็อคโกแลตเย็นอย่างเบื่อหน่าย ให้ตาย รสชาติแย่จริง ผมดูดไปทีนึงก่อนจะวางแก้วให้น้ำมันละลายทิ้งไปอย่างนั้น
ร้านนี้ก็ดีแหละ แต่เสียงดังไปมาก ผมกวาดสายตามองรอบๆร้านก็เห็นมีนักศึกษาหญิง ชาย
เต็มร้านไปหมด ดีที่ผมได้ที่นั่งเป็นบาร์ติดกระจกพอดี ถ้าร้านเต็มก็ไม่รู้จะไปรอมาร์คที่ไหนแล้ว
จริงๆคือรสชาติก็ไม่ได้ดี แต่คนเยอะมากกกกก โคตรไม่เมกเซ้นเลย
“แบมแบม!!”ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้รับแรงกดจากไหล่มาทางด้านหลัง
“อะ..อ้าว..จิน..จินยอง” แต่พอกลับหลังหันมา กลับตกใจมากกว่าเพราะไม่คิดว่าจะเจอเร็วขนาดนี้
“เห้ย!! จริงด้วย โหยยย ไม่คิดว่าจะเจอ”จินยองลากเก้าอี้ข้างๆมานั่งข้างๆผม
“หวัดดี//” พอมาเจอจินยองใกล้ๆมันก็พาลเขินขึ้นมาซะงั้น แหงดิ ก็คนที่ชอบทั้งคนเนอะ
จะเขินก็ไม่แปลก
อ่า ใช่ ผมหน่ะชอบจินยอง…
ถึงขอคุณป๋าย้ายมายังไงหล่ะ โคตรไร้สาระเลยเนอะ ถ้าถามว่าผมมาคุย มารู้จักกับจินยองได้ไงก็คงเป็นเพราะยัยจีมิน
ลูกพี่ลูกน้องผมมั้ง ผมแค่ชี้ว่าคนในรูป(ก็คือจินยอง) ดูดี หล่อดี แค่เนี่ย
ยัยนั่นก็เนียนเอาโทรศัพท์ผมไปแอดไลน์แล้วคุยกะเค้าทันที
พอผมรู้นี่โกรธไอ้จีมินไปพักใหญ่เลยแหละ
แต่ผมก็จำไม่ได้หรอกว่าทำไมผมถึงได้คุยกับเค้ามาถึงตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะจินยองเป็นคนคุยสนุกมั้ง
ก็เหมือนมีเพื่อน?แก้เหงาไปได้บ้าง
มันทำให้ผมรู้สึกว่าเค้าพิเศษกว่าคนอื่น
“แล้วนี่มาคนเดียว?”
จินยองยิ้มตาหยีมาให้ผม อ่า ให้ตาย ทำไมเค้าน่ารักจัง
“อือ เรามารอพี่”
“เพิ่งมาหรอ น้ำในแก้วไม่ลดเลย”จินยองเสมองมาทางแก้วน้ำผมที่ตอนนี้น้ำก้นแก้วเอ่อนองเพราะน้ำแข็งละลายไปเยอะแล้ว
“อ่อ นานแล้วแหละ
แค่มันไม่อร่อยเลยไม่อยากกินแล้วอ่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมคนถึงแห่มากินกันนัก”ผมยกแก้วขึ้นมาดูก่อนจะพันไปมองคนรอบๆตัวอีกครั้ง
แปลก..ทำไมทุกคนมองมาทางผมแปลกๆวะ มาเรียนวันแรกนี่โดนมองเป็นร้อยคนแล้วมั้ง
โอ้ยย น่ารำคาญจริงๆ
“อ๋ออออ
สงสัยเค้ามารอดูเจ้าของร้านมั้ง เค้าบอกกันว่าหล่อ”จินยองหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“จะแค่ไหนกันเชียว
ในร้านเนี่ยเรายังไม่เห็นใครหล่อสักคน”
“แล้วเราหล่ะ”
จินยองยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ทำให้ผมเผลอกั้นหายใจไปชั่วขณะ
จริงๆมันก็ไม่ได้ใกล้อะไรมาก ผมก็แค่ตกใจ
“อะไรเล่า!!”ผมผลักไหล่เค้าออกไปเบาๆเพราะรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนๆแปลกๆ
“ฮ่าๆ
นายนี่น่ารักจังเลยนะ”จินยองยื่นมาขยี้หัวผมเบาๆจนตัวเองอดที่จะเอามือขึ้นมาจับๆลูบๆตามสัมผัสนั้นไม่ได้
ครืด ครืด ครืด
ผมสะดุ้งเมื่อได้รับแรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“อื่อ”
(มาร์คประชุมเสร็จแล้ว
แบมมารอมาร์คที่หน้าประตูเลย เดี๋ยวมาร์ควนรถไปรับ)
“อือ”
ผมกดวางสายจากมาร์คก่อนจะหันมามองที่จินยองเหมือนเดิม
“เอ่อ เราไปแล้วนะ
แล้วเจอกันนะ”ผมลุกขึ้นยืน
“อ้าวไปแล้วหรอ โอเคๆ กลับบ้านดีๆนะครับ”
จินยองโบกมือลาผม เห็นอย่างนั้นผมก็กลับหลังหันเพื่อจะกลับไปที่คอนโดมาร์ค ผมแอบคิดนะว่ามาร์คประชุมเร็วไปมั้ย
ถ้ารู้ว่าจะมาเจอจินยองอยาประชุมนานแค่ไหน็ตามใจเลย ไม่โกรธด้วย ผมยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้เจอจินยองอีกรึเปล่า
“เดี๋ยวแบมแบม”
“ห้ะ”ผมหันไปตามเสียงเรียกของจินยองที่เปิดประตูตามผมมา
“มาร้านเราบ่อยๆนะ
เดี๋ยวเราจะไปปรับปรุงเรื่องรสชาติ บ๊ายบาย”
….
….
เดี๋ยว!! ปาร์คจินยอง เป็นเจ้าของร้าน??!!!
แล้วผมก็ไปพูดกับเจ้าของร้านว่ารสชาติ ไม่ได้เรื่อง
แล้วเจ้าของร้านก็เป็นคนที่ผมชอบ
……
……
…
….
น้ำตานอง…
#ฟิคข้างแบม
มามามา กว่าจะมา 555555
กดเม้นให้เค้าด้วยนะ จะได้มีกลจ.
**Sungin High School = โรงเรียนเอกชนที่เป็นตำนาน
ค่าเทอมเกือบล้าน เป็นแหล่งรวมลูกคนดังเรียน หรือคนที่รวยมากๆ เช่น ลูกนายก
ลูกมาเฟีย ลูกนักธุรกิจดังๆ มีเสียงเลื่องลือกันว่าที่นั่นมีแต่เด็กเห็นแก่ตัว
ไม่สุงสิง ไม่มีน้ำใจ ไม่ค่อยรู้ผิดชอบชั่วดี (แต่น้องแบมไม่เป็นนะ
ที่เลือกเรียนเพราะมันสันโดษ ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องมีเพื่อนก้เรียนได้)
ความคิดเห็น