คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ความจริง..(กับสิ่งที่ไม่คาดคิด)
คณะวิศวกรรมศาสตร์
(หอประชุม)
ชายหนุ่มร่างใหญ่กวาดสายตาไปยังกลุ่มนักศึกษาชาย ปี 1 กำลังนั่งสุมหัวพูดคุยกันอยู่ประมาณ 4-5 คน อย่างไม่เกรงกลัวคนที่มีอำนาจใหญ่ที่สุดในนี้ เขาหันมองไปยังตุลย์รองประธานคณะให้จัดการแทนตน เมื่อตุลย์เห็นดังนั้นจึงพยักหน้ารับ ก่อนลุกยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปยังกลุ่มรุ่นน้องท่าทางน่าเกรงขาม
พฤติกรรมของเขาถูกจับจ้องโดยนักศึกษาสาวปี 1 ที่ต่างพากันชื่นชมในความหล่อเหลาเท่ของตุลย์ พวกเธอต่างพูดชมเขาอย่างไม่ขาดปาก
“พี่ตุลย์เท่ซะมัด”
“นั้นสิเนอะ ฉันละอยาก....” หญิงสาวเลียปากช้าๆ ท่าทีหื่นกระหาย จนเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างมองเธอเป็นตาเดียว
“อยากอะไรยะแก”
“อยากทำความรู้จักพี่เขาไง”
“อ่อ” เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างพากันโล่งใจ
ตุลย์ทำหน้าเคร่งขรึมยืนกอดอกอยู่ข้างหลังรุ่นน้อง เขายืนมองอยู่สักพัก แต่ทว่ารุ่นน้องกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“จะคุยกันอีกนานไหม” น้ำเสียงดุดัน ส่งผลให้กลุ่มรุ่นน้อง ปี1 ต้องหยุดคุยลง พร้อมเงยหน้าขึ้นมองตุลย์ ที่กำลังยืนมองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ พวกเขาจ้องมองหน้าไปกันมา ไม่ตอบโต้ใดๆ กลับ
“ออกไปวิ่งรอบสนาม 10 รอบ เดี๋ยวนี้”
สิ้นเสียงคำสั่งลงโทษนั้น ได้มีชายหนุ่มในกลุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืน เขาเดินเข้ามาหาตุลย์อย่างไม่หวาดกลัว พร้อมสีหน้านิ่งเรียบเฉย “ได้ครับ พี่ตุลย์” เขาพูดเน้นชื่อตุลย์ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นทำหน้าตายี่ยวนกวนประสาทอีกฝ่าย ชายหนุ่มยอมทำอย่างง่ายดาย โดยไม่โต้เถียง ก่อนวิ่งออกไปยังนอกตัวอาคาร โดยมีเพื่อนๆ ลุกวิ่งตามเขาไปไม่ห่าง
“ไอ้เด็กชื่อซัน เนี่ย ร้ายกาจใช้ได้เลยวะ” ต่อประธานรุ่นเดินเข้ามา โอบไหล่ตุลย์ เพราะเขาไม่เคยเห็นรุ่นน้องคนไหน กล้าปีนเกลียวกับพวกเขา
“แล้วไงวะ” ตุลย์ ไม่สนใจคำพูดต่อ ก่อนเดินเข้าไปในห้องประชุม ที่มีเพื่อนๆ ของเขานั่งเล่นกันอยู่ภายในห้อง ตามมุมต่างๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอปรากฏกชื่อตาล เขากดรับลงไป
“ว่าไงครับตาล” ตุลย์นั่งลงไปยังเก้าอี้ โดยมีสายตาปาล์มมองเขาอยู่ห่างๆ
{ห้ามลืมนะ วันนี้เรามีนัดกัน}
“ครับๆ เดี๋ยวประชุมเสร็จจะไปรับนะครับ”
ตุลย์วางโทรศัพท์ลง สีหน้าของเขาดูมีความสุข เมื่อได้คุยกับตาล ปลายนิ้วสัมผัสไปยังหน้าจอ ค่อยๆ เลื่อนอ่านโพสที่มีผู้คนแท็กเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นคำพูดชื่นชม ในเชิงทางบวก มีเพียงส่วนน้อยนิดที่ต่อว่า แต่เขากลับแค่มองมันแล้วเลื่อนผ่าน ไม่ตอบโต้ใดๆ กลับไป
โพสต์หนึ่ง พึ่งโพสต์ไปเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทำให้ตุลย์ต้องหยุดอ่านมัน [ชายหนุ่มดีเจ เสียงหล่อ เขาคือใครกันนะ ทำไมฉันต้องรู้สึกตกหลุมรักเขาด้วย อยากรู้จังเขาคือใคร] แนบรูปเสาไฟฟ้าที่มีลำโพงติดไว้ คอมเมนต์ [นั้นสิ ฉันก็อยากรู้ ถ้าฉันรู้นะฉันจะขอเขาเป็นแฟน] [เขาต้องเป็นของฉันย่ะ] สาวๆ ต่างพากันมาคอมเมนต์จำนวนมาก ตุลย์เลื่อนอ่านทีละข้อความ ก่อนปิดโทรศัพท์ลง
“ไอ้ตุลย์ เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ กับน้องต่าย” ต่อที่พึ่งทำกิจกรรมคณะเสร็จเดินเข้ามาพร้อมกับคำถาม ซึ่งทุกคนภายในห้องต่างอยากรู้ พวกเขาหันมองตุลย์เป็นสายตาเดียวกัน
เมื่อตุลย์ได้ยินดังนั้น ถึงกลับนั่งเงียบไปชั่วครู่ สีหน้าเริ่มถอดสี ถ้าเกิดเขาเล่าเรื่องเมื่อวานตอนความจริงไปละก็ มีหวังเพื่อนๆ ต้องถามชักถามเขาไม่หยุดแน่
“เออ คือว่า เมื่อคืนพอน้องเขาไปถึงห้องกูแล้ว น้องเขาบอกว่ามีธุระด่วนวะ เลยขอกลับไปก่อน”
“โถ่อะไรวะ” เพื่อนๆ ต่างรู้สึกเสียดาย ที่ตุลย์พลาดโอกาสครั้งนี้ไป เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ต่าย ดาวคณะ นิเทศ ปี1 จะยอมไปกับผู้ชายต่างคณะ
“เซ็งวะ คิดว่าวันนี้จะมีเรื่องมาเล่าให้พวกกูฟังซะอีก” ต่อชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนเดินไปคุยกับเพื่อนๆ อีกกลุ่ม ตุลย์ได้แต่นั่งยิ้มเจือๆ ก่อนถอดหายใจยาวอย่างโล่งอก ที่เขาไม่โดนเพื่อนเซาซี้ถามไปมากกว่านี้
“คืนนี้ว่าไงมึง ไปกับพวกูไหม” ปาล์ม ที่นั่งมองตุลย์อยู่นานเดินเข้ามาถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เพื่อรอฟังคำตอบ
“ไม่อ่ะ วันนี้กูมีนัดกับตาลแล้ว”
“อีกแล้วหรอวะ ไอ้ตุลย์ ว่าแต่ทำไมช่วงนี้มึงชอบหายหัวกลับห้องไปบ่อยๆ จังวะ พวกกูชวนไปไหนก็ไม่ไป กูอยากรู้แล้วสิ ว่าในห้องมันมีอะไรดี”
“ไม่มีอะไรหรอกมึง ช่วงนี้กูแค่รู้สึกไม่อยากไปไหนเท่านั้นเอง เออนี้ก็ถึงเวลาละ กูไปหาตาลก่อนนะ” ตุลย์จับกระเป๋าเป๋สะพานข้าง ก่อนลุกเดินออกจากห้อง ปล่อยให้ปาล์มนั่งอยู่ลำพัง สีหน้าและแววตาของเขาเริ่มเศร้าลง เขามองตุลย์ไปจนลับสายตา
“ไอ้ปาล์ม ไปกันเถอะมึง” เสียงณัฐ เอ่ยเรียกพร้อมเดินเข้ามาหา ปาล์มเงยหน้ามองเพื่อนชาย ก่อนพยักหน้ารับอย่างเซ็งๆ แล้วลุกเดินตามไป
คณะนิเทศศาสตร์
เวลา 15.30 น.
“วันนี้ง่วงซะมัด อาจารย์ก็สั่งงานเยอะอีก” บาสบ่นพึมพำ เดินลงมาจากตึกคณะนิเทศ
“นั้นสิวะ แถมส่งพรุ่งนี้อีก คืนนี้กูไม่ได้นอนแน่” กันต์พูดเสริม ก่อนหันไปมองคิมที่กำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองหน้าจอโทรศัพท์ กันต์เห็นเช่นนั้นถึงกลับมองบนใส่เพื่อนสนิท
“เออวันนี้กูมีธุระ ไปกินข้าวกับน้องน้ำใส วะ”
“แล้วงานละ มึงจะให้พวกกูทำกันอยู่2 คน”
“กูไปแป๊บเดียว เดี๋ยวถ้ากูกลับห้องแล้วจะวิดีโอคอลไปช่วยงานพวกมึงนะ” กันต์กับบาสหันมามองหน้ากันก่อนทำหน้าเหนื่อยใจ ที่คิมพูดแบบนี้อีกแล้ว เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองต้องรับชะตากรรมทำงานกลุ่มโดยไม่มีคิม ถ้าไม่มีคิมอยู่ในกลุ่มพวกเขาคงพรีเซ้นต์กันไม่รอด เลยต้องยอมคิมเอาไว้ก่อน
“เออๆ ก็ได้วะ งั้นกูไปแหละ”
ในระหว่างที่พวกเขากำลังแยกย้ายกับห้องอยู่นั้น ตาล ดาวคณะรุ่นพวกเขา ได้เดินผ่านหน้าไป ก่อนจะมีรถหรูสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าเธอ คนขับก้าวลงมาจากรถเดินมาเปิดประตูรถให้กับเธอ สายตาพวกเขาทั้ง 3 มองไปยังชายหนุ่มคนนั้นสีหน้าตื่นตกใจ
“เฮ้ย นั้นมันไอ้ตุลย์ นิ” บาสพูดขึ้น
“อืม ใช่” กันต์ ตอบกลับใบหน้านิ่งเฉย เพราะเขาเคยเจอตุลย์อยู่กับตาลมาก่อน และนั้นคงเป็นสาเหตุหลักที่เขาไม่กล้าทำตามสิ่งที่บาสและคิมพูด
“2คนนั้นเป็นแฟนกันหรอวะ” บาสยังคงถามต่อด้วยความสงสัย
“มึงอยากรู้ก็ไปถามมันเองสิวะ กูกลับห้องก่อนนะ” กันต์ตอบบ่ายเบี่ยงไป ก่อนจะขอตัวกลับห้อง
“ถ้ามึงอยากรู้ ก็ตามไปดูสิไอ้บาส” ยังไม่ทันที่กันต์ จะก้าวขาเดินออกไป ขณะนั้นมือหนาๆ ของคิมได้จับแขนของเขาไว้แน่นและออกแรงดึงแขนกันต์ให้เดินไปยังโรงรถพร้อมกับตน โดยมีบาสดันหลังกันต์ให้เดินตามคิมไป อย่างทุลักทุเล
กันต์พยายามขัดขืนสะบัดตัวเองออก แต่เขากลับสู้แรงเพื่อนทั้งสองไม่ไหว ร่างบางถูกผลักให้เข้าไปในรถ ก่อนที่บาสจะเข้าไปนั่งข้างกันต์ คิมรีบล็อคประตูลงทันที เมื่อเห็นกันต์มีท่าทีไม่ยอมไปด้วยง่ายๆ
“อะไรวะเนี่ย ปล่อยกู กูจะกลับห้อง” กันต์พยายามกระชากประตูรถให้เปิดออก เพื่อนทั้งสองต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา
“ไอ้กันต์ มึงเลิกโวยวายได้แหละ เพราะยังไงกูก็จะไม่ยอมให้มึงลงไปจากรถเด็ดขาด” คิมพูดเสร็จ ก่อนจะเร่งเครื่องแล้วขับรถตามตุลย์ไปไม่ห่าง
“แล้วทำไมต้องพากูไปด้วยวะ กูไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันสักหน่อย” กันต์ชักสีหน้าไม่พอใจ ต่อว่าเพื่อนทั้งสองมาตลอดทาง
“มึงไม่อยากรู้ แต่พวกกูอยากรู้โว้ย”
“แล้วไหนไอ้คิม มึงบอกว่าจะไปหาน้องน้ำใสไง”
“เรื่องนั้น กูเคลียร์ได้โว้ย เอาเรื่องมึงก่อนเถอะ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” กันต์เอนหลังไปพิงเบาะรถ พร้อมหายใจฟีดฟัด อย่างไม่พอใจ ที่บาสและคิมพาเขามาด้วยอย่างไม่เต็มใจ
รถหรูคันสีดำถูกขับมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งในตัวเมือง พวกเขาเลือกจอดรถให้ห่างจากตุลย์ไป ประมาณ 5คัน เพื่อไม่ให้ตุลย์สงสัย สายตาจับจ้องมองไปยังเขาและเธอ ขณะ กำลังเดินเข้าไปยังในห้าง พวกเขาทั้งสาม สะกดรอยตามอย่างไม่ให้คาดสายตา โดยมีกันต์ยืนทำหน้าเซ็งอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งสอง
ตุลย์และตาลเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านเค้กเจ้าดังแห่งหนึ่ง ตาลก้มลงไปเลือกเค้กตรงหน้า โดยมีตุลย์ยืนอยู่ข้างๆ เธอไม่ห่าง เขาและเธอต่างหันมาพูดคุยกันท่าทางสนิทสนม
บาสคิมและกันต์ แอบมองพวกเขาผ่านหลังเสาใหญ่ “คราวนี้พวกมึงก็รู้แล้วนะว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน” กันต์พูดขึ้น เพื่ออยากให้เพื่อนหยุดตามเสียที
“ถ้าเกิดไม่ใช่ละ มึงจะยอมทำตามที่พวกกูบอกไหม” คิมพูดสวนขึ้นทันที ทำให้กันต์สะอึกเล็กน้อย เขายืนนึกอยู่ชั่วครู่ โดยมีสายตาเพื่อนๆ ยืนรอฟังคำตอบ
“ได้สิวะ กูจะทำก็ได้” กันต์ ตอบอย่างมั่นใจ เพราะเขาคิดว่า ยังไงสองคนนี้ต้องเป็นแฟนกันตามที่เขาสันษิฐานเอาไว้ไม่ผิดแน่
“มึงจำคำพูดมึงไว้นะไอ้กันต์” กันต์พยักหน้ารับ เพื่อนทั้งสอง
อีกด้าน ตุลย์และตาลที่พึ่งเลือกซื้อเค้กเสร็จ เขาและเธอได้พากันเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น โดยมีตุลย์ถือเค้กให้อีกฝ่าย เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจเดินตามเข้าไปในร้าน เลือกโต๊ะด้านหน้าแถวแรก ซึ่งตอนนี้ตุลย์กำลังนั่งดูเมนูอยู่โต๊ะที่สองข้างหลังพวกเขา
โซฟาสีแดงสองตัวติดกันหน้าหลัง โดยกันต์เลือกนั่งพิงโซฟาซึ่งมีตุลย์นั่งพิงโซฟาอยู่อีกฝั่ง และมีบาสนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนคิมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ขอบคุณนะตุลย์ ที่พาตาลมาเลือกซื้อเค้ก” เสียงหญิงสาวพูดขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกตาล แค่เห็นตาลมีความสุขเราก็ดีใจแล้วแหละ”
“แค่ก!!” กันต์ถึงกลับสำลักน้ำเมื่อได้ยินตุลย์พูดเช่นนี้ “แหวะ พูดมาได้”
“งั้นวันนี้เราขอเลี้ยงตุลย์นะ”
“ไม่เอาหรอก จะให้ตาลเลี้ยงได้ไง เราเป็นคนอยากกินเอง ก็เลี้ยงสิ”
“ตุลย์นี้น่ารักกับตาลอยู่เรื่อยเลย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ตาลรักตุลย์ได้ไงเนี่ย” กันต์นั่งแบะปากกลอกตามองบน เมื่อได้ยินประโยคเลี่ยนๆ พวกนี้
เวลาผ่านไปไม่ถึง 15 นาที อาหารที่พวกเขาสั่งก็มาเสิร์ฟ กันต์ที่ไม่ทันระวังตัว ได้ปัดตะเกียบหล่นไปบนพื้น เขาก้มลงเก็บมันอย่างไม่คิดอะไร ซึ่งระหว่างนั้นเอง ได้มีอีกมือหนึ่งก้มลงหยิบพร้อมกัน กันต์หันไปมองคนด้านข้างทำตาปริบๆ ใส่อีกฝ่าย เนื่องจากเขาดันลืมไปเลยว่าตุลย์นั่งอยู่ด้านหลังของเขา
“อ้าวไอ้ปลาทอง มึงมาอยู่นี้ได้ไง” ตุลย์เอ่ยทักทายคนรู้จัก
“เออ...กูก็มากินข้าวไง” กันต์พูดด้วยอารมณ์ฉุดเฉียว เพื่อไม่ให้ตุลย์จับได้ว่าตามเขามา ก่อนจะรีบหยิบตะเกียบที่ตกขึ้น เงยหน้ามองเพื่อนทั้งสองเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เอ๊ะ นั้นมันกันต์ บาส คิม นี้น่า” ตาลลุกขึ้นยืน มองไปยังโต๊ะหนุ่มๆ ทั้ง 3 เมื่อเจอเพื่อนเรียนสาขาเดียวเข้า “ไงพวกเธอมานั่งด้วยกันสิ” เธอส่งรอยยิ้มให้พวกเขาอย่างเป็นมิตร
“ไม่ไปนะโว้ย” ยังไม่ทันที่กันต์จะพูดจบประโยค
“ได้สิ” คิมรีบพูดสวนขึ้นตอบตกลงทันที โดยไม่ฟังกันต์ เขาจับแขนกันต์ยกขึ้นก่อนจะลากไปนั่งร่วมโต๊ะตามคำชวนของตาล บาสรีบยกถ้วยราเมนตามไปไม่ห่าง
กันต์จำใจลุกเดินไปนั่งข้างเดียวกับตุลย์ โดยมี บาสนั่งอยู่มุมโต๊ะ ส่วนคิมเลือกไปนั่งข้างตาลแทน กันต์เอาแต่นั่งเงียบปล่อยให้เพื่อนตัวดีทั้งสองพูดไป เขาคีบเส้นราเมงเข้าปากอย่างไม่สนใจคนรอบข้างเพื่อกินให้มันเสร็จๆ จะได้รีบกลับ
“ไม่รู้เลยนะเนี่ย ว่าตุลย์กับตาลกำลังคบกันอยู่” คิมเปิดประเด็นถามขึ้น
ทั้งตุลย์และตาลเมื่อได้ยินคำถามนี้ขึ้นมา กลับหัวเราะออกมา ทำให้พวกเขาทั้ง3คนต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย “เราว่าคิมเข้าใจผิดแล้วแหละ” ตาลยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะชอบอกชอบใจ
“เข้าใจผิด”
“ใช่ไง ตาลกับตุลย์เป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ เลยสนิทกัน” ตาลตอบกลับ ทำให้ทั้งบาสและคิมใจรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ส่วนกันต์ถึงกับกินราเมนต่อไม่ลง เขาสบตามองเพื่อนๆ ทั้งสอง ที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่
“จริงหรอ ทำไมพวกเราไม่รู้เลยละ” บาสถามกลับด้วยความอยากรู้
“อ่อ พอดี ตุลย์เขาขอไว้นะ เพื่อกั้นสาวๆ มาจีบ”
“ตาลพูดไรเนี่ย” ตุลย์พูดขึ้นอย่างเขินอาย
“ก็มันจริงนี้น่า”
“อ่อ แล้วแบบนี้มึงก็ยังไม่มีแฟนสินะ ไอ้ตุลย์” คิมถามเพื่อให้กันต์ได้ยินชัดๆ เต็มสองหู
“ไม่มีหรอก”
“ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย งั้นแบบนี้ไอ้กันต์ เฮ้ย!! ไม่ใช่ เพื่อนกูคงจีบมึงได้สินะ” กันต์ถึงกลับมองหน้าบาสอย่างไม่พอใจ เขาหยิกไปที่ขาของบาสเต็มแรง “โอ๊ย เจ็บนะโว้ย” บาสรีบปัดมือกันต์ออกทันที บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ณ เวลานี้ต่างพูดคุยกันสนุก เหลือเพียงแต่กันต์ที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยเขี่ยอาหารในถ้วยไปมา
“เออนี่ก็ดึกแล้ว ไงเรารอขอกลับก่อนละกัน พอดีมีธุระต้องไปต่อน่ะ”
“ให้เราไปส่งไหมตาล” ตุลย์ ถามขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกตุลย์ เราให้คิมกับบาสไปส่งเราดีกว่า ส่วนกันต์ยังไงก็กับพร้อมตุลย์อยู่แล้วนิ” เธอมองไปยังบาสและคิม พวกเขาต่างรีบพยักหน้ารับทันที
“ได้สิตาล ไอ้กันต์ มึงพูดอะไรไว้ทำให้ได้ละ พวกกูไปก่อน” พอคิมพูดสั่งเสร็จ เขาจึงรีบตามตาลและบาสออกไปจากนอกร้าน
“เฮ้ย!! เดี๋ยวสิวะ พวกมึง” กันต์ตะโกนตามหลังพวกเขาและเธอ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย “ไอ้พวกบ้า” กันต์เหลือบสายตามองตุลย์ ที่กำลังตักราเมนเข้าปากอย่างสีหน้าระรื่น
ตุลย์ที่เห็นกันต์เอาแต่ก้มหน้า จึงเอ่ยถามขึ้น “อึดอัดหรอไง อยู่กับกูเนี่ย”
“เปล่า ว่าแต่มึงแดกเสร็จยังจะได้รีบกลับห้อง”
“อืมเสร็จละ พี่ครับเก็บเงินหน่อยครับ”
“เอานี่ส่วนของพวกกู” กันต์ หยิบแบงก์พันขึ้นมายื่นไปให้กับตุลย์
“เก็บไว้เถอะ กูเลี้ยง”
“ตามใจละกัน” กันต์ดึงแขนกลับมาก่อนจะใส่เงินให้ที่เดิม
กันต์ลุกขึ้น เดินไปยังนอกร้าน ภายในหัวตอนนี้เขาค่อนข้างสับสน ไม่รู้จะเริ่มจีบตุลย์ยังไงดี เพราะดันหลุดปากออกไปแล้วว่า ถ้าตุลย์ไม่มีแฟน เขาจะยอมทำตามในสิ่งที่บาสและคิมบอก
“นี่ไอ้ปลาทอง รอกูตรงนี้แป๊บนะ”
“อืม”
กันต์ นั่งรอตุลย์อยู่มานั่ง หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น เวลาผ่านไปไม่นานตุลย์ได้เดินกลับมาพร้อมน้ำปั่นสองแก้วถืออยู่ในมือ แต่ก่อนที่เขาจะถึงตัวกันต์ ทว่าได้มีนักศึกษาสาวสวยสองคนเดินเข้ามาหาตุลย์ พวกเธอเดินมาดักหน้าตุลย์เอาไว้
“พี่ตุลย์ใช่ไหมคะ” หญิงสาวปากแดง เอ่ยทักทาย แววตาของเธอเปล่งเป็นประกายเมื่อได้เจอเขา
“ครับ” ตุลย์ตอบกลับหน้านิ่ง มองผ่านหลังพวกเธอไป
“พี่ตุลย์วันนี้ว่างไหมคะ พวกหนูทั้งสองคนจะชวนพี่ไปดูหนังอ่ะคะ” หญิงสาวผมลอนสีดำ ส่งสายตาออดวอนให้ชายหนุ่มไปกับเธอ
“ขอโทษนะครับพอดีแฟนพี่นั่งรออยู่ตรงนู้น”
ตุลย์เดินผ่านพวกเธอทั้งสองไป หญิงสาวสองคนหันมองตามหลังตุลย์ เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้พวกเธอต่างตกใจ แฟนที่ตุลย์บอกกลับเป็นผู้ชายใส่แว่นตัวเล็ก
“แก...”
“เออฉันเห็นแล้ว” ทั้งสองสาวต่างมองหน้ากัน พากันซุบซิบนิทราชายหนุ่มทั้งสอง
“กูซื้อมาให้”
ตุลย์เหลือบมองสองสาวนั้น พร้อมส่งยิ้มให้คนตรงหน้า เขายื่นน้ำชาเขียวปั่นส่งไปให้กับกันต์อีกมือถือน้ำชานมไข่มุกอยู่ในมือ กันต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนรับแก้วน้ำปั่นนั้นมา
“ขอบใจ ว่าแต่มึงรู้ได้เนี่ยว่ากูชอบกินชาเขียวปั่น”
“มึงนี่ขี้ลืม สมกับชื่อปลาทองเลยแฮ่ะ มึงจำไม่ได้หรอไง ว่ามึงเคยเอาน้ำชาเขียวปั่นให้กูกิน” กันต์นึกย้อนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนนี้
“อ่อกูจำได้ละ กูไม่ได้เอาให้มึงกินโว้ย มึงบังคับกูตั้งหาก”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ รีบกลับได้แล้ว กูเป็นห่วงสายไหม”
“เออ” กันต์เบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างหงุดหงิดใจ ใครจะไปคิดละว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
หญิงสาวสองคนที่ยืนดูพฤติกรรมเขาทั้งสองคนอยู่ห่างๆ ต่างยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บเอาไว้
เวลา 21.30 น.
รถสีดำหรูเคลื่อนไปตามท้องถนนอย่างช้าๆ บรรยากาศภายในรถค่อนข้างเงียบชะงัก กันต์เอาแต่นั่งมองออกไปยังนอกกระจกอย่างเหม่อลอย ตุลย์แอบมองกันต์เป็นระยะ แต่ก็ไม่พูดอะไร เขามุ่งหน้าขับรถไปยังคอนโด จนขับมาถึงยังที่จอดรถคอนโด
“ทำไมไม่ออกวะ”
กันต์พยายามปลดล็อกเข็มขัดอยู่นานสองนาน แต่เปิดยังไงก็ไม่ออก จนตุลย์ที่นั่งทนมองไม่ไหว จึงโน้นตัวเข้าไปหา สายตาของเขาทั้งสองต่างสบกัน กันต์หยุดมองดวงตาคู่สวยอย่างหลงใหล ก่อนจะตั้งสติได้แล้วรีบหลบสายตาไป เพราะเขาจะรู้สึกใจเต้นทุกทีเมื่อได้เห็นแววตานั้นทีไร
“ออกละ”
“เออขอบใจ” กันต์ปล่อยเข็มขัดออกจากตัว ก่อนจะเปิดประตูรถออกไป แต่ยังไม่ทันไร แขนของเขาก็ได้ถูกมือของตุลย์จับเอาไว้
“เดี๋ยวสิวะ กูมีเรื่องจะขอมึง” กันต์หันไปมองตุลย์ ที่ตอนนี้มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ขออะไรวะ รีบๆ บอกมา กูมีรายงานต้องไปทำต่อ”
“มึงช่วยแกล้งเป็นแฟนกูได้ไหม” กันต์นั่งอ้าปากค้าง กับประโยคของตุลย์ นี่เขาไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม
“ฮะ!! แกล้งเป็นแฟน มึงพูดบ้าอะไรเนี่ย”
“กูไม่ได้บ้าอะไรทั้งนั้นแหละ กูพูดจริงๆ ตกลงมึงยอมไหม” ตุลย์ทำสีหน้าจริงจัง รอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย
“ทำไมกูต้องแกล้งเป็นแฟนมึงด้วยวะ” กันต์ถามกลับ
“กูมีเหตุผลวะ กูบอกมึงตอนนี้ไม่ได้ กูขอแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น แล้วหลังจากนั้นกูจะย้ายออกจากห้องไปเอง” แววตาตุลย์เศร้าลง เขาไม่กล้าสบตากับกันต์แม้แต่น้อย
“กูขอคิดดูก่อนละกัน เลิกทำหน้าจะตายได้ละ ดูไม่สมกับเป็นมึงเลย”
“เออ กูจะรอฟังคำตอบมึงพรุ่งนี้เช้านะ” ตุลย์ที่เห็นยังมีหวัง จึงมีสีหน้าดีขึ้นมา
“ไม่รีบเลยเนอะ กูขึ้นห้องละ”
กันต์ปิดประตูรถลง ก่อนเดินหันหลัง พร้อมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว
(สิ่งที่คิดอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป)
(มีเวลาว่างจะแต่งลงเรื่อยๆ ยังไงฝากให้กำลังใจด้วยนะคะ)
ความคิดเห็น