ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #13 : CHAPTER 8 :: เรื่องเข้าใจผิด (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.42K
      20
      14 ก.ค. 56

    CHAPTER 8 :: เรื่องเข้าใจผิด




    1993.05.02



     

    [Baekhyun]


                    กระเจิดกระเจิง...


                   นี่เป็นคำนิยามสำหรับสติของผมในตอนนี้ ร่างขาวซีดของเซฮุนเกร็งและสั่น เขาทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่น เขาเงยหน้าตามกลิ่น เขากำลังดมกลิ่นผม...

                    “เลย์...เลย์”


                    ผมตะโกนออกไปสุดเสียง หวังว่าคนอื่นจะได้ยิน เสียงเท้าย่ำพื้นลงมา มินซอกเป็นคนลงมา เขาดูตกใจไม่น้อย เขาหยุดสตั้นอยู่ที่บันได เซฮุนใช้มือข่วนกับพื้น เขาขู่ผม ผมยาวปรกหน้าเขาทำให้ผมเห็นหน้าเขาไม่ชัด...


                    ผมหันไปมองมินซอก เขาเบิ่งตามองเซฮุนสลับกับมองผม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร มินซอกก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปข้างบน ทิ้งให้ผมอยู่กับเซฮุนแค่ 2 คน อาจจะเป็นคนนะ


                    ผมขว้างกระป๋องในมือใส่เซฮุน เขาเริ่มตัวสั่น หน้าซุกกับพื้น มีเสียงครางขู่ดังออกมาจากลำคอ ผมคว้าของที่อยู่ใกล้มือขว้างใส่เขาอย่างอดไม่ได้ เซฮุนตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ มือจิกลงบนพื้น แขนของเขาดูแปลกๆ ขนแขนเริ่มยาวขึ้นๆทำให้ผมแน่ใจ...


                    เสียงวิ่งตึกตักดังลงมาจากชั้นบน ภายในเวลาไม่กี่นาทีมินซอกและเลย์ก็โผล่มาจากบันได


                    “นั่นใครน่ะ?”

                    เลย์ถามขึ้นทันทีที่เห็น แต่ผมคิดว่าเราควรจะทำอะไรมากกว่าการมาตกใจนะ ทำอะไรสักอย่างเถอะ!!

                    “เขาเป็นอะไร?”


                    เลย์ถามขึ้นด้วยท่าทีเงอะงะ มินซอกจ้องเซฮุนเขม็ง เซฮุนขู่ดังขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ผมตัวชาและก้าวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว เซฮุนหันไปมองเลย์และมินซอก เลย์ดูตกใจมากกับหน้าตาและท่าทางของเซฮุน เขายกโต๊ะวางโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ตัว ขึ้นมาแล้วทุ่มไปที่เซฮุนอย่างแรง


                    เซฮุนร้องด้วยความเจ็บปวด เขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความโกรธ และมันก็ทำให้ผมเห็นตาของเขา....มันเป็นสีขาวโพลน





                    เขาไม่มีตาดำ!!




                    เซฮุนขู่กรรโชกใส่เลยกับมินซอกเสียงดัง เขาเริ่มคลานอย่างรวดเร็วเข้าไปหาเลย์กับมินซอก ทั้งคู่วิ่งแยกออกจากกันทันที





                    มีเสียงวิ่งลงมาข้างล่าง จงแดกับจุนมยอนโผล่ออกมาทีละคน ทั้งคู่หยุดชะงักลงเมื่อได้สบตากับเซฮุน....






                    เซฮุนพยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาทั้งสองข้าง ขนยาวปกคลุมหน้าตาและร่างกายของเขาทำให้ดูแทบไม่ออก



                    “อะไรน่ะ?”



                    จุนมยอนตะโกนถามขึ้นขณะที่เซฮุนกำลังพยายามยืนขึ้น ทำไมถึงไม่มีใครทำอะไรเลยนะ?






                    กรรรรซ์ซ์






                    ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว เซฮุนก็กระโจนใส่ผมที่อยู่ห่างจากเขาไม่ไกลมาก เล็บคมเกี่ยวเสื้อผมขาด ผมล้มลงนอนกับพื้นตามแรงตะครุบของเซฮุน สมองของผมตื้อไปชั่วขณะ รู้แค่ว่ามีใครสักคนกระชากเซฮุนออกไป เหมือนกับอากาศติดลบอย่างเฉียบพลัน ตัวของผมเหมือนถูกแช่แข็ง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือของผมอยู่ตรงไหน ม่านตาของผมไม่ยอมทำงาน




                    เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกดังอยู่ตลอดเวลา ผมได้ยินเสียงใครบางคนเรียก ตัวผมเหมือนจะเขย่าไปมา




                    “แบคฮยอนนี่...แบคฮยอนนี่”




                    ผมสะดุ้งกับเสียงนี้ ม่านตาของผมกลับมาทำงานอีกครั้ง ผมโฟกัสสายตาไปที่ใบหน้าที่โน้มมาดู....ชานยอล ผมทะลึ่งตัวขึ้นมาจากพื้น ด้านซ้ายมือเป็นภาพที่น่ากลัวภาพหนึ่ง....






                    ของเหลวสีขาวปนเทาไหลนองอยู่บนพื้นข้างๆร่างส่วนบนของเซฮุน พรมปูพื้นดูดซับมันเข้าไปจนเฉอะแฉะ ไม่ห่างกันก็มีของเหลวสีแดงเข้มจนเกือบดำไหลนองอยู่


                    “มันเป็นใคร?”


                    เสียงสั่นที่แผ่วเบาดังมาจากปากของเลย์ปนเสียงหอบ เขาทุ่มเก้าอี้ใส่เซฮุนเป็นครั้งสุดท้าย ร่างของเซฮุนนอนอยู่บนกองเลือดและของเหลวสีขาวปนเทาที่ไหลออกมาจากรอยแยกตรงหัวกระโหลก...ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นสมอง




                    “นายฆ่าเขาทำไม? บ้าไปแล้วเหรอ?”


                    มินซอกตะโกนเสียงหลง เขาเดินเข้ามาใกล้เลย์แล้วผลักเลย์ด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่ เสียงตะโกนโหวกเหวกของมินซอกทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้

                    ทุกคนพยายามแยกเลย์กับมินซอกออกจากกัน จุนมยอนเดินเข้ามาพยุงผมไปที่โซฟา ผมนั่งลงและพยายามกลืนน้ำลายทั้งๆที่ลิ้นยังคงขยับไม่ได้






                    ผมเหลือบสายตาไปมองเซฮุนที่ดูเหมือนไม่ใช่เขา ขนยาวเป็นนิ้วงอกออกมาจากตัวเขา หัวของเขาถูกทุบด้วยอะไรบางอย่างจนบุบ มีของเหลวสีขาวปนเทากับเลือดสีแดงปนดำไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขานอนคว่ำอยู่กับพื้น พรมปูพื้นก็ดูจะซึมซับของเหลวทุกอย่างที่ออกมาจากตัวเขา กลิ่นเหม็นเน่าปนคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้อง





                    เมื่อมินซอกสงบสติอารมณ์ได้ และเลย์ก็เลิกที่จะเถียงแล้วว่าเขาไม่รู้ว่าเป็นเซฮุน แล้วคำถามกก็ไหลพรั่งพรูออกมาจากปากเลย์

    “นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกนายบอกว่านี่คือเซฮุน แต่เขาตายไปแล้ว เขาตายไปตั้งแต่วันแรกๆที่มาที่นี่ แล้วพวกนายคิดอะไรทำไมถึงบอกฉันว่านี่คือเซฮุน!?”

    เลย์พูดออกมาด้วยความโกรธ เขาขมวดคิ้วและเดินไปมา พวกเราเงียบไป และเลย์ก็หาคำตอบด้วยตัวเองโดยการเดินเข้าไปพลิกตัวศพที่เขาพลั้งมือฆ่าเพราะความไร้สติและความกลัว แล้วเขาก็ต้องร้องเหวอออกมาเมื่อเห็นศพด้านหน้าชัดๆ














    เซฮุนไม่มีตาดำ....









    “อะไรกัน? นี่มันอะไรกัน พระเจ้า....นี่มันอะไรกัน?!!!





    เลย์ถอยออกห่างจากศพของเซฮุนทันที คำถามของเลย์เหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ แต่ผมคิดว่าทุกคนได้เตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว






    “เซฮุนเป็นหมาตัวนั้นเหรอ? บ้าน่า” จงแดพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ



    “น่าจะใช่...” มินซอกเงียบ เขาก้มหน้าและใช้ปลายเท้าเขี่ยพื้นไปมา




    “แต่ฉันคิดว่าไม่...เซฮุนไม่ใช่หมาป่าตัวนั้นหรอก มันมีอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ใช่”




    ชานยอลขัดมินซอกทันที ทุกคนมองที่ชานยอลแทบจะพร้อมกัน ชานยอลอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเล่าความคิดของเขาออกมา




    “ฉันจำได้นะ...ตาของมันไม่ใช่สีนี้ ตาของมันเป็นสีทอง


    ทุกคนเงียบเหมือนกลั้นหายใจ ผมแทบจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย ถ้าให้ลองคิดทบทวนดูแล้ว...มันไม่ได้มีแค่สีทอง แต่มีสีแดงด้วย!!!


    “ฉันว่า...มันมีตาสี...”


    ผมหยุดชะงัก เพราะสายตาของจุนมยอนที่มองมาจากด้านตรงกันข้าม สายตาของเขาปรามให้ผมเงียบ ผมไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วก็ไม่มีใครถามอะไรผมอีก


    “พวกนายพูดบ้าอะไรกัน? ใครเป็นหมาป่า? อะไร?”


    “นายยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าเรากำลังเจอกับอะไร?”


    เลย์ขมวดคิ้ว เขาหันกลับไปดูศพเซฮุนอีกรอบ แล้วเงียบไป


    “แล้ววันนั้นเซฮุนตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาถูกฆ่า ศพถูกฉีกจนเละเลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้...อะไรกันวะ?!!!


    เลย์เดินเข้าไปใกล้โต๊ะตัวเล็กแล้วเตะเพื่อระบายอารมณ์ พวกเราเริ่มมองหน้ากันไปมา เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เลย์ฟังยังไง



    “หมาตัวนั้น....ไม่ใช่หมาธรรมดา”

    “ว่าไงนะ?”


    เลย์หยุดชะงัก เขามองที่ผมสลับกับเซฮุน เขากลอกตาไปมาเพื่อคิดอะไรบางอย่าง




    “มันเป็นมนุษย์หมาป่า...แบบที่เป็นได้ทั้งทั้งหมาน่ะ”

    ชานยอลพูดเสริม เลย์ทรุดตัวลงนั่งกับบันได...




    “งั้นก็เป็นเขาใช่มั้ย?”



    ทุกคนมองหน้ากันด้วยความลังเล ผมคิดว่าไม่ใช่เซฮุนหรอก เพราะหมาป่าตัวนั้นมันฉลาดกว่านี้ มันไม่ได้มาในรูปแบบของคน และอีกอย่าง...มันไม่ได้มีตาสีขาวแบบเซฮุน!




    “ฉันคิดว่าไม่...ไม่ใช่เขาหรอก”

    “ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน...”



    จู่ๆเราก็เงียบไปหมด ผมจึงตัดสินใจชวนทุกคนจัดการกับศพเซฮุนรอบที่สอง บ้าจริง! เขาตายถึงสองครั้งแล้วนะ




    ชานยอลกับเลย์เป็นคนช่วยกันหามศพเซฮุนออกไป จุนมยอนอาสาเช็ดเลือดและสมองแหยะๆที่เปื้อนไปทั่วพื้น จงแดนอนแผ่หมดแรงหลังจากวิ่งไปอ้วกหลายครั้ง



    ผมเดินนำเลย์และชานยอลไปที่ประตู มือผมรีบคว้าที่จับประตูเพื่อเปิดออก แต่ประตูกลับล็อคอยู่




    “มีอะไร?”

    “ปะ..เปล่า”



    ผมหยิบกุญแจที่ห้อยอยู่กับที่ห้อยกุญแจข้างประตูมาไข ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเหมือนผมเลยสินะ เราเดินกลับมาที่ต้นไม้ที่เคยใช้ฝังศพเซฮุนครั้งแรกอีกครั้ง เลย์และชานยอลวางศพเซฮุนลง เราว่าจะฝังเขาไว้ตรงนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้พวกเรามั่นใจว่าเซฮุนตายแล้วแน่ๆ



    เลย์ลองกระทืบดินดู มันแน่นเหมือนไม่เคยถูกขุดมาก่อน เราสามคนมองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมค่อยๆกลิ้งร่างของเซฮุนลงไปในหลุมที่ขุดไว้ มือของผมสัมผัสกับแผลที่เน่าเปื่อยบนแขนของเซฮุน










    รอยหมากัด...








    ผมรีบผลักเซฮุนลงหลุมไปและตะกายออกมา ชานยอลทิ้งพลั้วขุดดินแล้ววิ่งเข้ามาหาผม




    “เป็นอะไร มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?”



    “ซะ...เซฮุนโดนหมากัด เขามีรอยเขี้ยวอยู่ที่แขน!



    เลย์เดินไปชะโงกดูแล้วลงไปดูใกล้ในหลุม เขาร้องออกมาด้วยความหัวเสีย



    “ฉันว่านะ มันต้องเป็นแบบที่ฉันคิดแน่”

    “นายคิดว่าอะไร?”





    ผมกับชานยอลมองไปที่เลย์







    “เซฮุนไม่ใช่หมาป่า...แต่ถูกทำให้เป็น เขาถูกกัด มันต้องใช่แน่ๆ ไอ้หมานั่นต้องการให้เซฮุนเป็นหมาป่า...”


    “เพราะอะไรล่ะ? เพราะอะไรถึงอยากให้เซฮุนเป็นหมาป่ามันจะได้อะไร?”




    เลย์มองไปที่ศพเซฮุน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

    “มันอาจจะวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ อาจจะหลอกเบนความสนใจเรา หรืออะไรสักอย่าง”





    ผมเงียบ เลย์และชานยอลช่วยกันกลบดินลงหลุม เซฮุนนอนหงายอยู่ ดินค่อยๆกลบตัวเขา มันถมทับหน้าเขา ผมกลัวเหลือเกินว่าเขาจะหายใจไม่ออก ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาหยุดหายใจไปแล้ว...


    “นายคิดว่าเซฮุนโดนกัดเลยกลายเป็นหมาป่างั้นเหรอ?”



    ผมถามเลย์ตอนเรากำลังเดินกลับ เลย์แหงนหน้ามองฟ้าสลัว เขาแบกพลั้วขึ้นพาดบ่า


    “ฉันแค่คิดว่าน่าจะใช่ ถ้ามันเป็นอย่างที่พวกนายเล่า หมาป่าอาจไม่ใช่เซฮุนจริงๆ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดูง่ายไป”



    “แล้วทำไมเยจิน แทมิน ถึงไม่เป็นหมาป่าล่ะ?” เลย์เงียบไป ชานยอลที่เงียบอยู่นานเลยพูดแทรกขึ้นมา



    “เกี่ยวกับที่ทั้งคู่ตายแล้วหรือเปล่า ทั้งแทมินและเยจินก็ตายทั้งคู่ เราทุกคนเห็นว่าสองคนนั้นตาย มีพยานที่แน่นอน แต่เซฮุน...มีไม่กี่คนที่เห็นว่าเขาตาย แล้วเราก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาโกหกหรือพูดความจริง”



    ผมหันไปมองชานยอล เขาไม่เคยที่จะแสดงความฉลาดออกมาให้ผมเห็นเลยสักครั้ง แต่ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาดูเปลี่ยนเป็นคนละคน



    “มีใครบ้างที่เห็นว่าเซฮุนตาย?”

    เลย์ถามขึ้นเบาๆ ผมพยายามนึกภาพวันที่เรานั่งในห้องนั่งเล่นรวมและนึกถึงตอนที่เราพูดเกี่ยวกับการตายของเซฮุน...








    มินซอกเป็นคนบอกสภาพศพของเซฮุน... คริส มินซอก และจุนมยอนเป็นคนจัดการศพ






    “คริส มินซอก แล้วก็...จุนมยอน”





    เราไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่พอเรากำลังจะกลับเข้าบ้าน เลย์ก็พูดกำชับไว้




    “อย่าพึ่งพูดให้ใครฟังนะ โอเคมั้ย?”



    ตอนที่เราเข้าไปจุนมยอนนั่งเขียนไดอารี่อยู่ มินซอกก็นั่งอยู่บนโซฟา ส่วนจงแดนั่งหมกอยู่มุมห้อง แล้วคยองซูล่ะ?





    “มินซอก...คยองซูอยู่บนห้องเหรอ?”

    “ไม่รู้สิ”


    มินซอกส่ายหน้าแล้วนั่งเหม่อต่อ ผมพยายามสังเกตเขาให้มากที่สุด เพราะตอนนี้คนที่ผมสงสัยที่สุดก็คงเป็นเขานั่นแหละ







    ผมเดินขึ้นไปบนห้องนอนของมินซอก ผมเคาะประตูนานเท่าไหร่คยองซูก็ไม่มาเปิดสักที ผมจึงตัดสินใจลงเอากุญแจไปไข


    “เอากุญแจไปทำไม?”

    มินซอกถามผมตอนที่ผมกำลังเลือกกุญแจอยู่


    “ฉันไขห้องไม่ได้ ฉันจะเข้าไปดูคยองซู”









    ผมเดินขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มินซอกกลับตามมาด้วย เขาคงจะเข้าไปในห้องหรือไม่ก็...อาจจะกำลังจับผิดผมอยู่ก็ได้



    “คยองซู...”



    ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปได้ ผมก็เดินเข้าไปนั่งลงที่เตียง ผ้าห่อมที่กองยับๆอยู่ทำให้ผมรู้ว่าไม่มีคนนอนอยู่ คยองซูหายไปไหน?



    “มินซอก..คยองซูหายไปไหน?”

    “หืม....เขาไม่ได้อยู่เหรอ?”




    ผมหันไปรอบๆห้อง ไม่หรอก เขาคงไม่แกล้งซ่อนเป็นเด็กๆหรอก และห้องนี้ก็แคบเกินกว่าจะซ่อนได้ด้วย




    “คงไปเข้าห้องน้ำมั้ง เดี๋ยวก็คงออกมาเองแหละ”



    ผมหันไปมองมินซอก เขาค้นกระเป๋าหาของอยู่ ผมพยักหน้าตอบ ผมลองเอามือไปลูบพื้นเตียง...มันไม่มีไออุ่นของคนพึ่งลุกจากเตียงเลยสักนิด




    “เมื่อคืนคยองซูได้ลงไปข้างล่างมั้ย? ตอนที่เรากำลังชุลมุน”

    มินซอกชะงัก เขาเบะปากแล้วส่ายหน้า




    “ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้สังเกตน่ะ แต่คิดว่าไม่นะ”

    มินซอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบผมสักเท่าไร นั่นมันทำให้ผมอารมณ์เสียไม่เบาเลย ผมถอนหายใจก่อนจะเดินออกจากห้อง






    ผมรู้สึกได้ว่ามินซอกไม่ได้หาของในกระเป๋าอยู่หรอก เพราะมือของเขาคลำไปทั่วกระเป๋าแต่ก็ไม่เจอของที่หาสักที เขาคงแค่หาอะไรทำเพื่อเบนความสนใจและเลี่ยงไม่สบตาผมก็เท่านั้น...ก็นั่นแหละ เขาถึงได้น่าสงสัยไงล่ะ



    ผมเดินลงมาข้างล่าง คนที่เหลือยังอยู่ในห้องนั่งเล่นรวม และดูเหมือนจะคุยอะไรบางอย่างอยู่



    “มีอะไรกัน? คุยด้วยสิ”




    ทุกคนขยับที่ให้ผมนั่ง และเขาก็เริ่มพูดกันต่อโดยที่ไม่สนว่าผมจะเข้าใจที่พวกเขาคุยกันหรือไม่





    “ฉันไม่ได้เห็นจริงๆนะ เขาบอกให้ฉันกลับมาดูที่เกิดเหตุ ฉันเลยกลับมา ฉันไม่ได้เห็นจริงๆ สาบานได้”






    “เดี๋ยวนะ...นี่คุยไรกัน?”

    ชานยอลหลุบตาลงต่ำ เขาดูดนิ้วอีกแล้ว






    “ฉันขอโทษนะแบคฮยอนนี่ ฉันเผลอหลุดปากพูดออกไปแล้ว ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”




    ผมมองไปที่เลย์ เขาทำหน้าเหมือนไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร จุนมยอนที่ดูร้อนรนนั้นพูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนเลย์ต้องบอกให้เขาหยุด เขาจึงสงบสติอารมณ์นั่งนิ่ง แล้วส่งสายตากังวลมาที่ผม




    “เอาเถอะ ไหนๆเรื่องมันก็แล้วไปแล้ว จบๆไปเถอะ”

    ผมพูดขึ้นอย่างลังเล ชานยอลอมยิ้มบางๆให้เลย์ เลย์ขมวดคิ้วแล้วนั่งนิ่งคิด












    “ไม่ได้หรอก ถ้ามันเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ หมาป่าจริงๆอาจจะไม่ใช่เซฮุน มันคงฉลาดพอที่จะไม่บกเข้ามาอย่างนี้และถ้ามันยังอยู่จริงๆ..มันจะตามมาฆ่าเราแน่”






    เรามองหน้ากันเงียบๆ จงแดนิ่งเงียบ จุนมยอนยังคงกังวลกับอะไรบางอย่าง ส่วนเลย์ ชานยอล และผมกำลังคิด..คิดว่าคริส มินซอกกับจุนมยอนทำอะไรกับศพของเซฮุนกันแน่











    เสียงวิ่งตึกตักดังมาจากข้างบน คยองซูหรือเปล่านะ มินซอกอาจบอกคยองซูว่าผมไปหาเขาแต่ไม่เจอ แต่อย่างมินซฮกน่ะเหรอจะบอก เหอะ!












    แต่ผมกลับคิดผิด เมื่อคนที่โผล่มาคือมินซอกที่วิ่งหน้าตาตื่นมา



    “แย่แล้วทุกคน”










    “มีอะไร?”


    เลย์ถามขึ้นเรียบๆ ก็เขากำลังเคร่งเครียดอยู่นี่














    “ฉันลองตามหาคยองซูแล้ว แต่ไม่มี!!

    ผมลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟา คนที่เหลือก็ตกใจไม่แพ้กัน  ผมวิ่งขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง ประตูห้องถูกเปิดค้างไว้ และพอผมก้าวเข้าไปก็ไม่มีใครอยู่ ไม่มีคยองซูในห้องนี้...ผมกระชากผ้าห่มออกดู เปิดประตูห้องน้ำ ดูใต้เตียงก็ไม่มี คยองซูหายไปไหน?



    ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง หลังปวดงองุ้มเหมือนคนแก่....



    เพื่อนของผม เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม ผมรักษาชีวิตเขาไว้ไม่ได้แล้วใช่มั้ย? ผมเสียเขาไปแล้ว




    เสียงกึกกักดังมาจากหน้าต่าง ปมหันไปมองที่ขอบหน้าต่างแต่มันก็ไม่มีอะไร ข้างๆหน้าต่างมีตู้อยู่ใบหนึ่ง...






    หรือมันจะดังมาจากตู้เสื้อผ้านะ...?







    “แบคฮยอน...เลย์ให้มาเรียกไปข้างล่าง”



    เสียงเย็นๆของมินซอกดังขึ้นมาจากประตูห้อง ผมใช้มือปาดน้ำตาโดยไม่ให้มินซอกเห็นเบาๆตาเหลือบมองไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกรอบ เหมือนกับมีอะไรที่สะดุดตาอยู่ในนั้น เสียงกุกกักเงียบไป ที่จับประตูตู้มีลวดเกี่ยวกันไว้แน่น

    “ลงไปได้แล้ว”

    มินซอกพูดขึ้น ผมลุกขึ้นแต่สายตายังไม่ล่ะไปจากลวดที่เกี่ยวประตูตู้เสื้อผ้าไว้ เหมือนมันขยับได้..แต่พอผมหยุดจ้องมันดีๆแล้ว ลวดนั้นมันก็อยู่ตามปกติ มันไม่ได้ขยับหรอก...ผมคงคิดไปเอง


    ผมเดินออกมาจากห้องแล้วเดินลงไปข้างล่าง ทุกคนนั่งอยู่บนโซฟา ชานยอลมองผมด้วยสายตาสำนึกผิด





    “เจอดโยมั้ย?”

    “ไม่...ไม่เจอเลย”




    ผมเงียบและไม่ได้พูดอะไรอีก ชานยอลเอานิ้วชี้จิ้มกันแล้วเบะปาก เขาพูดอะไรไม่เป็นภาษาและจับใจความไม่ได้ ผมนั่งลงและพยายามจะไม่สนใจเขา เลย์มองมาที่ผม เขาพยักหน้าไปทางจุนมยอน ผมมองไปที่เขา เขานั่งซึมและไม่สนใจใคร คิ้วของเขาขมวดกันเป็นปม ขอบตาดำคล้ำจากการอดนอนทำให้เขาดูแก่ขึ้น จงแดที่นั่งอยู่ข้างๆจุนมยอนเองก็เงียบ ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย



    “ฉันหาคยองซูไม่เจอ...”

    “โอ้ย ป่านนี้ก็คงโดนหมาป่าขย้ำไปแล้วมั้ง”



    “จงแด!!!

    จุนมยอนพูดปรามจงแดที่หลุดปากพูดออกมา ผมเอามือลูบหน้าเบาๆ นั่นสินะ ป่านนี้คยองซูคงถูกไอ้หมาใจทรามขย้ำไปแล้ว









    “แย่แล้ว....”






    เสียงของเลย์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมหันไปมองเขา สายตาของเขามองไปที่บันไดชั้นบน มินซอกกำลังเดินลงมา เขาชะลอฝีเท้า สายตาของมินซอกลอกแลกไปมา เขามองหน้าพวกเราแล้วเดินมายืนข้างๆชานยอล



    “มีอะไรกัน...”



    เลย์เหลือบสายตาไปมองมินซอก เขาจ้องมินซอกไม่วางตา



    “มันเบนความสนใจไปจากเรา...ทำสำเร็จซะด้วยสิ”





    ผมขมวดคิ้ว เขาหมายถึงอะไรน่ะ...เบนความสนใจอะไรกัน?





    มินซอกพูดขัดขึ้นทันทีที่เลย์พูดจบ เขากำลังควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงท่าทางโกรธไปมากกว่านี้ มือของเขาลูบที่ตะเข็บกางเกงไปมา สายตาจ้องที่เลย์สลับกับทุกคน




    “ที่เซฮุนมาเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นหมาป่าตัวนั้นจริงๆหรอก...มีคนเอาเขาเข้ามาเพื่อเบนความสนใจจากเราต่างหาก”

    พวกเราส่งเสียงเออออตามกัน มินซอกเลียริมฝีปากอย่างประหม่า เขากระพริบตาบ่อยขึ้น แต่ไม่มีใครสังเกต นอกจากผมและเลย์





    ผมสบสายตากับเลย์โดยบังเอิญ เขายิ้มมุมปากให้ผม




    “มันหลอกให้พวกเราสนใจเซฮุน แล้วทำอะไรบางอย่างกับคยองซู”

    “แล้วทำไมต้องเป็นคยองซู?”


    จงแดถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว เขาขยับตัวให้เข้ามาใกล้พวกเรามากกว่าเดิม



    “ไม่รู้สิ แต่คยองซูเป็นคนเดียวที่หายไป และดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เขาจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุนะ ใช่มั้ยมินซอก?”



    เลย์ส่งคำถามให้มินซอกที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังโซฟาที่ชานยอลนั่งเขาเงียบไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ





    “ก็คงงั้น เพราะฉันไม่สังเกตเหมือนกัน”



    “งั้นเหรอ...”






    เลย์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่เขาก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเท่าไหร่


    “แล้ววันนั้นที่เซฮุนตาย...นายเห็นศพเซฮุนใช่มั้ย?”

    “ก็ใช่น่ะสิ”



    เลย์กระตุกยิ้ม เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่มินซอก

    “แล้วศพเซฮุนน่ะ...สภาพเป็นยังไงเหรอ?”




    มินซอกหน้าซีดเผือด เขากระพริบตาถี่แล้วกลืนน้ำลาย




    “ก็บอกไปแล้วไงว่าเขาถูกกัดทั่วตัว แขนกับขาฉีกออกจากกัน เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง ก็แค่นั้นแหละ”






    เลย์เดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของมินซอก เขาใช้มือจัดปกเสื้อมินซอกแล้วจ้องที่ต้นคอมินซอกเขม็ง

    “นายไล่ให้จุนมยอนออกมาดูที่เกิดเหตุอีกครั้งโดยไม่ให้เขาเห็นศพใช่มั้ย? นายกับคริสร่วมมือกัน”





    “ฉันไม่ได้ไล่เขานะ! เขาก็มากับฉันตอนฝังเซฮุนด้วย”




    “ไม่ใช่นะ!!! เขาโกหก ฉันออกมาดูที่เกิดเหตุตามที่เขาสั่งต่างหาก”




    จุนมยอนลุกขึ้นตะโกนใส่หน้ามินซอกด้วยความโมโห มือของเขาชี้ที่หน้ามินซอก จงแดลุกขึ้นดึงให้จุนมยอนให้นั่งลง



    “ฉันไม่ได้เห็นศพของเซฮุนจริงๆนะ เขาไล่ฉันออกมา ฉันไม่ได้เห็นแม้แต่เลือดของเขาด้วยซ้ำ!




    จุนมยอนตะโกนออกมาไม่หยุด เลย์มองสลับระหว่างมินซอกกับจุนมยอนไปมา ปมเหลือบตาไปมองมินซอก เขาทำหน้าเคร่งเครียดและจริงจังกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาดูไม่เหมือนคนโกหกแม้แต่น้อย แต่เพราะผมไม่ไว้ใจเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงไม่เป็นที่น่าไว้ใจสำหรับผม ผมย้ายสายตาไปที่จุนมยอน จุนมยอนมองมินซอกด้วยตาที่แดงก่ำ ตาของเขาไม่แม้แต่จะกระพริบ มือกำแน่น จงแดกระตุกข้อมือจุนมยอนให้นั่งลง แต่เขาก็ไม่ยอมนั่งลง




    “เขานั่นแหละโกหก ฉันไม่ได้ไล่เขาไปไหน เขา ฉันกับคริสเราไปฝังศพเซฮุนด้วยกัน นายเป็นคนขุดดินเองกับมือเลยนะ”

    มินซอกพูดเสียงเรียบ คิ้วขิงเขาขมวดกันเป็นปม ผมหันกลับไปมองจุนมยอน ไม่มีเสียงโต้เถียงออกมาจากปากจุนมยอน มือของเขากำแน่น ตายังคงจ้องมินซอกไม่วางตา...





    “เอาล่ะ เดี๋ยวก็ได้รู้เองว่าใครเป็นคนโกหก แล้วโกหกไปเพื่ออะไร คืนนี้เราจะพักรวมกันในห้องนี้ ฉันรู้ว่าใครในนี้สักคนนี่แหละต้องรู้เรื่องทั้งหมด ใช่มั้ยจุนมยอน มินซอก?”



    ---------------



    เราแยกย้ายกันพักผ่อนตามสบายในห้องพักรวม แต่บางทีจะเรียกว่าตามสบายมันก็ไม่เชิง เพราะเลย์คอยจ้องจุนมยอนกับมินซอกไม่วางตา จุนมยอนนั่งซึมอยู่มุมห้องในมือของเขามีสมุดไดอารี่ส่วนตัวอยู่ในมือ มินซอกนั่งเหม่อออกไปนอกประตู มือของเขาขยุกขยิกไปมาเหมือนเด็กสมาธิสั้น ตาที่เริ่มหายบวมมองมาที่ผม ผมรีบหันหนีทันที ชานยอลเดินมานั่งแปะข้างๆผม




    “เสียใจด้วยนะ เรื่องคยองซูน่ะ”



    “.................”


    ผมพยายามจะเอ่ยปากออกไป แต่เสียงกลับไม่มี ผมกระแอมไอก่อนจะตอบออกไปอีกครั้ง




    “อืม....”




    ชานยอลใช้นิ้วเขี่ยพื้นตรงหน้า เขาพึมพำพร้อมกับฟูมฟายเบาๆ






    “ฉันรู้สึกผิดนะ คยองซูหนีไปนอนกับมินซอกเพราะฉันมานอนกับนายอ่ะ คยองซูเขาไม่ชอบฉันแน่ๆเลย....เขาไล่ฉัน”

    ผมพยายามไม่สนใจในสิ่งที่ชานยอลพูด แต่บังเอิญว่ามันเกี่ยวกับสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่...คยองซู




    “บางทีเขาอาจจะยังไม่ตายก็ได้...แล้วเขาก็ไม่ได้โกรธนายด้วย”

    “ไม่หรอก..เขาโกรธฉันแน่ๆ เขาไม่อยากให้ฉันนอนกับนาย”


    ชานยอลสูดน้ำมูกเข้าจมูก สายตารู้สึกผิดของเขามองมาที่ผม


    “ฉันยังไมได้ขอโทษเขาเลย....”


    ผมมองชานยอลร้องไห้ เขากำลังอ่อนแอและผิดหวัง จะให้ผมปลอบยังไงในเมื่อผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน



    “หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ”



    ชานยอลพยายามหุบปากกลั้นเสียงสะอื้น สักพักเขาก็หยุดร้องไป ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง....

     

    ▀�▀�▀

     

    ท้องฟ้าเริ่มมืดอีกครั้งแล้ว ทุกคนยังไม่เคลื่อนที่ไปไหนนอกจากไปห้องน้ำกับห้องครัว เราพยายามต่อโทรศัพท์  แต่ก็ไม่มีสัญญาณ จุนมยอนกับมินซอกยังคงไม่แสดงท่าทีอะไรนอกจากซึมและเหม่อ




    ผมพยายามไม่นึกถึงคยองซู แต่มันก็เหมือนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ผมต้องหลับตาข่มอารมณ์เอาไว้ แม่สอนว่าเป็นผู้ชายต้องไม่ร้องไห้...



    ผมหลบมานั่งเงียบๆคนเดียวอยู่ในครัว ข้างนอกมืดสนิท เสียงสัตว์ป่าที่หากินตอนกลางคืนส่งเสียงร้องเรียกฝูงน่ารำคาญ ใจผมรู้สึกหดหู่กว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนในห้องร้องไห้



    ผมเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวม....เสียงร้องนั่นเป็นของชานยอล เขาถูก ผู้มาใหม่ กดลงกับโซฟา เขาใช้มือกดหัวชานยอลแนบไปกับโซฟาแล้วล็อคมือชานยอลไว้แน่น





    “ทำอะไรน่ะ...จื่อเทา




    เขายิ้มแสยะน่าเกลียด แล้วมองออกไปที่คนอื่นๆ ที่ไม่กล้าทำอะไรนอกจากยืนมอง ใบหน้าของเขาถูกขูดเป็นแผลเหมือนสิ่งที่เขาได้พบเองก็ไม่ได้ต่างไปจากพวกเราเท่าไร ต่างก็แค่...จื่อเทาต้องเจอมันแค่คนเดียว แผลตามเนื้อตัวถูกแมลงตอมจนเริ่มมีน้ำหนองไหลเยิ้มออกมาจากปากแผลน่าเกลียดนั่น จื่อเทาต้องขยับตัวตลอดเวลาเพื่อไม่ให้แมลงตอมแผล




    จื่อเทาใช้มีดพกอันเล็กตัดเชือกมัดผ้าม่านมันมัดข้อมือชานยอลไว้







    “แบคฮยอนนี่...แบคฮยอนนี่ฉันเจ็บอ่ะ”





    เสียงร้องของชานยอลทำให้ผมตั้งสติได้ ผมรีบกระโจนเข้าไปช่วยชานยอลแต่ยังไม่ทันทีจะถึงตัวทั้งคู่ด้วยซ้ำ จื่อเทาก็ใช้ไม้อะไรสักอย่างกระทุ้งมาที่ท้องผม




    ผมล้มลงกุมท้องตัวงอ นอกจากจะช่วยชานยอลไม่ได้แล้วผมยังเจ็บตัวอีก...


    “พวกนายทำอะไรซฮุน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา พวกนายไปขุดเขาขึ้นมาอีกเหรอ? ไอ้พวกใจหมาเอ้ย ไหนใครจะตอบได้บ้าง?”

    เสียงพูดไม่ลื่นหูของจื่อเทาประกาศกร้าว เขาดูโกรธมากๆ เขาใช้ไม้กระบองกลมชี้ไปรอบๆห้อง




    “บอกมา!

    “คะ...คือ เซฮุนไม่ได้ตาย”



    จื่อเทาขมวดคิ้ว ก็มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเอาซะเลย




    “พูดอะไรของนายน่ะจงแด?”

    จงแดหน้าซีดเผือด เขาหลุบตาลงต่ำ ไม่ยอมสบตากับใครเลยสักคน



    “ไหนพูดมาสิแบคฮยอน”

    จื่อเทาเปลี่ยนทิศของปลายกระบองมาชี้ที่ผม ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง พยายามเงยหน้ามองจื่อเทา



    “เซฮุนเป็นมนุษย์หมาป่า เขาถูกกัด วันนั้นเราเข้าใจผิดว่าเขาตาย”


    “เขาตายจริงๆต่างหาก”


    “หุบปากไอ้อ้วน!



    จื่อเทาเดินไปเอากระบองฟาดมินซอกที่พูดขัดผม มินซอกยกมือขึ้นบัง แต่กระบองก็ยังโดนเข้าอยู่ดี เลย์ทำท่าจะเข้าไปห้ามแต่ผมห้ามเขาด้วยสายตาได้ก่อน


    “พูดต่อ”


    ผมกลืนน้ำลาย สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ



    “แล้วเมื่อคืนเซฮุนก็กลับมา เขา...เป็นอะไรสักอย่าง”



    “มนุษย์หมาป่า?”



    ผมพยักหน้าเบาๆ จื่อเทาหัวเราะลั่น เขาคงไม่เชื่อเรื่องที่ผมเล่า เขาหัวเราะแล้วพูดภาษาจีนที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ ผมหันไปมองมินซอก...เขาทำหน้าราวกับว่าสิ่งที่จื่อเทาพูดนั้นมันเลวร้ายสิ้นดี



    เสียงอะไรบางอย่างถูกขว้างมาโดนหัวจื่อเทา เลย์เป็นคนขว้างขวดยามาใส่หัวจื่อเทา จื่อเทาโมโหมากเขารีบตรงไปที่เลย์แล้วกระทุ้งไม้กระบองใส่เลย์ เลย์ล้มลง แต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขาคว้ารองเท้าจากชั้นวางรองเท้าขว้างใส่จื่อเทาไม่หยุดมือ




    จื่อเทายกไม้ขึ้นฟาดเลย์อีกรอบ เลย์พยายามต่อยจื่อเทา แต่ก็ทำได้เพียงเฉียดๆ เวลาไม่ถึงสามนาทีจื่อเทาก็ซัดเลย์ซะอ่วม



    “รอความตายกันอยู่ที่นี่แหละ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามนุษย์หมาป่าน่ะมันเป็นตัวยังไง เอางี้ล่ะกัน ฉันเอาพวกนายไว้เป็นเหยื่อล่อดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ”



    พวกเราไม่มีใครพูดอะไร จื่อเทานั่งลงบนพื้นหน้าประตู มือของเขากระชับกระบองคู่ใจแน่น





    พวกเรามารวมตัวกันที่กลางห้องอีกครั้ง ยิ่งดึกเราก็ยิ่งเริ่มง่วงทั้งระแวงจื่อเทาทั้งระแวงหมาป่าที่เรายังไม่รู้ว่าใช่เซฮุนหรือเปล่า ถ้าเป็นเซฮุนจริงๆเราก็คงปลอดภัยแล้ว...แต่หมาป่ามันต้องมีสองตัวแน่ เพราะตัวหนึ่งตาสีทอง อีกตัวตาสีแดง....


    ---------85%----------

     ผมยันตัวลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ข้างนอกในป่ามืดมิด สายตาของผมเหลือบไปสะดุดอยู่ที่สายตาอีกคู่หนึ่งนอกหน้าต่างคล้ายเงาสะท้อนกลับ มันจ้องผมเหมือนอย่างที่ผมจ้องมัน ตาของมันอยู่ใกล้ผมไม่เท่าไหร่ ดวงตาสีแดงจ้องลึกเข้ามาในตาผม ผมก้าวถอยหลังแทบจะทันที ไอ้หมานั่นเหมือนจะรู้ตัว มันก็ค่อยๆถอยหลังกลับเข้าไปในป่า



     

    “มีอะไร?”

    “เลย์...ฉันเห็นมันอยู่ข้างนอก ตรงนั้น!!!

    ผมชี้นิ้วเข้าไปที่ป่าตรงนั้นที่ผมเห็นมัน แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว



    “มันไปแล้ว เมื่อกี้มันอยู่ตรงนั้น”

    “มีอะไรกัน?” จื่อเทาเดินเข้ามาใกล้ เขาใช้สายตาคมเฉียบมองเรา


    “ฉันเห็นมันอยู่ตรงนั้น” ผมชี้ไปที่เกิดเหตุ จื่อเทามองตาม แต่ก็ไม่เห็นอะไร

    “นายแน่ใจนะว่าไม่ได้ตาฝาด”

    “จริงๆนะ ฉันเห็นจริงๆ”


    ผมยืนกรานคำพูดกับจื่อเทา เขาพยักหน้า รอยยิ้มน่าเกลียดผุดขึ้นที่มุมปากของเขา ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบเขามากกว่าเดิมแล้ว

    “ดีล่ะ งั้นก็ให้มันเข้ามาเลย ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครฆ่าเซฮุน ฉันจะใช้พวกนายเป็นเหยื่อล่อก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆๆ”



    เสียงโอดครวญดังมาจากพวกเรา เลย์หายใจเข้าออกแรงๆเพื่อยั้บยั้งอารมณ์โกรธ ในหัวผมตอนนี้มีแต่ภาพตาสีแดงของไอ้หมานั่นกับภาพตาสีทองของไอ้หมาอีกตัว...หมาป่ามีสองตัว ใช่แล้ว! มันมีกันสองตัว และมันก็ต้องเป็นพวกเดียวกันแน่! และผมก็คิดผิดที่ว่าจื่อเทาเป็นหมาป่าเพราะเขายังอยู่ที่นี่ หรือถ้าหากว่าเขาแฝงตัวมาล่ะ?




    ผมหันไปมองเลย์ เขากำหมัดแน่น ยังไม่ทันที่ผมจะได้ห้ามเขา เลย์ก็ตรงไปกระชากไหล่จื่อเทาที่สูงกว่าเขา ทั้งคู่เริ่มแลกหมัดกัน เลย์เสียเปรียบแน่นอนอยู่แล้ว เพราะจื่อเทาเก่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ในเวลาไม่กี่นาทีที่เราปล่อยให้ทั้งคู่ต่อยกันให้เต็มที่ หรือถ้าพูดให้ถูกคือปล่อยให้จื่อเทาเตะเลย์จนสมใจแล้วเขาก็เดินกลับไปเฝ้าประตู



    เลย์นั่งกุมขมับหลังจากเอาน้ำเช็ดคราบเลือดที่ถูกจื่อเทาทำร้ายออกหมดแล้ว เราก็นั่งรอเวลาที่หมาป่าจะโผล่มา อันที่จริงเราไม่มีใครอยากรอ แต่สถานการณ์มันบังคับ



    “นี่เราไม่มีแผนอะไรเลยเหรอ?”



    จงแดกระซิบถามขึ้น ไม่มีใครพูดอะไร เราได้แต่มองหน้ากัน มันคงถึงเวลาแล้วที่เราต้องปลงและยอมรับว่ายังไงเราก็ไม่มีสิทธิ์รอด....อย่างที่คยองซูพูดไว้ ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่มีสิทธิ์รอด



    ผมและเพื่อนๆเผลอหลับไป แต่กลิ่นอะไรบางอย่างปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา






    กลิ่นสาบของสัตว์อย่างที่ผมเคยได้กลิ่น....





    นอกจากจะมีกลิ่นสาบแล้ว ผมยังได้กลิ่นคาวของเลือดอีกต่างหาก ผมยันตัวลุกขึ้นช้าๆ เพื่อไม่ให้อะไรบางอย่างสังเกตได้แต่มือของใครบางคนดึงผมไว้...เลย์นั่นเอง



    “นอนต่อไป”



    ผมขมวดคิ้วเบาๆ มันมืดมากเมื่อมองจากตรงนี้ และผมก็สังเกตไม่ได้ว่าใครหายไป บางที....กลิ่นเลือดที่ผมได้ยินนั้นอาจเป็นเลือดของใครสักคนในพวกเราก็ได้



    ผมสะบัดมือออกจากเลย์ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยผม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจหยิกแขนเขาเพื่อให้เขาปล่อย เลย์ร้องด้วยความเจ็บที่ถูกหยิก เขาเผลอปล่อยมือออกจากมือผม ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามกลิ่นสาบปนคาวเลือดไป มีเสียงเดินตามออกมาคงเป็นเลย์ 




    ผมมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านพัก ร่างหนึ่งนอนหายใจพะงาบๆอยู่บนหาดทราย หน้าออกกระตุกคล้ายกำลังขาดอากาศหายใจ ผมก้าวขาที่อ่อนแรงนั้นออกไป ให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะยั้งชีวิตเขาไว้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่เมื่อผมไปถึงผมก็รู้ว่ามันไม่ทันแล้ว...ร่างตรงหน้ายกมือเปื้อนเลือดขึ้นมาเขาใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปที่ทรายแล้วลากไปบนทรายช้าๆ เลือดไหลลงจากมือสู่ดินทรายจนเปียกชุ่ม ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา แสงจันทร์สาดส่องมาที่หน้าของเหยื่อที่นอนกระตุกลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิตตรงหน้าผม...



    จมูกโด่งที่ปลายงองุ้ม ดวงตาโต ขอบตาดำคล้ำเป็นสเน่ห์ ริมฝีปากรูปหัวใจและผมนุ่มที่ปรกตา...



    หวงจื่อเทา....






    เสียงหายใจฟึดฟัดดังมาจากด้านข้างของผม เมื่อผมหันไปมอง ความรู้สึกนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นี่มันเดจาวูชัดๆ



    ร่างสูงของหมาตัวใหญ่ค่อยๆก้าวถอยหลังกลับเข้าป่า ผมรีบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีวิ่งตามมันไปให้เร็วที่สุด และดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รีบวิ่งหนีผมเลยสักนิด




    เท้าเปล่าของผมย่ำลงบนหนามในป่า มันเจ็บจนผมต้องชะลอฝีเท้าลง แล้วผมก็พลาดจนได้ ผมไม่ทันมัน และตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของป่าด้วยซ้ำ ผมทรุดตัวลงนั่งกับท่อนไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆตัว มันวิ่งไม่เร็วมากแต่ผมกลับตามมันไม่ทัน




    แกรก...







                    ผมหันหลังกลับไปตามเสียงลั่นของกิ่งไม้ถูกเหยียบ ตาของผมก็เห็นอะไรบางอย่าง....




    เท้าปุกปุยของมัน....



    ผมรีบลุกแล้วเดินตามมันไป ผมพยายามมองตามมันแล้วแต่มันก็หายไปอีกครั้ง...



    แกรก...



    ผมหันตามเสียงไปทางขวา มันอยู่ตรงนั้น ตาสีทองของมัน!!! ผมสูดลมหายใจเข้าย่อตัวลงหยิบไม้ทาอนใหญ่ท่อนใกล้ตัวแล้วเดินตามมันไป....



    แกรกๆๆๆ



    แต่เสียงดังขึ้นอีกครั้งทางซ้าย ผมหันไปมองทันทีที่ผมเห็นดด้านหลังของมันกำลังเดินทอดน่องจากไป





    แกรกๆ




    เสียงดังขึ้นจากด้านหลังอีกครั้ง นี่มันจงใจหลอกผมใช่มั้ย? แล้วทำไมมันถึงได้เคลื่อนตัวเร็วอย่างนี้




    แกรกๆๆๆๆๆ




    เสียงวิ่งแว่วอยู่ด้านขวามืออีกรอบ คราวนี้ผมเห็นตัวมันชัดเจน ร่างสูงใหญ่ของมันย่อตัวแล้วกระโจนออกวิ่งอีกครั้ง ผมวิ่งตามมันไปอย่างสุดแรงเกิด ก้อนหินแหลมๆที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นทิ่มเท้าผม แต่จะหยุดวิ่งก็ไม่ได้ ตาของผมต้องจับที่ตัวของไอ้หมานั่นไว้







    พลั่ก!





    ผมสะดุดกับรากของต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างหลังผม พอเงยหน้ามาอีกที หมาป่าตัวนั้นก็หายไปจากสายตาแล้ว เสียงใบไม้ไหวอยู่ข้างหลังผม อะไรกัน มันจะเล่นสงครามประสาทกับผมใช่มั้ย? ถ้ามันจะฆ่าผมก็น่าจะฆ่าตั้งแต่เจอผมที่ชายหาดแล้วนี่นา







    ผมลุกขึ้นแล้วถอยหลังมาตั้งหลัก ตาจดจ้องที่ใบไม้ที่กำลังไหวอยู่นั่น และสักพักใหญ่ๆ สิ่งมีชีวิตที่อยู่หลังพุ่มไม้นันก็แสดงตัวออกมา....
















    “หวัดดี บยอนแบคฮยอน”











    ร่างของผมชาไปชั่วขณะหนึ่ง รอยยิ้มของเขาดูขมขื่น  และผมก็อยากจะฆ่าเขาให้ตายไปเสียในตอนนี้....




























    “หวัดดี....คิมมินซอก”


    [Baekhyun]


     

     

    ไม่ว่างชนิดว่ามากถึงมากที่สุดเลยค่ะ เหนื่อยเหลือเกิน...

    ไม่อยากแม้แต่จะพูดกับใครด้วยซ้ำ ขอโทษที่ให้รอนะคะ

    ส่วนเรื่องรวมเล่มฟิคแป้งรวมแน่ๆค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะคะ
    คงเป็นตอนฟิคใกล้จะจบนู่นแหละ
    ใครอยากได้ก็เก็บเงินรอไว้เลยค่ะ 

    เจอคำผิดเมนชั่นไปบอกได้ในทวิตนะคะ
    ใครไม่มีทวิตหรือไอดีเด็กดีตอนนี้มีแฟนเพจแล้วนะคะ
    ไปกดไลค์ไว้ติดตามข่าวสารฟิคนะคะ 

    ฝากฟิคใหม่เค้าด้วย 

    PS.เจ้าของแบนเนอร์นี้ช่วยแจ้งลิงก์มาใหม่ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
                    

     

     

     

     

     

     






    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×