คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4
รุ่งเช้าของอีกวัน แสงอาทิตย์สอดส่องผ่านช่องว่างระหว่างม่านเข้ามากระทบดวงตาคู่สวย ดวงตาคู่นั้นของเธอกระพริบถี่ๆก่อนจะลืมตาขึ้น ร่างบางควานโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้กำลังสั่นไม่หยุด หน้าจอแสดงชื่อ “เจี๊ยบ” พี่สาวของเธอ เธอขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะกดรับ
“ว่าไง” เธอถามด้วยเสียงแหบเล็กน้อย เพราะยังตื่นไม่เต็มตานัก
(นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว โทรไปตั้งหลายสายแล้วทำไมไม่รับ ไปก่อเรื่องอะไรไว้เนี่ยรู้ตัวไหม อธิบายเรื่องทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้เลยนะจอย) ปลายสายบ่นมาไม่หยุด ทำให้เธอที่กำลังสะลึมสะลือตื่นตัวทันที เธอเด้งตัวลุกจากที่นอน
“เรื่องอะไร จอยงงไปหมดแล้ว” เธอตอบกลับไปอย่างงงงวย
(แสดงว่ายังไม่ได้ดูข่าวเลยใช่ไหม ข่าวออกตั้งแต่เช้าทุกช่องลงข่าวเธอมีแฟนเด็กคบกันมานาน 3 ปี ขึ้นหน้าหนึ่งทุกฉบับ ที่นี้รู้หรือยังว่าเรื่องอะไร)
“ห๊า...แล้วแม่เห็นข่าวหรือยังเนี่ย”
(แม่ยังไม่รู้ อธิบายพี่มาเดี๋ยวนี้เลยนะจอย มันเกิดอะไรขึ้น)
“โอเคๆ เดี๋ยวจะรีบกลับไปเล่าให้ฟังนะ อย่าพึ่งบ่น” เธอพูดก่อนจะกดวางสาย “วุ่นวายแต่เช้าเลยเนี่ย โอ๊ยยยยย” เธอขยี้ผมตัวเองก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำทำความสะอาดตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพ
อีกด้านหนึ่งตรงร้อบบี้โรงแรมหรู สุนิสาและพรชิตากำลังรอคำอธิบายเรื่องทั้งหมดจากชาตโยดม บรมวุฒิ และตัวการสำคัญอย่างธีรเดช สำหรับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนเป็นข่าวใหญ่ในตอนนี้
“อธิบายมา...” สุนิสาส่งสายตาอัมหิตไปทางชาตโยดม ชายหนุ่มหน้าจ๋อยอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดอะไร
“เดี๋ยวนี้!” พรชิตากระแทกเสียงพร้อมส่งสายตาอัมหิตไปที่แฟนหนุ่มของเธอ บรมวุฒิสะดุ้งโหยง
“พี่กี้ พี่เบนซ์ อย่าไปกดดันพี่ชายกับพี่มิคเลย เดี๋ยวเล็กอธิบายให้ฟังเอง คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้...” ธีรเดชเริ่มอธิบายเรื่องราวทั้งหมด สองสาวตั้งใจฟังอย่างดี
“เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง เดี๋ยวพวกเราจะช่วยอีกแรงนะ” พรชิตาเอ่ยขึ้น
“ใช่ พวกเราทั้งหมดจะช่วยอาเล็กเอง ไว้ใจได้เลย” สุนิสายืนยันอีกเสียง ทั้งสามหนุ่มมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา ทั้งหมดนั่งจิบกาแฟพร้อมคุยเรื่องจิปาถะไปเรื่อย พลันสายตาของสุนิสาดันไปสะดุดที่ร่างของรินลณี “จอย จอย” เธอตะโกนออกไป รินลณีหยุดมองหาต้นเสียงก่อนจะเดินมาหาสุนิสา
“ตื่นกันซะเช้าเชียวนะข้าวใหม่ปลามันคู่นี้” รินลณีเอ่ยแซวเล็กน้อย สุนิสาเขินอายยิ้มไม่หยุด
“แซวพี่แต่เช้าเลยนะ ดูซิเนี่ยกี้เขาเขินหมดแล้ว” ชาตโยดมปรามรุ่นน้องที่กำลังแซวคู่เขา
“คู่นี้ก็เหมือนกัน ตัวติดกันตลอดเลยนะ” รินลณีหันมาแซวพรชิตากับบรมวุฒิแทน “แต่งเมื่อไหร่ดีล่ะ”
“เร็วๆนี้ จะเข้าไปขอกับแม่เบนซ์แล้วพี่จอย” บรมวุฒิตอบอย่างมีความสุข
“ยากมากนะหมูอ้วน” พรชิตาหันไปหยิกแก้มแฟนหนุ่มเบาๆ
“ใจคอไม่คิดจะทักแฟนตัวเองเลยหรือไงครับ คุณรินลณี” ธีรเดชพูดจาเหน็บรินลณีเล็กน้อยที่เมินเขาอยู่ตั้งนานสองนาน รินลณีนั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยักไหล่เล็กหน่อยก่อนจะเบ้ปากใส่เขา ธีรเดชตัดสินใจลุกจากเก้าอี้เพื่อจะสละให้เธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ
“อ้าวทำไมไม่นั่งล่ะจอย เล็กอุส่าลุกให้แล้วนะ ทำแบบนี้กับแฟนได้ไง” ชาตโยดมพูดขึ้น
“พี่ชายไม่ต้องพูดแบบนี้เลย พี่ชายก็รู้ว่าจอยกับหมอนี่ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆสักหน่อย” รินลณีหันไปเอ็ดรุ่นพี่เล็กน้อย “จอยจะกลับกรุงเทพเลยคงไม่ได้อยู่กินข้าวด้วยหรอก”
“อ้าว ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะ รอกลับพร้อมกันซิพี่จอย” พรชิตาเอ่ยขึ้น
“พี่ต้องกลับไปเคลียร์ปัญหา...” เธอมองค้อนไปทางธีรเดช “ที่กรุงเทพด่วนเลยล่ะ”
“แล้วจะกลับยังไงล่ะพี่ ขามาพี่มาพร้อมมิคกับเบนซ์นะ”
“งั้นเดี๋ยวเบนซ์กลับพร้อมพี่จอยเลยก็ได้ ใช่ไหมพี่มิค” พรชิตาหันไปถามแฟนหนุ่มที่ทำท่าไม่อยากกลับสักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรเบนซ์ เดี๋ยวพี่ให้รถตู้โรงแรมไปส่งที่ท่ารถก็ได้”
“ลำบากแย่เลย เอางี้ซิ จอยก็กลับกับอาเล็กไง อาเล็กเอารถมานิ่ใช่ไหม” สุนิสาส่งสิกให้ธีรเดชรับมุขเธอ เขารีบเออออตามทันที
“ไม่เอาด้วยหรอก จอยกลับเองสบายใจกว่า”
“กลัวผมหรือไง” ธีรเดชทำท่ากวนประสาท ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่มีเสียงว่า ‘อ่อน’
“ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว รถอยู่ไหนล่ะ ฉันรีบ” รินลณีรีบรับคำทันที ศักดิ์ศรีของเธออยู่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้ธีรเดชพึ่งรู้จากปากสุนิสาเมื่อครู่จึงใช้เป็นกลยุทธ์ให้เธอติดกับ
“ตามซิ เดี๋ยวพาไป” ธีรเดชฉวยโอกาสจับมือรินลณีและดึงเธอไปตามแรงของเขา เขาหันมาส่งยิ้มให้กับพวกพี่ๆอย่างรู้กัน
รถสปอร์ตสุดหรูของธีรเดชค่อนๆเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่กรุงเทพ ทันทีที่รถออกตัวรินลณีมีท่าทีที่อยากจะหลับเป็นอย่างมาก แต่คนอย่างธีรเดชนั้นไม่ได้ปล่อยให้ชีวิตของเธอเรียบง่ายขนาดนั้น เขาพวกยามชวนเธอคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แม้ว่าเธอแทบจะไม่พูดกับเขาเลยสักคำ เขาก็ไม่ละความพยายามที่จะก่อกวนเธอทุกวิถีทาง แต่ในที่สุดเธอก็หลับได้โดยไม่สนใจเขาแม้แต่นิดเดียว ธีรเดชแวะจอดรถข้างทางครู่หนึ่ง เขาค่อยๆเอื้อมมือไปปรับเบาะให้เธอได้นอนสบายๆ เขาบอกหน้าสวยของเธออยู่ชั่วขณะก่อนจะละสายตาไปมองถนนแล้วขับรถต่อไป
.....กาลครั้งหนึ่ง ณ.เมืองอันแสนสงบสุข สโนไวท์ใช้ชีวิตอยู่กับพระบิดาในพระราชวังใหญ่โต จนกระทั่งวันหนึ่งพระบิดาของเธอได้อภิเษกสมรสอีกครั้ง ราชินีคนใหม่หรือแม่เลี้ยงของเธอชั่งงดงามเหนือใครๆในอาณาจักร วันเวลาผ่านไปพระราชาสวรรคต ราชินีขึ้นปกครองอาณาจักรแทน สโนไวท์เติบโตเป็นสาวสวยงดงามสง่า ราชินีคิดกำจัดสโนไวท์ในพ้นทาง เธอสั่งให้ทหารพาตัวสโนไวท์ไปฆ่าทิ้งในป่า แต่ทหารเหล่านี้จงรักภักดีกับราชาและสโนไวท์มาก จึงปล่อยตัวสโนไวท์ไป สโนไวท์ใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับเหล่าคนแคระทั้งเจ็ด นานวันไปราชินีรู้ว่าสโนไวท์ยังไม่ตาย เธอคิดกลอุบายกำจัดสโนไวท์โดยให้ทานแอปเปิ้ลอาบยาพิษ สโนไวท์พลาดทานแอปเปิ้ลอาบยาพิษเข้าไป เธอตกอยู่ในห้วงของคำสาป มีเพียงจูบแห่งรักแท้เท่านั้นที่จะช่วยเธอได้ และแล้วพระเองขี้ม้าขาวก็เธอก็มาถึง
“หากเราเป็นคู่กันจริง ด้วยจุมพิตนี้ขอให้เจ้าจงฟื้นขึ้นมา” เจ้าชายเอ่ยก่อนจะประกบปากอวบอิ่มของเธอ.....
ไม่นานนักเธอค่อยๆกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสการมองให้ชัด ใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ห่างจากเธอเพียงเล็กน้อย ด้วยความตกใจเธอจึงใช้มือฟาดป้าบลงไปบนหน้าของเขาเต็มๆ
“โอ้ยยยยย ตบผมทำไมเนี่ย” ธีรเดชร้องเสียงหลง
“ก็นายเอาหน้ามาใกล้ฉันทำไมล่ะ คิดจะทำอะไร”
“ก็คิดจะปลุกคุณไง เห็นนอนหลับน้ำลายไหล” รินลณีรีบเอามือเช็ดขอบปากทันที แต่แล้วก็รู้ว่าโดนธีรเดชแกล้งเข้าให้ “ถึงบ้านคุณแล้ว”
“บ้าน...นายรู้จักทางมาบ้านฉันได้ยังไง” รินลณีมอธีรเดชด้วยความสงสัย ไม่มีคำตอบใดๆจากปากชายหนุ่ม เขายิ้มทะเล้นให้เธอก่อนจะเดินลงไปเปิดประตูรถให้ ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงรู้อะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับเธอเยอะจัง รินลณีได้แต่สงสัยในใจ
ความคิดเห็น