ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NARUTO | ItaNaru/SasuNaru] FALLING MADLY.

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 2

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 58





    Falling Madly
    Chapter 2










    "นารูโตะ! ส่งลูกมา!" อินุซึกะ คิบะ ตะโกนสุดเสียง

     

    นารูโตะที่กำลังเลี้ยงลูกบอลไปที่หน้าประตูเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะใช้เท้าขวาเตะข้ามหัวกองหลังอีกทีมไปให้

     

    "ชิ!" คิบะสบถกับจังหวะที่คลาดเคลื่อนไป คิบะง้างเท้าเล็งไปที่ตาข่ายก่อนจะเตะเข้าไปเต็มแรงแต่ด้วยองศาที่ผิดพลาดตอนส่งทำให้ลูกไม่ไปในทิศทางที่เขาต้องการ

     

    ปี๊ดดดดด!

     

    เสียงนกหวีดหมดเวลาพอดีกับที่ลูกฟุตบอลจากเท้าคิบะกระเด้งขนกับเสาประตูและหมุนคว้างอยู่ที่พื้นหญ้า

    ทีมโรงเรียนโคโนฮะทั้งสิบเอ็ดยืนหอบมองภาพทีมจากโรงเรียนข้างๆกำลังกระโดดยินดีกับชัยชนะ

     

    คิบะคำรามก่อนจะเดินมาเขกหัวนารูโตะเบาๆ

     

    "วันนี้เป็นอะไรหา?!"

     

    นารูโตะลูบหัวป้อยๆ

     

    "เปล่าสักหน่อย" เขาตอบอุบอิบ

     

    "อย่ามาเปล่านะเจ้าบ้า! ชื่อเสียงกองหน้าคู่พยัคฆ์คำรามแห่งโคโนฮะวันนี้ป่นปี้หมดเพราะแก"

     

    "หนอย แกไม่พลาดเลยสินะวันนี้ เจ้าคิบะซื้อบื้อ" นารูโตะแยกเขี้ยว เตรียมกระโดดเข้าใส่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม

     

    "เลิกเถียงกันได้แล้ว แค่แข่งกระชับมิตรไม่ต้องถึงกับฆ่าแกงกันได้ไหม น่ารำคาญจริงๆ" ชิกามารุเดินเอื่อยๆมาเขกกะโหลกทั้งคู่

     

    "ไป กินฉลองกับความพ่ายแพ้กันเถอะทุกคน" โจจิเดินมาขนาบข้าง

     

    "แกเลี้ยงเลยนารูโตะ" คิบะว่า

     

    "หารสิโว้ย!!" นารูโตะร้องค้าน

     

    เสียงหัวเราะร่วนของทั้งสิบเอ็ดคนในทีมดังขึ้นก่อนจะเดินตบบ่ากันไปไปห้องเปลี่ยนเสื้อ

     

    นารูโตะเหลือบมองอิทาจิที่นั่งอยู่ที่อัฒจันทร์และมองลงมา

     

    "อิทาจิคงไม่ไปด้วย" นารูโตะที่เดินขนาบข้างกับคิบะพูดขึ้น

     

    "ช่างหัวอุจิวะสิ ไม่ไปก็ไม่ต้องไป ไม่ใช่คนในทีมอยู่แล้ว ห่างกันมั่งก็ได้นะแกสองคน นานๆทีจะเป็นไร"

     

    "แต่อิทาจิเป็นเพื่อนฉันนะ" นารูโตะมองต่ำ

     

    "แล้วพวกฉันไม่ใช่เพื่อนแกหรือไงโว้ย จะอยู่กับอุจิวะตลอดเวลาไม่ได้หรอกนะ ตัวติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมงขนาดนี้ใครจะกล้าไปยุ่งกับแกห๊ะเจ้าเซ่อ มีไอ้คนหัวสูงคอยมองเหยียดตลอดเวลา"

     

    นารูโตะเลิกคิ้ว

     

    "อิทาจิก็ใจดีออก"

     

    คิบะกลอกตา "ไป ไปกินข้าวกัน ปล่อยอุจิวะไปสักวันไม่ตายหรอก"

     

    นารุโตะเดินตามเพื่อนในชมรมฟุตบอลไป ขณะที่เขากำลังหยิบเสื้อผ้าที่ล็อคเกอร์ อิทาจิก็เดินเข้ามา

    คนในทีมที่เหลือต่างพากันหันไปมองก่อนจะเตรียมข้าวของเข้าไปในห้องอาบน้ำ

     

    "แกว่านารูโตะจะได้ไปกินข้าวกับพวกเราไหม" โจจิพูดขึ้นขณะเริ่มเปิดฝักบัว ไอความร้อนกระจายคลุ้งไปทั่วห้อง "ฉันว่าไม่อย่างเคยห้าร้อยเยน"

     

    "ผมก็ว่าไม่ พันเยนไปเลย" อีกคนในทีมสมทบ

     

    "โธ่ อย่างนี้จะสนุกอะไรนี่มันก็พนันข้างเดียวสิวะ แล้วไม่รู้อุจิวะมันจะหวงไว้ทำไมนักหนา นารูโตะก็ไม่รู้จะตามใจทำไม พอกันทั้งคู่" อีกคนที่กำลังสระผมตะโกนมาเสริม

     

    "แต่ฉันว่าคราวนี้มันไป สองพันเยน"

     

    "โห คิบะ มั่นใจมาจากไหนวะเนี่ย"

     

    "ก็คอยดู แต่จ่ายสดนะพวกแก" คิบะตอบ

     

     

    oOo

     

     

    "วันนี้ดูเหม่อๆนะ" อิทาจิพูดขึ้นขณะที่นารูโตะกำลังหยิบเสื้อผ้า

     

    "ก็เพราะเรื่องเมื่อคืนไงล่ะ เสียสมาธิชะมัด" นารูโตะที่ยังหงุดหงิดเพราะความพ่ายแพ้ตอบเสียงขุ่น

     

    "หลังจากนี้ฉันจะแวะไปจัดการเรื่องของสภานักเรียน หลังจากนั้นก็นัดซาสึเกะไว้ว่าจะไปรับที่เรียนพิเศษ.."

     

    "งั้นฉันไม่อยู่รอนะ นายไปเถอะ พวกชมรมฟุตบอลจะไปกินราเมงฉลองกัน"

     

    "ขอเถอะนารูโตะ ไอ้อาหารแบบนั้น"

     

    เด็กหนุ่มผมทองกระแทกปิดล็อคเกอร์เสียงดัง

     

    "นายจะไปจัดการธุระอะไรก็ตามสบาย วันนี้ก็แยกกันตรงนี้แล้วกัน ฉันจะไปกินราเมงกับพวกในชมรม"

     

    นารูโตะทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำรวมก่อนอิทาจิจะคว้าต้นแขนไว้

     

    "ฉันบอกซาสึเกะว่าจะพานายไปด้วย" อิทาจิพูดเสียงเย็น

     

    "เดี๋ยวฉันโทรบอกซาสึเกะเองว่าไว้คราวหน้า"

     

    อิทาจิออกแรงบีบขึ้นจนนารูโตะขมวดคิ้ว "นายกำลังทำอะไรนารูโตะ ถ้าคิดว่าอยากจะทำแบบนี้ก็เชิญ เรื่องเมื่อคืนนายเป็นคนตอบตกลงเอง หรือถ้าคิดว่ามีเจ้าพวกนั้นแล้วไม่จำเป็นต้องมีฉันก็พอเท่านี้แล้วก็ไม่ต้องมาหาครอบครัวฉันอีก"

     

    นารูโตะสะอึก เขาจ้องอิทาจิเขม็ง เขาไม่ปฏิเสธว่าการได้ใกล้ชิดครอบครัวอุจิวะ มีอาหารอุ่นๆให้ทานทุกวันศุกร์ การเอาใจใส่ดูแลของคุณมิโคโตะช่วยเติมเต็มรักความอบอุ่นที่นารูโตะขาดตั้งแต่เด็ก

     

    เด็กหนุ่มผมทองเม้มปากเน้น เขาบิดแขนออกจากมือของคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าโรงอาบน้ำไป นารูโตะไม่ได้หันกลับมามองแววตาสีดำสนิทที่มองตามแผ่นหลังเขาไปอย่างเยือกเย็น

     

     

    oOo

     

     

    'ทำไมวันนี้ถึงไม่มากับอิทาจิ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ'

     

    'ผมถามอิทาจิก็ไม่ตอบ ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ'

     

    'นารูโตะจะไม่ตอบข้อความผมใช่ไหม'

     

    'ผมจะไม่ทานข้าวจนกว่านารูโตะจะตอบข้อความผมนะ'

     

    3 Missed calls (Uchiha Mikoto)

     

     

    ทันทีที่นารูโตะเปิดโทรศัพท์มือถือที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดอายุ 17 ก็ต้องเจอพบกับข้อความของซาสึเกะและสายโทรศัพท์ของคุณมิโคโตะ

     

    นารูโตะรีบโทรกลับทันที

     

    "นารุจัง" น้ำเสียงหวานเจือไปด้วยความร้อนใจ "ปิดโทรศัพท์ทำไมลูก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า"

     

    "เปล่าเลยครับ พอดีผมแข่งฟุตบอลอยู่แล้วก็ไปฉลองกับเพื่อนที่ชมรม ก็เลยเผลอลืม" นารูโตะเกาหัวแก้เก้อราวกับอีกฝั่งจะเห็น

     

    "เฮ้อ ตกใจหมดเลยจ้ะ อิทาจิไปรับซาสึเกะกลับถึงบ้านก็ทำหน้าตาหน้ากลัวเลยคิดว่าทะเลาะกันอีกแน่ๆเชียว"

     

    "นิดหน่อยน่ะครับ แล้วนี่ทานข้าวกันแล้วหรือยังครับ"

     

    "แม่กับคุณพ่อน่ะเรียบร้อยแล้ว อิทาจิคงไม่ทาน ซาสึเกะตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่หมกตัวในห้องไปอีกคน แม่ล่ะกลุ้มใจจริงๆ นี่ก็คงเข้าช่วงวัยรุ่นแล้วล่ะ"

     

    "อา.." นารูโตะกัดกระพุ้งแก้ม "มิโคโตะซังไม่ต้องห่วงเรื่องอิทาจินะครับ ไว้ผมจะคุยกับเขาวันหลังเอง ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ"

     

    "จ้ะ มีอะไรก็คุยกันให้เรียบร้อยนะ แม่ยังอยากเจอนารุจังอยู่นะ" นารูโตะสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มผ่านปลายสาย

     

    "ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ มิโคโตะซัง ฝันดีครับ"

     

    หลังจากวางสาย นารูโตะก็นั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มพิมพ์ข้อความหาอีกคน

     

    'ซาสึเกะ ทานข้าวหรือยัง ทานสักหน่อยนะ ฉันแข่งฟุตบอลอยู่เลยไม่เห็นข้อความ ขอโทษด้วย ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปหานะ ราตรีสวัสดิ์ แล้วเจอกัน'

     

    จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงกับเตียงด้วยความเหนื่อยล้าและอีกไม่นานก็พล็อยหลับไป

     

     

    oOo

     

     

    ซาสึเกะกำลังนั่งเหม่อมองแป้นสีขาวดำของเปียโนอยู่พักใหญ่

     

    "ซาสึเกะ วันนี้ดูไม่มีสมาธิเลยนะคะ" อาจารย์สอนเปียโนเจ้าของเรือนผมยาวสวยสีดำขลับ ดวงตาสีอ่อนแสดงความห่วงใย ก่อนจะเอ่ยขึ้นขณะเฝ้าสังเกตอยู่พักใหญ่ "ล้างหน้าล้างตาหน่อยไหมคะ"

     

    "ฮิวงะซัง ผมขอใช้โทรศัพท์สักเดี๋ยวนะครับ" หลังจากฮิวงะ ฮินาตะตอบตกลงด้วยการพยักหน้า เด็กหนุ่มก็ตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ เขาปลดล็อคและใจเต้นแรงเมื่อเห็นข้อความที่ส่งมา

     

    'ซาสึเกะ ฉันรออยู่ที่หน้าโรงเรียนนะ!'

     

    เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทยิ้มกว้าง ก่อนจะปิดมือถือแล้วกลับมาหาครูสอนเปียโนอีกครั้ง

     

    "ฮิวงะซัง ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ" ซาสึเกะกล่าวอ้างรีบๆ

     

    "เอ๋ แล้วซาสึเกะซังโทรบอกที่บ้านหรือยังคะ ไหวหรือเปล่าหรือจะทานยารอก่อนเพราะกว่าอิทาจิซังจะมา"

     

    "ที่จริง ผมให้คนที่บ้านมารับแล้วล่ะครับ"

     

    ฮินาตะเลิกคิ้ว "ใครกันคะ"

     

    "นารูโตะซังเป็นเพื่อนของอิทาจิ"

     

    "ซาสึเกะ คนรู้จักจริงๆใช่ไหมคะ ยังไงก็คงจะปล่อยไปด้วยง่ายๆไม่ได้หรอกค่ะต้องขอโทรเช็คกับคนที่บ้านอุจิวะก่อน"

     

    ซาสึเกะถอนหายใจ

     

    "โทรถามคุณแม่ได้เลยครับฮินาตะซัง"

     

    หลังจากฮิวงะ ฮินาตะหายไปโทรศัพท์มาครู่หนึ่งก็เดินกลับเข้าห้องมาหาซาสึเกะที่เก็บข้าวของรออยู่แล้ว

     

    "งั้นเดี๋ยวครูไปส่งค่ะ" ฮินาตะว่า

     

    ซาสึเกะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่วิ่งลงบันไดไป เขาแทบรอที่จะเจอกับนารูโตะไม่ไหว นารูโตะคนที่เหมือนหอบเอาดวงอาทิตย์มาด้วยเสมอ

     

    "ซาสึเกะ?!" นารูโตะร้องอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นซาสึเกะเดินลงมาก่อนเวลาที่จะเลิกจริงเกือบครึ่งชั่วโมง "เกิดอะไรขึ้น"

     

    "สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นนารูโตะซัง พอดีซาสึเกะรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยอยากให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านเร็วหน่อยน่ะค่ะ" ฮินาตะเอ่ยขึ้นขณะพาซาสึเกะไปส่งที่ประตู ดวงตาสีอ่อนจัดจ้องไปที่เด็กหนุ่มผมทองไม่วางตา ใบหน้าของเธอเริ่มอมสีชมพูเรื่อๆ

     

    "โอ๊ะ ไม่รู้เลยนะครับเนี่ยว่าครูสอนพิเศษของซาสึเกะจะยังเด็กอยู่" นารูโตะโค้งให้หญิงสาว

     

    ฮินาตะหน้าแดงขึ้น

     

    "เป็นอะไรมากหรือเปล่า" นารูโตะย่อตัวลงไปในระดับสายตากับเด็กน้อย ซาสึเกะส่ายหน้าเป็นคำตอบ นารูโตะเลิกคิ้วก่อนจะค่อยๆโน้มตัวให้หน้าผากชนกัน ซาสึเกะสะดุ้ง

     

    "ตัวก็ไม่ร้อนแต่หน้าแดงจังซาสึเกะ ไม่เป็นอะไรมากแน่นะ"

     

    ซาสึเกะพยักหน้า ก่อนที่เด็กหนุ่มผมทองจะยืดตัวขึ้น

     

    "อากาศคงจะเริ่มร้อนแล้วนะครับ คุณครูก็รักษาสุขภาพนะฮะ" ยิ้มกว้างที่นารูโตะส่งมาให้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกโหวงๆในอก "ลาก่อนนะครับคุณครู ไว้โอกาสหน้าพบกันใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

     

    นารูโตะจับมือซาสึเกะข้างหนึ่งก่อนจะโค้งล่ำลาอีกครั้ง

     

    oOo

     

     

    ซาสึเกะไม่รู้จะอธิบายอย่างไรตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอนารูโตะ ครั้งแรกที่เขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับเพื่อนของอิทาจิที่เขาเคยได้ยินแต่ชื่อและไม่เคยใส่ใจ
     

    รอยยิ้มที่สวย ฟันขาวเรียงสะอาดเท่ากันทุกซี่ผมสีทองและผิวอันละเอียดละออ นารูโตะเหมือนเป็นแสงสว่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านอุจิวะ เขาชื่นชมอารมณ์ขัน ความเป็นธรรมชาติ ขี้เล่นและพลังด้านบวกอันล้นเหลือของนารูโตะ เขาหลงรักนารูโตะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
     

     

    วันแล้ววันเล่าความหลงใหลในตัวของเด็กหนุ่มก็ยิ่งทวีคูณ เด็กน้อยชอบมองเวลานารูโตะทานอาหาร เขารู้สึกว่านารูโตะดูยั่วยวนเหมือนนางเอกหนังเจมส์บอนด์ที่เคยนั่งดูกับอิทาจิ

    แม้ว่านารูโตะจะเป็นผู้ชาย เขาเคยลองจินตนาการให้นารูโตะจูบเขาที่ปากเหมือนอย่างที่แม่เคยทำตอนส่งเขาเข้านอน และซาสึเกะก็ชอบที่จะจินตนาการแบบนั้นซ้ำๆ


     

    เด็กน้อยรู้สึกว่านารูโตะดูสะอาดบริสุทธิ์และผิดบาปไปพร้อมกันๆ เขาทำให้ตัวตนของซาสึเกะเต็มไปด้วยความริษยา เขาอิจฉาอิทาจิมาตลอดในความฉลาดอัจฉริยะและเป็นที่คาดหวังของพ่อ แต่เขาริษยาอิทาจิจนถึงขั้นที่ไม่ต้องการให้มีพี่ชายอยู่อีกต่อไปในคืนที่นารูโตะมาส่งเขาเข้านอน เด็กน้อยตื่นขึ้นกลางดึกโดยไม่มีนารูโตะอยู่ข้างๆ ซาสึเกะลุกขึ้น เขาเดินผ่านห้องอิทาจิ เขาได้ยินเสียงนารูโตะ เขาเกือบจะเคาะเรียกถ้าประตูมะฮอกกะนีบานใหญ่ห้องนอนของพี่ชายล็อค คืนนั้นประตูไม่ได้ล็อค ซาสึเกะจำภาพที่นารูโตะนั่งบนตักของอิทาจิและกำลังจูบกับคนที่เรียกว่าเพื่อนในแบบที่เขาไม่เคยเห็น

    มันไม่ใช่แบบที่แม่จูบกับเขา ไม่ใช่แบบที่เราจูบสัตว์เลี้ยง
     

     

    ซาสึเกะตัวสั่น มือและขาของเขาก็สั่นจนเย็นเฉียบ เขากัดฟันแน่นจนเช้าวันต่อมารู้สึกปวดกระดูก ซาสึเกะคลื่นไส้จนต้องวิ่งไปที่ห้องน้ำ เขาคายอาหารเย็นนั้นลงชักโครกจนรู้สึกเจ็บที่ท้อง เด็กน้อยพาตัวเองกลับไปที่ห้องนอนก่อนจะขว้างสมุดหนังสือ ทุกๆอย่างที่อยู่ใกล้มือให้แตกกระจาย ซาสึเกะอยากจะพังมันก่อนที่เขาจะพาตัวเองเข้าไปบีบคอคนทั้งคู่ให้แยกจากกัน
     

     

    หลังจากวันนั้น ในหัวของซาสึเกะมักจะเต็มไปด้วยคำว่า ถ้า..

    ถ้าเขาเกิดเร็วกว่านี้

    ถ้าเขาผมยาวกว่านี้

    ถ้าเขาได้เรียนโรงเรียนที่อิทาจิเรียน

    เขาจะได้เป็นเพื่อนกับนารูโตะซัง

    เขาจะได้เจอกับนารูโตะซังทุกวัน

    นารูโตะซังจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนที่ทำกับอิทาจิ

    นารูโตะซังจะจูบเขาเหมือนที่นารูโตะซังจูบอิทาจิ
     

     

    "ไม่ได้ป่วยจริงล่ะสิ" นารูโตะหยิกแก้มของซาสึเกะหลังจากเดินห่างจากโรงเรียนสอนดนตรีมาประมาณห้าร้อยเมตร

     

    ซาสึเกะร้องโอดโอยก่อนนารูโตะจะปล่อยมือ เด็กน้อยลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

     

    "จริงๆนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่คืนก่อนแล้ว"

     

    "หือ จริงน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วบอกมิโคโตะซังหรือยัง" น้ำเสียงของนารูโตะเต็มไปดูความห่วงใย

     

    "ผมแค่คลื่นไส้ตลอดเวลาเลย อยากทานอะไรเย็นๆ นารูโตะซังพาไปนะครับ"

     

    "ไม่กลับบ้านเลยจะดีหรอ อีกอย่างยังไม่ได้บอกอิทาจิด้วยว่าฉันจะมารับ คลาดกันจะเป็นเรื่องนะ โอ๊ะ.." นารูโตะกระชากมือออกจากเด็กน้อย เขายกฝ่ามือขึ้นมาดู "เล็บยาวนะเรา"

     

    "เล็บผมไปโดนหรอ ขอโทษนะครับ พอดีช่วงนี้ผมฝึกกีต้าร์คลาสสิคเลยต้องใช้เล็บยาวนิดหน่อย แต่นารูโตะก็ไม่น่าจะพูดถึงอิทาจิขึ้นมาน่ะครับ" ซาสึเกะเบาเสียงจนเกือบไม่ได้ยินที่ท้ายประโยคก่อนจะยิ้มอย่างไร้เดียงสามาให้นารูโตะ

     

    "ว้าว สุดยอดเลยซาสึเกะ จริงหรอ ฉันเคยเห็นเด็กที่ดีดเก่งๆในอินเตอร์เน็ตนะ เท่ชะมัด วันหลังเล่นให้ฟังบ้างสิ" นารูโตะยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น

     

    "ได้ แต่วันนี้ต้องยังไม่กลับบ้านนะ พาผมไปหาอะไรทานนะ นะครับนารูโตะ นะ"

     

    สายตาและข้อต่อรองของเด็กน้อยทำให้นารูโตะต้องยอม

     

    ทั้งคู่พากันไปนั่งที่ร้านไอศรีมใกล้ๆ ซาสึเกะไม่ได้ชอบของหวานแต่เขาชอบมองนารูโตะเวลาได้ทานของหวานๆที่เจ้าตัวชอบ

     

    "สั่งถ้วยใหญ่ๆมาทานด้วยกันนะครับ"

     

    นารูโตะเลิกคิ้ว "เอางั้นหรอ"

     

    "ทานด้วยกันนะ ทานถ้วยเดียวกันได้ใช่ไหมนารูโตะซัง" ซาสึเกะรบเร้า

     

    "ก็ตามใจสิ"

     

    ซาสึเกะยกยิ้ม "รักนารูโตะซังที่สุดเลย"

     

    "แค่นี้ก็ดีใจแล้วเนี่ยนะ สมกับเป็นเด็กจริงๆ" นารูโตะหันไปเรียกพนักงาน เขาไม่ทันได้เห็นสายตาของเด็กน้อยที่มองมาอย่างกระหาย

     

    ซาสึเกะแทบจะไม่แตะไอศรีม เขาตักหนึ่งคำ ดื่มน้ำสามอึกนั่งมองหน้านารูโตะอีกห้านาทีแล้วค่อยตักอีกหนึ่งคำ นารูโตะเล่าเรื่องการแข่งขันฟุตบอลเมื่อวานอย่างออกรสออกชาติ แต่ที่จริงซาสึเกะอยากให้เขาเล่าเรื่องว่าทำไมเขาต้องจูบกับอิทาจิมากกว่าแล้วก็ขอโทษซาสึเกะว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ก่อนจะจูบซาสึเกะแบบนั้นแทน เด็กน้อยครุ่นคิดระหว่างที่นารูโตะกำลังกัดเชอร์รี่ เขายิ้มให้นารูโตะเมื่อดวงตาสีฟ้าหันมาสบกับเขา นารูโตะยิ้มกลับก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานไอศรีมรสมิ้นท์อีกครั้ง

     

    ซาสึเกะต้องทำ เขาต้องหาข้ออ้าง เขาต้องออกจากที่เรียนพิเศษเพื่อลงมาหานารูโตะ ซาสึเกะเพียรคิดอย่างนั้นอยู่ในหัวตั้งแต่ได้เห็นข้อความของนารูโตะ

     

    นี่เป็นครั้งแรกและเขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้ใช้เวลาข้างนอกเพียงลำพังกับนารูโตะที่เขาชื่นชมไปเสียทุกย่างก้าวที่เจ้าตัวเดิน ไม่แม้กระทั่งกี่สิบอิทาจิจะมาพรากเขาไป

     

    "ซาสึเกะ" เสียงทุ้มลึกเย็นเยียบอันคุ้นหูดังขึ้น "กลับบ้าน"

     

    ทั้งสองเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเพื่อพบชายหนุ่มผมยาวสีดำขลับ ดวงตาคู่สีเดียวกันไม่ได้เหลือบมามองทางนารูโตะ "เดี๋ยวนี้"

     

    "ผมยังไม่กลับ ยังทานไม่หมด" ซาสึเกะนั่งอยู่ที่เดิม เขายกช้อนขึ้นตักไอศรีมราวกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

     

    "วางช้อนลง ไปเดี๋ยวนี้" อิทาจิเอื้อมมือไปจับแขนซาสึเกะ

     

    "อิทาจิ ไม่เห็นต้องรีบเลย ไอศรีมก็เหลือตั้งเยอะ ทานด้วยกันก่อนสิ" นารูโตะลุกขึ้น

     

    อิทาจิหันไปคุยกับซาสึเกะต่อราวกับว่าไม่ได้มีใครยืนพูดอยู่ตรงนั้น

     

    "ไม่เห็นรู้ว่าชอบกินของแบบนี้ แล้วออกมาจากโรงเรียนทำไมไม่บอกก่อน แม่ทำอาหารรออยู่ที่บ้าน"

     

    "ซาสึเกะบอกว่าคุณครูโทรบอกมิโคโตะซังแล้วนะว่าฉันมารับ" นารูโตะพยายามที่จะพูดกับอิทาจิ เขาขยับเข้าใกล้และจับแขนเสื้อเชิ๊ตที่อิทาจิสวมอยู่

     

    เด็กหนุ่มผมยาวสีดำไม่ได้สะบัดออก เขาแค่ทำเหมือนว่านารูโตะไม่มีตัวตนก่อนจะเริ่มลากซาสึเกะออกไป

     

    นารูโตะยืนมองพื้นอยู่ที่เดิม เขากัดริมฝีปากแน่นและเริ่มทำตัวไม่ถูก ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกัน อิทาจิกับนารูโตะเถียงกันด้วยเรื่องเล็กน้อยเกือบทุกวัน เล็กน้อยขนาดที่ถ้าอิทาจิเผลอไปเปิดฝาถ้วยราเมงสำเร็จรูปที่นารูโตะต้มไว้ก่อนครบสามนาทีนารูโตะก็จะโกรธและอาละวาด เถียงกันด้วยเรื่องว่าใครจะกระโดดได้ไกลกว่ากันในวันตรวจสุขภาพโรงเรียน เถียงกันเรื่องอาหารการกินที่แย่ของนารูโตะ งอนเรื่องที่อิทาจิเคยเผลอไปว่าราเมงแกงกะหรี่ว่ารสชาติแย่และหน้าตาเหมือนขยะ นารูโตะไม่คุยกับเขากับทั้งวัน

     

    ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น อิทาจิจะพยายามเข้ามาคุยก่อนเสมอจนกว่านารูโตะจะตอบ ในทางกลับกันก็เช่นกัน การเถียงกันไปมาของทั้งคู่เป็นเสมือนแค่การเล่นค่าเวลา มันไม่เคยซีเรียสจริงจัง ออกจะเป็นนารูโตะที่โวยวายฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ นารูโตะครุ่นคิด มันเริ่มไม่เป็นอย่างนั้นตั้งแต่ทั้งคู่เถียงกันเรื่องคาคาชิ ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สามและอีกหลายครั้งที่เกี่ยวกับคาคาชิจนกระทั่งวันเกิดของเขา นารูโตะยอมรับเรื่องที่เขาโกหกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อิทาจิดูจะเดือดดาลขึ้นทุกที มันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆจนพักหลังอิทาจิค่อยๆเปลี่ยนไปและเอาใจยากขึ้นทุกวัน

     

    นารูโตะเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ก่อนจะเดินตามสองพี่น้องไป

     

    อิทาจิไม่ได้ขับรถมาทำให้เขาสามารถเดินตามไปได้ถึงบ้านอุจิวะซึ่งไม่ไกลจากแถวนั้น

    เขาเรียกชื่ออิทาจิเป็นร้อยรอบ โดยที่ไม่มีการตอบสนองนอกจากซาสึเกะที่หันมามองเขาราวกับจะร้องไห้

     

    "ฉันขอโทษ ไม่ได้ยินหรอ อิทาจิ" เสียงของนารูโตะเริ่มสั่นขณะที่เขามองเห็นมิโคโตะยืนโบกมือให้เขาอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่

     

    อิทาจิก้าวเข้าไปหาแม่ของเขาก่อนจะดึงมือทั้งแม่และน้องชายเข้าไปในบ้านก่อนจะปิดประตูและล็อคทุกกลอนที่มีเสียงดัง

     

    นารูโตะได้ยินมิโคโตะซังร้อง

     

    "อิทาจิ ลูกทำอะไร?!"

     

    "ถ้าแม่เปิดประตูให้เด็กปีศาจนั่นเข้ามา อย่าหวังว่าผมจะกลับมาเหยียบบ้านนี้อีก" น้ำเสียงเย็นเยียบกรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจ นารูโตะเบิกตากว้างทันทีที่คำว่า 'เด็กปีศาจ' ลอยมากระทบหู

    ความทรงจำตกตะกอนกว่าสิบปีลอยคลุ้งขึ้นมา

    นารูโตะทรุดตัวลงหน้าบ้านอุจิวะ เขาร้องไห้เสียงดังราวกับควบคุมสติไม่อยู่ เสียงสะอื้นทำให้ทั้งมิโคโตะและซาสึเกะเสียงดังเป็นการใหญ่ นารูโตะไม่ได้ยินอีก เขาฟังไม่ได้ศัพท์เพราะเสียงร้องไห้ของตัวเอง

     

    "เด็กปีศาจอะไรอิทาจิตอบแม่มานะ?!"

     

    เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะปิดหูและนอนคุดคู้ที่หน้าบ้าน อากาศที่ขมุกขมัวแต่เช้าเริ่มสาดสายฝนลงมาโครมใหญ่ นารูโตะไม่รู้ว่าอิทาจิตอบคำถามนั้นไปว่าอย่างไรแต่เขาไม่มีแรงพอที่จะก้าวไปไหนนอกจากร้องไห้แทบขาดใจสู้กับสายฝนอยู่ตรงนั้น
     

     

    หลายปีก่อนหน้าที่จะเจอกับอิทาจิ นารูโตะอยู่ในวังวนของการถูกเรียกว่าปีศาจ เด็กที่เกิดมาแล้วทำให้แม่ของเขาต้องตาย ทำให้ พ่อของเขาต้องติดคุก ทำให้มนุษยชาติต้องระส่ำระสาย

    พ่อและแม่ของนารูโตะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโคโนฮะ ทั้งคู่ได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีชีวภาพที่จะทำให้เผ่าพันธ์ของมนุษย์เข้มแข็ง มีอายุที่ยืนยาวและมีกำลังกายมหาศาลแบบที่ผู้คนคิดไม่ถึง

    รัฐบาลโคโนฮะแอบให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างลับๆและไม่ต้องการให้การทดลองนี้เผยแพร่สู่สารธารณะชนด้วยเรื่องกฎหมายและสิทธิเสรีของการดัดแปลงมนุษย์
     

     

    มินาโตะและคุชินะตัดสินใจฉีดสารที่ว่าเข้าไปตามเส้นเลือดขณะที่คุชินะตั้งครรภ์ได้เพียงสามเดือน

    6 เดือนจากนั้นที่คู่สามีภรรยาเฝ้ารอการพบหน้ากับลูกคนแรกและผลิตผลของงานวิจัยที่ทั้งสองลงทุนลงแรงทั้งชีวิต

    นั่นหมายรวมถึงรัฐบาลที่เฝ้ารอผลการวิจัยจากการลงทุนด้วยเม็ดเงินภาษีมหาศาล
     

     

    วันที่ 10 ตุลาคม ในปีนั้น คือกำหนดคลอดของอุซึมากะ นารูโตะ

    คุชินะไม่สามารถทนทานอาการเจ็บปวดที่มากเกินกว่าธรรมชาติของการบีบรัดของมดลูกกว่าปกติได้ ลูกชายของเขาไม่ปกติ ไม่ปกติตั้งแต่แรก เป็นสิ่งที่เธอรู้สึก คุชินะฝากฝังชีวิตนารูโตะไว้กับสามีโดยที่บอกให้เขาปล่อยเธอไป

    มินาโตะผ่าท้องของคุชินะหลังจากที่เธอสิ้นลม ข่าวการตายของนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดทำให้ผู้คนขุดคุ้ยถึงสาเหตุ

    รัฐบาลพยายามทำลายหลักฐานทุกอย่าง แต่ความจริงของโครงการลับก็ถูกเปิดเผยโดยคนในองค์กรที่เคร่งศาสนา ผู้คนเกรี้ยวกราดกับสิ่งที่พวกเขาทำและตราหน้านารูโตะว่าเป็น 'เด็กปีศาจ' สารชีวภาพที่ฉีดเข้าไปจะทำให้นารูโตะโตมาเป็นสิ่งอันตรายและเป็นความอัปยศทางพันธุกรรมรวมถึงเหยียดหยามคำสอนของพระเจ้าและธรรมชาติของมนุษย์

    มินาโตะต้องถูกจับเข้าคุกและรับผิดชอบ มินาโตะฆ่าตัวตายไม่นานหลังจากนั้นโดยการฉีดยาเข้าเส้นเลือด
     

     

    นารูโตะถูกส่งไปสถานกำพร้า เขาเติบโตและมีพัฒนาการตามเด็กปกติ

    นั่นเป็นสิ่งที่ ซึนาเดะ แพทย์ประจำตัวของเด็กน้อยวินิจฉัย เธอชี้แจงว่าระดับการทำงานของเซลล์เดียวที่นารูโตะผิดแผกจากคนทั่วไปคือนารูโตะสามารถเยียวยาแผลได้เร็วจนทำให้ผิวหนังของนารูโตะละเอียดไปทุกส่วน รวมถึงสีผมและสีตาที่ดูแจ่มชัดกว่าผู้คนปกติ
     

     

    การขาดความรักจากพ่อแม่ผนวกกับการเลี้ยงดูที่ปล่อยปละละเลยทำให้นารูโตะเป็นเด็กโมโหร้ายและไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้ พฤติกรรมที่อธิบายได้ทางจิตวิทยาเด็กเหล่านั้นกลับทำให้ผู้คนในสถานกำพร้าและใกล้เคียงคิดว่าเป็นอาการจากสารที่ฉีดเข้าไปในร่างกายของนารูโตะจากการทดลองอัปยศคราวนั้น

    เขาถูกสังคมเมินใส่ เขาถูกทำร้าย

    ชีวิตของเด็กน้อยไม่ใช่การดำเนินชีวิต แต่เป็นการเอาชีวิตให้รอดในแต่ละวัน

    ไม่มีใครคุยกับเขา ทุกครั้งที่มีคนมาพูดกับเขาคือการด่าทอ สาปแช่งและปาข้าวของใส่ เคยมีคนนึกสนุกลากตัวเขาไปแขวนอยู่บนต้นไม้

    บังคับให้เขากินน้ำจากพื้นเพราะคิดว่าเขาไม่ใช่คน จิตใจของนารูโตะบิดเบี้ยวจนเด็กน้อยไม่พูดจา


     

    สามปีจากนั้นที่ซึนาเดะทนไม่ได้และพาเขาออกจากสังคมแห่งนั้น ปกปิดประวัติและพามาอยู่โคโนฮะทางฝั่งตะวันตก ที่นั่นนารูโตะได้เจอกับอิทาจิ เด็กอัจริยะแห่งตระกูลอุจิวะ ที่คอยช่วยซึนาเดะในห้องแลปตั้งแต่อายุยังน้อย


     

    "เธอไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะนารูโตะ พ่อกับแม่ของเธอทำสำเร็จนะ เธอแค่จะเป็นมนุษย์ที่ไม่เจ็บป่วยบ่อย มีภูมิคุ้มกันที่ดี การเยียวยาที่เร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น ผิวของเธอสวยออกใช่ไหม ที่ทุกคนปฏิบัติกับเธอแบบนั้นเพราะพวกเขาอิจฉาเธอที่เธอแข็งแรงนะ"


     

    นารูโตะไม่ตอบ เขาไม่เอ่ยปากพูดกับใครอยู่หลายปี


     

    "นี่หรือครับเด็กปีศาจที่เขาพูดถึงกัน ไม่เห็นมีอะไรน่าประหลาดกว่าคนอื่นเลยซึนาเดะซัง" อิทาจิพูดกับอาจารย์แพทย์ผมสีทองสลวย ซึนาเดะทำหน้าเคร่งเครียด "ไม่หรอกอิทาจิ เด็กคนนี้น่ะแตกต่าง มินาโตะกับคุชินะทำสำเร็จจริงๆ แต่ผลงานของทั้งคู่นั้นทรงพลังเกินไป เร็วเกินไปที่ผู้คนจะยอมรับ ฉันคอยให้ยานารูโตะโดยไม่ให้ใครรู้ตั้งแต่เด็กคนนั้นถูกส่งมาให้ฉันตรวจตั้งแต่ยังไม่ขวบหนึ่งด้วยซ้ำ ฉันทำให้เขาร่างการอ่อนแอลง เซลล์ที่ผิดธรรมชาติก็ใช้ยาเข้าไปสลายทำลายเนื้อเยื่อนั่นซะ  ไม่งั้นเด็กคนนั้นคงเติบโตมาเกินกว่าที่จะคาดเดาทีเดียว

    โลกของเรายังไม่พร้อมหรอกอิทาจิ ผู้คนยังรับไม่ได้ นารูโตะโตมาแบบนั้นไม่ได้ ฉันจะทำให้เขาปกติที่สุด"


     

    อิทาจิพยักหน้า ดวงตาสีดำจับจ้องมองเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่นั่งเหม่อออกไปบนท้องฟ้านอกหน้าต่าง


     

    อิทาจิทำให้นารูโตะเป็นปกติ เขาปฏิบัติทุกอย่างกับนารูโตะอย่างปกติ ไม่เกลียดชังในขณะเดียวกันก็ไม่เวทนาหรือแสดงความสงสาร เด็กน้อยแห่งบ้านอุจิวะสอนเขาตั้งแต่อ่านหนังสือถึงการแปรงฟัน เล่นกับเขา พูดกับเขา เป็นเพื่อนกับเขา ดึงนารูโตะออกมาจากความทรงจำดำมืดกับเหตุการณ์ฝังใจที่เจ้าตัวเคยโดนปฏิบัติยิ่งกว่าเดรัจฉาน อิทาจิให้ค่ากับชีวิตของนารูโตะ เขาได้รับการทะนุถนอมขนาดที่ว่าการปล่อยให้ยุงกัดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ อิทาจิเป็นคนที่ทำให้นารูโตะอยากจะพูด เขาซาบซึ้งในทุกๆวัน เขาอยากจะพูดได้อีกครั้ง เขาอยากบอกกับอิทาจิ


     

    "ขอบคุณ"


     

     

    เกือบเที่ยงคืนที่สายฝนโปรยกระหน่ำ

     

    อิทาจิเปิดประตูออกมา เขาก้มมองนารูโตะที่เงยหน้าขึ้นจากขั้นบันไดหน้าบ้านด้วยดวงตาสีดำเรียบเฉย

     

    "รู้แล้วใช่ไหม"

     

    นารูโตะพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าหาชายร่างสูงใหญ่ สะอึกสะอื้นสำลักน้ำลายตัวเองจนอิทาจิฟังไม่รู้เรื่อง

     

    "ดี"

     

    นารูโตะซุกหน้าลงกับคอของอิทาจิ เจ้าตัวยังคงยังไม่หยุดร้องจนตัวสั่น เขาขยำเสื้อเชิ้ตของอิทาจิก่อนจะเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อเคลื่อนตัวไปจูบกับอิทาจิด้วยริมฝีปากที่เย็นและไหวระริก นารูโตะจูบย้ำๆอย่างนั้นราวกับร้องขอการให้อภัย ราวกับชีวิตจิตใจของเขาขึ้นอยู่กับคนตรงหน้านี้ เขาอ้อนวอน จนแทบกราบกรานให้อิทาจิสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก รับเขาและไม่ทิ้ง ไม่ทำลายเขาไปอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TO BE CONTINUED.

     

     

     

     

     

     

     













    555555555 มาต่อกันค่ะ






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×