ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ของสำคัญ
ตอนที่ 3 “ของสำคัญ”
ทันทีที่ฉันก้าวผ่านเขตแดนสู่ห้องพักที่คอนโด บรรยากาศราบเรียบสบายๆ กลับถูกรบกวนด้วยเสียงกรอบแกรบที่ดังมาจากระเบียงห้อง
ฉันเดินไปยังต้นเสียง เปิดประตูบานกระจกซึ่งกั้นอยู่ระหว่างสองบริเวน สายตาจับจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!!!!!!!!
ชุดโต๊ะพลาสติกตัวใหม่ยังตั้งอยู่ที่เดิม ราวตากผ้ายังแขวนอยู่ที่เดิม แต่ผ้าห่มผืนโปรดกับขนมของฉันหายไป
ลมพัดปะทะใบหน้าชั่ววูบ พาเอาเศษใบไม่ลอยล่อง
ย้าก ก..ก .ก .
โทสะภายในเริ่มบังเกิด ฉันสำรวจบริเวณรอบระเบียงอย่างรวดเร็ว เอาอะไรไปไม่ว่า แต่ถ้าเอาผ้าห่มของฉันไป ฉันยอมไม่ได้แน่
เสียงกรุบๆดังมาจากระเบียงห้องข้างๆ พาเอาหัวใจฉันหลุดลอยไปกับเสียงนั้น
เสียงนี้ !
ใช่ แน่ !
ขนมของฉัน !!
ขนมของฉันถ้าเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวจะต้องเป็นเสียงนี้
ใช่ !
ฉันจำได้ ฉันหมั่นใจ
ฉันไม่รอช้า  ฉันลากก้าวอี้ พร้อมกับเดินไปทางขวาสุดระเบียง ปีนขึ้นบนเก้าอี้แล้วชะโงกหน้าไปยังระเบียงของห้องข้างๆ
ชุดโต๊ะไม้ตัวเก่าของฉันตั้งอยู่ที่นั้น กลางโต๊ะถูกตั้งวางด้วยกระถางดอก..ซึ่งเคยเป็นของฉัน บนเก้าอี้มีชายคนหนึ่งนั่งเคี้ยวขนมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมคำทักทายด้วยไมตรี
“อ่าว วิวกลับมาแล้วหรอ ขนมอร่อยจัง ทีหลังทำมาให้กินอีกนะ”
ผมตัดสั้น
หน้ามีเครา
ตากวนทีนส์
ใช่เลย
มัน .
ไอ้เพ่บ้า า ..า า า
ถ้าไม่เป็นเพราะระดับความสูงของอาคารพักชั้นที่8แล้วละก็ ปานนี้ฉันคงจะ
กระโดดกอดวินด้วยความรักและเสน่ห์หา พร้อมกับศอกที่ใบหน้าด้วยความใคร่
เพราะฉะนั้นตอนนี้ ฉันจึงทำได้แต่ ประกาศสงครามด้วยเสียงดัง
“เอาขนมวิวคืนมานะ  ผ้าห่มด้วย”ฉันบอกพี่ชาย
“ไม่” วินปฏิเสธสั้นๆง่ายๆ
“เค้าจะฟ้องแม่”
“ไม่ได้ ถ้าวิวบอกแม่พี่จะเอาผ้าห่มวิวไปทำผ้าถูพื้น”
ฉันจ้องหน้าวินด้วยโทสะ แต่วินกลับนั่งกินขนมอย่างสบายอารมณ์
“แล้วจะให้วิวทำไง วินถึงจะยอม” ฉันถามเสียงดัง
“พูดกับพี่เพราะๆ สิจ๊ะน้องรัก” วินส่งเสียงหวาน
มัน . ฉันนึกด่าในใจ แต่เมื่อนึกถึงชาตาะกรรมผ้าห่มผืนน้อยที่อยู่ในมืออันโหดร้ายและอำมหิตของวิน ฉันจึงต้องยินยอม
“วิน  ค่ะ” ฉันพูดอย่างไม่เต็มใจ “ได้  โปรด  คืน  ผ้าห่ม  ให้ วิว  เถอะ ค่ะ” ฉันกล่าวขอร้อง พร้อมใบหน้าวิงวอนสุดขีด
“ไม่” วินตอบคำเดิมหน้าตาเฉย
ลมเย็นๆพัดผ่าน ผ่านแล้วผ่านไป ผ่านไปแล้วผ่านมา คนข้างล่างที่เดินผ่านไปมาข้างล่างเริ่มรวมตัวกันเพื่อทำอะไรสักอย่าง
“วินเอาผ้าห่มวิวคืนมานะ” ฉันกล่าวน้ำเสียงสั้น  หยาดน้ำตาเริ่มอาบแก้ม
วินชะงัก ขนมที่ถืออยู่หลุดออกจากมือ เดินตรงมาที่ฉันอย่างๆช้า
หึหึ เสร็จ กรู  นี้แหละเขาถึงว่าชายแท้ แพ้น้ำตาหญิง
“แผนนี้ใช่ไม่ได้หรอกวิว” วินพูดน้ำเสียงปกติ ฉีกยิ้มกว้างอย่างยั่วอารมณ์
เอ๊ะ รึว่าวินเป็นเกย์
ปึง! ประตูห้องของฉันถูกกระแทกออกอย่างแรงและล้มลงในทันตา คนภายนอกที่ฉันไม่เคยรู้จักเดินเข้ามาในห้องพักของฉันอย่างไม่ได้รับอนุญาติ
“พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไรห้องฉัน” ฉันถามผู้บุกรุก เท้าทั้งสองข้างยังคงยืนอยู่บนเก้าอี้พลาสติกริมระเบียง
ผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งในนั้นยกโทรโขงขึ้นแนบปาก พร้อมแจงจุดประสงค์ชวนคนฟังอยากทำตามคำห้ามนั้นด้วยความอาย
“ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆนะสาวน้อย ชีวิตของเธอมีค่า อย่าระโดลงไปเลยนะ อย่างน้อยก็คิดถึง .”
กรรม    เป็นซะงั้น
“เธอลองคิดดูสิ แล้วสุดท้ายวินก็กลับกลายเป็นฮีโร่  ในฐานะเป็นคนเกลี่ยกล่อมฉันไม่ให้ฆ่าตัวตาย”
ฉันปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท ในร้านคอบฟี่ช็อปแห่งหนึ่งซึ่งพวกเราคุ้นเคยกันดี บรรยากาศยามบ่ายถูกอบอวนไปด้วยกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ เคล้าด้วยกลิ่นกาแฟ ท้วงทำนองเปียโนของฟรานชิด อาจทำให้เราเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องเศร้า แต่เจ้าพวกเพื่อนบ้ากลับหัวเราะอย่างฮาเฮ
“แล้วทำไมวิวไม่บอกคนอื่นเขาไปล่ะว่า เรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่” ดูเหมือนณัฏ จะเข้าใจฉันไม่ตรงประเด็นเท่าไรนัก
“แหม่ก็ ..” ฉันพูดลากเสียง “ณัฏก็รู้นี่นา ว่าถ้าคนอื่นรู้เรื่องจริง แม่ของฉันก็ต้องรู้เรื่องจริงด้วย แล้วทีนี้ ” ฉันตั้งใจหยุดไม่พูดประโยคถัดไป เพราะไม่อยากคิดถึงอนาคตของสุดที่รักของฉัน
“ผ้าห่มผืนน้อยร้อยชั่งของเธอจะต้องกลายเป็นผ้าถูพื้นใช้ไหมล่ะ” จีนเพื่อนของฉันอีกคนต่อประโยคให้
ฉันพยักหน้างิดๆ อย่างเศร้าๆ
“แล้วตกลงตอนนี้เธอได้ผ้าห่มคืนรึยังล่ะ” พีถามคำถามตอกย่ำ
“ยังเลย” ฉันบอกเพื่อน ในใจคิดไปไกล อันที่จริงผ้าห่มนี่วินเป็นคนให้ฉันตอนเด็กๆถ้าเขาจะเอาคืนคงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร บางทีวินอาจเจอคนที่เหมาะสมกับผ้าห่มผืนนั้นมากกว่าฉันแล้วก็ได้  แน่นอนความทรงจำตอนนั้นยังคงอยู่ในหวงเวลาแห่งความคิดของฉันเสมอ
ตอนเด็กๆฉันมักเห็นวินกับผ้าห่มผืนนั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน  วินห่วงมันถึงขนาดว่าไม่ยอมแม้กระทั้งให้แม่บ้านเอาไปซัก ฉันก็เลยลองออกอุบายแกล้งวินเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
วันหนึ่งฉันกับวินอยู่บ้านกันสองคน ฉันแกล้งร้องไห้ แล้วโยนความผิดให้วิน  ว่าเป็นเพราะวินไม่รักฉันแล้ว วินรักผ้าห่มมากกว่าฉัน วินพยายามปัฏติเสทข้อหานั้น  ฉันก็เลยบอกวินว่าถ้าวินรักฉันมากกว่า วินก็ต้องยกผ้าห่มให้ฉัน  วินอึ้งไปกับคำขอของฉัน เขาใช้เวลาคิดนานเสียทีเดียว ฉันก็เลยร้องไห้หนักขึ้น วินจึงยกผ้าห่มนั้นให้ฉัน เเถมวินยังบอกอีกว่า ผ้าห่มผืนนั้นเป็นสิ่งที่วินรักมากที่สุด  การที่วินยกผ้าห่มผืนนั้นให้ฉันแสดงว่าวินรักฉันมากว่ารักที่สุด เพราะฉะนั้นทีหลังฉันห้ามฉันพูดว่าวินไม่ฉันอีก  และวินก็ให้ฉันสัญญาว่าจะต้องรักษามันให้ดีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นสามวันต่อมา เมื่อแม่รู้ว่าฉันเอาผ้าห่มของวินมาเป็นของตนเอง แม่ก็บอกให้ฉันเอาผ้าห่มไปคืนวิน แต่วินก็บอกกับแม่ว่า ไม่เป็นไร วินตั้งใจยกผ้าห่มนี้ให้ฉันจริงๆ
แต่พอวินขึ้นมัธยม ก็เกิดศึกกลางบ้านระหว่างฉันกับวินว่าด้วยการแย้งชิงผ้าห่ม แน่นอนฉันชนะทุกครั้งไป  ก็ฉันต้องทำตามสัญญาที่เคยให้วินไว้นี่นา ว่าจะรักษาผ้าห่มให้ดีที่สุดแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แน่นอน ศึกนี่ยังคงไม่จบ วินจ้องจะเอาของๆวินคืนเสมอ แล้วครั้งนี่แหละที่เป็นครั้งแรกที่ฉันพลาดท้าวิน
แต่จะว่าไปผ้าห่มก็มีอาถรรพ์เหมือนกันนะ เพราะว่าถ้าใครได้เป็นเจ้าของหรือสัมผัสแล้ว เป็นต้นว่าจะต้องสำนึกถึงความแตกต่าง ห่มแล้วติดเป็นนิสัยด้วยทั้งความรักทั้งหวง
ห้วย!! คิดแล้วแค้น  ที่ต้องสูญเสียผ้าห่มนั้นไป
“วิว หมู่นี้เธอดูแปลกไปนะ” จีนฝาแฝดของยีนทัก
“อืมจะว่าไปแล้ว ก็แปลกจริงๆแหละ” ยีนให้ข้อสังเกตบ้าง “หมู่นี้วิวใส่แว่นบ่อยขึ้นนะ แล้วก็ เออ
ขอบแว่นเปลี๊ยนไป๋ด้วย”
“แว่น ? หรอ” ฉันทวนอย่าง งงๆ “ฉันก็ใส่แว่นอันเดิมนิ แว่นกรอปสีเลือดหมู่อันสำรอง”
“เฮอๆ แต่ที่ฉันเห็นมันคือ  แว่นไร้กรอปเลนส์เหลียมสีดำที่ดูแสนจะเรียบร้อย นะ” พีท้วงบ้าง
“หาาาาาาาา “ ฉันร้อง เอียงคอชะโงกหน้าไปดูเงาในกระจดใส่ข้าง ๆ ภาพสะท้อนที่พบทำเอาหัวใจเต้นตุบตับ หน้าร้อนๆหนาวขึ้นมาทันตา
แปลก ใช่ แปลก แปลกมาก หมู่นี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากใช่คอนแทกเลนส์เท่าไร  แล้วพอจะเอาแว่นมาใส่ทีไรก็ดันไปหยิบของ ..
คิดไรอยู่ฟะเนี่ย ตู
เพื่อนๆจ้องหน้าฉัน รอยยิ้มเผยออกอย่างไม่ปิดปัง
หัวเราะกันใหญ่นะมึง
“ฮั่นแน่!!!!! หนูวิวมีไรปิดบังอะดิ” เพื่อนเริ่มล่อ
“เปล่านะ” ฉันแก้ตัวอย่างทันควัน “แล้วพวกเธอว่าไงล่ะ กรอปแว่นอันนี้เข้ากับฉันไหม” ฉันรีบเบี่ยงเบนประเด็น  นิ!! ฉันไม่ได้คิดอะไรไปไกลจากนี่นะ (ฉันไม่ได้คิดยึดแว่นนี้มาใช่เป็นของตนเอง) ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ คิดแค่ว่าจะทำยังไงเพื่อให้เพื่อนเลิกล่อฉันซะที แค่นั้น แค่นั้น โอเคป่ะ
“อืม ก็ดีนะ กรอปแว่นแบบนี้เหมาะกับวิวมากเลย เข้ากับรูปหน้าแล้วก็ดวงตาดี” ฌัฏให้คำชม
“หรอ” ฉันกล่าว มือสัมผัสกรอปแว่นอย่างเผลอตัว พอมีคนมาชม ใครเหล่าจะอดยิ้มได้ 
แว่นตาอันนี้เหมาะกับฉัน  คนๆนั้นกลับไม่ชอบ (เรื่องมากว่ะ)
ท้องฟ้าสีครามเข้มขึ้นก่อนการเวลา เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นขั้นจังหวะการสนทนาของพวกเรา
ก่อนฉันกดรับสาย โทรศัพท์โชว์เบอร์คนโทรที่ฉันเพิ่งนินทาจบไปหมาดๆ
“โย่!!” ฉันทักทายคนโทร
“ยัยวิว” น้ำเสียงคุ้นเคยตอบกลับ “ตอนนี้อยู่ไหน”
“ร้าน @barry ค่ะ” ฉันตอบเซ็งๆ ก็คนมันเซ็งจริงๆนิ  ให้ทำไงได้ล่ะ ลองคิดดู นอกจากโดนยึดผ้าห่มแล้ว  ฉันยังถูกห้ามกลับบ้านเองคนเดี่ยวอีกต่างหาก มันก็ฟังแลดูดีนะ แต่มันก็มีผลเสียใช่ป่ะเรื่องการจำกัดเวลาการกลับบ้าน คือฉันไม่ได้หมายความว่าฉันชอบกลับบ้านดึก แต่มันก็ทำให้คุณรู้สึกอึกอัดได้บ้างในบางเวลา  โธ่ ฉันเด็กมหาลัยแล้วนะ ขอเวลาส่วนตัวบ้างดิ  จริงไหม
รถสปอร์ทคันขาวขับมาจอดช้างๆหน้า ร้านคอฟฟี่ช็อบ @barry คนขับรถเดินเข้ามาในร้านแล้วยิ้มทักทายเพื่อนฉันอย่างสนิทสนม  ฉันบอกลาเพื่อนอย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะเดินตามคนๆนั้น กลับไปที่รถ
อ๋อ! ฉันลืมบอกอะไรไปอย่างนึ่ง ไอ้ธุรกิจเล็กๆน้อยๆที่ฉันทำร่วมกันกับเพื่อน ก็คือ ที่นี้แหละ    “ร้าน @ barry ”
      ________________________________________________________________ จบตอนที่3
16/11/2547
ก็นะ หนุกๆๆๆๆๆๆๆๆ
-v[86Iritg0hk8jtmujme.s,j,k57\'9i\'ouhq\\wfh
ตอนนี่กะลังบ้าเดียร์บอยอยู่ อิอิ  yokohamaสู้ๆ
20-21wx8jkp06>k,krvay’gr]’[^,c]h;,yome.sh,u8;k,I^hl7dvpdg-hk06>k
ทันทีที่ฉันก้าวผ่านเขตแดนสู่ห้องพักที่คอนโด บรรยากาศราบเรียบสบายๆ กลับถูกรบกวนด้วยเสียงกรอบแกรบที่ดังมาจากระเบียงห้อง
ฉันเดินไปยังต้นเสียง เปิดประตูบานกระจกซึ่งกั้นอยู่ระหว่างสองบริเวน สายตาจับจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!!!!!!!!
ชุดโต๊ะพลาสติกตัวใหม่ยังตั้งอยู่ที่เดิม ราวตากผ้ายังแขวนอยู่ที่เดิม แต่ผ้าห่มผืนโปรดกับขนมของฉันหายไป
ลมพัดปะทะใบหน้าชั่ววูบ พาเอาเศษใบไม่ลอยล่อง
ย้าก ก..ก .ก .
โทสะภายในเริ่มบังเกิด ฉันสำรวจบริเวณรอบระเบียงอย่างรวดเร็ว เอาอะไรไปไม่ว่า แต่ถ้าเอาผ้าห่มของฉันไป ฉันยอมไม่ได้แน่
เสียงกรุบๆดังมาจากระเบียงห้องข้างๆ พาเอาหัวใจฉันหลุดลอยไปกับเสียงนั้น
เสียงนี้ !
ใช่ แน่ !
ขนมของฉัน !!
ขนมของฉันถ้าเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวจะต้องเป็นเสียงนี้
ใช่ !
ฉันจำได้ ฉันหมั่นใจ
ฉันไม่รอช้า  ฉันลากก้าวอี้ พร้อมกับเดินไปทางขวาสุดระเบียง ปีนขึ้นบนเก้าอี้แล้วชะโงกหน้าไปยังระเบียงของห้องข้างๆ
ชุดโต๊ะไม้ตัวเก่าของฉันตั้งอยู่ที่นั้น กลางโต๊ะถูกตั้งวางด้วยกระถางดอก..ซึ่งเคยเป็นของฉัน บนเก้าอี้มีชายคนหนึ่งนั่งเคี้ยวขนมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมคำทักทายด้วยไมตรี
“อ่าว วิวกลับมาแล้วหรอ ขนมอร่อยจัง ทีหลังทำมาให้กินอีกนะ”
ผมตัดสั้น
หน้ามีเครา
ตากวนทีนส์
ใช่เลย
มัน .
ไอ้เพ่บ้า า ..า า า
ถ้าไม่เป็นเพราะระดับความสูงของอาคารพักชั้นที่8แล้วละก็ ปานนี้ฉันคงจะ
กระโดดกอดวินด้วยความรักและเสน่ห์หา พร้อมกับศอกที่ใบหน้าด้วยความใคร่
เพราะฉะนั้นตอนนี้ ฉันจึงทำได้แต่ ประกาศสงครามด้วยเสียงดัง
“เอาขนมวิวคืนมานะ  ผ้าห่มด้วย”ฉันบอกพี่ชาย
“ไม่” วินปฏิเสธสั้นๆง่ายๆ
“เค้าจะฟ้องแม่”
“ไม่ได้ ถ้าวิวบอกแม่พี่จะเอาผ้าห่มวิวไปทำผ้าถูพื้น”
ฉันจ้องหน้าวินด้วยโทสะ แต่วินกลับนั่งกินขนมอย่างสบายอารมณ์
“แล้วจะให้วิวทำไง วินถึงจะยอม” ฉันถามเสียงดัง
“พูดกับพี่เพราะๆ สิจ๊ะน้องรัก” วินส่งเสียงหวาน
มัน . ฉันนึกด่าในใจ แต่เมื่อนึกถึงชาตาะกรรมผ้าห่มผืนน้อยที่อยู่ในมืออันโหดร้ายและอำมหิตของวิน ฉันจึงต้องยินยอม
“วิน  ค่ะ” ฉันพูดอย่างไม่เต็มใจ “ได้  โปรด  คืน  ผ้าห่ม  ให้ วิว  เถอะ ค่ะ” ฉันกล่าวขอร้อง พร้อมใบหน้าวิงวอนสุดขีด
“ไม่” วินตอบคำเดิมหน้าตาเฉย
ลมเย็นๆพัดผ่าน ผ่านแล้วผ่านไป ผ่านไปแล้วผ่านมา คนข้างล่างที่เดินผ่านไปมาข้างล่างเริ่มรวมตัวกันเพื่อทำอะไรสักอย่าง
“วินเอาผ้าห่มวิวคืนมานะ” ฉันกล่าวน้ำเสียงสั้น  หยาดน้ำตาเริ่มอาบแก้ม
วินชะงัก ขนมที่ถืออยู่หลุดออกจากมือ เดินตรงมาที่ฉันอย่างๆช้า
หึหึ เสร็จ กรู  นี้แหละเขาถึงว่าชายแท้ แพ้น้ำตาหญิง
“แผนนี้ใช่ไม่ได้หรอกวิว” วินพูดน้ำเสียงปกติ ฉีกยิ้มกว้างอย่างยั่วอารมณ์
เอ๊ะ รึว่าวินเป็นเกย์
ปึง! ประตูห้องของฉันถูกกระแทกออกอย่างแรงและล้มลงในทันตา คนภายนอกที่ฉันไม่เคยรู้จักเดินเข้ามาในห้องพักของฉันอย่างไม่ได้รับอนุญาติ
“พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไรห้องฉัน” ฉันถามผู้บุกรุก เท้าทั้งสองข้างยังคงยืนอยู่บนเก้าอี้พลาสติกริมระเบียง
ผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งในนั้นยกโทรโขงขึ้นแนบปาก พร้อมแจงจุดประสงค์ชวนคนฟังอยากทำตามคำห้ามนั้นด้วยความอาย
“ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆนะสาวน้อย ชีวิตของเธอมีค่า อย่าระโดลงไปเลยนะ อย่างน้อยก็คิดถึง .”
กรรม    เป็นซะงั้น
“เธอลองคิดดูสิ แล้วสุดท้ายวินก็กลับกลายเป็นฮีโร่  ในฐานะเป็นคนเกลี่ยกล่อมฉันไม่ให้ฆ่าตัวตาย”
ฉันปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท ในร้านคอบฟี่ช็อปแห่งหนึ่งซึ่งพวกเราคุ้นเคยกันดี บรรยากาศยามบ่ายถูกอบอวนไปด้วยกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ เคล้าด้วยกลิ่นกาแฟ ท้วงทำนองเปียโนของฟรานชิด อาจทำให้เราเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องเศร้า แต่เจ้าพวกเพื่อนบ้ากลับหัวเราะอย่างฮาเฮ
“แล้วทำไมวิวไม่บอกคนอื่นเขาไปล่ะว่า เรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่” ดูเหมือนณัฏ จะเข้าใจฉันไม่ตรงประเด็นเท่าไรนัก
“แหม่ก็ ..” ฉันพูดลากเสียง “ณัฏก็รู้นี่นา ว่าถ้าคนอื่นรู้เรื่องจริง แม่ของฉันก็ต้องรู้เรื่องจริงด้วย แล้วทีนี้ ” ฉันตั้งใจหยุดไม่พูดประโยคถัดไป เพราะไม่อยากคิดถึงอนาคตของสุดที่รักของฉัน
“ผ้าห่มผืนน้อยร้อยชั่งของเธอจะต้องกลายเป็นผ้าถูพื้นใช้ไหมล่ะ” จีนเพื่อนของฉันอีกคนต่อประโยคให้
ฉันพยักหน้างิดๆ อย่างเศร้าๆ
“แล้วตกลงตอนนี้เธอได้ผ้าห่มคืนรึยังล่ะ” พีถามคำถามตอกย่ำ
“ยังเลย” ฉันบอกเพื่อน ในใจคิดไปไกล อันที่จริงผ้าห่มนี่วินเป็นคนให้ฉันตอนเด็กๆถ้าเขาจะเอาคืนคงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร บางทีวินอาจเจอคนที่เหมาะสมกับผ้าห่มผืนนั้นมากกว่าฉันแล้วก็ได้  แน่นอนความทรงจำตอนนั้นยังคงอยู่ในหวงเวลาแห่งความคิดของฉันเสมอ
ตอนเด็กๆฉันมักเห็นวินกับผ้าห่มผืนนั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน  วินห่วงมันถึงขนาดว่าไม่ยอมแม้กระทั้งให้แม่บ้านเอาไปซัก ฉันก็เลยลองออกอุบายแกล้งวินเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
วันหนึ่งฉันกับวินอยู่บ้านกันสองคน ฉันแกล้งร้องไห้ แล้วโยนความผิดให้วิน  ว่าเป็นเพราะวินไม่รักฉันแล้ว วินรักผ้าห่มมากกว่าฉัน วินพยายามปัฏติเสทข้อหานั้น  ฉันก็เลยบอกวินว่าถ้าวินรักฉันมากกว่า วินก็ต้องยกผ้าห่มให้ฉัน  วินอึ้งไปกับคำขอของฉัน เขาใช้เวลาคิดนานเสียทีเดียว ฉันก็เลยร้องไห้หนักขึ้น วินจึงยกผ้าห่มนั้นให้ฉัน เเถมวินยังบอกอีกว่า ผ้าห่มผืนนั้นเป็นสิ่งที่วินรักมากที่สุด  การที่วินยกผ้าห่มผืนนั้นให้ฉันแสดงว่าวินรักฉันมากว่ารักที่สุด เพราะฉะนั้นทีหลังฉันห้ามฉันพูดว่าวินไม่ฉันอีก  และวินก็ให้ฉันสัญญาว่าจะต้องรักษามันให้ดีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นสามวันต่อมา เมื่อแม่รู้ว่าฉันเอาผ้าห่มของวินมาเป็นของตนเอง แม่ก็บอกให้ฉันเอาผ้าห่มไปคืนวิน แต่วินก็บอกกับแม่ว่า ไม่เป็นไร วินตั้งใจยกผ้าห่มนี้ให้ฉันจริงๆ
แต่พอวินขึ้นมัธยม ก็เกิดศึกกลางบ้านระหว่างฉันกับวินว่าด้วยการแย้งชิงผ้าห่ม แน่นอนฉันชนะทุกครั้งไป  ก็ฉันต้องทำตามสัญญาที่เคยให้วินไว้นี่นา ว่าจะรักษาผ้าห่มให้ดีที่สุดแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แน่นอน ศึกนี่ยังคงไม่จบ วินจ้องจะเอาของๆวินคืนเสมอ แล้วครั้งนี่แหละที่เป็นครั้งแรกที่ฉันพลาดท้าวิน
แต่จะว่าไปผ้าห่มก็มีอาถรรพ์เหมือนกันนะ เพราะว่าถ้าใครได้เป็นเจ้าของหรือสัมผัสแล้ว เป็นต้นว่าจะต้องสำนึกถึงความแตกต่าง ห่มแล้วติดเป็นนิสัยด้วยทั้งความรักทั้งหวง
ห้วย!! คิดแล้วแค้น  ที่ต้องสูญเสียผ้าห่มนั้นไป
“วิว หมู่นี้เธอดูแปลกไปนะ” จีนฝาแฝดของยีนทัก
“อืมจะว่าไปแล้ว ก็แปลกจริงๆแหละ” ยีนให้ข้อสังเกตบ้าง “หมู่นี้วิวใส่แว่นบ่อยขึ้นนะ แล้วก็ เออ
ขอบแว่นเปลี๊ยนไป๋ด้วย”
“แว่น ? หรอ” ฉันทวนอย่าง งงๆ “ฉันก็ใส่แว่นอันเดิมนิ แว่นกรอปสีเลือดหมู่อันสำรอง”
“เฮอๆ แต่ที่ฉันเห็นมันคือ  แว่นไร้กรอปเลนส์เหลียมสีดำที่ดูแสนจะเรียบร้อย นะ” พีท้วงบ้าง
“หาาาาาาาา “ ฉันร้อง เอียงคอชะโงกหน้าไปดูเงาในกระจดใส่ข้าง ๆ ภาพสะท้อนที่พบทำเอาหัวใจเต้นตุบตับ หน้าร้อนๆหนาวขึ้นมาทันตา
แปลก ใช่ แปลก แปลกมาก หมู่นี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากใช่คอนแทกเลนส์เท่าไร  แล้วพอจะเอาแว่นมาใส่ทีไรก็ดันไปหยิบของ ..
คิดไรอยู่ฟะเนี่ย ตู
เพื่อนๆจ้องหน้าฉัน รอยยิ้มเผยออกอย่างไม่ปิดปัง
หัวเราะกันใหญ่นะมึง
“ฮั่นแน่!!!!! หนูวิวมีไรปิดบังอะดิ” เพื่อนเริ่มล่อ
“เปล่านะ” ฉันแก้ตัวอย่างทันควัน “แล้วพวกเธอว่าไงล่ะ กรอปแว่นอันนี้เข้ากับฉันไหม” ฉันรีบเบี่ยงเบนประเด็น  นิ!! ฉันไม่ได้คิดอะไรไปไกลจากนี่นะ (ฉันไม่ได้คิดยึดแว่นนี้มาใช่เป็นของตนเอง) ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ คิดแค่ว่าจะทำยังไงเพื่อให้เพื่อนเลิกล่อฉันซะที แค่นั้น แค่นั้น โอเคป่ะ
“อืม ก็ดีนะ กรอปแว่นแบบนี้เหมาะกับวิวมากเลย เข้ากับรูปหน้าแล้วก็ดวงตาดี” ฌัฏให้คำชม
“หรอ” ฉันกล่าว มือสัมผัสกรอปแว่นอย่างเผลอตัว พอมีคนมาชม ใครเหล่าจะอดยิ้มได้ 
แว่นตาอันนี้เหมาะกับฉัน  คนๆนั้นกลับไม่ชอบ (เรื่องมากว่ะ)
ท้องฟ้าสีครามเข้มขึ้นก่อนการเวลา เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นขั้นจังหวะการสนทนาของพวกเรา
ก่อนฉันกดรับสาย โทรศัพท์โชว์เบอร์คนโทรที่ฉันเพิ่งนินทาจบไปหมาดๆ
“โย่!!” ฉันทักทายคนโทร
“ยัยวิว” น้ำเสียงคุ้นเคยตอบกลับ “ตอนนี้อยู่ไหน”
“ร้าน @barry ค่ะ” ฉันตอบเซ็งๆ ก็คนมันเซ็งจริงๆนิ  ให้ทำไงได้ล่ะ ลองคิดดู นอกจากโดนยึดผ้าห่มแล้ว  ฉันยังถูกห้ามกลับบ้านเองคนเดี่ยวอีกต่างหาก มันก็ฟังแลดูดีนะ แต่มันก็มีผลเสียใช่ป่ะเรื่องการจำกัดเวลาการกลับบ้าน คือฉันไม่ได้หมายความว่าฉันชอบกลับบ้านดึก แต่มันก็ทำให้คุณรู้สึกอึกอัดได้บ้างในบางเวลา  โธ่ ฉันเด็กมหาลัยแล้วนะ ขอเวลาส่วนตัวบ้างดิ  จริงไหม
รถสปอร์ทคันขาวขับมาจอดช้างๆหน้า ร้านคอฟฟี่ช็อบ @barry คนขับรถเดินเข้ามาในร้านแล้วยิ้มทักทายเพื่อนฉันอย่างสนิทสนม  ฉันบอกลาเพื่อนอย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะเดินตามคนๆนั้น กลับไปที่รถ
อ๋อ! ฉันลืมบอกอะไรไปอย่างนึ่ง ไอ้ธุรกิจเล็กๆน้อยๆที่ฉันทำร่วมกันกับเพื่อน ก็คือ ที่นี้แหละ    “ร้าน @ barry ”
      ________________________________________________________________ จบตอนที่3
16/11/2547
ก็นะ หนุกๆๆๆๆๆๆๆๆ
-v[86Iritg0hk8jtmujme.s,j,k57\'9i\'ouhq\\wfh
ตอนนี่กะลังบ้าเดียร์บอยอยู่ อิอิ  yokohamaสู้ๆ
20-21wx8jkp06>k,krvay’gr]’[^,c]h;,yome.sh,u8;k,I^hl7dvpdg-hk06>k
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น