คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : แกล้ง(จนได้เรื่อง)
เสียงนาฬิกาปลุก (เวลา 7.00 น.)
ขนตางอนสวยกะพริบตาปริบๆ ในท่านอนคว่ำ มือเรียวคว้าหาแว่นตาข้างกายขึ้นมาสวมใส่ ก่อนพลิกตัวนอนหงาย ร่างกายเช้านี้เริ่มดีขึ้นจากอาการปวดหัวเมื่อคืน ไข้เริ่มลดลง อาการไอหายปริดทิ้ง สายตาจับจ้องมองไปยังเพดานสีฟ้าคราม
กันต์สูดลดหายใจเข้าเต็มปอด “กลิ่นหอมนี้มัน!!” ในเวลานี้ปลายจมูกของเขาเริ่มรู้สึกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของอาหาร ลอยตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง ยังไม่ทันไรเสียงท้องร้องได้ดังขึ้นมา เนื่องจากเมื่อคืนยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเขาแม้แต่น้อย สองข้างก้าวลงจากที่นอน ก่อนเดินไปยังหน้าประตูห้องด้วยอาการงัวเงีย พร้อมเอื้อมมือจับลูกปิดเปิดออก แสงสว่างจากด้านนอกส่งเข้ามาในห้อง เขายกแขนทั้งสองขึ้นบิดไปมา เสยผมสีดำขึ้นอย่างช้าๆ
(เคร้ง!!) เสียงทัพพีตกลงบนโต๊ะ ทำให้กันต์หันตามเสียงนั้นไป เขาเพ่งเล็งมองไปยังด้านหน้า ก่อนที่ร่างกายเริ่มชาไปทั่วไป เขายืนนิ่งอ้าปากค้างสีซีดตกใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เขาไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
ส่วนทางด้านอีกฝ่ายก็ดูท่าตกใจไม่ใช่น้อย ตุลย์ค่อยๆ เลื่อนสายตาคู่สวยจ้องมองไปยังเรือนร่างบางสีผิวขาวอมชมพู หน้าท้องแบนราบ ที่ดึงดูดให้เขาจ้องมันแทบไม่อยากกะพริบลง ก่อนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไปอย่างหื่นกระหาย
สายตาแปลกประหลาดของอีกฝ่ายชวนให้กันต์ต้องก้มลงมองตามไปดูด้วยความสงสัย ณ ตอนนี้ร่างกายอันขาวผ่องของเขา ใส่บ๊อกเซอร์สีน้ำเงินลายจุดเพียงตัวเดียว ข้างบนเผยให้เห็นสัดส่วนที่เขาไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน “เฮ้อ!! มึงมองอะไรเนี่ย” เขารีบยกมือขึ้นปิดหัวนมทั้งสองข้าง ก่อนที่มืออีกข้างรีบปิดอวัยวะส่วนล่างไม่ให้อีกฝ่ายมอง
เมื่อตุลย์เห็นเช่นดัง จึงอดหัวเราะออกไม่ได้ “55++ ไม่เห็นต้องอายเลย ผู้ชายด้วยกัน”
“ก็คงไม่ใช่มึงหรอ ที่ได้เห็นอ่ะ ไอ้โรคจิต” แววตาที่ตุลย์มองกันต์ทำให้ไม่อาจคิดเลยว่านี้คือแววตาของผู้ชายแมนๆ มองกัน
กันต์พูดจบจึงรีบหันหลังกลับวิ่งเข้าห้องไปอย่างเขินอาย ก่อนรีบกดล็อกกลอนประตูเอาไว้เพื่อความปลอดภัย “น่าอายซะมัด ก็ว่าอยู่ทำไมรู้สึกโล่งๆ เย็นสบายที่แท้ลืมใส่เสื้อผ้านี้เอง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นไอ้ผมเท่านั้นดันเห็นของดีเราเข้าจนได้ ไอ้บ้าเอ๊ย!!” กันต์ยืนโวยวายอยู่ภายในห้องด้วยความหวาดกลัว
“นี่ ไอ้แว่น ถ้ามึงแต่งตัวเสร็จแล้ว รีบๆ มากินข้าวต้มละกูทำไว้ให้” เสียงตุลย์ตะโกนจากด้านนอก ทำให้กันต์เริ่มได้สติตัวเองขึ้นมา ถ้าเขามัวแต่ยืนเสียใจอยู่แบบนี้ มีหวังชาติเขาคงไม่มีทางชนะตุลย์เด็ดขาด
มือเรียวค่อยๆ แง้มประตูหน้าห้องออกมาอย่างช้าๆ หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าปิดมิดชิดทุกส่วนของร่างกายเสร็จเรียบร้อย สายตาจดจ้องมองไปยังห้องครัว ที่มีร่างสูงในเสื้อช็อปสีน้ำตาล กำลังยืนตักข้าวต้มใส่ไว้ในถ้วย
“ไม่คิดเลยว่า คนอย่างมันจะทำกับข้าวเป็นด้วย แฮ่ะ” กันต์ยืนมองดูพฤติกรรมอีกฝ่ายไม่ลดสายตา
(เมี๊ยว!!)
แมวขนฟูสีขาว หน้าตาน่าเอ็นดู นั่งลงตรงหน้ากันต์ ก่อนเปล่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะ “ไปชิ้วๆ” เขารีบไล่แมวเจ้าตัวปัญหาให้ออกจากหน้าห้องไป เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าตนกำลังแอบยืนมองอยู่ข้างประตู แต่แมวตัวนั้นกลับไม่ฟังเดินเข้ามาคลอเคลียที่ขาอย่างไม่สนใจ
“อย่าเข้ามานะ”
เขารีบผละตัวเองออกจากห้องทันทีเนื่องจากอาการกลัวแมวกำเริบขึ้น มันทำให้หวนนึกถึงอดีตชีวิตในวัยเด็กอีกครั้ง เมื่อตอนเด็กแม่เคยซื้อแมวตัวสีดำขนฟูให้เขา 1 ตัว ในระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปลูบขนยาวสีดำนั้น จู่ๆ แมวตัวนั้นยกเท้าขึ้นมาข่วนที่หน้าเขาเต็มแรง เกือบเข้าดวงตา ก่อนจะวิ่งหนีออกไป มันได้ฝากรอยแผลที่หน้าไว้ 1 อาทิตย์เต็มๆ กว่าแผลจะหาย จึงทำให้เขาจำฝังใจไม่กล้าเข้าใกล้แมวตัวไหนอีกเลย
“สายไหมลูกมาหาพ่อนี้มา” กันต์ยืนมองแมวขนฟูเดินผ่านหน้าเข้าไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่เจ้าของจะอุ้มมันขึ้นในอ้อมแขน ลูบหัวไปมาอย่างเอ็นดู
“มึงจะยืนตรงนั้นอีกนานป่ะ รีบมากินข้าวต้มสิเดี๋ยวเย็นหมด” ตุลย์พูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนวางแมวอันเป็นที่รักลง หลังจากนั้นนั่งลงไปยังเก้าอี้ ตักข้าวขึ้นที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆ ขึ้นมากิน
กันต์ยืนชั่งใจอยู่นานสองนาน ก่อนจะเดินไปร่วมโต๊ะด้วย กลิ่นหอมของข้าวต้มถ้วยนี้ ทำให้เขาแอบกลืนน้ำลายไปหลายรอบ
“ไม่อ่ะ กูไม่หิว"เขาทำท่าทีไม่สนใจข้าวต้ม เพราะเกิดรู้สึกไม่ไว้ใจอีกฝ่ายขึ้นมา
“ไม่กินจริงหรอวะ กูอุตส่าห์ทำเผื่อมึงเลยนะเนี่ย” ตุลย์ พูดไปตักข้าวต้มกินไป
“ไม่เอาโว้ย ถ้ากูกินแล้วเกิดตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”
“กูไง จะรับผิดชอบมึงทั้งตัวแล้วหัวใจเลย” ตุลย์อดยิ้มเล็กน้อย ทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม ให้อีกฝ่ายหัวเสียเล่น เพราะเวลาเห็นหน้าอีกฝ่ายตกใจ รู้สึกมีความสุขอยากบอกไม่ถูก
“เชี่ยยยย พูดอะไรออกมาวะเนี่ยไอ้ผมเทา ขนลุกซะมัด” กันต์รู้สึกขนลุกชู่ เมื่อเห็นตุลย์พูดเช่นนั้น
“คราวนี้มึงจะกินได้ยังละ กูทำข้าวต้มถ้วยนี้ให้มึงกินก็เพื่ออยากไถ่โทษที่กูพูดไม่ดีกับมึงไปเมื่อวาน” ตุลย์ตีหน้าเศร้า สำนึกผิด เพราะเขาอยากให้อีกฝ่ายยกโทษให้
กันต์มองแววตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกใจอ่อนขึ้นมา “เออๆ กินก็ได้วะ นี่กูเห็นความพยายามของมึงนะ ไม่ได้หิวอะไรทั้งนั้น” กันต์เลื่อนเก้าอี้ออก ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าข้าวต้ม ที่ตุลย์ได้จัดเตรียมไว้ให้ กลิ่นหอมข้าวต้มถ้วยนี้ส่งผลให้เขาอยากกินมันให้หมดแทบไม่เหลือ
“กินสิ”
“เออ” เขาตักข้าวต้มเข้าปากไป เมื่อลิ้นได้สัมผัสรสชาติของน้ำข้าวต้มมันรู้สึกนุ่มละมุนลิ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อร่อยไหม”
“ก็แดกได้” กันต์ไม่คิดเลยว่า คนอย่างตุลย์ที่มีลักษณะ ชอบหาเรื่องคนอื่นไปวันๆ ดูไม่เป็นมิตร แถมปากเสีย ทำกับข้าวเป็น ถึงจะอร่อยแค่ไหน ก็สู้ฝีมือการทำอะไรของแม่เขาไม่ได้อยู่
เอ๊ะ!!
คำที่สามขณะพึ่งเริ่มเข้ากินไป กันต์ชักรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ก้มลงมองข้าวต้มปลาที่กำลังจะตักเข้าปากด้วยความสงสัย ตั้งแต่ย้ายมาอยู่คอนโด เขาไม่เคยซื้อเนื้อปลามาไว้ที่ตู้เย็นเลยสักครั้ง แล้วอีกฝ่ายไปหาซื้อมาจากไหน ในเมื่อแถวนี้ไม่มีตลาดถ้าจะไปซื้อจริงๆ ต้องตื่นแต่เช้าแล้วนั่งรถไปซื้อยังตลาดสด ซึ่งอยู่ไกลและห่างจากที่นี้ ประมาณ 10กิโลเมตร
“เดี๋ยวนะ ข้าวต้มปลา แล้วมึงไปซื้อปลามาจากไหนวะ” ตุลย์วางช้อนลง จ้องมองคนตรงหน้า ก่อนเผยยิ้มอย่างมีเลศนัย รอยยิ้มนั้นทำให้กันต์เริ่มรู้สึกไม่ดี เวลาตุลย์ยิ้มแบบนี้ทีไรมักมีเรื่องที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงทุกที
“ก็....เอามาจากตู้ปลามึงไง” ตุลย์ตอบกลับน่านิ่ง พร้อมตักข้าวต้มปลากินต่ออย่างไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดอะไรมาก่อนหน้านี้
“อ่อ มึงหมายถึงปลาทองที่กูเลี้ยงไว้ในตู้ใช่ป้ะ”
“อืม”
กันต์ที่กำลังก้มหน้าจะกินข้าวต้มต่อนั้น ต้องหยุดชะงักวางช้อนลง เขากลับนั่งนิ่ง ค่อยๆ เอียงหน้าหันไปมองตู้ปลากลางห้องอีกครั้ง น้ำสีฟ้าคราม ที่เพิ่งใส่น้ำปรับสภาพผิวน้ำใสลงไปเมื่อ2วันที่แล้ว ไม่มีแม้แต่กระทั่งสิ่งมีชีวิตใดๆ หลงเหลืออยู่ มีเพียงฟองอากาศใสๆ ลอยอยู่ในน้ำ
“เชี่ยยยยยย!! น้องม้าน้ำกู”
กันต์ตะโกนร้องเสียงดังลั่นไปทั่วไปห้อง ณ ขณะนี้น้ำใสๆ เริ่มไหลออกมาจากดวงตาโดยไม่รู้ตัว [แค่กแค่ก] เขาแทบสำลักออกมา เมื่อรู้ความจริงที่แสนโหดร้าย น้องม้าน้ำปลาทองที่เขารักมากที่สุดมันได้ตกอยู่ในท้องเขา เฮ้ย! ไม่ใช่สิ มันได้ตายจากเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“หึ....ไอ้แว่นหน้าโง่ คิดหรอว่ากูจะทำกับข้าวให้มึงกินดีๆ กูไม่มีวันทำดีกับมึงหรอกโว้ย” จากใบหน้านิ่งเฉย กลับกลายชั่วร้ายขึ้นมาทันที พร้อมแสดงสีหน้าเยาะเย้ยเมื่อแกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ
“กูว่าแล้ว มึงต้องไม่ใช่คนดี ไอ้คนเลว ไอ้คนอำมหิต ไอ้ปากเสีย ไอ้ ไอ้.....” กันตพยายามสรรหาคำด่า ให้สาสมกับปลกท้องที่ตายไป
“กูไม่ได้ทำปลามึงตายซะหน่อย แค่น้องสายไหมของกู เอามือไปจุ่มในน้ำ แล้วข่วนปลามึงนิดหน่อยเท่านั้นเอง จากนั้นปลามึงก็ลอยขึ้นมาตาย” ตุลย์พูดขึ้นอย่างไม่มีท่าทีสลด
“กูไม่เชื่อ มึงต้องสั่งให้แมวมึงทำแบบนี้ใช่ไหม” กันต์แทบควันออกหู เขารู้สึกโมโหแทบอยากต่อยปากคนตรงหน้าให้ล้มไปนอนกับพื้น
“กูอุตส่าห์ทำข้าวต้มปลาสุดที่รักของมึง เพื่อเป็นการไถ่โทษแทนน้องสายไหมกูให้กินแล้วนิ จะเอาอะไรอีก” ประโยคที่ตุลย์พูดออกมามันทำให้กันต์ไม่มีรู้สึกโมโหขึ้นยิ่งกว่าเก่า
“เอานี่” ตุลย์หันหลังเดินไปหยิบถุงใส โยนลงที่หน้ากันต์
“อะไรของมึงอีกวะ จะแกล้งอะไรกูอีก” เขารีบหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย
“เกล็ดปลาทองมึงไง เอาไว้ไปปลูกให้มันโตขึ้นเป็นต้นไม้นะ”
“ต้นไม้บ้าบออะไรของมึงวะ นี่มันไม่ใช่ละครพื้นบ้านสักหน่อย มึงอย่ามาตลก”
กันต์กำเกล็ดปลาทองไว้แน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาประจันหน้าอีกฝ่าย อย่างเคียดแค้น เขาสูดหายใจแรง ง้างมือขึ้นเตรียมชกอีกฝ่าย “มึงตาย” มือข้างขวากำแน่น พุ่งชนไปเต็มแรงยังหน้าของเป้าหมาย ยังไม่ทันที่มือนั้นจะชกเข้าไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา จู่ๆ มือหนาได้ยกขึ้นมาจับไว้แน่น ทำให้กันต์ต้องหยุดการกระทำนั้นลงไป
“ใจเย็นๆ สิวะ ไม่เห็นต้องทำร้ายกันเลย ข้าวต้มที่มึงกินไปอ่ะ เป็นเนื้อปลาตามตลาดโว้ย ส่วนปลาทองมึงที่ตายไป กูเอาใส่ไว้ในถ้วยนู้น”
กันต์ลดมือลง ก่อนมองไปยังถ้วยสีฟ้า ที่วางอยู่ซิงค์ล้างจาน เขาจับมันขึ้นมา ก็พบว่าเป็นปลาทองที่เขาเลี้ยงไว้จริงๆ แต่นั้นมันยังทำให้เขาไม่หายโกรธอยู่ เพราะในเมื่อความจริงปลาทองได้ตายไปแล้ว “ส่วนเรื่องที่ปลาทองมึงตาย เป็นเพราะแมวกูจริงๆ” น้ำเสียงที่แข็งกล้ากลับกลายเป็นอ่อนลง เมื่อตุลย์เห็นท่าทีอีกฝ่ายเริ่มไม่ดี
“ซะใจมึงยังละ ที่ทำปลาทองกูตาย” กันตพูดพร้อมปาดน้ำตาที่ไหลอยู่อาบแก้ม ดวงตาเขาแดงก่ำ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น จ้องมองปลาทองด้วยความเสียใจ
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ไม่ได้ตั้งใจหรอวะ กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าให้ดูแลแมวมึงดีๆ ฮื่อ!!” กันต์ยืนร้องไห้อย่างคนขาดสติ
ตุลย์เห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้ามากดศีรษะให้กันต์ซบลงที่หน้าอกของเขาอย่างเบามือ พร้อมกับลูบหับอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกผิด กันต์ยืนนิ่งปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆ ของอีกฝ่าย เขาร้องไห้ออกมาไม่หยุดบนหน้าอกอันอบอุ่นนี้ เวลาเพียงไม่นานความรู้สึกของเขาเริ่มดีขึ้นมาทีละนิด เวลาเขามีเรื่องทุกข์ใจหรือเรื่อ งเสียใจอะไร แม่ชอบทำแบบนี้เพื่อปลอบให้เขารู้สึกดีขึ้นอยู่บ่อยๆ
“ใจเย็นขึ้นมาบ้างยังมึง”
ตุลย์ถามด้วยความเป็นห่วง เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้เสียใจนักมากถึงขนาดนี้ เขาไม่อยากโทษสายไหมแมวของเขาด้วยซ้ำ เป็นเพราะเขาดูแลแมวไม่ดีจึงทำให้ปลาทองกันต์ตาย ตอนแรกแค่อยากจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นๆ แต่ตอนนี้กลับเห็นใจอีกฝ่ายขึ้นมา
อ้อมแขนนี้มันดูกว้างและรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ ทำให้กันต์รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปตามความรู้สึก ด้วยความอ่อนไหว แต่นี่ไม่ความอบอุ่นจากแม่ของเขา แต่มันดันเป็นความอบอุ่นจากคนที่เขาเกลียดมากที่สุด “เฮ้อ!! ไอ้บ้า ออกไปซะ” เมื่อกันต์ได้สติขึ้น จึงรีบผลักตุลย์ให้ออกห่างตัว พร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่
“โอ๊ย!! เจ็บนะโว้ย ผลักซะแรงเลย”
“สมน้ำหน้า ที่มึงทำปลาทองกูตายละ”
“กูไม่ได้ตั้งใจ เอาไว้กูซื้อมาให้ใหม่ละกัน”
“กูไม่ต้องการ” กันต์พูดเสร็จจึงยกถ้วยปลาทอง ออกไปยังนอกริมระเบียนเนื่องจากเขาไม่อยากฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้ตุลย์ยืนอยู่ในห้องเพียงลำพัง กันต์ไม่มีแม้แต่ยกโทษให้ เขากลับแสดงท่าทีไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ตุลย์ยืนมองแผ่นหลังนั้นผ่านกระจกริมระเบียน สีหน้าเศร้าใจ ก่อนก้มลงมองดูคราบน้ำตาที่เปียกอยู่บนเสื้อช็อปสีน้ำตาล “เฮ้อ!! กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะไอ้แว่น” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย นาทีนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรต่อ เขาได้แต่รอให้อีกฝ่ายใจเย็นมากกว่านี้ ก่อนตัดสินใจเดินออกจากห้องไป
เสียงประตูปิดลง กันต์หันหลังกลับไปมองยังหน้าประตู เพื่อดูว่าตุลย์ได้ออกจากห้องไปแล้วจริงๆ เฮ้อ!! เขาถอดหายใจยาวออกมา
“ไงจร้า กันต์” เสียงใสๆ ของหญิงสาวเอ่ยขึ้นข้างหูของเขาอย่างแผ่วเบา เขาหันไปมองหน้าเธออย่างไม่รู้สึกตกใจ
“มีอะไรครับออโรร่า”
“เธอนี้นะก็รู้อยู่นิ ฉันบอกเธอไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนิเรื่องเกี่ยวกับปลาทองของเธอ ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันนี้”
เมื่อคืน ก่อนที่กันต์จะหลับลงไป ออโรร่าได้มาหาเขาอีกครั้ง พร้อมบอกเรื่องปลาทองเพื่อให้เขาเตรียมใจเอาไว้ ตอนแรกเขาไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าน้องม้าน้ำของเขาจะตายลงไปจริง บวกกับตอนเช้าตื่นขึ้นมาอีกฝ่ายดันบอกเขาว่าแมวของเจ้าตัวได้มาข่วนปลาของเขาตาย จึงทำให้รู้สึกโมโหขึ้นมา จนเขาลืมเรื่องที่ออโรร่าบอกไปทั้งหมด
“ใครจะคิดว่าน้องม้าน้ำผมจะตายเร็วขนาดนี้ละครับ ผมยังทำใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมไอ้ผมเทามันยังหลอกว่าเป็นเนื้อปลาทองของผมอีก เป็นใครจะไม่โกรธละครับ”
“เอาน่า โกรธยังไงก็รักกันอยู่ดีนั่นแหละ” เธอพูดเชิงทีเล่นทีจริง ทำให้กันต์หันขวับมองหน้าเธอ
“ออโรร่า ไม่พูดแบบนี้สิครับ ตราบใดที่ผมยังมีตัวเลือกทั้ง3คนอยู่ ยังไงผมไม่มีทางเชื่อหรอกว่าไอ้ผมเทามันคือเนื้อคู่ของผมเด็ดขาด”
“จร้าๆๆ ตามใจ ว่าแต่เอาปลาทองเธอมานี้สิ” กันต์ส่งถ้วยปลาทองไปให้กลับเธอ อย่างไม่ลีรอ
“จะทำอะไรครับ”
“ดูนี้นะ”
เธอหยิบไม้ กายสิทธิ์ขึ้นมา ก่อนท่องคาถาร่ายมนตร์ เสกไปยังปลาทองตัวสีส้มให้แตกสลายกลายเป็นเกร็ดสีรุ้งเล็กๆ มีแสงวิบวับ ดูงามตา ให้ลอยขึ้นไปยังท้องฟ้า ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป
กันต์ยืนมองด้วยความตื่นตา เขาไม่เคยเห็นสิ่งมหัศจรรย์นี้ที่ไหนมาก่อน
“คราวนี้ก็สบายใจได้แล้วนะ น้องม้าน้ำของเธอไปสบายแล้ว”
“ขอบคุณนะครับออโรร่า” กันต์มองไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง พร้อมยกมือขึ้นอธิษฐานให้ปลาทองของเขามีความสุข มีชีวิตที่ดีๆในภพต่อๆ ไป เขาจะไม่มีวันลืมมัน ม้าน้ำ!! ชื่อที่เป็นเพื่อนยามคลายเหงาของเขา
ซู๊ด!! เสียงชดข้าวต้มดังขึ้นจากด้านหลังของเขา กันต์เดินเข้าไปยังห้องครัว ก็พบว่าออโรโร่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่
“เธอไม่กินหรอ”
“ไม่อ่ะครับ ผมอิ่มแล้วออโรร่ากินเถอะ ผมมีเรียนต่อ” เธอพยักหน้ารับก่อนก้มลงกินต่อ
ก่อนที่กันต์จะเดินเข้าไปในห้องนอน เขายืนมองสายไหมที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่บนโซฟาด้วยความสบาย โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้านายตัวเองได้ทำเรื่องอะไรเอาไว้ “ฉันไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรแกหรอกนะ แต่แค่รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายแกเท่านั้น” เขายืนมองอยู่แบบนั้น ทั้งๆ ที่ใจอยากเข้าลูบหัวมันสักครั้ง แต่ใจยังไม่กล้าพอที่จะทำมันลง เมื่อไรนะ ที่เขาจะหายกลัวแมวสักที
หน้ามหาลัย
ตุลย์เดินคอตกมายังหน้ามหาลัย สีหน้าเขาดูไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ที่ได้เกิดขึ้น สิ่งที่เขาทำลงไปมันทำให้อีกฝ่ายเสียใจ
“นี่เราไม่ได้แกล้งมันแรงไปใช่ไหม เฮ้อ!!”
“ไงไอ้ตุลย์ เป็นไรวะมึง ทำหน้าเครียดซะ” ปาล์มเพื่อนสนิทตุลย์ เดินเข้ามาทักทายตามประสาเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก เขามองหน้าเพื่อนสนิทจึงเกิดมีความหวังขึ้นมา
“ไอ้ปาล์ม กูขอถามอะไรมึงหน่อยสิ”
“ถามมาสิวะ”
“สมมุตินะ ถ้ามึงได้ไปแกล้งคนหนึ่งเข้าจนเขาร้องไห้ แต่คนที่แกล้งเขาไม่ได้ตั้งใจ มึงจะทำไงให้เขาหายโกรธมึงวะ”
“กูหรอ ก็คงตามง้อ ซื้อของให้ จนกว่าเขาจะหายโกรธล่ะมั่ง”
“เออใช่ กูควรทำ” ตุลย์เริ่มแสดงสีหน้าอย่างมีหวังขึ้นมา
“แล้วนี่ มึงไปทำให้ใครร้องไห้มาเนี่ย”
“เปล่า ไม่ใช่กูสักหน่อย นี่มันเรื่องของเพื่อนของเพื่อนกูต่างหาก นี้ก็สายแล้วกูไปเรียนก่อนนะ” ตุลย์รีบพูดล่ำลาปาล์มก่อนจะวิ่งออกไป เพราะไม่อยากให้ปาล์มรู้ ถ้ารู้ขึ้นมามีหวังได้เอาไปเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟังเป็นแน่
“คอยดูนะไอ้แว่น กูจะทำให้มึงหายโกรธกูให้ได้”
(ความสนุกของตัวเอง แต่ กลายเป็นความทุกข์ของคนอื่น)
ความคิดเห็น