คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส เสียงคลื่นกระทบโขดหิน ลมพัดเบาๆ งานแต่งงานของคู่รักหนุ่มสาวในวันนี้ตลบอดอวนไปด้วยความรักและความโรแมนติก แขกในงานเต็มไปดาราในวงการบันเทิงมากหน้าหลายตา บรรดาทั้งข่าวจากสำนักพิมพ์ต่างๆและสถานีโทรทัศน์ก็ตามเก็บบรรยากาศของงานอยู่ งานแต่งงานนี้จัดขึ้นตามสไตล์อเมริกา
เจ้าบ่าวยืนรอเจ้าสาวของเขาอยู่ข้างๆบาทหลวง ไม่นานนักเจ้าสาวหน้าลูกครึ่งคนสวยก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้เป็นพ่อของเธอ บ่าวสาวสบตากันยิ้มเล็กน้อย เจ้าบ่าวยื่นมือมาเพื่อให้เจ้าหญิงจับ หญิงสาวจับก่อนจะมายื่นที่ตำแหน่ง
“ชาตโยดม คุณจะรับสุนิสาเป็นภรรยาของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเธอและให้เกียติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่” บาทหลวงเอ่ยถาม ชาตโยดมมองตาสุนิสาก่อนจะเอ่ย
“รับครับ” เขายิ้มให้เธอ
“สุนิสา คุณจะรับชาตโยดมเป็นสามีของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเธอและให้เกียติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่” บาทหลวงถามอีกฝ่าย
“รับค่ะ” เธอยิ้มแล้วตอบ
“บ่าวสาวสวมแหวนให้กันได้” ชาตโยดมค่อยๆบรรจงสวมแหวนเพชรเม็ดงามบนนิ้วเรียวของสุนิสา จากนั้นสุนิสาก็สวมแหวนอีกวงให้กับชาตโยดมเช่นกัน “ขณะนี้เธอทั้งสองถือเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์” บาทหลวงกล่าว ชาตโยดมหอมแก้มภรรยาหมาดๆของตนก่อนจะโชว์สวีทหวานด้วยการบรรจงจูงลงไปที่ริมฝีปากเล็กๆของเธอ แขกในงานพากันปรบมือ ส่วนนักข่าวและช่างภาพก็กดชัตเตอร์รัวไม่หยุด
หลังจากจบพิธีแน่นอนคือการโยนช่อดอกไม้ สาวโสดทั้งหลายพากันไปรวมตัวกัน ยกเว้นรินลณีที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ว่าถ้าได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวจะได้แต่งงานเป็นรายต่อไป ยิ่งปีนี้เธอได้รับช่อดอกไม้มาทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจมาแล้วถึง 3 ช่อ เธอจะแต่งงานได้ยังไง คนเข้ามาจีบสักคนยังไม่มีเลย รินลณีมองไปที่กลุ่มหญิงสาวโสดแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“พี่จอยไปเข้าไปหรอ เผื่อได้นะ” พรชิตาเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของเธออีกคนเอ่ยถาม รินลณีส่ายหน้าเบาๆ “ทำไมล่ะ สนุกดีออก ไปกันไป” รินลณีไม่ทันปฏิเสธก็โดนพรชิตาลากเข้าไปอยู่ในวงเสียแล้ว
รินลณีทำหน้าเซงเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมองตรงๆ ในจังหวะเดียวกันนั้นสุนิสาตัดสินใจโยนช่อดอกไม้ในมือตัวเองมาพอดี ช่อดอกไม้ลอยขึ้นไปบนฟ้า สาวโสดทั้งหลายมองกันเป็นตาเดียวก่อนที่ช่อดอกไม้จะค่อยๆลอยเข้ามาสู่อ้อมแขนของรินลณี หญิงสาวทั้งหลายต่างพากันปรบมือให้ รินลณียิ้มเล็กน้อยก่อนจะดึงแขนพรชิตาแล้วเดินออกมา ส่วนคู่บ่าวสาวก็แยกตัวไปให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อน
“อะ พี่ให้” รินลณียื่นช่อดอกไม้ให้พรชิตา
“ไม่เอาอ่ะ พี่จอยรับได้ก็เก็บไว้ซิ” รินลณีกำลังจะแย้งขึ้นอีก แต่พรชิตาเปลี่ยนเรื่องคุยซะก่อน “สร้อยคอกับสร้อยข้อมือใหม่ใช่ไหมพี่จอย เบนซ์ไม่เคยเห็นพี่จอยใส่มาก่อน” รินลณีพยักหน้ายิ้มก่อนจะคิดถึงเรื่องเมื่อคืน
หลังจากที่รินลณีเดินเข้าห้องมา เธอวางกระเป๋าใบสวยลงประจำที่ วางดอกกุหลาบในที่ของมันที่มีดอกอื่นๆอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนที่เธอจะพาตัวเองไปนั่งบนโซฟา เธอมองถุงกระดาษสีขาวตรงหน้าสักพักก่อนจะหยิบกล่องข้างในถูกออกมา ด้านในมีกล่องทั้งหมด 2 กล่อง เธอเลือกเปิดกล่องเล็กสีขาวก่อน เมื่อเปิดกล่องออกหญิงสาวมองเห็นสร้อยข้อมือรูปดอกซากุระ เป็นสร้อยข้อมือไม่ใหญ่มากและมีอัญมณีสีฟ้าเม็ดเล็กมาจัดเป็นรูปดอกซากุระ
เธอวางกล่องใบนี้ลง ก่อนจะไปเปิดกล่องอีกใบที่ใหญ่กว่าใบเดิมเล็กน้อย ภายในกล่องเป็นสร้อยคอรูปดอกซากุระประดับเพชรเล็กน้อย
ที่ก้นถุงกระดาษมีกระดาษแผ่นเล็กๆอยู่ เธอหยิบขึ้นมาอ่าน
‘ผมอยากให้คุณจริงๆ ผมหวังว่าพรุ่งนี้คุณจะใส่ไปงานแต่งงานของเพื่อนคุณนะครับ ผมจะรอดู...บุรุษนิรนาม’
“รอดู...” รินลณีนึกตาม “แสดงว่าคุณก็ต้องไปงานนี้ซินะ คุณเป็นใครกันแน่นะ” เธอคิดก่อนจะตัดสินใจตอบเมลชายนิรนามกลับไป
“พี่จอย...พี่จอยยยยยยย” พรชิตาเรียกสติรินลณีกลับมา รินลณีทำหน้างงๆเล็กน้อย “ไปเปลี่ยนชุดเตรียมไปงานตอนเย็นกันเถอะ”
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มตากล้องชื่อดังกำลังตามเก็บภาพบรรยากาศในงานไปทั่ว แต่เมื่อครู่นั้นเขาดันไปหยุดชะงักกับแขกในงานคนหนึ่ง เขาใช้เวลานานมากที่เก็บรูปของคนๆนั้น ก่อนที่จะรู้สึกตัวแล้วไปเก็บภาพส่วนอื่นๆต่อ
“พี่อาเล็กกกกกกกกก” เสียงแหลมเล็กกระแทกเข้าหูของเขา เขาหันไปมองตามทิศทางของเสียง สิ่งที่เขาเห็นคือนางเอกสาวที่กำลังมาแรงอย่าง ’มิณฑิตา’ ที่เขาต้องคอยเป็นตากล้องให้เสมอหลังจากที่ได้ร่วมงานด้วยกันครั้งแรก เพราะเธอจะเป็นคนรีเควสตากล้องด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณมิณฑิตา” เขาเอ่ยทักทาย
“แหม เรียกมินนี่ซิคะ เรียกชื่อซะห่างเหินเลย เราทำงานด้วยกันมาตั้งหลายงานแล้วนะคะ” หญิงสาวแสร้งแสดงอาการน้อยใจ
“ขอโทษครับมินนี่ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือว่า...” ยังไม่ทันที่มิณฑิตาจะพูด
“อาเล็ก อาเล็ก” บรมวุฒิลูกพี่ลูกน้องอีกคนก็วิ่งเข้ามาตาม “ไปเร็ว ไปถ่ายรูปตรงโน้นหน่อย พี่ชายให้มาตาม” พูดจบบรมวุฒิก็ลากธีรเดชออกไปทันที ทำให้มิณฑิตาได้แต่ยื่นเก้ออยู่เพียงลำพัง
บรรยากาศยามค่ำคืนทำให้งานแต่งงานของหนุ่มสาวคู่นี้ยิ่งโรแมนติกมากยิ่งขึ้น อาฟเตอร์ปาร์ตี้เริ่มขึ้น ในงานมีดีเจคอยเปิดเพลง มีบริการคอกเทลจำนวนไม่จำกัด แขกในงานต่างสนุกสนานกันเป็นอย่างมาก บ่าวสาวเดินถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนๆสักพัก แล้วแยกตัวออกไปให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง ทั้งคู่ตอบคำถามมากมายกับนักข่าวพอสมควรและข้อตัวเข้าไปในงานต่อ ด้วยการที่งานนี้รวมเหล่าศิลปินดาราไว้มากมายสื่อต่างๆจึงตามสัมภาษณ์ทุกคนเพื่ออัพเดรทข้อมูล จนมาถึงคิวของรินลณีกับมิณฑิตาที่ต้องสัมภาษณ์อยู่ข้างๆกัน
“เอ่อพี่ๆค่ะ มินนี่ขอสัมภาษณ์รวมๆกับพี่จอยเลยได้ไหมคะ พอดีเรามีงานด้วยกันพอดี” มิณฑิตาซึ่งหันไปเห็นว่ารินลณีให้สัมภาษณ์อยู่ข้างๆจึงขอให้สื่อรวมกันสัมภาษณ์เลย
“งั้นข้อต่อไปนะคะ ผลงานต่อไปของทั้งคู่ที่จะทำร่วมกันคืออะไรหรอคะ” นักข่าวยิงคำถาม
“เรากำลังจะมีละครร่วมกันค่ะ เรื่องแค้นรักค่ะ จะบวงสรวงกันวันจันทร์นี้แล้ว ยังไงก็...” รินลณีตอบ
“เรื่องนี้มินนี่เล่นเป็นหลานของพี่จอยค่ะ เป็นเรื่องความแค้นที่พี่จอยมีกับพ่อของมินนี่ มินนี่เลยต้องมารับกรรม” มิณฑิตาพูดแทรกขึ้นมา “เชิญพี่ๆทุกคนไปงานบวงสรวงด้วยนะคะ”
“วันนี้น้องจอยได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวอีกแล้วใช่มั้ยค่ะ ช่อที่เท่าไหร่ของปีแล้วคะเนี่ย” นักข่าวอีกสำนักถาม
“ใช่ค่ะ ถ้ารวมช่อนี้ก็ 4 ช่อแล้ว” รินลณียิ้มตอบ
“แบบนี้จะต้องมีข่าวดีเร็วๆนี้ซิคะ” นักข่าวแซวขึ้น รินลณีหัวเราะเล็กน้อย
“555 คือ...”
“555 พี่ๆก็ไปแซวพี่จอย พี่จอยเขายังไม่มีแฟนสักหน่อย จะให้พี่จอยมีข่าวดีคงไม่ได้มั้งคะ55555” มิณฑิตาพูดแทรกขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดังจนคนเริ่มหันมาสนใจ รินลณีนั้นได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนๆแล้วแอบมองเด็กสาวที่อยู่ข้างๆว่าทำไมถึงจงใจหักหน้าเธอหลายรอบแล้ว
“ขอโทษนะครับๆ” ธีรเดชที่ยืนฟังอยู่นานเดินแทรกเข้ามายื่นระหว่างรินลณีกับมิณฑิตา
“พี่อาเล็กมีอะไรหรอคะ ถ้าจะคุยกับมินนี่หรอคะ รอมินนี่สัมภาษณ์แปปนึงนะคะ”
“ผมไม่ได้จะคุยกับคุณมินนี่ครับ” ธีรเดชหันไปตอบ มิณฑิตาหน้าเสียนิดๆแต่เก็บอาการไว้ เพราะนักข่าวเยอะ “เมื่อกี้ผมได้ยินว่าคุณมินนี่บอกว่าพี่จอยไม่มีแฟน ผมเลยอยากจะเข้ามาแก้ข่าวครับ” ทั้งมิณฑิตา นักข่าว คนในงานต่างให้ความสนใจกับคำพูดของธีรเดช รวมถึงรินลณีด้วย ไม่ใช่แค่เธอจะให้ความสนใจ เธอยังแปลกใจด้วยว่าเธอไปมีแฟนตอนไหน “คือผม...” ธีรเดชหันไปมองหน้ารินลณีที่กำลังทำหน้าสงสัยใส่เขาอยู่ ก่อนจะจับมือของรินลณี “ผมเป็นแฟนกับพี่จอยครับ เราคบกันอย่างลับๆมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่วันนี้ผมทดให้ใครเข้าใจแฟนผมผิดไม่ได้ ชัดเจนนะครับ งั้นผมขอตัว” พูดจนธีรเดชก็ดึงรินลณีออกมาจากวงสัมภาษณ์ มิณฑิตายืนอึ้งหน้าชามองตามทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแค้น
ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินออกมาไกลจากฝูงชนเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย หญิงสาวที่ถูกดึงออกมาเริ่มได้สติ เธอมองผ่านหลังคนตรงหน้าก่อนจะก้มลงไปมองที่มือของตัวเองที่ถูกจับ เธอตกใจมากจึงใช้มือตีหลังชายหนุ่ม
“ปล่อยฉันนะปล่อยนะ” เธอโวยวายและระดมตีเขาไม่หยุด
“โอ้ยยยยย จะตีผมทำไมเนี่ย” เขาหันกลับมารวบมือเธอ “นี่ผมเป็นคนช่วยคุณนะ”
“ช่วยอะไร นายไปอ้างว่าเป็นแฟนฉันเนี่ยนะช่วย นายเป็นใครต้องการอะไรจากฉัน”
“มองหน้าผมดีๆซิ” เขาพูด เธอค่อยๆพิจารณาหน้าของเขา
“อาเล็ก ธีรเดช ตากล้องชื่อดัง” เธอเอ่ยชื่อเขา เขาพยักหน้า “แล้วนายทำแบบนี้ทำไม ไปโกหกนักข่าวทำไมเนี่ย”
“คุณไม่รู้สึกอายหรอไงที่โดนเด็กมาพูดแบบนั้นใส่ ขนาดผมที่ฟังเขาพูดยังรู้สึกไม่ดีเลย ผมก็เลยช่วยคุณไง” เขาปล่อยมือเธอที่ดูสงบลงแล้วออก “คุณก็อายุป่านนี้แล้ว ยังไม่มีแฟนถามให้เด็กมาพูดจาดูถูกแบบนั้นอีก ผมมาช่วยคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ไอ้เด็กบ้า นายว่าฉันแก่หรอ” เธออารมณ์ขึ้นอีกครั้ง “ใครขอให้นายช่วยไม่ทราบ”
“ไม่มีใครขอ แต่ผมไม่อยากให้บรรยากาศงานแต่งงานพี่ชายผมกร่อยก็เท่านั้น พี่กี้ก็เพื่อนคุณนิ่คุณก็คงคิดไม่ต่างจากผม”
“แต่ฉันไม่ชอบโกหก ฉันจะไปบอกพวกนักข่าวว่าเธอแค่อำเล่น” เธอกำลังหันหลังกำลังจะเดินไป เขาเอ่ยขึ้น
“ก็เอาซิ คุณอยากทำให้งานมันวุ่นวายก็ตามใจ ผมละเสียใจแทนพี่กี้จริงๆที่มีเพื่อนแบบนี้” เธอคิดตามแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
“แล้วจะเอายังไง นายก่อเรื่องใหญ่นะรู้ตัวไหม”
“เราก็แค่แกล้งเป็นแฟนกันก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นแฟนจริงๆซะหน่อย”
“ฉันโกหกไม่เก่งแล้วก็ไม่ชอบด้วย”
“คุณต้องทำ ถ้าคุณไม่อยากทำร้ายงานแต่งนี้”
“แล้วจะทำยังไง ฉันไม่รู้จักนายเลยด้วยซ้ำ ไม่วายพรุ่งนี้ก็คงโดนจับได้ กลายเป็นคนโกหกทำให้หน้าที่การงานฉันไม่น่านับถืออีก”
“ผมมีวิธีแล้วคุณก็ต้องร่วมมือกับผมด้วย” ธีรเดชพูดก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข รินลณีทำหน้าสงสัยกับสิ่งที่เขาจะทำ
ความคิดเห็น