คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 2
Falling Madly
Chapter 2
"นารูโตะ! ส่งลูกมา!" อินุซึกะ คิบะ ตะโกนสุดเสียง
นารูโตะที่กำลังเลี้ยงลูกบอลไปที่หน้าประตูเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะใช้เท้าขวาเตะข้ามหัวกองหลังอีกทีมไปให้
"ชิ!" คิบะสบถกับจังหวะที่คลาดเคลื่อนไป คิบะง้างเท้าเล็งไปที่ตาข่ายก่อนจะเตะเข้าไปเต็มแรงแต่ด้วยองศาที่ผิดพลาดตอนส่งทำให้ลูกไม่ไปในทิศทางที่เขาต้องการ
ปี๊ดดดดด!
เสียงนกหวีดหมดเวลาพอดีกับที่ลูกฟุตบอลจากเท้าคิบะกระเด้งขนกับเสาประตูและหมุนคว้างอยู่ที่พื้นหญ้า
ทีมโรงเรียนโคโนฮะทั้งสิบเอ็ดยืนหอบมองภาพทีมจากโรงเรียนข้างๆกำลังกระโดดยินดีกับชัยชนะ
คิบะคำรามก่อนจะเดินมาเขกหัวนารูโตะเบาๆ
"วันนี้เป็นอะไรหา?!"
นารูโตะลูบหัวป้อยๆ
"เปล่าสักหน่อย" เขาตอบอุบอิบ
"อย่ามาเปล่านะเจ้าบ้า! ชื่อเสียงกองหน้าคู่พยัคฆ์คำรามแห่งโคโนฮะวันนี้ป่นปี้หมดเพราะแก"
"หนอย แกไม่พลาดเลยสินะวันนี้ เจ้าคิบะซื้อบื้อ" นารูโตะแยกเขี้ยว เตรียมกระโดดเข้าใส่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม
"เลิกเถียงกันได้แล้ว แค่แข่งกระชับมิตรไม่ต้องถึงกับฆ่าแกงกันได้ไหม น่ารำคาญจริงๆ" ชิกามารุเดินเอื่อยๆมาเขกกะโหลกทั้งคู่
"ไป กินฉลองกับความพ่ายแพ้กันเถอะทุกคน" โจจิเดินมาขนาบข้าง
"แกเลี้ยงเลยนารูโตะ" คิบะว่า
"หารสิโว้ย!!" นารูโตะร้องค้าน
เสียงหัวเราะร่วนของทั้งสิบเอ็ดคนในทีมดังขึ้นก่อนจะเดินตบบ่ากันไปไปห้องเปลี่ยนเสื้อ
นารูโตะเหลือบมองอิทาจิที่นั่งอยู่ที่อัฒจันทร์และมองลงมา
"อิทาจิคงไม่ไปด้วย" นารูโตะที่เดินขนาบข้างกับคิบะพูดขึ้น
"ช่างหัวอุจิวะสิ ไม่ไปก็ไม่ต้องไป ไม่ใช่คนในทีมอยู่แล้ว ห่างกันมั่งก็ได้นะแกสองคน นานๆทีจะเป็นไร"
"แต่อิทาจิเป็นเพื่อนฉันนะ" นารูโตะมองต่ำ
"แล้วพวกฉันไม่ใช่เพื่อนแกหรือไงโว้ย จะอยู่กับอุจิวะตลอดเวลาไม่ได้หรอกนะ ตัวติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมงขนาดนี้ใครจะกล้าไปยุ่งกับแกห๊ะเจ้าเซ่อ มีไอ้คนหัวสูงคอยมองเหยียดตลอดเวลา"
นารูโตะเลิกคิ้ว
"อิทาจิก็ใจดีออก"
คิบะกลอกตา "ไป ไปกินข้าวกัน ปล่อยอุจิวะไปสักวันไม่ตายหรอก"
นารุโตะเดินตามเพื่อนในชมรมฟุตบอลไป ขณะที่เขากำลังหยิบเสื้อผ้าที่ล็อคเกอร์ อิทาจิก็เดินเข้ามา
คนในทีมที่เหลือต่างพากันหันไปมองก่อนจะเตรียมข้าวของเข้าไปในห้องอาบน้ำ
"แกว่านารูโตะจะได้ไปกินข้าวกับพวกเราไหม" โจจิพูดขึ้นขณะเริ่มเปิดฝักบัว ไอความร้อนกระจายคลุ้งไปทั่วห้อง "ฉันว่าไม่อย่างเคยห้าร้อยเยน"
"ผมก็ว่าไม่ พันเยนไปเลย" อีกคนในทีมสมทบ
"โธ่ อย่างนี้จะสนุกอะไรนี่มันก็พนันข้างเดียวสิวะ แล้วไม่รู้อุจิวะมันจะหวงไว้ทำไมนักหนา นารูโตะก็ไม่รู้จะตามใจทำไม พอกันทั้งคู่" อีกคนที่กำลังสระผมตะโกนมาเสริม
"แต่ฉันว่าคราวนี้มันไป สองพันเยน"
"โห คิบะ มั่นใจมาจากไหนวะเนี่ย"
"ก็คอยดู แต่จ่ายสดนะพวกแก" คิบะตอบ
oOo
"วันนี้ดูเหม่อๆนะ" อิทาจิพูดขึ้นขณะที่นารูโตะกำลังหยิบเสื้อผ้า
"ก็เพราะเรื่องเมื่อคืนไงล่ะ เสียสมาธิชะมัด" นารูโตะที่ยังหงุดหงิดเพราะความพ่ายแพ้ตอบเสียงขุ่น
"หลังจากนี้ฉันจะแวะไปจัดการเรื่องของสภานักเรียน หลังจากนั้นก็นัดซาสึเกะไว้ว่าจะไปรับที่เรียนพิเศษ.."
"งั้นฉันไม่อยู่รอนะ นายไปเถอะ พวกชมรมฟุตบอลจะไปกินราเมงฉลองกัน"
"ขอเถอะนารูโตะ ไอ้อาหารแบบนั้น"
เด็กหนุ่มผมทองกระแทกปิดล็อคเกอร์เสียงดัง
"นายจะไปจัดการธุระอะไรก็ตามสบาย วันนี้ก็แยกกันตรงนี้แล้วกัน ฉันจะไปกินราเมงกับพวกในชมรม"
นารูโตะทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำรวมก่อนอิทาจิจะคว้าต้นแขนไว้
"ฉันบอกซาสึเกะว่าจะพานายไปด้วย" อิทาจิพูดเสียงเย็น
"เดี๋ยวฉันโทรบอกซาสึเกะเองว่าไว้คราวหน้า"
อิทาจิออกแรงบีบขึ้นจนนารูโตะขมวดคิ้ว "นายกำลังทำอะไรนารูโตะ ถ้าคิดว่าอยากจะทำแบบนี้ก็เชิญ เรื่องเมื่อคืนนายเป็นคนตอบตกลงเอง หรือถ้าคิดว่ามีเจ้าพวกนั้นแล้วไม่จำเป็นต้องมีฉันก็พอเท่านี้แล้วก็ไม่ต้องมาหาครอบครัวฉันอีก"
นารูโตะสะอึก เขาจ้องอิทาจิเขม็ง เขาไม่ปฏิเสธว่าการได้ใกล้ชิดครอบครัวอุจิวะ มีอาหารอุ่นๆให้ทานทุกวันศุกร์ การเอาใจใส่ดูแลของคุณมิโคโตะช่วยเติมเต็มรักความอบอุ่นที่นารูโตะขาดตั้งแต่เด็ก
เด็กหนุ่มผมทองเม้มปากเน้น เขาบิดแขนออกจากมือของคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าโรงอาบน้ำไป นารูโตะไม่ได้หันกลับมามองแววตาสีดำสนิทที่มองตามแผ่นหลังเขาไปอย่างเยือกเย็น
oOo
'ทำไมวันนี้ถึงไม่มากับอิทาจิ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ'
'ผมถามอิทาจิก็ไม่ตอบ ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ'
'นารูโตะจะไม่ตอบข้อความผมใช่ไหม'
'ผมจะไม่ทานข้าวจนกว่านารูโตะจะตอบข้อความผมนะ'
3 Missed calls (Uchiha Mikoto)
ทันทีที่นารูโตะเปิดโทรศัพท์มือถือที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดอายุ 17 ก็ต้องเจอพบกับข้อความของซาสึเกะและสายโทรศัพท์ของคุณมิโคโตะ
นารูโตะรีบโทรกลับทันที
"นารุจัง" น้ำเสียงหวานเจือไปด้วยความร้อนใจ "ปิดโทรศัพท์ทำไมลูก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า"
"เปล่าเลยครับ พอดีผมแข่งฟุตบอลอยู่แล้วก็ไปฉลองกับเพื่อนที่ชมรม ก็เลยเผลอลืม" นารูโตะเกาหัวแก้เก้อราวกับอีกฝั่งจะเห็น
"เฮ้อ ตกใจหมดเลยจ้ะ อิทาจิไปรับซาสึเกะกลับถึงบ้านก็ทำหน้าตาหน้ากลัวเลยคิดว่าทะเลาะกันอีกแน่ๆเชียว"
"นิดหน่อยน่ะครับ แล้วนี่ทานข้าวกันแล้วหรือยังครับ"
"แม่กับคุณพ่อน่ะเรียบร้อยแล้ว อิทาจิคงไม่ทาน ซาสึเกะตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่หมกตัวในห้องไปอีกคน แม่ล่ะกลุ้มใจจริงๆ นี่ก็คงเข้าช่วงวัยรุ่นแล้วล่ะ"
"อา.." นารูโตะกัดกระพุ้งแก้ม "มิโคโตะซังไม่ต้องห่วงเรื่องอิทาจินะครับ ไว้ผมจะคุยกับเขาวันหลังเอง ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ"
"จ้ะ มีอะไรก็คุยกันให้เรียบร้อยนะ แม่ยังอยากเจอนารุจังอยู่นะ" นารูโตะสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มผ่านปลายสาย
"ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ มิโคโตะซัง ฝันดีครับ"
หลังจากวางสาย นารูโตะก็นั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มพิมพ์ข้อความหาอีกคน
'ซาสึเกะ ทานข้าวหรือยัง ทานสักหน่อยนะ ฉันแข่งฟุตบอลอยู่เลยไม่เห็นข้อความ ขอโทษด้วย ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปหานะ ราตรีสวัสดิ์ แล้วเจอกัน'
จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงกับเตียงด้วยความเหนื่อยล้าและอีกไม่นานก็พล็อยหลับไป
oOo
ซาสึเกะกำลังนั่งเหม่อมองแป้นสีขาวดำของเปียโนอยู่พักใหญ่
"ซาสึเกะ วันนี้ดูไม่มีสมาธิเลยนะคะ" อาจารย์สอนเปียโนเจ้าของเรือนผมยาวสวยสีดำขลับ ดวงตาสีอ่อนแสดงความห่วงใย ก่อนจะเอ่ยขึ้นขณะเฝ้าสังเกตอยู่พักใหญ่ "ล้างหน้าล้างตาหน่อยไหมคะ"
"ฮิวงะซัง ผมขอใช้โทรศัพท์สักเดี๋ยวนะครับ" หลังจากฮิวงะ ฮินาตะตอบตกลงด้วยการพยักหน้า เด็กหนุ่มก็ตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ เขาปลดล็อคและใจเต้นแรงเมื่อเห็นข้อความที่ส่งมา
'ซาสึเกะ ฉันรออยู่ที่หน้าโรงเรียนนะ!'
เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทยิ้มกว้าง ก่อนจะปิดมือถือแล้วกลับมาหาครูสอนเปียโนอีกครั้ง
"ฮิวงะซัง ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ" ซาสึเกะกล่าวอ้างรีบๆ
"เอ๋ แล้วซาสึเกะซังโทรบอกที่บ้านหรือยังคะ ไหวหรือเปล่าหรือจะทานยารอก่อนเพราะกว่าอิทาจิซังจะมา"
"ที่จริง ผมให้คนที่บ้านมารับแล้วล่ะครับ"
ฮินาตะเลิกคิ้ว "ใครกันคะ"
"นารูโตะซังเป็นเพื่อนของอิทาจิ"
"ซาสึเกะ คนรู้จักจริงๆใช่ไหมคะ ยังไงก็คงจะปล่อยไปด้วยง่ายๆไม่ได้หรอกค่ะต้องขอโทรเช็คกับคนที่บ้านอุจิวะก่อน"
ซาสึเกะถอนหายใจ
"โทรถามคุณแม่ได้เลยครับฮินาตะซัง"
หลังจากฮิวงะ ฮินาตะหายไปโทรศัพท์มาครู่หนึ่งก็เดินกลับเข้าห้องมาหาซาสึเกะที่เก็บข้าวของรออยู่แล้ว
"งั้นเดี๋ยวครูไปส่งค่ะ" ฮินาตะว่า
ซาสึเกะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่วิ่งลงบันไดไป เขาแทบรอที่จะเจอกับนารูโตะไม่ไหว นารูโตะคนที่เหมือนหอบเอาดวงอาทิตย์มาด้วยเสมอ
"ซาสึเกะ?!" นารูโตะร้องอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นซาสึเกะเดินลงมาก่อนเวลาที่จะเลิกจริงเกือบครึ่งชั่วโมง "เกิดอะไรขึ้น"
"สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นนารูโตะซัง พอดีซาสึเกะรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยอยากให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านเร็วหน่อยน่ะค่ะ" ฮินาตะเอ่ยขึ้นขณะพาซาสึเกะไปส่งที่ประตู ดวงตาสีอ่อนจัดจ้องไปที่เด็กหนุ่มผมทองไม่วางตา ใบหน้าของเธอเริ่มอมสีชมพูเรื่อๆ
"โอ๊ะ ไม่รู้เลยนะครับเนี่ยว่าครูสอนพิเศษของซาสึเกะจะยังเด็กอยู่" นารูโตะโค้งให้หญิงสาว
ฮินาตะหน้าแดงขึ้น
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า" นารูโตะย่อตัวลงไปในระดับสายตากับเด็กน้อย ซาสึเกะส่ายหน้าเป็นคำตอบ นารูโตะเลิกคิ้วก่อนจะค่อยๆโน้มตัวให้หน้าผากชนกัน ซาสึเกะสะดุ้ง
"ตัวก็ไม่ร้อนแต่หน้าแดงจังซาสึเกะ ไม่เป็นอะไรมากแน่นะ"
ซาสึเกะพยักหน้า ก่อนที่เด็กหนุ่มผมทองจะยืดตัวขึ้น
"อากาศคงจะเริ่มร้อนแล้วนะครับ คุณครูก็รักษาสุขภาพนะฮะ" ยิ้มกว้างที่นารูโตะส่งมาให้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกโหวงๆในอก "ลาก่อนนะครับคุณครู ไว้โอกาสหน้าพบกันใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
นารูโตะจับมือซาสึเกะข้างหนึ่งก่อนจะโค้งล่ำลาอีกครั้ง
oOo
ซาสึเกะไม่รู้จะอธิบายอย่างไรตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอนารูโตะ ครั้งแรกที่เขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับเพื่อนของอิทาจิที่เขาเคยได้ยินแต่ชื่อและไม่เคยใส่ใจ
รอยยิ้มที่สวย ฟันขาวเรียงสะอาดเท่ากันทุกซี่ผมสีทองและผิวอันละเอียดละออ นารูโตะเหมือนเป็นแสงสว่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านอุจิวะ เขาชื่นชมอารมณ์ขัน ความเป็นธรรมชาติ ขี้เล่นและพลังด้านบวกอันล้นเหลือของนารูโตะ เขาหลงรักนารูโตะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
วันแล้ววันเล่าความหลงใหลในตัวของเด็กหนุ่มก็ยิ่งทวีคูณ เด็กน้อยชอบมองเวลานารูโตะทานอาหาร เขารู้สึกว่านารูโตะดูยั่วยวนเหมือนนางเอกหนังเจมส์บอนด์ที่เคยนั่งดูกับอิทาจิ
แม้ว่านารูโตะจะเป็นผู้ชาย เขาเคยลองจินตนาการให้นารูโตะจูบเขาที่ปากเหมือนอย่างที่แม่เคยทำตอนส่งเขาเข้านอน และซาสึเกะก็ชอบที่จะจินตนาการแบบนั้นซ้ำๆ
เด็กน้อยรู้สึกว่านารูโตะดูสะอาดบริสุทธิ์และผิดบาปไปพร้อมกันๆ เขาทำให้ตัวตนของซาสึเกะเต็มไปด้วยความริษยา เขาอิจฉาอิทาจิมาตลอดในความฉลาดอัจฉริยะและเป็นที่คาดหวังของพ่อ แต่เขาริษยาอิทาจิจนถึงขั้นที่ไม่ต้องการให้มีพี่ชายอยู่อีกต่อไปในคืนที่นารูโตะมาส่งเขาเข้านอน เด็กน้อยตื่นขึ้นกลางดึกโดยไม่มีนารูโตะอยู่ข้างๆ ซาสึเกะลุกขึ้น เขาเดินผ่านห้องอิทาจิ เขาได้ยินเสียงนารูโตะ เขาเกือบจะเคาะเรียกถ้าประตูมะฮอกกะนีบานใหญ่ห้องนอนของพี่ชายล็อค คืนนั้นประตูไม่ได้ล็อค ซาสึเกะจำภาพที่นารูโตะนั่งบนตักของอิทาจิและกำลังจูบกับคนที่เรียกว่าเพื่อนในแบบที่เขาไม่เคยเห็น
มันไม่ใช่แบบที่แม่จูบกับเขา ไม่ใช่แบบที่เราจูบสัตว์เลี้ยง
ซาสึเกะตัวสั่น มือและขาของเขาก็สั่นจนเย็นเฉียบ เขากัดฟันแน่นจนเช้าวันต่อมารู้สึกปวดกระดูก ซาสึเกะคลื่นไส้จนต้องวิ่งไปที่ห้องน้ำ เขาคายอาหารเย็นนั้นลงชักโครกจนรู้สึกเจ็บที่ท้อง เด็กน้อยพาตัวเองกลับไปที่ห้องนอนก่อนจะขว้างสมุดหนังสือ ทุกๆอย่างที่อยู่ใกล้มือให้แตกกระจาย ซาสึเกะอยากจะพังมันก่อนที่เขาจะพาตัวเองเข้าไปบีบคอคนทั้งคู่ให้แยกจากกัน
หลังจากวันนั้น ในหัวของซาสึเกะมักจะเต็มไปด้วยคำว่า ถ้า..
ถ้าเขาเกิดเร็วกว่านี้
ถ้าเขาผมยาวกว่านี้
ถ้าเขาได้เรียนโรงเรียนที่อิทาจิเรียน
เขาจะได้เป็นเพื่อนกับนารูโตะซัง
เขาจะได้เจอกับนารูโตะซังทุกวัน
นารูโตะซังจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนที่ทำกับอิทาจิ
นารูโตะซังจะจูบเขาเหมือนที่นารูโตะซังจูบอิทาจิ
"ไม่ได้ป่วยจริงล่ะสิ" นารูโตะหยิกแก้มของซาสึเกะหลังจากเดินห่างจากโรงเรียนสอนดนตรีมาประมาณห้าร้อยเมตร
ซาสึเกะร้องโอดโอยก่อนนารูโตะจะปล่อยมือ เด็กน้อยลูบแก้มตัวเองป้อยๆ
"จริงๆนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่คืนก่อนแล้ว"
"หือ จริงน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วบอกมิโคโตะซังหรือยัง" น้ำเสียงของนารูโตะเต็มไปดูความห่วงใย
"ผมแค่คลื่นไส้ตลอดเวลาเลย อยากทานอะไรเย็นๆ นารูโตะซังพาไปนะครับ"
"ไม่กลับบ้านเลยจะดีหรอ อีกอย่างยังไม่ได้บอกอิทาจิด้วยว่าฉันจะมารับ คลาดกันจะเป็นเรื่องนะ โอ๊ะ.." นารูโตะกระชากมือออกจากเด็กน้อย เขายกฝ่ามือขึ้นมาดู "เล็บยาวนะเรา"
"เล็บผมไปโดนหรอ ขอโทษนะครับ พอดีช่วงนี้ผมฝึกกีต้าร์คลาสสิคเลยต้องใช้เล็บยาวนิดหน่อย แต่นารูโตะก็ไม่น่าจะพูดถึงอิทาจิขึ้นมาน่ะครับ" ซาสึเกะเบาเสียงจนเกือบไม่ได้ยินที่ท้ายประโยคก่อนจะยิ้มอย่างไร้เดียงสามาให้นารูโตะ
"ว้าว สุดยอดเลยซาสึเกะ จริงหรอ ฉันเคยเห็นเด็กที่ดีดเก่งๆในอินเตอร์เน็ตนะ เท่ชะมัด วันหลังเล่นให้ฟังบ้างสิ" นารูโตะยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น
"ได้ แต่วันนี้ต้องยังไม่กลับบ้านนะ พาผมไปหาอะไรทานนะ นะครับนารูโตะ นะ"
สายตาและข้อต่อรองของเด็กน้อยทำให้นารูโตะต้องยอม
ทั้งคู่พากันไปนั่งที่ร้านไอศรีมใกล้ๆ ซาสึเกะไม่ได้ชอบของหวานแต่เขาชอบมองนารูโตะเวลาได้ทานของหวานๆที่เจ้าตัวชอบ
"สั่งถ้วยใหญ่ๆมาทานด้วยกันนะครับ"
นารูโตะเลิกคิ้ว "เอางั้นหรอ"
"ทานด้วยกันนะ ทานถ้วยเดียวกันได้ใช่ไหมนารูโตะซัง" ซาสึเกะรบเร้า
"ก็ตามใจสิ"
ซาสึเกะยกยิ้ม "รักนารูโตะซังที่สุดเลย"
"แค่นี้ก็ดีใจแล้วเนี่ยนะ สมกับเป็นเด็กจริงๆ" นารูโตะหันไปเรียกพนักงาน เขาไม่ทันได้เห็นสายตาของเด็กน้อยที่มองมาอย่างกระหาย
ซาสึเกะแทบจะไม่แตะไอศรีม เขาตักหนึ่งคำ ดื่มน้ำสามอึกนั่งมองหน้านารูโตะอีกห้านาทีแล้วค่อยตักอีกหนึ่งคำ นารูโตะเล่าเรื่องการแข่งขันฟุตบอลเมื่อวานอย่างออกรสออกชาติ แต่ที่จริงซาสึเกะอยากให้เขาเล่าเรื่องว่าทำไมเขาต้องจูบกับอิทาจิมากกว่าแล้วก็ขอโทษซาสึเกะว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ก่อนจะจูบซาสึเกะแบบนั้นแทน เด็กน้อยครุ่นคิดระหว่างที่นารูโตะกำลังกัดเชอร์รี่ เขายิ้มให้นารูโตะเมื่อดวงตาสีฟ้าหันมาสบกับเขา นารูโตะยิ้มกลับก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานไอศรีมรสมิ้นท์อีกครั้ง
ซาสึเกะต้องทำ เขาต้องหาข้ออ้าง เขาต้องออกจากที่เรียนพิเศษเพื่อลงมาหานารูโตะ ซาสึเกะเพียรคิดอย่างนั้นอยู่ในหัวตั้งแต่ได้เห็นข้อความของนารูโตะ
นี่เป็นครั้งแรกและเขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้ใช้เวลาข้างนอกเพียงลำพังกับนารูโตะที่เขาชื่นชมไปเสียทุกย่างก้าวที่เจ้าตัวเดิน ไม่แม้กระทั่งกี่สิบอิทาจิจะมาพรากเขาไป
"ซาสึเกะ" เสียงทุ้มลึกเย็นเยียบอันคุ้นหูดังขึ้น "กลับบ้าน"
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเพื่อพบชายหนุ่มผมยาวสีดำขลับ ดวงตาคู่สีเดียวกันไม่ได้เหลือบมามองทางนารูโตะ "เดี๋ยวนี้"
"ผมยังไม่กลับ ยังทานไม่หมด" ซาสึเกะนั่งอยู่ที่เดิม เขายกช้อนขึ้นตักไอศรีมราวกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
"วางช้อนลง ไปเดี๋ยวนี้" อิทาจิเอื้อมมือไปจับแขนซาสึเกะ
"อิทาจิ ไม่เห็นต้องรีบเลย ไอศรีมก็เหลือตั้งเยอะ ทานด้วยกันก่อนสิ" นารูโตะลุกขึ้น
อิทาจิหันไปคุยกับซาสึเกะต่อราวกับว่าไม่ได้มีใครยืนพูดอยู่ตรงนั้น
"ไม่เห็นรู้ว่าชอบกินของแบบนี้ แล้วออกมาจากโรงเรียนทำไมไม่บอกก่อน แม่ทำอาหารรออยู่ที่บ้าน"
"ซาสึเกะบอกว่าคุณครูโทรบอกมิโคโตะซังแล้วนะว่าฉันมารับ" นารูโตะพยายามที่จะพูดกับอิทาจิ เขาขยับเข้าใกล้และจับแขนเสื้อเชิ๊ตที่อิทาจิสวมอยู่
เด็กหนุ่มผมยาวสีดำไม่ได้สะบัดออก เขาแค่ทำเหมือนว่านารูโตะไม่มีตัวตนก่อนจะเริ่มลากซาสึเกะออกไป
นารูโตะยืนมองพื้นอยู่ที่เดิม เขากัดริมฝีปากแน่นและเริ่มทำตัวไม่ถูก ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกัน อิทาจิกับนารูโตะเถียงกันด้วยเรื่องเล็กน้อยเกือบทุกวัน เล็กน้อยขนาดที่ถ้าอิทาจิเผลอไปเปิดฝาถ้วยราเมงสำเร็จรูปที่นารูโตะต้มไว้ก่อนครบสามนาทีนารูโตะก็จะโกรธและอาละวาด เถียงกันด้วยเรื่องว่าใครจะกระโดดได้ไกลกว่ากันในวันตรวจสุขภาพโรงเรียน เถียงกันเรื่องอาหารการกินที่แย่ของนารูโตะ งอนเรื่องที่อิทาจิเคยเผลอไปว่าราเมงแกงกะหรี่ว่ารสชาติแย่และหน้าตาเหมือนขยะ นารูโตะไม่คุยกับเขากับทั้งวัน
ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น อิทาจิจะพยายามเข้ามาคุยก่อนเสมอจนกว่านารูโตะจะตอบ ในทางกลับกันก็เช่นกัน การเถียงกันไปมาของทั้งคู่เป็นเสมือนแค่การเล่นค่าเวลา มันไม่เคยซีเรียสจริงจัง ออกจะเป็นนารูโตะที่โวยวายฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ นารูโตะครุ่นคิด มันเริ่มไม่เป็นอย่างนั้นตั้งแต่ทั้งคู่เถียงกันเรื่องคาคาชิ ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สามและอีกหลายครั้งที่เกี่ยวกับคาคาชิจนกระทั่งวันเกิดของเขา นารูโตะยอมรับเรื่องที่เขาโกหกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อิทาจิดูจะเดือดดาลขึ้นทุกที มันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆจนพักหลังอิทาจิค่อยๆเปลี่ยนไปและเอาใจยากขึ้นทุกวัน
นารูโตะเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ก่อนจะเดินตามสองพี่น้องไป
อิทาจิไม่ได้ขับรถมาทำให้เขาสามารถเดินตามไปได้ถึงบ้านอุจิวะซึ่งไม่ไกลจากแถวนั้น
เขาเรียกชื่ออิทาจิเป็นร้อยรอบ โดยที่ไม่มีการตอบสนองนอกจากซาสึเกะที่หันมามองเขาราวกับจะร้องไห้
"ฉันขอโทษ ไม่ได้ยินหรอ อิทาจิ" เสียงของนารูโตะเริ่มสั่นขณะที่เขามองเห็นมิโคโตะยืนโบกมือให้เขาอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่
อิทาจิก้าวเข้าไปหาแม่ของเขาก่อนจะดึงมือทั้งแม่และน้องชายเข้าไปในบ้านก่อนจะปิดประตูและล็อคทุกกลอนที่มีเสียงดัง
นารูโตะได้ยินมิโคโตะซังร้อง
"อิทาจิ ลูกทำอะไร?!"
"ถ้าแม่เปิดประตูให้เด็กปีศาจนั่นเข้ามา อย่าหวังว่าผมจะกลับมาเหยียบบ้านนี้อีก" น้ำเสียงเย็นเยียบกรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจ นารูโตะเบิกตากว้างทันทีที่คำว่า 'เด็กปีศาจ' ลอยมากระทบหู
ความทรงจำตกตะกอนกว่าสิบปีลอยคลุ้งขึ้นมา
นารูโตะทรุดตัวลงหน้าบ้านอุจิวะ เขาร้องไห้เสียงดังราวกับควบคุมสติไม่อยู่ เสียงสะอื้นทำให้ทั้งมิโคโตะและซาสึเกะเสียงดังเป็นการใหญ่ นารูโตะไม่ได้ยินอีก เขาฟังไม่ได้ศัพท์เพราะเสียงร้องไห้ของตัวเอง
"เด็กปีศาจอะไรอิทาจิตอบแม่มานะ?!"
เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะปิดหูและนอนคุดคู้ที่หน้าบ้าน อากาศที่ขมุกขมัวแต่เช้าเริ่มสาดสายฝนลงมาโครมใหญ่ นารูโตะไม่รู้ว่าอิทาจิตอบคำถามนั้นไปว่าอย่างไรแต่เขาไม่มีแรงพอที่จะก้าวไปไหนนอกจากร้องไห้แทบขาดใจสู้กับสายฝนอยู่ตรงนั้น
หลายปีก่อนหน้าที่จะเจอกับอิทาจิ นารูโตะอยู่ในวังวนของการถูกเรียกว่าปีศาจ เด็กที่เกิดมาแล้วทำให้แม่ของเขาต้องตาย ทำให้ พ่อของเขาต้องติดคุก ทำให้มนุษยชาติต้องระส่ำระสาย
พ่อและแม่ของนารูโตะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโคโนฮะ ทั้งคู่ได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีชีวภาพที่จะทำให้เผ่าพันธ์ของมนุษย์เข้มแข็ง มีอายุที่ยืนยาวและมีกำลังกายมหาศาลแบบที่ผู้คนคิดไม่ถึง
รัฐบาลโคโนฮะแอบให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างลับๆและไม่ต้องการให้การทดลองนี้เผยแพร่สู่สารธารณะชนด้วยเรื่องกฎหมายและสิทธิเสรีของการดัดแปลงมนุษย์
มินาโตะและคุชินะตัดสินใจฉีดสารที่ว่าเข้าไปตามเส้นเลือดขณะที่คุชินะตั้งครรภ์ได้เพียงสามเดือน
6 เดือนจากนั้นที่คู่สามีภรรยาเฝ้ารอการพบหน้ากับลูกคนแรกและผลิตผลของงานวิจัยที่ทั้งสองลงทุนลงแรงทั้งชีวิต
นั่นหมายรวมถึงรัฐบาลที่เฝ้ารอผลการวิจัยจากการลงทุนด้วยเม็ดเงินภาษีมหาศาล
วันที่ 10 ตุลาคม ในปีนั้น คือกำหนดคลอดของอุซึมากะ นารูโตะ
คุชินะไม่สามารถทนทานอาการเจ็บปวดที่มากเกินกว่าธรรมชาติของการบีบรัดของมดลูกกว่าปกติได้ ลูกชายของเขาไม่ปกติ ไม่ปกติตั้งแต่แรก เป็นสิ่งที่เธอรู้สึก คุชินะฝากฝังชีวิตนารูโตะไว้กับสามีโดยที่บอกให้เขาปล่อยเธอไป
มินาโตะผ่าท้องของคุชินะหลังจากที่เธอสิ้นลม ข่าวการตายของนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดทำให้ผู้คนขุดคุ้ยถึงสาเหตุ
รัฐบาลพยายามทำลายหลักฐานทุกอย่าง แต่ความจริงของโครงการลับก็ถูกเปิดเผยโดยคนในองค์กรที่เคร่งศาสนา ผู้คนเกรี้ยวกราดกับสิ่งที่พวกเขาทำและตราหน้านารูโตะว่าเป็น 'เด็กปีศาจ' สารชีวภาพที่ฉีดเข้าไปจะทำให้นารูโตะโตมาเป็นสิ่งอันตรายและเป็นความอัปยศทางพันธุกรรมรวมถึงเหยียดหยามคำสอนของพระเจ้าและธรรมชาติของมนุษย์
มินาโตะต้องถูกจับเข้าคุกและรับผิดชอบ มินาโตะฆ่าตัวตายไม่นานหลังจากนั้นโดยการฉีดยาเข้าเส้นเลือด
นารูโตะถูกส่งไปสถานกำพร้า เขาเติบโตและมีพัฒนาการตามเด็กปกติ
นั่นเป็นสิ่งที่ ซึนาเดะ แพทย์ประจำตัวของเด็กน้อยวินิจฉัย เธอชี้แจงว่าระดับการทำงานของเซลล์เดียวที่นารูโตะผิดแผกจากคนทั่วไปคือนารูโตะสามารถเยียวยาแผลได้เร็วจนทำให้ผิวหนังของนารูโตะละเอียดไปทุกส่วน รวมถึงสีผมและสีตาที่ดูแจ่มชัดกว่าผู้คนปกติ
การขาดความรักจากพ่อแม่ผนวกกับการเลี้ยงดูที่ปล่อยปละละเลยทำให้นารูโตะเป็นเด็กโมโหร้ายและไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้ พฤติกรรมที่อธิบายได้ทางจิตวิทยาเด็กเหล่านั้นกลับทำให้ผู้คนในสถานกำพร้าและใกล้เคียงคิดว่าเป็นอาการจากสารที่ฉีดเข้าไปในร่างกายของนารูโตะจากการทดลองอัปยศคราวนั้น
เขาถูกสังคมเมินใส่ เขาถูกทำร้าย
ชีวิตของเด็กน้อยไม่ใช่การดำเนินชีวิต แต่เป็นการเอาชีวิตให้รอดในแต่ละวัน
ไม่มีใครคุยกับเขา ทุกครั้งที่มีคนมาพูดกับเขาคือการด่าทอ สาปแช่งและปาข้าวของใส่ เคยมีคนนึกสนุกลากตัวเขาไปแขวนอยู่บนต้นไม้
บังคับให้เขากินน้ำจากพื้นเพราะคิดว่าเขาไม่ใช่คน จิตใจของนารูโตะบิดเบี้ยวจนเด็กน้อยไม่พูดจา
สามปีจากนั้นที่ซึนาเดะทนไม่ได้และพาเขาออกจากสังคมแห่งนั้น ปกปิดประวัติและพามาอยู่โคโนฮะทางฝั่งตะวันตก ที่นั่นนารูโตะได้เจอกับอิทาจิ เด็กอัจริยะแห่งตระกูลอุจิวะ ที่คอยช่วยซึนาเดะในห้องแลปตั้งแต่อายุยังน้อย
"เธอไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะนารูโตะ พ่อกับแม่ของเธอทำสำเร็จนะ เธอแค่จะเป็นมนุษย์ที่ไม่เจ็บป่วยบ่อย มีภูมิคุ้มกันที่ดี การเยียวยาที่เร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น ผิวของเธอสวยออกใช่ไหม ที่ทุกคนปฏิบัติกับเธอแบบนั้นเพราะพวกเขาอิจฉาเธอที่เธอแข็งแรงนะ"
นารูโตะไม่ตอบ เขาไม่เอ่ยปากพูดกับใครอยู่หลายปี
"นี่หรือครับเด็กปีศาจที่เขาพูดถึงกัน ไม่เห็นมีอะไรน่าประหลาดกว่าคนอื่นเลยซึนาเดะซัง" อิทาจิพูดกับอาจารย์แพทย์ผมสีทองสลวย ซึนาเดะทำหน้าเคร่งเครียด "ไม่หรอกอิทาจิ เด็กคนนี้น่ะแตกต่าง มินาโตะกับคุชินะทำสำเร็จจริงๆ แต่ผลงานของทั้งคู่นั้นทรงพลังเกินไป เร็วเกินไปที่ผู้คนจะยอมรับ ฉันคอยให้ยานารูโตะโดยไม่ให้ใครรู้ตั้งแต่เด็กคนนั้นถูกส่งมาให้ฉันตรวจตั้งแต่ยังไม่ขวบหนึ่งด้วยซ้ำ ฉันทำให้เขาร่างการอ่อนแอลง เซลล์ที่ผิดธรรมชาติก็ใช้ยาเข้าไปสลายทำลายเนื้อเยื่อนั่นซะ ไม่งั้นเด็กคนนั้นคงเติบโตมาเกินกว่าที่จะคาดเดาทีเดียว
โลกของเรายังไม่พร้อมหรอกอิทาจิ ผู้คนยังรับไม่ได้ นารูโตะโตมาแบบนั้นไม่ได้ ฉันจะทำให้เขาปกติที่สุด"
อิทาจิพยักหน้า ดวงตาสีดำจับจ้องมองเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่นั่งเหม่อออกไปบนท้องฟ้านอกหน้าต่าง
อิทาจิทำให้นารูโตะเป็นปกติ เขาปฏิบัติทุกอย่างกับนารูโตะอย่างปกติ ไม่เกลียดชังในขณะเดียวกันก็ไม่เวทนาหรือแสดงความสงสาร เด็กน้อยแห่งบ้านอุจิวะสอนเขาตั้งแต่อ่านหนังสือถึงการแปรงฟัน เล่นกับเขา พูดกับเขา เป็นเพื่อนกับเขา ดึงนารูโตะออกมาจากความทรงจำดำมืดกับเหตุการณ์ฝังใจที่เจ้าตัวเคยโดนปฏิบัติยิ่งกว่าเดรัจฉาน อิทาจิให้ค่ากับชีวิตของนารูโตะ เขาได้รับการทะนุถนอมขนาดที่ว่าการปล่อยให้ยุงกัดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ อิทาจิเป็นคนที่ทำให้นารูโตะอยากจะพูด เขาซาบซึ้งในทุกๆวัน เขาอยากจะพูดได้อีกครั้ง เขาอยากบอกกับอิทาจิ
"ขอบคุณ"
เกือบเที่ยงคืนที่สายฝนโปรยกระหน่ำ
อิทาจิเปิดประตูออกมา เขาก้มมองนารูโตะที่เงยหน้าขึ้นจากขั้นบันไดหน้าบ้านด้วยดวงตาสีดำเรียบเฉย
"รู้แล้วใช่ไหม"
นารูโตะพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าหาชายร่างสูงใหญ่ สะอึกสะอื้นสำลักน้ำลายตัวเองจนอิทาจิฟังไม่รู้เรื่อง
"ดี"
นารูโตะซุกหน้าลงกับคอของอิทาจิ เจ้าตัวยังคงยังไม่หยุดร้องจนตัวสั่น เขาขยำเสื้อเชิ้ตของอิทาจิก่อนจะเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อเคลื่อนตัวไปจูบกับอิทาจิด้วยริมฝีปากที่เย็นและไหวระริก นารูโตะจูบย้ำๆอย่างนั้นราวกับร้องขอการให้อภัย ราวกับชีวิตจิตใจของเขาขึ้นอยู่กับคนตรงหน้านี้ เขาอ้อนวอน จนแทบกราบกรานให้อิทาจิสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก รับเขาและไม่ทิ้ง ไม่ทำลายเขาไปอีกครั้ง
TO BE CONTINUED.
555555555 มาต่อกันค่ะ
ความคิดเห็น