ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #24 : FINAL CHAPTER :: 17 คุณเดาถูกแล้ว...ผมนี่แหละหมาป่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.99K
      23
      27 ก.ย. 56



    CHAPTER 17 :: คุณเดาถูกแล้ว...ผมนี่แหละหมาป่า

     

     

    [Baekhyun]

    ผมยืนมองร่างของคริสล้มพับอยู่กับพื้น เขาตายสนิทและเลือดก็ไหลออกมามาก ผมเดินเข้าไปดึงมีดที่ปักเพียงครึ่งด้ามออกมา...แปลกมาก ส่วนที่ถูกเลือดกลายเป็นสนิม! ผมจับเขาหงายและตรวจดูชีพจรอีกครั้ง...เขาตายสนิทแล้วจริงๆ









    ทำไมมันถึงง่ายดายขนาดนี้?








    เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากด้านหลังผม ผมหันกลับไปมอง เขายืนยิ้มอย่างขบขันพร้อมกับกลั้วหัวเราะด้วยความยินดี มีบางอย่างที่อ่านไม่ได้อยู่ในแววตานั้น สมเพชงั้นหรือ?






    เยี่ยมมาก...เขาตายสนิทเลยล่ะ







    ผมกลั่นเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว มือสั่นระริกและรู้สึกผิดที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ยั้งคิด ขาของผมอ่อนแรงและทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ลู่หานเดินเข้ามาใกล้และย่อตัวลงนั่งข้างๆผม เป็นเขาจริงๆด้วย...ลู่หานคือหมาป่า!



    “นายทำดีแล้ว...คนเก่ง”




    ลู่หานใช้มือวางบนบ่าผม แรงที่กดลงมานั้นหนักอึ้ง ผมพยายามขยับตัวเพื่อนหนีเขา แต่ผมกลับขยับไม่ได้...สายตาของผมกับเขาประสานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้


    “นายก็ฉลาดอยู่นะ...แต่ฉลาดน้อยไปหน่อย


    สายตาของลู่หานถลำเข้ามาค้นหาความหวาดกลัวในสายตาผม ผมหลบตาเขาแต่มันก็กลับมาหยุดอยู่ที่ลู่หานทุกครั้ง ผมกำลังถูกบังคับ! ลู่หานสะกดจิตผม!


    “น่าเสียดายจริงๆ...ที่จุนมยอนตายไปเสียก่อน ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรเยอะอยู่นะ มันเขียนอะไรไว้บ้างล่ะ!


    ลู่หานกระชากเป้ผมออก เขาหยิบไดอารี่ออกมาจากเป้แล้วเปิดมันลวกๆ สายตาของเขาเปลี่ยนไป มันแข็งกร้าว และไม่มีความเป็นเทพบุตรแบบที่หลายๆคนคิดเหลืออยู่เลย เขาโหดเหี้ยม และเขานั่นแหละหมาป่าที่ฆ่าทุกคนที่ตาย!


    “เหอะ! ฉลาดมากนี่ เขียนคำใบ้ไว้เยอะแยะเลย แต่เสียดายที่คนอ่านมันโง่! โง่! โง่จนเดาไม่ออกว่าไอ้นั่นมันใบ้อะไรไว้ ฮ่ะๆๆๆ น่าสมเพชที่สุด!


    ลู่หานปาไดอารี่ใส่ผม สันของมันถูกหัวผมอย่างแรง ผมรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลออกมา แต่ผมขยับตัวไม่ได้ ลู่หานเดินเข้ามาแล้วมองศพคริสอย่างสมเพช เขาใช้เท้าเขี่ยคริสราวกับเป็นกองอาจมที่แสนน่ารังเกียจ


    “แพะรับบาป...คำนี้จะใช้ได้หรือเปล่านะ หึ! เทพบุตรที่แท้จริงน่ะไม่ใช่ฉันหรอก ไอ้บ้านี่ต่างหากล่ะ ฉันมันก็แค่เทพบุตรแหกตา!


    ลู่หานจับคางผมเชิดขึ้นแล้วมองตาผม ตาของเขา! ตาของเขาเป็นสีทอง!


    “รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงฆ่าพวกแก...”


    ผมส่ายหน้าเบาๆ น้ำตาอุ่นของความกลัวไหลลงมาจากหน่วยตา ผมอ่อนแอเหลือเกินในตอนนี้ เวิ้งว้างและว่างเปล่า ไม่มีคนที่ไว้ใจได้ ไม่เหลือความอุ่นใจเลยในตอนนี้...


    “เพราะพวกแกมันเป็นพวกน่าสมเพช! โดยเฉพาะแก! กับอีครูนั่น! ...พูดอะไรออกมาบ้างสิ!


    ราวกับมีลมจากที่ไหนสักที่ถูกส่งมาจากกระบังลม มันทำให้ผมต้องเผยอปากออก ปากของผมขยับพะงาบๆและมีเสียงเล็ดรอดออกมาราวกับคนลิ้นไก่สั้น


    “พูดออกมาสิ! ไอ้หน้าโง่!

    “ก..แก ฆ่าพวก ระ..เรา ทำไม”



    ลู่หานยิ้มเยาะ เขาผลักผมให้ล้มลงนอนกับพื้นแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบยอดอกผมไว้ แววตาเกลียดชังกัดกินใจของผมจนหมดและนำความหวาดกลัวเข้ามาแทน ผมตัวสั่นด้วยความกลัว ใจก็คิดหาทางให้ตัวเองรอด แต่เป็นไปไม่ได้หรอก ผมคงตายในอีกไม่กี่นาทีนี้แน่


    “เริ่มจากใครก่อนดีล่ะ...เซฮุน? อ๋อ ไอ้คนทรยศต่อความรักที่ฉันมีให้พันธุ์นั้นน่ะ ฉันไม่ปล่อยไว้หรอก ไม่งั้นต่อไปมันคงร่านไปอ้าขาต่อหน้าผู้ชายทุกคนในโรงเรียนแน่ ต่อไปก็ใครล่ะ? จื่อเทา...ไอ้หน้าโง่นั่นน่ะ มารหัวใจคนสำคัญของฉันเอง จะว่าไปมันก็เลือดร้อนดีนี่ รู้มั้ยว่าก่อนจะตาย...ฉันโดนมันซ้อมซะอ่วมเหมือนกัน”


    ลู่หานหัวเราะอย่างขมขื่น แววตาของเขาวูบไหวชั่วขณะเมื่อคิดถึงคนรักที่ตายด้วยน้ำมือของตัวเขาเองและชู้รักอีกคนที่เขาเองก็ลงมือฆ่าเช่นกัน


    “แล้วไอ้ทึ่มมินซอกนั่นก็ไม่ได้ต่างจากแพะอีกตัว...ฉันแค่ขู่จะฆ่าพี่สาวฝาแฝดสุดที่รักของมัน...แค่นั้นก็ยอมทำทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ต้องตายเพราะพยายามจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมด รู้มั้ยล่ะว่าฉันทำยังไง? ก็ทำแบบนี้ไง!


    ลู่หานยกขาออกจากอกผม ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นดึงให้ผมลุกขึ้นจากพื้นทราย มือนั้นผลักผมเข้าไปใกล้ลู่หานจู่ๆมือของผมก็ยกขึ้นกระชากเสื้อลู่หานทั้งๆที่ผมไม่ได้สั่ง!


    “อะ...อึก”


    ผมพยายามอ้าปากพูด แต่ลิ้นกลับยิ่งจุกคอเข้าไปจนแทบหายใจไม่ออก ยิ่งพยายามพูดมันก็ยิ่งลึกเข้าไป ผมรู้สึกอยากจะอ้วกออกมา น้ำตาไหลออกมามากกว่าเดิม หูเริ่มอื้อ ผมกำลังจะหมดสติ



    “พูดออกมาสิ! พูดสิ! พูดว่าแกรักพ่อกับแม่แกมากขนาดไหน?”



    จู่ๆอาการเมื่อครู่นี้ก็หายไป ปากของผมขยับและมีเสียงพูดที่ผมไม่ได้ต้องการพูดออกมา



    “ฉันรักพ่อกับแม่มากๆ ฉันรักท่าน...ทั้งคู่”




    ผมพยายามต่อต้านมัน แต่ไม่สำเร็จ ผมพูดตามที่มันกำหนดจนหมด ลู่หานแสยะยิ้มแล้วเดินเข้ามาผลักผม ผมล้มทรุดลงกับพื้นและไม่สามารถขยับได้อีก




    “แค่นี้ฉันก็สร้างเกมตบตาพวกแกได้แล้ว มินซอกมันก็แค่หุ่นเชิด ฉันแค่แพลนไว้...และเขาก็เป็นตัวละครที่เชิดได้ง่ายซะด้วย แค่บอกให้ทำอะไรก็รีบทำโดยไม่ขัด”




    ผมหวนนึกถึงมินซอก ตอนเราจับเขาได้เขาพยายามจะบอกอะไรบางอย่างแต่เราไม่ได้ฟังเขา...เพราะตอนนั้นเรารีบจัดการกับเขาก่อน




    “ส่วนไอ้จงอินน่ะ หึ! ฉันก็แค่หมั่นไส้กับความจองหองของมัน เห็นแก่ตัว อยู่ไปก็รกโลก แต่ฉันพลาดไปหน่อย เลยทำได้แค่ฝากรอยเขี้ยวไว้ แล้วมันก็ดีเกินคาดที่มันไปหาแกพอดี กลายเป็นว่าฉันแทบไม่ต้องออกแรงฆ่ามันเลย ส่วนเลย์ นับว่าหมอนั่นเป็นคนดี ฉันเลยสร้างสถานการณ์ให้เขาพยายามฆ่าฉัน...และนายก็เป็นคนจัดการมันต่อเอง ดีจริงๆ”



    ลู่หานตีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม เขาย่อตัวลงนั่งแล้วปัดปกเสื้อผม เขาใช้มือลูบหัวผมเบาๆ ชั่วขณะหนึ่งผมเห็นแววตาที่อบอุ่นจากลู่หานส่งผ่านมายังผมแต่เพียงเวลาไม่กี่วินาทีเขาก็เปลี่ยนไป ลู่หานยิ้มบางๆให้ผมก่อนจะถุยน้ำลายใส่หน้าผม



    “ไอ้จงแด! ขี้ขลาด ตาขาว เห็นแก่ตัว หลงตัวเอง น่าสมเพชที่สุด! อันที่จริงฉันก็เล็งมันมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส...หึ แล้วยังเหลือใครอีกนะ อ้อ! ยอดรักของแกยังไงล่ะ...”



    ผมหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของลู่หานเมื่อครู่นี้ ตาของเขาเย้ยหยันก่อนจะจิกผมผมขึ้นมา ตาของเขาประสานกัน เขากำลังมองหาความเข้มแข็งของผมและทำลายมันทิ้งเสีย



    “ไอ้ชานยอล...ถูกเป่าหูแต่ก็ยังเชื่อ หึ! หูเบาเป็นบ้า มันทำอะไรแกล่ะ? ทุบหัวใช่หรือเปล่า...หึ มันเชื่อฉันซะสนิท แต่มันคิดจะหนี ฉันก็เลย...จัดการมันซะ แต่ถ้าจะให้เสียเปล่าก็คงเสียดายแย่ ฉันก็เลยทำแค่กัดมัน จากนั้นมันก็จะคลั่งจนพลั้งฆ่าแกแต่...ดูเหมือนฉันจะเดาผิด แกยังรอดมาได้ คิดว่าแปลกมั้ยล่ะ?”




    ผมลองขยับตัวก็พบว่าผมขยับได้ตามปกติแล้ว ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ลู่หานมองผมกระเสือกกระสนด้วยแววตาขบขัน





    “หยิบมีดขึ้นมาสิ! หยิบมันขึ้นมา! ฉันนี่แหละหมาป่า ฆ่าฉันสิ!







    ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบังคับให้ผมเอื้อมมือไปหยิบมีดขึ้นมา ผมจับมันด้วยแรงที่อ่อนล้า ลู่หานก้าวถอยหลังทีละก้าวก่อนจะกระดิกนิ้วชี้เรียกผมเป็นเชิงท้าทาย ปากของเขาแสยะยิ้ม








    มาสิ ถ้าคิดว่าตามทัน








    พูดจบลู่หานก็ออกวิ่งทันที ผมยืนนิ่งด้วยความงุนงงและสับสนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตระหนักได้ว่าผมต้องออกวิ่งตามเขาให้ทันและฆ่าเขาซะ ผมหยิบมีดขึ้นมามอง รอยสนิมเกาะเขรอะราวกับผ่านการถูกละเลยมานานทั้งที่พึ่งใช้ไปได้เพียงชั่วโมงกว่า ผมกระชับมีดในมือแล้วตัดสินใจวิ่งตามลู่หานที่หายไป



    ผมวิ่งตามสัญชาตญาณแต่ก็ไม่คิดว่าจะตามถูก จนกระทั่งเห็นดวงตาสีทองจากที่ไกลๆหันมามองผม เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายไป ผมวิ่งตามไปทางที่มีลู่หานอยู่เมื่อครู่นี้แต่จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นข้างหลังผม ผมหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง ลู่หานยืนพิงต้นไม้อยู่ตรงนั้น เขายักคิ้วให้ผมก่อนจะหายลับเข้าไปในเงามืดอีกครั้ง ผมก้าวเท้าวิ่งตามเขาไป เมื่อตามมาได้สักพักลู่หานก็หายไป ผมยืนงงอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์




    “ทางนี้...”




    ผมหันไปมองต้นเสียง ลู่หานยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับสายตา นิ้วโป้ง นิ้วกลางและนิ้วนางแตะกัน นิ้วชี้และนิ้วก้อยชูขึ้น  สัญลักษณ์ที่ผมเคยเห็นตอนมินซอกพยายามหลอกว่าเขาคือหมาป่า



    “เหนื่อยหรือยังล่ะ?”



    ลู่หานใช้ลิ้นดุนกระพุงแก้ม เขาเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนที่จะผายมือออก เขาหลับตาพริ้มแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เนิ่นนานที่เขาไม่ลืมตา ผมอาศัยจังหวะนี้เข้าไปใช้มีดแทงเขาได้มั้ยนะ ผมนับหนึ่งถึงสามในใจแล้วชูมีดในมือขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร ลู่หานก็พูดขัดขึ้นก่อน


    “กริชเงิน...จะหมดฤทธิ์ก็เมื่อสัมผัสเลือด แกอย่าหวังจะใช้มันกับฉันอีกเลย”


    ผมชักมีดกลับแล้วถอยหลังกรูด ผมคงถึงเวลาตายแล้วสินะ ลู่หานเปิดเผยตัวตนกับผมแล้ว แสดงว่าเขาต้องมั่นใจมากว่าเขาต้องฆ่าปิดปากผมได้แน่


    เสียงครางขู่ดังขึ้นจากลู่หาน ผมขยับถอยหนีเขาทั้งล้มลุกคลุกคลานเพื่อหนีจากความตายที่เขากำลังเตรียมจะมอบให้ผม ลู่หานหมอบลงกับพื้น ภายในเวลาไม่ถึงนาที เขาก็กลายเป็นหมาตัวโต! ...และตาของเขาเป็นสีทอง!


    ผมรีบออกวิ่งโดยไม่คิดชีวิต เสียงลู่หานวิ่งตามผมมากระชั้นชิดเรื่อยๆ ราวกับผมใจจะขาด ผมหมดแรงที่จะวิ่งต่อไปแล้ว ผมชะลอฝีเท้าอย่างไม่ตั้งใจและรู้สึกได้ถึงกรงเล็บที่ตะปบเข้าที่หลังและผมก็ล้มลงไปกับพื้น


    “อย่าหนีสิ...ฉันให้แกไล่ฉันไม่ได้ให้ฉันมาไล่แกนะ”


    ผมหายใจหอบถี่ ตัวภายในร้อนรุ่มไปหมด จนผมต้องอ้าปากระบายมันออกมา กรงเล็บคมจิกลงมาแรงจนผมรู้สึกได้ว่ามันเข้าเนื้อไปแล้ว




    “มีชีวิตอยู่...มันทรมานนะ”




    เสียงหนึ่งก้องอยู่ในความคิด คงเป็นเสียงของลู่หานที่อยู่ในร่างหมาป่าตัวนี้ ตาสีทองของมันจ้องมาที่ผม




    “เพราะฉะนั้นฉันจะช่วยแกเอง...อย่าเจอเรื่องที่โหดร้ายอีกเลย โลกนี้มันช่างโหดร้ายและน่าสมเพชเหลือเกิน”




    ผมส่ายหน้ารัว แต่ลู่หานกลับใช้เล็บตะปบให้ผมพลิกตัวหงาย เขาในร่างหมาป่าเดิน
    เข้ามาแล้วคร่อมผมไว้ ตัวของผมเองสั่นระริกด้วยความกลัว แต่มือชื้นเหงื่อยังคงกำมีดแน่น





    ลู่หานขู่กรรโชกอีกครั้งก่อนจะเงื้อหัวขึ้นสุดแรง และเหวี่ยงลงมาพร้อมกับผมที่เหวี่ยงมีดแทงที่ขาของเขาก่อนที่เขาจะกัดผม ผมกดมีดลงไปหวังให้มิดด้าม ส่วนที่ถูกเลือดจะหมดฤทธิ์แต่ผมใช้แทงคริสไปเพียงครึ่งด้าม อีกครึ่งด้ามยังคงไม่โดนเลือด ไม่รู้ว่ามันยังคงใช้ได้หรือเปล่า แต่ผมคิดว่าน่าจะลองดู



    ร่างใหญ่ของหมาป่าถอยหลังไปด้วยความเจ็บปวดทันทีที่มีดปักลงบนเนื้อ ลู่หานในร่างหมาป่าล้มลงไปนอนดีดดิ้นบนพื้น ดูเหมือนมันจะได้ผล เขานอนดิ้นไปกับพื้นสักพักก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีสะเปะสะปะเข้าไปในป่าแต่ผมคาดว่าเขาคงหนีไปได้ไม่ไกลนัก ผมนั่งลุ้นว่าเขาคงตายไปแล้ว กว่าครึ่งชั่วโมงที่ลู่หานวิ่งหายไปไม่มีเสียงอะไรเลย ผมตัดสินใจออกตามหาเขา แต่เพียงเดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นลู่หานในแบบตัวเขาเองนอนหายใจรวยระรินอยู่บนพื้น...











    ผมเดินเข้าไปย่อตัวลงนั่งใกล้ๆเขา เขาเหลือบตามองผมแล้วหัวเราะเยาะออกมา ใครกันแน่ที่ควรหัวเราะ? ผมต่างหากไม่ใช่หรือ?








    “อันที่จริงแกก็ฉลาดนี่...”






    ลู่หานพูดจบก็ไอออกมา เลือดสีข้นของเขาไหลออกมาจากปากแผล มันไม่ใช่เลือดสีแดงแต่เป็นสีแดงปนดำข้น กลิ่นคาวของมันปนกับกลิ่นสาบของสัตว์




    “มีอะไรอยากจะถามฉันมั้ย...ฉันแพ้แล้วนี่”




    “หมาป่ามีกี่ตัวกันแน่..?”







    ลู่หานหัวเราะเยาะเสียงดัง ก่อนจะไอพ่นเอาเลือดออกมา เขามองผมด้วยสายตาแห่งความสมเพช...







    กลับไปอ่านไดอารี่สิ...หึ








    ลู่หานปรือตาปิดลงช้าๆ สติของเขาเริ่มขาดห้วง ก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ ยังคงมีคำถามหนึ่งที่ผมยังไม่ได้ถามเขา...



    “แล้วนายฆ่าครูแทยอนทำไม?”


    “ใจร้าย...ใจร้ายที่สุด ไม่เคยใส่ใจน้อง ไม่แม้แต่จะเรียกว่าน้อง...คนอย่างนั้นไม่อภัยให้หรอก ไม่มีวันยกโทษให้หรอก...”






    ผมขมวดคิ้วและยังคงไม่เข้าใจ ครูแทยอนมีน้องงั้นหรือ? แล้วครูแทยอนเกลียดน้องมากงั้นหรือ?



    “ขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย?”



    ลู่หานพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา แปลกที่มีแววขอร้องเจืออยู่ในน้ำเสียงนั่น ผมมองเขาที่ปิดเปลือกตาลงแล้ว ลมหายใจรวยระรินเริ่มแผ่วลง




    “อะไร...”




    ลู่หานหลับตาพริ้ม มุมปากยกยิ้มบางๆอย่างที่ผมรู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด



    ช่วยเรียกฉันว่าน้องชายสักครั้งได้มั้ย?



    ผมนิ่งไปกับคำขอร้องของเขา แม้ผมจะไม่เข้าใจแต่นี่เป็นคำขอสุดท้ายของเขาแม้เขาจะฆ่าพวกเราแทบทุกคน แต่ดูจากคำขอร้องแล้ว เขาน่าจะเป็นคนที่ขาดความอบอุ่นในครอบครัว คนทุกคนควรได้รับการอโหสิกรรมไม่ใช่หรือ? ผมกระแอมไอก่อนจะกลั่นเสียงพูดออกไป







    “ลู่หาน น้องชายของฉัน...”







    ลู่หานที่หลับตาพริ้มยิ้มอย่างดีใจ น้ำตาไหลออกมาจากหัวตาของเขา สามนาทีต่อมา เขาก็นิ่งไป ชีพจรหยุดเต้น






    ...ฆาตกรตายแล้ว หมาป่าตายแล้ว นี่เป็นความจริง!




















    ผมเดินโซซัดโซเซกลับมาที่ชายหาด ศพของคริสนอนคว่ำอยู่บนทราย เป้และไดอารี่ของจุนมยอนวางอยู่ข้างๆกัน ผมหยิบไดอารี่ขึ้นมา แล้วเปิดไปที่หน้าที่มีคำพูดแปลกๆหน้าแรก ผมไล่นิ้วตามแต่ละบรรทัดแล้วนึกตาม พระจันทร์เต็มดวงที่ว่าจุนมยอนอาจหมายถึงหมาป่ากับพระจันทร์ เสียงหมาหอนนั่นมันแน่อยู่แล้ว ผมปิดหน้านั้นผ่านๆแล้วมาหยุดที่คำว่า กระจกหมายความว่าอย่างไร...ผมหยิบกระจกของแทมินออกมาจากเป้ของชานยอล ผมถือมันไว้แน่น ผมเปิดมาถึงหน้าที่บอกว่าคนจีนชอบใช้ตัวย่อ...1 4 3 เป็นตัวเลข แปลว่า I love you เลย์ไม่ชอบให้ใครเล่นคอ เขาจะมองคอเป็นอันดับแรก จิตแพทย์ทำไมถึงสะกดจิตได้...นี่น่ะหรือคำใบ้จากจุนมยอน



    ผมพลิกกลับมาหน้าที่มีรูปดวงจันทร์ ดูเหมือนผมจะมองเห็นไม่ชัด ผมยกมันขึ้นส่องกับแสงจันทร์...





    พระเจ้า!







    ผมอุทานออกมา รอยอะไรบางอย่างอยู่บนหน้ากระดาษคล้ายกับ...รอยหมึกอะไรบางอย่างที่ไร้สี เมื่อเขียนบนกระดาษแล้วเราจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ ยกเว้นถูกแสง! สมแล้วกับที่เป็นจุนมยอน!



    ผมพลิกไปที่หน้าก่อนหน้านี้ มันมีเพียงรอยขีดไปมา แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว...จุนมยอนฉลาดจริงๆ





    “อย่าไปเชื่อลู่หาน...เขาเป็นหมาป่า”







    ผมแทบอยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆ แต่ความสงสัยก็ทำให้ผมเปิดหน้าต่อไป






    “ลู่หานทำให้ฉันไขว้เขว เขามีอะไรบางอย่างให้ระแวง
    แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจ เพียงแต่เขาหลีกเลี่ยงกระจกทุกบาน
    แม้แต่อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดเงาเขาก็กลัวและเลี่ยงที่จะเดินผ่านมัน”







    “คริสโผล่มาตอนกลางคืน ลู่หานกับเขาคุยกัน
    ทีแรกฉันคิดไปแล้วว่าทั้งคู่เป็นหมาป่าและร่วมมือกัน แต่สักพักฉันก็ได้ยินเสียงเขาขู่
    และคริสก็รีบหลบตาเขา สักพักคริสก็วิ่งออกไป และลู่หานก็เข้ามา
    สักพักคริสก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน มันขัดเจนอยู่แล้ว ลู่หานเป็นหมาป่า
    !







    ผมใช้มือที่สั่นพลิกเปิดหน้าต่อไป ไดอารี่นี้ไม่ได้เรียงวัน เวลาที่เกิดเหตุ


    “คริสถูกบังคับ ลู่หานใช้เขาเป็นแพะรับบาป”




    “ชานยอลถูกลู่หานเป่าหูเรื่องแบคฮยอน...”




    “ชานยอลไม่ใช่คนแบบนี้ เขาไม่ได้สติไม่ดีแบบที่คนอื่นคิด
    ฉันก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร?
    แต่มันก็ทำให้เขาไม่เป็นที่สนใจของหมาป่า ทำให้เขารอดออกมาได้”





    “คริสไม่ได้อยากโกหก”




    “คอ...ข้างหลัง เลข 88





    ผมพลิกหน้าต่อไป จุนมยอนเขียนโดยเว้นหน้าเปล่าไว้บางหน้า ผมปิดไดอารี่ หัวสมองเริ่มหมุนคว้าง ผมนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคตอันใกล้ อีกครั้งที่ต้องกล่าวคำว่า นี่มันอะไรกันกับตัวเอง ตอนนี้ผมจะต้องอยู่ลำพังในโลกอันโหดร้ายนี้และมันก็ทำให้ผมตัดสินใจ...





    ผมเดินเข้าไปหาศพของลู่หานในป่า เขานอนคว่ำหน้าอยู่ตัวของเขายังคงเย็นเฉียบ มือของผมค่อยๆเอื้อมไปจับปกคอเสื้อเขา...





    รอยสักเลข 88 ขนาดนิ้วกว่าๆเรียงกันอย่างสวยงามบนหลังคอของเขา!






    ผมต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการพยุงตัวลุกขึ้นยืนเต็มตัว มือสั่นของผมเปิดไดอารี่หน้าต่อไปแล้วยกมันขึ้นส่องกับแสงจันทร์





    88 แปลว่า ลาก่อนในภาษาจีน”






    ผมเลื่อนสายตาไปมองลู่หานอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาเปิดไดอารี่หน้าต่อไป





    “ลู่หานบังคับไม่ให้ฉันพูด แต่ฉันเขียนมันได้
    เขาสะกดฉัน...เขาไม่ยอมให้ฉันพูดอะไรเลย”




    “แบคฮยอนใส่แว่น ทุกอย่างที่เขาเห็นมันจะเป็นเพียงภาพมัวๆ
    ฉันอยากให้เขาถอดแว่น แล้วดูสภาพตัวเองในกระจกบ้าง...”







    ผมส่ายหน้าเบาๆ มือของผมกอดร่างกายที่ฟกช้ำของตัวเอง กระดูกอาจจะร้ายสักท่อนสองท่อน แต่สิ่งที่ผมคิดว่าได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือจิตใจ...แต่ผมนั้นก้าวมาไกลเกินคำว่ากลัวเสียแล้ว ผมพยายามก้าวขาเดินกลับบ้านพักอย่างเชื่องช้า




    ราวกับมีลมคอยพยุงไม่ให้ล้มลง ผมลากตัวเองมาจนถึงหน้าบ้านพัก ผมก้าวไปยืนที่หน้าประตูกระจกใส แว่นที่ร้าวทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นตัวเองในกระจกได้ชัด ผมเอื้อมมือมาจับขาแว่นอย่างเชื่องช้า...แล้วค่อยๆดึงมันออก





    ผมก้มหน้ามองพื้น พยายามที่จะกระพริบตาเพื่อให้ชิน ชั่วครู่ที่รู้สึกปวดหัวตา จุนมยอนหมายความว่าอย่างไรกันนะ...ผมควรส่องกระจกดูสภาพตัวเอง ผมดูแย่ขนาดนั้นจริงหรือ?






    ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเงาของตัวเองจากกระจกตรงหน้า สายตาพร่าเลือนของผมพยายามโฟกัสภาพตรงหน้า...เงาของตัวอะไรบางอย่าง!

















    หมาป่าตาสีแดง!








    ผมถอยหลังกรูดออกมาแล้วเริ่มควานหาอาวุธที่เคยพกไว้กับขอบกางเกงแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ผมหันไปมองมัน มันเองก็จ้องตาผมเช่นกัน! ท่าทางของมันเองก็ลุกลี้ลุกลนไม่แพ้ผมเลย...





    “ตั้งสติสิ...”





    เสียงหวานใสดังขึ้นมา ผมหันมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่เจอ ผมหันมามองหมาป่าอีกครั้ง มันยืนนิ่งและจ้องมองผมอยู่เช่นกัน...














    เดี๋ยวนะ...














    ทำไมไอ้หมานั่นถึงได้ไปอยู่ในกระจกล่ะ! ผมยืนจ้องมันด้วยความช็อกสุดขีด ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจ...ผมส่ายหน้ากับความคิดของตัวเองแต่ไอ้หมานั่นก็ส่ายด้วย ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มันเองก็หมอบ น้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้นของผมไหลมาเป็นสาย เจ้าหมาในกระจกก็ครางหงิง...






















    คุณเดาถูกแล้วครับ ผมนี่แหละหมาป่า...



     

    ***

     


     

    ผมพยายามวิ่ง วิ่งหนีหมาป่าตาสีแดงตัวนั้น แต่จู่ๆผมก็สะดุดอะไรบางอย่างล้มพับลงไป เมื่อผมลืมตามองดีๆก็พบว่าเป็นร่างเน่าเฟะของใครบางคน...เลย์! ผมลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อ แต่จู่ๆก็มีมือใครสักคนจับข้อเท้าผมไว้จนล้มลง





    “อยู่กับฉันก่อน ฉันเหงา”





    คยองซูในร่างที่แห้งกรังพูดกับผม ผมแหกปากโวยวายทั้งดีดดิ้น ถีบ และตบต่อยแต่คยองซูก็ไม่ปล่อย เขาพยายามดึงผมเข้าหาตัวเขาเรื่อยๆ เหล่าร่างเน่าเฟะพากันกรูเข้ามาหาผม และพยายามคว้าแขนผม




    “แบคฮยอน อย่าทิ้งพวกฉันนะ”



    “อย่าไป...”







    “อยู่กับเรา...”






    “แบคฮยอนนี่...”






    ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงของชานยอล เขาแหวกฝูงศพเละเข้ามา เขายิ้มอย่างใจดี ผิวขาวราวน้ำนมของเขาทำให้เขาแลดูสุขภาพดีและหล่อเหลาขึ้น ผมรีบถลาเข้าไปหาเขา ชานยอลโอบกอดผมไว้ด้วยสองแขนของเขา






    “ไม่เป็นไรนะ...”







    ผมพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปโอบหลังเขา แต่มือของผมกลับสัมผัสอะไรบางอย่างได้...ช้อนแหลมปักอยู่กลางหลังเขา






    “แบคฮยอน...ฉันเจ็บ”






    ผมหันกลับมามองเขา ชานยอลดูแปลกไป เขาซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว ผมเผลอผลักเขาออกแล้วถอยหนี แต่หลังผมกลับไปชนคยองซู มินซอกเดินเข้ามาแล้วยื่นมือให้ผม




    “มาสิ...”

    “จับมือเขาเลย...จับเลย”

    “เอาสิ...ไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ?”







    ผมหันไปมองทุกคน น้ำตารื้นขึ้นมา ขอบตาร้อนผ่าว ชานยอลยิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่บิดเบี้ยวที่สุดของชานยอล รอยยิ้มที่หดหู่ของพวกเขาทุกคนช่างดูหดหู่เหลือเกิน...



    ผมเอื้อมมือออกไปช้าๆ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย แต่ยังไม่ทันที่มือของผมจะแตะกับมินซอก ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา




    หมาป่าตัวใหญ่...ตาของมันเป็นสีแดง




    กรรรรซ์ซ์ซ์





    เพียงแค่ผมกระพริบตา ร่างเน่าเฟะทั้งหมดเมื่อครู่นั้นก็หายไป เหลือเพียงแต่ร่างของหมาป่าตัวใหญ่อยู่ข้างหน้า มันเดินเข้ามาและหมอบลงกับพื้นก่อนที่ร่างจะค่อยๆหายไป









    ผมรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ข้อมือขวา ผมพลิกมันขึ้นดู...เลข 88 ขนาดเท่านิ้วก้อยถูกสักไว้บนนั้น แต่ผมจำได้ว่าไม่เคยมีมันมาก่อน...

     

    ***

     

     

    “ฟื้นหรือยังคะ?”


    “ยังครับ อาจในไม่ช้านี้...แต่เราก็ไม่ยืนยันว่าเขาจะกลับมาครบนะครับ”



    เสียงน่ารำคาญทำให้ผมอยากพลิกตัวหนี แต่ตัวของผมก็หนักเกินไป แม้แต่เปลือกตาก็ยกไม่ขึ้น ผมนอนฟังเสียงรอบข้างสักพักก่อนจะพยายามกระดิกนิ้วและขยับแขน แล้วผมก็ทำมันสำเร็จ




    “หมอคะ! เขาขยับแล้วค่ะ”




    เสียงกดปุ่มฉุกเฉินรัวทำให้ผมรู้ว่านี่คือแม่ของผม เธอตะโกนใส่หมอจนพยาบาลพาออกไปข้างนอก หมอใช้อะไรบางอย่างมาแตะตัวผม สักพักใหญ่ๆผมก็เริ่มขยับตัวได้ ผมค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสง





    “แบคฮยอน...”




    แม่เกาะอยู่ขอบเตียงผู้ป่วย เธอรีบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมและพยายามจะพูดออกมา แต่แม่ก็ทำได้เพียงร้องไห้






    “ลูกไม่น่าทำแบบนี้...”

    “ครับ?”





    ผมงุนงงกับคำพูดของแม่ พยาบาลกำลังออกไปหลังจากเช็ดตัวเสร็จ แม่มองผมด้วยแววตารู้สึกผิด อะไรกัน?





    “แม่ขอโทษ...ไว้ออกจากโรงพยาบาลแม่จะพาลูกไปเยี่ยมใครคนหนึ่ง”





    ผมพยายามไม่ใส่ใจคำพูดของแม่แล้วนอนต่อไป ผมหงายข้อมือดู เลข 88 ยังคงอยู่ บ่งบอกว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน ทุกคนตายกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ผม เผชิญหน้ากับคำถามและโลกที่โหดร้ายเพียงคนเดียว ผมเหลือตัวคนเดียวแล้ว...


     

     

    “มานี่สิ...”






    ผมเดินตามแม่ที่ใส่ชุดดำเข้าไปในสุสาน คนนับร้อยที่เป็นเชื้อสายจีนถูกฝังที่นี่ ผมหอบช่อดอกไม้และของไหว้เดินตามแม่ไป ท่านหยุดที่หลุมศพหลุมหนึ่งแล้วนั่งคุกเข่าลง ผมวางดอกไม้แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าแม่พาผมมาเคารพศพใคร แล้วผมก็ต้องชะงักกับนามสกุลคุ้นๆ...





    “ลู่ หลงเปา”




    ผมเหลือบมองรูป ชายวัยกลางคนหน้าเรียวเล็กแต่หวานเหมือนผู้หญิง หน้าตาของเขาละม้ายคล้ายใครบางคนที่ผมรู้จัก...






    ลู่หาน...




    “หลงเปาเป็นญาติฝ่ายของพ่อ...เขามีลูกชายอยู่คนหนึ่ง คนที่ลูกก็น่าจะรู้ว่าใคร”



    ผมพยักหน้าด้วยความช็อก ลู่หานให้ผมเรียกว่าน้องชาย ผมเป็นพี่เขา เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เขาเป็นหมาป่า...และผมเองก็เป็น




    “ครอบครัวของเราค่อนข้างจะแตกต่างจากครอบครัวอื่น”




    ผมอ้าปากพ่นลมออกมา แม่รู้! แม่รู้ทุกอย่าง แต่แม่ก็ไม่เคยบอก! ทำไม...ทำไมล่ะ? ถ้าผมรู้ตัวก่อน ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ผมคงไม่ปล่อยให้เขาฆ่าคน...ผมได้แต่คิด




    “แม่รู้...รู้มาตลอด งั้นหรือครับ?”



    แม่พยักหน้าทั้งน้ำตา เธอยื่นมือมาจับแขนผมแล้วชี้ที่เลข 88 บนข้อมือผม





    “ลู่หานเป็นคนสืบต่อรุ่นที่ 88 แต่เขาไม่สามารถเป็นได้แล้ว...มันจึงตกมาที่ลูก”







    ผมสะบัดข้อมือออกจากแม่ ผมรู้ทุกอย่างช้าไป มันสายไปแล้ว ลู่หานไม่อยากเป็นผู้สืบทอด เขารู้ว่าผมจะทำมันได้แน่งั้นหรือ? อะไรคือสิ่งที่เขาคิด?





    “ผมไม่เอา...” แม่ส่ายหน้า สายตาแน่วแน่มองมาที่ผม


    “โชคชะตากำหนดมาแล้ว...”

     

    ***

     

    ผมนอนอย่างตายซากอยู่บนเตียงนอน พยายามภาวนาให้หมดลมหายใจ แต่โชคไม่เข้าข้าง เมื่อผมพยายามกลั้นหายใจมันก็ทำไม่ได้ ผมดิ้นรนอ้าปากเพื่อรับออกซิเจนเข้าสู่ปอดเมื่อกำลังหมดลมทุกครั้ง ผมยังอยู่ตรงนี้และมีลมหายใจ ผมเดินกะปลกกะเปลี้ยไปยังอ่างอาบน้ำ และนั่งแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำวนที่กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ชันศอกบนหัวเข่าแล้วซุกหน้าลงบนฝ่ามือ



    ผมชื่อบยอนแบคฮยอน ทำไมผมถึงยังไม่ตาย ผมน่าจะตาย สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือผมควรจะตาย ผมลุกขึ้นจากอ่างน้ำด้วยร่างเปลือยเปล่าแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ตาเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์บนพื้นที่แม่พยายามยัดเยียดให้ผมอ่านเมื่อเช้านี้ พาดหัวข่าวตัวใหญ่หรา...




     

    ปิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องปริศนา พบศพทั้งหมด 11 ศพ

    บนชายหาด เป็นผู้หญิง 1 ศพ และ ชาย 10 ศพ รอด 1

    สรุปฆาตกรเป็นเพียงสัตว์สี่เท้าตัวใหญ่!



     

    ผมละสายตากลับมามองที่ตู้เสื้อผ้า แล้วลุกขึ้นไปหยิบชุดขึ้นมาใส่อย่างเชื่องช้า ราวกับเวลาที่ผ่านพ้นไป ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน...



    เสียงแม่เรียกจากข้างนอกห้องให้ลงไปข้างล่าง เพราะมีคนมาหาทำให้ผมพยุงตัวขึ้นจากเตียง แล้วค่อยๆย่างกรายลงไปยังห้องนั่งเล่น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือผู้หญิงผมยาวดำขลับคนหนึ่ง เธอนั่งหันหลังให้ผม หลังตรงสง่า เธอสวมชุดดำ กลิ่นกรุ่นจากตัวเธอเหมือนกลิ่นของเปลือกไม้ยามโดนฝน ผมรู้สึกคุ้นเหลือเกิน



    ผมเดินอ้อมไปที่โซฟาด้านหน้าของเธอ แล้วมองหน้าเธอชัดๆ เธอช้อนใบหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้มให้ แม้แต่รอยยิ้มยังเศร้าสร้อย ผู้หญิงชุดดำคนนั้น!



    “นั่งลงก่อน...ตั้งสติ”



    ปากของเธอขยับช้าๆ ผมพยักหน้าอย่างว่างเปล่า สมองกลวงไปหมด แต่ก็นั่งลงบนโซฟาอย่างว่าง่าย



    “ฉันเป็นน้องสาวครูแทยอน...”



    นั่นทำให้ผมงุนงง ครูแทยอนมีน้องสาวด้วยหรือ? ผมไม่เคยได้ยินครูพูดถึง แต่ผมกับครูก็ไม่ได้สนิทกันขนาดที่จะทำให้ครูเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังอยู่แล้ว




    “ผมเสียใจด้วยนะครับ...เรื่องที่เกิดขึ้น”




    เธอพยักหน้าน้อยๆแล้วหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมา เธอมองผมด้วยสายตาชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยื่นมันมาให้ผม




    “ตัดสินใจซะ...โชคชะตากำหนดชีวิตใครไม่ได้หรอก เราต่างหากที่กำหนดมันเอง”




    ผมเอื้อมมือไปรับ แม้จะไม่เข้าใจแต่เชื่อว่าสิ่งที่เธอทำมันมีเหตุผลเสมอ แต่ผมก็ยังสงสัยว่าเธอไปที่นั่นได้อย่างไร และบางทีเธอก็ดูไม่เหมือนมนุษย์แต่บางทีก็ดูปกติ...



    “ฉันรู้ว่าเธอสงสัยเกี่ยวกับตัวฉัน แต่อย่าถามฉันเลย เพราะแม้แต่ฉันเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลย”



    พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วโค้งน้อยๆให้ผม ผมลุกขึ้นโค้งตอบแล้วเดินไปส่งเธอที่หน้าบ้าน เธอเดินไปยังรถแล้วมองมาที่ผมครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะมองขึ้นไปมอง แม่ยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของแม่ช้ำคล้ายกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก น้องสาวครูแทยอนกลับไปแล้ว ผมเข้ามาในบ้านแล้วแกะซองสีน้ำตาลดู...








    ...ภายในมีมีดคมกริบเล่มหนึ่งกับกระดาษโน๊ตสีเหลืองหนึ่งแผ่น








    ผมหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาและพลิกอ่าน...

     

     

    ถ้าตอบว่าใช่ให้เอามีดเล่มนี้ล้างน้ำ

    ถ้าตอบว่าไม่ก็จงเอามีดนี้กำจัดสัตว์ร้ายในตัวเสีย

     





     

    ผมอ่านทวนซ้ำหลายต่อหลายรอบ ถ้าผมต้องการทำมันก็ต้องเอามีดนี้ไปล้างกับน้ำ แต่ถ้าผมไม่ต้องการผมก็ต้องกำจัดมันเสีย ทำอย่างไรล่ะ? มันอยู่ในตัวของผม ถ้าฆ่ามันก็ต้องฆ่าผม...ผมเข้าใจถูกแล้วใช่มั้ย?




    ผมหยิบมีดเงินนั้นขึ้นมา มันคมกริบอย่างที่ไม่เคยมีมีดเล่มไหนคมได้เท่านี้มาก่อน ผมจับด้ามมันอย่างกระชับมือแล้วมองมันอย่างพยายามผูกมิตร หวังว่ามันจะไม่เจ็บเท่าไหร่






    ทันทีที่ปลายคมกริบของมันกดลงบนผิวของผม ความปวดแสบปวดร้อนก็เริ่มขึ้นจากปากแผลจนลามไปทั่ว ผมล้มพับลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้น ปากของผมกรีดร้องอย่างไร้ซึ่งสติ เสียงเคาะประตูจากแม่ดังขึ้น แต่ผมตอบรับเธอไม่ได้ ผมทำได้เพียงกรีดร้องและดิ้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน เลือดคาวไหลนองเต็มพื้น มีดส่วนที่ถูกเลือดขึ้นสนิม พักใหญ่ต่อมาแม่ก็ไขประตูเข้ามาได้ เธอกรีดร้องทันทีกับภาพที่เห็นก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาประคองผม



    “แบคฮยอน...อย่าหลับนะลูก”




    แต่ผมกลับผลักเธอให้ออกไป ผมกระเสือกกระสนดิ้นรนหนีความเจ็บปวดแต่มันเกาะหนึบไม่ยอมห่าง ผมได้ยินเสียงแม่โทรหาพ่อ คนที่มอบมันให้ผม! ปีศาจชั่วตัวนี้ให้มันมาอยู่ในตัวลูกของเขา...เขาทำได้อย่างไร!



    ความเจ็บปวดอันแสนสาหัส ความเข้าใจบางอย่างถ่องแท้ขึ้น ผมรู้คำตอบทันทีที่ตั้งคำถาม พ่อไม่เคยใยดีผมอยู่แล้ว นั่นอาจหมายถึงลู่หานเองด้วย เขาต้องการครอบครัว เขาฆ่าครูแทยอนเพราะเธอเองก็มีปัญหาครอบครัว ลู่หานอาจไม่ชอบใจวิธีทาเธอทำกับน้องสาวเธอ เหมือนที่ผมทำกับเขา ผมไม่เคยรับรู้ตัวตนของเขาบนโลกใบนี้ นี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่เขาจะฆ่าผม แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่ฆ่าผมคงเป็นเพราะเราเป็นพี่น้องกัน




    ร้อน...




    ทนไม่ไหวแล้ว ร้อนเกินไป ร้อนเกินไปจริงๆ



    ความรู้สึกเหมือนมีไดร์เป่าผมกว่าร้อยอันมาเป่าอยู่รอบตัว เหมือนเปิดฮีตเตอร์ที่อุณหภูมิสูงที่สุด ปฏิกิริยาอัตโนมัติของผมคือการกรีดร้องลั่นและดิ้นทุรนทุราย ร่างกายของผมถูกแผดเผา ความร้อนที่ว่านั้นมาจากข้างในตัวผมเอง ความร้อนแผดเผามากขึ้น เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดและเพิ่มขึ้นอีก จนเกินขีดความรู้สึกใดๆที่เคยประสบมา



    ผมรู้สึกได้ถึงชีพจรที่เต้นอยู่ในอกที่ร้อนดังไฟในตอนนี้ นั่นทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งว่าหัวใจยังคงอยู่ตรงตำแหน่งเดิม แต่ทันใดนั้นผมก็นึกได้ว่าไม่ควรหามันพบเลย เพราะจู่ๆก็มีมือที่มองไม่เห็นยื่นมาบีบหัวใจของผมเล่น มันเต้นแรงจนผมหอบเหนื่อย อะไรก็ได้ที่ทำให้ผมพ้นจากความทรมานนี้ แต่ร่างกายของผมชาดิก มันไม่ตอบสนอง ผมทดลองขยับนิ้ว แต่มันกลับเฉยชา



    เปลวไฟที่แผดเผาร้อนขึ้นจนผมอยากกรีดร้องขอให้ใครก็ได้ฆ่าผมเสียตอนนี้ ผมจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดนี้แม้สักวินาทีเดียว แต่ผมก็ขยับไม่ได้ ความร้อนนั้นยิ่งทวีความร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง



    ร่างกายของผมหนักอึ้ง ทำไมผมถึงขยับไม่ได้ ทำไมถึงกรีดร้องไม่ได้ มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ ถ้าผมไม่กรีดร้อง ผมจะขอให้ใครฆ่าผมได้ยังไงล่ะ? ผมต้องการจะตาย และไม่เกิดขึ้นมาอีก ให้ผมตายเถอะ ปล่อยผมให้ตาย...



    ผมฝืนร่างกายทั้งหมดไม่ให้แหลกออกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงของมันเป็นครั้งสุดท้าย...








    ผมกรีดร้องออกมาเป็นเสียงหอน...ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป

    [Baekhyun]




     

    บทส่งท้าย

     

    ผมเดินไปตามระเบียงของโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ เหล่าเด็กผู้หญิงมองผมด้วยความปลาบปลื้ม ผมยิ้มน้อยๆให้ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่า





    ผมใช้เวลาหลับไปเกือบปีและฟื้นขึ้นมา...ฝันร้ายหายไป มีดเงินไม่ได้มีไว้ฆ่าคน แต่มีไว้ฆ่าวิญญาณหมาป่า ผมทนฤทธิ์ของมันได้เพราะมันส่งผลข้างเดียว ผมยังอยู่ตรงนี้ แบกรับความละอายใจและความรู้สึกผิดไว้เพียงคนเดียวต่อไป




    ผมเข้ามาเรียนใหม่ในชั้นเรียนมอปลายปีหนึ่ง ไม่มีใครรู้ปมหลังของผม และไม่มีใครจำผมได้ ผมถอดแว่นออกและสวมคอนแทคเลนส์แทน แต่มันก็ลำบากเพราะคอนแทคเลนส์เอาแต่จะละลายอยู่เรื่อย บางทีพิษของหมาป่าอาจจะยังไม่หมดไป




    เมื่อถึงคาบเรียนคุณครูประจำชั้นก็แนะนำผมให้เพื่อนร่วมชั้นรู้จัก




    “สวัสดี ฉันชื่อบยอนแบคฮยอน ย้ายมาจากโซล ยินดีที่ได้รู้จักนะ”




    กลุ่มเด็กผู้หญิงซุบซิบกันและกรี๊ดเบาๆ ผมโค้งให้ทุกคนอีกรอบ คุณครูสอดส่องสายตาไปรอบๆห้องก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะเรียนท้ายห้อง มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ผมหยุดสายตามองเขา...ตัวชาวูบ




    “ไปนั่งกับเพื่อนสิแบคฮยอน เราจะได้เริ่มบทเรียนกัน”




    ผมพยักหน้าอย่างเชื่องช้าแล้วก้าวขาที่สั่นเข้าไปหาเขา ผมวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ก่อนจะลากเก้าอี้ออกมาจากใต้โต๊ะเพื่อนั่ง เขาหันมายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร มีริ้วรอยเล็กน้อยตรงหางตาเขา หน้าของผมตอนนี้คงเหวอสุดๆ เขายื่นมือมาเป็นเชิงทำความรู้จัก ผมยื่นมือออกไปจับมือเขาแล้วเขย่าเบาๆ เขายิ้มจนตาหยีแล้วพูดขึ้นเบาๆ































































    “สวัสดี ฉันชื่อลู่หานเป็นคนจีน ยินดีที่ได้รู้จัก...อีกครั้ง

     




     

     

    -THE END-






     

    TALK

    ไหนๆก็จบแล้ว เราอยู่กันมา 4 เดือนกว่าๆแล้วนะ

    ฉะนั้น ใครไม่เคยอ่านความในใจช่วง TALK ของเราเลย

    กรุณาอ่านด้วยนะคะ คลิกที่ ตอนต่อไป ได้เลย

     
























    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×