ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 10 :: ออกล่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.8K
      12
      2 ส.ค. 56

    CHAPTER 10 :: ออกล่า

     

    1992.09.01

     

    [chen]

              ผมนั่งขดอยู่ใต้โต๊ะเป็นเวลาเนิ่นนาน จุนมยอนที่น่ารำคาญนั่นก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน แต่ก็ช่างเขาสิ เวลาอย่างนี้ใครจะมามัวห่วงคนอื่นกัน

              ชานยอลเดินเข้าไปในครัว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร และนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆอากาศข้างในบ้านเริ่มเย็นเฉียบจนผมแทบนึกภาพบรรยากาศนอกบ้านไม่ถูกเลย

    กรรรซ์ซ์


    ผมสะดุ้งกับเสียงที่คิดไปเอง ผมกวาดสายตาไปรอบๆห้องแล้วขดตัวแน่นกว่าเดิม ตัวผมสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจและเผลอกลั้นหายใจอัตโนมัติ ไม่หรอก เสียงนั่นมันเป็นเพียงความคิดของผมเท่านั้นแหละ ต้องโทษครูแทยอนที่พาพวกเรามาลำบากและทำให้ผมต้องเป็นอย่างนี้

    กลิ่นสาบของอะไรบางอย่างที่น่าขยะแขยงและน่ารังเกียจโชยมาใกล้ผม ผมขดตัวให้เล็กกว่าเดิมถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นแค่อุปาทานของผมก็ตาม แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับความจริง ร่างใหญ่โตของมันก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะที่ผมซ่อนตัวอยู่ แค่เสียงลมหายใจของมันก็ทำผมใจหล่นวูบ ผมต้องรอดสิ มันมองไม่เห็นผมหรอก ผมซ่อนจนมิดชิดขนาดนี้ ยังไงซะไอ้หมาตาเซ่อนี่ก็มองไม่เห็นผมหรอก

    เสียงวิ่งของจุนมยอนดังลงมาจากบันไดชั้นบนทำให้ผมตกใจ ถ้าโผล่มาตอนนี้หมาป่าฆ่าแกแน่ ไอ้โง่เอ๊ย! ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้นะ ไอ้โง่จุนมยอนเอ๊ย

    เท้าปุกปุยของมันมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่ผมซ่อนอยู่ ทำไมมันถึงไม่สนใจจุนมยอนที่ยืนอยู่ตรงบันไดเลยล่ะ? แล้วทำไมมันถึงหาผมเจอ?



    “จงแด...”



    จุนมยอนเรียกชื่อผมเบาๆ แต่ถ้าเขาจะเปลี่ยนจากเรียกชื่อมาเป็นลากไอ้หมาเวรนี่ออกไปจากผมตอนนี้มันจะดีมากเลย จมูกชื้นของมันดมฟุดฟิดอยู่แถวใต้โต๊ะ สักพักใบหน้าที่แสนจะน่ารังเกียจของมันก็โผล่ออกมาทำผมอยากจะร้องไห้เอาเสียดื้อๆ ตาสีทองของมันจ้องลึกเข้ามาในตาผมจนผมได้รู้สึกถึงคำว่า สติหลุด มันคาบเสื้อผมแล้วลากผมออกมากลางห้อง จุนมยอนได้แต่ครวญครางชื่อผมแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

    ไอ้หมาป่าเวรนั่นมันดมตัวผม แล้วมันก็มาหยุดอยู่ที่ตาของผม มันจ้องตาผม ผมรู้สึกเหมือนเสียงรอบข้างหายไป ร่างกายผมเป็นอัมพาตชั่วขณะและภาพที่ผมไม่อยากจดจำก็ปรากฏขึ้นมาเป็นฉากๆ

     


     

    ภาพผมเรียนได้ที่ 1 ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลายปี 1 หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยได้ตำแหน่งนั้นอีกเลย และคนที่ได้ตำแหน่งนั้นก็คือจุนมยอน

     


     

    ภาพผมโดนรังแกจากเด็กนักเรียนโรงเรียนอื่นตอนปี 2 แต่ก็มีจุนมยอนมาช่วยไว้ ถึงแม้เขาเองจะโดนกระทืบซ้ำซะจนเละไม่เป็นท่าแต่เขาก็ยังยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร

     

     

    ภาพวันสมัครประธานนักเรียน เพื่อนๆในห้องต่างก็โหวตให้จุนมยอนเป็นตัวแทนลงสมัคร แต่จุนมยอนกลับเสนอผม แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเลือกผมเลยนอกจากเขา...

     

     

    ภาพที่มีรุ่นน้องมากมายขอถ่ายรูปในวันแห่งความภาคภูมิใจของนักเรียนเรียนดี แต่ก็ไม่มีใครมาขอถ่ายรูปกับผมเลย ทั้งๆที่ผมได้อันดับ 1 ร่วมกับจุนมยอน

     

     

    เหมือนร่างของผมกระตุกและผมก็สะดุ้งลืมตาตื่นจากฝันร้าย ความรู้สึกเหมือนมีคนโยนผมลงน้ำ และผมก็ได้สบตากับไอ้หมานั่นอีกครั้ง...



    “ชีวิตแกน่าสนใจดีนะ...”



    เสียงก้องมาในความคิด ผมเผลอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาพนมมือ ปากพูดอะไรออกไปบ้างก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ตัวผมสั่นเทิ้มไปหมด




    “ยิ่งนายทำอย่างนี้มันยิ่งดู...น่าสมเพช



    มันถอยหลังไปแล้วแยกเขี้ยวขู่ แต่ยังไม่ทันที่มันจะกระโจนเข้ามาทำอะไรผม เสียงกระหน่ำฟาดของจุนมยอนก็ดังไม่ยั้ง แล้วมันก็ได้ผล ให้ตายสิ ทำไมพึ่งคิดได้นะจุนมยอน ถ้านายทำอย่างนี้ตั้งแต่แรก ฉันก็คงไม่ได้เห็นภาพที่เจ็บปวดหรอก! ให้ตายสิ โง่ชะมัด

    ผมถอยหลังออกมาและวิ่งไปที่หน้าต่างและปีนขึ้นไป แต่แรงกระชากจากด้านหลังทำให้ผมยังไม่ทันได้หนีออกไป






    พลั่ก!



    ร่างของผมถูกเหวี่ยงเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง อย่างน้อยต้องมีซี่โครงซักสองซี่หักแน่ๆ ผมนอนบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด เหมือนมีคนเอาผมไปโยนใส่หินสิบรอบอย่างนั้นแหละ เสียงร้องอุทานของจุนมยอนดังขึ้นจนผมชักหนวกหู ผมลืมตาขึ้นมองจุนมยอนพยายามเอาไม้กวาดฟาดมัน แต่จุนมยอนก็โดนทุ่มลงพื้นเช่นกัน


    หลังจากที่มันทุ่มจุนมยอนจุนลุกไม่ไหวมันก็เบี่ยงสายตามาที่ผมแทน ผมพยายามเลื้อยตัวหนี แต่มันก็กระชากผมขึ้นลอยกลางอากาศ



    “ยะ...อย่าฆ่าฉันเลยนะ ถ้าจะฆ่าก็ไปฆ่าไอ้นั่นดีกว่า ชีวิตฉันยังมีค่าอีกเยอะ ประเทศชาติยังต้องการคนอย่างฉัน”



    ไอ้หมาป่ามองสลับระหว่างผมกับจุนมยอน ผมเลื่อนสายตาไปยังจุนมยอน เขามองผมด้วยสายตาผิดหวัง น้ำตาลูกผู้ชายไหลเป็นสาย แต่ผมคิดว่าเขาฉลาดพอที่จะเข้าใจที่ผมพูด








    เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ย...




    จุนมยอนพูดขึ้นมาทั้งน้ำตา ผมมองจุนมยอนที่ตอนนี้กำลังร้องไห้อย่างน่าสมเพช เหมือนเด็กปัญญาอ่อนที่จะถูกทิ้ง...



    กรรรรซ์ซ์




    จู่ๆไอ้หมานั่นก็ขู่จุนมยอน เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมที่หน้าอก สายตาผิดหวังจากจุนมยอนทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่เดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว เขาคงจะเข้าใจและยกโทษให้ผมเอง....





    กรรรรซ์ซ์ซ์




    มันขู่อีกรอบ ก่อนที่ร่างใหญ่เก้งก้างของมันจะกระโจนเข้าใส่จุนมยอน แต่จู่ๆมันก็หยุดชะงักแล้วถอยออกมา มันหันและวิ่งมาที่ผมอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดก่อขึ้นที่หน้า ความแสบของแผลที่ถูกอากาศ กลิ่นเลือด ความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้



    ผมล้มลงกับพื้น...เจ็บ เจ็บเหลือเกิน สติดับวูบลง เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงเรียกของจุนมยอน....



    [Chen]

     

    ***

     

     

    [Baekhyun]

    ผมนั่งมองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหลังคา ฝนหยุดตกแล้ว และตอนนี้เรากำลังเคลื่อนย้ายศพจงแด มีคนตายในทุกๆวัน...มันเป็นเรื่องที่ผมควรชินหรือเปล่านะ?



    ทุกคนดูเซื่องซึมไปหมด ไม่มีใครแม้แต่จะยิ้มออกมา ชานยอลเองก็นั่งเงียบ เพราะตอนที่เกิดเรื่องเขาหลับไปซึ่งเขาเป็นคนที่หลับสนิทมาก แม้จะเสียงดังแค่ไหนเขาก็นอนได้ จุนมยอนนั่งซึมอยู่ข้างๆศพจงแด เขาถูกถลกหนังบริเวณต้นคอไปจนถึงหน้าผากเผยให้เห็นกะโหลกสีขาวและเนื้อสีชมพูที่ติดอยู่เล็กน้อย ผมรู้สึกพะอืดพะอมและไม่อยากจะเข้าใกล้ศพไหนๆอีกแล้ว




    เลย์เอาแต่โทษตัวเอง เขาพูดมาเกือบจะยี่สิบรอบแล้วว่าเขาเป็นคนคิดแผนบ้าๆนี่ขึ้นมา ชานยอลเองก็คิดว่าถ้าเขาไม่นอนหลับก็คงลุกขึ้นมาเปิดประตูได้และจะไม่มีใครตาย แต่จุนมยอนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมดกลับไม่ได้พูดอะไร





    เราใช้ผ้าปูเตียงห่อศพจงแดออกมาฝังพื้นที่ถัดมาจากจื่อเทาและเซฮุน ตอนนี้ยังไม่สว่าง และค่ำคืนนี้ยังคงอีกยาวไกล เราหาก้อนหินและท่อนไม้มาทำสัญลักษณ์ว่าหลุมไหนเป็นศพใคร เวลานี้ไอ้หมานั่นคงไม่ย้อนกลับมาอีกรอบ





    ผมเดินเข้าไปเก็บไม้รูปร่างแปลกๆกับเลย์และเมื่อกลับออกมาอีกครั้ง ผมก็รุ้สึกสะเทือนใจไม่น้อย ดอกไม้ดอกเล็กสีขาวถูกปักรอบหลุมศพจงแด มันเป็นดอกเดฟโฟดิล จุนมยอนที่นั่งอยู่ข้างๆหลุมศพก้มหน้าอยู่กับกำดอกไม้ในมือ ไหล่เขาโยกไหวไปมา เสียงสะอื้นของเขาดังกลบเสียงคลื่นที่กระทบเข้าฝั่งเสียอีก




    ผมกับเลย์มองหน้ากันและรู้ว่าไม่ควรจะปลอบหรือพูดอะไรกับจุนมยอนทั้งสิ้น ชานยอลแบกหินรูปร่างค่อนข้างจะแบนมาสามก้อน เขาใช้เปลือกหอยขีดบนหินเป็นชื่อ แล้วปักลงที่หัวหลุม กว่าที่จะทำทุกอย่างเสร็จก็เกือบๆตีสองพอดี




    เราเดินเข้าไปหาร่องรอยของไอ้หมาป่าตัวนั้น มันหนีออกไปทางหน้าต่างหลังบ้าน รอยเท้าของมันเปลี่ยนจากเท้าหมาเป็นเท้าคน แล้วรอยเท้าก็หายไปเพราะข้างหน้าเป็นแม่น้ำพอดี เรากลับมาที่บ้านพักอีกครั้ง แต่ตอนเรากลับมามีผลไม้งอกตามทาง เราก็เลยเก็บมันมาด้วย ตอนนี้เราชินแล้วกับการอดอาหารในบ้างมื้อ




    เราทำความสะอาดบ้านและได้รู้และเข้าใจแล้วว่าการล็อกบ้านนั้นไม่ได้ช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นเลย จุนมยอนหยิบไดอารี่ขึ้นมา เขาพลิกกระดาษหน้าสุดท้ายก่อนจะวาดอะไรลงไป ผมนั่งอยู่ห่างกับเขาพอสมควร เขานั่งวาดมันอยู่นานแต่พอเห็นผมนั่งมองอยู่เขาก็ปิดไดอารี่และขึ้นไปข้างบนทันที




    เลย์นั่งมองช้อนที่ฝนจนแหลมนั้นนิ่ง เขาพลิกมันในมือไปมาราวกับว่าจะหาอะไรบางอย่างบนด้ามช้อน






    “สงสัยใช่มั้ยว่าฉันมองอะไร?”

    เลย์พูดขึ้นตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าผมมองเขาอยู่




    “ใช่ แล้วนายพอจะบอกฉันได้มั้ยว่านายมองมันทำไม?”

    เลย์หัวเราะเบาๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ช้อนนั่น




    “นายไม่ได้สังเกตหรือไง ตอนที่ไอ้หมาป่านั่นเห็นช้อนนี่...มันกลัวจนหู่ลู่เลย”

    ผมพยายามนึกถึงเมื่อคืน แต่ผมก็นึกไม่ออก แต่ถ้าเลย์พูดอย่างนั้นก็คงใช่ เขาลูบมันอีกครั้งก่อนจะวางมันลงบนผ้าแล้วเช็ดไปมา




    “สนใจมีไว้ใช้สักอันมั้ยล่ะ?”





    ผมหัวเราะกับมุกฝืดๆของเขา เราเคร่งเครียดกันมากเกินไปแล้วนะ ตอนนี้เราควรเลิกเครียดแล้วหันมาตั้งสติรับความจริงกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ได้แล้ว!




    “แบคฮยอนนี่ดูนั่นสิ”





    ชานยอลวิ่งลงมาจากชั้นบน เขาชี้ไปที่ชายหาด ผมกับเลย์ลุกขึ้นแล้วโฟกัสสายตาไปที่ที่ชานยอลชี้ ร่างหนึ่งตะเกียกตะกายอยู่บนทรายที่ร้อนฉ่าจากแสงอาทิตย์




    “เฮ๊ย! รีบไปช่วยเร็ว”




    เลย์รีบวิ่งออกไปเป็นคนแรก ผมและชานยอลวิ่งตามออกไป ส่วนจุนมยอนนั้นยังคงนั่งเงียบอยู่ในห้อง เมื่อไปถึงร่างที่ใกล้หมดแรงนั่น เลย์ก็พลิกตัวเขาเบาๆ หน้าของเขาดูอิดโรย บาดแผลตามตัวและหน้าเยอะแยะไปหมด แก้มแห้งตอบ ริมฝีปากขาดสี....





    มันไม่เหมาะกับลู่หานเอาเสียเลย...





    “ลู่หานนี่!

    เลย์เผลอวางเขาลงกับพื้นแรงๆ ลู่หานที่หมดแรงไปแล้วหลับตาแน่น คล้ายเขาจะรู้สึกเจ็บ ผมมองเลย์ด้วยสายตาตำหนิ




    “อย่าช่วยเขานะ!




    เลย์กระชากแขนผมเมื่อผมกำลังช้อนตัวลู่หานขึ้นมา ผมปล่อยลู่หานตกลงกับพื้นอีกครั้ง คราวนี้เขาร้องออกมา ชานยอลรีบเข้าไปดูเขา






    “เขาเป็นเพื่อนเรานะ!

    “แต่ฉันสงสัยเขา! ถ้าเขาเป็นหมาป่าจริงๆล่ะจะทำยังไง?!





    เลย์ตะโกนใส่ผม เขาดูเอาเรื่องพอควร ลู่หานส่งเสียงครางดูเหมือนเขาจะเข้าใจที่เราพูดกัน  เพียงแต่เขาไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมาโต้ตอบอะไรได้




    “นายรู้มั้ยถ้าลู่หานพูดได้เขาคงโกรธและว่านายไปแล้วที่นายไประแวงเขาอย่างนั้น อีกอย่างหมาป่าคือมินซอกไม่ใช่ลู่หาน!








    แล้วนายจะต้องเสียใจ...







    เลย์มองหน้าผม เขาถอยหลังและยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัว


    “เอาเลย อยากทำอะไรก็ตามสบายเลย”


    ใบหน้าท้าทายของเลย์ทำผมอยากชกเขาสักหมัด เราดูเข้ากันดี แต่เมื่อมีเรื่อง ความคิดเห็นนี่แหละที่ไม่เคยตรงกันเลย ผมพยักหน้ารับคำท้าของเขา แล้วนั่งลงช้อนตัวลู่หานขึ้นมาผมและชานยอลช่วยกันพยุงเขา พอผมหันมาอีกทีเลย์ก็หายไปแล้ว




    “เลย์หายไปไหนอ่ะ?”

    “ช่างเขาเถอะ”


    ผมพยุงลู่หานกับชานยอลมาจนถึงหน้าประตูบ้านพัก เลย์เดินสวนออกมา ในมือของเขาถือกระเป๋าใบหนึ่ง เขาสบตาผมชั่วครู่ก่อนจะพูดสั่งลา








    ฉันจะไม่อยู่เป็นเป้านิ่งให้มันขย้ำเล่นหรอก




    เยี่ยม! เป็นคำสั่งลาที่ซึ้งที่สุดในรอบปีเลยล่ะ พูดจบเลย์ก็เดินเข้าป่าไป ให้ตายสิ เขาเป็นคนอย่างนี้เองหรอกเหรอ


    ผมวางลู่หานลงบนโซฟาอย่างเบามือ และในหัวก็สงสัยว่าทำไมลู่หานถึงกลับมาที่นี่ได้ แล้วคริสล่ะ? หรือคริสจะโดนฆ่าไปแล้ว?


    ชานยอลไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ลู่หาน ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลู่หานผมก็พบว่าแผลเต็มตัวเขาไปหมด เขาต้องลำบากมากแน่ๆตอนอยู่ในป่า หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็ปล่อยให้เขานอนพัก




    ผมเองก็เผลองีบไปพักใหญ่และพอตื่นขึ้นมาเสียงของจุนมยอนก็ดังไปทั่วห้อง

    “บอกมามินซอกอยู่ที่ไหน?!

    “ฉะ...ฉันไม่รู้ โอ๊ย!

    เสียงทุบดังไปมา ผมขยี้ตาและสวมแว่น จุนมยอนกำลังใช้หมอนตีลู่หานที่นั่งขดตัวอยู่กับพื้น เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นป้องกันตัวเองจากจุนมยอน







    “บอกมา!

    “ขอร้องล่ะ ฉันเจ็บ”

    จุนมยอนยังคงตีลู่หานไม่หยุด ทันทีที่ผมตั้งสติได้ ผมก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวจุนมยอนออกมาทันที จุนมยอนดิ้นไปมาเพื่อให้หลุด เขาพูดประโยคเดิมไปมา ผมปล่อยเขาลงกับพื้น จุนมยอนไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก เขานอนแนบกับพื้นแล้วปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาด้วยความอ่อนแอ




    ผมหันกลับมาหาลู่หาน เขาขดตัวอยู่กับพื้นสายตามองจุนมยอนด้วยความหวาดกลัว เมื่อผมเข้าไปใกล้เขากลับขยับหนี



    “ลู่หาน เราเป็นเพื่อนกันนะ...ฉันแบคฮยอนไง”

    “ฉัน...นายจะไม่ฆ่าฉันใช่มั้ย?”





    ลู่หานมองผมด้วยสายตาหวาดระแวง เขาขยับหนีไปเรื่อยๆเมื่อผมพยายามเข้าใกล้ ผมนั่งย่อตัวลงแล้วยิ้มให้เขา






    “ไม่หรอก ฉันไม่ฆ่านายหรอก จะไม่ทำแม้แต่จับนายแรงๆด้วยซ้ำ”





    ลู่หานมองอย่างชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้า ผมเอื้อมมือเข้าไปแตะแผลบนหน้าผากเขา เขาหดคอกลับนิดนึง ก่อนจะปล่อยตัวตามสบายเมื่อผมยิ้มให้เขา





    ผมหาข้าวในครัวให้เขากิน ชานยอลพยายามเอาผักที่มีทั้งหมดมาประยุกต์เป็นอาหารแต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายเราก็เจอผงทำซุปแพ็คใหญ่หลายแพ็ค เราต้มมันในกระติกน้ำร้อนเนื่องจากไม่มีเตาแล้วละลายผงซุปลงไป เวลานี้อะไรก็อร่อยทั้งนั้น




    ผมและชานยอลทำแผลให้ลู่หานอีกครั้งหลังจากเขาได้อาบน้ำ จุนมยอนยังคงถามหามินซอกจากลู่หาน เขาคงอยากฆ่ามินซอกมาก และผมคิดว่าเขาเริ่มมีอาการเหมือนคยองซู...






    คยองซู






    ผมสะบัดหัวไล่ความคิด ลู่หานนอนหลับไปอีกครั้ง เขาดูบอบบางมากเมื่อเทียบกับชานยอลที่นั่งข้างๆ ตากลมๆกลิ้งหลุกหลิกไปมาตลอดเวลา ปากที่ไม่เคยหุบยิ้มนั่นทำให้ผมตลกทุกครั้งที่เห็นหน้ายาวๆกับหูกางๆของคนๆนี้ ชานยอลดูเป็นไอ้โข่งขึ้นมาทันทีเมื่อลู่หานอยู่ใกล้เขา




    ลู่หานตื่นขึ้นมาแล้ว เขานั่งจมอยู่บนเตียง ผมพาเขามานอนห้องของมินซอกและคยองซู เขาเอาแต่นั่งจ้องกำแพงตลอดเวลา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่





    “นายพอจะบอกได้มั้ยว่านายไปอยู่ไหนมา แล้วมาที่นี่ได้ยังไง?”

    ลู่หานเบะปาก เขาแสดงสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวด มือของเขาลูบที่ใบหน้าไปมา






    “ฉันหนีไปกับคริส เขาเป็นคนพาฉันไป ฉันหมดสติแทบจะตลอดเวลาเลย ฉันเองก็หลับๆตื่นๆ ตอนเช้าอยู่อีกที่ตอนเย็นตื่นขึ้นมากลับอยู่อีกที่แล้วมันก็เป็นอย่างนี้ตลอด...”






    ลู่หานเล่าจนลืมหายใจ แววตาของเขาเลื่อนลอย ผมนั่งฟังเงียบๆ ชานยอลเองก็เงียบผิดปกติเช่นกัน





    “จนวันก่อนจู่ๆคริสก็หายไป แล้วฉันก็โดนมันทำร้าย”





    “หมาป่าน่ะเหรอ?”

    ชานยอลถามออกไป เขาทำหน้าอยากรู้เกินเหตุไปแล้ว ผมส่งสายตาปรามชานยอล เขาหลุบตาลงใบหน้าฉายแววรู้สึกผิด





    “ใช่ มันจับฉันเหวี่ยง แต่โชคดีคริสกลับมาทัน แต่ทุกครั้งที่มันมาทำร้ายฉันมันจะมาตอนที่คริสไม่อยู่ฉันจึงอยู่คนเดียวไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันจะกลัวคริสพอควรเลยล่ะ”






    ผมมองลู่หานเขม็ง...






    “นายรู้หรือเปล่าว่าเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร?”

    ลู่หานส่ายหน้า แต่ผมได้ยินเขาพึมพำว่าหมาป่าอะไรสักอย่าง






    “ฉันไม่รู้หรอกว่านายเข้าใจถูกหรือเปล่า แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่ามันน่ากลัวมากจริงๆ”

    ลู่หานพยักหน้า แต่เขาก็ยังดูไม่พร้อมที่จะฟังเท่าไหร่





    “มันไม่ใช่แค่หมาป่าธรรมดานะ แต่มันเป็นมนุษย์หมาป่า




    ลู่หานเบิกตาโพลง ดูเขาก็จะตกใจไม่น้อย เขาถามถึงเรื่องที่เราเจอมา สักพักก็ขอตัวนอน ผมกับชานยอลนั่งเฝ้าลู่หาน จนเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เราคุยกันว่าจะเอายังไงต่อดี






    “โอ๊ะ! นั่นตู้อะไร ทำไมต้องใช้ลวดมัดไว้ล่ะ?”

    ลู่หานชี้ไปที่ตู้ตัวนั้น ผมและชานยอลมองตามเขา ลู่หานลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าไปเปิดตู้นั่นด้วยความอยากรู้ ผมและชานยอลไม่มีใครห้ามเพราะว่าเราเองก็อยากรู้เช่นกัน ทันทีที่ประตูตู้เปิดออก ผมและชานยอลก็แทบร้องลั่นบ้าน ลู่หานเองก็ทรุดตัวลงนั่งกับภาพตรงหน้า...



    ร่างบอบบางขดตัวเหมือนทารกอยู่ในตู้ ผิวหนังเหี่ยวย่นสีน้ำตาล ดวงตาลึกโบ๋นั้นกลวงคล้ายไม่มีอะไรอยู่เลย แก้มตอบลึก ริมฝีปากที่หดขึ้นเผยให้เห็นฟันทุกซี่...




    ผมร้องไห้จนตัวโยนและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตัวของผมเย็นวูบ มือซีดตัวซีดจนเป็นสีเหลือง ผมล้มลงและร้องไห้จนหลับไป...

     

    ***

     

    คยองซูถูกฝังไว้ข้างๆจงแดอีกหนึ่งคน ผมตามไปเก็บดอกไม้แบบที่จุนมยอนใช้ปักให้จงแดมาหอบใหญ่ มันถูกปักลงไปรอบๆหลุมฝังศพด้วยฝีมือห่วยๆของผม คนห่วยๆอย่างผม คนที่ปล่อยให้เพื่อนถูกขังลืมอย่างผม...




    ไม่มีใครพูดอะไรกับผมอีกเลย ผมนั่งจมจ่อมอยู่กับหลุมศพคยองซูจนบ่ายกว่าๆผมก็กลับเข้าบ้าน กล้ำกลืนความแค้นและความเจ็บปวดที่มีไว้ในใจ...ถ้าเพียงแต่วันนั้นผมกล้าเปิดตู้คยองซูก็จะไม่ตายและเราก็จะได้รู้ว่าใครเป็นหมาป่า เราอาจจะฆ่าเขาได้ตั้งแต่ตอนนั้นและทุกอย่างจะจบ




    ลู่หานนั่งส่องกระจกอยู่ในห้อง เขาใช้มือลูบแผลไปมา แววตาของเขาดูเจ็บปวดจนผมรู้สึกสงสารจับใจ จู่ๆน้ำตาก็ไหลลงมาจากตากลมโตของเขา










    อย่ามองฉันตอนนี้นะ ...อย่ามอง





    เสียงแผ่วของลู่หานดังขึ้นกลบเสียงร้องของตัวเขาเอง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆลู่หาน ลู่หานร้องไห้หนักกว่าเดิม...คนที่เหมือนเทพบุตรผู้น่าเกรงขามหายไปแล้ว





    “อย่ามองฉันนะแบคฮยอน ขอร้องล่ะ”




    ลู่หานร้องไห้เสียงดังอย่างหยุดตัวเองไม่ได้ ผมนั่งเงียบๆอยู่ข้างๆเขา ลู่หานพูดอะไรออกมาเยอะแยะจนผมจับใจความไม่ได้เพราะเขาพูดเป็นภาษาจีน





    “เลย์เขาเข้าใจผิดไปแล้วใช่มั้ย? เขาคิดว่าฉันเป็นมันทั้งๆที่ฉันไม่ใช่ เขาคงเกลียดฉันไปแล้ว ถ้าเขาเจอฉันเขาต้องฆ่าฉันแน่”




    ผมกุมมือลู่หานไว้ แล้วเขาก็หยุดสะอึกสะอื้น

    “ฉันรู้นะว่ามันเป็นใครน่ะ ฉันเห็นฉันก็รู้ทันทีเลย”






    ผมพยักหน้าเพื่อรับฟังคำบอกเล่าของลู่หาน เขาพยายามหยุดเสียงร้องแล้วพูดออกมา








    มินซอกเป็นคนที่ทำร้ายฉัน...



    ผมเผลอสบถคำด่าออกมา เป็นมินซอกจริงๆด้วย ผมกะไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเขา! มินซอกเป็นคนเปิดเผยตัวเขาเอง แสดงว่าเขาจะต้องมั่นใจแล้วแน่ๆว่าจะต้องฆ่าพวกเราได้ ลู่หานเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องใส่ร้ายมินซอกด้วย ผมกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

    “แต่เราจะแน่ใจได้ยังไงว่ามีหมาป่ามีตัวเดียว?”

    ผมมองลู่หานที่นั่งซึมอยู่บนเตียง เขาจ้องมองกำแพงห้องเขม็ง ผมเดินออกมาแล้วปิดประตูห้อง ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างที่ลู่หานเล่าประกอบกับสิ่งที่ผมได้เจอ มินซอกเป็นหมาป่านั่นแหละถูกแล้ว แต่ถ้ามาคิดแจกแจงให้ดีอีกที คริสเองก็น่าสงสัยเหมือนกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่ฆ่าลู่หานทิ้งเสีย เขาจะเก็บลู่หานไว้ทำไม?




    จุนมยอนออกไปเปลี่ยนดอกไม้ที่หลุมศพจงแดอีกครั้งตอนบ่ายสอง ฝนเริ่มตั้งเค้ามาอีก ผมจึงไปตามจุนมยอนกลับเข้ามาในบ้าน เมื่อลู่หานเดินด้วยตัวเองได้สะดวกแล้วเขาก็เดินลงมาข้างล่าง เรานั่งรวมอยู่ในห้องนั่งเล่นจนเย็น แล้วความมืดก็มาเยือน...




    “ไม่มีใครคิดจะตามหาเราเลยหรือไง?”




    จุนมยอนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ และผมเองก็กำลังจะหลับอยู่แล้วเชียว ทุกคนเห็นด้วยกับข้อสงสัยของจุนมยอน นั่นสินะ ความจริงควรจะมีคนสงสัยเรื่องการหายเงียบของพวกเราได้แล้ว!

    “นายว่าเราควรทำยังไงกับมินซอกเหรอ?”




    ฆ่าเขาซะ! ’

    จุนมยอนพูดขึ้นมาทันทีที่ลู่หานตั้งคำถาม จุนมยอนนั่งขมวดคิ้ว เขาดูมีสติขึ้นพอควรแล้ว







    “ถึงกับต้องฆ่าเลยเหรอ...”

    ลู่หานพูดขึ้นเบาๆกับตัวเอง จุนมยอนกำหมัดแน่น เขาคงจะแค้นมากซึ่งก็ไม่ต่างไปจากผม ชานยอลนั่งสายตาลอกแลกไปมา เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่สูญเสียคนสนิท





    “ถ้าต้องฆ่า เราจะฆ่าเขาได้ด้วยวิธีไหน?”

    จุนมยอนถามขึ้น ผมนิ่งคิดถึงเรื่องที่ผมกับเลย์คุยกันเรื่องโลหะหรือเงิน ถ้าเราใช้วิธีเดียวกับเลย์ อาจจะได้ผลก็ได้




    “เราจะใช้ของแหลมที่ทำจากโลหะหรือเงินแทงมัน แต่ปัญหาคือตอนนี้เราไม่มีมีดเลย”

    “แล้วเราจะใช้อะไรล่ะ?”

    ชานยอลพูดขัดขึ้น ผมจะหงุดหงิดก็เพราะเขานี่แหละ






    “เลย์ใช้ด้ามช้อน เจาเอามันมาฝนจนแหลม เราจะต้องทำบ้าง”

    “แล้วมีดหายไปไหน?” จุนมยอนถามขึ้น

    “มีคนเอามีดออกไป ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร...”







    “มินซอกแน่ๆเลย...”

    ลู่หานพูดพึมพำกับตัวเอง แต่ทุกคนก็ได้ยินมันชัดเจน ผมเข้าไปเลือกช้อนในครัวมาฝนกับชานยอลสองคน มันดูยากและไม่ค่อยคมเท่าไหร่ มันเป็นปลายมนแทน สุดท้ายจุนมยอนก็เป็นคนเอาช้อนไปถูแทน ช้อนกลับคมและแหลมขึ้นมา จากนั้นเราก็นั่งรอแค่เวลา...





    “ฉันว่าทำไมเราไม่ออกไปล่าเขาล่ะ รออย่างนี้ถ้าเขาไม่มาล่ะ?”






    เราต่างก็เห็นด้วยกับความคิดของจุนมยอนที่ดูจะนั่งไม่ติดแล้ว เราหยิบอาวุธประหลาดนั่นคนล่ะอัน มันดูเป็นอะไรที่บ้าระห่ำมากที่ทำอะไรอย่างนี้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เรานั่นแหละจะตาย





    เราเดินเข้ามาในป่าโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวอะไรเลยนอกจากพยายามตั้งสติให้แน่วแน่





    “แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเขาจะอยู่ตรงไหน?”





    ชานยอลพูดขึ้นตอนที่กำลังระวังหลังให้เรา นั่นสอ แล้วเราจะไปรู้ได้ไงว่ามินซอกอยู่ตรงไหน





    “ไม่รู้เหมือนกัน”




    ทุกคนส่งเสียงไม่พอใจกับคำตอบของผม เราจึงตัดสินใจกลับไปรอที่ชายหาดแทน เรานั่งอยู่ที่ชายหาดจนฟ้ามืดอีกครั้งก็มีร่างหนึ่งโผล่มา เขาเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าและหยุดอยู่ไกลพอสมควร









    “นั่นใช่เขาหรือเปล่าน่ะ?”






    ชานยอลชี้ไปที่เงาของร่างนั่น ทุกคนรีบลุกขึ้นยืน ผมกระชับช้อนในมือแน่นแล้วหันมองที่ทุกคน ผมพยักหน้าเป็นเชิงให้ทุกคนพร้อม แต่จุนมยอนไม่ได้ฟังผม เขาวิ่งตรงไปที่เงาของร่างปริศนานั่นที่เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่มินซอกหรือไม่







    “จุนมยอนกลับมานะ!




    ผมตะโกนเรียกเขาแต่มันไม่ทันแล้ว จุนมยอนวิ่งเข้าไปเร็วกว่าเดิม เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังขึ้นตามทิศของลม ร่างนั่นก้าวถอยหลังสองสามก้าวแล้วยกมือขึ้นสองข้าง เขาทำสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง...นิ้วโป้งกับนิ้วกลางและนิ้วนางแตะกัน มีเพียงนิ้วชี้กับนิ้วก้อยที่ชูขึ้น มุมปากแสยะยิ้มก่อนจะถอยหลังแล้ววิ่งหายเข้าไปในป่าอีกครั้ง..





    “ตามไป!




    ผมตะโกนลั่นเมื่อรู้ว่าเป็นมินซอกแน่ๆ ผมรู้ว่ามันบ้าบอที่ทำแบบนี้ แต่เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมวิ่งตามหลังเขาไป เหตุการณ์เหมือนเดจาวู จู่ๆภาพที่ผมวิ่งตามเขาวันนั้นก็ซ้อนขึ้นมา




     ผมเสียหลักสะดุดก้อนหินก้อนใหญ่ล้มลง

    “วิ่งต่อไป ไปทางซ้าย!

    ผมตะโกนบอกชานยอลและลู่หานที่ทำท่าจะหยุดวิ่งและช่วยผม ส่วนจุนมยอนแยกไปอีกทางหนึ่ง ชานยอลลังเลก่อนกระชากแขนลู่หานแล้ววิ่งต่อ ผมพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นโคลนตมจากการที่ฝนตก ก้อนหินบาดข้อเท้าผมเป็นรอยยาว เลือดไหลออกมาเรื่อยๆจนผมอยากจะอ้วก ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน ฝนตกลงมาเบาๆแต่ก็ทำให้เปียกได้ มันล้างเลือดผมไปเรื่อยๆ ความแสบเมื่อน้ำถูกแผลนั้นเจ็บจนผมไม่กล้าก้าวเท้าออกไป





    ผมตัดสินใจพาตัวเองกลับมาที่หาดแล้วดักรอมินซอกอยู่ที่นั่นดีกว่า แต่มันเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมากๆ...เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ก้าวถอยหลังกลับมาแล้วเดินไปตามทางที่จุนมยอนวิ่งตามมินซอกไป





    ผมรู้สึกเหมือนได้กลิ่นคาวเลือดตัวเองจนเวียนหัวไปหมด มือของผมกำช้อนแน่น สายตาเริ่มพร่าเลือน น้ำฝนเย็นผิดปกติ เมื่อก้มลงดูแผลที่ข้อเท้าก็พบว่าเลือดไหลไม่หยุดเลย ผมแข็งใจเดินต่อไปเพื่อช่วยจุนมยอน สักพักก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากข้างหลังผม เมื่อผมหันไปมินซอกก็ยืนอยู่ตรงนั้นหลังพุ่มไม้นั่น!




    หึหึ...



    ผมกระชับช้อนแหลมในมือแน่นแล้วพุ่งหาเขาทันที มินซอกค่อยๆก้าวออกมาจากพุ่มไม้....และผมก็ต้องหยุดชะงักไว้แค่นั้นเพราะจุนมยอนถูกเขาล็อคคอไว้ ผมชักช้อนแหลมกลับ จุนมยอนหลับตาลง เขาสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆคล้ายจะสงบสติ ผมมองเขาด้วยสายตารู้สึกผิดและเขาก็พยักหน้าตอบ...






    “คิดจะทำอะไรกันเหรอ...? คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?”

    มินซอกหัวเราะเยาะ เขากระชับแขนแน่นขึ้นเพราะจุนมยอนดิ้นไปมา ดูก็รู้ว่าเขาหายใจไม่ออก




    “แล้วแกล่ะคิดจะทำอะไร?”

    “ฉันเหรอ? ก็ไม่มีอะไร ก็แค่เล่นสนุก...

    “แล้วใครเขาสนุกกับแก!


    ผมตะโกนออกไป เสียงนกแตกฝูงเมื่อได้ยินเสียงผม มินซอกถอนหายใจเข้าออกแรงขึ้นๆ กล้ามเนื้อของเขากระตุกไปมา ตาของเขามองผมด้วยความโกรธ เสียงครางในลำคอทำผมใจหาย เหมือนเขาจะเปลี่ยนตัวเองอย่างนั้นแหละ!!


    “เอาสิ เปลี่ยนร่างสิ ไอ้หมาสกปรก”


    จุนมยอนพูดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในตัวมินซอก กล้ามเนื้อหน้าของเขากระตุกจนน่ากลัวแต่เขาก็ยังรัดคอจุนมยอนแน่น





    “ไม่หรอก หึหึ”



    แต่มินซอกกลับพูดอย่างใจเย็น เขาลากจุนมยอนลงมาจากเนินหลังพุ่มไม้แล้วเดินเข้ามาใกล้ผม





    “ที่จริงมันยังมีอะไรที่มากกว่านี้เยอะ ธรรมชาติจับตามองเราอยู่นะ จะให้ฉันผลีผลามทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง...”



    มินซอกแสยะยิ้มแต่รอยยิ้มนั้นก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและขมขื่น... จุนมยอนมองมาที่ผม เหมือนเขากำลังจะชักเพราะตาของเขากระตุกและปากก็เบี้ยว แต่สักพักผมก็เข้าใจว่าจุนมยอนกำลังส่งซิกส์ให้ผม ผมมองไปที่มือของเขา เขากำลังนับนิ้วถอยหลังลงเรื่อยๆ...





    ….5




    “รู้อะไรมั้ย...”




    ….4




    “ฉันน่ะ...”






    ….3



    “มีอะ...”







    …2




    “พวกแกจะทำอะไร!?!





    …1

     



     

    จุนมยอนพลิกตัวกลับไปด้านหลัง ส่งแรงให้มินซอกเหวี่ยงตัวมาแทนที่เขา ผมไม่รอช้ารีบใช้อาวุธแหลมในมือปักลงกลางหลังของเขาพอดี




    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นไปทั้งป่า เหล่าฝูงสัตว์หากินกลางคืนพากันแตกฝูงกระจาย หยาดฝนพร้อมใจกันหยุดตก ลมพัดแรงขึ้นและเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามา...




    ลู่หานและชานยอลตามเสียงมา มินซอกที่ถูกผมแทงล้มลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้น เลือดสดสีแดงไหลทะลักลงมาจากบาดแผล เสียงกัดฟันและสาปแช่งด้วยความเคียดแค้นดังขึ้นไม่หยุดจากปากของมินซอก จุนมยอนยิ้มออกมาอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า...















    มาจบชีวิตหมาป่าด้วยกันเถอะ





    [Baekhyun]

     



     

    อีก 4-5 ตอนก็จบแล้ว ;___; เห้อ

    ไม่อยากให้จบเลย ฮือออออ

    แป้งเริ่มตรวจคำผิดตอนเก่าๆแล้วนะคะ เปลี่ยนตัวอักษรด้วย

    อ่านง่ายกว่าเดิม เข้าไปอ่านดูได้นะในตอนเก่าๆ

    ตอนนี้กำลังทำปกกับวาดแฟนอาร์ตอยู่

    รอหน่อยนะคะ T^T เก็บตังค์ไว้ได้เลย 500 ฿

    ***
    หลายคนถามว่าหมาป่าปลอมเป็นคนอื่นได้มั้ย...ใบ้ให้ล่ะกันว่าไม่ได้
    แต่มันมีอะไรที่เหนือชั้นกว่านั้น

    นันอือรือรอง อือรือรอง เด

    หว่อ อือรือรอง อือรือรอง เหว่ย

     

    ขอบคุณน้องคนหนึ่งที่ทำมาให้ หิหิ =w=

     

    ซูด =.,= ชอบอ่ะ

     

    มีคนเมนชั่นมาหาในทวิตแล้วแป้งไม่ได้ตอบก็ขอโทษด้วยนะคะ

    คือบางทีมันก็ไม่ขึ้น T^T ไม่ได้หยิ่งนะ ฮือๆๆ

     

     

    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×