คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : แฟนจำเป็น...(ที่ไม่อยากเป็น)
ห้อง 1423
หญิงสาวเริ่มหน้าเสีย เมื่อชายหนุ่มพูดเช่นนี้ ระหว่างนั้นเธอกอดแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สอดสายตามองไปยังพวกเขาทั้งสองอย่างไม่น่าเชื่อถือ
ทางด้านกันต์กลับมีท่าทีสงสัยไม่ต่างจากเธอ เขายืนนิ่ง กะพริบตาปริบๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“อย่าโกรธเขาสิ เขาขอโทษนะที่กลับมาดึก” ตุลย์เริ่มแผนการที่เขาพึ่งคิดได้ตอนขึ้นลิฟต์ เขาพยายามแสดงละครเพื่อให้หญิงสาวเชื่อ
“นี่ พวกพี่สอง 2 คนเป็นแฟนกันหรอค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบา ยืนรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่ใช่ครับ/ใช่ครับ”
ตุลย์เห็นท่าไม่ดี จึงรีบแกะแขนสาวน้อยออก ก่อนใช้ฝ่ามือดันร่างกันต์ให้เข้าไปข้างในห้อง กันต์เดินถอยหลังตามแรงผลักจนร่างไปชนเข้ากับกำแพงห้อง
หญิงสาว จ้องมองทั้งสองอย่างสงสัย เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหนุ่มหล่ออย่างตุลย์จะมีแฟนเป็นผู้ชาย
“ทำอะไรของมึงเนี่ย”
ตุลย์ยืนหน้าเข้าไปใกล้ๆ เหลือบสายตามองหญิงสาวหน้าประตูเล็กน้อย “ถ้ามึงยอมหลอกว่า เป็นแฟนกู พรุ่งนี้กูจะยอมย้ายออกไปอยู่ที่อื่น” ตุลย์กระซิบไปข้างหูกันต์เบาๆ เมื่อกันต์ได้ยินเช่นนั้น ตาแปลงประกายแสงทันที
“จริงๆ นะ” ตุลย์พยักหน้ารับ มันทำให้กันต์รู้สึกมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง “พี่เป็นแฟนมันเองละน้อง” กันต์โอบไปที่ไหล่ของตุลย์อย่างสนิทสนมเพื่อไม่ให้เธอจับได้ เขาพยายามเล่นละครฉากหนึ่งให้จบๆ ไป โดยแลกกับการที่ตุลย์ออกไปจากที่นี้
ทางด้านตุลย์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน เขาโอบไปยังไหล่ดึงร่างกันต์ให้ชิดตัวเองมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เธอสงสัย กันตฝืนยิ้มออกมาทั้งที่ภายในใจกลัวจนตัวสั่น
“หนูไม่เชื่อ ถ้าเป็นแฟนกันจริงหอมแก้มให้ดูก่อนสิ” กันต์กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินดังนั้น
“พี่ว่าไม่ดีมั่ง พี่อายนะ จะมาหอมแก้มต่อหน้าคนอื่นได้ไงกัน” กันต์สะกิดแขนให้ตุลย์พูดต่อ
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ”
“ฮะ!!”
ยังไม่ทันที่กันต์จะได้พูดอะไรต่อ ก็ถูกมือหนาๆ ของตุลย์ ยื่นมาจับใบหน้าของเขา ให้หันมาหาตน กันต์พยายามเกร็งคอจนสุดชีวิตแต่เขากลับสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว ตอนนี้ทั้งสองต่างสบตากัน ตุลย์กระตุกยิ้มขึ้น กันต์ยิ่งนิ่งจ้องมองคนตรงหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาของตุลย์ สะกดให้เขาจ้องมองมัน ริมฝีปากอมชมพู ค่อยๆ ประทับลงที่แก้มนุ่มๆ อย่างแผ่วเบา
ดวงตากันต์เบิกโพลงโต ตัวชา เมื่อได้รับสัมผัสอุ่นๆ นั้น ลมหายใจแทบหยุดไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
“มึงๆ” ตุลย์เห็นกันต์เงียบไปจึงเรียกให้เขามีสติขึ้น
“ฮะ!!” กันต์เอ่ยเสียงเบาๆ เขายังคงช็อกกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ พอเขาเริ่มได้สติ จึงรีบหายใจเข้าอย่างเร็วไว ก่อนจะหันมาสวมบทละครฉากนี้ต่อ “ตัวเองอ่ะ ชอบทำแบบนี้กับเขาอยู่เรื่อยเลย อายนะเนี่ย” กันต์หยิกไปที่เอวตุลย์ 1 ที อย่างเคียดแค้น ตุลย์พยายามเกร็งหน้าสุดฤทธิ์ ก่อนฝืนยิ้มออกมา เพื่อไม่ให้แผนล้ม
“อายทำไม เราก็ทำกันอย่างนี้ออกบ่อยไป”
“นั้นสิเนอะ” กันต์ยืนตัวเกร็งเบี่ยงหน้ามองไปทางอื่น สภาพจิตใจของเขาตอนนี้ย่ำแย่ลงไปทุกที เหมือนวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว
“หนูไม่เชื่อ ไม่จริงอ่ะ” เธอยืนร้องโวยวาย “งั้นพี่2คนจูบกัน ให้ดูหน่อยสิ แล้วหนูจะยอมไป” หญิงสาว พยายามจับผิดพวกเขาทั้งสอง เพราะเธอไม่เชื่อว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆ
“ได้สิ” ตุลย์ตอบอย่างไม่ต้องคิด
“ไม่....” กันต์ที่ไม่ได้ทันระวังตัวอีกครั้ง ได้ถูกสองมือหนาๆ ของตุลย์จับแก้มทั้งสองข้างไว้แน่น พร้อมทำปากจู๋ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ กันต์ยืนยิ่งอย่างหมดทางหนี หัวใจเขากลับเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เขารีบหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว
“พอแล้วค่ะ หนูเชื่อแล้ว ว่าพี่สองคนเป็นแฟนกันจริงๆ ยังไงหนูขอให้พี่2คนรักกันนานๆ นะคะ” หญิงสาวบอกลาพวกเขา พร้อมกลับหันหลังแสดงสีหน้าไม่พอใจ สองมือกำแน่นเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้กริ๊ดออกมาต่อหน้าพวกเขา ก่อนเดินลงลิฟต์ไป
เสียงนั้นช่วยชีวิตให้กันต์รอดจากเงื้อมมือของตุลย์ เขาลืมตาขึ้นมา ก่อนผลักร่างตุลย์ให้ออกห่างตัว ยกมือเช็ดเหงื่อที่เปียกโชกไปทั่วหน้า ภาพเหตุการ์ณเมื่อกี้มันยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจ ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ถ้าเกิดหญิงสาวไม่เชื่อขึ้นมา มีหวังเขาได้ถูกตุลย์จูบจริงๆ
ระหว่างนั้นตุลย์ได้ยื่นหน้ามองออกไปด้านนอกประตู เขามองซ้ายมองขวาเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอไปแล้วจริงๆ ก่อนถอดหายใจอย่างโล่งอก ที่คืนนี้เขาได้รอดพ้นจากผู้หญิงคนนี้สักที
กันต์ทำสีหน้าเคียดแค้น ยืนกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง หายใจฟิดฟัด ด้วยความโกรธ ในขณะที่ตุลย์ กำลังหันหลังกลับมา เขารีบเดินปรีเข้าไปหา
“มึงมานี่สิ” กันต์ ดึงติ่งหูตุลย์บีบขึ้น ก่อนพาเจ้าตัวเดินมายังห้องรับแขก
“โอ๊ย!! เบาๆ หน่อยสิวะ กูเจ็บนะโว้ย” ตุลย์ร้องเอะอะโวยวายเสียงดัง ก่อนยกมือขึ้นมาลูบที่หูอย่างเจ็บปวด
“สม นี่มึงเล่นบ้าอะไรเนี่ย จู่ๆ มาหอมแก้มกู แล้วจะมาจูบกูอีก”
“ก็....ไม่มีอะไรนิ” ตุลย์ตอบกลับหน้านิ่ง
“ไม่มีบ้าไร บอกกูมาเดี๋ยวนี้นะ”
“อืม....ก็ แบบว่าไงดีละ” ตุลย์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กรอกสายตาไปมา
กันต์พยายามกลั้นฝืนทน เขาหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีกวนประสาท “มึงรู้ไหมว่ากูเสียหายนะโว้ย แบบนี้กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ตอนนี้ในหัวของกันต์ต่างคิดเรื่องไม่ดีไว้เต็มหัว เหตุการ์ณเมื่อกี้มันเร็วมาก เขาตั้งรับมันไม่ทัน จึงได้ยอมให้ตุลย์ทำอะไรบ้าๆ ลงไป ต่อหน้าหญิงสาวสวยคนนั้น
“งั้นกูขอโทษด้วยละกัน ที่ไม่ได้ขอ ท่าทีหลังกูจะหอมมึงกูจะขอก่อนละกัน”
“เออ...กูค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เฮ้ย!! ไม่ใช่แหละ มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ ทำไปเพื่ออะไรกันแน่” กันต์พูดคะยั้นคะยอให้ตุลย์พูออกมา สีหน้านิ่งเรียบเฉยนั้นทำให้เขา เดาทางไม่ถูกว่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่
“กูง่วงแหละ ขอตัวไปนอนก่อนนะ” ตุลย์ไม่ตอบคำถามใดๆ เขากลับเมินเฉยใส่อีกฝ่าย เดินผ่านกันต์ไปยังห้องครัว ก่อนอุ้มน้องแมวสุดที่รักขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน “สายไหมเข้าไปนอนกันเถอะ” เขาลูบหัวแมวอย่างเอ็นดู ก่อนเดินไปยังประตูหน้าห้อง
“มึงจะหนีไปไอ้ชานม ไหนมึงสัญญาว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นไง” กันต์พูดทวงสัญญาที่ตุลย์ให้เขาไว้
“เฮ้อ!! กูพูดตอนไหนหรอ ทำไมถึงจำไม่ได้ อ่อแล้วชื่อที่มึงเรียกกูอ่ะ น่ารักดีนะกูชอบ” ตุลย์แสยะยิ้มยียวนกวนประสาทอีกฝ่าย ก่อนเดินเข้าห้องปิดประตูไป อย่างไม่สนใจกันต์แม้แต่น้อย
“เฮ้ย!! เดี๋ยวสิวะ... ไอ้ชานม ไอ้บ้า โดนหลอกไม่เจ็บเท่าไรนะ แต่ดันถูกมันหอมแก้มเข้าด้วยนี้สิ” กันต์ ยกมือขึ้นมาถูที่แก้มแรงๆ เขานั่งทรุดลงเสียใจอยู่โซฟาห้องรับแขก เขามิอาจลืมเรื่องเลวร้ายๆ นี้ไปได้
ตุลย์ค่อยๆ แงบประตูออกมา มองพลาดช่องประตูเห็นกันต์ยังไม่เข้าห้องนอนไป จึงเกิดนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ไอ้ปลาทองที่นั่งตรงนั้นอ่ะ ตอนเช้าปลุกกูด้วยนะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า” เขาพูดเพียงประโยคสั้นๆ ก่อนปิดประตูห้องลง
กันต์ที่กำลังจะอ้าปากต่อว่ากลับอีกฝ่าย ต้องหุบปากลงแทบไม่ทัน เมื่อไม่เห็นตุลย์ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว “โถ่โว้ย” เขากำหมัดแน่น ทุบลงไปยังโต๊ะกระจกด้านหน้า แรงกระแทกทรงผลให้มือเริ่มชา ก่อนความเจ็บปวดเริ่มแทนที่ “โอ๊ย เจ็บ!! เมื่อไรนะ จะหมดเวรหมดกรรมจากไอ้บ้านี่สักที” เขาลุกขึ้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนเดินเข้าไปในห้องนอน ทุบหมอกข้างล่างลงบนที่นอนอย่างบ้าคลั่ง
“ค่อยดูเถอะ จะแก้แค้นคืนให้สาสม”
เวลา 6.00 น.
เสียงนาฬิกาปลุกตั้งขึ้น มือเรียวยกมือขึ้นมาปิด ด้วยท่านอนคว่ำ ก่อนลุกขึ้นมาขยี้ตาสวมใส่แว่นตาคู่ใจ ผ้าม่านถูกเปิดออก การได้รับแสงแดดยามเช้าแบบนี้ จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ได้รับสารเอนโดรฟิน ทำให้อารมณ์ดี แจ่มใส ส่งผลถึงสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งกันต์มักตื่นเวลานี้เป็นประจำ คอนโดของเขาอยู่ใกล้มหาลัย เดินเพียง 15นาทีก็ถึง
กันต์เดินออกมายังนอกริมระเบียง ยืนรดน้ำต้นไม้ที่เขาปลูกไว้ เหลือบมองต้นกระบองเพชรราคาแพง เขารู้สึกพิเศษกว่าต้นอื่นๆ เพราะนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่พี่สาวซื้อให้ หลังจากนั้นไม่เคยซื้อของขวัญวันเกิดให้เขาอีกเลย
“ไงจร้า ตื่นแต่เช้าเลยนะ” เสียงหญิงสาว เอ่ยขึ้นด้านหลัง
“เฮ้ย!! ออโรร่ามาแบบนี้อีกแล้วนะ ผมตกใจหมด” กันต์หันไปมองเธอด้วยสีหน้าตื่น ณ เวลานี้เธอกำลังยืนชื่นชมดอกกุหลาบสีเหลืองที่พึ่งบานอย่างชอบอกชอบใจ
“น่าจะชินได้แล้วนะ เธออ่ะ”
“ให้ผมชินเนี่ยนะ ออโรร่าเล่นโผล่มาไม่ให้ผมตั้งตัวทุกที ดีนะหัวใจผมไม่วายตายไปก่อน” กันต์วางฝักบัวรดน้ำลง ก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ
“ว่าแต่เชื่อฉันหรือยังละว่าเขาคือเนื้อคู่เธอ”
“ไม่อ่ะครับ ผมยังไม่เห็นปานนั้นเลย”
“เฮ้อ!! เธอนี่นะ ดื้อจริงๆ แต่เอาเถอะที่ฉันมาหาเธอวันนี้ มีเรื่องสำคัญจะมาบอกเธอ” กันต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากพฤติกรรมของออโร่ราดูแปลกไป “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอห้ามตกหลุมรักเนื้อคู่เธอเด็ดขาดเข้าใจไหม” กันต์มองหน้าเธอ ทั้งสีหน้าแววตาของเธอตอนนี้ดูเป็นกังวล
“ผมเนี่ยนะ จะตกหลุมรักเนื้อคู่ของผม ไม่มีทางหรอก ถึงจะเป็นไอ้ชานมนั้นอย่างที่ออโรร่าบอกก็ตาม ผมก็ไม่มีวันรักมันเด็ดขาด”
“ดีแล้ว งั้นฉันไปก่อนดีกว่า ขอให้เธอทำสำเร็จนะ” เธอพูดเสร็จก่อนจะหายตัวไป ปล่อยให้กันต์ยืนอยู่เพียงลำพัง เขาเงยหน้าขึ้นไปมองยังท้องฟ้าสีคราม นึกถึงสิ่งที่ออโร่ราพูด ทั้งๆ ที่เขามีเรื่องอยากจะถามเธอมากมาย แต่พออยู่ต่อหน้าเขากลับลืมคำถามนั้นไปเสียหมด
“แล้วถ้าเราเกิดตกหลุมรักเนื้อคู่ของเราขึ้นมาละ มันจะเป็นยังไงกันนะ ทำไมออโรร่าถึงมีสีหน้าแปลกไป” เขากลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนเลิกหยุดคิด แล้วเดินเข้ามายังในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในคาบเช้า
เวลา 7.30 น.
กันต์เดินสะพายกระเป๋าเป๋ออกมาจากในห้องนอน ก่อนมุ่งตรงไปยังตู้ปลาเพื่อให้อาหาร เขาจ้องมองปลาทั้งสอง ที่กำลังว่ายน้ำอยู่
“ดีจัง ที่แกไม่ได้อยู่ตัวเดียวแล้ว ปลาดาว ไข่มุก กินเยอะๆล่ะ” ถึงเขาจะบอกไม่ชอบปลาที่ตุลย์ซื้อมาสักเท่าไร แต่พอบอกแววตาปลาตัวนั้น เขากลับตกหลุมรักมันอย่างไม่ทันตั้งตัว
เท้าที่กำลังจะก้าวขาออกไปจากห้องนั้น หยุดชะงักอยู่หน้าประตู “นี่ไอ้ชานมมันให้เราปลุกมันนิ” กันต์ยืนชั่งใจอยู่หน้าห้องตุลย์นานสองนาน เขายกมือขึ้นเตรียมตัวจะเคาะ ก่อนวางมือลง เผยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เสียงประตูหน้าห้องถูกปิดลง
ตุลย์ที่กำลังนอนหลับขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างไม่รู้สึกตัว เนื่องจากเมื่อคืนเขาดื่มเหล้าไปเยอะพอสมควร ระหว่างนั้นได้มีเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนโต๊ะหัวที่นอน ปลายทางโทรเข้ามาไม่ขาดสาย แมวขนฟูนั่งมองเจ้านายตาละห้อย ก่อนจะเคลิ้มหลับลงไปเช่นกัน
มหาวิทยาลัย......
อาหารเช้าของวันนี้เป็นน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋สำหรับรองท้องไม่ให้หิว กันต์เดินแหว่งถุงเดินเข้ามาภายในรั้วมหาลัย กัดปาท่องโก๋ กินไป 1 คำ กวาดมองสายตาไปรอบๆ มองม้านั่งโต๊ะสีขาวข้างสวนคณะนิเทศที่มีชายหญิงกำลังนั่งพลอดรักกันหวานชื่น เขาได้แต่นึกอิจฉาอยู่ภายในใจ
“ขอโทษนะครับพี่” เสียงใสๆ ของเด็กเฟรชชี่ปี1 ทำให้กันต์ต้องหยุดสนใจทั้งคู่แล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าแทน ชายหนุ่ม หน้าใส สูงราวๆ 180 ซม. ผมสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งเป็นสันหน้าตาจัดอยู่ในเกณฑ์ดี สวมใส่ชุดนักศึกษา ยืนส่งยิ้มมาให้เขาอย่างเป็นมิตร
“ว่าไง” กันต์กัดปาท่องโก๋เข้าปากอย่างไม่เกรงใจคนตรงหน้า ก่อนวางมือลง เลียปากไปมา
“คือผมอยากมาถามทางไปตึกคณะนิเทศหน่อยครับ”
“ไปตึกคณะนิเทศ” กันต์ทวนคำถามอีกครั้ง คนตรงหน้ารีบพยักหน้าตอบรับ กันต์มองผ่านเด็กปี 1ไป เงยหน้ามองป้าย คณะนิเทศ ซึ่งอยู่ข้างหลังของเด็กคนนี้ “ตึกคณะนิเทศ ก็อยู่ข้างหลังไง” กันต์ชี้นิ้วขึ้นไปยังด้านหน้า
หนุ่มน้อยหน้าใส มองตามนิ้วนั้นไป “แฮร่!! จริงด้วยครับ เมื่อกี้ผมไม่ทันได้มอง ผมต้องขอบคุณพี่.....” เขายิ้มอย่างเขินอาย
“อ่อ...พี่ชื่อกันต์ เรียนอยู่คณะนิเทศเนี่ยแหละ”
“อ่อครับ ผมชื่อซันนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ซันยกมือขึ้นเพื่อทำความรู้จัก กันต์ก้มลงไปมองมือที่เปื้อนน้ำมันปาท่องโก๋
“เออ..พอดีพี่ไม่สะดวกอ่ะ ยังไงพี่ไปก่อนนะ”
กันต์รีบเดินเข้ามายังคณะ เพราะไม่อยากจะผูกมิตรกับรุ่นน้องปี1 สักเท่าไร ถึงยังไงเขาคงไม่เจอกันอีกแล้ว ไม่รู้จะทำความรู้จักกันไปทำไม เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างเสียเวลา
ซันมองหลังตามหลังกันต์ไปไม่ห่าง ฉีกยิ้มบางๆ ออกมา แววตาของเขาเริ่มเปล่งประกาย “น่ารักจัง” ก่อนจะเดินไปอีกทาง เพื่อมุ่งหน้าไปยังคณะวิศวะ
(ห้องจัดรายการวิทยุ)
กันต์วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ก่อนเอนกายลงยังเก้าอี้ประจำตัวที่เขานั่งจัดรายการวิทยุทุกวัน
“ไอ้กันต์เรื่องไอ้ตุลย์มึงเอาไงต่อวะ รู้หรือยังว่ามันมีปานนั้นไหม” เขาหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสอง ที่แสดงสีหน้าอย่างรู้เรื่องของเขาเต็มที
“ยังไม่รู้เลยวะ กูไม่ได้ขอมันดู”
“อะไรกันวะ นี่มันก็ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้วนะโว้ย ถ้าเกิดมึงมั่วช้าอยู่แบบนี้ ระวังมึงจะล้างคำสาปไม่ได้ แล้วจะมีเนื้อคู่เป็นผู้ชายไปตลอดชีวิต” บาสพูดขึ้น ส่งผลให้กันต์กังวลใจไปมากกว่าเดิม
“แล้วจะให้กูทำยังไงวะ จะให้กูไปขอมันดูตรงๆ ก็คงไม่ได้ เพราะกูกับมันแค่เจอกันก็ชวนทะเลาะกันละ” กันต์ถอดหายใจแรง สีหน้าเคร่งเครียด จนเพื่อนๆ แอบรู้สึกเป็นห่วงเขาไม่ได้
“เอางี้ไหม กูมองไปมองมานะ มึงเนี่ยสเป๊คผู้ชายชัดๆ ใส่แว่น หน้าตาน่ารักผิวขาวตัวเล็กๆ เหมือนผู้หญิง แค่ไปอ่อยมันนิดๆ หน่อยๆ กูว่ามันชอบมึงชัวร์”
“ไอ้บาสกูไม่ตลกนะโว้ย หน้าตาเหมือนผู้หญิงแล้วไง แต่กูไม่ได้ชอบผู้ชายสักหน่อย”
“ไอ้บาสมันก็พูดถูกนะมึง ถ้ามึงทำให้ไอ้ตุลย์ตกหลุมรักมึงได้กับอีแค่ปานนั้น ยังไงมันต้องให้มึงดูอยู่แล้ว” คิมช่วยบาสพูดอีกแรง เวลานี้ทั้งสองต่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนกันต์เริ่มรู้สึกหมั่นไส้
“บ้า กูไม่เอาหรอกโว้ย จะให้ไปอ่อยมันเนี่ยนะ กูไปกระโดดน้ำตายดีกว่า”
“มึงมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วไง ถ้าเกิดมึงไม่ทำละก็ มีหวังชาตินี้มึงต้องมีแฟนเป็นผู้ชายตลอดชีวิต มึงเลือกเอาละกันว่าจะยอมทำตามที่พวกกูบอกไหม” เมื่อกันต์ได้ยินเช่นนั้น จึงเงียบไม่ตอบโต้กลับ เขาพยายามจะทำความเข้าใจในสิ่งที่บาสและคิมพูด
“งั้นกูขอเวลาทำใจหน่อยละกัน พวกมึงไปไกลๆ กูได้ละ กูจะจัดรายการ” กันต์รีบ ไล่ให้เพื่อนทั้งสองออกไปให้ไกลๆ จากตน เพราะตอนนี้ไม่อยากรับฟังสิ่งใดทั้งสิ้น
“มึงคิดๆ ดีนะไอ้กันต์ พวกกูคงช่วยมึงได้แค่นี้ ที่เหลือมึงต้องทำเอง”
“เออ...รู้แล้วน่า.”
กันต์เริ่มจัดรายการวิทยุ ตามหน้าที่ เขาเปิดไมค์ขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเปล่งเสียงที่นุ่มละมุ่นออกมา “เราก็มาพบกันอีกแล้วนะครับ ใครที่มีเรื่องจะปรึกษาผม โทรเข้ามาได้เลยนะครับ ผมพร้อมให้คำปรึกษา” กันต์ที่ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็มีสายหนึ่ง โทรเข้ามาพอดี
“มาแล้วครับ สายแรกของวันนี้” เขากดรับสาย ด้วยความเคยชิน
{ไอ้ปลาทอง กูบอกให้มึงปลุกกูไม่ใช่หรอ} น้ำเสียงดุดันตะโกนเข้ามาในสาย ทำให้กันต์ต้องรีบสลับสายไม่ให้ออกอากาศทันที
“งั้นเรามาฟังเพลงกันก่อนเลยดีกว่านะครับ” กันต์รีบกดเปิดเพลงทันที เพื่อไม่ให้คนฟังรู้สึกผิดสงสัย ก่อนจะหันมาสนใจปลายทาง
{นี่ไอ้ปลาทอง ได้ยินกูไหม} ปลายทางยังคงตะโกนพูดไม่หยุด
“ปลาทองไหนครับ ที่นี่ไม่มีคนชื่อปลาทองนะครับ”
{มึงอย่ามาตลก กูรู้ว่าเป็นมึงดีเจ ตั้งแต่ตอนนั้นละ ที่มึงเอาเรื่องของกูมาด่าออกอากาศ}
“แล้วไงวะ ก็มันคือเรื่องจริง” กันต์ที่ทนฟังไม่ได้ จึงเผยตัวตนออกมา
{เรื่องนั้นกูไม่สนใจหรอก แต่เมื่อเช้าทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ ดูสิกูมาประชุมสายเลย}
“กูปลุกมึงแล้วนะ มึงไม่ได้ยินเอง”
{มึงปลุกกูแบบไหนวะ}
{ก็ปลุกในใจไง ไอ้หน้าโง่}กันต์รับกดวางสายตุลย์ลงอย่างสะใจ ที่เขาสามารถเอาคืนตุลย์ได้สักที พร้อมหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ
“มึงว่าไอ้กันต์มันเป็นไรวะ นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว” ทั้งบาสและคิมนั่งมองเพื่อนอย่างสงสัย
“กูว่าท่าทางอาการมันจะหนักล่ะ สงสัยเราคงต้องพามันไปหาหมอบ้างแล้วแหละ”
(บางทีเหตุผลไม่จำเป็นต้องมีเสมอไป)
ความคิดเห็น