คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ---การรอคอยมีจุดสิ้นสุด---
ช่องว่างระหว่างร่างสองร่างถูกเติมไว้ด้วยความเงียบ ขณะที่ตัวรถคันหรูขับผ่านไปตามถนนสายหลัก คนขับมองตรงไปยังถนนเบื้องหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ผิดกับร่างเล็กข้างเคียงที่คอยเหลือบมองอาการของอีกเงียบจนน่าอึดอัด... ที่คิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองพูดว่ามันแรงไปจนทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกไปรึเปล่า...
...หรือบางทีเขาควรจะเป็นฝ่ายขอโทษก่อนบ้าง ในเมื่อยูคยอมก็ช่วยเขามาตั้งเยอะแล้ว...
"เป็นอะไร..." เสียงเล็กถามหยั่งเชิง หันหน้ามองคนมี่เอาแต่ขับรถเพื่อดูอาการตอบสนอง
แม้คนฟังจะทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ก็เห็นชัดว่าคิ้วเรียวนั่นขมวดลงติดกันอยู่กลางหน้าผากเรียบร้อยแล้ว
เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง นิ้วเรียวจึงยื่นออกไปแตะแขนอีกคนแผ่วเบา ด้วยหวังว่ามันจะเรียกความสนใจจากเจ้าตัวได้บ้าง
"เป็นอะไร.."
"เปล่า"
คนฟังตอบห้วน ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองสักนิด
"ถ้าเปล่าก็มาคุยกันดีๆ เป็นอะไร"
อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจหนึ่ง จนคนถามเผลอกลั้นหายใจตามไปด้วย
"โกรธ"
"โกรธอะไร..."
"ช่างเถอะ บอกไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าพี่จะยอมทำตามที่ผมขอซะหน่อย"
"ก็ลองขอมาก่อนสิ ถ้าทำได้ฉันก็จะทำให้"
ตาเรียวหันมองคนข้างตัว ก่อนจะเบนหน้ากลับไปมองถนนอย่างเดิม ส่งเสียงถอนหายใจแผ่วเบา
“ไม่… อย่าดีกว่า… ผมยังไม่อยากฟังคำตอบของพี่หรอก...”
ตากลมกระพริบถี่ ส่งเสียงถอนหายใจเบาอย่างหมดหนทาง
“ไหนนายบอกว่าชอบให้คุยกันตรงๆ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ มีอะไรแค่พูดออกมาไม่ได้รึไง?”
คนฟังไม่ตอบในทันที แต่กลับส่งเสียงถอนหายใจที่ดังกว่าตอบกลับมาอย่างอึดอัด…
“ผมขอเวลาจัดการตัวเองสักพักได้มั้ย… ให้ผมเข้าใจตัวเองมากกว่านี้…. ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร… แล้วก็กำลังทำอะไรอยู่กันแน่…”
ชายหนุ่มวางมือลงบนพวงมาลัยรถ ก่อนหันหน้ากลับมาสบดวงตากลมที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว…
“หรือผมควรจะหายไปจากชีวิตพี่ อย่างที่พี่เคยบอกจริงๆ…”
มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบสำหรับคำถามนั้น ต่างฝ่ายต่างเบือนหน้าออกไปมองทิวทัศน์ด้านนอกรถ ก่อนปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดอย่างเงียบๆไปตลอดทาง...
..................................................................................................
ใบหน้าเรียวหันมองคนข้างตัวที่ตอนนี้เอาแต่กระดกแก้วเหล้าในมือเข้าปากเป็นรอบที่เท่าไรเขาก็ไม่อาจนับ ตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอกที่หัวหน้าบอกว่าจะพาเขามาเลี้ยงต้อนรับ คิดแค่ว่าอาจจะสนิทมากขึ้นและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อาจจะดีขึ้นบ้างถ้าได้สนทนาให้เข้าใจกันสักหน่อย... แต่ตั้งแต่มาถึงที่ร้าน คนที่กินอาหารหลายจานที่สั่งมาก็มีแค่เขาคนเดียว... คุณแจบอมแค่ออกปากสั่งเมนูพวกนี้ลวกๆ แล้วสั่งเหล้าทั้งกลมมานั่งกินโดยไม่พูดไม่จา...
ถ้านี่เป็นการเลี้ยงต้อนรับจริงๆ...เขาบอกได้เลยว่ามันเป็นการเลี้ยงต้อนรับที่แปลกที่สุดในโลก...
ใบหน้าเย็นชาที่มักจะเก๊กขรึมอยู่เสมอบัดนี้แดงก่ำไปด้วยสีเลือด ตาเรียวปรือปรอยลงขณะพลิกแก้วเหล้าในมือไปมา...เขาดูไม่ออกหรอกว่าตอนนี้เจ้าตัวเมาอยู่รึเปล่า...ก็เล่นไม่ปริปากอะไรออกมาเลยนี่นา...
“นาย... ขับรถเป็นมั้ย...”
เสียงทุ้มถามเบา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้ยืดตัวตรงขึ้นอย่างแตกตื่นเล็กน้อย
“เป็นครับ...”
ตอบได้แค่นั้น กุญแจรถของคนถามก็ถูกโยนมาตรงหน้า ก่อนเจ้าตัวจะเดินตรงไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ทิ้งให้ร่างเพรียวที่ยังงงๆอยู่รีบรวบเก็บสัมภาระของตัวเองแล้ววิ่งตามร่างสูงออกไป
เจ้าของรถกดพิกัดลงบนเครื่องจีพีเอส ก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถโดยไม่สั่งอะไรคนที่เพิ่งขึ้นนั่งประจำที่คนขับสักคำ...
“จะให้ไปที่นี่เหรอครับ...” เสียงนุ่มถามเพื่อความแน่ใจ แต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบเจ้าตัวจึงจำใจออกรถไปตามเส้นทางที่เครื่องบอกอย่างใจเย็น
หลังจากขับรถออกนอกตัวเมืองมาได้พักใหญ่ จินยองจึงจอดรถลงข้างทางเมื่อเครื่องแจ้งว่ามาถึงจุดหมายแล้ว ตาเรียวเหลือบมองออกไปนอกรถ ก่อนจะพบว่านอกจากตึกเก่าๆตึกหนึ่งกับทางเดินริมแม่น้ำแล้ว ก็ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรที่อีกฝ่ายน่าจะต้องการมาสักนิด
“รออยู่นี่แหละ...”
เสียงทุ้มบอกก่อนจะเริ่มขยับตัว เปิดประตูแล้วข้ามถนนไปยังบริเวณหน้าตึกเก่าๆนั่น มองเห็นร่างบางของใครอีกคนที่เขาคุ้นตาอย่างประหลาดก้าวเดินมาตามทางไม่ไกลนัก...
...คุณแจบอมมีท่าทีกระสับกระส่ายตอนที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย... ผิดสังเกตจนเขาดูมันออก... ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเจ้าตัวจะมีมุมนี้อยู่ด้วย... แสดงว่าอีกฝ่ายคงสำคัญมากสินะ...
.............................................
แบมแบมชะงักเท้าตัวเองลงเมื่อมองเห็นร่างสูงที่เดินอยู่ตรงหน้า... ใบหน้าหวานมีอาการตระหนกจนปิดไม่มิด ทำให้อีกฝ่ายที่ตั้งใจจะเดินเข้าไปใกล้กว่านี้ได้แต่หยุดเท้าตัวเองลงและยืนนิ่งอยู่กับที่...
“ทำไมไม่รับสาย...”
น้ำเสียงคนพูดอ่อนโยนลงกว่าครั้งที่เคยเจอ ความเย็นชาในดวงตาราวกับถูกกลืนหายไปพร้อมกับความมืดจนหมด เหลือไว้เพียงแสงหม่นที่ดูเหมือนกำลังอ้อนวอนเขาอย่างหมดสิ้นหนทาง…
มือหนาเอื้อมมากุมมือของคนตัวเล็กไว้แล้วบีบมันแผ่วเบา
“กลับบ้านนะแบม...”
ร่างเล็กสั่นไหว เมื่อราวกับมองเห็นความจริงใจฉายชัดอยู่ในดวงตาของคนตรงหน้า… ราวกับพี่แจบอมคนเดิมกลับมายืนอยู่ตรงหน้า…
พี่แจบอมรุ่นพี่คณะคนเดิมที่เคยบอกรัก...และสัญญาว่าจะดูแลเขาไปตลอด…
“ขอโอกาสให้พี่อีกครั้งได้มั้ย…”
หัวใจของคนฟังอ่อนยวบลง มองสบตาเรียวกลับไปอย่างลึกซึ้ง… ทั้งหมดในหัวใจเขายังคงโหยหาคนตรงหน้าอยู่เสมอ… แต่ขณะเดียวกันความเจ็บปวดยามเมื่อถูกทิ้งขว้างก็เตือนให้เขากลัวเหลือเกินที่จะกลับไป
มือบางชักมือตัวเองกลับช้าๆขณะที่ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นอย่างใกล้ร้องให้ออกมาเต็มที
ใบหน้าของอีกฝ่ายสลดลงเมื่อเดาความคิดของร่างบางไม่ออกแม้สักนิด... ปากบางสั่นระริกขณะพยายามพูดประโยคถัดไปออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า... ภายในอกอึดอัดจนแทบจะระเบิด... เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน... ความรู้สึกเจ็บปวดตรงหัวใจที่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจมันดีนัก...
“พูดอะไรบ้างได้มั้ย?... อย่าทรมานพี่ด้วยการเงียบแบบนี้...”
เสียงทุ้มอ้อนวอน หมดคราบของคนเย็นชาที่เจ้าตัวฉาบปกปิดเอาไว้เสมอ มือหนาเอื้อมคว้าไปด้านหน้าอย่างจะยึดร่างบางกลับมา แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธด้วยการก้าวถอยหลังออกไปจนห่าง...
“แบม...”
ตากลมของเจ้าของชื่อบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหยาดน้ำตา ไหล่บางสั่นน้อยๆขณะที่เจ้าตัวเริ่มสะอื้น มือบางกุมแน่นอยู่ที่หน้าอกอย่างจะเรียกสติตัวเองไว้ไม่ให้หลุดลอยไป...
“เพราะแบมรักพี่มาก... แบมถึงกลับไปไม่ได้...”
เสียงหวานเอ่ยแผ่ว หยุดกลืนก้อนสะอื้นลงไปครั้งหนึ่ง...
“ยิ่งแบมรักพี่มากเท่าไร... เวลาที่พี่ทิ้งแบม... แบมยิ่งเจ็บมากเท่านั้น... เจ็บ... จนเหมือนแบมจะตาย...”
“มันไม่มีทางเหมือนเดิมแล้ว... ต่อให้พี่ปรับตัวเพื่อแบมได้จริงๆ... แต่แบมเชื่อใจพี่ไม่ได้อีกแล้ว... ฮึก... สุดท้าย... ถ้าพี่ไม่ทิ้งแบม... แบมก็คงเป็นฝ่ายเลือกที่จะไปเองอยู่ดี...”
“เราจบกันแค่นี้เถอะ... แบมขอร้องพี่เป็นครั้งสุดท้าย... ได้โปรด... เราอย่าเจอกันอีกเลยนะ... ปล่อยแบมไปเถอะ...”
ร่างสูงรับฟังคำพูดพวกนั้นนิ่ง... รู้ตัวอีกทีน้ำตาหยดอุ่นก็ไหลเคลียลงมาตาแก้ม มือหนารีบยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้ง ก่อนหันกลับไปสบตากลมของคนตรงหน้า ที่บัดนี้มันหม่นแสงลงราวกับคนใกล้จะหมดแรงเต็มที...
“ไม่หรอก... มันจะไม่เป็นแบบนั้นแบม... พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้แบมเสียใจอีก...นะ...”
ปากบางพยายามยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขื่น... ขยับตัวก้าวไปตรงหน้าเพื่อหวังจะจับมือบางนั้นไว้อีกสักครั้ง... แล้วเขาสัญญา... ว่าจะไม่ปล่อยมันอีกจนตลอดชีวิต...
...แต่เมื่อคว้าได้เพียงความว่างเปล่า... ร่างสูงจึงหยุดนิ่ง ในอกปวดแปลบราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบมันไว้แน่น... ทำได้เพียงมองร่างของอดีตคนรัก ที่กำลังหันหลังกลับแล้วก้าวเดินห่างเขาออกไปช้าๆ...
“แบม...ยะ... อย่าไป... แบม... อย่าไป... ฮึก...”
ปากบางละล่ำละลักเรียกอีกฝ่ายไม่เป็นคำ ขายาวอยากจะออกวิ่งแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด...แต่ราวกับว่าเท้าทั้งสองข้างของเขาถูกถ่วงไว้ด้วยหินก้อนใหญ่ มือหนาเอื้อมคว้าเสาใกล้ตัวไว้เพื่อเป็นหลัก... สำลักอากาศที่มีอยู่มากมายเข้าปอดอย่างคนหายใจไม่ออก...และใกล้จะขาดใจเต็มที...
...แบมแบมไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆ...
ไม่มีน้ำตาสักหยดที่ไหลรินลงมาอีก...เหลือเพียงความรู้สึกหนักอึ้งราวกับโดนรถชนเข้าโครมใหญ่... ร่างสูงก้าวเดินกลับไปที่ตัวรถ เปิดประตูฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปนั่งนิ่ง... ทิ้งให้อีกคนที่มาด้วยได้แต่อ้าปากแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกมา...
“ลงไป...”
เสียงทุ้มบอกแผ่ว จ้องมองไปยังถนนตรงหน้า ทำให้จินยองไม่แน่ใจนักว่าเจ้าตัวกำลังพูดกับเขาอยู่รึเปล่า
“ลง... ให้ผมลงไปเหรอ...”
เสียงนุ่มถามตะกุกตะกัก จิกเล็บลงกับมือตัวเองแน่นอย่างหวาดกลัว
“ลงไป...” คราวนี้คำพูดนั้นชัดถ้อยคำจนคนฟังหนาวสะท้าน... เป็นน้ำเสียงเย็นยะเยือกที่น่ากลัวจนเขาไม่อยากฟังมันอีกครั้ง... แต่ถ้าเขาลงไปแล้วจะยังไงล่ะ... ที่นี่ที่ไหนเขาก็ไม่รู้ซะด้วย...
“แต่... หัวหน้าครับ... นี่มันดึกแล้ว... แล้วที่นี่ก็...”
ปากเรียวเม้มเข้าหากันแน่น เมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตามาสบกับเขา... ความน่ากลัวที่ยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่เขาเคยเห็น ฉายชัดออกมาจนหัวใจเขาแทบหยุดเต้น...
“ฉันบอกให้ลงไป...”
ร่างเพรียวแทบจะกระโดดออกนอกตัวรถเมื่อฟังประโยคนั้นจบ... ไม่ตะคอก... ไม่ก้าวร้าว... แต่มันเย็นชาจนราวกับว่าคนพูดพร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อหากไม่ยอมทำตามที่ต้องการ... สุดท้ายเขาจึงได้แต่ยืนมองตามท้ายรถที่ออกตัวไปอย่างรวดเร็วก่อนจะหายลับไปตรงสุดถนน...
จินยองถอนหายใจพรืด เงยหน้ามองความมืดรอบตัวก่อนจะเดินข้ามไปยังบริเวณหน้าตึกที่มีแสงสว่างมากพอให้เขาอุ่นใจได้บ้าง มือเรียวหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่พลางครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ...
...ถึงจะตกใจจนไม่ทันได้ดูอะไรดีนัก... แต่เขาก็ทันเห็นว่าขอบตาของหัวหน้ารื้นไปด้วยหยาดน้ำตา... แววตาที่ใช้มองเขาทั้งว่างเปล่าและเจ็บปวดจนเขาเผลอรู้สึกจุกแน่นในอกตามไปด้วย... เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น... ที่ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุเข้าไปถึงตัวตนที่แท้จริงของหัวหน้าได้... ความอ่อนแอที่อีกคนปกปิดไว้ภายใต้เปลือกหนานั่น...
หัวใจของคนคิดเต้นรัวขึ้นเมื่อคิดถึงแววตาที่มองมายังเขาอีกครั้ง... จะเป็นยังไงนะ... ถ้าเขาได้รับความอ่อนโยนภายใต้เปลือกนั่นบ้าง... การเป็นคนสำคัญของคนเย็นชาแบบนั้น... จะรู้สึกแบบไหนกัน...
หัวทุยสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั่นทิ้ง... หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวแล้วถอนหายใจเบา เมื่อพบว่าเขาไม่สามารถลืมแววตาของอีกคนไปจากความคิดได้เลยจริงๆ...
.............................................................
--- สามวันต่อมา --- บริษัทคิงส์กรุ๊ปดีไซน์ ---
คิ้วเรียวบนใบหน้าหวานขมวดลงเล็กน้อย เมื่อมองเห็นร่างของผู้มาเยือนขณะที่เขากำลังเดินออกจากประตูบริษัทเพื่อมารอรถกลับที่พัก ร่างสูงของรุ่นน้องตัวโตเอนพิงอยู่กับรถพลางมองมาที่เขา ก่อนขายาวจะก้าวเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมก้าวออกไปไหน
“ผมมารับกลับ...”
คนตัวเล็กถอนหายใจพรืดขณะมองใบหน้าของอีกฝ่าย ปากอิ่มเม้มเข้าหากันครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปด้วยน้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์
“...ที่หายไปสามวันนี่...หาคำตอบให้ตัวเองได้แล้วใช่มั้ย...”
ใบหน้าหล่อยิ้มแทนคำตอบ เอื้อมมือมาดึงแฟ้มจากมือเขาไปช่วยถือไว้
“ไปคุยกันบนรถเถอะ...”
แบมแบมมองตามอีกฝ่ายที่เดินไปขึ้นรถ ก่อนจะก้าวขาตัวเองตามไปบ้าง... อย่างน้อยเขาแค่อยากเคลียทุกอย่างให้จบ... เขาเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องทำตามใจทุกคนที่อยู่รอบตัว... ทำไมเขาไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะอยู่อย่างสงบบ้าง...
ตัวรถค่อยๆหยุดลงเมื่อพบกับสภาพการจราจรแออัดย่านกลางเมือง เสียงภายในห้องโดยสารของตัวรถที่คนสองคนกำลังนั่งอยู่จึงเงียบลงจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันชัดขึ้น…
ตากลมเหลือบมองคนตรงข้าม... รู้สึกรำคาญความอึดอัดที่มีอยู่เต็มไปหมดจนอยากจะสบถออกมา ... จนเมื่ออีกฝ่ายหันมามองเขานั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้สบตากลับไปบ้างเพราะต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไรกันแน่...
“ผมว่าผม...ชอบพี่…”
ชายหนุ่มวางมือลงบนพวงมาลัยรถ ก่อนพ่นลมหายใจแผ่ว…
หลังจากคิดมาทั้งคืน… ถามตัวเองซ้ำอีกหลายสิบรอบถึงความรู้สึกที่มีต่อคนตัวเล็ก… ทบทวนทุกอย่างที่ทำลงไป…
...เขาถึงพบ...ว่าสำหรับรุ่นพี่ตัวเล็กแล้ว…
...ตั้งแต่วันแรก… เขามองแบมแบมเป็นคนที่เขาสนใจ… เป็นคนที่อยากจะปกป้องและอยู่เคียงข้าง…
...ความรู้สึกพวกนี้…
...มันไม่ได้มีไว้สำหรับเพื่อนทั่วไปหรอก…
...ข้อจำกัดเรื่องเวลาที่พบกันเพียงสั้นๆ ทำให้เขาเคยตัดความคิดนี้ออกไปจากสมอง...
...แต่เมื่อกลับมาคิดดีๆอีกครั้ง เขาถึงเข้าใจชัด ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกคืออะไร…
แบมแบมนิ่งเงียบ สบตาของอีกฝ่ายกลับไปชั่วครู่ ก่อนความรู้สึกสับสนจะทำให้เจ้าตัวหลบสายตาของอีกฝ่ายด้วยการหันมองไปทางอื่น…
“บางที... นายอาจจะแค่เข้าใจผิดไปก็ได้...”
เสียงหวานบอกเบา พยายามเงยหน้าขึ้นสบตาอีกคนอย่างจะยืนยันคำพูดตัวเองและเตือนสติอีกฝ่าย... แต่กลับพบว่ามันไม่สำเร็จ เมื่อมองเห็นสายตาจริงจังที่มองตอบกลับมาอย่างไม่คิดจะหลบไปไหน...
มือหนาเอื้อมจับมือบางของอีกฝ่ายมาทาบลงบนหน้าอกตัวเองแผ่วเบา ก่อนจะกุมมันไว้แน่นแบบนั้นเพื่อกันไม่ให้เจ้าตัวหนีไปไหนได้อีก...
“มันเต้นแรงขนาดนี้ก็เพราะพี่นะ...”
แก้มเนียนร้อนวาบ เมื่อราวกับเพิ่งได้ฟังคำสารภาพรักจากคนตรงหน้า
ตาเรียวลอบมองความสับสนในแววตาของอีกฝ่าย... เขารู้ว่าแบมแบมยังไม่รู้สึกอะไรกับเขามากเกินกว่าความเป็นพี่น้อง... แต่เจ้าตัวแค่กำลังอ่อนแอและสับสนเท่านั้น... และแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน...แค่ถ้ามันจะทำให้คนตัวเล็กหันมาสนใจเขาได้บ้าง... เขาก็จะทำมันต่อ และยอมรับผลที่จะตามมาไว้ด้วยความเต็มใจ...
มือหนายกขึ้นประคองใบหน้าเล็กไว้ ก่อนขยับใบหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากปลายจมูกรั้น...
...ตากลมปิดลงเชื่องช้า ก่อนค่อยๆปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากความคิดมากมายที่ทำให้เจ้าตัวแทบไม่ได้หยุดพัก...ถ้าเพียงแต่เขาจะลองเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน...ถ้าเพียงแต่เขาจะลองให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง... คราวนี้... เขาจะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกอีกครั้งรึเปล่านะ...
‘กริ๊งๆๆๆๆๆ’
เสียงเรียกเข้าสุดคลาสสิกจากโทรศัพท์เครื่องบาง เรียกให้ดวงตากลมเบิกขึ้นรวดเร็ว ใบหน้าเล็กเบนออกจากอีกฝ่ายก่อนจะจะรีบหันหน้าตัวเองออกไปทางอื่นพลางยกโทรศัพท์ขึ้นกดโดยลืมมองรายชื่อที่โทรเข้ามา...
คนเป็นรุ่นน้องถอนหายใจพรืด ถอยตัวเองกลับไปนั่งประจำที่ ก่อนจะเหยียบคันเร่งเพื่อเคลื่อนตัวรถออกไปเมื่อเห็นว่าการจราจรตรงหน้าเริ่มเคลื่อนที่ได้บ้างแล้ว
“แบมแบมพูดครับ...”
เสียงหวานกรอกรับไปตามสาย ยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองไว้เพราะก้อนเนื้อที่อยู่ภายในยังเต้นไม่เป็นจังหวะปกติดีนัก
“เจ๊...เจ๊อยู่ไหน...”
สรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกทำให้เขารู้ทันทีว่าใครโทรมา... จะมีก็แค่คนเดียวที่เรียกเขาแบบนี้... รุ่นน้องของพี่แจบอม... ยองแจ...
“มีอะไรรึเปล่า...”
กรอกเสียงถามกลับไปตามปกติ... อย่างน้อยเขาก็ถือว่ายองแจเป็นรุ่นน้องคนหนึ่ง...ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้...เขาก็เต็มใจจะช่วย...
อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแทนคำตอบ... นั่นทำให้แบมแบมรู้สึกถึงความผิดปกติได้ชัดเจน...
“ยองแจ...มีอะไร...”
เสียงหวานถามย้ำ ใจจดจ่ออยู่กับคำตอบ จนลืมสนใจคนข้างเคียงที่เริ่มเหลือบตามองอย่างใคร่รู้มาที่เขา
“เฮีย...” เสียงนุ่มหยุดพักหายใจชั่วครู่
“เฮียกระโดดจากระเบียงห้องเมื่อตอนกลางวัน... เฮียพยายามจะฆ่าตัวตาย...”
ลมหายใจคนฟังขาดห้วงเมื่อประมวลผลคำพูดเสร็จ ปากอิ่มสั่นระริกขณะพยายามถามต่อ... น้ำตาอุ่นร้อนไหลเอ่อขึ้นมาขังที่บริเวณขอบตารวดเร็ว...
“แล้วตอนนี้เป็นยังไง... พี่แจบอม... เป็น... เป็นยังไง...”
ปลายสายถอนหายใจพรืดครั้งหนึ่ง... เป็นเสี้ยววินาทีที่เกือบทำเอาหัวใจของคนฟังหยุดเต้น...
“ขาหัก... ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยK ดีที่เฮียกระโดดลงไปบนรถขนของพอดีเลยไม่เป็นอะไรมาก... แต่เฮียยังไม่ฟื้นเลย... เจ๊มาดูหน่อยได้มั้ย... เฮียเพ้อเรียกเจ๊ตั้งแต่บ่ายแล้ว...”
“อือ...ขอฉันคิดสักหน่อยแล้วกัน...”
“เจ๊... เฮียไม่เหลือใครแล้วนะ... คนที่รักเฮียจริงก็มีแค่เจ๊... มาเถอะนะ...”
ปลายสายอ้อนวอนแผ่ว... นั่นทำให้แบมแบมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างชั่งใจ
“อือ... แค่นี้นะ...”
มือบางกดวางสายลง หันมองออกไปนอกกระจกรถพลางถอนหายใจแผ่ว... คนที่แอบฟังอยู่จึงได้จังหวะถามขึ้น...
“มีอะไรรึเปล่า...”
มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากขอบตา ก่อนหันกลับมาสบตาเรียวของอีกฝ่าย... มองเห็นแววสับสนพาดผ่านอยู่ในนั้นจนคนมองอดที่จะหวาดกลัวอยู่ในใจไม่ได้...
“ช่วยไปส่งฉันที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยKได้รึเปล่า...”
คนขับรถพยักหน้ารับแผ่ว ข่มความรู้สึกตัวเองลงไว้ภายใน...
...ทั้งๆที่เกือบจะได้มา... แต่กลับสูญเสียไปในเพียงแค่เสี้ยววินาที...
...ผลตอบแทนจากความเห็นแก่ตัว...มาถึงเร็วจนเขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว...
..............................................................................................................
เป็นตอนแรกที่แต่งเสร็จภายในวันเดียว
รู้สึกว่าใช้เวลาไปนานมาเลย 555
เราไม่ค่อยถนัดเล่าแบบบุคคลที่สามแบบนี้เท่าไร
จะชอบเผลอใส่รายละเอียดเยอะไปทุกที
ยังไงก็ขอให้สนุกกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
-ไรเตอร์-
#ฟิคif
ความคิดเห็น