ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อฮะ...ผมอยากเกิดเป็นคนธรรมดา

    ลำดับตอนที่ #1 : “สิ่งที่ดีที่สุด”11-04-48

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 48


    ตึกสูงเสียดฟ้าตั้งตะหง่าบนพื้นดินใจกลางเมืองหลวงประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งของโลก  คาร์แมกชีนข่นส่งผู้โดยสารเคลื่อนผ่านไปมาด้วยความเคยชินจนมิได้สังเกตุเห็นแววตาเหงาคู่หนึ่งซึ่งมองผ่านกระจกหน้าต่างชั้นที่สามสิบแปดของตัวอาคาร ผู้คนในยุคสมัยนี้ต่างหว้าวุ่นเกินกว่าที่จะสนใจและอยากล่วงรู้เบื้องหลังของตึกนั้น เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ ความดีเลิศด้านการประสบความสำเร็จของกิจการบริษัท



    “นายน้อย”เสียงเรียกเจ้านายจากบ่าวรับใช้ ทำให้แววตาคู่น้อยของเด็กชายวัย12 ต้องละจากบานหน้าต่าง ปรับสีหน้าให้ร่าเริงพร้อมรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ

    “มีอะไรหรือฮะ”เด็กชายถามบ่าวผู้รับใช้

    “นายใหญ่เรียกให้ไปพบขอรับ”บ่าวแจงจุดประสงค์

    “สักครู่นะครับ ผมต้องขอตัวไปหยิบเอกสารรายงานผลการตลาดก่อน” เด็กชายบอกบ่าวด้วยคำพูดซึ่งเต็มไปด้วยหน้าที่เกินเด็ก

    ผู้เป็นบ่าวพยัคหน้ารับคำ ยืนรอที่มุมประตูเงียบๆ ขณะนายน้อยของเขาข้นหาเอกสารสำคัญ



    ถ้าตึกใหญ่หลังนี้เปรียบเสมือนเซลล์แล้ว เทาเวอร์ลิทฟ์ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับเวสิเคิล ผู้มีหน้าที่ข่นส่งสารเขาออกของเชลล์ ช่วยในการขนส่งบุคคลจากสถานที่ๆแห่งหนึ่งไปสู่แห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น (ถึงแม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าเอ็มทริปเล็กน้อย) ครั้งหนึ่งตึกแห่งนี้เคยมีโครงการที่จะติดตั้งเอ็มทริปหรือประตูข่นส่งผ่านมิติ แต่ว่าโครงการครั้งนั้นกลับถูกยกเลิกไปเนื่องจากได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าไม่ปล่อยภายต่อสภาพร่างกายของผู้ใช้งาน

    บ่าวนายทั้งสองใช่บริการของเทคโนโลยี่เทาเวอร์ลิฝท์ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ชั้นบนสุดของตัวอาคาร



    นายที่บ่าวเรียกว่า ‘นายน้อย’ เคาะประตูไม้บานใหญ่สีเข้มก่อนเปิดออกแล้วก้าวเข้าไปภายใน  ห้องทำงานของนายใหญ่ยังคงมีสภาพห้องเดิมๆเหมือนทุกๆครั้งที่’นายน้อย’เข้ามา ภายในห้องทั้งหมดได้รับการตกแต่งจากชุดฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่ได้รักการเเกะสลัดอย่างดีจากช่างไม้ชาวเอเชีย  เหลือเพียงชุดโต๊ะทำงานเพียงเท่านั้นทำมาจากแผ่นหินสีอมเทาคล้ำซึ่งคัดสรรค์มาจากขั้วโลก

    นายใหญ่ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์สบตากับบุตรชาย พร้อมแย้มรอยยิ้ม

    “ลูก”นายใหญ่เรียกบุตร”มาแล้วรึ”    

    “ครับ”เด็กน้อยตอบ ยืนแฟ้มงานให้บุคคลตรงหน้า“นี้ครับ รายางผลการตลาดทางฝั่งเอชียตะวันตกและแอฟาริกา”

    ผู้เป็นนายใหญ่ของบริษัทรับมาดู ผลิกหน้ากระดาษไปมา นึกชมผมงานเทคโนโลยี่ชีวะภาพที่ตนทดลองสร้างขึ้น  ปากถามไปอีกเรื่อง “หายปวดหัวแล้วใช่ไหม”

    “ครับ”คนถูกถามตอบ

    “ดี”คนถามได้รับคำตอบที่ตนพอใจจึงยิ้ม  ผู้เป็นบุตรมองหน้าบิดา

    วันนี้ต้องมีอะไรอีกแน่ บุตรแอบเก็บงำความคิดไว้



    “ไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดหรอกนะ”ดูเมื่อผู้เป็นบิดาจะสัมผัสถึงไอแห่งความคิดของผู้เป็นบุตรได้ ผู้เป็นบุตรไม่ตกใจนัก  เพราะ……ชินเสียแล้ว

    “ฮะ”เด็กชายต่อประโยคบิดา ศีรษะก้มลงต่ำอย่างรู้สึกผิด ถึงแม้คำพุดฟังดุอบอุ่น แต่ดวงตาคู่นั้นที่มองทอดมากกลับแสนเย็นชา….เย็นจนถึงขั้วหัวใจ   แต่…เขามีหัวใจจริง”จริง”รึเปล่ายังไม่รู้

    “ลูกทำงานดีอย่างนี้อยากได้ของขวัญอะไรล่ะ”ผู้เป็นพ่อถามบุตรอย่างใจดี  

    “ผ…ผม”เด็กชายอุธานอย่างไม่เชื่อหู  ผู้เป็นพ่อพยัคหน้ายืนยันคำพูดตนอีกครั้ง บุตรจึงตอบ

    “ผม  ….. ผมอยาก….”คำพูด ความต้องการหลายหลากหลั่งล้น ท้วมท้นความคิดของเด็กชายวัยสิบสอง  แต่แล้วความรู้สึกเหล่านั้นกลับต้องหยุดลง

    “นั้นไม่จำเป็นสำหรับลูก” คำกล่าวขัดสั้นๆได้ใจความ เด็กชายถึงกับชะงัก เงยหน้าสบตากับบิดา  

    บิดารู้ว่าเขาต้องการอะไร……

    สิ่งนั้น….ที่เราต้องการยังคงแลดูไร้สาระในสายตาของพ่อเสมอ

    เราแค่ต้องการเป็น “เด็ก”ที่มีชีวิตเป็น”มนุษย์” ธรรมดาเท่านั้น  เพียงแค่เท่านั้น  เท่านั้นเอง  

    ไม่ใช่….สิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้

    “พ่อให้ที่ดีที่สุดกับลูกเสมอนะ”คำกล่าวแสดงความรักจากบิคนที่เคยฟังดูอบอุ่นบัดนี้กลับทำให้ความรู้สึกทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไป  

    “ฮะ”เด็กชายพยัคหน้ารับไม่มีเหตุจำเป็นใดๆที่เขาต้องอ้อนวอนเพื่อสิ่งที่ต้องการ เพราะไม่มีทาง..ไม่มีทางเป็นไปได้  ต่อให้ฝันสักกี่ครั้งอ้อนวอนสักกี่หน  เด็กชายทำได้แค่ยิ่มพร้อมกับยอมรับสิ่งที่”ดีที่สุด”ที่บิดาต้องการให้เขา

    บิดาเปลี่ยนหัวข้อสนธนทันทีเมื่อเห็นอาการแปลกไปของบุตร “ลูกเรียนภาษาลูซรึยัง”

    “ยังฮะ”เด็กชายตอบสลัด ความคิด ความรู้สึก ความต้องการของเด็กชายวัยสิบสองออกจาหัว เขาพอจะเดาส่งที่บิดาจะกระทำต่อไปได้  

    “ดี”บิดากล่าว หยิบเม็ดแคปซูนขนานเล็กมาจากที่ไหนไม่อาจทราบได้ ยืนให้บุตร  บุตรรับมาอย่างเข้าใจในความหมาย “แฟ้มงานใหม่เดียวพ่อจะส่งไปให้ที่โต๊ะนะ”

    เด็กชายรับคำเดินก้าวออกจาห้อง  กลับไปยังที่ๆเขาเคยจากมา

    พ่อไม่เคยให้อะไรที่แตกต่าง เป็นแบบเดิม ให้แบบเดิม  

    สิ่งที่ท่านเรียกว่า “สิ่งที่ดีที่สุด”



    ณ ห้องทำงานชั้นสามสิบแปด เด็กชายก้าวเขามาในห้องทำงานของตนด้วยอาการเหนื่อยหล้า อาการปวดหัวที่บิดาเคยถามถึงบัดนี้กลับกำเริบขึ้นอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า เด็กชายควบคุมอาการด้วยการประคองร่างของตนไปยังเก้าอี่ส่วนตัว  ถ้ามองจากถายนอกไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กชายได้ เนื่องจากแฟ้มงานกองโตที่เพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วบดบังไว้…

    สักพักอาการปวดหัวก็หายไป เด็กชายกลับมาสู่”สถาวะปกติ”ก่อนจะทานยาแคปชูนเม็ดใหม่ที่พึ่งได้รับมา

    ยาเม็ดนี้จะเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเขาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับประเทศลูซ ทั้งภาษาวัฒนธรรม ภูมิประเทศ ตลอดจนหลักจิตวิทยาด้านการค้าขายกับชาวลูซ

    ร่างของเด็กชายวัยสิบสองเริ่มสงบลง เด็กชายหายใจเชื่องช้า เหมือนผลข้างเคียงเดิมๆจากการทานแคปซูนต่างๆที่บิดานำมาให้  

    แต่แล้ว!!อาการปวดหัวไดัประทุขึ้น คราวนี้อาการนั้นกลับ รุนแรง ปวดร้าว กว่าเดิม  

    ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน!

    “อ๊ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงตะโกณกึ่งก้องดังขึ้นในไม่กี่วินาทีถัดมา เด็กชายทรุดตัวนอนลงกับพื้นอย่างไม่สามารถเก็บอาการได้ มือทั้งสองข้างเกาะกุมหัวจนเองหวังเพื่อช่วยลดอาการปวดหัว แต่ไม่ได้ผล อาการปวดจี้กับขยายอาณาเขตุมากยิ่งๆขึ้น  

    “ผลัก!!!”ประตูบานแข็งแกร่งได้ปิดออกบ่าวรับใช่คนสนิดของเด็กชายก้าวเข้ามาในห้อง

    “นายน้อย!!”บ่าวอุทานเสียงดัง ขวักเข็มฉีดยาที่เตรียมไว้ออกจากกระเป๋าเสื่อแล้ว ฉีดสารสีเขียวอมแดงลงบนร่างที่ดิ้นร้าของนาย

    ฉับพลันอาการดังกล่าวของเด็กชายหยุดลง  ร่างเด็กชายนอนสงบ จังหวะหายใจปกติ หลับใหล่ลงสู่นิทรา

    นิทราแรก……  ที่เด็กชายหลับสนิท





    “กระผมว่าเราควรหยุดเรื่องนี้เสียทีนะขอรับ” บ่าวคู่ใจนายน้อยบอกนายใหญ่

    “แต่ลูกฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมิใช่รึ”ผู้เป็นนายใหญ่เถียง

    “แต่นายท่าน บุตรของนายท่านไม่มีความต้อการสิ่งเหล่านั้นเลย”บ่าวแจกแจง”นายน้อยจะไม่มีความสุข หาก…”

    บ่าวพูดไม่จบประโยคเมื่อ…..

    นายใหญ่มองสำรวจบ่าวอย่างตำหนิ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งฟังดูเยือกเย็น“ฉันเป็นพ่อ ฉันย่อมรู้ว่าอะไรดี และเหมาะสมมากที่สุดสำหรับลูกชายคนเดียวของฉัน” นายใหญ่หยุดเว้นวรรค “นายอย่าทำให้ฉันโกรธ”

    ผู้เป็นบ่าวเงียบ ถ้าไม่เป็นเพราะสมุดบันทึกของนายน้อย ที่เขาเผลออ่านไปโดยมิขออณุญาติด้วยเหตุจำเป็น คงมิทำให้เขาเกิดอาการร้อนใจมากขนาดนี้



    iIiIiIiIiIiIiIiIiIiIiIiIiIPIiIiIiIiIiIiIiIiIiIiIiIiIi

    อิอิ ยังไม่จบอ่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×