ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอ้หมอนี่...เป็นเนื้อร้าย เฮ้ย!!เนื้อคู่ผม

    ลำดับตอนที่ #3 : คนที่ไม่อยากเจอหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 63


    คุณชายคิม...

    ไอ้กันต์ อยู่ไหนล่ะ

    กันต์..น้อยสี่ตา

    กูอยู่หน้ามหาลัยแล้ว กำลังเดินเข้าไป

    ลูกบาสกระดุ๊กกระดิ๊ก

    กันต์เพื่อนรัก วันนี้กูลืมซื้อน้ำแตงโมปั่นมา

    ยังไงกูรบกวนมึงช่วยเดินข้ามถนนไปซื้อให้กูหน่อยได้ไหม

    กันต์..น้อยสี่ตา

    แหม่ทีงี้ เห็นกูเป็นเพื่อนรักเลยนะมึง

    ลูกบาสกระดุ๊กกระดิ๊ก

    กูก็เห็นมึงเป็นเพื่อนรักกูตลอดแหละ แค่กูไม่พูดเฉยๆ

    นะ นะ ซื้อให้หน่อย

    (พร้อมส่งสติ๊กเกอร์การ์ตูนร้องไห้)

     

    กันต์..น้อยสี่ตา

    เออๆ กูจะซื้อไปให้ละกัน

    ข้อความอ้อนวอนจากเพื่อนรักทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้จึงตอบตกลงไปอย่างง่ายดายเพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนแบบนี้

    ไฟหน้าจอโทรศัพท์ดับลง กันต์หันมองซ้ายมองขวาก่อนก้าวขาทั้งสองรีบเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง เป้าหมายคือร้านน้ำปั่น ป้าแดง เจ้าประจำที่เขากับเพื่อนมักซื้อกินบ่อยๆ ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามหน้ามหาลัย เป็นร้านเพิงหมาแหงนบริเวณด้านหน้ามีรูปปั้นวัวตัวใหญ่สีขาวลายจุดสีดำ รูปร่างอวบอิ่ม ตั้งอยู่ด้านหน้า ที่ใครผ่านมาเป็นอันต้องสะดุดตาอันดับแรก

    กันต์ล้วงมือหยิบบัตรคิวในตะกร้าเล็กสีแดงที่แขวนอยู่หน้าร้าน ก่อนเดินไปนั่งรอยังโต๊ะม้าหินอ่อน ช่วงเช้าของวันนี้เขารู้สึกร่างกายเพลียๆ นอนหลับไม่เต็มอิ่ม เนื่องจากเมื่อคืนมั่วนอนคิดเรื่องเนื้อคู่อยู่เกือบตลอดทั้งคืน สิ่งที่เธอคนนั้นบอกตอนแรกเขาไม่อยากจะเชื่อมันด้วยซ้ำ แต่พอมาคิดดูอีกที จะมีใครบ้างที่ทำให้คนทั้งคนหายตัวไปต่อหน้าต่อหน้า แถมบาสเพื่อนสนิทยังพูดว่ามันคือเรื่องจริง ท้ายสุดแล้วเขาจึงต้องจำใจเชื่อเรื่องพวกนี้

    (...เฮ้อ....รู้งี้ไม่น่าไปดูดวงตั้งแต่แรกเลยเรา....)

     

    กันต์!! หนู!!” ป้าแดงตบไปที่ไหล่กันต์เบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัว

    ครับ!!! ป้า”

    วันนี้เอาอะไรจ๊ะ”

    อ่อ เอาน้ำแตงโมปั่น กับชาเขียวปั่นครับ”

    จร้า งั้นหรอแปปนะ”

    ครับป้า”

    เฮ้อ!! กันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาเหม่อลอยมองผ่านเลนส์แว่นใสไปยังทางเข้าหน้ามหาลัย ซึ่งมีนักศึกษาชายหญิงส่วนใหญ่ ต่างเดินกันมาเป็นคู่ จับไม้จับมือ เดินพูดคุยกันอย่างสนิทสนม จนเขาเกิดรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที ความรักของหนุ่มวัย21ปี ไม่มีแม้กระทั่งคนมาบอกชอบ มีแต่ไปบอกชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียว ผลสุดท้ายคืออกหักตามเคย (มันเป็นยังไงกันนะ ไอ้ความรักเนี่ย)

    เสร็จแล้วจร้า”

    นี่เงินครับป้า” กันต์ลุกขึ้นยื่นเงิน 60บาทไปให้กับป้าแดง

    วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่สดชื่นเอาซะเลย” ป้าแดงถามด้วยความเป็นห่วง

    พอดีผมมีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อยอ่ะครับ”

    ป้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเรื่องอะไร แต่ยังไงสู้ๆ ละ ป้าเชื่อว่าเราจะผ่านไปได้”

    ขอบคุณครับป้า งั้นผมไปเรียนก่อนนะครับ”

    หลังจากร่ำลาป้าแดงเขาจึงรีบวิ่งข้ามถนนมาอีกฝั่ง เนื่องจากเห็นว่าอากาศเช้าวันนี้ไม่ดีเท่าที่ควร ณ เวลา นี้มีเมฆหนาเลื่อนมาปกคลุม ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แสงพระอาทิตย์ค่อยๆ เลื่อนหายลับไป พร้อมเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะ

    ครืน..ครืน” เวลาเพียงไม่นาน เสียงฟ้าร้องพร้อมสายฝนเริ่มตกโปรยปรายจากฟากฟ้า เจ้าตัวเห็นท่าไม่ดีจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม มือข้างซ้ายยกขึ้นมาบังหน้า มือขวาเกี่ยวถุงแก้วน้ำปั่นทั้งสองกำไว้แน่น ก่อนที่วิ่งมาหยุดอยู่โรงรถของมหาลัย ซึ่งห่างจากตึกคณะนิเทศประมาณ 700เมตร

    เฮ้อๆ!! ฝนมาตกอะไรตอนนี้วะเนี่ย คนยิ่งรีบๆ อยู่” มือซ้ายยกเช็ดเลนส์แว่นตาที่เต็มไปด้วยน้ำฝน ก่อนก้มมองสำรวจเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ตอนนี้เปียกโชกเกือบทั่วตัว มีเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ด้านในยังคงแห้งอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมาทันที นอกจากไม่มีดวงเรื่องความรักแล้ว ชีวิตในแต่ละวันเขามักจะเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้เป็นประจำทุกครั้งไป

     

    ไปด้วยกันไหมคะ” เสียงใสๆ ของหญิงสาว ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ใบหน้าที่กำลังหมดสิ้นหวังกลับกลายมีรอยยิ้มขึ้น

    ไป...ครับ”

    กันต์ตอบอย่างไม่ต้องคิด ก่อนหันหน้ามองหญิงสาวคู่สนทนา ด้วยใบหน้าอิ่มเอิบนานๆ ทีจะมีผู้หญิงชวนเดินกางร่มไปด้วยกัน แต่ดันดีใจได้ไม่ถึง1นาที กลับต้องรีบหุบยิ้มลง เมื่อพบว่าหญิงสาวสวย ตัวเล็ก คนนี้ไม่ได้พูดกับเขา แต่เธอกำลังยืนหันหลังพูดคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ขณะนี้กำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์อยู่

    เพล้ง!!”

    เสียงแก้วแตกบาดลึกลงตรงกลางใบหน้า “ฮึ!! คิดว่าคุยกับเราซะอีก ดีนะไม่พูดดัง ไม่งั้นน่าอายมากกว่านี้แน่” กันต์ยืนมองดูพฤติกรรมทั้งสองอยู่ห่างๆ ด้วยความอยากรู้

     

    ไม่ดีกว่า เธอไปเถอะ” ชายหนุ่มร่างสูง สวมเสื้อช็อปสีน้ำตาลตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนเขยิบตัวให้ห่างออกมา สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อ หันหน้าเชิดมองไปทางอื่น เพื่อทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่อยากไปกับเธอจริงๆ

    เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นกลับยืนนิ่งก้มหน้าลง สองมือกำร่มไว้แน่น พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้แสดงพฤติกรรมไม่ดีออกไป ก่อนพยายามบีบน้ำตา ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอีกครั้ง กลับพบว่าใบหน้านั้นยังคงเฉยชาเช่นเดิม

    ใครหลายคนต่างบอกว่าเขาคนนี้ ไร้หัวใจ เป็นผู้ชายเฉยชา หักอกหญิงสาวมานับครั้งไม่ถ้วน ขนาดเธอเป็นถึงดาวคณะบริหาร มีผู้ชายหลายคนเข้ามาอยากทำความรู้จักกับเธอมากมาย แค่เธอพูดจาหว่านล้อมนิดหน่อย ผู้ชายพวกนั้นต้องสยบแทบท้าวเธอไปแล้ว เธอตามจีบเขามาเป็นอาทิตย์ แต่ผลสุดท้ายที่ได้คือเขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย กลับยิ่งห่างเธอไปเรื่อยๆ มากขึ้น จนมาถึงวันนี้วันที่เธออยากยอมแพ้มัน

    เราเข้าใจแล้วแหละ ขอโทษนะที่มารบกวน” เธอพูดน้ำเสียงสั่นคลอ ก่อนเดินถอยหลังออกมา สีหน้าผิดหวังอย่างมาก แผนที่เธอวางไว้ทั้งหมดพังลงไม่เป็นท่า ก่อนกางร่มสีชมพูหวานแววขึ้น แล้วรีบเดินกางร่มออกนอกศาลาไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง

    กันต์มองตามเธอไปด้วยความสงสาร “คิดว่าหล่อนักหรอไงวะ ปฏิเสธสาวน่ารักอย่างนี้ได้ลงคอ” ภายในใจเขาต่างพูดต่อว่าชายหนุ่มคนนี้อย่างไม่ชอบใจสักเท่าไร ก่อนหันหลังกลับมาดูสายฝนที่กำลังตกหนักไม่มีท่าทีจะหยุด มือข้างขวายกน้ำชาเขียวปั่นขึ้นมาดูดไปพลางๆ

     

    ไปด้วยกันไหม”

    น้ำเสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้นข้างกาย เขาค่อยๆ หันหน้าไปมองคู่สนทนาว่าเป็นใคร สายตาเริ่มมองตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีดำแถบขาว เลื่อนขึ้นมากางเกงยีนสีดำ เสื้อช้อปสีน้ำตาลเข้ม มือข้างหนึ่งถือร่มสีดำ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองตรงขมิ้วคิ้วอย่างสงสัย ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูได้รูป สีหน้านิ่งเฉย ดูไม่เป็นมิตร รูปร่างสูงสง่า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีเทาที่ดูสะดุดตาเหมือนเคยเจอกันมาก่อน

    ไม่อ่ะ กูไม่อยากไปกับคนแปลกหน้าอย่างมึง” กันต์รีบตอบปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด เพราะเขายังรู้สึกแค้นใจแทนผู้หญิงคนเมื่อกี้อยู่

    แปลกหน้าอะไรวะ นี่มึงลืมบุญคุณ คนที่ให้ผ้าเช็ดหน้ามึง เอาไว้เช็ดน้ำตาไม่ได้หรอไง”

    ผ้าเช็ดหน้า!!” กันต์นึกย้อนไป 7 วันก่อนหน้านั้น ภาพที่สวนสาธารณะหน้าตึกคณะนิเทศวนกลับมาในหัวเขาอีกครั้ง “อ่อ กูก็คิดว่าใคร มึงนี่เองไอ้ผมเทา” กันต์พูดด้วยอารมณ์ฉุดเฉียว เมื่อพบว่าคนตรงหน้า คือคนที่ต่อว่าเขาวันนั้น แถมยังมีหน้ากล้าเอาผ้าเช็ดหน้าสีดำเน่าๆ ผืนนั้นมาให้เขาซับน้ำตาอีก

    เออกูเองแหละ” ร่างสูงตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย

    ทำไมดูต้องมาซวยเจอมึงอีกด้วยเนี่ย มึงจะไปไหนก็ไป กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” กันต์ รีบเขยิบตัวเองให้ออกห่างเท่าที่จะทำได้ จนหน้าผากไปชนเข้ากับขอบเสาเหล็ก ปึก!! “อย่าร้องนะไอ้กันต์อดทนไว้” เขาพยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ตัวเองร้องออกมา เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายหัวเราะเขา

    คนตัวสูงแอบขำเล็กน้อย กับความไม่ระวังของอีกฝ่าย ก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆ อีกฝ่าย “ไม่ต้องกลัวกูขนาดนั้นก็ได้” เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหูกันต์เบาๆ ประโยคนั้นทำให้กันต์รู้สึกโมโหขึ้น

    ใครกลัวมึงวะ พูดดีๆ นะโว้ย” กันต์หันไปสบตาอีกฝ่ายเพื่อจะสู้กลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน สายตาจ้องเขม็งมองอีกฝ่าย มือซ้ายกำหมัดแน่น

    คนตัวสูงแหยะยิ้ม พร้อมกลับส่ายหัวไปมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย แถมยังจะกำหมัดต่อยเขาอีก

    ไม่กลัวก็ไม่กลัว แล้วนี้ตกลงจะไปกับกูไหม พอดีกูจะเดินไปคณะนิเทศพอดี”

    ก็บอกว่าไม่ไปไงวะ กูมีขาวิ่งไปเองได้” กันต์เมินหน้าหนีมองสายฝนที่กำลังตกอยู่ อย่างไม่สนใจ “ไอ้ฝนบ้านี่ไม่หยุดตกสักที” เขาบ่นพึมพำ สายตาเหลือบมองดูอีกฝ่าย ว่ากำลังทำอะไรอยู่

     

    เปรี้ยง!!

    เสียงฟ้าร้องดังขึ้นตรงหน้า ถึงกันต์จะรู้สึกตกใจเล็กน้อยก็ตาม แต่ไม่ทำให้เขารู้กลัวแต่อย่างใด เขาเป็นคนจิตใจเข้มแข็งมาตั้งแต่เล็กจนไม่เคยกลัวกลับเรื่องแบบนี้

    คนตัวสูงหันมองอีกฝ่าย ไม่มีท่าทีกลัวเสียงฟ้าร้องแต่อย่างใด ก่อนตัดสินใจกางร่มสีดำขึ้น

    ถ้างั้นกูไปก่อนนะ”

    เชิญ”

    เขาพยักหน้ารับ “โอเคร” ยังไม่ทันที่คนตัวสูงจะก้าวขาเดินพ้นหลังคาโรงรถ

    เดี๋ยวก่อนมึง!! กูไปด้วย!! คนด้านหลังพูดน้ำเสียงสั่นคลอ ปลายเสื้อช็อปสีน้ำตาลถูกดึงไว้แน่นไม่ให้เดินออกไป คนตัวสูงหยุดชะงัก หันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายพบว่าสีหน้ากันต์ตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด สติเริ่มไม่อยู่กับตัว ร่างกายสั่นเทาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง

    มึงเป็นอะไรเนี่ย” เขารีบถามกลับไป

    กูไม่ได้เป็นไร กูว่าเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” เหงื่อกันต์เริ่มไหล เขาพยายามเงยหน้าขึ้นไม่กล้ามองลงไปข้างล่าง คนตัวสูงเริ่มรู้สึกเอะใจ ก่อนค่อยๆ เลื่อนสายตามองลงไปด้านล่างพื้นถนน ก่อนเผลอขำออกมา เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวกิ้งกือที่กำลังคลานอยู่ตรงหน้า

    ฮึ!! นี้มึงกลัวกิ้งกือ” คนตัวสูงถามย้ำ

    เปล่าใครกลัวไม่มี๊ กูว่าเรารีบออกจากตรงนี้เถอะวะ” กันต์พยายามผลักร่างสูงให้ออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ถึงเขาจะเป็นคนเข้มแข็งยังไงก็ตาม แต่ถ้าเจอกิ้งกือเข้าไป ถึงจะเข้มแข็งแค่ไหนก็อ่อนลงทุกที

    มึงนี่แปลก เสียงฟ้าร้องดังขนาดนั้นดันไม่กลัว แต่ดันมากลัวกับอีแค่กิ้งกือตัวเล็กนิดเดียว” สีหน้าสงสัยบ่นแอบขำ เพราะตอนนี้เห็นอีกฝ่ายจับเสื้อเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

    กันต์ถึงกลับเงียบ เถียงไม่ออกเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดแทงใจดำ เพราะมันคือความจริงทั้งหมดที่ได้กล่าวมา

    แล้วไงวะ คนเหล่ามันก็ต้องมีสิ่งที่กลัวบ้างเป็นธรรมดา ว่าแต่รีบไปเถอะวะ กูมีเรียนเช้าด้วยเนี่ย” จากน้ำเสียงที่แข็งกล้า เริ่มอ่อนระทวย กันต์ค่อยๆ ก้าวขาข้ามกิ้งกือตัวนั้นมาอย่างทุลักทุเล แล้วรีบเดินมาหยุดยื่นอยู่ข้างอีกฝ่าย “ไปมึง” เขาไม่แม้แต่กลับหันหลังไปมองกิ้งกือตัวนั้น

    เออๆ”

    บรรยากาศภายในร่มสีดำต่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงสายฝนที่กระทบลงบนร่ม กันต์พยายามเดินห่างอีกฝ่ายไม่ให้ตัวชิดจนเกินไป จนแขนเสื้อด้านขวาของเขาเริ่มมีฝนตกลงมาใส่

    ไหนบอกไม่กลัวกูไง ยืนห่างซะ” คนตัวสูงหยุดเดินหันหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์

    ถึงเขาจะบอกไม่กลัวยังไงก็ตาม แต่การที่มาเดินกางร่มกับผู้ชายสองต่อสอง ในระหว่างฝนตกแบบนี้ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าล่ะก็คงคิดว่าเขาชอบผู้ชายแน่ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคนข้างกายตอนนี้เป็นคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเอามากๆ

    ถ้ามึงไม่เขยิบมา กูก็จะยื่นอยู่ตรงนี้แหละ” คนตัวสูงยื่นคำขาด เมื่อเห็นอีกฝ่าย ยืนนิ่งไม่ตอบโต้กลับสีหน้าแววตาและน้ำเสียงที่ดูจริงใจ ถ้าเขาไม่ยอมทำตามมีหวังเขาไปเรียนสายแน่ จึงทำให้กันต์ตัดสินใจกวาดสายตามองรอบๆ ตัว เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ก่อนจะเขยิบตัวเองเข้าหาอีกฝ่าย จนแขนทั้งสองคนแนบชิดกัน

    ใกล้พอยัง” กันต์พูดน้ำเสียงเชิดประชดประชันกลับไป

    อืม”

    คนตัวสูงตอบกลับเพียงสั้นๆ ก่อนเดินหน้าต่อไปยังคณะนิเทศ ในระหว่างทางกันต์แอบมองหน้าคนตัวสูงเป็นระยะ เขามีคำถามอยู่มากมายเกี่ยวกับชายคนดังกล่าว (มันหล่อตรงไหนวะ ทำไมสาวๆ ถึงชอบกันจัง) นี่เป็นคนถามที่เขาอยากรู้คำตอบมากที่สุด เพราะเขาดูยังไงไอ้หมอนี่หล่อสู้คิมเพื่อนเขาไม่ได้สักนิด จนสายตาของเขาทั้งสองคนต่างสบตากัน กันต์กะพริบตาลงช้าๆ ดังต้องมนต์สะกด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนส่งผลให้หัวใจเขาเริ่มเต้นถี่ขึ้น

    มีอะไรติดหน้ากูหรือเปล่าวะ” คนตัวสูงถามขึ้น เมื่อเห็นกันต์ยืนมองหน้าเขาอยู่นานสองนาน

    เปล่านิ เออถึงคณะกูแล้ว งั้นกูไปก่อนนะ” กันต์รีบขอตัวทันทีเมื่อถึงคณะนิเทศ เพราะเขาไม่อยากอยู่กับคนตัวสูงนานสักเท่าไร ความรู้สึกของเขาเมื่อกี้ได้หายลงไปในชั่วพริบตาเมื่อเดินมาถึงจุดหมาย

    เดี๋ยวสิวะ” คนตัวสูงรีบจับแขนกันต์ไว้ไม่ให้ไปไหน

    มีอะไรวะ” กันต์สะบัดมืออีกฝ่ายออก

    กูหิวน้ำ”

    หิวน้ำ” กันต์มองลงไปยังแก้วน้ำปั่นทั้งสองที่ตัวเองถืออยู่ในมือ ณ ขณะนี้มันกำลังเริ่มละลาย เขายืนคิดอยู่นานสองนานว่าจะไปให้ไปดีไหม ก่อนตัดสินใจยื่นน้ำแตงโมปั่นไปให้อีกฝ่าย “เอานี่ รีบๆ แดกซะ กูจะได้ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณมึง” ซึ่งมันไม่ใช่ของเขาแต่กลับเป็นของบาสที่สั่งเขาซื้อก่อนเข้ามหาลัยมา

    คนตัวสูงกลับส่ายหัวไปมา พร้อมจ้องมองไปยังแก้วน้ำปั่นอีกแก้วที่กันต์ถืออยู่ในมือ “กูอยากกินชาเขียวปั่น” กันต์มองแก้วน้ำปั่นชาเขียวของชอบ สลับกลับมองหน้าอีกฝ่าย

    แต่..กูกินไปแล้วนะโว้ย มึงกินน้ำแตงโมปั่นนี้ดีกว่า” กันต์พยายามพูดคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายยอมกินน้ำแตงโมปั่น

    ไม่เป็นไรกูไม่ถือ หรือมึงอยากติดหนี้บุญคุณกูละ” คำพูดนั้นมันทำให้กันต์ต้องคิดแล้วคิดอีก ในใจเขาไม่อยากจะให้ด้วยซ้ำ แต่อีกใจก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณอีกฝ่าย

    เออๆ ให้กินก็ได้ว่ะ” เขายื่นแก้วน้ำชาเขียวปั่นไปให้อีกฝ่ายอย่างจำใจ คนตัวสูงรีบคว้ารับไว้ก่อนจะดูดน้ำชาเขียวปั่นกลืนลงคอไป อย่างไม่สนใจว่ากันต์จะมีสีหน้าไม่พอใจก็ตาม

    อืมอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย เสียดายไม่มีไข่มุก” คนตัวสูงพูดพลางดื่มน้ำเขียวไปเรื่อยๆ จากน้ำเต็มแก้วตอนนี้เหลืออยู่ครึ่งแก้ว

    กันต์มองแก้วน้ำตาละห้อยคอยกลืนน้ำลายตามด้วยความหิว

     

    อ้าวตุลย์ มาแล้วหรอ” ตาลดาวคณะนิเทศ นักศึกษา ชั้นปี 3 หญิงสาวแสนเรียบร้อย หน้าตาน่ารักเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆ รวมถึงกันต์ เดินเข้ามาทักทายคนตัวสูงด้วยท่าทีสนิทสนม

    อ้าวตาล เรียนเสร็จแล้วใช่ไหม” คนตัวสูงหันไปพูดกลับเธออย่างเป็นมิตร พร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

    เสร็จแล้วจร้า เราว่ารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวไม่ทัน” เธอเดินเข้ามาคล้องแขนคนตัวสูง โดยอีกฝ่ายไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด

    อืมไปกันเถอะ”

    ทั้งสองพากันกางร่มเดินออกจากคณะนิเทศไป ปล่อยให้กันต์ยืนทำหน้างงอยู่ตรงนั้น คล้ายๆ ธาตุอากาศดีๆ นี่เอง

    น้ำ....น้ำกู” เขามองแก้วน้ำปั่นไปอย่างน่าเสียดาย หันมองซ้ายมองขวา พร้อมยกมือขึ้นเกาหัว ก่อนตัดสินใจเดินขึ้นตึกคณะนิเทศไปยัง ชมรมวิทยุ

     

    ชมรมวิทยุ

    กันต์เปิดประตูเข้ามายังภายในห้อง พบว่าบาสนั่งเล่นเกมอยู่ตรงมุมห้อง ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขา

    อ้าวมึงมาแล้วหรอวะ กูว่าจะลงไปตามสักหน่อย”

    เอานี่น้ำมึง” กันต์ยื่นน้ำแตงโมปั่นให้บาส ก่อนเดินมานั่งเก้าอี้อีกตัว นั่งมองบาสกินน้ำแตงโมปั่นไปอย่างสีหน้ามีความสุข

    เออแล้วน้ำมึงละ ปกติกูเห็นมึงจะซื้อมากินตลอด” กันต์ แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่อนึกถึงแก้วน้ำปั่นชาเขียวที่ถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา

    โดนหมามันแย่งกินไป”

    หมากินเนี่ยนะ” บาสทำสีหน้าสงสัยพลางยกน้ำแตงโมปั่นขึ้นดูดต่อเนื่อง

    อืม!! เออไอ้บาส ทำไมกูรู้สึกคุ้นๆ ชื่อตุลย์อะไรนั้นจังวะ เหมือนกูเคยเรียกชื่อมันมาก่อน” กันต์พยายามเดินนึกถึงชื่อนี้ตอนขึ้นบันไดอยู่นานสองนานแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก จนมีโอกาสถามบาสขึ้น

    อ่อไอ้ตุลย์ คนที่ชนะไอ้คิมเรื่องผลโหวตหนุ่มหล่อที่มีสาวๆ ชอบเยอะนั้นไง นี่มึงพึ่งอ่านชื่อมันไปเมื่อวานเอง ลืมได้ไงวะ” กันต์เป็นคนที่ไม่ชอบจดจำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ จนบางทีเขาเผลอลืมเรื่องสิ่งนั้นที่เคยเกิดขึ้นไปอย่างง่ายดาย

    เออวะ กูก็ว่าทำไมคุ้นๆ แต่เอาตามตรงนะกูไม่เห็นมันจะหล่อตรงไหนเลย หน้าตาก็งั้นๆ ไร้อารมณ์สิ้นดี แถมยังปากหมาอีก” บาส รู้สึกเพื่อนรักของเขาดูแปลกไปเมื่อพูดถึงชื่อนี้ออกมา

    ดูมึงจะเกลียดมันมากนะเนี่ย”

    ถ้ามึงรู้ว่ากูไปเจออะไรมาบ้างนะ มึงจะไม่ถามกูแบบนี้เลย” กันต์พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนไปนั่งเก้าอี้ดีเจประจำตำแหน่ง เพื่อเริ่มจัดรายการตอนพักเที่ยง

    ระวังนะมึง เกลียดอะไรมากๆ แล้วจะได้แบบนั้น” บาส พูดเชิงทีเล่นทีจริง

    ฮึ!! ไม่มีวันนั้นหรอกโว้ย” กันต์พูดเสร็จหันมาสนใจหน้าจอคอมต่อ เขานั่งเลือกเพลงที่จะเปิดในตอนพักเที่ยง อย่างไม่สนใจในสิ่งที่บาสพูด

    บาสนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองเพื่อนรัก ที่ตอนนี้นั่งไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองตอนนี้ “ไอ้กันต์ ถ้ามึงรู้เหมือนกู มึงคงอกแต่ตายไปแล้วแน่ๆ”

     

    มาแล้วไอ้กันต์เพื่อนรัก กูไปหาข้อมูลมาให้มึงได้แล้ว” คิมพูดเสียงดังขึ้นอยู่หน้าห้อง พร้อมถือกระดาษA4 ปึกใหญ่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะที่กันต์นั่งอยู่

    กันต์วางหูฟังลง มองกระดาษA4 ปึกหนา ที่วางอยู่ตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มของเพื่อนๆ ทั้งสอง ที่ดูมีลับลมคมในอย่างเห็นได้ชัด

     

    ไม่!!! มันไม่ใช่เรื่องจริง”

     

    ใครๆ ก็ต่างบอกว่าเกลียดอะไรแล้วได้แบบนั้น

    แต่ถ้าเกลียดคนที่ชอบขึ้นมา แล้วคนที่ชอบจะหันมาชอบตอบไหม

     

     

    สวัสดีจร้านักอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ ในที่สุดเราก็มาแต่งต่อจนได้

    หลังจากหายไปพอสมควรจนบางทีอยากจะทิ้งเรื่องนี้ไปไม่แต่งต่ออีกแล้ว

    แต่รู้สึกหัวใจมันเรียกร้องให้แต่งต่อ ก็เลยจะมาแต่งต่อให้จบนะคะ

    ฝากคอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ

    ขอให้มีความสุขกับนิยายเนื้อนี้ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×