ตอนที่ 5 : ความรู้สึก
บทที่ 4
“เสร็จแล้ว กูว่าเรารีบไปกันเถอะ”
“อืม” ลาเต้ พยักหน้าตอบรับ
เขาทั้งสอง เดินขึ้นรถไป เสียงรถแล่นออกไปจากหน้าบ้านคีตะ บรรยายภายในรถช่างดูเงียบผิดปกติ ตั้งแต่ที่มันล้มทับผม ดูมันเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้ เงียบมาตลอดทาง ปกติมันจะต้องคุยกับผมบ้างสิ หรือไม่ก็กวนตีนผม สถานการณ์แบบ อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หาอะไรทำดีกว่า เพื่อสร้างบรรยายภายในรถไม่ให้ดูเงียบจนเกินไป
“เออ..รู้สึกเงียบๆ กูขอเปิดวิทยุฟังหน่อยละกันนะ” คีตะ เอื้อมมือไปเปิดวิทยุฟัง
“สวัสดีค่ะ คลื่น...fm วันนี้เราจะมาพูดถึงความรักของเพศที่ 3 กันนะคะ สมัยนี้มีการเปิดตัวกันอย่างกว้างขวาง ความรักของเพศที่ 3 ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน ความรักก็คือสิ่งสวยงาม สมัยนี้มันไม่มีแบ่งเพศแล้วค่ะ ถ้าใครเป็น ก็ควรที่เปิดเผยออกมา มันจะทำให้เรามีความสุขกับสิ่งที่เป็น ดีกว่าปกปิดนะคะ จะอึดอัดเสียเปล่า”
หึ!! ความรักของเพศที่ 3 อะไรกัน รีบเปลี่ยนคลื่นดีกว่า กลัวมันจะมีอะไรไปมากกว่านี้ คีตะรีบกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุไปอีกคลื่น
“สวัสดีค่ะ ความรักของชายรักชายไม่ถือว่าเป็นความรักที่ผิด ขอแค่คุณมีความรักและมีความเข้าใจให้กัน มันก็เกิดพอแล้วค่ะ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะว่ายัง”
เวรเถอะ วันนี้ทำไมวิทยุมีแต่พูดเรื่องความรักของเพศที่ 3 ว่ะเนี่ย วันนี้เป็นวัน ความรักของเพศที่3 หรอไงว่ะ ถึงเปิดคลื่นก็เจอเรื่องแบบนี้
“กูว่า ไม่ฟังดีกว่าเนอะ นั่งอยู่เงียบดีๆ ๆ กว่า” คีตะ รีบกดปิดวิทยุทันที ก่อนจะค่อยๆ หันหน้าไปมอง ลาเต้ที่กำลังขับรถอยู่ มันจะได้ยินสิ่งที่เราเปิดไปเมื่อกี้เปล่าว่ะ มันยิ่งไม่ปกติอยู่ด้วย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางทีมันก็เหมือนคนชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว บางทีมันก็เหมือนคนค่อนข้างโรคจิต ตกลงมันเป็นคนแบบไหนกัน ผมจ้องมองหน้ามันด้วยความสงสัย มันหันมาสบตาของผม ผมสะดุ้งตกใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กูขอถาม อะไรมึงหน่อยได้ป่ะ” ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความสงสัย
“มีอะไรวะ ถามมาดิ”ผมนั่งฟังคำถามของมันอย่างใจจดใจจ่อ
“มึงมีแฟนป่ะ” ผมรู้สึกตกใจกับสิ่งที่มันถามผมมาแบบนี้ จู่ๆมันก็มาถามผม แปลกซะมัด
“มึงคิดว่ากูมีไหมล่ะ” ผมตอบกวนมันกลับไป
“ไม่...ต่อให้มึงมี กูก็จะทำให้มึงไม่มี”
“ทำไมวะ”
“คือว่ากู...กูเป็นคู่หมั้นของมึงไง แล้วก็จะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ด้วย มึงห้ามมีแฟนเด็ดขาด” มันจะเข้าใจคิดว่าผมหวงมันไหมเนี่ย แต่คงไม่รู้หรอก ไอ้คีตะมันโง่จะตายไป
“มึงห้ามมาสั่งกู กูจะมีไม่มีมันก็เรื่องของกู แล้วที่เรื่องงานแต่งงานนั้น มันก็เป็นเรื่องของพ่อแม่มึงกับกูที่เขาตกลงกันไว้เท่านั้น มึงกับกูก็ไม่ได้รักกัน แล้วกูก็จะไม่มีวันรักมึงด้วย”
“อืม..ตามใจมึง กูคงห้ามความคิดมึงไม่ได้” เสียงรถหาเสียงขับผ่าน “ถ้าวันหนึ่งกูเผลอรักมึงขึ้นมา มึงจะว่าอะไรกูไหม”
“มึงพูดอะไรมานะเมื่อกี้ กูไม่ค่อยได้ยินว่ะ เสียงมันดัง”
“โปรดเลือกเบอร์ 1 พวกเราสัญญาจะดูแลประเทศให้ดี”รถหาเสียงขับผ่านไป
“เปล่านิ” อะไรของมันกันว่ะ เมื่อกี้ผมก็เห็นมันอ้าปากพูดอยู่ มันนี่ชอบทำตัวพิลึกคนซะมัด หลังจากนั้นมันก็นั่งเงียบมาตลอดทางจนถึงมหาวิทยาลัย
คนบ้าอะไรคล้ายหุ่นยนต์ซะมัด นึกจะพูดก็พูด ไม่พูดก็เงียบเหมือนคนใบ้ ผมละเหนื่อยใจกับมันจริงๆ นี่ผมจะต้องแต่งงานกับผมแบบนี้จริงๆงั้นหรอ
“กูไปล่ะ” ผมกำลังจะก้าวหาออกมาจากประตูรถ ก็ถูกไอ้ลาเต้มันจับที่แขนของผมไว้ก่อนจะกระชากหน้าผมเข้าไปใกล้ๆ หน้ามัน ปากของมันกับผม โดนกันโดยไม่ได้ทันตั้งตัว ผมค้างปากไว้อยู่อย่างนั้น
“ปากของมึงนุ่มจัง”
“เฮ้ย...นุ่มบ้าอะไรของมึงว่ะ” ผมผลักมันออกไปจากตัวของผม ก่อนจะรีบปิดประตูรถ แล้วเดินออกไป โดยไม่หันมองกลับมามอง
“ นี่ผมทำบ้าอะไรของผมไปว่ะเนี่ย หรือผมเผลอชอบมันไปแล้ว” ผมนั่งครุ่นคิดอยู่บนรถ นาน 2นาน ความรู้สึกของผมมันค่อนข้างสับสน นี่ผมรักมัน หรือแค่อยากแกล้งมันให้หัวเสีย โอ๊ยยย ลาเต้ ทำไมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
คณะศิลป์กรรมศาสตร์
ผมรู้สึกไม่พอใจ กับเหตุการณ์เมื่อกี้ ที่ไอ้ลาเต้ มันจูบผม มันทำแบบนี้กับผมได้ไง โอ๊ย..คีตะ ดันเสียจูบแรกไปให้กับผู้ชาย ใครรู้ต้องอายแทบพลิกแผ่นดินหนีแน่ ผมนั่งกุมขมับ อยู่โต๊ะอาหารของตึกคณะ
“เป็นอะไรวะคีตะ ทำหน้าเครียดแต่เช้าเลย” คัตเตอร์ ไอ้เพื่อนตัวดี มันกำลังจ้องหน้าผมด้วยความเป็นห่วง
“มึงจำคนที่เดินชนกูที่อยู่ คณะแพทย์ได้ป่ะ”
“จำได้ มีอะไรหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า.....”
“อืม...มันเป็นคู่หมั้นกูตอนเด็ก”
“ห่ะ จริงดิกูว่าแล้วทำไมมันถึงรู้จักมึง มันดูเปลี่ยนไปมาก จากตอนที่มันเป็นเด็ก ดูดีๆ มันหล่อขึ้นกว่ามึงอีกนะ”
“กูหล่อกว่ามันอีกโว๊ย คือ....วันนี้ตอนเช้า ปากของกูกับมัน โอ๊ยไม่อยากพูดออกมาโว๊ย เครียด”พอผมนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ทีไร มันทำให้ผมเครีดยเอามากๆ
“จูบกันหรอว่ะ 555 แบบนี้มึงก็เสียจูบแรกให้กับผู้ชายไปแล้วสิ ความบริสุทธิ์ของมึงแทบจะไม่มีเหลือแล้ว”
“มึงก็พูดเวอร์ไป มันเป็นอุบัติเหตุโว๊ย” ผมรู้สึกไม่พอใจ ที่คัตเตอร์มันพูดแบบนี้กับผม
“เอาน่ามึง จะมานั่งเครียดทำไมว่ะยังไงมันก็เป็นคู่หมั้นมึง ทำแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก นอกจากจะทำอย่างอื่นมากกว่า มึงก็ระวังตัวให้ดีๆ ล่ะกัน ระวังจะเสียประตูหลังไปโดยไม่รู้ตัว 55++” ไอ้คัตเตอร์ นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในมหาลัยวิทยาลัยนะ ผมต๋อยมันไปนานแล้ว มันก็พูดได้นิ มันไม่ได้โดนจับแต่งงานเหมือนกับผม ผมได้แต่ใช่สายตาจ้องหน้ามันเขม็งด้วยความไม่พอใจ
"อย่าให้มึงโดนเหมือนกูบ้างนะ กูจะสมน้ำหนักให้"
"ไม่มีทางหรอกโว๊ย"ดูมันทำน่าสิยิ้มเยาะเย้ยผมอยู่นั้นแหละ
คณะสัตวแพทยศาสตร์
“ตุ๊บ” ร่างของหญิงสาว กระแทกล้มลงไปอยู่บนพื้น
“ขอโทษนะ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่ม ส่งมือไปช่วยให้เธอลุกขึ้นมา เธอปัดมือชายคนดังกล่าวออก
“มาลองดูเองไหมล่ะ เจ็บซะมัด” เธอหันไปต่อว่า ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอ สายตาเธอมองจับจ้องไปที่เขา ด้วยแววตาที่เป็นประกาย ผู้ชายคนนี้ หล่อ เท่ ชะมัด หญิงสาว หน้าตาน่ารัก ดวงตาสีน้ำตาล ผมยาวดำตรง ใส่แว่นตา ยิ้มด้วยความเขินอาย
“เอ่อ..ไม่เป็นอะไรคะ ขอบคุณนะคะ ว่าแต่เธอชื่อ” หญิงสาวเปลี่ยนเป็นเสียงสองทันที จากที่ทำตัวก้าวร้าว กลายเป็นคนนุ่มนวลขึ้นมา
“ลาเต้ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับ พร้อมกับรอยยิ้ม
“ลาเต้หรอ ชื่อน่ากินจัง เอ่อ...ไม่ใช่แหละ เราชื่อว่า โชระ นะ เรียนอยู่คณะสัตวแพทย์นี้แหละ” เธอยกมือไปทำความรู้จัก ลาเต้มองไปที่มือเธอด้วยความประหลาดใจ อะไรของผู้หญิงคนนี้นะ ยังไม่ทันที่ลาเต้จะทำความรู้จักกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็ถูกหญิงสาว รูปร่างหน้าตาดี ผมยาวสีน้ำตาลลอน เดินเข้ามาตรงที่พวกเธอกับเขายืนอยู่ ก่อนจะจับมือทำความรู้จักแทน เธอส่งยิ้มหวานกลับไปให้หญิงสาวอีกคน
“ไง โชระ” เธอพูดด้วยที่น้ำเสียงที่ดูคล้ายๆ ว่าจะเป็นมิตร โชระ มองเธอด้วยแววตาริษยา
“ไง..มิริน สบายดีไหม” เธอ กดไปที่มือของมิรินอย่างแรง ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งสอง จ้องตากันเขม็ง มิริน สะบัดมือออก พร้อมกับเฉยผมขึ้นมา
“สบายดีสิ ว่าแต่มาอยู่อะไรตรงนี้ ไม่ไปหาแฟนเธอหรอไง” น๊อย..นังนี่แก่กล้ามาพูดตัดหน้ากับฉันแบบนี้ได้ไงกัน
“แฟนอะไรของเธอ ฉันไม่มีสักหน่อย”
“อ่อหรอ ลืมไปเลย ว่าเธอไม่มีแฟนแต่แค่เธอมีคนคุยเยอะใช่ไหมล่ะ” นางมิริน แก่กล้ามาหักหน้าฉัน แก้จะต้องไม่เจอดีแน่
“งั้นไว้ เจอกันใหม่นะ ลาเต้ พอดีเรามีเรียนต่อ” คอยดูสิ ฉันจะเอาลาเต้มาเป็นแฟนให้ได้ ดูสิฉันกับมันใครจะร้ายกว่ากัน แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว ยัยมิริน
“เมื่อกี้ใครครับพี่มิริน” ลาเต้ หันไปถามมิริน
“อ่อ..อย่าไปสนใจเลย นางก็แค่ชะนีร้องหาผัวแค่นั้นแหละ แกต้องระวังนางนี่ไว้ให้มากเลยรู้ไหม มันร้ายกว่าที่เราคิดอีกเยอะ”
“ครับ”
“ว่าแต่ แกมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฉันฟังไหม”
“คือว่าตอนนี้ผมรู้สึกสับสนตัวเองครับ” ก็มีแต่พี่มิรินนี่แหละที่ผมกล้าถามให้คำปรึกษา พี่เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของผม ผมไม่ไว้ใครนอกจากพี่เขา
“เรื่องคู่หมั้นของแกใช่ไหม แกคงสับสนว่าแกรักคู่หมั้นแกหรือเปล่า”
“ใช่ครับ ตอนแรกผมแค่กะจะแกล้งมันเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูกเวลาที่อยู่กับมัน”
“แกลองเปิดใจแกรู้สิ อย่าไปปิดกั้นความรู้สึกของแก แล้วแกจะรู้คำตอบทั้งหมดเอง”
“ขอบคุณนะครับพี่มิริน พี่นี่เปรียบเหมือนแม่ของผมอีกคนเลย”
“แม่บ้าอะไรของแก ฉันยังสาวยังสวยอยู่นะ ฉันอายุแก่กว่าแกแค่ปีเดียวเอง รีบไปเรียนกันเถอะ ที่ฉันต้องมาลงทะเบียนเรียนใหม่เป็นเพราะแกเลยนะเนี่ย”
“ครับๆ ผมจะไม่ว่าอะไรพี่แล้ว” ต่อไปนี้ผมต้องไม่ปิดกั้นหัวใจของตัวเอง ทีนี้แหละผมจะได้รู้สักที ว่าผมคิดยังไงกับคีตะกันแน่ ผมต้องหาวิธีใกล้ชิดมัน เพื่อพิสูจน์หัวใจของผม
คณะศิลปกรรมศาสตร์
“มึงพอจะมีวิธีไหน ให้มันเลิกยุ่งกับกู แล้วล้มงานแต่งนี้ไปว่ะ”
“กูว่านะ มึงต้องอยู่ห่างๆ มัน ทำตัวน่าเกลียดหน่อย เพราะมันเรียนหมอน่าจะรักษาความสะอาด ทำตัวแบบที่มันไม่ชอบ อะไรแบบนี้ เดียวมันก็ทนไม่ไหวยกเลิกไปเองแหละ”
“เออ ก็จริงของมึงว่ะ กูจะลองทำดูละกัน”
“แต่มึงอย่าไปใจง่าย เชื่อมันง่ายล่ะ มึงนี่ยิ่งซื่อๆ อยู่ มันบอกอะไรมึงอย่าเผลอไปทำตามมันละ”
“เออกูรู้แล้วน่า” คราวนี้แหละ ผมจะต้องใจแข็ง ไม่เชื่อมันง่ายๆ ผมจะทำให้มันยกเลิกงานแต่งงานนี้ไปให้ได้ สู้โว๊ยคีตะ
บางคนอยากจะเข้าใกล้เพื่อพิสูจน์หัวใจของตนเอง
ส่วนบางคนอยากจะหนีออกห่างเพราะกลัวความจริง
สุดท้ายเรื่องแบบนี้ต้องใช้ความรู้สึกเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
