คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตามหาเนื้อคู่ทั้งสาม...
ณ มหาวิทยาลัยXXX
ห้องจัดรายการวิทยุ
กันต์นั่งคลิกเมาส์เลือกเพลงไปเรื่อยๆ เพื่อเตรียมตัวจะเปิดในตอนพักเที่ยง สายตาเหลือบมองนาฬิกามุมจอคอมพิวเตอร์ บ่งบอกเวลา 11.30 น. เวลานี้เพื่อนตัวดีทั้งสองยังไม่โผล่มาสักคน ด้วยความว่างบวกกับความเงียบเขาจึงหยิบโทรศัพท์มาเล่นไปพลางๆ รอเวลาจัดรายการวิทยุ ปลายนิ้วเลื่อนขึ้นดูโพสต์ต่างๆ จนสายตาทั้งสองดันไปสะดุดเข้ากลับ เพจหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า หนุ่มหล่อประจำคณะวิศวะ เลยเกิดความ ส..สงสัย จึงลองกดเข้าไปดู
โพสต์ล่าสุด มีคนกดไลค์ 15.1k คอมเมนต์ 5000 พัน >>หนุ่มหล่อประจำปีนี้ ได้แก่ พี่ตุลย์ สาขาวิศวกรรมโยธา จร้า ชายผู้มีเสน่ห์ น่าค้นหา ที่ทำให้สาวๆ ตกหลุมรักโดยไม่ต้องเผยรอยยิ้ม<< แนมรูปแอบถ่าย ตุลย์กำลังยืนเสยผมขึ้นในขณะกำลังเดินเข้ามายังในตึก
“แหวะ ไม่เห็นจะหล่อเลย สู้ไอ้คิมไม่ได้สักนิด”
กันต์กดปุ่มล็อกหน้าจอลงอย่างอารมณ์ฉุนเฉียว เวลาเขาเห็นหน้าตุลย์ทีไร รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทุกที ตุลย์ในสายตาของเขามองว่าเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดี ชอบเอาความรู้สึกของคนอื่น มาเล่นตลก
“เป็นไรวะไอ้กันต์ นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่” บาส ตะโกนมาจากหน้าห้องพร้อมหิ้วน้ำแตงโมปั่นกับน้ำชาเขียวปั่นถือติดมือเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำของเขาในแต่ละวัน
กันต์มองแก้วน้ำปั่นได้แต่นึกแล้วก็สงสัย ไม่เขาก็บาสใครจะเป็นโรคเบาหวานก่อนกัน เล่นกินทุกวัน
“เปล่านิ แล้วหายหัวไปไหนมาวะ กูไลน์ไปก็ไม่ตอบ”
“โทษทีวะ พอดีแบตกูหมด เมื่อคืนเล่นเกมส์เพลินไปหน่อย เลยลืมชาร์จแบต กูว่าจะเอามาชาร์จไฟฟรีที่ชมรมเนี่ยแหละ”
“เฮ้อ..ตลอดแหละมึง” กันต์ถึงทำเบี่ยงหน้าหนี เพราะรู้จักเจ้าเพื่อนตัวดีของเขาดี วันๆ ไม่ชอบทำอะไรเล่นแต่เกมส์ ซุกตัวอยู่แต่ในห้อง ออกมาเจอแสงสว่างได้ก็ตอนมีเรียน
“กูมีของมาฝากมึงด้วยแหละ” บาส ยกน้ำชาเขียวปั่นขึ้นมามอบให้กับเพื่อนสนิท กันต์เหตุดังนั้น จึงรีบหยิบมาอย่างไม่ลีรอ ก่อนจะดูดน้ำปั่นไปอย่างชื่นใจ
“แล้วนี่ไอ้คิมอีกละ หายหัวไปไหนตั้งแต่เช้ากูยังไม่เจอมัน”
“สงสัย คงไปหากิ๊กมันชัวร์ มึงน่าจะชินได้แล้วนะ”
“กูละอิจฉาคนหน้าตาดีอย่างมันจริงๆ มีสาวๆ เข้ามาชอบเยอะ ส่วนกูต้องมาดวงซวยเจอคำสาป บ้าบออะไรก็ไม่รู้” กันต์ถอดหายใจแรง น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง
“น้อยใจทำไมวะ มึงก็มีไอ้ตุลย์หนุ่มหล่อ ประจำคณะวิศวเป็นเนื้อคู่อยู่แล้วไง” กันต์หันขวับมองตาขว้างใส่บาสเมื่อพูดไม่เข้าหู
“ไอ้บาส ถ้ามึงยังอยากมีปากไว้แดกข้าว หุบปากไปซะ” กันต์ตะคอกใส่หน้าบาสชักสีหน้าไม่พอใจเจ้าตัว ก่อนหมุนเก้าอี้กลับมา ยังจอคอมอีกครั้ง
“ครับๆ กูละเบื่อพวกรับความจริงไม่ได้เนี่ย” เสียงบาสยังคงพูดกรอกหูกันต์อย่างไม่กลัว กันต์จึงรีบสวมหูฟังทันที เพราะไม่อยากได้ยินคำพูดที่มันแทงใจดำเขาอีกต่อไป
บาสเห็นกันต์ไม่เล่นด้วยจึงเดินไปนั่งที่ประจำมุมห้อง ปล่อยให้กันต์จัดรายการไป กันต์ใช้สายตามองเพื่อนรักด้วยสีหน้าเอือมระอา ตั้งแต่เข้ามาสมัครอยู่ชมรมนี่ด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นบาสจับไมล์เป็นดีเจเลยสักครั้ง วันๆ เอาแต่นั่งเล่นเกมส์ ไม่ก็นอนอยู่อย่างเดียว ส่วนคิมเพื่อนของเขาอีกคน ทุกๆ วันจะมีสาวๆ ชวนไปเที่ยว นานๆ จะเข้ามาสักที มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำมัน
เวลา 12.00น. เครื่องมิกซ์เซอร์เริ่มทำงาน ปุ่มสีเขียวปรากฏขึ้น
“สวัสดีทุกคนนะครับ วันนี้เรากลับมาพบเจอกันอีกแล้ว วันนี้ก็วันเปิดเทอมวันที่ 2 แล้วนะครับ ทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง น้องๆ ปี1 หาเพื่อนได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้ มาเป็นเพื่อนพี่ก็ได้นะครับ 555++ แต่ก่อนที่เราจะไปฟังเพลงกัน ผมมีเรื่องจะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันครับ เรื่องนี้ผมได้ยินได้ฟังมาจากเพื่อนสนิทของผมเองครับ เลยอย่างจะขอความคิดเห็นของเพื่อนๆ น้องๆ ว่าคิดยังไงกับการมีรูมเมทที่นิสัยแย่แบบนี้ เรื่องมีอยู่ว่า มีรูมเมทคนหนึ่ง พึ่งย้ายมาได้ไม่ถึงวัน ได้ทำเรื่องเลวร้ายขึ้น โดยการสั่งให้แมวของตัวเองมาข่วนปลาทองที่เขาค่อยดูแลทะนุถนอมมันอย่างดี จนตาย แล้วยังมาหลอกอีกว่าข้าวต้มที่ทำให้กินนั้น เป็นเนื้อปลาทองของเขาที่เลี้ยง เพื่อนๆ คิดว่าคนแบบนี้เป็นคนยังไงครับ โทรมาหาให้ความคิดเห็นกันได้ ส่วนในความรู้สึกของผม ผมคิดว่าคนแบบนี้ ไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป”
บาสเงยหน้ามองดูพฤติกรรมเพื่อนสนิทเป็นระยะด้วยความสงสัย ทั้งสีหน้าและแววตาของกันต์ตอนนี้ดูเหมือนสะใจอย่างมากที่ได้พูดมันออกมา
คณะวิศวกรรมศาสตร์
“แค่ก!!” ระหว่างนั้นตุลย์ที่กำลังนั่งกินน้ำอยู่ในโรงอาหาร ถึงกับสำลักน้ำทันที เมื่อได้ยินเสียงดีเจที่เขารู้สึกคุ้นหูพูดเรื่องนี้เข้า
“กูว่านะคนแบบนี้แม่งเลวซะมัด ฆ่าปลาตัวน้อยๆ ลงคอได้” ต่อ เพื่อนชายร่างใหญ่ ประธานคณะวิศว รุ่น 13 เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพราะนิสัยของเขารักสัตว์มาก เพื่อนๆ ในกลุ่มเมื่อเห็นเช่นนั้น ต่างพากันมองหน้าพร้อมกับส่ายหัวไปมา
“เขาอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้มึง” ตุลย์รีบพูดแก้ตัว เพราะรู้ว่าสิ่งที่ดีเจพูดหมายถึงใคร
“ไม่ตั้งใจห่าไรวะ ถ้าแค่ให้แมวไปข่วนปลาทองกูยังไม่ขึ้นเท่านี้นะ แต่นี่แม่งแกล้งหลอกว่าเอาเนื้อปลาไปทำข้าวต้ม จิตใจมันทำด้วยอะไรวะ กูละอยากเห็นหน้ามันจริงๆ” ต่อยังไม่วายพูดต่อว่าไม่หยุด
ตุลย์นั่งหน้าซีด เมื่อโดนเพื่อนต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แค่เขาอยากแกล้งกันต์เพื่อความสนุกของตัวเองเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายถึงขนาดนี้
“เป็นไรวะไอ้ตุลย์ ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าซีด” ปาล์มถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือขึ้นมาแปะหน้าผากเพื่อน
“เปล่ามึง กูไม่ได้เป็นไร” ตุลย์ เบี่ยงหน้าหนีมองไปทางอื่น ปล่อยให้ปาล์มยกมือรอเก้อ ก่อนเขาจะวางมือลงแล้วกินข้าวต่อ
“วันนี้อย่าลืมนะพวกมึง มีเลี้ยงคณะ ห้ามมาสายเด็ดขาด 2ทุ่มต้องมาเจอกันที่ร้านเจ้สา หลัง มอ” เพื่อนในกลุ่มอีกคนพูดขึ้น
ทุกคนพยักหน้าตอบรับร่วมถึงตุลย์ ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากไปมันด้วยซ้ำ แต่ถูกเพื่อนในกลุ่มพูดคะยั้นคะยอจนเขาต้องยอมไปในที่สุด
คณะนิเทศศาสตร์
ห้องจัดรายการวิทยุ
“งั้นเรามาฟังเพลง ที่มีชื่อว่า เธอคือหัวใจของฉัน ของนิกเดอะดาว กันเลยนะครับ” กันต์กดโปรแกรมเล่นเพลงไปเรื่อยๆ ก่อนถอดหูฟังลง เหลือบมองบาสที่กำลังนอนหลับฟุบอยู่บนโต๊ะ
อยู่คนเดียวมานาน กับความเหงาใจ
วันเวลาผ่านไป ก็นานแสนนาน……
ผ่านไป 1 ชั่วโมงเต็ม รายการวิทยุได้จบลงอย่างสวยงามแทบทุกครั้ง กันต์รักในหน้าที่นี้มาก ทำให้เขากล้าในสิ่งที่ตัวพูดออกมา โดยที่คนฟังไม่รู้ว่าเป็นใคร และเขาจะไม่มีทางให้รู้ ปล่อยให้น้ำเสียงที่นุ่มละมุนของเขาอยู่ในใจคนฟังคงดีกว่า
“จัดรายการเสร็จแล้ว ไปกัน” คิมที่พึ่งกลับมาจากไปเที่ยวกับสาวๆ ต่างคณะ เดินเข้ามาทักทายพวกเขาทั้งสองคนในห้องจัด พร้อมเดินไปเขย่าตัวให้บาสตื่นขึ้น
“ไปไหนวะ” บาสตื่นขึ้นมาด้วยอาหารงัวเงีย มองหน้าเพื่อนสนิทตาเยิ้ม
“ไปหาเนื้อคู่ไอ้กันต์ไงมึง เริ่มจากไอ้นาวิน คณะศิลปศาสตร์ แต่ก่อนไปกูขอเตือนพวกมึง ทั้งสองคนไว้เลยนะ ห้ามไปหลงเชื่อซื้อของมันเด็ดขาด” กันต์และบาสพยักหน้ารับทราบ
กันต์รอเวลานี้มานานแล้ว ที่เขาจะได้ไปตามหาเนื้อคู่จริงๆ จังๆ สักที เขาขอเพียงว่า ทั้ง3คนนี้ใครก็ได้ แต่ไม่มีทางยอมรับตุลย์ว่าเป็นเนื้อคู่เขาเด็ดขาด
คณะศิลปศาสตร์
(นาวิน หนุ่มผู้คลั่งไคล้เรื่องไสยศาสตร์)
การสนทนาเป็นไปอย่างดุเดือด มีทั้งพระ สายสิญจน์ คาถาเวรมนต์วางเรียงรายอยู่ในภายในห้องศิลปะ ผลสุดท้าย คำพูดต้องห้ามของคิมก็ดูท่าจะไม่เป็นผล พวกเขาทั้งสามคนเดินหน้าคอตกออกมาจากตึกมองหน้าสบตากันไปมาด้วยความเจ็บใจ
“แหม่!! ไอ้คิม ไหนมึงบอกว่าอย่าไปหลงซื้อของมันไง ในมือมึงถือพระมาสององค์เลยนะ” บาสได้ทีพูดแขวะคิมยกใหญ่
“ก็มันเล่นอธิบายสรรพคุณว่าดีอย่างนู้น ดีอย่างนั้น ใครมันจะไม่ซื้อวะ หึ...แล้วทีมึงละไอ้บาส โอ้โหกูคิดว่าจะมาเปิดสำนักแข่งกับไอ้นาวิน บูชามาทั้งผ้ายันต์ พระเครื่องห้อยมาเต็มคอ มีกุมารอีก เผลอๆ มีน้ำมันพรายด้วยมั่งเนี่ย” บาสถึงกับสะดุ้งตกใจ เมื่อถูกคิดต่อว่ากลับ เวลานี้สองมือของเขาเต็มไปด้วยเครื่องรางของขลังอย่างที่คิดพูดไว้ทั้งหมด
“อุ๊ย!! กูลืมไปว่ากูก็บูชามา แล้วมึงละไอ้กันต์ไม่ซื้อบ้างหรอวะ” กันต์ยืนเกาะอกส่งยิ้มให้เพื่อนๆ ทั้งสองอย่างภาคภูมิใจที่เขาไม่โดนขายเหมือนกับเพื่อนทั้งสอง
“หึ...คนอยากกูไม่เชื่อของงมงายพวกนี้หรอกโว้ย” ทั้งบาสและคิมถึงต้องตบมือให้ในความใจแข็งของเขา แต่ยังไม่ทันไร เสียงนาวินได้เอ่ยตามหลังพวกเขามา พร้อมวิ่งสี่คูณร้อยมาดักหน้าพวกเขาเอาไว้
“ไอ้กันต์ กูหาพระที่มึงต้องการมาให้ได้แล้ว” เขาชูสร้อยพระขึ้น จากนั้นรีบเอาพระยัดใส่มือให้กันต์ทันที ใบหน้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจกลับกลายเป็นหน้าเจื่อขึ้นมาทันที “กูเจอพอดี เลยวิ่งเอามาให้มึง สรรพคุณป้องกันคนที่ไม่หวังดีเข้าใกล้ องค์ละ500” กันต์หันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสอง อย่างเขินอาย ได้แต่คิดในใจไม่น่าพูดเยอะเลย
“เออๆ ของคุณนะมึง เอานี่เงิน” กันต์รีบล้วงมือไปหยิบเงินใน กระเป๋าออกมาจากให้กับนาวิน พอเจ้าตัวได้รับเงิน รีบกล่าวคำขอบคุณ เดินยิ้มร่าเข้าไปในคณะ ปล่อยให้กันต์ยืนรับชะตากรรมอยู่เพียงคนเดียว “แฮร่!! ของมันจำเป็นมึง” ใจจริงเขาไม่อยากจะซื้อมันด้วยซ้ำ แต่มันติดตรงที่นาวินบอกว่าป้องกันคนที่คิดไม่ดีกับเราเข้าใกล้ เขาเลยนึกถึงตุลย์ขึ้นมา เลยจะซื้อมันไว้เพื่อป้องกันตัว
“หรา.... แล้วทำมาเป็นพูด คิดว่าเก่ง เฮ้อ....นอกจากมันไม่มีปานนั้นแล้ว แถมยังต้องเสียเงินซื้อของมันอีก แม่งอะไรจะซวยขนาดนี้วะ เดือนนี้กูต้องกินมาม่าอีกแล้ว” บาสถอดหายใจเฮือกใหญ่กับความเชื่อคนง่ายของตัวเอง
“นั้นสิวะ เฮ้อ...คนแรกก็ไม่ใช่ ทีนี้ต่อไปใครดีละ” กันต์หันไปคุยกับคิมต่อ ณ ขณะนี้เจ้าตัวกำลังจับพระขึ้นมาพนมขอพรยกใหญ่
“สงสัย มันคงไหว้ขอให้รถไฟไม่ชนกันแน่เลยวะ”
“กูก็ว่างั้นแหละ”
“ต่อไป ไอ้อารม์ คณะวิทย์”
“คราวนี้ไม่โดนมันหลอกขายอะไรแล้วนะ” บาสถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ คิมส่ายตัว ก่อนจะเดินนำหน้าทุกคนไป เผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมา เพราะเขามีแผนไว้รับมือ คนชื่ออาร์มเรียบร้อยแล้ว
คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
(อาร์ม หนุ่มหล่อเดือนคณะ ชายผู้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่)
“เฮ้ย!! มึงจะทำอะไรกู”
เสียงร้องตกใจสุดขีดดังลั่นออกมาจากห้องชมรมฟุตบอล ภายในห้องชมรมบาสกำลังง้างมือต่อยไปที่หน้า อาร์ม 1 ทีจนเขาล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนบาสจะรีบวิ่งหนีออกมาจากห้องนั้น ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
บาสพยายามติดกระดุมที่หลุดออกใส่เข้าอย่างทุลักทุเล พร้อมสับขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ในระหว่างนั้น อาร์มตะโกนไล่หลังตามมาไม่ห่าง ร่างกายของเขาไม่สวมเสื้อ บนใบหน้าอันหล่อเหลามีรอยฟกช้ำจากการถูกต่อย
“อีกนิดเดียว เสียดายชะมัด” อาร์ม ยืนมองบาสวิ่งจนลับตาไป ก่อนหันซ้ายหันขวาเพื่อดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ถ้าเกิดมีใครรู้ขึ้นมาว่าเขาชอบผู้ชาย มีหวังตำแหน่งเดือนได้หลุดเป็นแน่
“ไอ้บาส เป็นไงบ้าง เห็นปานไหม”
กันต์กับคิม ที่กำลังยกกล่องกระดาษจำนวนมากไปไว้ห้องเก็บของชมรมฟุตบอล รีบเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ บาสวิ่งมาหยุดหอบตรงหน้าเพื่อนทั้งสอง ด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่อที่หน้าไหลออกมาไม่หยุด เขายกมือขึ้นมาเช็ดมันอย่างลวกๆ
“ไม่มีโว้ย แถมเมื่อกี้มันจะจับกูทำผัวอีกเนี่ย”
“เชี่ยยย...จริงหรอวะ”
“เออดิ นี่ไอ้คิมมึงรู้อยู่แล้วใช่ป้ะว่าไอ้อาร์มมันชอบผู้ชาย มึงถึงให้กูไปดูปานนั้นคนเดียว” คิมได้ยินเช่นนั้นหน้าเสียทันที เขารู้มาก่อนหน้านั้นแล้วว่าอาร์มชอบผู้ชาย ซึ่งบาสตรงสเปคอาร์มพอดี เขาจึงไม่ยอมบอกไป เพราะอยากช่วยกันต์ให้สำเร็จ
“เออ..” เขาตอบกลับเพียงสั้นๆ
“ไอ้เวร ดีนะเมื่อกี้กูหนีมันทันอ่ะ ไม่งั้น...” บาสเริ่มสติแตก เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่อีกครั้ง
“กูขอโทษมึง ใครจะไปคิดละว่ามันจะกล้าทำแบบนี้”
“หนีรอดก็ดีแล้วมึง งั้นรีบไปกันเถอะวะ เดี๋ยวแม่งไอ้อาร์มวิ่งตามมึงมาอีก”
พวกเขาทั้งสามคนต่างวิ่งกรูกันลงมาจากคณะวิทย์ นอกจากปานนั้นไม่มีแล้ว กันต์กับคิมยังโดนหลอกใช้งานให้ยกกล่องกระดาษไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของจนปวดแขน ส่วนบาสเกือบหนีเอาชีวิตไม่รอด
คณะรัฐศาสตร์
(กวิน ชายหนุ่มโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบคุยกับใคร)
ชะตากรรมพวกเขาทั้งสาม นำพาให้มายังคณะรัฐศาสตร์ กวินซึ่งเคยเรียนคณะเดียวกันกับพวกเขา มา1เดือนเต็ม จนขึ้นเดือน ที่2กวินได้ย้ายมาเรียนคณะรัฐศาสตร์ เขามีบุคลิกเงียบๆ เข้าถึงอยากไม่ชอบสุงสิงกับใคร แม้แต่เอ่ยคำประโยคทักทาย พวกเขาก็ไม่เคยได้ทำมันสักครั้ง
“นั้นไง ไอ้กวิน มันนั่งอยู่คนเดียวด้วย” คิมชี้นิ้วไปให้เพื่อนทั้งสองดู
กวิน กำลังนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างไม่สนใจผู้คน เขาสวมหูฟังทั้งสองข้างเพื่อกั้นสิ่งรบกวนด้านนอก บริเวณรอบข้างมีเพียงเขานั่งอยู่ลำพัง
“เดี๋ยวกูไปพูดกับมันเอง” บาสพูดเสนอตัวเอง
“ไปเลยมึง เชิญ” กันต์กับคิม เดินหลบมานั่งอีกฝั่ง เพราะพวกเขารู้จักบาสดี บาสเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย จึงยอมไปให้บาสไปคุยกับกวินแทน
บาสเดินไปยังโต๊ะสุดท้าย อย่างมั่นอกมั่นใจ บาสไม่เคยกลัวที่จะพูดหรือทำความรู้จักกับคนที่เขาไม่สนิทด้วย เพราะเขาคิดเสมอว่าทุกคนไม่ว่าจะมีลักษณะนิสัยยังไง ต้องอยากมีเพื่อนกันทั้งนั้น เขาเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าอีกฝ่าย
“กวิน ไงเพื่อนจำกูได้ป้ะ” บาส พูดทักทายคนตรงหน้าด้วยความสนิทสนม กวินเงยหน้ามองก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่านหนังสืออีกครั้งอย่างไม่สนใจ
บาสจึงถือวิสาสะ โน้มหน้าเข้าหาอีกฝ่ายก่อนเอื้อมมือไปถอดหูฟังกวินออกทั้งสองข้าง เขายกมือทักทายส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร กวินชักสีหน้าพอใจ ก่อนปิดหนังสือลงสบตามองบาส
“นายต้องการอะไร” กวินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“กูไม่อ้อมค้อมแล้วกันนะ มึงเกิดวันพุธกลางคืนป้ะ”
“ไม่ กูเกิดวันพฤหัส”
“พูดจริงๆ ใช่ป้ะ” บาสถามย้ำกลับไป เพื่อความมั่นใจ
“อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนนะ”
พอกวินพูดจบ เขาจึงก้มลงไปเก็บหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋าก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากโต๊ะไป บาสปล่อยให้กวินเดินผ่านตัวเองไป เขาแอบเห็นแววตาที่ดูโศกเศร้านั้น จึงทำให้อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกวินกันแน่ ถึงเป็นคนไม่สนใจใครขนาดนี้
“เป็นไงบ้างวะไอ้บาส” กันต์และคิมรีบเดินเข้ามาถามบาส
“มันบอกว่า มันเกิดวันพฤหัสวะ”
“จริงหรอวะ แต่ข้อมูลกูไม่เคยพลาดนะ” คิมยกประวัติกวินขึ้นมาดูเพียงความมั่นใจอีกครั้ง เขาเปิดอ่านมันอย่างละเอียด
“เป็นไงบ้างวะไอ้คิม อย่างที่ไอ้บาสพูดเปล่า”
“จริงด้วยวะ เวลาที่มัน เกิด คือ 6โมงเช้า ซึ่งตีเป็นวันพฤหัสเลย”
“นั้นไง มึงนี่นะ น่าจะดูดีๆ หน่อย”
“ขอโทษทีวะ กูไม่ดูให้ละเอียดก่อน”
“เออช่างเถอะ แล้วนี่ไอ้บาสมึงมองอะไรวะ” กันต์เอ่ยเรียกบาสในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังยืนเหม่อลอยมองออกไปยังหน้าถนน ไม่หันมาร่วมพูดคุยกับพวกเขา
“เปล่าหรอก กูก็แค่สงสัยว่าทำไมไอ้กวินมันไม่เพื่อนสักที” สีหน้าของบาสตอนนี้เป็นกังวลใจเรื่องกวินอย่างมาก
“ไม่รู้วะ มึงก็รู้นิว่ามันคุยกับใครทีไหน ขนาดเรียนคณะเดียวกันมันยังไม่คุยกับพวกเราเลย นี่ผ่านไป 2ปีแล้ว มันยังเหมือนเดิม”
“เออๆ ช่างเถอะ ว่าแต่มาคุยเรื่องมึงดีกว่า ผ่าน3คนแล้วนะโว้ยที่ไม่ใช่เนื้อคู่มึง ทีนี้ก็เหลือไอ้ตุลย์คนเดียวแล้วสินะ” บาสยิ้มกรุ้มกริ่มมองไปยังกันต์ ที่ยืนหน้าถอดสีอยู่
“ไอ้ตุลย์หรอวะ” เมื่อกันต์ได้ยินชื่อนี้ขึ้นมา เขากลับพูดไม่ออกร่างกายของเขาเริ่มไม่มีเรี่ยวแรง เหมือนตอนนี้จะเป็นลมให้ได้
“ไปไอ้กันต์ ไปหาไอ้ตุลย์ที่ตึกคณะวิศวะกัน” คิมจับมือกันต์ให้เดินไปกับตน
“กูไม่ไป” กันต์พูดสั้นๆ พยายามแกะมือของคิมออกจากตัวเอง คิมเห็นเช่นนั้นจึงจับแขนเขาแน่นกว่าเดิน พยายามลากกันต์ให้เดินต่อ
“ไอ้กันต์ มึงกลัวอะไรเนี่ย รีบๆ ไปหามันได้แล้ว จะได้พามันไปล้างคำสาปนั้นสิที” บาสเดินไปช่วยดึงแขนกันต์อีกแรง
“มึงไม่ต้องพากูไปหามันหรอก” บาสและคิมต่างหันมามองหน้ากันต์ เมื่อเห็นกันต์มีลักษณะท่าทางแปลกไป
“ทำไมวะ”
“ก็มันย้ายมาอยู่ห้องกูแล้ว ฮื่อๆ” กันต์ถือกับปล่อยโฮกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาตกใจทำตัวไม่ถูกตอนนี้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
“ฮะ!!” สีหน้าเพื่อนทั้งสอง ต่างตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ทำไงดีวะ กูอยากตาย!!!!!”
คณะวิศวกรรมศาสตร์
“ฮัวชิว!!”
“เป็นไรวะไอ้ตุลย์ วันนี้กูเห็นมึงจามทั้งวันเลย”
“ไม่รู้วะ สงสัยคงมีคนคิดถึงกูชัวร์”
(เรื่องน่าเรื่องเชื่อ มักเกิดขึ้นกับเราตอนไม่รู้ตัวเสมอ)
ความคิดเห็น