คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เพื่อนร่วมห้อง(ที่เกลียด)
บรรยากาศหน้าห้อง ณ ขณะนี้เต็มไปด้วยความเงียบ สายตาทั้งคู่ต่างจ้องกันไปมา ตุลย์ไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด เขากลับยืนนิ่งพร้อมยิ้มมุมปากให้อีกฝ่าย
“ม...ม..มึง คือ...”
“เจอกันแล้วอีกนะไอ้แว่น”
“ใครอยากเจอมึง แล้วมึงมาทำอะไรห้องกู”
“ก็มานอนที่นี่ไง”
“นอนที่นี่” กันต์ถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่สายตาคู่สวยจับจ้องไปยังกระเป๋าเป๋ใบใหญ่สีดำสะพายข้าง มือข้างซ้ายถือกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ถูกปิดคลุมด้วยผ้าบางสีชมพู “ไม่จริง มึงตลกล่ะ กูว่ามึงมาห้องผิดแน่ๆ ออกไปให้ไกลจากหน้าห้องกูเดี๋ยวนี้” กันต์พยายามผลักให้อีกฝ่ายออกจากหน้าห้องตัวเองไป แต่เขากลับสู้แรกอีกฝ่ายไม่ไหว
“กูไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ นี่มึงยังไม่ได้คุยกับพี่สาวมึงใช่ไหม” กันต์ปล่อยมือลง ยืนนึกเรื่องพี่สาวของตัวเอง ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากถามกลับ (เสียงริงโทนไอโพน) จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้นกลางห้อง เหมือนรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร
“มึงรอกูอยู่หน้าห้องก่อนนะ ห้ามเข้ามาข้างในเด็ดขาด”
พอพูดสั่งคนร่างสูงเสร็จ เขาจึงรีบเดินมาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟาขึ้นมา หน้าจอปรากฏชื่อกิ่งแก้ว พี่สาวคนเดียวของเขา เขารีบกดรับทันทีเพื่อต้องการรู้ความจริงเรื่องราวทั้งหมด สายตาเหลือบมองคนหน้าประตูเป็นพักๆ
ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากถาม เสียงใสๆ ของกิ่งแก้วพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
{ฮัลโหลกันต์ ฉันลืมบอกแกไปเลยว่าวันนี้จะมีน้องชายเพื่อนฉัน ย้ายไปนอนห้องฉัน 1 เดือน}
“ฮะ!! พี่ว่าไงนะ ทำไมพี่ไม่ถามผมก่อนล่ะ พี่ก็รู้นิว่าผมโลกส่วนตัวสูง ผมชอบอยู่คนเดียว” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงโมโหใส่พี่สาวของตนไป
{ฉันรู้แก แต่ฉันดันตกลงไปแล้ว ได้ค่าเช่ามาตั้ง3หมื่นแน่ะ เป็นใครจะไม่เอาย่ะ”
“โถพี่ ผมไม่อยากอยู่กับมันนิ พี่ยกเลิกไม่ได้หรอ”
{ไม่ได้หรอกแก พอดีฉันเอาเงินที่ได้มาไปซื้อของใช้หมดแล้ว}
“ฮะ!! พี่ว่าอะไรนะ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับผมได้”
{เอาน่าแก แค่เดือนเอง เดี๋ยวน้องเขาก็ย้ายออกไปแล้ว อดทนหน่อยนะ ฉันง่วงแล้วอ่าขอตัวนอนก่อน บายจร้า}
“เดี๋ยวสิพี่ อย่าพึ่งว่าง”
กิ่งแก้ววางสายจากน้องชายไปอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้เขายืนเคว้งอยู่เพียงลำพัง เขาง้างมือขึ้นเตรียมจะโยนโทรศัพท์ลงพื้น ก่อนจะลดมือลง เพราะนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้แพงเอาการอยู่ เขานั่งลงไปยังโซฟาพร้อมยกมือขึ้นขยี้หัวด้วยความโมโห ตั้งแต่เด็กจนโตพี่สาวของเขามักชอบหาเรื่องปวดหัวมาให้กลับเขาตลอด จนถึงตอนนี้ วันที่เธอได้นำพาคนที่เขาเกลียดขี้หน้า และคาดว่าจะเป็นเนื้อคู่ของเขา มาเช่าอยู่ในห้องเดียวกัน
“ไอ้บ้าเอ่ย!! จะให้อยู่กับไอ้ผมเทาเนี่ยนะ ยอมตายดีกว่า”
“นี่มึงโวยวาย เสร็จยัง” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นกลางห้อง
“เฮ้ย!! นี่มึงเข้ามาในห้องกูได้ไง” กันต์สะดุ้งตกใจลุกขึ้นพรวด หันหน้ามองตุลย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังโซฟา โดยที่เขาไม่รู้ตัว ณ ตอนนี้ประตูหน้าห้องได้ถูกปิดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ก็เดินเข้ามาสิวะ ถามแปลกๆ จะให้กูคลานมาหรอ กูง่วงล่ะ ไหนห้องพี่มึงล่ะ” กันต์แทบเลือดขึ้นหน้ากำมือแน่น เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดไม่ดีใส่ คนอย่างเขาถึงคติที่ว่า ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาจะร้ายกลับคืนหลายเท่า
“ไม่บอก” กันต์เชิดหน้ายืนกอดอก แสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ เขาไม่ยอมบอกซะอย่าง อีกฝ่ายคงยอมและออกจากห้องนี้ไปอย่างโดยดี
“จะบอกดีๆ ไหมไอ้แว่น”
“ก็กูบอกว่าไม่บอกไงวะ กูไม่ให้มึงอยู่ห้องนี่ ออกไปซะ” กันต์พูดเสียงแข็งพร้อมกับชี้นิ้วไปยังประตูหน้าห้อง
“งั้นได้.....ไม่บอกดีๆ ใช่ไหม”
ตุลย์แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนวางกล่องสี่เหลี่ยมลงเบาๆ ก้าวเท้าเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย กันต์แสดงสีหน้าตกใจ ค่อยๆ เขยิบเดินถอยหลังออกห่าง จนร่างไปสะดุ้งเข้ากับโซฟาก่อนราบนั่งลงไป สายตาจับจ้อง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ที่ดูน่าหลงใหล พร้อมริมฝีปากสีชมพูที่ดูดึงดูดชอบกล ทำให้เขาแทบไม่อยากละสายตาไปไหน
ใบหน้าใส ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มือข้างซ้ายจับโซฟาพยุงตัวเองเอาไว้
“ม..มึง....จะทำอะไรกู”
กันต์พูดเสียงสั่นเครือตัวแข็งทื่อ รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวของอีกฝ่าย ทำให้เขาไม่กล้าแม้จะขยับตัวไปไหนได้อีก ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบอย่างง่ายดายโดยไม่ขัดขืน
“ก็....จะจูบมึงไง”
ตุลย์ ยิ้มมุมปาก ก่อนโน้มหน้าลงเข้าไปใกล้อีกฝ่ายปากสีชมพูอันชวนน่าสัมผัสหยุดอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายห่างระยะ 5 ซม. ปลายจมูกของเขาทั้งสองเกือบชนกัน กันต์กะพริบตาลงช้าๆ ลมหายใจหยุดไปชั่วขณะ เสียงหัวใจกลับเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ คล้ายจะทะลักออกมา นี้เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดคนแปลกหน้าระยะประชิดแบบนี้
สีหน้าท่าทางของตุลย์ รู้สึกชอบใจอยากมากเมื่อเห็นคนปากเก่งตรงน่ากลัวเขาจนตัวสั่น กันต์รีบหลับตาปี๋ด้วยความเริ่มรู้กลัว เพราะไม่อยากเห็นสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า สองมือจิกโซฟาไว้แน่น (จะทำอะไรก็รีบทำสิวะ กูกลัวมึงจะตายอยู่แล้ว) กันต์บ่นพึมพำในใจ
ยังไม่ทันที่เขาจะคิดภาพไปถึงไหนต่อ จู่ๆ ก็ถูกฝ่ามือหนาๆ ผลักศีรษะเต็มแรงให้หันไปอีกทาง
“โอ๊ย!!” กันต์ ร้องเสียงออดโวย เมื่อถูกอีกฝ่ายผลักศีรษะ “ทำอะไรของมึงเนี่ย” เขาลืมตาขึ้นเอ่ยถามกลับอีกฝ่าย
“หึ!! นี้มึงคิดจะว่ากูจะจูบมึงจริงๆ หรอวะ ไอ้แว่น” ตุลย์ส่ายหัวเบาๆ เพราะแกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ
“เออ...” กันต์ถึงกลับเงียบพูดไม่ออก ก่อนพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา “มึงอะมั่วแหละ กูไม่ได้คิดว่ามึงจะจูบกูสักหน่อย ออกไปให้ไกลจากตัวกู” กันต์รีบผลักตุลย์ให้ออกห่างจากตน ก่อนจะหันหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย
“ที่นี้มึงก็บอกกูได้แล้วนะ ว่าห้องนอนพี่มึงอยู่ไหน” กันต์ที่ไม่มีทางเลือก เป็นรองตุลย์อยู่ ณ ขณะนี้ จึงยอมบอกไปอย่างง่ายดาย
“ห้องนี่ รีบๆ เข้าไปซะ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” กันต์ชี้นิ้วไปยังหน้าประตูห้องฝั่งตรงข้าม
ตุลย์พยักหน้ารับก่อนเดินไปยกกล่องสีชมพูขึ้นมา “เฮ้อ....ว่าแต่เมื่อกี้เสียดายจัง จะได้จูบอยู่แล้วเชียว” ตุลย์พูดขึ้นเพื่อแกล้งให้กันต์หัวเสีย
เมื่อกันต์ได้ยินเช่นนั้น จึงมีแรงฮึดขึ้นสู้อีกครั้ง “ไอ้ผมเทา มึงหุบปากไปเลยนะ รีบๆ เข้าห้องไปซะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี้” เขายอมรับตามตรงว่าเหตุการณ์เมื่อกี้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ แต่ถึงยังไงถ้าเขาไม่สู้กลับ อีกฝ่ายคงได้แกล้งเขาไปตลอด
เมี๊ยว เมี๊ยว!!
ยังไม่ทันที่ตุลย์จะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู จู่ๆ เสียงปริศนาได้ดังขึ้นมาในกล่องสีชมพู สายตาทั้งคู่มองไปยังกล่องสี่เหลี่ยมที่มีผ้าปกคลุมเอาไว้ ตุลย์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉยกลายเป็นสีหน้าตกใจ กลอกตามองไปมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ว่าเสียงที่เกิดขึ้นมาจากเขา
“เดี๋ยวนะ!! นี่มึงแอบเอาแมว มาเลี้ยงหรอวะ คอนโดนี้เขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์นะโว้ย” กันต์ได้ทีจึงต่อว่าอีกฝ่ายกลับ
ตุลย์ยิ่งนิ่ง กลอกตามองไปรอบๆ ห้องพยายามหาข้อต่อสู้ เพื่อนำมาลบล้างความผิดของเขา ในที่สุดเขาเจอมันจนได้ ตู้ปลาขนาดไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่กลางห้อง “แล้วที มึงล่ะ เลี้ยงปลาทองไว้ในห้อง”
กันต์หันไปมองตู้ปลาข้างกาย “อุ๊ย!!” เขาตกใจเล็กน้อย เนื่องจากลืมไปสนิมเลยว่าเขาก็แอบเลี้ยงสัตว์ที่คอนโดห้ามไว้เหมือนกัน
“เออ....มันเป็นห้องกูโว้ย กูเลี้ยงได้” เขายังกล้าแถต่ออย่างไม่ยอมง่ายๆ
“ถ้ามึงเลี้ยงได้ กูก็เลี้ยงได้เหมือนกัน เพราะกูได้จ่ายค่าเช่าห้องไปแล้ว” กันต์ที่ไม่มีทางเลือกอีกครั้งจึงจำยอมให้อีกฝ่ายเลี้ยงแมวในห้องได้ในที่สุด สถานการณ์ตอนนี้เขาไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย
“เออ ก็ได้วะ แต่มึงต้องบอกแมวมึงด้วย ห้ามมายุ่งกับน้องม้าน้ำกูจำไว้”
“เออได้” ตุลย์ตอบกลับเพียงสั้นๆ “ไปนอนกันเถอะนะ สายไหม คงง่วงแล้วสินะ” น้ำเสียงนุ่มละมุน อ่อนโยน พูดขึ้นกับแมวสุดที่รัก
กันต์เห็นเช่นนั้น ถึงกลับต้องแบะปากมองบนอย่างไม่ชอบใจ ก่อนหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนตัวเอง (แค่ก!!) เขาเริ่มไออีกครั้ง จากอาการไข้ที่ยังไม่หายดี
ตุลย์หยุดยืนมองอีกฝ่ายผ่านช่องประตู ก่อนปิดประตูห้องลงไป
ห้องโทนสีฟ้าครามดูเรียบหรูสะอาดตา สิ่งของภายในห้องได้ถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบ ตรงมุมห้องข้างหน้าต่างมีโต๊ะคอมตั้งไว้อยู่ กันต์โน้มตัวลงบนที่นอน 5ฟุต จ้องมองเพดานสีฟ้าคราม มีเพียงแสงจากโคมไฟส่องสว่างอยู่ภายในห้อง เขานอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา นึกถึงเรื่องเนื้อคู่ของเขาที่ออโรร่าบอกไว้เมื่อตอนเย็น
“ไอ้ผมเทาเนี่ยนะ จะเป็นเนื้อคู่เราจริงๆ เจอหน้ามันทีไรชอบหาเรื่องทุกที ถ้าเกิดใช้ขึ้นมาละ เราจะทำไงดี ไม่อยากจะคิดเรื่อง” ใจจริงเขาเป็นคนไม่ยอมด้วยซ้ำแต่พอเจอตุลย์เข้าไป ความกล้าที่มีทั้งหมดกลับศูนย์หายไปชั่วพริบตา
อีกฝั่งของห้อง
“สายไหม เราจะอยู่ที่นี้ 1เดือนนะครับ เป็นเด็กดีนะ” ตุลย์นั่งยิ้มลูบหัวน้องแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาว ขนยาวฟู หน้าตาน่าเอ็นดู ดวงตาสีฟ้าคราม เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ทำแบบนี้
“มันก็ไม่แย่นะ ที่ได้ทำแบบนั้น” เขาเผยยิ้มมุมปากขึ้น
(คนอ่อนแอ ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนที่แข็งแรงกว่า)
ความคิดเห็น