คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เอ็นทรานซ์ติด มศว
ความรักในรั้วมหาวิทยาลัยคงเป็นอะไรที่นิสิตนักศึกษาแทบจะทุกคนใฝ่ฝัน เพราะมันอาจจะใกล้เคียงกับอนาคตมากกว่าในวัยมัธยมที่เป็นเพียงแค่รักกุ๊กกิ๊ก หากแตกต่างจากรักในมหาวิทยาลัยอย่างสิ้นเชิงที่จะได้เจอคนหลากหลายรูปแบบ ทำให้ได้รู้จักความเป็นเพศตรงข้ามมากขึ้น และเธอคนนี้ก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัยในปีแรก ก็ได้พบกับความรักที่เธอได้วาดฝันไว้ว่า รักครั้งนี้จะเป็นรักครั้งสุดท้าย เราสองคนจะเรียนจนจบและรับปริญญาด้วยกัน แต่ความฝันกับความจริงมันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เธอต้องผิดหวังเพราะเธอคาดหวัง เธอต้องจบทั้งที่ไม่อยากจบ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมา สุดท้ายสิ่งที่เธอได้ตอบแทนจากความรักครั้งนี้คือ ต้องจากกัน...นิรันดร
“บัวชมพู พิทยาภักดีนนท์” หรือที่ทุกคนเรียกว่า “บัว” วันนี้เป็นวันประกาศผลการสอบเอ็นทรานซ์ บัวกับเพื่อนในกลุ่มจากโรงเรียนราชินี 10 คน ไปดูผลสอบถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้คนเยอะแยะมากมายต่างเดินทางเข้ามา มีรุ่นพี่จากหลายคณะหลายสถาบันมาร่วมรับน้องกัน บ้างก็ตีกลองร้องเพลงกันอย่างเมามันและสนุกสนาน บ้างก็กำลังจัดซุ้มเพื่อรับน้องในวันรุ่งขึ้น บัวและเพื่อนเดินไปยังบอร์ดที่ติดประกาศผลเอ็นทรานซ์ แล้วแต่ละคนก็แยกย้ายไปดูรายชื่อของตัวเอง แสงไฟนวลๆที่ส่องมาแม้จะไม่สว่างแต่ก็ทำให้มองเห็นรายชื่อได้อย่างชัดเจนไม่ต้องเอาไฟฉายมาส่องเหมือนกับรุ่นเก่าๆ บัวพยายามหารายชื่อของตัวเองตามเลขที่นั่งสอบ และสุดท้ายก็เจอชื่อของตัวเอง หากแต่ยังไม่ได้ดูใดๆทั้งสิ้นว่าตัวเองติดคณะอะไร สถาบันไหน ขอให้ติดได้ที่เรียนไว้ก่อนเท่านั้นพอ วินาทีนั้นคิดได้เท่านี้จริงๆ เสียงร้องแห่งความดีใจก็ตะโกนดังออกมา “เย้ เย้ เฮ้ย เฮ้ย เย้” พร้อมกับกระโดดโลดเต้นแล้วเดินไปหาโจเพื่อนสนิท “นิ้ง บัวติดแล้ว บัวติดแล้ว เฮ้ยทุกคนกูติดแล้วโว้ย” นิ้งซึ่งกำลังมองหารายชื่อของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงอย่างนั้น ก็กระโดดกอดเพื่อนแสดงความยินดี “จริงดิ บัว เฮ้ยดีใจด้วยว่ะ แต่กูสิ มองไม่ค่อยเห็นเลยน่ะ ตาลายไปหมด ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองติดรึเปล่า” นิ้งบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีในตอนท้าย “ไม่เป็นไร นิ้ง ช่วยกันหา ไหนดูสิว่านิ้งเลขที่เท่าไร” บัวบอกพร้อมกับดึงกระดาษที่จดเลขที่นั่งสอบของโจ แล้วเดินหา ปากก็พลอยรำพึงเบาๆ “นิ้ง จุฑาภา วรรณวโรภาส จุฑาภา จุฑาภา เฮ้ย นี่ไง นิ้ง นิ้ง มานี่เร็ว นี่ไงชื่อนิ้ง” บัวร้องเรียกเพื่อนด้วยความดีใจ นิ้งรีบเดินมาหาบัวด้วยความตื่นเต้น “ไหนบัว ไหนชื่อนิ้ง” เมื่อเห็นชื่อของตัวเองนิ้งกับบัวก็จับมือกระโดดกอดกันด้วยความดีใจมาก แล้วก็ยังไม่มีใครดูอีกเช่นกันว่าตัวเองติดคณะอะไร สถาบันไหน แค่รู้ว่าตัวเองติดก็ไม่ต้องการรู้อะไรแล้ว จะติดอะไรก็ช่างมันเถอะ เรียนได้ทั้งนั้น “บัว บัวนิ้งติดแล้ว นิ้งติดแล้วเราสองคนติดแล้ว ไม่ได้ฝันด้วย” นิ้งบอกพร้อมกับน้ำตา ทำให้บัวเองก็กลั้นมันไว้ไม่อยู่เหมือนกันทั้งๆที่ก็ไม่ได้เสียใจไม่ได้รู้สึกเศร้าใจแต่อย่างใด แต่ทำไมมันไหลออกมาได้นะ เพิ่งจะรู้วันนี้เอง ว่าน้ำตาแห่งความปิติยินดีมันเป็นอย่างไร เคยคิดแต่ว่าคนเราหากจะร้องไห้ออกมาได้จะต้องมีอารมณ์ความเศร้าเท่านั้น แต่วันนี้รู้แล้ว ว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นหาใช่ความเสียใจอย่างที่ใครๆเขารู้สึกกัน แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจต่างหาก ไม่เสียแรงจริงๆ ที่นั่งเคร่งเครียดอ่านแต่หนังสือมานานกว่า 6 เดือน และต้องนั่งกระวนกระวายใจอยู่ที่บ้านกินไม่ได้นอนไม่หลับ ลุ้นจนตัวโก่งว่าตัวเองจะติดไหม อีกเกือบ 2 เดือน แล้วทุกอย่างที่ทุ่มเทก็เป็นไปตามที่คาดหวัง บัวเองก็เป็นนักเรียนคนหนึ่งที่เหมือนกับนักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศ อุตส่าห์ร่ำเรียนมาตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมปลายรวมแล้วก็ 14 ปี ก็เพื่อวันนี้ไม่ใช่เหรอ เพื่อเอ็นทรานซ์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยปิดไม่ใช่เหรอ นี่คือความใฝ่ฝันของนักเรียนมัธยมปลายทุกคน แต่คงจะไม่ใช่ทุกคนที่ได้อย่างนั้น หากบัวเป็นคนที่โชคดี เธอทำคะแนนเอ็นท์ได้ดี ค่า GPA และค่า PR ก็สูง บวกกับดวงด้วย ดวงนี่แหละสำคัญ เพราะในแต่ละปีคะแนนสูง-ต่ำ ก็ต่างกัน บางปีก็สูงจนน่าใจหาย บางปีก็ต่ำจนรุ่นต่อไปได้ใจ แต่นั่นก็เทียบได้แค่ปีต่อปีเท่านั้น คงต้องเดากันเอง แล้วแต่ดวงของแต่ละคนว่าในปีนั้นคนที่ยื่นคะแนนจะสูงรึเปล่า ถ้าสูงกว่าปีที่แล้วมากก็โชคร้ายไปเพราะผิดคาด แต่หากคะแนนที่ยื่นต่ำ ทุกคนพร้อมใจกันยื่นคะแนนที่ไม่สูงมาก ก็ติดไป บางคนอาจบอกว่าคนที่เอ็นท์ติดนั้นเก่ง ก็เป็นสมมติฐานที่ถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะอีกครึ่งก็แล้วแต่ดวง แล้วแต่เวรกรรม แล้วแต่โชคชะตาฟ้าลิขิต หากมีบุญได้อยู่ในสถาบันไหนก็คงต้องอยู่ในสถาบันนั้น แล้วปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายที่จะใช้วิธีเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยด้วย เพราะในปีถัดไปจะใช้ระบบแอดมิชชั่น ต้องสอบ O-NET และ A-NET ยิ่งทำให้น่ากลัวใหญ่เลย นักเรียนหลายคนเลยจับจุดไม่ถูกว่าปีสุดท้ายแล้วเขาจะมีนโยบายรับเด็กมากขึ้นหรือน้อยลง บวกกับมีข่าวต่างๆนานา ว่าปีนี้คะแนนสูงขึ้น ใจที่กลัวอยู่แล้วทำให้ยิ่งกลัวเข้าไปอีก แล้วกว่าจะเลือกได้แต่ละอันดับ คิดแล้วคิดอีก คิดจนปวดหัว ชั่งใจเป็นวันๆ สายโทรศัพท์แทบไหม้เพราะต้องคอยเช็ค คอยปรึกษาเพื่อนๆตลอด ว่าจะเลือกอันนี้ดีไหม เลือกแล้วจะติดไหม เรียกว่าไม่เป็นอันกินอันนอน แต่สิ่งหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้และก็มีทุกปีก็คือ คนที่เอ็นท์ไม่ติดกว่า 20,000 คนต้องเสียใจร้องไห้กันแทบเป็นแทบตาย ใครไม่เจอความรู้สึกคงไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไร นอกจากจะเอ็นท์ไม่ติดเหมือนคนอื่นๆแล้ว ยังเป็นบุคคลล่องหนอีกด้วย เพราะยังไม่มีที่เรียนไม่รู้จะเรียนที่ไหน แต่ละที่ก็ปิดรับสมัครกันไปหมดแล้ว บางคนต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิด หรือ บางคนก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน และอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องไปเรียนราชภัฏและราชมงคล แต่คนเหล่านี้ก็ต้องจำใจยอมรับว่าไม่ใช่มีแค่เราคนเดียวที่เอ็นท์ไม่ติดเพื่อนร่วมรุ่นต่างสถาบันอีกมากมาย ก็เอ็นท์ไม่ติดเช่นกัน หากรัฐบาลมีนโยบายรับเด็กทุกคนก็คงจะดี เพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมีเด็กต้องเสียใจเพราะความคาดหวัง และจะได้ไม่ต้องมีเด็กเก็บตกหาที่เรียนไม่ได้....
หลังจากที่ร้องไห้กันเรียบร้อยแล้ว นิ้งกับบัวก็นึกขึ้นได้ว่าแล้วเพื่อนๆคนอื่นๆล่ะ จะเอ็นท์ติดเหมือนเราสองคนรึเปล่า แล้วก็ได้ยินเสียง เป้ ทราย น้ำ ดังออกมาจากบอร์ดอีกฝั่งหนึ่ง ทั้งสามคนจับมือล้อมเป็นวงกลมด้วยความดีใจ “ติดแล้ว ติดแล้ว ติดแล้ว เฮ้ย นิ้ง บัวมานี่ พวกกูติดแล้วโว้ย” บัวกับนิ้งยิ้มให้กันก่อนเดินไปหาเพื่อนๆ “เฮ้ย กูติดสาธารณสุข ส่วนไอเป้ติดพยาบาล ที่มหิดลว่ะ” ทรายบอกออกมาด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม “เฮ้ยดีใจด้วย” บัวกับนิ้งพูดแสดงความยินดีกับเพื่อนพร้อมกัน “อ้าว แล้วมึงล่ะน้ำ มึงติดที่ไหน” บัวถามน้ำ “ส่วนกูก็ติดมัณฑนศิลป์ที่ศิลปากรน่ะสิวะ เย้” น้ำตอบพร้อมกับเขย่าตัวบัวอย่างแรง “เฮ้ย พอแล้ว พอแล้ว กูเจ็บ” บัวบอก “เฮ้ย ขอโทษว่ะ ดีใจมากไปหน่อย” เมื่อน้ำพูดจบ ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา “เออ มัวแต่ดีใจแล้วไอเนม ไอนุช ไอชมพู่ ไอพลอย แล้วก็ไอพิมพ์ ล่ะมันติดที่ไหนกันบ้างวะ กูว่าไปดูพวกมันกันเถอะ” เป้พูดด้วยความเป็นห่วง บอกตอบรับคำทันที “เออใช่ๆ ไปดูกันเหอะ” เมื่อเดินไปอีกบอร์ดหนึ่ง ก็เห็น ชมพู่กับพลอย กำลังนั่งปลอบใจเนม นุช แล้วก็พิมพ์อยู่ ชมพู่พูดปลอบใจเพื่อนๆ “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกพวกมึง เอ็นท์ไม่ติดก็เรียนที่อื่นก็ได้ อย่าลืมสิพวกเราเคยสัญญากันว่าไง พวกเราเคยสัญญากับตัวเองว่า การเอ็นท์ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ชีวิตมึงยังต้องก้าวต่อไป เราจะไม่เสียใจไง เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว มึงจำไม่ได้เหรอวะ ไอเนม ไอนุช ไอพิมพ์” พลอยจึงพูดเสริมขึ้น “ใช่ ถึงพวกกูจะเอ็นท์ติด ยังไงกูกับมึงก็ยังเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่ามึงจะเรียนที่ไหน มึงก็เพื่อนกู กูจะช่วยมึงหาที่เรียนเอง ไม่เอา ไม่เอา ไม่เศร้าไม่เสียใจ ยิ้มไว้ ยิ้มไว้” บัวกับเพื่อนทั้ง 4 คนเดินมาได้ยินพอดี ความดีใจ และรอยยิ้มที่มีเมื่อ 1 นาทีที่แล้ว แทบจะไม่เหลือเลย เมื่อรู้ว่าเพื่อนๆอีก 3 คนนั้นเอ็นท์ไม่ติด แล้วเนมก็โผเข้ากอดชมพู่ ส่วนนุชก็โผเข้ากอดพลอย ต่างคนต่างร้องไห้เสียงดังออกมา “ฮือ ฮือ กูเสียใจ กูเสียใจ ทำไมกูเอ็นท์ไม่ติด” เนมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เออ กูรู้ กูเข้าใจ มึงอยากร้องร้องออกมา ร้องให้พอใจ” ชมพู่ปลอบใจพร้อมกับลูบหัวเพื่อนด้วยความสงสาร แล้วเงยหน้าหันมามองเพื่อนอีก 5 คนด้วยสายตาที่เข้าใจกัน ส่วนนุชนั้นนั่งเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาใดแสดงออกมา ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงพร่ำรำพันว่าเสียใจ เอาแต่นั่งหันหน้าหนีเพื่อนไปคนละทางในขณะที่เนมกับกับพิมพ์ร้องไห้ นุชยังอึ้งและช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในใจนั้นรู้อย่างเดียวว่ารับไม่ได้ รับไม่ได้เลย อยากร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก เมื่อบัวเห็นก็รู้ทันทีว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร ให้ร้องไห้ออกมาซะยังดีกว่าให้นิ่งแบบนี้ นิ่งจนน่ากลัว นิ่งจนไม่น่าไว้ใจว่ากลับไปคืนนี้จะมีสภาพยังไง.... เป้ ทราย น้ำ ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนเอ็นท์ไม่ติด ทุกคนคิดเสมอว่าเราต้องเอ็นท์ติด เราต้องไปด้วยกัน เราต้องดีใจด้วยกัน และเราต้องกอดกระโดดโลดเต้นเวลาที่ดูผลเสร็จด้วยกัน ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ มันรู้สึกแย่จนทำอะไรไม่ถูก ยังชาๆที่เห็นสภาพเพื่อนแต่ละคนเป็นแบบนี้ เป้กับทราย แยกไปกอดเนม ส่วนน้ำ ก็แยกไปปลอบใจพิมพ์ บัวกับนิ้งเดินไปหานุช แล้วค่อยๆนั่งลงข้างซ้ายและขวา บัวมองสายตาที่ว่างเปล่าของเพื่อน แล้วพูดขึ้นว่า “นุช กูเข้าใจว่ามึงหวังกับมันไว้มาก แต่มึงจะมานั่งนิ่งแบบนี้ทำไม มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แล้วมันก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มันเป็นแค่ส่วนประกอบของชีวิตเท่านั้น การเอ็นทรานซ์ไม่ได้เป็นตัววัดว่าเราเป็นคนดี เป็นคนเก่ง แต่ใบปริญญาต่างหากที่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเราเก่ง อย่างน้อยๆเราก็ฝ่าฟันอุปสรรคจนมีวันนี้ คนที่เอ็นท์ติดแต่เรียนแบบถูๆไถๆ ก็มีถมไป มันแค่เริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบสักหน่อย บางคนเรียนซะที่ดีเชียว แต่ขอโทษถูกรีไทร์ออกมา เกรดเฉลี่ยที่จบมาแค่หางเต่า ชื่อสถาบันมันไม่สำคัญหรอก มันคือค่านิยม ต่อให้เรียนถึงจุฬาแต่เกรดแค่ 1 กว่าๆเกือบ 2 มึงเอาเหรอ กับมึงไปเรียนที่อื่น แต่มุ่งมั่นจนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 กูเชื่อว่ายังไงค่านิยมสังคมไทยก็ยังให้ความสำคัญกับเกียรตินิยมมากกว่าสถาบันแน่นอน มันบ่งบอกถึงอะไรหลายๆอย่างในตัวเรา คนเก่งอย่างมึงคงเข้าใจที่กูพูดนะนุช ถ้ามึงอยากร้องไห้ มึงร้องออกมา เพื่อนๆทุกคนจะอยู่กับมึง จนผ่านพ้นคืนนี้ เราจะอยู่ด้วยกัน แล้วก็ไม่ใช่แค่คืนนี้คืนเดียว เราจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป เพราะอะไรรู้มั๊ย เพราะเราเป็นเพื่อนกันไง นุช เราเป็นเพื่อนกัน กูรักมึง” เมื่อบัวพูดจบ นุชก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างที่ไม่สามารถจะกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป บัวจับตัวนุชมากอดไว้ แล้วปลอบต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “โอ๋ โอ๋ ร้องซะร้องให้พอ ให้มันสมกับที่เสียใจ จะได้ไม่ต้องร้องอีก เวลาที่เหลืออยู่แทนที่จะมานั่งร้องก็เอาไปหาที่เรียนดีกว่าเนอะ เราเป็นคนเรียนดี เกรดเฉลี่ยก็ตั้ง 3 กว่าต้องมีสักที่แหละที่เห็นความเก่งของเรา เอ็นทรานซ์ไม่เห็นไม่เป็นไร ที่อื่นที่เขาเห็นค่าความเก่งของเราเยอะไป จริงไหม อะไรที่มันพลาดแล้ว ปล่อยมันไป ช่างมัน ทิ้งมันไว้ที่เนี่ยแหละ เหยียบมันลงพื้นไปเลย แล้วเรามาเริ่มกันใหม่” บัวพูดด้วยน้ำตาที่ไหลนองเต็มหน้า สงสารเพื่อนจับใจ นิ้งเองก็เช่นเดียวกัน อยากจะกลั้นน้ำตาเพื่อคงความเข้มแข็งไว้ให้เพื่อนได้ยึดเหนี่ยว แต่วินาทีนี้ทำไม่ได้จริงๆ มันเกินกว่าที่ห้ามมันได้ นิ้งปาดน้ำตาตัวเอง แล้วก็โน้มตัวไปกอดนุชกับบัว “นุช เราจะไม่ทิ้งกัน มันไม่ใช่ทุกอย่างอย่างที่บัวบอกจริงๆ นุชต้องเข้มแข็งนะ นุชต้องเข้มแข็งเพื่อตัวเอง แม้ว่าเราจะต้องผ่านคืนนี้ไปด้วยความยากลำบากสักแค่ไหนนะ แต่เดี๋ยวเราก็ต้องผ่านมันไปได้ ไม่มีอะไรยากถ้าเราพยายาม เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งที่เรามองย้อนกลับมา ก็จะรู้ว่ามันน่าตลกแค่ไหน วันนั้นทำไมต้องนั่งร้องไห้มากมายอย่างนี้ด้วย แล้วเราก็จะรู้ว่าเรานั้นเก่ง ที่สามารถผ่านมันไปได้ มันแค่บทพิสูจน์เพื่ออนาคตเท่านั้นเอง ถึงพวกเราจะเอ็นท์ติดก็ไม่ใช่ว่าอนาคตจะสวยหรู เราก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าที่ที่เราจะไปอยู่มันเป็นยังไง จะดีไหม แล้วจะได้เจอเพื่อน เจออาจารย์ยังไง ไม่มีใครรู้มันอาจจะไม่ดีก็ได้นะนุช บอกแล้วว่าเอ็นทรานซ์ไม่ใช่การตัดสินทุกอย่างในชีวิต กลับกันมันแค่เริ่มต้น อย่าท้อแท้อย่างน้อยๆ เราก็มีกัน” ทั้ง 3 คนนั่งกอดกันร้องไห้ แล้วเพื่อนๆอีก 7 คนก็เดินเข้ามา พิมพ์กับเนมค่อยคลายความเสียใจลงแล้ว เมื่อนุชผละจากบัวและโจก็มากอดพิมพ์กับเนม เนมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรเนอะนุช ไม่เป็นไร เราไปหาที่เรียนกันใหม่ เราจะไปด้วยกัน” เนมพยายามเข้มแข็งทั้งที่เสียใจ แต่เพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ๆทำลายความดีใจของเพื่อนอีก 7 คนจึงพยายามฝืนเก็บมันไว้ข้างใน...
ความคิดเห็น