ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ข้อความกับรอยยิ้ม
“เพลงเพราะดีนะ”พี่ฟ้ามีคีบอร์ดกล่าวชม
“แต่ว่าฟังดูเศร้าๆ  ไม่เหมือนเพลงเนื้อร้องใสๆอย่างที่เคยผ่านมาเลย”อีกคนเสริม “ยังกับว่า คนแต่งเพลงกำลังแอบชอบใคร สักคนอยู่” พี่ภาคภูมิกล่าวเว้นวรรค “รึว่าคนแต่เพลงแอบมองใครอยู่จริงๆ”พี่คนเดิมตั้งคำถาม
  คนช่างฝันได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ เพราะเธอไม่อยากโกหกตนเองหรือโกหกใคร
            ประตูล็อกเกอร์ถูกปลดล็อกด้วยรหัสที่คนช่างฝันจำได้ขึ้นใจ เนื่องจากเจ้าของล็อกเกอร์มักไว้วานให้เธอมาเอาของให้บ่อยๆ  ภายในล็อกเกอร์ที่คนช่างฝันคุ้นตามักจะมีซองใส่เอกสารสีน้ำตาลถูกเบียดชิดไปด้วยหนังสือเรียนต่างๆนาๆจนแทบจะเต็มตู้ แต่ ณ เวลานี้มันกลับว่างเปล่า  ไม่หลงเหลือสิ่งใดนอกเสียจากกล่องที่ถูกห่อด้วยกระดาษอย่างดีกล่องหนึ่งกับกระดาษโน้ตใบสีขาวสะอาดและข้อความสั้นๆที่อธิบายความหมายได้มากมาย
                                                    สุขสันวันเกิดครบรอบ15ปีนะ
                                                                                    มาย
                ข้อความนั้นใช่เวลา ราวๆสองนาทีกว่าๆถึงจะสามารถแทงทะทุเข้าไปในโซดประสาทของคนช่างฝัน คนช่างฝันยืนนิ่งก่อนจะฉีกยิ้ม ยิ้มในเวลาที่เธอมองเห็นของทรงคุณค่า
 
                  สองมือค่อยๆเกาะห่อขวัญอย่างบรรจง รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เคยจางหาย สายตาจับจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างใครรู้ ไม่มีใครสนใจกริยาอาการของคนช่างฝัน ด้วยเหตุที่ตอนนี้เธออยู่ในห้องนอนของเธอเพียงผู้เดียว
                  ห้องนอนสีฟ้าขนาดกลางถูกตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ไม้ได้มาตราฐานและราคาถูก  บานประตูถูกบดบังด้วยโปสเตอร์นักร้องญี่ปุ่นขวัญใจคนช่างฝัน ฐานะทางบ้านของคนช่างฝันไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มร่ำรวย  แต่อยู่ในฐานะปานกลางประเภทมีกินมีใช่ตลอดไม่ขาดหากแต่ไม่ใช่เงินฟุ่มเฟยจนเกินไป เพราะเหตุนี้จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะดีใจนักหนามาเมื่อเธอได้รับทุนไปศึกษาต่างประเทศ
                    เมื่อกระดาษห่อของขวัญได้เปิดออกทำให้คนช่างฝันพบกับบางสิ่งภายใน 
                    สมุดบันทึกเล่มหนาสีขาวสะอาด แลดูราบเรียบแสนธรรมดากับกระดาษบทกลอนพร้อมคำคมต่อท้ายสีสวยที่ถูกเขียนด้วยลายมือคนมอบของขวัญให้ คนช่างฝันหยิบบทกลอนขึ้นมาอ่านนึกชมเพื่อนคนแต่งอยู่เนื่องๆ
                                                    (กลอน ) (สมมุว่ามันมีนะ....ยัไม่ได้แต่เลย แหะๆ)
                                          ทุกคนต่างมีความฝัน ความหวัง และความคิดเป้นของตนเอง
                                          ขึ้นอยู่กับว่า เขาจะยอมบอกมีความฝัน ความหวัง และความคิด
                                                                เหล่านั้นให้ทั้งโลกให้รับรู้หรือไม่ 
                                                    แต่สิ่งกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่สำคัญ เท่า.............
                                                  ตอนนี้เธอยากบอกอะไรกับตัวของเธอเองในอนาคต
คนช่างฝันเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือประจำตัว จรดปากกาลงบนหน้ากระดาษแผ่นเเรก
“เอาล่ะ”คนช่างฝันพูดกับคนเอง “วันนี้มีอะไรให้เขียนเยอะแยกเลย”
*****************************************************************************************
เคย  ..แอบรักใครสักคนไหม .. ถามคำถามนี้ขึ้นมาโดดๆคงจะฟังดูแปลกๆ
แต่ มันก็ทำให้คนแอบรักใครสักคนหนึ่งสะดุดได้
ใช่! ฉันแอบรักเค้าอยู่ คำสารภาพเบาๆจากปากของตนเองที่ไม่สามารถบอกกับใครได้ แม้กระทั้ง คนที่สนิดและ เข้าใจเราที่สุด .พี่สาว
เพราะพี่สาว  คนที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด สนิทกับเขามากที่สุด และ .พี่สาวของฉันคือคนที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด  ทุกคนก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ “สองคนนี้น่าจะเป็นแฟนกัน”
ฉัน จึงเป็นแค่ตัวประกอบที่คงจะถูกตัดออกไปในตอนจบ .ไม่สมหวัง
แต่ !!!!    คนเราจะมานั่งเศร้าอยู่อย่างนี้ได้ไงจริงไหม ฉันไม่ได้รับบทนางเอกในเรื่องนี้นิ เพราะฉะนั้น หึ หึ หึ  (เขียนว่าไรต่อดี) เจ้าน้ำตาหน้าเศร้าไม่ใช่หน้าที่ของฉัน
เออ..ตกลงว่า  เวลาเริ่มเขียนไดอารี่เนี่ยเค้าเริ่มเขียนจากอะไรอ่ะ
อ๋อ แนะนำตัวกันก่อนละกันเผื่อว่า เวลามีคนมาแอบอ่านจะได้รู้จักเรา แต่ก็เอาเหอะ เราว่านะคงไม่มีใครมาแอบอ่านไดอารี่ของเราหรอก  เพราะลายมือเรามันสวยขาดใจ อ่านแล้วต้องรีบไปตัดเเว่นในทันที
ครอบครัวของเรามีทั้งหมดสี่คนมีพ่อ แม่ พี่อาย แล้วก็เรา  เรากับพี่อายอายุห่างกัน1ปี พี่อายอยู่ม5 ส่วนเราอยู่ม.4  เราสองคนเป็นพี่น้องที่สนิดกันมาก  พี่อายเป็นคนสวย ป๊อบปูลาร์มากที่โรงเรียนส่วนฉันก็เป็นคนธรรมดาเรียบๆไม่มีอะไรมากมาย
รู้ไหม ฉันอยากเป็นนักเขียนแหละ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยนะในเวลาเรียบเรียงความคิด ความหวัง แล้วก็ความฝันออกมาในรูปแบบของตัวอักษร ที่สำคัญคือ เราไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นไปตามใจของเราได้  แต่ในโลกของเรา ทุกสิ่งจะหมุ่นวนเวียนไปตามการโครจรของเรา 
บางที่นักเขียนก็เหมือนกับพวกเผอฝัน แต่ฉันขอบอกว่านักเขียนก็เป็นส่วนหนึ่งของที่ปรึกษา ส่วนหนึ่งของสังคมในอนาคต คนอี่นที่ไม่ใช่ฉันอ่านแล้วคงไม่เข้าใจคำกล่าวนี่หรอก ลองมาเป็นนักเขียนดูสิ แล้วคุณจะรับรู้ถึงความจริงเบื้องหลังความแตกต่าง
เหมือนฝันเลยหน่อวันนี้ ได้ทำทุกอย่างตามที่ต้องการจริงๆ ได้ทุน  ดีใจมากๆเลยแหละ ก็แบบว่าใน สุดฝันก็เป็นจริงซะทีอ่ะ แต่พอพูดถึงประเทศญี่ปุ่นก็ทำให้นึกถึง นักร้องญี่ปุ่น เมื่อนึกถึงนักร้องญี่ปุ่นก็ต้องนึกถึง ใช่แล้ว yayayah
yayayah เมื่อเขียนถึงแล้วก็ต้องเขียนให้จบ ก็อย่างที่เคยเขียน วงนักร้องญี่ปุ่นที่เราชอบ อันที่จริงวงนี้ไม่ค่อยดังเท่าไรหรอก ถ้าเทียบกับวงอื่นๆ แต่ .ฉันชอบอ่ะ  ความชอบไม่มีเหตุผลนิ ใช่ม่ะ
ชอบใครที่สุดในyayayahหรอ ว้ายถามอะไรน่าเกรียด  ฉันก็ชอบทุกคนแหละค่ะ ทั้งไทโย โคตะ มาซากิ นาโอยะ ชอง ฮิคารุ  แหมพูดเเล้วน้ำลายไหล
(อ่าว เฮ้ยอย่าเข้าใจผิดนะเราชอบyayayahที่ผลงาน เพลงมันฟังดูสบายๆดี หนุกหนานๆ)
                                                                                                            วันเกิดเมื่ออายุ15
*****************************************************************************************
            เสียงกลองกำกับจังหวะจากนักดนตรีคนเดิมยังคงกำกับบทเพลงให้ดำเนินเรื่อยไป  คนช่างฝันคนเดิมนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมๆของเธอ ณ ม้านั่งไม้ยาวสีเข้ม
              หลายครั้งแล้วที่สายตาเธอทอดมองไปยังเค้า
              แต่สายตาของเค้ามิได้หันมาที่เธอเหมือนเคย
          เธอรู้ในเหตุผล  ไม่พยายามคิดไปไกล แต่แอบหวังอะไรบางอย่าง สักเล็กน้อยที่อาจทำให้เค้าหันมามองเธอบ้าง
คนช่างฝันคิดไปเรื่อยเปื่อย ดินสอกดสีส้มอมเหลืองในมือขีดเขียนอะไรต่อมีอะไรไปยืดยาว แต่เธอก็ยิ้มและภูมิในทุกๆสิ่งที่เธอได้พบเจอ
>>>>>หากใครคนหนึ่งมีคำถาม ..
สักวันคุณอยากจะพบใคร
คำตอบในใจคือใครที่คุณต้องการ
เธอคือคนที่ดีพร้อม
ใครๆ ต่างพากันชอบเธอ
เธอคือคำตอบที่ทุกหัวใจใฝ่ฝัน
* และ(แม้)ฉันเป็นคนที่ประทับใจเธอเช่นกัน
แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดไป
ได้แต่ยิ้มให้เธอเบาๆ
อยู่ในมุมที่เธอไม่สนใจ
แอบมองดูเธอไกลๆ อย่างนี้ต่อไป
** ได้แอบมองแค่ข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้
ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี
แค่ได้ชอบเธออย่างตอนนี้
ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆ
ที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ
หากเราใกล้กันมากกว่านี้
สักวันมันอาจจะไม่ดี
บางสิ่งในใจฉันอาจทำเธอลำบาก
ก็ปล่อยเธอลอยอยู่บนฟ้า
ขอมองดูเธอจากพื้นดิน
แค่เพียงได้เห็นเธอฉันก็สุขใจแล้ว
แต่ถ้าวันหนึ่งเธอเหนื่อยล้าจากเรื่องต่างๆ
จนเธอรู้สึกว่าโลกนี้เหมือนกับไม่เหลือใคร
โปรดจงรู้เอาไว้ว่าโลกนี้ยังมีความห่วงใย
จากมุมๆ เล็กตรงนี้เสมอ
ได้แอบมองแค่ข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้
ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี
เพราะเรื่องดีๆ ที่มีตอนนี้
คือการได้รู้ว่าเธอคนนี้ได้มีความสุข
แค่เพียงเท่านี้ฉันก็อุ่นใจ<<<<<
(เพลงมุม  ของplaygrondค่ะ)
“เฟ่ๆ มีอะไรติดหลังนายน่ะ”เพื่อนชายทักเมื่อเห็นมือกลองตัวเก็งของโรงเรียนเดินสวนมา
“ไหน”เฟ่ถามคนทักเอือมมือไปหลังเสื้อเพื่อคว้าเจ้าสิ่งที่เพื่อนกล่าวถึง ทันใดนั้นเอง มือก็ได้ไปสัมผัสกับบางสิ่ง บางสิ่งที่เฝ้าคอย .
มันคือข้อความ ข้อความสั้นๆจากเด็กหญิงในความฝัน .....
รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้า กำกระดาษไว้แน่น หักห้ามใจตนเองไม่ให้เปิดออกอ่านตอนนี้
          กล่องรับจดหมายกล่องสีแดงเปิดอ้าออกแสดงจดหมายภายใน  ซองลายดอกซากุระสีชมพูเข้มจ่าหน้าซองถึงคนช่างฝัน
เธอเปิดมันออกอ่านด้วยความปิติ
เธอ ยิ้มอีกแล้ว.........
“แต่ว่าฟังดูเศร้าๆ  ไม่เหมือนเพลงเนื้อร้องใสๆอย่างที่เคยผ่านมาเลย”อีกคนเสริม “ยังกับว่า คนแต่งเพลงกำลังแอบชอบใคร สักคนอยู่” พี่ภาคภูมิกล่าวเว้นวรรค “รึว่าคนแต่เพลงแอบมองใครอยู่จริงๆ”พี่คนเดิมตั้งคำถาม
  คนช่างฝันได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ เพราะเธอไม่อยากโกหกตนเองหรือโกหกใคร
            ประตูล็อกเกอร์ถูกปลดล็อกด้วยรหัสที่คนช่างฝันจำได้ขึ้นใจ เนื่องจากเจ้าของล็อกเกอร์มักไว้วานให้เธอมาเอาของให้บ่อยๆ  ภายในล็อกเกอร์ที่คนช่างฝันคุ้นตามักจะมีซองใส่เอกสารสีน้ำตาลถูกเบียดชิดไปด้วยหนังสือเรียนต่างๆนาๆจนแทบจะเต็มตู้ แต่ ณ เวลานี้มันกลับว่างเปล่า  ไม่หลงเหลือสิ่งใดนอกเสียจากกล่องที่ถูกห่อด้วยกระดาษอย่างดีกล่องหนึ่งกับกระดาษโน้ตใบสีขาวสะอาดและข้อความสั้นๆที่อธิบายความหมายได้มากมาย
                                                    สุขสันวันเกิดครบรอบ15ปีนะ
                                                                                    มาย
                ข้อความนั้นใช่เวลา ราวๆสองนาทีกว่าๆถึงจะสามารถแทงทะทุเข้าไปในโซดประสาทของคนช่างฝัน คนช่างฝันยืนนิ่งก่อนจะฉีกยิ้ม ยิ้มในเวลาที่เธอมองเห็นของทรงคุณค่า
 
                  สองมือค่อยๆเกาะห่อขวัญอย่างบรรจง รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เคยจางหาย สายตาจับจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างใครรู้ ไม่มีใครสนใจกริยาอาการของคนช่างฝัน ด้วยเหตุที่ตอนนี้เธออยู่ในห้องนอนของเธอเพียงผู้เดียว
                  ห้องนอนสีฟ้าขนาดกลางถูกตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ไม้ได้มาตราฐานและราคาถูก  บานประตูถูกบดบังด้วยโปสเตอร์นักร้องญี่ปุ่นขวัญใจคนช่างฝัน ฐานะทางบ้านของคนช่างฝันไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มร่ำรวย  แต่อยู่ในฐานะปานกลางประเภทมีกินมีใช่ตลอดไม่ขาดหากแต่ไม่ใช่เงินฟุ่มเฟยจนเกินไป เพราะเหตุนี้จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะดีใจนักหนามาเมื่อเธอได้รับทุนไปศึกษาต่างประเทศ
                    เมื่อกระดาษห่อของขวัญได้เปิดออกทำให้คนช่างฝันพบกับบางสิ่งภายใน 
                    สมุดบันทึกเล่มหนาสีขาวสะอาด แลดูราบเรียบแสนธรรมดากับกระดาษบทกลอนพร้อมคำคมต่อท้ายสีสวยที่ถูกเขียนด้วยลายมือคนมอบของขวัญให้ คนช่างฝันหยิบบทกลอนขึ้นมาอ่านนึกชมเพื่อนคนแต่งอยู่เนื่องๆ
                                                    (กลอน ) (สมมุว่ามันมีนะ....ยัไม่ได้แต่เลย แหะๆ)
                                          ทุกคนต่างมีความฝัน ความหวัง และความคิดเป้นของตนเอง
                                          ขึ้นอยู่กับว่า เขาจะยอมบอกมีความฝัน ความหวัง และความคิด
                                                                เหล่านั้นให้ทั้งโลกให้รับรู้หรือไม่ 
                                                    แต่สิ่งกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่สำคัญ เท่า.............
                                                  ตอนนี้เธอยากบอกอะไรกับตัวของเธอเองในอนาคต
คนช่างฝันเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือประจำตัว จรดปากกาลงบนหน้ากระดาษแผ่นเเรก
“เอาล่ะ”คนช่างฝันพูดกับคนเอง “วันนี้มีอะไรให้เขียนเยอะแยกเลย”
*****************************************************************************************
เคย  ..แอบรักใครสักคนไหม .. ถามคำถามนี้ขึ้นมาโดดๆคงจะฟังดูแปลกๆ
แต่ มันก็ทำให้คนแอบรักใครสักคนหนึ่งสะดุดได้
ใช่! ฉันแอบรักเค้าอยู่ คำสารภาพเบาๆจากปากของตนเองที่ไม่สามารถบอกกับใครได้ แม้กระทั้ง คนที่สนิดและ เข้าใจเราที่สุด .พี่สาว
เพราะพี่สาว  คนที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด สนิทกับเขามากที่สุด และ .พี่สาวของฉันคือคนที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด  ทุกคนก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ “สองคนนี้น่าจะเป็นแฟนกัน”
ฉัน จึงเป็นแค่ตัวประกอบที่คงจะถูกตัดออกไปในตอนจบ .ไม่สมหวัง
แต่ !!!!    คนเราจะมานั่งเศร้าอยู่อย่างนี้ได้ไงจริงไหม ฉันไม่ได้รับบทนางเอกในเรื่องนี้นิ เพราะฉะนั้น หึ หึ หึ  (เขียนว่าไรต่อดี) เจ้าน้ำตาหน้าเศร้าไม่ใช่หน้าที่ของฉัน
เออ..ตกลงว่า  เวลาเริ่มเขียนไดอารี่เนี่ยเค้าเริ่มเขียนจากอะไรอ่ะ
อ๋อ แนะนำตัวกันก่อนละกันเผื่อว่า เวลามีคนมาแอบอ่านจะได้รู้จักเรา แต่ก็เอาเหอะ เราว่านะคงไม่มีใครมาแอบอ่านไดอารี่ของเราหรอก  เพราะลายมือเรามันสวยขาดใจ อ่านแล้วต้องรีบไปตัดเเว่นในทันที
ครอบครัวของเรามีทั้งหมดสี่คนมีพ่อ แม่ พี่อาย แล้วก็เรา  เรากับพี่อายอายุห่างกัน1ปี พี่อายอยู่ม5 ส่วนเราอยู่ม.4  เราสองคนเป็นพี่น้องที่สนิดกันมาก  พี่อายเป็นคนสวย ป๊อบปูลาร์มากที่โรงเรียนส่วนฉันก็เป็นคนธรรมดาเรียบๆไม่มีอะไรมากมาย
รู้ไหม ฉันอยากเป็นนักเขียนแหละ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยนะในเวลาเรียบเรียงความคิด ความหวัง แล้วก็ความฝันออกมาในรูปแบบของตัวอักษร ที่สำคัญคือ เราไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นไปตามใจของเราได้  แต่ในโลกของเรา ทุกสิ่งจะหมุ่นวนเวียนไปตามการโครจรของเรา 
บางที่นักเขียนก็เหมือนกับพวกเผอฝัน แต่ฉันขอบอกว่านักเขียนก็เป็นส่วนหนึ่งของที่ปรึกษา ส่วนหนึ่งของสังคมในอนาคต คนอี่นที่ไม่ใช่ฉันอ่านแล้วคงไม่เข้าใจคำกล่าวนี่หรอก ลองมาเป็นนักเขียนดูสิ แล้วคุณจะรับรู้ถึงความจริงเบื้องหลังความแตกต่าง
เหมือนฝันเลยหน่อวันนี้ ได้ทำทุกอย่างตามที่ต้องการจริงๆ ได้ทุน  ดีใจมากๆเลยแหละ ก็แบบว่าใน สุดฝันก็เป็นจริงซะทีอ่ะ แต่พอพูดถึงประเทศญี่ปุ่นก็ทำให้นึกถึง นักร้องญี่ปุ่น เมื่อนึกถึงนักร้องญี่ปุ่นก็ต้องนึกถึง ใช่แล้ว yayayah
yayayah เมื่อเขียนถึงแล้วก็ต้องเขียนให้จบ ก็อย่างที่เคยเขียน วงนักร้องญี่ปุ่นที่เราชอบ อันที่จริงวงนี้ไม่ค่อยดังเท่าไรหรอก ถ้าเทียบกับวงอื่นๆ แต่ .ฉันชอบอ่ะ  ความชอบไม่มีเหตุผลนิ ใช่ม่ะ
ชอบใครที่สุดในyayayahหรอ ว้ายถามอะไรน่าเกรียด  ฉันก็ชอบทุกคนแหละค่ะ ทั้งไทโย โคตะ มาซากิ นาโอยะ ชอง ฮิคารุ  แหมพูดเเล้วน้ำลายไหล
(อ่าว เฮ้ยอย่าเข้าใจผิดนะเราชอบyayayahที่ผลงาน เพลงมันฟังดูสบายๆดี หนุกหนานๆ)
                                                                                                            วันเกิดเมื่ออายุ15
*****************************************************************************************
            เสียงกลองกำกับจังหวะจากนักดนตรีคนเดิมยังคงกำกับบทเพลงให้ดำเนินเรื่อยไป  คนช่างฝันคนเดิมนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมๆของเธอ ณ ม้านั่งไม้ยาวสีเข้ม
              หลายครั้งแล้วที่สายตาเธอทอดมองไปยังเค้า
              แต่สายตาของเค้ามิได้หันมาที่เธอเหมือนเคย
          เธอรู้ในเหตุผล  ไม่พยายามคิดไปไกล แต่แอบหวังอะไรบางอย่าง สักเล็กน้อยที่อาจทำให้เค้าหันมามองเธอบ้าง
คนช่างฝันคิดไปเรื่อยเปื่อย ดินสอกดสีส้มอมเหลืองในมือขีดเขียนอะไรต่อมีอะไรไปยืดยาว แต่เธอก็ยิ้มและภูมิในทุกๆสิ่งที่เธอได้พบเจอ
>>>>>หากใครคนหนึ่งมีคำถาม ..
สักวันคุณอยากจะพบใคร
คำตอบในใจคือใครที่คุณต้องการ
เธอคือคนที่ดีพร้อม
ใครๆ ต่างพากันชอบเธอ
เธอคือคำตอบที่ทุกหัวใจใฝ่ฝัน
* และ(แม้)ฉันเป็นคนที่ประทับใจเธอเช่นกัน
แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดไป
ได้แต่ยิ้มให้เธอเบาๆ
อยู่ในมุมที่เธอไม่สนใจ
แอบมองดูเธอไกลๆ อย่างนี้ต่อไป
** ได้แอบมองแค่ข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้
ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี
แค่ได้ชอบเธออย่างตอนนี้
ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆ
ที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ
หากเราใกล้กันมากกว่านี้
สักวันมันอาจจะไม่ดี
บางสิ่งในใจฉันอาจทำเธอลำบาก
ก็ปล่อยเธอลอยอยู่บนฟ้า
ขอมองดูเธอจากพื้นดิน
แค่เพียงได้เห็นเธอฉันก็สุขใจแล้ว
แต่ถ้าวันหนึ่งเธอเหนื่อยล้าจากเรื่องต่างๆ
จนเธอรู้สึกว่าโลกนี้เหมือนกับไม่เหลือใคร
โปรดจงรู้เอาไว้ว่าโลกนี้ยังมีความห่วงใย
จากมุมๆ เล็กตรงนี้เสมอ
ได้แอบมองแค่ข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้
ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี
เพราะเรื่องดีๆ ที่มีตอนนี้
คือการได้รู้ว่าเธอคนนี้ได้มีความสุข
แค่เพียงเท่านี้ฉันก็อุ่นใจ<<<<<
(เพลงมุม  ของplaygrondค่ะ)
“เฟ่ๆ มีอะไรติดหลังนายน่ะ”เพื่อนชายทักเมื่อเห็นมือกลองตัวเก็งของโรงเรียนเดินสวนมา
“ไหน”เฟ่ถามคนทักเอือมมือไปหลังเสื้อเพื่อคว้าเจ้าสิ่งที่เพื่อนกล่าวถึง ทันใดนั้นเอง มือก็ได้ไปสัมผัสกับบางสิ่ง บางสิ่งที่เฝ้าคอย .
มันคือข้อความ ข้อความสั้นๆจากเด็กหญิงในความฝัน .....
รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้า กำกระดาษไว้แน่น หักห้ามใจตนเองไม่ให้เปิดออกอ่านตอนนี้
          กล่องรับจดหมายกล่องสีแดงเปิดอ้าออกแสดงจดหมายภายใน  ซองลายดอกซากุระสีชมพูเข้มจ่าหน้าซองถึงคนช่างฝัน
เธอเปิดมันออกอ่านด้วยความปิติ
เธอ ยิ้มอีกแล้ว.........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น