To where we belong - ตรงนี้ที่มีรัก
เรื่องราวของนักศึกษามนุษย์เหงาๆกับคุมหมอฟัน ที่บังเอิ๊ญ บังเอิญ มาเจอกัน จนเกิดการสานสัมพันธ์แบบงงๆ
ผู้เข้าชมรวม
63
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
"Fair is foul and foul is fair, hover through the fog and filthy air" (William Shakespeare, Macbeth)
วันนี้ก็เป็นวันปกติธรรมดาอีกวันนึงของเรา ปกติธรรมดาจริงๆนะ ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ไม่สิ วุ่นวาย แต่ก็เงียบอยู่นะ แฮ่ะๆ ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าันนี้เป็นวันธรรมดาละกัน เราตื่นนอนตอน 7.15 ด้วยความเพลีย ถึงเมื่อคืนจะไม่ได้นอนดึก แต่ก็เพลีย เป็นปกติของชีวิตปีสี่ที่ต้องปั่นตัวจบ เรียนเยอะเรียนหนัก อ่านซอส ... ไม่ใช่ซอสพริกหรือว่าซอสมะเขือเทศนะ แฮร่!! 'Source' ที่แปลว่า .. อะไรวะ ฮ่าๆๆๆ เรียนภาษาอังกฤษก็เงี้ย ภาษาอังกฤษก็ใช่จะหรูหรา ภาษาไทยก็ชักจะไม่สมประกอบเข้าไปทุกวัน แต่มันนึกไม่ออกจริงๆนะ พูดอังกฤษคำไทยคำมาสี่ปีอะ ฮ่าๆ บางคำมันไม่มีคำแปลไทยจริงๆเว่ย แต่ก็ช่างมันเหอะ ออกนอกเรื่องนานละ
มากลับมา..... เอาใหม่นะ...วันนี้เป็นวันปกติธรรมดาของเรา เราตื่นนอน 7.15 ด้วยความเพลีย เราเดินไปอาบน้ำเงียบๆไม่อยากทำเสียงดังรบกวนเมทที่ยังนอนอยู่เตียงข้างๆ วันนี้มันเรียนสาย มันเลยไม่ได้ไปด้วยกัน ปกติถ้ามีเรียนด้วยกันเราก็ไปเรียนด้วยกันแหละ อ๊ะๆ อย่าพึ่งจิ้นนะ อันนี้เมทจริงๆ มีผัวแล้ว ฮ่าๆ ฉะนั้น จอบอ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราก็จะขี่รถมอไซด์มากินข้าวที่เดิม ที่ประจำ ใต้หอในมอหอนึง หอเก่าที่เคยอยู่ตอนปีหนึ่ง ถึงตอนนี้ก็มูปอร ไม่ได้ ฮ่าๆๆ ก็มันอร่อยอะ เสร็จแล้วก็ขี่รถไปเรียนที่ตึกคณะ ตึกสูง 7 ชั้น ตึกของคณะมนุษยศาสตร์ ที่ไม่ว่าใครในมอก็ต้องเคยมาเยือนสักครั้งในชีวิต เพราะหลายวิชาที่เป็นตัวฟรีของคณะก็จะเรียนที่ตึกนี้เกือบทั้งนั้น ตึกสูงตระหง่านนี้เป็นตึกที่เราเรียนอยู่ ทุกวันและทั้งวัน ชีวิตอันแสนจะปกติธรรมดาของเราก็เป็นงี้แหละ ตื่น กินข้าวหอใน มาเรียนตึกคณะ เรียนเสร็จ กลับหอ นอน เป็นอย่างงี้ทุกวันตั้งแต่ปีหนึ่ง จริงๆก็ไม่เชิงหรอก ฮ่าๆ มันแค่มีเรื่องพิเศษๆมาแปปนึงตอนปี2 ปีที่หลายๆอย่างในชีวิตเราเปลี่ยนแปลง เพราะคนแค่คนเดียว ที่มาทำให้วันปกติธรรมดานี้มันมีสีสันขึ้นมานิดนึง อื้ม คิดแล้วก็คิดถึงแหละ ฮิฮิ เดะเล่าให้ฟังกะด้ะ
ย้อนอดีตละนะ......
วันที่ 27 กรกฎาคม 2560 หนึ่งวันก่อนเปิดเทอมปี 2 เราและเมทพึ่งย้ายเข้ามาอยู่หอนอก เมทเรามันชื่อไนท์ เป็นคนกรุงเทพ แต่มาเรียนไกลถึงเชียงใหม่ มันก็เรียนเมเจอร์เดียวกะเรานี่แหละ เป็นเพื่อนคนนึงที่เราค่อนข้างสนิทด้วย เลยชวนมาอยู่หอด้วยกัน มันนิสัยดีนะ แต่ติดอย่างเดียว เผลอที่ไรก็เจอมันกัดตลอด เราก็ไม่ยอมหรอกต้องด่าคืนไปให้สาแก่ใจอิช้อย แต่ก็นั่นแหละ มันก็เป็นเพื่อนที่ดี มันมาถึงหอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เราพึ่งกลับมาจากบ้าน บ้านเราก็อยู่เชียงใหม่นี่แหละ แต่ค่อนข้างไกลจากมหาลัย เลยต้องมาอยู่หอ พอเปิดประตูมามันก็กำลังนอนดูซีรีย์เสียบหูฟังอยู่บนเตียงมัน ไอไนท์เป็นผู้ชายค่อนข้างตัวเล็ก แต่ก็สันทัด หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็งั้นๆแหละ มีนิสัยกวนตีนเป็นเอกลักษณ์ แต่มันก็เป็นนักฟังที่ดีมาก มันถึงได้มีเพื่อนเยอะ
"มึง....มึงเรียนกี่โมง" เราถามเมท
"ฮะ! ว่าไงนะ" ไนท์ถอดหูฟังข้างนึงพลางหันมาถามเราอีกรอบ
"ไอโง่..กูถามว่า..มึงเรียนกี่โมง" เราด่ากลับไปเล็กน้อย บทสนทนาของเราและเมทก็จะหนีไม่ได้เลยกับการแซะ การคุยกันไปด่ากันไป เป็นเรื่องปกติของห้องนี้ละ เราถามพลางจัดของที่เอามาจากบ้านเข้าตู้
"ไม่รู้อะ ฮ่าๆๆๆ เช็คแปป"
"แปดว่ะ....มึงอะ" มันตอบ
"อืม...กูก็แปด จะไปด้วยกันใช่มะ" เราถามกลับไปอีก
"อืม ไปแหละ"
"ตื่นเร็วๆละกันมึงอะ กูออกเจ็ดครึ่งนะ จะไปกินข้าว"
"เอออออ มึงก็ปลุกกูดิ" มันพูดกลับอย่างฮึดฮัด
"ไอเวร มึงก็ตื่นเองสิ ฟังนาฬิกาปลุกกู ดังจะตายห่าอยู่ละ" ปกติเราตั้งนาฬิกาปลุกที่เวลา 06.06 น. ทุกเช้า ถามว่าทำไมไม่ตั้งให้เป็นเลขกลมๆ อย่าง 06.05 หรือว่า 06.00 ก็ต้องตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน เราว่าถามลืมตามาแล้วเจอเลขที่ลงด้วย 5 หรือ 0 อะ มันมีแนวโน้มที่จะหลับต่อมากกว่าเลขอื่น ฮ่าๆๆๆ
"กูเกลียดเสียงนาฬกาปลุกมึง" ไอไนท์ตอบอย่างเบื่อๆ มันบอกว่าเกลียดเสียงนาฬิกาปลุกเรามาตลอดตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเลย ฮ่าๆ แต่เราชอบ เพราะมันดังดี ละคนหลับลึกสุดๆขนาดฟ้าผ่า แผ่นดินไหวไม่รู้สึกตัวอย่างเราอะก็จะตื่นด้วยเสียงนี้เท่านั้น
,
,
,
เสียงนาฬิกาปลุกเสียงเดิมดังขึ้นเวลา 06.06 น. เราคว่ำโทรศัพท์ลงบนเตียง เสียงจึงเงียบไป เราก็นอนต่อเช่นเคย ฮ่าๆๆๆ สักพักนึงร่างกายของเราก็รับรู้ได้ว่าควรตื่นแล้ว เราก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเช่นเคย ไอไนท์กำลังเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมด้วยสายตาดูแคลน พันผ้าเช็ดตัวไว้ที่ท่อนล่าง
"ไหนมึงว่ากูต้องตื่นเช้า ไอห่า นาฬิกามึงดังมึงยังไม่ตื่นเลย" มันบ่นขณะที่เดินไปที่หน้ากระจก หยิบไดร์เป่าผมออกมาเป่า
"เอออออ กูอาบน้ำเร็ว แป๊บเดียว" เราตอบกลับด้วยความง่วง พลางเดินไปถอดเสื้อนอนใส่ตู้ หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ การอาบน้ำของเราเป็นการอาบน้ำด้วยความเร็วแสง เคยทำเวลาเร็วที่สุดที่ 3 นาที ฮ่าๆ ก็แค่อาบน้ำตอนเช้า ไม่ต้องขัดถูอะไรมาก พออกมา ไนท์ก็กำลังแต่งตัวด้วยเสื้อตัวเดิมของมัน สีเทาลายขนนก มันไม่ค่อยใส่เสื้อใหม่ๆไปเรียนเลย เราก็เช่นกัน ไม่ชุดนักศึกษาก็เสื้อยืดเมเจอร์ ไม่ก็เสื้อยืดอีกมหาศาลที่ตั้งแต่เข้ามอมาก็ได้เยอะไปหมด
ผมเราสองคนพร้อมก็เวลา 07.35 ไปแล้ว เรารีบขี่รถออกจากหอเพราะกลัวไม่ทันกินข้าว แต่เพราะหอไม่ได้ใกลจากมอมาก เลยเดินทางสะดวก 5 นาทีก็ถึง หลังจากกินข้าวสวยไก่ทอด อาหารประจำแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังตึกคณะ ไปจอดที่จอดรถที่ประจำ แต่ว่ามันกับเราเรียนกันคนละเซค เราต้องเดินไปเรียนอาคารเรียนรวม แต่มันเรียนตึกคณะ เพราะฉะนั้นเราจึงแยกกันตรงลานจอดรถคณะ
"มึง...เรียนตึกรวมเหรอ" ไนท์ถามขณะเรากำลังเจอดรถ ถอดหมวกกันน็อค
"เอออ... ลืมดูตารางเรียนว่ะ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูเดินไป" เราบอก
"เค...ไว้เจอกัน" มันเดินไปทางตึกคณะ
เราเองก็เดินออกมาจากลานจอดรถมุ่งไปสู่ตึกเรียนรวมที่ไม่ได้ไกลจากตึกคณะเท่าไรนัก แต่ก็ไกลพอให้เหงื่อได้ชุ่มหลัง เราเดินอย่างเร่งรีบ เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเรียน จะสายไปไม่ได้ ถ้าสายวันนี้แล้วจะเป็นลางไม่ดี ฮ่าๆๆ ปกติก็ชอบมาสายอยู่ละ อย่างน้อนวันแรกมาเร็วเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองตื่นเช้าดีกว่าเนาะ เราก้มมองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลา 07.54
'ทัน ทันดิวะ' เราพูดกะตัวเองเบาๆ ขณะเร่งฝีเท้าผ่านฝูงชนมากหน้าหลายตา ทั้งปีหนึ่งปีสามปีสี่ การเดินในอาคารเรียนรวมเป็นการเดินที่ค่อนข้างลำบาก เพราะคนจะเยอะมากๆโดยเฉพาะช่วงใกล้คาบเรียนแบบนี้ 'ใครๆก็ไม่อยากตื่นมาเรียนแปดโมงแหละ'
เราคิดอยู่เสมอว่าต้องไปถึงห้องให้ได้ก่อน 8 โมง เลลยต้องกลายเป็นการเดินกึ่งวิ่งผ่านหอสมุด อาคารเรียนรวม 1 จนใกล้ถึงห้องแล้ว ซ฿่งเป็นเวลา 07.57 น. ย๊ากกกกก ต้องไปถึงก่อน 8 โมงให้ด้ายยยยยยยยยยยยย
ตุ๊บ!!!!! วินาทีนั้นเหมือนกับโลกมันเคลื่อนอย่างช้าๆ หางตาเราเหลือบเห็นหัวใครคนนึง วิ่งเข้ามาอย่างเร็วในทิศทางที่เรากำลังจะเดินไป ข้างหน้าคือห้องเรียนวิชาการแปล แต่แล้วพอเรามองไปทางขวา ผู้ชายคนนึง สูงใหญ่ หน้าตาไม่สามารถวิเคราะห์ได้ กำลังอ้าปากตะโกนอย่างดัง เช่นเดียวกับตัวเราเอง เขามาชนด้านข้างเราอย่างจัง เราและเค้าต่างก็กระเด็นสะท้อนกลับไปคนละทิศตามกฎของนิวตัน แรงกิริยาเท่ากับแรงปฎิกิริยา
หนังสือของเค้าเล่มนึงโผบินขึ้นสู่ฟ้า ด้วยจังหวะทุกอย่างถ่ายด้วยกล้องสโลโมชั่น ทำให้เราเห็นมันบินกลับลงมาบนหัวของเรา เราได้เสียงสันหนังสือกระแทกหัว ดัง ปั่ก!!! เมื่อก้นเรากระแทกพื้น ปุ่ก!! โลกก็กลับมามีความเร็วเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เวลา 07.59 แล้วห้อเเรียนอยู่ข้างหน้า ผมรีบขอโทษ คนที่เดินมาชนแบบไม่ได้สนใจเค้าเท่าไร
"ขอโทษครับ ขอโทษมากๆนะครับ แต่เราต้องรีบไปเรียนแล้วอะ ขอโทษจริงๆนะ" พูดจบเราก็พุ่งตัวไปยังประตูห้อง กระชากเปิดออก ตามองไปที่นาฬิกาบนผนัง 08.00 น.
Mission completed!!
ผลงานอื่นๆ ของ PoundzSterling ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ PoundzSterling
ความคิดเห็น