ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 4 :: ศพที่ 3 กับคนที่น่าสงสัย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.17K
      26
      11 ส.ค. 56

    CHAPTER 4 :: ศพที่ 3 กับคนที่น่าสงสัย

     

    “1994.04.12”

     

    [Baekhyun]

              “ศพถูกฉีกออก ส่วนขากับแขนถูกฉีกออกจากตัวแต่ก็ยังไม่ขาดออกจากกันดี มันมีรอยเขี้ยวด้วย คล้ายกับ..หมากัด หมาตัวใหญ่ด้วย รอยเขี้ยวลึกพอควร”

              ผมนั่งอ่อนระทวยอยู่บนโซฟา คริสกับมินซอกและจุนมยอนออกไปจัดการกับศพที่ตายเมื่อคืนนี้...

              คนที่ร้องลั่นจนผมสะดุ้ง...

    ...เซฮุน

              “เสื้อผ้าถูกฉีกออก แต่มันไม่ขาดมาก ศพ...สยดสยองมาก”

              “นายเอาเขาไปไว้ที่ไหน?”ลู่หานถามด้วยสีหน้าขยะแขยง


              “พวกเราขุดหลุมทรายที่ลึกพอควร เราทำเครื่องหมายไว้ เผื่อตำรวจมาก็ให้เขาไปขุดเอา ตอนนี้แค่กันอุจาดไปก่อน แต่อีกไม่กี่วันกลิ่นคงเหม็นแน่นอน”

              จงแดวิ่งเข้าไปอ้วกอีกแล้ว จุนมยอนก็รีบวิ่งปรูดตามไป ชานยอลที่เอาป้ายชื่อมาปิดปากไว้นั้นครางขึ้นมาด้วยความกลัว เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ตัวของเขาสั่นงกๆ

              “ฉันอยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่แล้ว แบคฮยอน ฉันกลัว”

              ชานยอลโน้มหัวลงมาซุกไหล่ผม ทุกคนพยายามไม่ใส่ใจ ใครๆก็กลัวทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวฆาตกรเอง!


              จื่อเทานั่งอยู่มุมห้อง เขาขมวดคิ้ว สายตาของเขาจ้องไปข้างหน้าเขม็ง เขาคงกำลังคิดวิธีฆ่าผมอยู่แน่ เพราะผมรู้ความจริงแล้ว! และเหมือนเขาจะรู้ว่าผมมองเขาอยู่ เขาหันมาสบตากับผมเพียงเสี้ยวนาทีก่อนที่ชานยอลจะเดินเข้ามาอ้อนให้ผมไปเฝ้าตอนเขานอน


              ทุกคนแยกย้ายกันไปนอนพัก เพราะคิดว่ายังไงฆาตกรก็ไม่ลงมือในตอนกลางวันแน่


              ผมเดินไปส่งชานยอลที่ห้อง ผมนั่งเฝ้าเขาจนหลับไป เขาเป็นรูมเมทเซฮุน และเขาก็ยังบอกผมอีกว่าเขาฝันถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์จนไม่อยากตื่นจากฝัน ตอนที่เซฮุนออกไปจากห้องนั้นเขาก็รู้สึกตัว แต่ไม่ได้คิดว่าจะถูกหลอกไปฆ่า...แล้วจะให้ผมบอกกับทุกคนอย่างไรว่าจื่อเทาเป็นคนที่ฆ่าเซฮุนและทุกคนที่ตาย


              ผมนั่งลงที่เตียงของเซฮุน...เมื่อคืนนี้เขายังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนี้ แล้วจู่ๆก็มีคนพาเขาออกไป...


              เพื่อฆ่า!!!

              และคนๆนั้นก็คือ...จื่อเทา


              ผมเงยหน้าขึ้นก็สะดุดกับสายตาของชานยอลที่จ้องผมตาเป๋งอยู่ หัวฟูๆของเขาดูดีกว่าที่จะหวีเรียบแปล้เหมือนที่เขาชอบทำซะอีก

              “ทำอะไร?”

              “คือฉันคิดอะไรได้นิดหน่อย แล้วนายไม่นอนเหรอ?”

              “ฉันนอนไม่หลับ...กลัวน่ะ”


              ชานยอลยู่ปาก ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เยจินถูกบางสิ่งบางอย่างฆ่า ต่อจากนั้นก็ที่ห้องสอบสวน แทมินก็ถูกบางสิ่งฆ่าเช่นกัน ด้วยวิธีเดียวกัน หมาตัวใหญ่ที่ผมเห็นที่โรงเรียนที่มันสามารถคุยกับผมผ่านความคิดของผมได้ และปริศนาตัวเลข 88

              ผมเดินออกมาจากห้องของชานยอลโดยมีชานยอลเดินตามมาข้างหลังและตรงไปที่ห้องของมินซอกและลู่หาน เขาดูน่าจะพึงพอใจที่สุดในตอนนี้ ถึงแม้ว่าผมจะเคยสงสัยเขาก็เถอะ แต่แทมินบอกว่าฆาตกรมีคนเดียวซึ่งก็คือจื่อเทา และจื่อเทาก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย


              “ฉันขอเข้าไปหน่อยสิ”

              “จะเข้ามาทำไม?”


              มินซอกขมวดคิ้ว เขาไม่ยอมอ้าประตูกว้างเพื่อให้เราเห็นอะไรในห้องเลย


              “มีอะไรที่ทำให้ฉันเข้าไปไม่ได้งั้นเหรอ?”

              “เปล่า นายเข้ามาได้”


              ผมเดินนำชานยอลเข้ามาในห้องของมินซอก ลู่หานนอนหลับอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่ามินซอกจะทำโยคะ ถ้าดูจากอุปกรณ์ที่อยู่บนพื้น

              “มีอะไรรึเปล่า?”

              มินซอกถามด้วยเสียงห้วนๆ

              “ซาลาเปา นายอารมณ์เสียอีกแล้ว...”

              “ฉันไปเผลอต่อยคนมา”

              “โอ้โห แล้วนายไปต่อยเขาทำไม”

              “มันเรียกฉันว่าซาลาเปา”


              ชานยอลหุบยิ้มทันที เขารีบวิ่งเข้ามาหลบข้างหลังผมแล้วก้มหน้าเงียบ

              “ฉันมีเรื่องจะปรึกษา...เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”

              มินซอกมองตาผม


              “นายแน่ใจเหรอ...เราไม่สนิทกันนะ บางที...ฉันอาจจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าเซฮุนเมื่อคืนก็ได้


              แววตาเหยียดหยามของมินซอกนั่นทำให้ผมขนลุก ผมจัดการนั่งลงที่พื้นห้องเพราะไม่มีที่ที่จะให้ผมนั่งแล้ว ชานยอลนั่งลงข้างๆผม มินซอกมองอย่างชั่งใจก่อนจะนั่งลงตรงหน้าผม

              “มีอะไรก็พูดๆมา”

    ผมมองตามินซอกอย่างชั่งใจ...ก่อนจะตัดสินใจพูดมันออกมา....ทั้งๆที่ผมไม่ควรจะเชื่อใจใคร


              “วันแรกที่เยจินตาย คืนนั้นมีเสียงหมาขู่ก่อนที่เธอจะกรี๊ดแล้วเธอก็ถูกฆ่าด้วยการจิกและทึ้งอย่างแรง คนเราไม่น่าจะมีแรงขนาดนั้น ถ้าเป็นคนก็อาจจะเป็นคนตัวใหญ่เอามากๆ หรือไม่ก็ต้องเป็น...สัตว์”

              มินซอกขมวดคิ้ว

              “ถ้าเป็นสัตว์ก็ต้องเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณนักล่า มันต้องฆ่าเป็น มันจึงใช้เวลาในการจัดการกับเยจินได้ในเวลาที่เร็วขนาดนั้น...ขอกระดาษหน่อยสิ”


              มินซอกหันไปหยิบกระดาษในกระเป๋าสักพักแล้ววางกระดาษลงบนพื้นตรงหน้าผม เขาวางปากกาทับลงบนกระดาษอีกที ก่อนจะหันมามองหน้าผมคล้ายกับจะคอยดูว่าผมจะทำยังไงกับกระดาษนี่

              ผมหยิบกระดาษกับปากกามาร่างความคิดผมลงไป

     

    เสียงหมาหอน > มีคนตาย > ศพถูกกัด-ฉีก

     

              มินซอกกับชานยอลทำตาโตเมื่อตีความข้อความบนกระดาษที่ผมเขียนลงไปได้

              “หมา?”

              “มะหมา?”

              “ใช่หมา ไม่ใช่หมาธรรมดาด้วย น่าจะเป็นหมาตัวใหญ่สักเท่าตัวชานยอล”

              มินซอกหันไปมองชานยอลแล้วอ้าปากค้าง สักครู่หนึ่งเขาก็ขมวดคิ้วแล้วหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปอีก

     

    ตัวเลข 88

     

              ผมเงยหน้าขึ้นมามองมินซอกทันที เขารู้เรื่องที่มีตัวเลข 88 อยู่ข้างศพใช่มั้ย? แล้วเขารู้ได้ยังไง?

              “วันที่เยจินตาย ฉันเห็นมันที่พื้นข้างๆเธอ มันถูกเขียนด้วยเลือด แล้วเมื่อคืนนี้...ที่เซฮุนตาย ฉันก็เห็นมันอีก”

              “คืนนั้น..ที่แทมินตายก็มีตัวเลขนี่เหมือนกัน”

              เรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ชานยอลขมวดคิ้ว เขาดูดนิ้วที่ติดเป็นนิสัย เขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพัก ขณะที่ผมกำลังคิดภาพเลข 88 ทั้งหมดว่ามันเกี่ยวอะไรกับการฆาตกรรม ชานยอลก็พูดขัดขึ้น

              “ถ้าฆาตกรเป็นหมาจริงๆ...แล้วหมามันเขียนหนังสือได้ด้วยเหรอ?”

              คำพูดชานยอลทำให้ความคิดของผมพัง มินซอกมองหน้าชานยอลแล้วแค่นหัวเราะ


              “ก็ใช่อย่างที่ไอ้ด๊อบบี้มันว่า หมามันเขียนหนังสือไม่ได้หรอก อีกอย่างมันคงไม่ขึ้นรถเมล์ตามมากัดถึงที่นี่หรอก หึหึ”

              ผมเงียบไปทันที พวกเขาคงคิดว่าเป็นหมาแบบร็อตไวเลอร์ตัวใหญ่ๆสินะ

              “นี่พวกนายคิดว่าเป็นหมาแบบร็อตไวเลอร์อะไรเทือกนั้นใช่มั้ย? คือฉันไม่ได้หมายถึงร็อตไวเลอร์”

              “แล้วหมาอะไร?”


              ชานยอลกับมินซอกมองหน้าผมเงียบ เขากำลังรอคำตอบ แต่ถ้าผมพูดออกไป...ใครจะเชื่อผมล่ะ

     

              หมาป่า...มนุษย์หมาป่า

     

              เสียงของลู่หานที่นอนเอาคางเกยหมอนอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาตื่นตั้งแต่เมื่อไร แต่ดูเหมือนเขาจะรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกัน


              “มนุษย์หมาป่า....หมาป่าน่ะเหรอ?”

              มินซอกทวนคำพูดของลู่หาน เขาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า

              “เป็นได้ทั้งคนและหมาป่า....”


              ชานยอลพูดขึ้นลอยๆอีกครั้ง เขายกกระดาษขึ้นมาจ้องเขม็ง ก่อนจะหันมามองหน้าผม...


              “แล้วใครกันที่เป็นหมาป่าล่ะ?...เขาอยู่ในพวกเราใช่มั้ย?”



              ผม ซิ่วหมิน และลู่หานหันหน้ามองกันโดยทันที...






              แล้วหมาป่าที่ว่านั่น...ไม่ใช่พวกนายคนใดคนหนึ่งในห้องนี้หรอกใช่มั้ย?

     

    ***

     

              ผมนั่งรอคยองซูอาบน้ำในห้องของเขากับจงอิน ดูเขาก็คงจะโกรธผมไม่น้อยที่ผมไม่ยอมนอนห้องเดียวกับเขา คืนนี้ผมตัดสินใจจะนอนห้องนี้กับคยองซู ผมยังคงไม่เล่าเรื่องข้อความของแทมินที่เขาพิมพ์ไว้ให้ใครฟัง และผมก็ตัดสินใจจะบอกคยองซูคืนนี้


              เราลงมาทำอาหารกินข้างล่าง ทุกอย่างถูกตุนไว้เพราะแผนครั้งแรกนั้นเราจะอยู่ที่นี่  1สัปดาห์ อาหารจึงมีพอสำหรับคน  13 คนใน 1 สัปดาห์ แต่ตอนนี้แผนทุกอย่างล่มลงแล้ว...

              ระหว่างที่ผมกำลังล้างจาน จงแดกับจุนมยอนก็เข้ามาในครัวด้วยกัน คยองซูจึงต้มโจ๊กสำเร็จรูปให้ทั้งคู่ ผมนั่งรออยู่หัวโต๊ะกินข้าว รอเวลาที่คยองซูจะว่าง

              “นายจดอะไรเหรอ?”

              “อ๋อ ไดอารี่น่ะ”

              คยองซูถามจุนมยอนที่ก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดเล่มกะทัดรัดของเขา จงแดซึ่งชะโงกหน้ามาดูถ้วยโจ๊กของจุนมยอนเมื่อเห็นว่าจุนมยอนคงไม่กินต่อแล้ว เขาก็ลากถ้วยโจ๊กไปซดเสียงดัง

              “เขียนอะไรมั่งอ่า?”

              “ก็เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็ได้ เอาไว้เตือนใจเวลานายกลับมาอ่านอีกที นายก็จะได้ทีความทรงจำดีๆไง เขียนเรื่องที่อยากระบายก็ได้นะ ฉันจะเขียนอะไรก็ได้ เพราะฉันเป็นพระเอกของไดอารี่นี้”

              จุนมยอนยิ้มแก้มใส เขาดูฉายแววของเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีด้วยซุปไก่สกัด การเรียนพิเศษ การดูสารคดีแทนละครหลังข่าวและการ์ตูนหรือคลิปโป๊ ส่วนจงแดนั้นเป็นพวกขวนขวายจนเกินไป ผมยอมรับว่าเขาเก่งแต่บางเรื่องของเขาก็น่าเกลียดเกินไปอย่างเช่นการหลงตัวเอง เขาเป็นคนทะเยอทะยานจนเกินตัว...



              “แล้วขอฉันอ่านได้มั้ย?”

              “ไดอารี่เป็นของส่วนตัวนะ!

              “แต่ฉันเคยอ่านด้วยล่ะ”


              จงแดกระดกน้ำแก้วใหญ่ลงไป แล้วคว้าสมุดไดอารี่ของจุนมยอนไป

              “อะไรที่เป็นของจุนมยอน ฉันก็มีสิทธิ์หมดนั่นแหละ”

              จุนมยอนหลุบตาลงต่ำแล้วหัวเราะแหะๆ ผมดูยังไงก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยากให้จงแดทำอย่างนั้นเลยสักนิด แต่คงเป็นเพราะทั้งคู่สนิทกันมาก จุนมยอนคงไม่อยากขัดจงแด

              ผมพาคยองซูมานั่งที่อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น ตรงนี้ไม่มีคนอยู่สะดวกที่ผมจะคุยเรื่องนี้... ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้คยองซูฟังเหมือนที่เล่าให้มินซอก ชานยอล และลู่หานฟัง แต่ผมเล่าเรื่องเกี่ยวกับข้อความของแทมินให้คยองซูฟังด้วย


              “เขาทำอย่างนั้นเหรอ?”

              ผมพยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่โรงพักตอนสอบปากคำ...เสียงกระซิบนั่น!

              “ตอนสอบปากคำนั่น...นายได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า?”

              คยองซูขมวดคิ้ว

              “ไม่นี่ นายได้ยินเสียงอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

              ผมเบิกตาโพลง คยองซูไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยงั้นเหรอ?

              “เปล่าหรอก แล้วคืนที่เกิดเหตุนายหายไปไหนเหรอ?”

              คยองซูกลอกตาไปมา เขากำลังลอกแลก

              “ฉันไปยืนตากลมเล่นที่ระเบียงกับจงอินมา”

              คยองซูหลุบตาลงต่ำ เขาแอบกัดริมฝีปากล่าง


              “จงอินก็อยู่กับนายอย่างนั้นเหรอ...เขาอยู่กับนายงั้นสินะ”

              “ใช่...เขาอยู่กับฉัน”

              ผมแอบถอนหายใจเบาๆ แม้จะรู้ว่าจื่อเทาเป็นหมาป่าแล้วก็ตาม แต่ผมก็อดที่จะระแวงคนอื่นไม่ได้!






              ...แต่เขาอยู่กับฉันแค่ก่อนเกิดเหตุไม่กี่นาทีเองนะ

     

    ***

     

              ผมนอนพลิกตัวไปมา ถึงแม้จะเป็นเตียงคู่และผมก็นอนเตียงเดียวกับคยองซู แต่ข้างหลังของผมนั้นเป็นเตียงของจงอินและเขาก็นอนอยู่บนนั้น กล้ามเนื้อของเขาดูแข็งแรง ถ้าหากจับผมหรือคยองซูทุ่มหรือเหวี่ยงลงพื้นนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากนัก แล้วถ้าจะวิ่งด้วยความเร็ว ขายาวๆนั่นคงทำได้ไม่เกินความสามารถของเขา...

    ผมนอนซุกผ้าห่มกับคยองซูแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาเป็นระยะ แล้วเสียงหนึ่งก็ทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจริงๆ!

    เสียงหายใจแรงๆของสัตว์อะไรสักอย่างดังแว่วๆมา มันหายใจอย่างสม่ำเสมอ ฟังยังไงก็รู้....



    ว่าเป็นเสียงของหมา!!



    ผมเขย่าแขนคยองซู เขาตื่นอย่างรวดเร็วแล้วจ้องหน้าผมเมื่อตื่นขึ้นเต็มตา ผมยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากให้เขาเงียบและอย่าพึ่งถาม

    เราเงี่ยหูฟังเสียงนั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียงมันมาจากข้างนอกห้องตรงทางเดิน สักพักผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง แต่มันไม่ใช่ห้องของผม มันอยู่เยื้องๆไปหน่อย ผมพยายามจะนึกว่ามันเป็นห้องของใคร...


    ชานยอล!

    เขาอยู่คนเดียว!



    ผมผุดลุกขึ้นจากเตียง คยองซูเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟดวงเล็กที่หัวเตียง เขารีบคว้าข้อมือผมไว้

    “ถ้ามันเป็นอย่างที่นายพูดจริงๆ...ก็อย่าออกไปเลยนะ”

    คยองซูกระซิบเสียงแผ่วเบา มือของเขายึดข้อมือผมแน่น แต่เมื่อผมนึกถึงหน้าตาคนซื่อบื้อของชานยอล ถ้าพรุ่งนี้ผมต้องตื่นขึ้นมาแล้วมีคนตายอีก...ศพที่ร่างถูกฉีกออกจากกัน.... ตัวเลข 88 ที่อยู่ข้างศพ... มันก็ทำให้ผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว หูก็อื้อขึ้นมาทันที

    ผมสะบัดมือออกจากคยองซูแล้วรีบหันหน้าไปทางห้องของชานยอล ผมคว้าแจกันทรงยาวที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าห้องมาด้วย แล้วรีบเดินไปที่ห้องของชานยอล

    แต่แล้วผมก็ต้องชะงักหยุด...ผมก้าวขาไม่ออกและอยากจะร้องไห้ออกมา มันอยู่ที่นั่น...หมาตัวใหญ่ที่ฆ่าทุกคนที่ตายมันอยู่ที่นั่น!

    ไอ้หมาปีศาจ!

    มันใช้สิ่งที่ควรจะเป็นขาหน้าข้างซ้ายเคาะประตูห้องของชานยอล ผมรู้สึกแล้วว่าเข่าอ่อนและผมกำลังจะทรุดนั่งลงกับพื้น แต่ขณะที่สติผมกำลังจะหลุด เสียงขานรับของชานยอลก็ดังขึ้นมาจากในห้อง เขากำลังจะออกมาเปิดประตู!


    ผมฝืนใจก้าวออกไปอีกเพื่อให้ใกล้กับห้องของชานยอลมากกว่านี้ ผมตะโกนห้ามชานยอลไม่ให้เปิดประตูออกมา แต่ลิ้นผมมันไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อย

    “ชานยอล อย่าเปิดประตู!

    ผมรู้สึกตัวชาทันที ไอ้หมาปีศาจนั่นหันมองมาที่ผมทันทีที่ผมอ้าปากร้องห้ามชานยอล มันแยกเขี้ยวขู่ ตาสีทองของมันจ้องมาที่ผม




    “แบคฮยอนนี่เหรอ? รอแป๊บนึงนะ”


    “อย่า อย่าเปิด” ผมกระชับแจกันในมือ ตาของมันยังคงจดจ้องอยู่ที่ผม ผมพยายามตั้งสติ


    “อย่าแส่” เสียงกระซิบแบบเดิมกับตอนที่อยู่ในห้องสืบสวนนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมคิดว่าเขาคือจื่อเทาแน่ๆ!


    “แบคฮยอนนี่?” ชานยอลเรียกผมอีกครั้ง เสียงลูกบิดประตูหมุนขึ้น ไอ้หมาป่าตัวใหญ่ย่อตัวไปข้างหลังเหมือนจะเตรียมตัวกระโจน ไวเท่าความคิด ผมเงื้อมือที่สั่นแล้วขว้างแจกันที่ถือติดมือมาไปที่ไอ้หมาปีศาจนั่นสุดแรงที่มีอยู่ในจังหวะเดียวกับที่มันกระโจนเข้าหาชานยอลที่เปิดประตูออกมาพอดี

    เสียงแจกันกระแทกเข้าที่หน้าของไอ้หมานั่น ร่างของมันร่วงลงพื้นก่อนที่จะถึงตัวชานยอลเพียงช่วงแขน ชานยอลร้องเสียงหลง ผมตะโกนเรียกเขาด้วยเสียงที่เหลือ

    “ชานยอลออกมา!! วิ่งมานี่ มาหาฉัน”

    ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองผม เขามองที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนจากงุนงงเป็นผวา เขาข้ามมันมาก่อนที่มันจะเริ่มขยับตัวและครางขู่ เสียงเปิดไฟและเสียงเอะอะจากห้องของคนอื่นๆเริ่มดังขึ้น ผมคว้าข้อมือชานยอลแล้ววิ่งทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องของคนที่ตะโกนตอนเปิดประตูออกมาเห็นหมาป่าตัวนั้น


    “เราจะไปไหน?”

    “ไม่รู้ แต่ฉันจะไปตามคยองซูก่อน”


    ผมวิ่งไปที่ห้องคยองซูแล้วกระชากประตูออก คยองซูนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยใจที่จดจ่อ เขาทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผม


    “ไปไหน?” คยองซูถามทันทีที่ผมคว้าแขนเขาแล้วเดินออกมาด้วยความเร่งรีบ

    “มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่ฉันพูด...มันมาแล้ว!

    “อะไร?”


    เสียงอะไรบางอย่างที่คล้ายถูกกระโจนทับดังมาจากทางด้านหลังผม ผมหันกลับไปก็เห็นชานยอลกำลังถูกไอ้หมานั่นตะครุบอยู่ สีหน้าของเขาดูหวาดกลัวสุด เขาร้องออกมาเสียงหลงไม่เป็นภาษา


    “บ..แบค...ฮ..ยอน แบค....ฮ...ยอน”

    “ชานยอล!


    ไอ้หมานั่นงับคอเสื้อชานยอลแล้วยกเขาเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศจนตัวลอยถึงแม้ว่าเขาจะตัวหนักแต่มันก็ยกชานยอลขึ้นได้อย่างง่ายดาย มันยกชานยอลขึ้นอีกครั้งแล้วทุ่มเขาลงที่พื้น เสียงลมที่ถูกกระแทกไล่ออกมาจากกระบังลมดูทรมาน...


    ผมทำตัวไม่ถูกและพยายามจะหาอะไรฟาดหมานั่นอีกรอบ ผมวิ่งเข้าไปคว้าโคมไฟที่หัวเตียงออกมาแล้วเหวี่ยงเข้าที่ตัวมันจากด้านหลังหลายครั้ง จนมันปล่อยชานยอลลงด้วยการทุ่มลงพื้นครั้งสุดท้าย


    ....ก่อนจะหันมาทางผม





    “ก็บอกแล้วไงว่าอย่าแส่”


    มันเดินลากเท้าช้าๆมาหาผม ดวงตาสีทองจ้องมาที่ผมเขม็ง มันแลบลิ้นเลียปากก่อนที่จะพ่นลมเหม็นๆออกมาทางจมูกชื้น เสียงหวีดร้องของคยองซูและชานยอลดังแว่วอยู่ห่างๆ ไอ้หมาป่าเงื้อหัวขึ้นเพื่อเหวี่ยงแรงมาที่หน้าของผม เพื่อกัดผม มันจะกัดหนังหน้าจากใต้คางของผม...จากนั้นก็ถลกมันขึ้นมา...แล้วจากนั้นมันก็คงจะทิ้งเลข 88 ไว้อีกครั้งด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง...และต่อจากนั้นมันก็คงจะฆ่าคยองซูและชานยอล

    ...จากนั้นก็ฆ่าทุกคน

    ผมหลับตาเพื่อรับความเจ็บปวดของการถูกกระชากหน้า แบบที่แทมินเจอ ผมคงจะร้องเสียงหลง จะมีเลข 88 อยู่ข้างตัว...


    พลั่ก!


    กรรรรรรซ์ซ์ซ์ซ์


    ผมลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเมื่อกี้ ไอ้หมาตัวใหญ่ที่เตรียมกระโจนเข้าหาผมเมื่อครู่นี้ ตอนนี้มันถอยออกไปจากตัวผมแล้ว ผมรีบถอยออกจากตรงนั้นทันที

    “หนีไปสิ!

    เสียงของเลย์ดังขึ้นจากด้านข้างผม เขายกเก้าอี้และทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเขวี้ยงไปที่หมาตัวใหญ่ ชานยอลและคยองซูคว้าแขนผมแล้วลากผมลงมาจากชั้น 2 ขาของผมที่ดูเหมือนจะไม่มีแรงนั้นวิ่งถี่ยิบ ชานยอลคว้าประตูบ้านพักเปิดออก เราวิ่งออกไปโดยที่ไม่ลืมคว้ารองเท้ามาด้วย มีเสียงวิ่งตามเรามา มันไม่ใช่เสียงของหมาป่าตัวนั้น แต่เป็นเสียงของคนที่วิ่งตามพวกเรามา อาจจะเป็นเลย์ก็ได้ เพราะเมื่อกี้ผมเห็นเขาพยายามที่จะรั้งมันไว้เพื่อให้พวกเราหนี

    เราวิ่งอย่างไร้จุดหมายมาตามชายหาดเรื่อยๆ จนคยองซูเริ่มหมดแรง ชานยอลเองก็ปวดรอยที่ถูกเหวี่ยงด้วย ตอนนี้ไม่มีเสียงคนตามเรามาแล้ว

    “หยุดก่อนได้มั้ย? มันคงไม่ตามเรามาแล้ว”

    คยองซูทิ้งตัวลงบนพื้นทราย ชานยอลมองไปทางที่เราหนีมา ผมหันไปมองบ้าง บ้านพักที่อยู่ไกลลิบๆ ไฟในบ้านชั้นบนถูกเปิดไว้ ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆคยองซู ชานยอลมองเราสองคนแล้วนั่งยองๆลงตาม แต่เขายังคงจ้องอยู่กับทางที่เรามา

    “เราจะเอาไงต่อ? จะกลับไปมั้ย?”

    คยองซูหอบแฮ่ก เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ ผมหอบหายใจแรงๆ แต่ก็ยังไม่มีออกซิเจนพอที่จะให้ผมรวบรวมเป็นแรงออกมาตอบ รู้สึกว่าร่างกายภายในมันร้อนไปหมด ผมหอบอยู่สักพักแล้วจึงหันกลับไปมองที่บ้านพักอีกรอบ

    “มีใครที่หนีไม่ทันนอกจากเราบ้าง?”

    ผมหันไปถามชานยอลกับคยองซูที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ คยองซูกลืนน้ำลายก่อนจะยกนิ้วขึ้นมานับ

    “จงแด จุนมยอน คริส ลู่หาน เลย์ จื่อเทา มินซอก แล้วก็...จงอิน”

    คยองซูเบะปาก เขายันตัวลุกขึ้นจากพื้นทรายด้วยความยากเย็น ชานยอลลุกขึ้นตาม เขาคว้าแขนคยองซูเอาไว้


    “นายจะไปไหนดโย?” คยองซูมองตาชานยอล เขาสะบัดมือเพื่อให้หลุดจากชานยอล

    “ทุกคนคงยังอยู่ที่นั่น พวกเราดูเห็นแก่ตัว เลย์เป็นคนรั้งหมาป่าไว้แล้วให้เราหนีมา แต่เราก็ทิ้งเขาไว้”


    ผมเงียบ ชานยอลก็เช่นกัน ตาของชานยอลหลุบต่ำ เขาจับชายเสื้อเล่น คยองซูยืนมองบ้านพักด้วยสายตากังวล

    “เอาไงต่อไป เราจะกลับไปหรือเดินต่อไปเรื่อยๆ”

    “เราจะกลับไปทำไม ที่นั่นมีหมาป่านะ”

    ผมกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ชานยอลเดินเข้ามาลูบหลังปลอบยองซู สักพักผมก็รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณแล้วว่าเราต้องเดินต่อ และเราจะอยู่กับที่ไปตลอดไม่ได้เราเดินตามหาดมาเรื่อยๆ เพราะฟ้ายังคงมืดสลัวๆอยู่ หวังว่าจะมีบ้านคนอยู่ ถ้าเราเดินตามหาดไปเรื่อยๆอย่างน้อยเจอเรือประมงก็ยังดี


    เมื่อฟ้าเริ่มสางเราก็รู้ว่าไม่สามารถโกหกร่างกายได้อีกแล้ว ขาที่ปวดเมื่อยไปทั้งขามันสั่นเวลาเรายกเท้าขึ้นเพียงพ้นพื้นทรายนิดหน่อยผมก็ทนก้าวออกไปไม่ไหวแล้ว ผมทิ้งเข่าลงบนพื้นทรายขาวสะอาด ชานยอลและคยองซูหยุดแล้วหันหลังกลับมา

    “เหนื่อยมากไหม?” คยองซูย่อตัวลงนั่งยองๆข้างๆผม ชานยอลมองท้องฟ้าก่อนที่จะล้มตัวลงนั่งเหมือนกัน



    “ฟ้าสางแล้ว ไอ้หมานั่นคงไปแล้ว เรากลับไปที่บ้านพักไม่ได้เหรอ?”

    “นี่นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอคยองซู!!! ก็ไอ้พวกที่เหลือคนใดคนหนึ่งนั่นแหละหมาป่า!!

    ผมกลืนน้ำลายที่ฝืดคอลงไป ริมฝีปากของผมแห้งผาก ผมกำลังกระหายน้ำแต่ผมก็รู้ว่าเราหามันไม่ได้ในตอนนี้แน่ ชานยอลเอามือกุมขมับก่อนที่จะหันไปมองทางที่เราเดินจากมาอีกรอบ เรามองไม่เห็นบ้านพักแล้ว เนื่องจากเดินมาไกลมากแล้ว

    “เป็นไปได้หรือเปล่าที่หาดนี่จะไม่มีบ้านคนอยู่เลยนอกจากบ้านพักของครูแทยอน?”

    “เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนเราขึ้นรถผ่านมามีชาวบ้านออกเรือด้วย อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ใช่เกาะส่วนตัว ไม่มีทางที่จะไม่มีคนอย่างนี้หรอก”


    ผมกลืนน้ำลายที่หนืดคออีกรอบ คยองซูเริ่มเงียบไปอีกรอบ ตาของเขาเป็นกังวล คิ้วขมวดกันเป็นปม


    “นายคิดอะไรอยู่” คยองซูสะดุ้ง เขายิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ


    “เปล่า ฉันแค่คิดว่าคนที่เหลือยังรอดอยู่กี่คน...”

    “ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นล่ะดโย ยังไงทุกคนก็ต้องรอดอยู่แล้ว!

    ชานยอลพูดสวนขึ้นมาทันที เขามองคยองซูด้วยสายตาตำหนิ แต่คยองซูกลับมองหน้าเขาแล้วพูดประโยคที่ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากคยองซู...


    “ถ้าฉันจะตาย...ฉันจะไม่หนี ยังไงฉันก็ไม่หนีเด็ดขาด....”

    “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะคยองซู!” ผมเผลอตะคอกใส่เขาอย่างแรง การสูญเสียเพื่อนรักไปมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำหน้าระรื่น ผมไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว...แม้แต่คนที่ไม่สนิทเองก็เถอะ


    “ฉันจะไม่หนีจริงๆนะ”

    “ดโย! หยุดพูด ใครจะตาย! ไม่มีหรอก!” ชานยอลเองก็เผลอตะคอกออกมาเช่นกัน แต่เหมือนเขาจะรู้ตัว เลยหลุบตาลงต่ำแล้วเอ่ยคำขอโทษออกมาเบาๆ

    “ทีหน้าทีหลังอย่าพูดอย่างนี้อีกนะคยองซู” ผมมองหน้าเขา คยองซูสบตากับผม เขาเบ้ปากแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา

     

    ฉันกลัว...

     

    ผมเงียบ ความเย็นค่อยๆเลื่อนเข้ามาในหัวใจ มือผมกำทรายที่อยู่ในอุ้งมือพอดี ชานยอลมองหน้าผมสลับกับคยองซูไปมา



    “ยิ่งหนีฉันก็ยิ่งกลัว เพราะงั้นฉันจะไม่หนี ถ้าพวกนายจะหนีก็ได้ แต่ขอให้ทิ้งฉันไว้ที่นี่ตรงนี้เถอะ”


    เสียงร้องของคยองซูเงียบกริบ มันเป็นเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดชาที่ใจ ผมเอื้อมมือไปกุมมือคยองซู

    “แค่เดินไปนิดนึงก็คงเจอถนนแล้ว เราจะออกไปโบกรถแล้วไปสถานีตำรวจกัน จากนั้นก็ส่งตำรวจเข้ามา เราจะรอด โอเคมั้ย?”


    คยองซูถอนหายใจยาวๆ ก่อนนจะสบตาผมอีกครั้ง


    “ถ้าหมาป่าเป็นหนึ่งในพวกเราจริงๆ..ฉันก็จะไม่หนีหรอก”

    ผมเงียบ ชานยอลเงียบ ไม่มีเสียงใดใดเกิดขึ้น


    “เพราะอย่างน้อยถ้าต้องตาย....”








    ...ก็ได้ตายด้วยมือของคนที่ฉันรัก ฉันจะไม่หนี...






     

    เด็ดขาด! ’

    [Baekhyun]

     


     


     

    กลับมาแล้ว สวัสดีตอนเย็นค่ะ

    เราหายไปหลายวันขอโทษนะแก

    ทีแรกจะอัพเมื่อวานแต่ป้าข้างบ้านแกไม่เปิด wifi

     

    สัญญาอะไรหน่อยได้ป่ะ? สัญญาหน่อยว่าจะติดตามกันตลอดไป...

    ขอแค่นี้เองเนอะ

    แอบน้อยใจนะแก ดูนี่

    ทำไมมันน้อยลงเรื่อยๆล่ะ?


    อันที่จริงเราไม่ได้กระหายเม้นนะ แต่สมมติว่าเราทำอาหารไปให้คนที่เราชอบ

    แต่เขาชิมแล้วพูดอะไรเดินหนีพวกแกไปเลย พวกแกจะเจ็บป่ะ?

    ตอนนี้เราก็รู้สึกอย่างนั้นแหละ...

    แล้วเจอกันนะคะ

    อัพตอนต่อไปไม่กำหนดจำนวนเม้น เราจะพิจารณาเองแล้วจะอัพ
    ดัดนิสัยคนไม่เม้น

     

    มีคนอยากได้แบบรวมเล่มด้วย!!! (แค่คนเดียว 5555555) (จาก twitter)

     

     

    ใจเย็นๆค่ะน้อง พี่เพิ่งอัพได้แค่ 4 ตอน >///<  555555555
    ถ้ามีคนขอเยอะจริงๆก็จะลองพิจารณาดูนะคะ

     

                   *ดิทคำผิด 11-08-2013 12:47 น.

     

     

    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×