ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Secret ความรักของผม คือความลับของคุณ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #2 : The Secret 2 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 56


    2

     

     

              ตาเล็กเบิกกว้างขึ้นก่อนจะมองผู้ชายตัวสูงที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ใครมันจะไปรู้ว่าผู้ชายตรงหน้ามันจะเป็นน้องชายเพื่อนเขา หน้าก็ไม่เหมือน มีความเหมือนแค่อยากเดียวคงจะเป็นความหน้าตาดีมากๆเหมือนกัน แต่ส่วนสูงนี้เขาพนันได้ว่ายังไงก็สูงกว่าไอ้ขอบคุณแน่นอน อ๋อ แล้วที่เหมือนอีกอย่างคงนิสัยกวนๆคนด้วยละ ร่างเล็กหยิบหนังสือมาดูหน้าปกที่เขียนชื่อน้องชายขอบคุณไว้เด่นหลา

     

              “ชื่อไร?”

     

              “กู๊ดไนท์”

     

              “ตุ๊ดวะ”ร่างเล็กว่าก่อนจะส่งหนังสือไปตรงหน้าเด็กตรงหน้าที่ตัวสูงกว่าเขาได้เกือบสิบเซน และเพราะชื่อที่ดูเหมือนผู้หญิงทำให้ร่างเล็กอดแขวะไม่ได้

     

              “พี่ชื่อแมนกว่าผมนักหรอครับ”

     

              “แมนกว่ามึงละกัน กูไปละ สรุปทั้งหมดให้ละอยู่ในนั้น บอกไอ้ขอบคุณด้วยว่าเลิกใช้กูสักที”ร่างเล็กว่าและหมายจะเดินออกไป ถ้าไม่ติดเพราะมือหนาที่จับข้อมือเอาไว้ก่อน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเหมือนมีคำถาม ร่างเล็กหันมามองด้วยหน้าเหวี่ยงๆเล็กน้อย เขาว่าเขาจะเดินออกจากตรงนี้หลายทีแล้วนะ ทำไมไอ้เด็กนี่ถึงได้ฉุดเขาอยู่ได้

     

              “ชื่ออะไร?”

     

              “กูเพิ่งรู้ว่ามึงเป็นเพื่อนเล่นกูนะเนี่ย”

     

              “ชื่ออะไร?”

     

              “กัส...เรียกกูว่าพี่ด้วย ถ้ามึงไม่เรียกไม่ต้องมาคุยกับกูอีก ปล่อยได้ละไอ้เด็กบ้า”ร่างเล็กว่าก่อนจะสะบัดแขนของตัวเองออก แต่ดูเหมือนคำตอบจะทำให้คนฟังยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ร่างเล็กถลึงตาใส่คนตัวสูง อยากจะข่วนหน้ามันสักทีเห็นว่าหล่อแล้วจะกวนประสาทได้รึไงวะ -0-

     

              “ครับๆ”

     

              “อ่าว ไอ้กัส”เสียงเรียกของร่างโปร่งดังขึ้นด้านหลังของร่างสูง ขอบคุณเดินเข้ามายืนข้างเพื่อน ก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทตัวเองยืนอยู่กับน้องชายตัวเอง “รู้จักกันแล้วหรอวะ? นี่น้องกู”

     

              “เออ รู้ละ น้องมึงแม่งกวนเหมือนมึงไม่มีผิด”

     

              “หน้าก็ไม่เหมือนกันละ ขอสักอย่างให้เหมือนกันเถอะวะ ฮ่าๆ”

     

              “เอาเรื่องดีๆไม่ได้ไง?”

     

              “นี่ไง กูหน้าตาดีเหมือนกันป่ะละ ไอ้ไนท์แม่งฮอตจะตาย”

     

              “หน้างี้อ่านะ...กูหล่อกว่าตั้งเยอะ”ร่างเล็กหันไปมองหน้าร่างสูงก่อนจะเบ้ปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างมั่นใจตัวเองซะเต็มประดา ทำให้สองพี่น้องต้องหันมามองหน้าร่างเล็กพร้อมกันทันทีแบบไม่ได้นัดหมาย ก่อนประโยคที่ออกจะปากจะเหมือนกัน

     

              “กล้าพูด”

     

              “ไอ้เด็กเวรนี่!!!”เพื่อนเขาพูดไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้เด็กที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีพูดแบบนี้อดทำให้เขาโมโหไม่ได้จริงๆ มือบางเขกหัวร่างสูงไปที เล่นเอาเจ้าตัวเหวอไปเล็กน้อย ที่เหวอไม่ใช่เพราะโมโหหรือโกรธอะไร แต่แปลกใจวิธีโกรธของคนตัวเล็กมากกว่า นี่เขาอายุเท่าไหร่กัน มาเขกหัวแบบนี้ มันเจ็บไหมเนี่ย

     

              “เฮ้ยๆ ใจเย็นวะ เออ ไอ้กัสเมื่อกี้มึงบอกมีอะไรจะคุยกับกูใช่ป่ะ?”

     

              “เออ ใช่ มึงส่งน้องมึงก่อนแล้วค่อยมาคุยกับกู เหม็นขี้หน้าสัส”

     

              “เออๆ”ขอบคุณว่าก่อนจะเดินออกไปกับน้องชายตัวเอง ปล่อยให้ร่างเล็กอย่างกัสมองตามหันก่อนจะส่งหน้าเหวี่ยงๆไปมองเวลาที่ร่างสูงหันมามองทางเขา ร่างเล็กยืนสงบสติตัวเองเล็กน้อย ปกติเขาไม่ใช่คนโมโหง่าย แต่เพราะเขาไม่ชอบเด็กเป็นทุนเดิม แล้วโดนเด็กกวนตีนยิ่งโมโห ถึงจะน้องเพื่อนก็เถอะ -0-

     

              “ว่าไงวะ มีอะไร?”ร่างโปร่งของขอบคุณเดินกลับมาด้านในอีกครั้งก่อนจะเอาแขนพาดไหล่เพื่อนแล้วพากันเดินไปหาที่นั่งในอาคารเรียน

     

              “คืองี้ พ่อแม่กูขายบ้านที่ไทยแล้วย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นถาวร เขาบอกรอให้กูเรียนจบแล้วค่อยย้ายตามไป”ร่างเล็กบอก คนฟังก็พยักหน้ารับรู้ เขารู้ว่าเพื่อนเขาคนนี้มีเชื้อญี่ปุ่นไปกว่าครึ่งหน้าตาถึงได้ออกมาน่ารักและตัวเล็กกว่ามาตรฐานชายไทยทั่วไป ตัวนี่บางกว่าเขาจนแทบถ้าตัวหักได้คงหักไปแล้ว “แล้วที่นี้กูเลยไม่มีที่อยู่ มึงช่วยดูที่ให้กูหน่อยได้ป่ะ เรื่องเงินไม่มีปัญหากูจ่ายได้หมด ตอนนี้กูกำลังหาคอนโดอยู่ แต่ป๊ายังไม่โอนเงินมาให้กู”

     

              “อ๋อ ได้ดิ เดี๋ยวกูหาดูให้”

     

              “ขอบใจมากวะมึง”ร่างเล็กตบบ่าเพื่อนเล็กน้อย มองอย่างซาบซึ้งใจ จนเพื่อนข้างๆอดจะขำออกมาไม่ได้ ก็เป็นเพื่อนกันยังไงเพื่อนเดือดร้อนก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว ดีซะอีกที่เวลามันเดือดร้อนแล้วคิดถึงพวกเขาเป็นคนแรก

     

              อย่างนี้เขาถึงจะเรียกเพื่อนแท้...

     


     

     ต่อคะ

     

     

              ร่างบางเดินเข้าโรงเรียนมาในยามเช้ากว่าปกติ เพราะเอกสารที่ฝ่ายสภาสรุปและยื่นขอเรื่องงานเปิดเทอมเต็มโต๊ะรองประธานนักเรียนที่งานชักจะหนักกว่าประธานนักเรียนเข้าไปทุกที แต่เขาคงบ่นอะไรไม่ได้ในเมื่อตัวเองเลือกที่จะลงสมัครในตำแหน่งนี้เอง อีกอย่างปีนี้รุ่นพี่ม.6ก็เป็นปีสุดท้าย เครียดเรื่องเอนท์แล้วเขาไม่อยากให้เรื่องงานที่โรงเรียนเป็นภาระอีก มีอะไรที่เขาช่วยได้ก็พยายามช่วยเต็มที่

     

              เสียงทักทายของนักเรียนที่มาตอนเช้าเหมือนกันทักตลอดทางเดินไปห้องสภานักเรียน ร่างบางเดินไปหน้าห้องสภาแต่ภาพในห้องที่มีผู้ชายสองคนกำลังจูบกันอยู่ก็ทำให้เขาชะงักเท้าลงเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มออกมาและเลือกที่จะเดินหันหลังและออกไปที่อื่นแทน

     

              ประธานนักเรียนของเรา ทำตัวอย่างที่ไม่ดีอีกแล้วสิ...

     

              ร่างบางเดินไปโรงอาหารก่อนจะเลือกแซนวิซง่ายๆไปจ่ายตังและซื้อนมอีกกล่องก่อนจะเดินออกมานอกโรงอาหาร เท้าทั้งสองข้างเดินลัดไปด้านโรงยิมของโรงเรียนหวังว่าจะไปหาที่งีบก่อนไฟรักในห้องสภาจะสงบแล้วค่อยเดินกลับไปอีกครั้งแต่แล้วเท้าทั้งสองข้างของเขาก็ต้องหยุดลง เก้าอี้ที่เขามักจับจองเสมอตอนนี้มีร่างสูงกำลังนอนโดยมีหนังสือนวนิยายอังกฤษถูกปิดบังใบหน้าไว้ทั้งหน้า เขาหันหลังกำลังจะเดินออกไปแต่ดูเหมือนจะช้ากว่าคนที่กำลังเรียกเขา

     

              “ฝุ่น...”เท้าทั้งสองข้างของเขาชะงัก ไม่ได้หันกลับไปมองเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคนที่นอนอยู่คือใคร แต่เขาเลือกที่จะยืนนิ่งๆรอฟังสิ่งที่คนเรียกจะพูด “นายเลิกกับฉันทำไม?”

     

              คำถามที่ทำให้คนฟังหลับตาลงช้าๆ ทั้งๆที่พยายามลืมเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขา แต่แล้วเหมือนโชคชะตาเล่นตลก ส่งให้นักเรียนใหม่เป็นคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด ตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามหลอกตัวเองว่าลืมผู้ชายใจร้ายคนนี้ได้แล้ว

     

              “เรื่องของเรา...มันไม่เคยเกิดขึ้นตั้งหาก”ร่างบางว่าจบก่อนจะเดินออกมาทันที หนึ่งปีที่แล้วเขาเป็นนักเรียนแลกเรียนที่ประเทศแคนาดาและโฮสต์ที่เขาได้มีหลานเป็นคนไทยนั่นก็คือภาคิน เขาสองคนรู้จักและสนิทกันอย่างเร็วอาจเป็นเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวแต่ก็เจอหน้ากันทุกวัน จนเกิดความรู้สึกที่เรียกว่ารัก ทั้งสองคนคบกันได้เกือบหกเดือน ก่อนที่ฝุ่นจะเป็นคนตัดความสัมพันธ์และขอเปลี่ยนโฮสต์

     

              ผู้ชายกับผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้หรอก

     

              คำพูดของภาคินวันนั้นเขาจำมันได้ดีและเขาก็จำได้ดีว่าเขาเจ็บกับคำพูดนั้นมาแค่ไหน ตลอดเวลาที่คบกัน ที่ดูเหมือนรักกันกับความรู้สึกที่นายคิดเสมอว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้งั้นสินะ...

     

              “เดี๋ยว ฝุ่น!”ร่างสูงวิ่งตามร่างบางก่อนจะกอดเข้าด้านหลังของคนร่างบาง “บอกฉันสักนิด ว่าฉันทำอะไรผิด ให้ฉันได้รู้ตัวแล้วฉันจะแก้ไขตัวเอง”

     

              “ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่อยากกลับไปอ่อนแออีกแล้ว”ร่างบางแกะแขนที่กอดเอวของเขาเอาไว้ก่อนจะเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างบางเดินเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะปิดตัวเองไว้ในตัวห้องน้ำ ร่างบางพิงประตูก่อนจะนั่งลงกับพื้นช้าๆน้ำตาใสหยดไหลลงมาเรื่อยๆ

     

     

     

              “วันนี้ครบรอบหกเดือนแล้วนะฝุ่น”

     

              “...”

     

              “คินรักฝุ่นมากนะ และสัญญาว่าจะดูแลฝุ่นตลอดไป...”ร่างสูงว่าก่อนจะเปิดกลองสร้อยคอที่มีแหวนคล้องอยู่ให้คนตรงหน้า ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ร่างบางเล็กน้อย “ฝากเอาไว้ก่อน พอถึงเวลาเราจะเอาแหวนออกมาแล้วเอามาใส่”

     

              “ไม่จำเป็นหรอก ฉันดูแลตัวเองได้”

     

              !!!

     

              “ฉันเบื่อแล้ว มันไม่สนุกอีกต่อไปแล้วคิน ยิ่งอยู่กันนานยิ่งน่าเบื่อ นายว่าไหม?”เสียงเย็นจากร่างบางที่เอ่ยพูดทำให้ร่างสูงเบิกตากว้างขึ้น มองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ มือบางปัดกลองสร้อยตรงหน้าจนตกพื้น เขาปลายตาไปมองสร้อยคอที่หลุดออกมาจากกลองก่อนจะหันมามองหน้าร่างสูงที่มองเขาอย่างทึ้งๆ “พอดีกว่า เราไปกันไม่รอดหรอก”

     

              “เดี๋ยวสิ นายหมายความว่าอะไร?”

     

              “ไม่เข้าใจหรอ? ฉันหมายความว่าเราเลิกกันไงละ”ร่างบางพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไร น้ำเสียงเรียบนิ่งทำให้ร่างสูงตัวชาวาบไปทั้งตัว มองร่างบางที่ยืนตรงมองไปถ้าอื่นอย่างที่ไม่คิดจะหันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ

     

              ทำไม?

     

              คำถามเดียวที่ร่างสูงคิดได้ตอนนั้น ยังไม่ทันได้รู้อะไรร่างบางก็เดินจากไป ร่างสูงก้มเก็บสร้อยคอนั้นก่อนจะหยิบมาใส่เข้ากล่องของมัน เขาไม่เข้าใจสักอย่างว่าอะไรทำให้ร่างบางเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้

             

     

     

              ทั้งๆที่เป็นคนเลือกเองที่จะเดินออกมาแต่แล้วคนที่เสียใจที่สุดกลับเป็นเขา ร่างบางนั่งร้องไห้เหมือนสี่เดือนที่แล้วไม่ผิด คำพูดที่เขาพยายามแทบตายที่จะพูดออกไปเหมือนไม่รู้สึกอะไรนั้นทำให้เขาเจ็บหัวใจมากที่สุด วันนี้ก็เหมือนกันเขาทำเย็นชาเพื่อหลอกให้ผู้ชายคนนั้นเลิกยุ่งกับเขาสักที เขากลัวและไม่อยากเจ็บอีก

     

              “ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเอง เห็นแก่ฉันบ้างก็ยังดี คนที่รักนาย มันเจ็บปวดใจแทบขาด...”

     

     

     

     

     

              “ชักช้าสัส มัวทำไรอยู่วะ?”เสียงบ่นของร่างสูงทำให้คนตัวเล็กยู่หน้า มองหน้าร่างสูงอย่างเหวี่ยงๆเล็กน้อย เออถ้าไม่ติดธุระจริงๆคงไม่ช้าขนาดนี้หรอก ร่างเล็กคิดในใจ

     

              “ไปคับๆเพื่อน จะไปหาพี่กันใช่ไหมไปๆ”ร่างเล็กบอกอย่างรู้ทัน ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยกอดคอเพื่อนตัวสูงให้เดินพากันไปขึ้นบีทีเอสก่อนจะไปเรียนดนตรี ทั้งสองคนพากันเดินมาในห้างก่อนจะเดินไปที่โรงเรียนสอนดนตรีอย่างชำนาญทาง ร่างสูงเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เดินเร็วขึ้นเล็กน้อย จนคนขาสั้นต้องรีบขาตัวเองให้เร็วตามจนแทบจะวิ่งอยู่แล้ว

     

              “เตี้ยละยังช้าอีก”

     

              “ใครเตี้ยแล้วเดินเร็วกว่าคนตัวสูงบ้างวะ”ร่างเล็กบ่น เขายอมรับว่าเตี้ยก็เพราะไอ้เพื่อนคนนี้มันสูงเกินไปต่างหาก เขาว่าเขาก็ไม่ใช่คนเตี้ยอะไรมากมายสักหน่อย ทั้งสองพากันเข้าไปข้างในโรงเรียน นักเรียนหลายโรงเรียนที่กำลังพากันเข้าไปเรียนด้านในทำให้ร่างเล็กหันไปมองเล็กน้อย

     

              คนจะเรียนดนตรีมันเยอะเหมือนกันแหะ

     

              อาชีพศิลปินส่วนใหญ่ผู้ใหญ่มักค้าน แต่พอเห็นคนที่เขาอยากเรียนตามความฝันของตัวเองแล้วรู้สึกดีเล็กน้อย ตัวเขาไม่ได้จะเข้าดนตรีหรอก แต่เพราะไอ้เพื่อนคนข้างๆดันบังคับให้มาเรียนเป็นเพื่อนทำให้เขาพอรู้เรื่องอยู่บ้าง จะว่าบังคับคงไม่ถูกเพราะเขาเองนั่นแหละที่ยอม แค่อยากอยู่ใกล้ๆ

     

              “ภูมิ! ข้าว!”เสียงของคนมาใหม่เรียกขึ้น ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียกทันที ก่อนจะยิ้มกว้างทักทายคนมาใหม่ ร่างเล็กหันไปมองร่างบางอีกคนใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้ม ร่างบางในชุดนักเรียนเอกชนอีกแห่ง ข้าวตังยิ้มตอบเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่หาเรื่องคุยกับคนตรงหน้าทันที

     

              “มานานรึยังพี่กัน?”

     

              “บอกแล้วไง ว่าอายุเท่ากัน”

     

              “ครับๆ ไปเรียนกันเลยไหม?”ร่างสูงถาม ร่างบางพยักหน้ารับก่อนทั้งสองคนจะเดินนำไปที่ห้องเรียนพร้อมกัน ปล่อยให้ร่างเล็กที่มองตามหลังทั้งสองคนถอนหายใจออกมาช้าๆ

     

              ก็รู้อยู่ว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว...แต่ทำไมใจไม่รักดีไม่เคยหยุดรักได้สักที

     

              ร่างเล็กเดินตามทั้งสองคนเข้าไปในห้องเรียน ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนออกมามองตามกระดานที่อาจารย์กำลังสอน ตาก็เหลือบไปมองคนข้างๆเป็นระยะ ข้าวตังยิ้มออกมาบางๆก่อนจะหันกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้า เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เคยคิดว่าอยู่ข้างๆก็ยังดี แต่นานเข้ามันเริ่มเหนื่อยกับการวิ่งตาม คนที่เขาไม่เคยหยุดรอ

     

              “นายเก่งกว่าฉันแล้วนะข้าว”ร่างสูงหันมาพูดกับร่างเล็กที่ยักคิ้วอย่างกวนๆให้เพื่อน ร่างสูงโบกหัวเพื่อนสนิทตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปช่วยคนคนข้างๆต่อ

     

              “ยังไม่ได้จะเข้ามหาลัยสักหน่อยจะรีบไปไหน”

     

              “สอบเทียบตามกันไปเลยดีไหมละครับ ฮ่าๆ”ร่างเล็กมองบทสนทนาของคนข้างๆเงียบๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมองหนังสืออีกครั้งทั้งๆที่หัวคิดอะไรไม่ออกแล้วแท้ๆ

     

              “เดี๋ยวกูมานะ”คำพูดที่ลอยไปกับอากาศ เพราะดูเหมือนคนข้างๆไม่ได้สนใจสักนิด ร่างเล็กเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินมาเข้าห้องน้ำ ร่างเล็กมองหน้าตัวเองในกระจก คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาทำหน้าเจ็บปวดขนาดนี้ แล้วมีใครสังเกตบ้างรึเปล่า ข้าวตังเปิดน้ำก่อนจะล้างหน้าตัวเองแรงๆจนผมเปียกด้านหน้าเปียกไปหมด มือบางเสยผมที่เปียกลวกๆแล้วเดินดึงทิชชูเช็ดมือก่อนจะโยนลงถังขยะ

     

              ร่างเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะก้าวเท้ากลับไปที่โรงเรียนสอนดนตรีแต่แล้วปลายเท้าก็ชะงัก แล้วเลี้ยวไปทางอื่นแทน เขาเข้าไปก็ไม่มีความหมาย ในเมื่อป่านนี้เจ้าตัวคงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเดินออกมาข้างนอก ร่างเล็กหยิบโทรศัพท์ตัวเองก่อนจะต่อสายไปหาเพื่อนอีกคน

     

              “ไอ้ไนท์ กูเหนื่อยวะ...”

     

     

     

     

     

    -----------------------------------------The Secret [100%] -----------------------------------------







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×