คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
เช้าวันใหม่กับชีวิตคนเมืองที่แสนวุ่นวาย ทั้งการจราจรที่ติดขัดเป็นระยะๆ หญิงสาวในชุดเก๋ทันสมัยก็เป็นหนึ่งในฝูงชนรถติดนี้ หากแต่เธอไม่ได้รู้สึกเร่งรีบอะไรมากมาย เธอเปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ รถของเธอค่อยๆมุ่งหน้าไปยังตึกใหญ่สูงละฟ้าที่เป็นสถานที่ของนิตยสารหัวนอกที่เธอเป็นบก.อยู่ด้วย
เวลาผ่านไปไม่นานนักรถของเธอก็เคลื่อนตัวมาถึงหน้าตึกละฟ้านี้ เธอขับรถวนขึ้นไปยังชั้น 39 ซึ้งเป็นชั้นของนิตยสารหัวนอกของเธอนั้นเอง เธอจอดรถคันหรูของเธอในที่จอดประจำตำแหน่ง หลังจากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าใบโปรดและโทรศัพท์มือถือ เช็คความเรียบร้อยของหน้าตานิดหน่อยก่อนจะเก๊กหน้าเข้มให้ดูภูมิฐานแล้วลงจากรถ เดินตรงดิ่งไปยังออฟฟิตทันที
‘Wanna on Secret’ นิตยสารหัวนอกอันดับหนึ่งที่กำลังมาแรงแซงนิตยสารเล่มอื่นๆตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 3 ปีก่อน ด้วยการเปิดตัวการเป็นบรรณาธิการครั้งแรกของนางร้ายตาหวาน ‘รินลณี’ พร้อมเปิดเผยความลับจดหมดเปลือก จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังทำยอดขายเป็นอันดับ 1 จึงทำให้พนักงานในออฟฟิตทำงานอยู่บนความกดดันพอสมควรจากรินลณีที่รับคำสั่งจากบอสใหญ่มาอีกที
หญิงสาวค่อยๆย่างเท้าเข้าออฟฟิต เสียงบทสนทนาดังขึ้นอย่างน่าหนวกหู หญิงสาวปลายตามองเล็กน้อย พนักงานทุกคนต่างหยุดบทสนทนาอย่างชะงักก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน หญิงสาวเดินมาหยุดตรงโต๊ะของเลขาของเธอที่กำลังจับกลุ่มนินทาดาราโดยไม่รู้เลยว่าชะตาตัวเองกำลังจะขาด
“น้ำหนึ่ง เอกสารด่วนฝากให้บก.เซ็นด้วยนะ” รินลณีแสร้งพูดพร้อมแอ๊บเสียงเล็กน้อย
“วางไว้ก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่ว่าง” น้ำหนึ่งตอบส่งๆ หากแต่เพื่อนร่วมวงสนทนาของเธอนั้นเงยหน้ามาเห็นรินลณีก็ต่างกันแยกตัวกัน “อ้าว...เดี๋ยวซิ จะไปไหนล่ะจะเม้าส์ไม่จบเลย” หญิงสาวออกอาการงงเล็กหน่อยก่อนจะหันมาประจันหน้ากับรินลณี
“ยุ่งมากเลยหรอจ๊ะน้ำหนึ่ง” เธอแสร้งยิ้ม เลขาสวยยิ้มเจื่อนๆ “ถ้ายุ่งมากก็ลาออกไปพักดีไหมจ๊ะ” เธอแสร้งยิ้มอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังมากขึ้น “ฉันให้เวลา 10 นาที เอกสาร...ตรึ้งงง” เสียงแจ้งเตือนเมลเข้าดังขึ้นมาขัดจังหวะ หญิงสาวก้มมองโทรศัพท์เล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เอกสารทุกอย่างที่ต้องเซ็นจะต้องอยู่บนโต๊ะของฉัน!” เธอว่าพลางเดินเข้าห้องทำงานไป
“เกือบไปแล้ว” น้ำหนึ่งถอนหายใจก่อนจะรีบรวบรวมแฟ้มทั้งหมดตามเจ้านายสาวเข้าห้องไป
ภายในห้องทำงาน
‘เช้าที่แสนวุ่นวายกับการจราจรที่ติดขัด ท้องฟ้าตอนนี้สวยงามมาก ผมขึ้นเครื่องกำลังจะกลับเมืองไทยแล้วครับ หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของคุณอีกหนึ่งวันนะครับ
บุรุษนิรนาม’
หญิงสาวรีบตอบเมลกลับทันที ‘ก๊อกๆๆ’ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเลขาสาวจะก้าวเข้ามาในห้อง เธอวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าของเจ้านายสาว พร้อมอธิบายรายละเอียดคร่าวๆ
“นี่บอสรีเควสปกหน้าเองเลยหรอ” รินลณีถามเลขาสาวด้วยความแปลกใจ
“ใช่ค่ะ บอสโทรบอกหนึ่งเมื่อวานว่าให้เปลี่ยนคอนเซปปกนี้เป็นแบบนี้ค่ะ” เลขาสาวเอ่ย “ปกนี้บอสบอกจะเลือกนางแบบและนายแบบเองค่ะ บอสกำลังตัดสินใจอยู่” รินลณีพยักหน้าก่อนจะจรดปลายปากกาลงไป “วันนี้บก.มีนัดไปลองชุดราตรีไปงานแต่งคุณวิกกี้ตอนสายๆนะคะ พอดีคุณชายโทรมาเลื่อนเวลา” เธอบอกก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารออกไป
รินลณีนั่งทำงานต่อสักระยะ เธอเขียนคอลัมน์ใหม่เพื่อลงในนิตยสารเล่มหน้า ซึ่งบอสเป็นคนรีเควสมาโดยตรงมาที่เธอ เธอใช้เวลานานพอสมควรจนคิดหัวข้อเรื่องได้ แต่หันไปมองนาฬิกาอีกทีก็รู้ตัวว่าเลยเวลามาพอสมควรแล้ว โทรศัพท์มือถือส่วนตัวก็สั่นไม่หยุดสักที เธอกดรับและรีบหยิบกระเป๋าใบสวย “โทษทีๆ กำลังไป อย่าบ่นน่า” เธอกดวางสายแล้วรีบไปตามนัดทันที
ณ.ห้องเสื้อสุดหรู
สาวสวยหน้าตาลูกครึ่งนัยน์ตาสวยกำลังว้าวุ่นใจกับเรื่องชุดแต่งงานที่จะต้องใช้ในวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ซึ่งนั้นก็คือวันพรุ่งนี้ แต่หญิงสาวนั้นยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเอาเสียเลย เธอมองนาฬิกาพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก
“มาแล้วๆ โทรเร่งจังเลย” รินลณีวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ทำไมมาช้าจัง กี้ให้พี่ชายโทรไปบอกที่ออฟฟิตจอยแล้วนี่นาว่าเลื่อนเวลา” สุนิสาบ่นทันที
“อย่าโวยวายซิ พอดีจอยทำงานเพลิน ก็เลย...”
“อีกแล้วนะจอย” สุนิสาทำหน้างอไม่พอจัดกับคำตอบของอีกฝ่าย เพราะเธอมักจะมาสายหรือผิดนัดอยู่เป็นประจำ “มานี่เลยมาช่วยกี้ดูหน่อยว่าชุดมันโอเคหรือยัง กี้ว่ามันยัง...”
“จอยว่ามันดีแล้วนะกี้ สวยจะตาย เหมาะกับกี้ด้วย กี้จะแก้อะไรอีก งานวันพรุ่งนี้แล้วนะ” รินลณีพลามเพื่อนรุ่นน้องของเธอ
“ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา จอยเข้าใจปะงานแต่งงานมีครั้งเดียวในชีวิตนะ กี้อยากให้มันดูดีที่สุดนี่นา”
“เข้าใจน่ะเข้าใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้มันดีทุกอย่างแล้ว เราไปหาอะไรกินกันเถอะนะ จอยหิวแล้ว”
“แต่...” เสียงท้องร้องของสุนิสาดังขึ้น
“นั่นไงหิวล่ะซิ นี่จะบ่ายแล้ว ไปๆกินข้าว” รินลณีพูดพลางดึงสุนิสาออกจากร้านไป
สนามบินสุวรรณภูมิชายหนุ่มร่างกายกำยำสวมแว่นดำเพื่อปกปิดไม่ให้คนรอบข้างรู้ว่าเขาเป็นใคร เขากำลังยื่นรออยู่ตรงทางออกของผู้โดยสารขาออก เขาคอยมองสอดส่องมองหาเป้าหมายที่เขารออยู่
“อาเล็ก อาเล็ก” เขาตะโกนพร้อมโบกมือ เจ้าของชื่อหันมายิ้มก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา
“อ้าวพี่ชาย มาเองเลยหรอครับ”
“ตากล้องกิตติมาศักดิ์ยอมมาถ่ายรูปในงานแต่งพี่ทั้งที พี่ก็ต้องมารับด้วยตัวเองซิ” ชาตโยดมชะโงกมองไปทางด้านหลังของธีรเดช “แล้วหมากล่ะ ไม่ได้กลับด้วยกันหรอ” ธีรเดชส่ายหน้าเล็กน้อย ชาตโยดมสงสัยในตัวพี่น้องคู่นี้จริงๆถึงจะรู้ว่าต้องปิดตัวตนที่แท้จริง แต่แบบนี้มันก็ดูมากไปหน่อย “เอาเถอะ ไปๆพี่เตรียมชุดไว้ให้แกแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนบ้านพี่แล้วกัน”
“เดี๋ยวแวะคอนโดให้เล็กแปปนึงได้ไหม พอดี...” ธีรเดชมองลูกพี่ลูกน้องตัวเองเล็กน้อยเป็นอันเข้าใจกัน
ช่วงเย็นวันนี้รินลณีกับมาคอนโดเร็วกว่าปกติ เธอกำลังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่เธออยู่ ‘ตรึ้งงง’ เสียงแจ้งเตือนเมลดังขึ้นพร้อมๆกับลิฟต์ที่กำลังเปิดออก เธอก้าวออกจากลิฟต์และเปิดเมลดูทันที
“ชายนิรนาม...” เธอทวนคำพลางดูนาฬิกา “ก่อนเวลาตั้งหลายชั่วโมง”
‘กุหลาบดอกที่910 ผมรู้ว่าคุณกำลังสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงส่งเมลฉบับนี้ก่อนเวลาประจำ ผมพึ่งมาถึงไทยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็มีงานเข้ามาจนผมแทบจะไม่ได้พัก...’
รินลณีเดินอ่านเมลมาเลื่อนๆจนมาถึงห้องของเธอ เธอละสายตาออกจากโทรศัพท์เพื่อควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าใบสวย เธอกำลังจะใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าห้องแต่ก็ต้องสะดุดตากับดอกกุหลาบขาวหน้าห้อง ใช่มันคือของบุรุษนิรนามจึงไม่น่าจะประหลาดใจอะไรเลย แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือถุงกระดาษใบเล็กที่มียี่ห้อห้อยอยู่ด้วยกัน ซึ่งมันแตกต่างจากของฝากครั้งก่อนๆที่เธอได้ เพราะส่วนใหญ่เธอจะได้เป็นของมงคลหรือไม่ก็ต้นไม่เล็กๆหรือของประดับห้อง เธอตัดสินใจก้มอ่านเมลต่อ
“ผมมีของฝากจากญี่ปุ่นมาให้เช่นเคย ไม่ต้องแปลกหลอกครับที่ของฝากครั้งนี้ค่อนข้างจะมีราคา เราค่อนข้างที่จะรู้สึกกันมานานในความคิดของผม พอผมเห็นของในนี้ทำให้ผมตัดสินใจซื้อมาฝากคุณทันที หวังว่าคุณจะชอบ
บุรุษนิรนาม”
รินลณียิ้มพร้อมหยิบดอกกุหลาบและถุงกระดาษเดินเข้าห้องไป
ความคิดเห็น