ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 14 :: Butterfly fly away

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.35K
      20
      29 ส.ค. 56

    ปิดเพลงหน้าฟิคแล้วเปิดเพลงนี้แทน

    thanks' ’EvE’ music



    CHAPTER 14 :: Butterfly fly away

     

    [Chanyeol]

    ผมวิ่ง...




    ผมวิ่งให้เร็วที่สุด เลี้ยวไปตามทางที่หมายไว้ ข้ามสิ่งที่กีดขวางทั้งหมด แต่ใจผมกลับไม่ได้บอกให้ทำอย่างนั้นเลย...


    ผมมองกลับไปด้านหลังเป็นระยะ หวังให้เขาฟื้นขึ้นมาล่าผมและคว้าช้อนแหลมไล่แทงผม หวังว่าจะเห็นเขาวิ่งตามผมมาและตะโกนแช่งผม แต่ไม่หรอก เขาจะไม่ตามผมมา เขาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ!

    ผมหยุดฝีเท้าและลังเลว่าจะกลับไปทางที่ทิ้งแบคฮยอนมาหรือวิ่งต่อไป...สายตาผิดหวังและไม่เข้าใจของเขาก่อนที่จะหมดสติกระชากผมกลับออกมาจากภวังค์แห่งความงมงาย ผมไม่ได้อยากทำอย่างนั้น...จริงๆนะ แบคฮยอนยกมือขึ้นคล้ายกับจะตีผมก่อนเขาหมดสติ และผมก็อยากจะนั่งลงข้างๆเขา ขอให้เขาตีผม...ตีไอ้ชานยอลคนนี้ที่ทำร้ายเขา ผมทำอะไรลงไป? ภาพของแบคฮยอนที่กำลังถูกสัตว์มาคาบไปเป็นอาหารผุดเข้ามาในหัว ผมส่ายหัวอย่างรับไม่ได้ แบคฮยอนต้องฟื้นสิ เขาจะตื่นขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นผม เขาจะต้องอยากฆ่าผม แต่ถ้าเขาไม่ฟื้นล่ะ? เป็นไปได้หรือเปล่าที่เขาจะอาการหนัก...ผมหมุนตัวแล้วก้าวเท้ากลับไปทางที่จากมา ผมตัดสินใจจะกลับไปหาเขาและบอกกับเขาว่าผมไม่ได้ตั้งใจ อย่างน้อยๆก็คงโดนเกลียดหรืออย่างมากเขาคงฆ่าผม



    คิดจะทำอะไรเหรอปาร์คชานยอล?



    เสียงนั้นหยุดผมไว้ ผมหันมองหาเสียง ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังต้นไม้ เขาเดินยิ้มเข้ามาและโอบไหล่ผม คริสเป็นคนบอกให้ผมทำแบบนี้


    “นายทำได้ดีมาก”


    คริสพาผมเดินมาตามทางที่เขานัดไว้จนถึงลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวอ่อนดูสบายตา รอบๆมีดอกเดฟโฟดิลขึ้นอยู่เต็มไปหมด ร่างอ่อนแรงร่างหนึ่งนอนอยู่กลางทุ่งหญ้า หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ


    “สิ่งที่ฉันทำ...มันถูกต้องหรือเปล่า?”


    ผมถามคริสด้วยเสียงที่แผ่ว คริสยิ้มให้ผม เขาพยักหน้าแล้วตบไหล่ผมเบาๆ


    “ถูกแล้ว...สิ่งที่นายทำมันเป็นสิ่งที่นายควรทำมาตั้งแต่แรกแล้ว”


    ผมมองต้นหญ้าที่ปลิวตามแรงลมบนพื้น ถ้ามันไม่ยอมเอนตามลม...มันจะเป็นยังไงนะ จะตายหรือเปล่า? หรือจะหักไม่เป็นท่า หรืออาจจะไม่เป็นอะไรเลย? แล้วถ้าผมไม่ยอมเอนตามคริสล่ะ ผมจะเป็นยังไง?


    “นายให้ฉันฆ่าแบคฮยอนทำไม?”


    ผมข่มเสียงที่สั่นและแววตาที่อ่อนไหวข้างใน คริสมองตาผมเขม็ง เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรนอกจากเรียบเฉย แบบที่เขาชอบทำ





    แบคฮยอนถูกกัด...






    “ใครกัดเขา?”

    คริสเบือนหน้าหนี ผมมองตาเขาเขม็ง




    “มินซอก...”

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

    คริสหันมาสบตาผม สายตาของเขายังคงนิ่ง




    “...นานแล้ว”

    “จริงเหรอ?”


    คริสพยักหน้า เขาเดินไปหาลู่หานทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว ผมเจอกับคริสที่ริมลำธารตอนผมไปล้างหน้าเมื่อเช้า คริสบอกผมว่าให้ผมฆ่าแบคฮยอนซะ เพราะแบคฮยอนเป็นตัวอันตราย ผมไม่เข้าใจแต่ผมเคยได้ยินเรื่องนี้จากลู่หานมาบ้าง...ว่าแบคฮยอนน่ากลัว แต่ผมไม่นึกว่าจะต้องฆ่าเขาและถ้าให้คนอื่นทำ ผมขอทำเองดีกว่า แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้จงใจให้เขาตาย ผมไม่ฆ่าเขาไม่ใช่เพียงเพราะไม่กล้า แต่เป็นเพราะผมไม่อยากให้เขาตาย!


    เขาไม่ใช่หมาป่าหรอก...ผมได้แต่ภาวนา


    แต่จากหลักฐานทุกอย่างที่คริสแจกแจงให้ฟังทำให้ผมเชื่อเกือบครึ่ง แต่ความรู้สึกผมกลับไม่ใช่ แบคฮยอนอาจจะไม่ใช่มัน


    “นายไม่แปลกใจเหรอว่าทำไมฉันถึงพาลู่หานหนีนายในวันนั้น”

    คริสถามผมตอนที่ผมเริ่มไม่เชื่อเขา ผมส่ายหน้า ปากของเขายกยิ้ม


    “ก็เพราะฉันรู้ว่านายหนีมากับแบคฮยอนไงเล่า ฉันรู้ว่าเขาเป็นหมาป่าเพราะถูกมินซอกกัด ฉันเลยหนีเพราะกลัวนายไปบอกแบคฮยอนว่าเจอพวกฉัน”


    ผมไม่เชื่อในทันที แต่ก็คล้อยตามเมื่อคริสยกคำพูดหลายคำมากรอกหูผม สุดท้ายผมก็เชื่อว่าแบคฮยอนเป็นหมาป่าทั้งๆที่เหตุผลหลายอย่างยังค้ำความจริงอยู่








    เจ็บนะไอ้โง่...

    คำสุดท้ายที่แบคฮยอนพดก่อนจะสลบไป ผมไม่กล้าแม้แต่จะก้มลงไปจับชีพจรหรือลมหายใจเขา ผมทิ้งก้อนหินลงพื้นแล้วยืนรอดูแบคฮยอนหวังให้เขาตื่น แต่แบคฮยอนก็นอนนิ่ง ผมเสียใจและเกลียดตัวเองที่ทำไปแบบนั้น แต่ผมก็นึกภาพแบคฮยอนโดนคนอื่นทำร้ายไม่ออก ดังนั้นให้ผมทำเองเถอะ


    ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้าห่างจากลู่หานกับคริส ผมเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่โง่มากกว่าโง่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไม่รู้อะไรและผมกำลังทำอะไร แบคฮยอนกำลังผิดหวังในตัวผมหรือเปล่านะ เขาจะฟื้นหรือยัง ผมมองคริสที่นั่งจ้องลู่หานเขม็ง สองคนนี้เป็นอะไรกันนะ คู่รัก? ไม่หรอก สายตาที่คริสมองลู่หานมันช่างไม่โรแมนติกเอาเสียเลย


    ผมมองไปรอบๆและพยายามคิดให้ออกว่าผมมาจากทางไหน ผมอยากกลับไปหาแบคฮยอน เขาจะเกลียดผมหรือเปล่านะ เขาต้องฆ่าผมแน่ทันทีที่เห็นหน้าผม แต่ถึงแบคฮยอนจะเป็นหมาป่าก็ไม่เป็นไร ผมจะคอยควบคุมเขาไม่ให้ไปทำร้ายใครเอง...


    ผมลุกขึ้นแล้วเดินปลีกตัวออกมาเงียบๆโดยไม่ให้คริสสังเกตได้ เมื่อพ้นสายตาคริสแล้วผมก็เริ่มออกวิ่งเต็มฝีเท้า ผมเลี้ยวและข้ามสิ่งกีดขวางอย่างรวดเร็ว ขอให้แบคฮยอนหนีไปได้ ขอให้แบคฮยอนไม่เป็นไร

    แรงบางอย่างกระชากผมกลับหลังไปแล้วเหวี่ยงลงกับพื้น ตาสีทองดุดันจ้องมาที่ผม เจ้าหมาตัวใหญ่นี่เป็นใครกัน? คริส หรือลู่หาน? หรือ...แบคฮยอน?






    ...หรือบางที่อาจจะเป็นเลย์



    ไม่หรอก เลย์ตายไปแล้ว คริส ลู่หาน หรือแบคฮยอนกันนะ?

    “คะ...ใคร?”

    ไม่มีเสียงตอบรับ แต่แววตานี้ผมเคยเห็นตอนโดนทุ่มครั้งแรกที่บ้านพัก ไม่ใช่แบคฮยอนหรอก!! นี่มันเป็นดวงตาของหมาป่าในวันแรกที่มันบุกเข้ามา และตอนนั้นแบคฮยอนอยู่กับผม! มินซอกเหรอ? เขาตายไปแล้วนี่ หรือว่ายัง...?

    มันกระชากผมทุ่มลงบนพื้นอีกรอบแล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมพยายามถอยหนี แต่มันก็เดินตาม มันงับเข้าที่เสื้อของผมแล้วเหวี่ยงผมฟาดกับต้นไม้อย่างจัง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมโดนฟาด มันปล่อยผมวางที่พื้นให้หอบหายใจ มันยืนมองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ผมหอบอย่างหนักและพยายามขยับหนีมันทีละนิดๆ แล้วมันก็เงื้อหัวขึ้นไปแล้วก้มลงมากัดเข้าที่ไหล่ขวาผมอย่างจัง! ทันทีที่มันฝังรอยเขี้ยวเสร็จมันก็จะกัดผมเข้าอีกข้าง แต่ผมใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นและวิ่งหนี เสียงขู่คำรามดังไล่หลัง ผมวิ่งมาเรื่อยๆและแปลกที่ไม่มีเสียงของมันวิ่งตามมา ผมหยุดวิ่งแล้วทรุดตัวลงนั่งใต้โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง เลือดจากแผลถูกกัดไหลชุ่ม ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองมัน แต่ความปวดแสบปวดร้อนก็บังคับให้ผมต้องฝืนใจมอง น้ำลายเหนอะหนะไหลเลอะปากแผล รอยเขี้ยวเหมือนของจงอินกับเซฮุนถูกฝังลงบนไหล่ผม มันเจ็บและแสบมาก เหมือนมีคนเอาแอลกอฮอลล์มาราดรดบนแผลยังไงยังงั้น

    ผมกัดฟันและเลิกแขนเสื้อขึ้น ผมอยากลองห้ามพิษแบบแผลถูกงูกัดดูบ้าง แต่มันคงไม่ทันแล้วแน่ๆ เพราะผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่คืบคลานเข้ามาตามเส้นเลือด สักพักผมก็รู้สึกเหมือนถูกไฟเผาข้างในร่างกาย ผมบิดเร่าดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกขมแผ่ซ่านไปทั่วปาก ผมนึกถึงตอนที่ถูกมันทุ่มมันไม่ได้เจ็บปวดถึงเพียงนี้และผมยอมถูกมันทุ่มทั้งวันแทนการรู้สึกร้อนรนในร่างกายอย่างนี้!


    เจ็บปวด ร้อนรน ทรมาน


    ผมพยายามต่อต้านมัน อะไรบางอย่างกำลังพยายามปลิดขั้วหัวใจผม มันวิ่งเข้ามาตามกระแสเลือด ปากแผลปวดแสบปวดร้อน เสียงคลื่นทะเลดังแว่วข้างหู เส้นสีดำทะมึนคืบคลานเข้ามาในความมืดใต้เปลือกตาปิดสนิทของผม ผิวหนังรู้สึกได้ถึงไอความเย็นใกล้ติดลบ แต่ความร้อนในร่างกายของผมนั้นทะลุปรอท

    ผมกำลังจะตาย ผมตระหนักถึงความเป็นจริง ภาพแบคฮยอนร้องไห้ลอยอยู่ตรงหน้าผม แล้วมันก็เปลี่ยนไป เสียงแบคฮยอนผลักไสผม เขากรีดร้องและชูช้อนแหลมขึ้นมา เขาขู่ให้ผมออกไปจากเขา


    พังทลาย ยับเยิน ทุกข์ทรมาน...


    ความมืดแผ่เข้าปกคลุม จากนั้นมันก็กลืนหายเข้าไปในความทรมานของผม ผมหายใจไม่ออก ส่วนต่างๆในร่างกายเริ่มแตกหัก มันแยกออกจากกัน ความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้งและผมพยายามต่อต้านมัน ผมข่มเสียงบอกความกลัวว่า ไม่ๆ แต่มันกลับไม่เชื่อฟัง มันบีบรัดผมแน่นจนปวดร้าวไปหมด ผมรู้สึกว่าขยับเขยื้อนไม่ได้อีกแล้ว แต่ความจริงคือผมยังบิดดิ้นรนไปมา สุดท้ายอะไรบางอย่างก็กระชากผมลงไปสู่ห้วงอากาศที่เวิ้งว้างและดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด...แล้วผมก็ได้ยินเสียงหอนจากปากตัวเองในวินาทีสุดท้าย

     

    ***

     

    ผมลืมตาขึ้นเบาๆและพยายามกระพริบตาให้ได้เกินห้าสิบครั้งภายในไม่กี่วินาที แต่เปลือกตาก็ยังหนักเกินไปสำหรับร่างกายผมในตอนนี้ ผมพยุงตัวขึ้นจากพื้นโคลน มันไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด แต่พอผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมก็รู้ว่าผมนั้นหลอกตัวเอง ความจริงแล้วตัวผมหนักราวกับสวมชุดเกราะอยู่เต็มยศ ผมหันไปมองแผลที่ไหล่ด้านขวา หนองสีขาวขุ่นไหลออกมา แมลงตัวเล็กน่ารำคาญตอมวนรอบๆแผล กลิ่นเนื้อเน่าโชยออกมาจากแผล ผมรีบทรุดตัวลงอ้วกทันที ผมไม่กล้าแม้แต่จะเอามือปัดแมลงที่ตอมแผล ไม่กล้ามองมันด้วยซ้ำ เมื่อเริ่มตั้งสติได้ผมก็ลุกยืนขึ้นและมองไปรอบๆ ผมเห็นรอยแหวกหญ้าตรงหน้า มันคงเป็นทางที่ผมหนีแบคฮยอนมา ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร แต่ผมหวังว่าแบคฮยอนจะฟื้นและหนีไปซะ


    ผมตัดสินใจจะไปดูให้เห็นกับตาว่าแบคฮยอนยังคงอยู่ที่ลำธารหรือเปล่า และผมก็ภาวนาขอให้เขาไม่อยู่ ขอให้เขาหนีไปซะ ผมก้าวขาอย่างยากลำบากแล้วเดินตามทางไป


    ผมเดินโซซัดโซเซมาตามทางอย่างยากลำบากเพราะร่างกายที่หนักอึ้ง ตัวของผมร้อนผะผ่าวตลอดเวลา ดูเหมือนผมจะมีไข้สูง ผมดึงแขนเสื้อลงมาปิดแผลจากแมลงแล้วพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ ทางข้างหน้าเป็นเนินลาดลงไปข้างล่าง ผมพยายามเอนตัวไปข้างหลังเพื่อถ่วงสมดุลตอนเดินลง แต่แรงของผมมันก็มีไม่พอ ผมลื่นไถลลงจากเนิน รู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลโชกออกมาจากแผล กลิ่นเหม็นหึ่งของเนื้อเน่าปนกับกลิ่นโคลนหลังจากฝนตกทำให้ผมอยากอ้วก ผมเบือนหน้าหนีและคลานไปที่ริมลำธารเพื่อล้างดินโคลน แน่นอนว่าน้ำในลำธารนี้อาจไม่สะอาดแม้จะดูใสมาก แต่มันก็ดีกว่าโคลนที่เปื้อนแผล ผมวักน้ำขึ้นมาแล้วราดลงบนแผล วินาทีแรกมันรู้สึกแสบมากจนผมต้องหดแขนกลับ แต่ถ้าผมไม่ฝืนตัวเองมันอาจจะเลวร้ายกว่านี้


    ผมกัดฟันแล้วหย่อนแขนลงในลำธาร แกว่งแขนสองสามครั้งให้โคลนหลุดออกผมรีบยกแขนขึ้นแล้วถอยออกมา ผมกัดฟันกรอดข่มความเจ็บ เสียงโอดครวญของผมเล็ดลอดผ่านไรฟัน ออกมาเบาๆ ผมมองไปทางซ้าย ถ้าจำไม่ผิดผมอาจจะมาจากทางนี้และแบคฮยอนก็อยู่ตรงนั้น ผมพยุงตัวเองขึ้นมาแล้วลุกขึ้นเดิน ทุกก้าวของผมอ่อนแรงและไม่มั่นคง ผมพยุงร่างอันอ่อนเปลี้ยของตัวเองมาเรื่อยๆ แดดจ้าทำให้อุณหภูมิในร่างกายผมยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ผิวหนังของผมกลับสัมผัสได้เพียงความเย็นติดลบ ลมหายใจก็ร้อนเหมือนควันจากกาน้ำร้อน แต่ผมจะไปหาแบคฮยอน


    ผมไม่รู้ว่าเดินมาได้ไกลเท่าไร แต่ผมจำมันได้...หินก้อนใหญ่ที่วางอยู่ริมลำธารแบบผิดธรรมชาติ เป็นหินที่ผมใช้ตีหัวแบคฮยอน ผมกวาดสายตาที่พร่ามัวไปรอบๆ ไม่มีแบคฮยอนอยู่ตรงนี้ ผมไม่ได้จำผิดที่แน่ แบคฮยอนไม่อยู่จริงๆ และผมหวังว่าที่เขาหายไปนั้นเป็นเพราะเขาหนีไปได้ แต่ถ้าเขาเป็นหมาป่าจริงๆก็ขอให้เขาไม่ไปฆ่าคริสกับลู่หาน


    ผมก้าวไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้วยความทุลักทุเลแล้วทิ้งตัวลงนั่งพิง มันโอเค ทุกอย่างมันโอเคถ้าแบคฮยอนปลอดภัย แต่ผมก็คิดไม่ตกว่าแบคฮยอนจะไปฆ่าคริสกับลู่หานมั้ย ถ้าเขาเป็นหมาป่าจริงๆ...ผมหายใจเข้าออกช้าๆด้วยความลำบาก เหมือนมีอะไรมาบีบคอผมทำให้ผมหายใจลำบากจนต้องอ้าปากเพื่อช่วยเอาออกซิเจนเข้าไปอีกแรง ตาของผมเริ่มพร่ามัว เสียงดังข้างหูหึ่งๆและผมก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองผมอยู่!


    ผมสะดุ้งวาบกับความคิดขอตัวเองแล้วหันไปรอบๆเพื่อมองหาเจ้าของวายตาที่สัมผัสได้ ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ สติของผมเริ่มพร่าเลือน แต่ผมก็จับสายตาคู่หนึ่งได้ที่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ ดวงตาของเขาที่มองผมนั้นรื้นไปด้วยน้ำตา สายตาที่ผิดหวัง ไม่เข้าใจ เจ็บช้ำ และโกรธแค้น ผมก้าวอย่างทุกลักทุเลเพื่อเข้าไปหาเขา ผมจะอธิบาย อธิบายทุกอย่าง



    อย่าเข้ามานะ...



    แต่เขากลับพูดประโยคที่ทำให้ผมใจสลาย เข่าของผมอ่อนแรงลง เขาชูของแหลมในมือขึ้นมาใส่ผม ขอบตาของเขาแดงซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เขาผ่านการร้องไห้อย่างหนัก หรือเป็นเพราะอดหลับอดนอน


    “แบคฮยอน...แบคฮยอนนี่”


    ผมก้าวเข้าไปหาเขาอีกก้าว แต่แบคฮยอนกลับก้าวถอยหลังผมไปสองก้าว เมื่อผมก้าวอีก ผมก็ถอยหลังอีกเป็นสองเท่าของผม สุดท้ายผมก็ทนรับน้ำหนักของร่างกายตัวเองอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า ผมพยายามสบตากับเขา แต่ดวงตาของผมมันปูดโปนจนเริ่มปิด แต่ผมก็พอจะเดาได้รางๆว่าเขาจ้องตาผมไม่กระพริบ เขาคงกำลังคิดหนักว่าจะทำอย่างไรกับผมต่อ เพราะผมเป็นคนทำร้ายเขา ไม่แน่เขาอาจจะรู้แล้วว่าผมรู้อะไรมา และเขาคงฆ่าผมทิ้งเสีย แต่เขาคงไม่รู้ว่ามีหมาป่าอีกตัวกัดไหล่ผม และผมเองก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรผมจะเปลี่ยนร่าง จะกลายเป็นแบบจงอินกับเซฮุน ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้และผมอาจฆ่าเขาได้!


    “...........”


    แบคฮยอนจ้องผมด้วยสายตาไม่เข้าใจ มือของผมทาบลงกับพื้น ผมเงยหน้ามองเขา แม้มันจะมองเห็นไม่ชัดก็ตาม แต่ผมก็สัมผัสได้...ไม่มีความไว้ใจเหลืออยู่ในสายตาคู่นั้นอีกแล้ว


    ความปวดแสบปวดร้อนเล่นงานผมอีกแล้ว ผมพยายามห้ามตัวเองไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกไปแต่ผมก็ทนไม่ได้จริงๆ ผมเอื้อมมือไปกุมปากแผลแล้วล้มลงไปนอนขดที่พื้น สายตาของแบคฮยอนเปลี่ยนไป เขาตกใจและลดมือที่จ่อของแหลมใส่ผมลง เขาค่อยๆก้าวเข้ามาหาผม


    “นาย...เป็นอะไร?”


    แบคฮยอนลังเลที่จะเข้ามาใกล้ผม เขาหยุดยืนดูผมอยู่ห่างๆ ผมพยายามไม่ร้องออกไป แต่แบคฮยอนคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาทรุดตัวลงนั่งข้างผม แล้วพลิกตัวผมให้นอนหงาย เขาส่ายหน้าไปมาคล้ายกับกำลังสับสนอยู่ เขาเลิกแขนเสื้อผมแล้วร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจกับบาดแผล สักพักแบคฮยอนก็เอาน้ำในขวดมาเทราดใส่แผลผม


    “อย่าเป็นอะไรนะ...”


    ผมส่ายหน้าไปมา แบคฮยอนมองหน้าผมสลับกับแผลแล้วเม้นริมฝีปากแน่น ดวงตาของเขาดูวิตกกังวล เขาพยายามเอาน้ำทั้งหมดในขวดเทราดลงบนแผลผม ปากของเขาพึมพำตลอดเวลาว่ามันไม่น่าเกิดขึ้น ผมรู้สึกเหมือนเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง ตัวผมไม่ใช่เพียงแค่ร้อนผะผ่าว แต่มันร้อนเหมือนถ่านที่กำลังคุกรุ่น แบคฮยอนมองผมที่เริ่มขยับไม่ได้

    “ชานยอล ไอ้บ้า! เป็นอะไร”

    แบคฮยอนตกใจที่ผมไม่ยอมลืมตา แต่ไม่หรอกน่า ผมยังได้ยินเสียงเขาอยู่ เพียงแค่ผมแบกรับร่างตัวเองไม่ไหวแล้ว

    “ชานยอล”

    แบคฮยอนตบแก้มผมเบาๆ จากนั้นก็เริ่มเขย่าแรงๆผมพยายามกรองเสียงออกมาให้ได้เยอะที่สุด แล้วเอ่ยออกมาดังๆเท่าที่จะดังได้

    “ร้อน...ฉันร้อน”

    ผมพูดได้เพียงอ้อมแอ้มก็หมดแรง ปากของสูดเอาออกซิเจนเข้าเต็มปอดแบบกระชั้นชิด แบคฮยอนลนลาน เขาถอดเสื้อโค๊ตตัวนอกผมออกจนเหลือเพียงเสื้อยืด เขาจับมือผมไปประกบมือเขาเพื่อรับความเย็นจากฝ่ามือบาง สักพักต่อมาเสียงครางด้วยความทรมานของผมก็ทำให้เขาถอดเสื้อยืดผมออกจนเหลือเพียงเสื้อกล้าม ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ผมต้องการมากกว่านี้...น้ำ ผมต้องการน้ำ

    “ชานยอล...ดีขึ้นมั้ย ตอบสิ”

    “น้ำ...พาฉันไปที่น้ำ”

    ผมดึงมือออกจากมือของเขาแล้วปัดป่ายไปทั่ว ตาของผมเปิดได้เพียงเห็นแสงแต่ก็ยังพร่ามัว แบคฮยอนพยุงผมขึ้นแล้วพาผมไปที่ไหนสักที่แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างกันมากทำให้มันยากลำบาก ผมพยายามพยุงตัวเองบ้างแต่มันกลับทำให้ลำบากกว่าเดิม ผมสะดุดเท้าแบคฮยอน เราล้มลงและกลิ้งลงเนินไปทั้งคู่ ผมกลิ้งลงมากระแทกกับโขดหินก้อนใหญ่ซึ่งมันโดนแผลผมพอดี ผมร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเสียงดัง แบคฮยอนที่กลิ้งไปไหนสักที่วิ่งเข้ามา เขาพยุงผมขึ้น  ปากของเขาก็พร่ำปลอบผมไม่หยุด


    “นายจะหายชานยอล มันไม่เป็นอะไรหรอก”


    ผมอยากจะยิ้มให้ชานยอลและพยักหน้า ยิ้มโง่ๆอย่างที่ผมเคยทำ แต่มันไม่ใช่ ผมจะกลายร่างเป็นสัตว์น่าขยะแขยง ผมอาจจะฆ่าเขา แต่ทำไมแบคฮยอนไม่ฆ่าผม เขาช่วยผมทำไม ก็ไหนคริสบอกว่าแบคฮยอนเป็นหมาป่า ทำไมเขาไม่ฆ่าผมล่ะ? อะไรกัน! หรือว่าแบคฮยอนไม่ได้เป็นแต่คริสโกหก!!


    “ไม่...ไม่ทัน พิษมันเข้าไปแล้ว”


    ผมกระเสือกกระสนพูดออกมา แบคฮยอนส่ายหน้า เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผม เขาพูดแต่คำว่า ไม่เป็นไร ตลอดเวลา


    “ร้อนมั้ย?”

    “...มาก”

    ผมหายใจเอาลมร้อนๆจากพิษไข้ออกมาทางปาก ตาของผมปรือขึ้น ผมมองเห็นเขา...ดาวดวงน้อย บยอนแบคฮยอนอยู่ตรงหน้าผม สายตาเป็นห่วงปนสับสนของเขามองผมไม่วางตา เขาตบหน้าผมเบาๆสองสามครั้ง เมื่อเห็นผมลืมตาเขาก็ยิ้มกว้าง ผมไม่เคยเห็นเขายิ้มอย่างนี้จริงๆนะ แต่เขายิ้มให้ผม


    “ตรงหน้าเป็นลำธาร ฉันจะลากนายลงไป นายต้องยืนให้ได้นะ”

    “ฉันว่ายน้ำ...ไม่เป็น”


    แบคฮยอนส่ายหน้า เขาลากผมที่ตัวใหญ่กว่าเขาไปที่ลำธาร เขาหย่อนตัวผมลงในน้ำอย่างยากลำบาก แล้วสุดท้ายตัวผมก็ลงไปอยู่ในลำธารในสภาพยืนจนได้ ช่วงแรกผมรู้สึกตัวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความเย็นจัดของน้ำ แต่พักใหญ่ต่อมามันก็ดีขึ้น ผมสามารถยืนเองได้โดยที่แบคฮยอนไม่ต้องจับแขนผมไว้ แบคฮยอนถลกขากางเกงแล้วนั่งลงริมลำธาร เขาห้อยขาลงมาในน้ำ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเขา เขายิ้มให้แล้วมองไปรอบๆตลอดเวลา ผมมองเขานิ่ง อาการร้อนวูบวาบในตัวดีขึ้นเยอะแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ก็ดีสำหรับผม แบคฮยอนยังคงเหม่อลอย สายตาของเขาเปลี่ยนไป เขาดูเศร้าสร้อย ผมมองเขาเนิ่นนานแต่เขาก็ยังไม่รู้ตัว ผมหันกลับมาแล้วมองไปอีกฟากของป่า...หวนนึกไปถึงวันที่คริสกับลู่หานหนีผมไปอีกฟากของป่า สายตาของคริสดูตกใจอย่างมาก ขณะที่ลู่หานนอนหายใจพะงาบๆอยู่ที่พื้น แต่ผมมั่นใจว่าเสี้ยววินาทีหนึ่งหางตาของลู่หานมองมาที่ผมก่อนที่คริสจะพยุงเขาหนีเข้าป่าไป แต่วันที่กลับมาลู่หานกลับไปไม่พูดถึงเรื่องนี้ เขายังคงเป็นเทพรบุตรคนเดิม

    “ดีขึ้นมั้ย?”

    “อืม...”

    ผมตอบได้เพียงสั้นๆ ผมยังจำได้ วันแรกที่เจอเขา แบคฮยอนเป็นคนทำปากกาตกและผมเป็นคนหยิบให้ ผมยิ้มให้เขา ครู่หนึ่งที่ผมได้เห็นแววตาขบขันกับรอยยิ้มบ้าบอของผมจากตาของแบคฮยอน แล้วเขาก็หันกลับไปฟังครูแทยอนพูดต่อ ขณะที่ผมคอยมองเขาตลอดเวลาเพื่อให้เขาหันมา แต่แบคฮยอนก็ไม่เคยหันมา เขาชอบฝึกพูดภาษาจีนกับจื่อเทาและบางทีก็หันไปถ่ายรูปกับคยองซู ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ยิ้มอย่างซื่อบื้อให้กับหูกางๆของตัวเอง ผมมีเพื่อนร่วมห้องในที่เรียนพิเศษคือเลย์กับมินซอก แต่พวกเขาก็ไม่เคยคุยกับผมหรอกนอกจากขอลอกการบ้าน ผมคอยมองหาคนที่คุยด้วย แต่ผมก็ไม่เลวร้ายขนาดมินซอกหรอก เขาไม่มีเพื่อน ไม่ใช่แค่เพราะไม่มีคนกล้าเข้าไปคุยกับเขา แต่เป็นเพราะเขาปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นต่างหาก

    แบคฮยอนเป็นคนที่เข้าไปคุยกับมินซอกคนแรก แต่ก็ได้รับคำตอบคือความหมางเมิน แต่ผมก็นับถือเขาจริงๆ เพราะแม้แต่เฉิงเฉิงที่เป็นแฝดกับมินซอกยังไม่เคยเข้าไปคุยกับเขาเลย

    แบคฮยอนนิ่งเงียบ สายตาเหม่อลอย






    “แบคฮยอน...”




    “หืม?”





    เขาสะดุ้งแล้วหันกลับมา ผมใช้มือยื่นออกไปกลางอากาศให้ผีเสื้อสีเหลืองสองสามตัวที่บินอยู่เข้ามาเกาะ แบคฮยอนเองก็มองตามมันด้วยแววตาประหลาดใจ...










    “นายคิดว่าคนเรา...ถ้าตายแล้วจะไปอยู่ไหนเหรอ?”







    แบคฮยอนเงียบ ผมหันไปสบตากับเขา เขามองตามผม ดวงตาของเขาเศร้าสร้อยและหวามไหว





    “....ไปอยู่ในความทรงจำของคนที่รักเราไง”





    แบคฮยอนเสมองไปทางอื่น ผมหันกลับมาแล้วมองผีเสื้อสองตัวที่กำลังบินเกี้ยวพาราสีกัน มองบินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ จนลับหายไปกับแสงแดด ผมหันไปมองแบคฮยอนซึ่งยามนี้กำลังล่องลอยกับความคิดไปแสนไกลแล้ว
















    แล้วฉันจะมีโอกาสได้ไปอยู่ในความทรงจำของแบคฮยอนหรือเปล่า?


    [Chanyeol]

     

    ปลดบล็อกตัวอักษรแล้วนะ เห็นใจคนบ้านไม่มีเน็ตอย่างเรา

    ใครที่รู้ว่าทำให้คนส่วนมากเดือดร้อนก็เลิกซะ

    เดี๋ยวจะรีบๆอัพนะ เก็บตังค์กันด้วย จะเปิดจองจริงๆแล้วรับรองคุ้ม

     

    มีน้องรีดเดอร์อยากเล่นบอทฟิคอ่ะ คือที่แรกไม่ได้อยากให้เล่น

    เพราะกลัวไม่มีคนคุยกับน้อง แต่พอลองมาคิดดูดีๆแล้ว

    ก็แล้วแต่ แต่อยากให้น้องคิดให้ดีๆ 555555

    แต่ถ้าวันหนึ่งน้องปิดแอคนี่คือโคตรเจ็บเลย T^T

     

    #ficThatWolf

    @SuperJONGin

    Ha .ha
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×