คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 :: ยอม
ABU 1
ผมชนะมาร์ค คุณป๋ายอมให้ผมไปเรียนที่เดียวกับมาร์ค
ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง ทั้งได้ย้ายและได้ความสะใจ
ไม่ต้องให้มาร์คไปพูดคุณป๋าก็ยอมแล้ว อ่อ ถึงตอนแรกจะดูไม่ยอมก็เถอะนะ
“น้องแบม ป๋ายอมให้น้องแบมเรียนที่นั่นก็ได้”ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำอนุญาตชัดๆอีกครั้ง
ก่อนจะหันไปยักคิ้วอวดบุคคลที่นั่งอยู่ในห้องทำงานคุณป๋าก่อนหน้านี้แล้ว มาร์ค
ต้วน
“ขอบคุณมากๆนะครับ”
“แต่….”
????!!!!!!!
เหมือนดังนรกชังสวรรค์แกล้ง อะไรคือคำว่าแต่ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินจากปากคุณป๋าครั้งแรกเนี่ยแหละครับ
สาบานเลยถ้าเอากระจกมาส่องหน้าผมตอนนี้หน้าผมคงเจื่อนมาก
นอกจากนั้นบุคคลที่สามที่นั่งอยู่ในห้องตั้งแต่แรกก็ทำท่าเหมือนกำลังกลั้นขำอยู่อย่างนั้น
“ทำไมต้องแต่อ่ะ”
“ป๋าคุยกับมาร์คกับยองแจแล้ว
ป๋าต้องมีเงื่อนไขให้น้องแบมด้วย”
“มาร์ค!!!”ผมโวยวายทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหอะ
ว่าแล้วว่ามาร์คต้องคอยไปเป่าหูคุณป๋าให้ตั้งเงื่อนไขกับผม แต่โทษทีนี่ใคร แบมแบม
นะครับ ผมไม่ยอมหรอก
“น้องแบม!! ทำไมต้องเสียงดังด้วยหล่ะ แล้วป๋าบอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกมาร์คว่าพี่ มาร์คโตกว่าเรานะน้องแบม”
คุณป๋าเสียงดังใส่ผม?! ซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดนิดหน่อย
โอเคไม่นิดหน่อยก็ได้ ผมหงุดหงิดมากๆเลยตอนนี้
“แบมมีพี่คนเดียวคือพี่ยองแจ”
เพราะความหงุดหงิดทำให้ผมพูดแบบนั้นใส่หน้ามาร์คไป
เพียงเสี้ยววิที่ผมเห็นสายตาผิดหวังของมาร์คก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มส่งกลับมาให้ผม
เพราะอย่างนั้นทำให้ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดและความรู้สึกของมาร์คเลยสักนิด
"น้องแบม!!"
มาร์คที่นั่งฟังอยู่เงียบๆยกมือขึ้นบอกว่าไม่เป็นไร
ก่อนจะยิ้มให้คุณป๋าของผม
"ไม่เป็นไรครับคุณลุง
ผมชินแล้วแหละครับ" ยิ้มบางๆเกิดขึ้นบนใบหน้า
ผมไม่รู้หรอกว่าเค้ารู้สึกแบบไหนที่ผมไม่เคยยอมรับว่าเค้าเป็นพี่ชายของผมเลยสักครั้ง
ช่างมันเถอะ ก็คงชินอย่างที่บอกนั่นแหละ
"ลุงบอกให้เรียกป๋าไงเจ้ามาร์ค ต้องให้พูดไปอีกกี่ปีหืมม"
มาร์คส่ายหน้าปฏิเสธ
"ผมชินแล้วครับ"
"แล้วน้องแบมไปพูดอย่างงั้นได้ยังไง
มาร์คเค้ามาอยู่กับเราตั้งแต่เด็กๆ ดูแลทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี ที่สำคัญมาร์คดูแล
ตามใจน้องแบมที่สุดเลยนะ ไปพูดอย่างนั้นไม่คิดว่าพี่เค้าจะเสียใจหรอห้ะ
ขอโทษพี่เค้าเดี๋ยวนี้เลยนะ"
ตามใจกับผีหน่ะสิ..คุณป๋าเอาอะไรมาพูดดด
ทุกวันนี้มาร์คไม่ตามใจแบมมานานแล้วนะ ทั้งชอบดุ ชอบบังคับ
มาร์คอะเริ่มไม่ชอบแบมแล้วเหอะ คุณป๋านั่นแหละไม่รู้เรื่องอะไรเลยยย
"คุณป๋า..
มาร์คไม่เห็นคิดมากเลย มาร์คบอกชินแล้วก็ช่างมาร์คเหอะ
มาพูดถึงเรื่องที่จะให้น้องแบมไปเรียนที่มหาลัยเจวายพีเถอะคุณป๋า"
ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง..
"ขอโทษก่อน.."
ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่ ต้องยอมใช่มั้ยงานนี้ โว้ยยย จะบ้าตาย
"ขอโทษนะ ..
ป๋าพูดต่อเร็วๆ" ผมพูดส่งๆใส่มาร์คเพราะตื่นเต้นเรื่องอื่นมากกว่า
คุณป๋าส่ายหัวเอือมระอาในสิ่งที่ผมทำก่อนจะยอมพูดเรื่องนั้นในที่สุด
"ป๋าจะยอมให้ไป
แต่เรื่องหอ เรื่องค่าใช้จ่าย ป๋ามีเงื่อนไข"
"ห้ะ!! เนี่ยๆ
น้องแบมเลือกไว้แล้ว คอนโดที่จะพักอ้ะ
แล้วน้องแบมก็เลือกรถในโรงรถไว้เรียบร้อยแล้วด้วย" ผมยื่นไอแพทให้คุณป๋าดูคอนโดที่ผมเลือกเอาไว้แล้วพร้อมล้วงเอากุญแจออดี้ลูกรักออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
คุณป๋าแบมือขอกุญแจรถจากผม..
"ถ้ามันมากไปแบมเอา
accord ไปก็ได้นะป๋า"
"คุณลุงเค้าไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นซักหน่อย"มาร์คพูดขึ้นมา
"แล้วป๋าหมายความว่าไง"
"ค่าใช้จ่ายป๋าจะหักลงครึ่งนึงจากที่ลูกได้เป็นประจำ
หอพักป๋าให้พักอยู่กับมาร์ค เรื่องรถลืมไปเลย ไปกลับกับมาร์ค อ่อ..
น้องแจบอกว่าไม่ต้องจ้างแม่บ้านด้วย.."
นรก!!!!! แม่บ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในชีวิตเลยนะ!!!
ทำไมพี่ทำแบบนี้กับผม
"หรือจะไม่ย้าย..
ก็แล้วแต่นะ" คุณป๋าส่งยิ้มกว้างตรงมาให้ผม
ผมหันไปมองหน้ามาร์คอย่างเอาเรื่อง เพราะคิดว่ายังไงมาร์คก็คงต้องไปเป่าหูคุณป๋าแน่ๆ
ไม่งั้นคุณป๋าไม่กล้ามีเงื่อนไขกับผมหรอก
แต่มาร์คกลับยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้กลับมาให้ผม
ผมหันกลับมาหาคุณป๋า
สีหน้าที่ยินดีปิดไม่มิดนั้นมันทำให้ผมโมโหจริงๆนะ จะเอาอย่างงี้ใช่ไหม
จะให้ผมยอมแพ้ให้ได้ใช่ไหม ได้...
"ตกลง.."
"หืมม"
คุณป๋าส่งสีหน้าแปลกใจกลับมาให้ผม ผมยกยิ้มมุมปากเพราะรู้สึกถึงชัยชนะในครั้งนี้
ยอมไปก่อนเถอะได้ไปอยู่สักหนึ่งอาทิตย์ค่อยย้ายออกมาก็ได้
ถึงตอนนั้นไปอ้อนหน่อยก็คงได้
“แบมบอกว่าตกลงไง”
“อ่า…ก็ดีแล้ว
งั้นมาร์คไปจัดการเรื่องนี้ทีนะ”
มาร์คลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปจากห้องหลังจากที่คุณป๋าพูด
อดไม่ได้ที่จะยู่ปากตามคนที่เพิ่งเดินออกไป
“แหนะ ดูทำหน้า
น้องแบมป๋าถามอะไรหน่อยเถอะ
น้องแบมไปพูดแบบนั้นน้องแบมไม่คิดว่ามาร์คจะเสียใจหรอครับ”
คุณป๋านั่งลงข้างๆผมแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็นดูไปด้วย
คิด…
“ไม่นิครับ” แต่ก็ดันพูดอีกอย่าง
“ใจร้ายจังนะเรา”
ใครกันแน่ที่ใจร้าย
ป๋าไม่รู้หรอกว่ามาร์คเปลี่ยนไปมากเลยนะ เมื่อก่อนผมหน่ะ…สนิทกับมาร์คมากๆเลย
แต่โตขึ้นอะไรๆก็เปลี่ยนไปเป็นธรรมดา
“ว่าแบมได้ไง”
“เมื่อก่อนน้องแบมของป๋าออกจะขี้อ้อน
อ้อนมาร์คมากกว่าป๋าด้วยซ้ำ ตอนนี้น้องแบมไม่รักมาร์คแล้วหรอ หืมมม
น้องแบมรู้มั้ยวันนี้สิ่งที่น้องแบมพูดออกมามันไม่ดีเลยนะ น้องแบมก็รู้ว่านอกจากโจอี้เราคือครอบครัวเดียวของมาร์คนะ”
รู้สิ…รู้ดีเลยแหละ
ก็รู้สึกผิดแหละ แต่จะให้ไปขอโทษมันก็ไม่ใช่ป่ะ ตอนนี้ผมหน่ะ…ไม่ได้สนิทกับมาร์คขนาดนั้นซะหน่อย
“ก็มาร์คไม่ตามใจแบมแล้วนิ
มีอย่างที่ไหนมาเป่าหูคุณป๋าให้ตั้งเงื่อนไขกับแบม”
“ฮ่าๆๆๆ
จริงๆแล้วมาร์คเป็นคนขอให้ป๋ามาคิดเรื่องนี้นะ จริงๆป๋าไม่ยอมให้น้องแบมย้ายหรอก”
มาร์คขอหรอ?
แล้วทำไมตอนแรกเหมือนไม่สนใจกันเลยด้วยซ้ำ
“ตลกป๋า มาร์คหน่ะไม่ยอมให้แบมย้าย
แล้วไม่ยอมช่วยแบมต่างหาก”
“จริงๆนะน้องแบมเมื่อวันก่อนมาร์คก็เข้ามาขอตั้งนานกว่าป๋าจะยอม
ป๋าเลยโทรไปปรึกษาพี่เรา น้องแจหน่ะเป็นคนตั้งเงื่อนไขทุกอย่างเองเลยนะ
น้องแจบอกว่าน้องแบมไม้ย้ายหรอกกถ้าตั้งเงื่อนไขแบบนั้น แต่น้องแบมดันตกลงซะงั้น”
“ทำไมพี่ทำกับแบมแบบนี้”
“อ่อ
ป๋าไม่เชื่อหรอกนะที่น้องแบมจะย้ายเพราะสาเหตุที่น้องแบมบอกมาร์ค
แต่ในเมื่อทำข้อตกลงกันแล้วก็คงต้องยอม”
เหตุผลหน่ะมี
แต่ไม่ใช่เหตุผลที่บอกมาร์คหรอก ผมหยิบโทรศัพท์ตัวองขึ้นมาดูก่อนจะเห็นข้อความที่ขึ้นค้างอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
J. :: อยู่บ้านหน่ะ
J. :: ไปกินข้าวก่อนนะ
คุณป๋าที่เห็นผมเงียบไปก็ยื่นหน้าเข้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
“เพื่อนหรอ
มีเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่นะน้องแบม”
“อ่า…เพื่อน..ใช่ครับ”
ผมกดเข้าไปในโปรแกรมแชทของตัวเองก่อนจะเข้าไปไล่รายชื่อเพื่อนในโปรแกรมแชทของตัวเองที่มีอยู่ไม่ถึงสิบคน
แล้วในสิบคนก็เป็นญาติกันทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อน…แค่ไม่อยากคบใครเท่านั้นเอง
“เพื่อนที่มหาลัยหรอ”
ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อตัดบท ผมรู้ว่าคุณป๋าสงสัยแต่อย่าถามผมเลย
เพราะผมไม่อยากจะตอบคำถามนี้สักเท่าไหร่หรอกครับ
“แล้วเจอกันนะป๋า”
**
(แบมแบม)
“ครับพี่”
(จะย้ายจริงๆหรอ)
“อื่อ แบมจะย้าย”
แล้วนี่ผมจะพยักหน้ากับโทรศัพท์ทำไมเนี่ย
(แล้วทำไมต้องย้ายไปมอนั้นด้วยหล่ะห้ะ
เค้าโทรถามไอ้มาร์คมันแล้วนะ ไม่สิ จริงๆไอ้มาร์คมันเป็นคนโทรมา
ไม่รู้จะตามใจอะไรกันนักหนา แล้วนี่ดันตกลงกับเงื่อนไขนั้นซะได้นะแบม
เค้าไม่คิดว่าแบมจะยอมตกลงนะเนี่ย แต่ว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ
แบมจะได้โตเป็นผู้ใหญ่สักที จะได้ทำอะไรเป็นบ้าง
แล้วอย่าให้เค้ารู้หล่ะว่าแบมจะไปอ้อนป๋าเอานู้นเอานี่ที่หลัง เข้าใจมั้ย)
ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
พี่ก็เป็นอย่างนี้ทั้งขี้บ่น ทั้งพูดมาก
แต่ก็นั่นแหละผมก็ต้องยอมโทรไปหาทุกครั้งที่คิดถึง
แต่ว่าเวลาพี่พูดทีไรก็ทำให้ผมหายคิดถึงไปได้หลายวันเลยแหละ
“มาร์คไม่ได้ตามใจซะหน่อย…” ผมพูดเสียงแผ่ว
ทำไมใครๆก็บอกว่ามาร์คตามใจ ทั้งที่มันไม่ใช่เลยสักนิด
(แล้วจะย้ายมหาลัยทำไมไม่ย้ายมาเรียนกับเค้าที่นี่เลยหล่ะแบม)
“ไม่เอาด้วยหรอก
อยู่นู้นลำบากจะตาย”
(ไม่ลำบากแล้วจะทำอะไรเป็นมั้ย
นี้เค้ายังสงสัยอยู่เลยว่าถ้าย้ายไปอยู่มอเดียวกะไอ้มาร์คมันแบมจะอยู่ได้ไหมเนี่ย ไม่รู้จะย้ายไปทำไมถ้าชอบความสบายขนาดนั้น)
อ่อ…พี่ยองแจหน่ะ
เรื่องจิกกัดก็เป็นที่ 1 เหมือนกันนะ -___-
“เออน่า
นี่โทรมาบ่นแบมใช่ไหมเนี่ย”
(เออใช่ โทรมาบ่นแกนั่นแหละ)
“เค้าคิดถึงพี่นะ” ส่วนตัวผมหน่ะ
เปลี่ยนเรื่องเก่งเป็นที่หนึ่งเลยนะ
(ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะแบม)
“เหนื่อยมั้ย”
ถ้าไม่เปลี่ยนไรพี่ก็จะพูดซ้ำๆอยู่เรื่องเดิมหน่ะสิ
(เหนื่อย!! แต่สนุก
เดี๋ยวอีกสองปีก็เจอกันแล้ว เค้าก็คิดถึงแบมนะ คิดถึงคุณป๋าด้วย อ่อ
ฝากความคิดถึงให้ไอ้มาร์คด้วย พี่ฝากจุ้บแก้มมันสองทีนะ)
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เบ้ปากใส่โทรศัพท์ทันที
ตลกมากมั้ยชเวยองแจ
“ไม่ตลก”
(ฮ่าๆๆๆ อะไรกัน
ตอนเด็กๆแกยังหอมซ้ายหอมขวา มัคมัคอย่างนั้น มัคมัคอย่างนี้
เดี๋ยวนี้โตเป็นหนุ่มแล้วเขินหรอน้องแบมแบม ฮ่าๆๆๆ)
“วางไปเลย แบมไม่คุยกับพี่แล่วววว
ฮึ่ยยย”
(ฮ่าๆๆๆ โอเคโอเคฝันดีน้องรัก)
ผมกดวางสายอย่างหงุดหงิด
ทำไมพี่ต้องเอามาล้อด้วยวะ เรื่องนั้นมันก็นานนมมาแล้วนะ ลืมๆไปสักทีไม่ได้หรอวะ
ลืมเหมือนมาร์คไง มาร์คยังไม่มานั่งจำเลย ไอ้พี่บ้าเอ้ย คอยดูต่อให้คิดถึงก็จะไม่ยอมเสียตังค์โทรข้ามประเทศอีกแล้วแน่ๆ
ผมนอนแผ่ลงบนเตียงก่อนจะนึกถึงวันที่ผมมีสมาชิกเพิ่มเข้ามาในครอบครัว…
‘มาร์ค ต้วน
ผมชื่อมาร์คต้วน ส่วนนี่น้องผมชื่อโจอี้ ต้วน’
‘หวัดดีเราชื่อยองแจ
เราอายุเท่ากันนะมาร์ค คุณป๋าบอกว่าตั้งแต่นี้ไปมาร์คแล้วก็น้องโจอี้จะมาอยู่บ้านเดียวกับเราใช่ไหม
มาเป็นเพื่อนกันนะ’ ยองแจยิ้มกว้างก่อนจะส่งมือไปให้คนตรงหน้าที่ยังมีท่าทางอึดอัดอยู่
ยองแจจับมือน้องชายตัวเล็กที่หลบอยู่ด้านหลังของตัวเองให้ออกมาข้างนอกก่อนจะดันเข้าไปใกล้ๆมาร์คกับโจอี้
‘นี่น้องชายเราชื่อ
แบมแบม พูดสิแบมแบม’
‘หะ..หวัดดี แบมแบมฮะ’
‘มาร์คๆ
แบมแบมน่ารักจังเลย’ โจอี้ที่ดูอึดอัดน้อยกว่ามาร์คเพราะว่ายังเด็กก็เดินเข้ามาดึงแก้มแบมแบมให้ยืดออกมาอย่างหมั่นเขี้ยว
‘อือ น่ารัก’
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ครอบครัวผมที่เคยมีสามคนก็กลับกลายเป็นห้า…
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก
ผมเดินไปเปิดประตูห้องตัวเองหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู
“แบม”
“มีอะไรมาร์ค”
“มาร์คจะมาบอกว่าอีกสองอาทิตย์เปิดเทอมนะ
เดี๋ยวสองวันก่อนเปิดเทอมมาร์คจะมารับแบมนะ” พูดจบมาร์คก็ยื่นซองเอกสารที่น่าจะเป็นเรื่องการย้ายมหาลัยให้ผม
แต่เดี๋ยว..
“อ้าวแล้วมาร์คจะไปไหน
เพิ่งกลับบ้านมาสองวันเองนิ จะไปอีกแล้วหรอ” ไม่ได้อะไรนะ ผมแค่สงสัยเฉยๆ
“พอดีมาร์คต้องไปค่ายของคณะหน่ะ
แล้วเจอกัน เป็นเด็กดีนะเราหน่ะ” มาร์คโบกมือบ๊ายบายผม
แต่ก็ไม่ลืมที่จะยื่นมือมาขยี้หัวผมอย่างที่ชอบทำประจำ
“เดี๋ยวดิ”
“หือออ”
มาร์คที่เดินออกไปจากหน้าประตูห้องผม
หันกลับมาเพราะเสียงเรียกของผม
“ขอบคุณ”ผมพูดออกมาโดยไม่มองหน้าอีกคนเลยสักนิด
กว่าจะพูดออกมาได้นี่มันน่าอายขนาดไหนไม่รู้หรอ
“เรื่อง?”
มาร์คหัวเราะออกมาเล็กน้อยราวกับจะล้อเลียนผมที่พูดขอบคุณออกไป แล้วดูทำ ถามจริง
นี่ไม่รู้จริงๆว่าขอบคุณเรื่องอะไร? ชอบแกล้งโง่หว่ะ
“สักเรื่องแหละ
ถ้าไม่รู้ก็ช่างมันเถอะ”
ปัง!!!!!
ผมปิดประตูกระแทกใส่มาร์คทันทีที่พูดจบ
น่าโมโหจริงๆเวลาที่มาร์คมากวนประสาทกัน
ให้ตายเหอะ
เวลาคุยกับมาร์คทีไรรู้สึกเหนื่อยชะมัดเลย
ตืดดึ้ง..
J. :: อีกสองอาทิตย์หน่ะถึงจะเปิดเรียน
ผมไม่รอช้ารีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที
BB. :: เราก็เหมือนกัน
J.
:: เอ้าจริงดิ
เออนี่ยังไม่รู้เลยว่าแบมเรียนที่ไหน
BB.
:: เราเรียนที่มหาลัยเจวายพีอ้ะ
J.
:: อ้าวเห้ย!!!!!
ที่เดียวกันเนี่ยทำไมไม่เคยเจอเลยวะ
BB.
:: เราเพิ่งย้ายไปหน่ะ
J.
:: ย้ายมาจากไหน
มือผมชะงักทันที่ที่เห็นคำถามถัดมาจากอีกฝ่าย
จะให้ตอบว่าผมย้ายมาจากซังอินหรอ มันคงจะไม่โอเคสำหรับคนอื่นหรอกมั้ง
BB.
:: อ้ะเราหิวแล้ว เดี๋ยวเราไปหาไรกินก่อนนะ
หิวบ้าหิวบออะไรกันนี่มันสี่ทุ่มแล้วเหอะ
จะเปลี่ยนเรื่องทั้งทีก็ช่วยคิดหน่อยเหอะแบมแบม
J. :: โอโห กินตอนนี้อ้วนนะ หมู
BB. :: ไม่ได้อ้วนซะหน่อยนะ ไปแล่วว
J. :: โอเคลูกหมู 5555
ผมคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างๆเตียง
ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกออกมาที่อีกคนไม่ได้สงสัย หรือเซ้าซี้ที่จะถามต่อ
อ่อ
ผมยังไม่ได้บอกเหตุผลใช่ไหมว่าทำไมผมถึงอยากที่จะย้ายมหาลัยเหลือเกิน
จริงๆที่ผมย้ายเพราะไม่ใช่ไอ้เรื่องที่ผมอ้างมาหรอกครับ
แต่เป็นเพราะผมรู้สึกว่าผมหน่ะกำลังมีความรู้สึกชอบ แล้วเวลาที่ผมเกิดความรู้สึกบ้าๆเนี่ยผมจะทำทุกวิถีทางให้ตัวเองมีความสุข
อย่างเช่นการที่จะรู้จักเขามากขึ้นโดยการย้ายมาเรียนที่เดียวกันกับเค้า
ไม่ใช่รู้จักผ่านกันแค่ตัวหนังสือเท่านั้น ไม่รู้ว่าบ้าเกินไปรึเปล่า แต่ก็นะ
ก็คงต้องยอมรับว่าผมหน่ะมันบ้าจริงๆที่ตัดสินใจแบบนี้
แล้วพอนึกว่าตัวเองจะได้ไปเจอกับคนที่คุยด้วยอยู่ทุกวันมันก็อดที่จะตื่นเต้นออกมาไม่ได้
อีกสองอาทิตย์เจอกันนะ…..
#ฟิคข้างแบม
มาๆแล้วตอนที่ 1 เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะ
ไม่รู้ว่าจะได้อัพบ่อยๆมั้ย
ฮ่าๆๆๆๆ
ปล่อยเรื่องนี้มานานมากกกกกกก
เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
เขียนแล้วก็ลบแล้วก็เขียนแล้วก็ลบ รู้สึกว่ามันไม่ใช่
แต่ครั้งนี้ไม่ลบและ
สัญญา 55555555555555555
ชอบกดเฟบ เลิฟกดไลค์ ใส่ใจกดเม้นด้วยนะจ้ะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น