ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : white heart
            ผมจำได้ดีความรู้สึกแรกที่ได้รับจดหมายนั้น มันถูกส่งผ่านมาทางเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นน้องสาวเพื่อนผม วันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุด วันที่ผมรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ผมทำให้ผู้คนซึ่งคาดหวังในตัวผมต้องเสียใจ
                                                        หลายคนอาจชอบมองดูเธอก้าวเดิน
                            แต่ฉันมักจะมีความสุขมากกว่า เมื่อได้เห็นเธอลุกขึ้น ด้วยตัวของเธอเอง
          ข้อความสั้นนั้นลงท้าย “เด็กหญิงในความฝัน” สร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย เธอเป็นใคร คำตอบแรกที่ผมอยากทราบ ผมถามน้องสาว เพื่อนที่นำมาให้ เธอยิ้มแล้วตอบว่า เธอไม่แน่ใจว่าใช่คนๆนั้นรึเปล่ายิ่งถามยิ่งชักงง จึงไม่คิดซักใซ่ใดๆต่อ ดูเหมือนว่าผมคงจะไม่สนใจอะไรมันอีกแล้ว ก็แค่กระดาษขาวธรรมดาพร้อมข้อความจากคนๆหนึ่งผู้ซึ่งชอบทำตัวลึกลับน่ารำคาญ
          กาลเวลาล่วงเลยผ่าน มีเศษกระดาษพร้อมลายมือลายเดิมจากคนเดิมๆนั้นส่งมาให้ผมอีกทุกช่วงเวลาของเหตุการณ์ต่างๆในชิวิต ทั้งคราวสุข ยามเศร้า หรืออกหัก แม้ข้อความจะต่างไปทุกครั้ง มันไม่ได้ฟังนุ่มลึก หอมหวานสวยงามเหมาะเป็นคำคมข้อคิด แต่อาจเป็นเพราะข้อความนั้นเรียบง่าย เรียบง่ายเสียจนแลดูธรรมดา กลับแฝงบางสิ่ง ซึ่งผมไม่สามารถเข้าใจในความนัยได้ หรือไม่แน่ว่าคงเป็นเพราะใจความข้อความนั้น ไม่ได้ให้ในสิ่งที่ผมต้องการ แต่ให้บางสิ่งซึ่งผมขาดหายไป จึงทำให้ผมสนใจอยากรู้จักกับเธอ”สาวน้อยในความฝัน” คนนี้มากขึ้น
            ผมหมั่นใจว่าเธออยู่ใกล้ตัวผม แต่ผมไม่อาจสัมผัสไอแห่งความอบอุ่นของตัวเธอได้
        ในวันเกิด เพื่อนๆให้ของขวัญผมมากมาย  ครับ ผมก็ได้รับจากเธอ ในกล่องเรียวยาวสีขาวผูกริบบิ้นสีเดียวกัน จากคนๆเดียวกัน คือไม้ กลองคู่ใหม่  สิ่งของเรียบง่ายแสนจะธรรมดานั้นสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้ผมไม่น้อย ผมนำมันมาใช้อย่างไม่มีเหตุผล ในทั้งๆที่ปกติแล้วผมมักจะเรื่องมากเสมอเวลาเลือกซื้อของจำพวกนี้ 
        เหมาะมือ สัมผัสดี ใช่แล้ว แบบที่ต้องการ
        วันวาเลนไทน์ ท่ามกลางช็อกโกแล็ดกองโตที่ผมได้รับ มีลูกอมรสนมเม็ดสีขาวรูปหัวใจเท่านั้นที่สามารถสะกดนิ่งทุกความคิด ความรู้สึกทั้งหมดที่แสนจะสับสนของผมได้
        อีกครั้งที่สิ่งนั้นช่างเรียบง่าย ..อีกครั้งที่แลดูไม่สะดุดตา ..
        อีกครั้งที่เธอทำให้ผมแปลกใจ
เด็กหญิงในความฝัน โปรดบอกผมเถิดว่าคุณเป็นใคร เพราะผมไม่อยากรู้จักคุณเพียงแค่ในความฝันเท่านั้น
        ก่อนวันงานสถาปนาโรงเรียนหนึ่งวัน แม้ว่างานนี้ไม่ใช่งานแรกที่วงดนตรีของผมได้แสดง แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ต่างตื้นเต้น ต่างกังวล ต่างเครียด ต่างชุลมุน
        ณ เวลานั้นเองที่อารมณ์ผมถึงขีดสุด นกกระดาษสีขาวจากคนเดิมย้ำเตือนให้ผมเย็นลง
                    จงโบยบินในความฝัน และฉันจะยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้ามองเธอมุ่งสู่ขอบฟ้าแห่งความจริง
        จากประโยคที่อ่านสร้างความรู้สึกเหยิมนิดๆ จนแทบจะหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น “โบยบิน” คำจำกัดความที่ผมไม่เข้าใจ แล้วใครจะรู้ว่า ขณะที่ผมเล่นดนตรีในวันถัดมา ผมกำมันแน่น แน่นเสียจนข้อความนั้นเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
        ดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจสำหรับความปรารถนาที่ผมเฝ้ารอ  ผมได้รู้ในวันนั้นเองว่าเธอเป็นใคร ..เด็กหญิงในความฝันของผม
        หลังเลิกงานต่างคนต่างไปสนุกๆกับกิจกรรมอื่นๆในโรงเรียน ด้วยความเมื่อยหล้า ผมจึงกลับไป ณ ห้องชมรมของผม ชมรมดนตรีสากล
ครับ อย่างที่คุณคิด เด็กหญิงในความฝันผู้ซึ่งผมกำลังตามหาอยู่ภายในห้องนั้นเพียงคนเดียว เธอวางกุหลาบขาวบนกระเป๋าคู่ใจของผม ยืนนิ่งสงบอยู่นาน ก่อนเดินละมา
        ผมไม่อาจหักห้ามความรู้สึกอยากรู้จักเธอได้อีกแล้ว  ผมคว้าแขนบางของเธอไว้แน่น เธอหันมามองผมด้วยความตกใจ ผมทราบได้ว่าเธอไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันกับผม เพราะชุดฟอร์มของเราต่างกัน
“ฉันไม่ได้มาขโมยของคุณนะค่ะ ฉัน...เออ ฉันแค่ ”ใบหน้านวลกล่าว หน้าแดงเรือ
“คุณส่งมันมาให้ผมใช่ไหม”ผมถามสุภาพ มือนั้นยังคงกำแขนเธอไว้ ไม่เอาอีกแล้ว ผมจะไม่ปล่อยเธอไป ผมไม่อยากให้เธอหายไปพร้อมกับการจบลงของความฝันแห่งความสุข
แววตาคู่สวยเบือนต่ำลง”เออ ค่ะ”เธอตอบสั้น “คือ..ฉัน..”
“ครับ” ผมตอบ แม้ยังมิได้ฟังถ้อยคำพูดทั้งหมด “ผมตกลง ผมก็เฝ้ารอคุณมานานแล้วเช่นกัน”
        ท่ามกลางความเงียบในบ่ายวันนั้น จังหวะการเต้นหัวใจของผมได้เปลี่ยนไป จากการเต้นเพื่อตัวเองกลับกลายเป็นเพื่อเธอ  เราสองคนเริ่มต้นจากจุดนั้น  ก้าวเดินไปบนเส้นทางเดียวกัน มันคือจุดเริ่มต้นของจุดจบที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งผมจะจำไปตราบนานเท่านาน
        จากข้อความโน้ตสั่นๆบนกระดาษใบจิ๋ว กลับกลายเป็นการส่งmassageและการสนธนาพูดคุยกันทางโทรศัพท์ส่วนตัว เธอเป็นเหมือนที่ผมคิดไว้ ทั้งคุยสนุก อัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย ทำอาหารเก่ง ฮะ ผมมีความสุข สุขทุกครั้งที่ได้เจอเธอ
      เธอมาให้กำลังใจผมทุกครั้งที่เเสดงคอนเสิร์ต บางทีก็ช่วยงานเราบางอย่างโดยที่ไม่ใช่ภาระของตัว  อันที่จริงแล้วงานในชุมนุมไม่ได้วุ่นวายขนานนั้นหรอกครับ แต่มันเป็นเพราะน้องสาวเพื่อนผมซึ่งเป็นทั้งคนแต่งเพลงและผู้จัดการวง ได้รับทุนได้เรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม จึงไม่มีใครมาช่วยรับงานบางอย่างที่จุกจิกนี้ จะว่าไป ผมว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะผมได้ใกล้เธอมากขึ้น
        ผมได้โควต้าคณะที่ต้องการของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ส่วนเธอได้เรียนต่อตามสายงานที่เธอชอบ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่กันคนละมหาวิทยาลัย แต่นั้นก็มิใช่อุปสรรคซึ่งกันเราสองคนออกจากกัน เรายังคงติดต่อ พบปะกันตามภาษา“คู่รัก”
   
          ผมพบกับน้องสาวเพื่อนอีกครั้งที่ญี่ปุ่น ผมได้ข่าวว่าเธอเป็นขวัญใจของพวกเขา แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก  การเจอกับน้องสาวเพื่อนในวันนั้นผมจึงถือโอกาศขอบคุณเธอที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ “เด็กหญิงในความฝัน”
          แว๊บแรกในแววตา สีหน้าฉายแปลกไปแบบลุ้นลึกๆของเธอก่อนถามผม “เฮียทราบแล้วหรอค่ะว่าใครคือคนๆนั้น”
          ผมจึงเล่าเหตุที่เราเจอกันให้เธอฟัง กล่าวขอบคุณอีกครั้งกับเรื่องทั้งหมด ดวงตาคู่นั้นฉายแววเศร้าก่อนสงบนิ่งตามแบบฉบับที่เธอเป็น “ค่ะ” เธอตอบ”ยินดีด้วยนะคะ”
            พอขึ้นปีสองการเรียนของเราต่างเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราแทบจะไม่ได้พบกัน จดหมายข้อความสั้นส่งมาถึงผมอีกหน ลงท้ายชื่อเดิมๆซึ่งผมคุ้นเคย “เด็กหญิงในความฝัน”  ทุกครั้งที่อ่านผมมีความสุขและคิดถึงเธอเสมอ  ไม่รู้สิครับ ถึงแม้ว่าผมและเธอจะติดต่อกับทางโทรศัพท์บ้าง แต่ผมตั้งตาคอยข้อความสั้นนั้นมากกว่า  แม้ว่าผมจะรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร “เด็กหญิงในความฝัน”
            น้องสาวเพื่อนเข้าเรียนต่อในคณะเดียวกันกับผม การเป็นรุ่นพี่รหัส ทำให้ผมพูดคุยกับเธอมากขึ้น ผมได้รู้จักกับเธอในอีกแง่ที่ผมไม่เคยใส่ใจ ในความสบงเงียบ เรียบร้อยของเธอนั้น มีบางอย่างซึ่งแต่ต่างจาที่ผมเคยเข้าใจ เธอ กลับกลายเป็นน้องสาวแสนซน ดื้อเงียบ  และทำให้ผมต้องปวดหัวบ่อยๆ
ท่าทีของผมที่มีต่อน้องสาวเพื่อนต้องเปลี่ยนไป ระยะห่างนั้นเพิ่มมากขึ้น เมื่อเธอเข้าใจผิด เรื่องระหว่างผมกับน้องสาวเพื่อน
          เรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่าง เมื่อผมได้รับสมุดบันทึกเล่มสีขาวในวันที่สายเกินไป หลากหลายตัวอักษรชึ่งถูกเขียนประทับลงบนทุกหน้ากระดาษนั้นเป็นลายมือเดี่ยวกันกับข้อความที่ส่งมาถึงผม ผมเข้าใจในสิ่งที่ผมมักมองข้าม สิ่งซึ่งเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ กลับกลายเป็นอีกสิ่งที่ผมไม่เคยสังเกต สิ่งที่อยู่ใกล้เพียงสัมผัส กลับกลายเป็นสิ่งที่ต่อให้ใฝ่หาด้วยความอาวรณ์เท่าใดก็ไม่สามารถนำกลับคืนมา
ผมไม่อาจเล่นดนตรีต่อได้  หน้าที่ของผมในวงดนตรีก็มีคนมาแทนในเวลาถัดมา ไม่มีใครเข้าใจในตัวผม และผมก็ไม่เข้าในตนเองเช่นกัน
          ครั้งนี้ไม่มีกระดาษโน้ตสีขาวส่งมาคอยให้กำลังใจผมอีกแล้ว หรืออาจจะไม่หลงเหลืออีกเลยในความทรงจำของร่างบางที่สงบแน่นิ่งสนิทเข้าสู่นิทราแห่งนิรันทร์
              ผมเปิดสมุดบันทึกนั้นอย่างเหม่อลอย พบข้อความสำคัญถูกบันทึกไว้ในหน้าพิเศษ
                        เราเฝ้าสังเกตมองเขามานานแสนนาน ถึงแม้จะทราบดีว่าตัวเรานี้เป็นได้แค่น้องสาวของเพื่อนเท่านั้น
                                      เราไม่ได้หวังผลใดๆที่จะได้รับและยังคงอธิฐานให้เขากับเธอรักกันเสมอ
                      แต่เราขอเพียงแค่สักครั้งหนึ่ง แค่ช่วงเวลาสั้นๆแค่วินาทีหนึ่ง ที่เขาคนนั้นจะมองเห็นเราคนนี้บ้างในสายตา
        ข้อความนั้นตีสลักลึกลงสู่จิตใจผม ยิ่งทำให้เจ็บจนปวดร้าว ภาพครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอกลับมาย้ำเตือนให้หยาดน้ำอุ่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นรินไหลปริมรอบดวงตา เออล้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ นี้หรือคือสิ่งที่ผมควรทำกับเธอ  การรับฟังสิ่งสุดท้ายจากความรู้สึกซึ่งกลั่นกรองจากร้อยพันคำของเธอ โดยการตอบรับด้วยสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจพร้อมเดินหนีจากมา
ความโกรธและเกลียดตนเองประทุขึ้นในจิตใจอย่าไม่มีที่สิ้นสุด
        ผมต้องการเธอกลับมา เพียงแค่ในฝันก็ได้ เพียงแค่ฝันสักคืนหนึ่ง ซึ่งผมจะจะมันไม่ว่านานแค่ไหน แต่มันจะเป็นฝันที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผม  ได้โปรดเถิด ขอผมฝันถึงแค่เธอสักครั้ง อีกสักครั้งเท่านั้นก็พอ
          แต่แล้ว ลมอ่อนพัดโชยผ่าน หน้ากระดาษสมุดบันทึกผลิวไหวไปตามแรงลม  ปรากฎข้อความราวกับเป็นคำตอบจากคำถามที่ผมเคยสังสัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  จากเธอผู้ซึ่งเข้าใจตัวผม มากกว่าที่ผมเข้าใจตนเอง “เด็กหญิงในความฝัน”
                            แม้ว่าเขาจะหลับตาลงหรือลืมตาขึ้นก็ตาม  แม้ว่าเขาจะมิอาจเห็นร่างของฉันได้
                แต่เมื่อเขานึกถึงฉัน ฉันจะอยู่ตรงหน้า ข้างๆกายเขา และเขาจะสามารถสัมผัสถึงตัวตนของฉันที่แท้จริง
            ตอนนี้ ที่นี้ เวลานี้ ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่เพื่อนสาวสุดสนิทฟัง ก่อนที่ผมจะหมั่นหมายกับแฟนสาวคนเดิมในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ผมมักพูดคุยปรึกษากับหล่อนแบบนี้เสมอซึ่งเธอมักจะรับฟังและให้คำตอบดีๆกับผม
ครับ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“แต่นายก็ไม่ได้ทำอะไรให้น้องสาวฉันเสียใจไม่ใจไม่ใช่หรอ” เธอถามใจเย็น ยิ้มให้อย่างสุขุม “นายทำตามสิ่งที่เธอต้องการจากตัวนายแล้ว และอาจจะมากกว่าที่เธอขอด้วย”
ผมมองเธออย่างไม่เข้าใจ
นักร้องนำประจำวงจ้องผมกลับก่อนตอบ “แค่เพียงสักนาทีหนึ่งที่นายเห็นน้องสาวของฉันในสายตา นี่คือสิ่งที่เธอขอจากนาย  นายลืมไปแล้วรึไง ”
ผมคิดใคร่ครวญก่อนยิ้มกับตำตอบ ‘ ใช่  ผมทำมันแล้ว’
                                                                ...ได้แค่แอบมอง แอบมองเธอก็พอแล้ว
                                                              ได้แค่แอบฟัง แอบฟังเสียงหัวเราะเธอฉันก็สุขใจ
                                                              ไม่ขอหวังไปมากกว่านี้ ไม่ขอแอบคิดไปไกล
                                                                          ไม่ขออะไร ขอแค่นี้ก็พอ
                                                                ชีวิตฉันสำหรับเธออาจเป็นเพียงสายลม
                                                                            ที่พัดมาแล้วก็พัดไป
                                                                แต่ชีวิตเธอ สำหรับฉันนั้นเหมือนฝัน
                                                                          ที่ทำให้ฉันหลับสบาย
                                                                                (end)
                                                                                                                                    14-15/2/2005
                                                                                                                                      by คนช่างฝัน
                                                        หลายคนอาจชอบมองดูเธอก้าวเดิน
                            แต่ฉันมักจะมีความสุขมากกว่า เมื่อได้เห็นเธอลุกขึ้น ด้วยตัวของเธอเอง
          ข้อความสั้นนั้นลงท้าย “เด็กหญิงในความฝัน” สร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย เธอเป็นใคร คำตอบแรกที่ผมอยากทราบ ผมถามน้องสาว เพื่อนที่นำมาให้ เธอยิ้มแล้วตอบว่า เธอไม่แน่ใจว่าใช่คนๆนั้นรึเปล่ายิ่งถามยิ่งชักงง จึงไม่คิดซักใซ่ใดๆต่อ ดูเหมือนว่าผมคงจะไม่สนใจอะไรมันอีกแล้ว ก็แค่กระดาษขาวธรรมดาพร้อมข้อความจากคนๆหนึ่งผู้ซึ่งชอบทำตัวลึกลับน่ารำคาญ
          กาลเวลาล่วงเลยผ่าน มีเศษกระดาษพร้อมลายมือลายเดิมจากคนเดิมๆนั้นส่งมาให้ผมอีกทุกช่วงเวลาของเหตุการณ์ต่างๆในชิวิต ทั้งคราวสุข ยามเศร้า หรืออกหัก แม้ข้อความจะต่างไปทุกครั้ง มันไม่ได้ฟังนุ่มลึก หอมหวานสวยงามเหมาะเป็นคำคมข้อคิด แต่อาจเป็นเพราะข้อความนั้นเรียบง่าย เรียบง่ายเสียจนแลดูธรรมดา กลับแฝงบางสิ่ง ซึ่งผมไม่สามารถเข้าใจในความนัยได้ หรือไม่แน่ว่าคงเป็นเพราะใจความข้อความนั้น ไม่ได้ให้ในสิ่งที่ผมต้องการ แต่ให้บางสิ่งซึ่งผมขาดหายไป จึงทำให้ผมสนใจอยากรู้จักกับเธอ”สาวน้อยในความฝัน” คนนี้มากขึ้น
            ผมหมั่นใจว่าเธออยู่ใกล้ตัวผม แต่ผมไม่อาจสัมผัสไอแห่งความอบอุ่นของตัวเธอได้
        ในวันเกิด เพื่อนๆให้ของขวัญผมมากมาย  ครับ ผมก็ได้รับจากเธอ ในกล่องเรียวยาวสีขาวผูกริบบิ้นสีเดียวกัน จากคนๆเดียวกัน คือไม้ กลองคู่ใหม่  สิ่งของเรียบง่ายแสนจะธรรมดานั้นสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้ผมไม่น้อย ผมนำมันมาใช้อย่างไม่มีเหตุผล ในทั้งๆที่ปกติแล้วผมมักจะเรื่องมากเสมอเวลาเลือกซื้อของจำพวกนี้ 
        เหมาะมือ สัมผัสดี ใช่แล้ว แบบที่ต้องการ
        วันวาเลนไทน์ ท่ามกลางช็อกโกแล็ดกองโตที่ผมได้รับ มีลูกอมรสนมเม็ดสีขาวรูปหัวใจเท่านั้นที่สามารถสะกดนิ่งทุกความคิด ความรู้สึกทั้งหมดที่แสนจะสับสนของผมได้
        อีกครั้งที่สิ่งนั้นช่างเรียบง่าย ..อีกครั้งที่แลดูไม่สะดุดตา ..
        อีกครั้งที่เธอทำให้ผมแปลกใจ
เด็กหญิงในความฝัน โปรดบอกผมเถิดว่าคุณเป็นใคร เพราะผมไม่อยากรู้จักคุณเพียงแค่ในความฝันเท่านั้น
        ก่อนวันงานสถาปนาโรงเรียนหนึ่งวัน แม้ว่างานนี้ไม่ใช่งานแรกที่วงดนตรีของผมได้แสดง แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ต่างตื้นเต้น ต่างกังวล ต่างเครียด ต่างชุลมุน
        ณ เวลานั้นเองที่อารมณ์ผมถึงขีดสุด นกกระดาษสีขาวจากคนเดิมย้ำเตือนให้ผมเย็นลง
                    จงโบยบินในความฝัน และฉันจะยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้ามองเธอมุ่งสู่ขอบฟ้าแห่งความจริง
        จากประโยคที่อ่านสร้างความรู้สึกเหยิมนิดๆ จนแทบจะหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น “โบยบิน” คำจำกัดความที่ผมไม่เข้าใจ แล้วใครจะรู้ว่า ขณะที่ผมเล่นดนตรีในวันถัดมา ผมกำมันแน่น แน่นเสียจนข้อความนั้นเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
        ดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจสำหรับความปรารถนาที่ผมเฝ้ารอ  ผมได้รู้ในวันนั้นเองว่าเธอเป็นใคร ..เด็กหญิงในความฝันของผม
        หลังเลิกงานต่างคนต่างไปสนุกๆกับกิจกรรมอื่นๆในโรงเรียน ด้วยความเมื่อยหล้า ผมจึงกลับไป ณ ห้องชมรมของผม ชมรมดนตรีสากล
ครับ อย่างที่คุณคิด เด็กหญิงในความฝันผู้ซึ่งผมกำลังตามหาอยู่ภายในห้องนั้นเพียงคนเดียว เธอวางกุหลาบขาวบนกระเป๋าคู่ใจของผม ยืนนิ่งสงบอยู่นาน ก่อนเดินละมา
        ผมไม่อาจหักห้ามความรู้สึกอยากรู้จักเธอได้อีกแล้ว  ผมคว้าแขนบางของเธอไว้แน่น เธอหันมามองผมด้วยความตกใจ ผมทราบได้ว่าเธอไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันกับผม เพราะชุดฟอร์มของเราต่างกัน
“ฉันไม่ได้มาขโมยของคุณนะค่ะ ฉัน...เออ ฉันแค่ ”ใบหน้านวลกล่าว หน้าแดงเรือ
“คุณส่งมันมาให้ผมใช่ไหม”ผมถามสุภาพ มือนั้นยังคงกำแขนเธอไว้ ไม่เอาอีกแล้ว ผมจะไม่ปล่อยเธอไป ผมไม่อยากให้เธอหายไปพร้อมกับการจบลงของความฝันแห่งความสุข
แววตาคู่สวยเบือนต่ำลง”เออ ค่ะ”เธอตอบสั้น “คือ..ฉัน..”
“ครับ” ผมตอบ แม้ยังมิได้ฟังถ้อยคำพูดทั้งหมด “ผมตกลง ผมก็เฝ้ารอคุณมานานแล้วเช่นกัน”
        ท่ามกลางความเงียบในบ่ายวันนั้น จังหวะการเต้นหัวใจของผมได้เปลี่ยนไป จากการเต้นเพื่อตัวเองกลับกลายเป็นเพื่อเธอ  เราสองคนเริ่มต้นจากจุดนั้น  ก้าวเดินไปบนเส้นทางเดียวกัน มันคือจุดเริ่มต้นของจุดจบที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งผมจะจำไปตราบนานเท่านาน
        จากข้อความโน้ตสั่นๆบนกระดาษใบจิ๋ว กลับกลายเป็นการส่งmassageและการสนธนาพูดคุยกันทางโทรศัพท์ส่วนตัว เธอเป็นเหมือนที่ผมคิดไว้ ทั้งคุยสนุก อัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย ทำอาหารเก่ง ฮะ ผมมีความสุข สุขทุกครั้งที่ได้เจอเธอ
      เธอมาให้กำลังใจผมทุกครั้งที่เเสดงคอนเสิร์ต บางทีก็ช่วยงานเราบางอย่างโดยที่ไม่ใช่ภาระของตัว  อันที่จริงแล้วงานในชุมนุมไม่ได้วุ่นวายขนานนั้นหรอกครับ แต่มันเป็นเพราะน้องสาวเพื่อนผมซึ่งเป็นทั้งคนแต่งเพลงและผู้จัดการวง ได้รับทุนได้เรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม จึงไม่มีใครมาช่วยรับงานบางอย่างที่จุกจิกนี้ จะว่าไป ผมว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะผมได้ใกล้เธอมากขึ้น
        ผมได้โควต้าคณะที่ต้องการของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ส่วนเธอได้เรียนต่อตามสายงานที่เธอชอบ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่กันคนละมหาวิทยาลัย แต่นั้นก็มิใช่อุปสรรคซึ่งกันเราสองคนออกจากกัน เรายังคงติดต่อ พบปะกันตามภาษา“คู่รัก”
   
          ผมพบกับน้องสาวเพื่อนอีกครั้งที่ญี่ปุ่น ผมได้ข่าวว่าเธอเป็นขวัญใจของพวกเขา แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก  การเจอกับน้องสาวเพื่อนในวันนั้นผมจึงถือโอกาศขอบคุณเธอที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ “เด็กหญิงในความฝัน”
          แว๊บแรกในแววตา สีหน้าฉายแปลกไปแบบลุ้นลึกๆของเธอก่อนถามผม “เฮียทราบแล้วหรอค่ะว่าใครคือคนๆนั้น”
          ผมจึงเล่าเหตุที่เราเจอกันให้เธอฟัง กล่าวขอบคุณอีกครั้งกับเรื่องทั้งหมด ดวงตาคู่นั้นฉายแววเศร้าก่อนสงบนิ่งตามแบบฉบับที่เธอเป็น “ค่ะ” เธอตอบ”ยินดีด้วยนะคะ”
            พอขึ้นปีสองการเรียนของเราต่างเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราแทบจะไม่ได้พบกัน จดหมายข้อความสั้นส่งมาถึงผมอีกหน ลงท้ายชื่อเดิมๆซึ่งผมคุ้นเคย “เด็กหญิงในความฝัน”  ทุกครั้งที่อ่านผมมีความสุขและคิดถึงเธอเสมอ  ไม่รู้สิครับ ถึงแม้ว่าผมและเธอจะติดต่อกับทางโทรศัพท์บ้าง แต่ผมตั้งตาคอยข้อความสั้นนั้นมากกว่า  แม้ว่าผมจะรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร “เด็กหญิงในความฝัน”
            น้องสาวเพื่อนเข้าเรียนต่อในคณะเดียวกันกับผม การเป็นรุ่นพี่รหัส ทำให้ผมพูดคุยกับเธอมากขึ้น ผมได้รู้จักกับเธอในอีกแง่ที่ผมไม่เคยใส่ใจ ในความสบงเงียบ เรียบร้อยของเธอนั้น มีบางอย่างซึ่งแต่ต่างจาที่ผมเคยเข้าใจ เธอ กลับกลายเป็นน้องสาวแสนซน ดื้อเงียบ  และทำให้ผมต้องปวดหัวบ่อยๆ
ท่าทีของผมที่มีต่อน้องสาวเพื่อนต้องเปลี่ยนไป ระยะห่างนั้นเพิ่มมากขึ้น เมื่อเธอเข้าใจผิด เรื่องระหว่างผมกับน้องสาวเพื่อน
          เรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่าง เมื่อผมได้รับสมุดบันทึกเล่มสีขาวในวันที่สายเกินไป หลากหลายตัวอักษรชึ่งถูกเขียนประทับลงบนทุกหน้ากระดาษนั้นเป็นลายมือเดี่ยวกันกับข้อความที่ส่งมาถึงผม ผมเข้าใจในสิ่งที่ผมมักมองข้าม สิ่งซึ่งเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ กลับกลายเป็นอีกสิ่งที่ผมไม่เคยสังเกต สิ่งที่อยู่ใกล้เพียงสัมผัส กลับกลายเป็นสิ่งที่ต่อให้ใฝ่หาด้วยความอาวรณ์เท่าใดก็ไม่สามารถนำกลับคืนมา
ผมไม่อาจเล่นดนตรีต่อได้  หน้าที่ของผมในวงดนตรีก็มีคนมาแทนในเวลาถัดมา ไม่มีใครเข้าใจในตัวผม และผมก็ไม่เข้าในตนเองเช่นกัน
          ครั้งนี้ไม่มีกระดาษโน้ตสีขาวส่งมาคอยให้กำลังใจผมอีกแล้ว หรืออาจจะไม่หลงเหลืออีกเลยในความทรงจำของร่างบางที่สงบแน่นิ่งสนิทเข้าสู่นิทราแห่งนิรันทร์
              ผมเปิดสมุดบันทึกนั้นอย่างเหม่อลอย พบข้อความสำคัญถูกบันทึกไว้ในหน้าพิเศษ
                        เราเฝ้าสังเกตมองเขามานานแสนนาน ถึงแม้จะทราบดีว่าตัวเรานี้เป็นได้แค่น้องสาวของเพื่อนเท่านั้น
                                      เราไม่ได้หวังผลใดๆที่จะได้รับและยังคงอธิฐานให้เขากับเธอรักกันเสมอ
                      แต่เราขอเพียงแค่สักครั้งหนึ่ง แค่ช่วงเวลาสั้นๆแค่วินาทีหนึ่ง ที่เขาคนนั้นจะมองเห็นเราคนนี้บ้างในสายตา
        ข้อความนั้นตีสลักลึกลงสู่จิตใจผม ยิ่งทำให้เจ็บจนปวดร้าว ภาพครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอกลับมาย้ำเตือนให้หยาดน้ำอุ่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นรินไหลปริมรอบดวงตา เออล้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ นี้หรือคือสิ่งที่ผมควรทำกับเธอ  การรับฟังสิ่งสุดท้ายจากความรู้สึกซึ่งกลั่นกรองจากร้อยพันคำของเธอ โดยการตอบรับด้วยสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจพร้อมเดินหนีจากมา
ความโกรธและเกลียดตนเองประทุขึ้นในจิตใจอย่าไม่มีที่สิ้นสุด
        ผมต้องการเธอกลับมา เพียงแค่ในฝันก็ได้ เพียงแค่ฝันสักคืนหนึ่ง ซึ่งผมจะจะมันไม่ว่านานแค่ไหน แต่มันจะเป็นฝันที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผม  ได้โปรดเถิด ขอผมฝันถึงแค่เธอสักครั้ง อีกสักครั้งเท่านั้นก็พอ
          แต่แล้ว ลมอ่อนพัดโชยผ่าน หน้ากระดาษสมุดบันทึกผลิวไหวไปตามแรงลม  ปรากฎข้อความราวกับเป็นคำตอบจากคำถามที่ผมเคยสังสัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  จากเธอผู้ซึ่งเข้าใจตัวผม มากกว่าที่ผมเข้าใจตนเอง “เด็กหญิงในความฝัน”
                            แม้ว่าเขาจะหลับตาลงหรือลืมตาขึ้นก็ตาม  แม้ว่าเขาจะมิอาจเห็นร่างของฉันได้
                แต่เมื่อเขานึกถึงฉัน ฉันจะอยู่ตรงหน้า ข้างๆกายเขา และเขาจะสามารถสัมผัสถึงตัวตนของฉันที่แท้จริง
            ตอนนี้ ที่นี้ เวลานี้ ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่เพื่อนสาวสุดสนิทฟัง ก่อนที่ผมจะหมั่นหมายกับแฟนสาวคนเดิมในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ผมมักพูดคุยปรึกษากับหล่อนแบบนี้เสมอซึ่งเธอมักจะรับฟังและให้คำตอบดีๆกับผม
ครับ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“แต่นายก็ไม่ได้ทำอะไรให้น้องสาวฉันเสียใจไม่ใจไม่ใช่หรอ” เธอถามใจเย็น ยิ้มให้อย่างสุขุม “นายทำตามสิ่งที่เธอต้องการจากตัวนายแล้ว และอาจจะมากกว่าที่เธอขอด้วย”
ผมมองเธออย่างไม่เข้าใจ
นักร้องนำประจำวงจ้องผมกลับก่อนตอบ “แค่เพียงสักนาทีหนึ่งที่นายเห็นน้องสาวของฉันในสายตา นี่คือสิ่งที่เธอขอจากนาย  นายลืมไปแล้วรึไง ”
ผมคิดใคร่ครวญก่อนยิ้มกับตำตอบ ‘ ใช่  ผมทำมันแล้ว’
                                                                ...ได้แค่แอบมอง แอบมองเธอก็พอแล้ว
                                                              ได้แค่แอบฟัง แอบฟังเสียงหัวเราะเธอฉันก็สุขใจ
                                                              ไม่ขอหวังไปมากกว่านี้ ไม่ขอแอบคิดไปไกล
                                                                          ไม่ขออะไร ขอแค่นี้ก็พอ
                                                                ชีวิตฉันสำหรับเธออาจเป็นเพียงสายลม
                                                                            ที่พัดมาแล้วก็พัดไป
                                                                แต่ชีวิตเธอ สำหรับฉันนั้นเหมือนฝัน
                                                                          ที่ทำให้ฉันหลับสบาย
                                                                                (end)
                                                                                                                                    14-15/2/2005
                                                                                                                                      by คนช่างฝัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น