ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NARUTO | ItaNaru/SasuNaru] FALLING MADLY.

    ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 58










    Falling Madly

     


     

     

     

     

     

     

    "น้องชายของฉันไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้า ถ้าเขาเสียมารยาทบ้างก็อย่าใส่ใจไปนะ นารูโตะ" เสียงทุ้มลึกของอิทาจิเอ่ยปากบอกเพื่อนสนิทที่เดินอยู่ข้างๆระหว่างทางที่จะไปทานข้าวเย็นที่บ้านอุจิวะ

     

    "น่ากลัวจังแฮะ นายแน่ใจหรอว่าครอบครัวนายจะต้อนรับฉัน คือว่า โอเค เราก็เป็นเพื่อนกันมานานน่ะนะ แต่คือ นายก็เป็นถึงคนในตระกูลอุจิวะไง มันก็" นารูโตะดูกังวลเล็กน้อย อิทาจิตบบ่าเด็กหนุ่มข้างๆ นารูโตะหันไปยิ้มให้เจ้าของผมสีดำขลับ

     

    "พวกเขาต้องชอบนาย เหมือนฉัน"

     

     

    oOo

     

     

     

    "มากันแล้วหรอจ๊ะ แม่เพิ่งเตรียมอาหารเสร็จเมื่อห้านาทีนี้เอง" อุจิวะ มิโคโตะออกมาต้อนรับลูกชายและแขกสำหรับอาหารเย็นในวันนี้ด้วยรอยยิ้ม

     

    "นารูโตะคุงสินะ ไม่ต้องเกร็งนะจ๊ะ" เธอเข้าไปช่วยนารูโตะถอดเสื้อโค้ทอย่างใจดี  "แม่ได้ยินเรื่องของเธอมาเยอะเชียว อยู่คนเดียวคงจะลำบากแย่เลยสินะ ถ้าไม่รังเกียจแวะมาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆแม่ก็ไม่ว่าหรอกจ้ะ บ้านนี้มันเงียบเหงาเกินไป"

     

    นารูโตะยิ้มกว้าง โค้งทักทายอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเสนอตัวเป็นแขกที่ดี "มิโคโตะซัง ให้ผมช่วยนะครับ"

     

    "โธ่ มาเป็นแขกจะให้มาช่วยได้ยังไงจ๊ะ"

     

    "ผมจะไม่ช่วยได้ยังไงล่ะครับ ให้มิโคโตะซังถือว่าเป็นค่าข้าว อีกอย่างถ้าเปิดโอกาสขนาดนี้ผมคงจะต้องมาบ่อยๆแล้วหละ คุณแม่จะได้ไม่เสียน้ำใจ" มิโคโตะหัวเราะและจัดแจงพานารูโตะไปที่ห้องครัว

     

    "เดี๋ยวพ่อของอิทาจิกับซาสึเกะก็จะมาแล้วหละ นารูโตะคุงก็ไปล้างมือเตรียมมาทานอาหารได้แล้วนะจ๊ะ"

     

    นารูโตะยิ้มรับ

     

    อีกไม่กี่นาทีประตูบ้านของอูจิวะก็ถูกเปิดออก อุจิวะ ฟูคาคุเดินอาดๆเข้ามา นารูโตะกล่าวทักทายอย่างสุภาพก่อนจะปรายตามองไปยังเด็กประถมที่เดินตามหลังหัวหน้าครอบครัวมาติดๆ

     

    เด็กน้อยชั้นประถมเดินหน้ามุ่ยมาพร้อมกระเป๋าหนังสือเรียน ทุกอย่างของเขาเหมือนอิทาจิย่อส่วนยกเว้นผมที่สั้นกว่า บรรยากาศของความเป็นอุจิวะก็ชัดเจนแม้เพียงอายุยังน้อย

     

    "สวัสดี ซาสึเกะ" นารูโตะพูดพลางโบกมือน้อยๆ "วันนี้ฉันขอทานข้าวด้วยคนนะ"

     

    ซาสึเกะหยุดมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อโค้ทตัวนอกออก เขาเบิกตากว้างมองแขกสำหรับอาหารมื้อค่ำ ไม่รู้เพราะอากาศหนาวข้างนอกหรือเปล่าที่ทำให้แก้มของซาสึเกะแดงจัด เขาก้มหน้าโดยไม่พูดตอบอะไรและพยายามแกะกระดุมโค้ทของตัวเองต่อ

     

    "แม่ครับผมไปล้างมือก่อนนะ" ซาสึเกะพูดเร็วๆก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำ

     

    มิโคโตะลอบขำ

     

    "ซาสึเกะไม่ค่อยชอบให้คนแปลกหน้ามาบ้านน่ะจ้ะ อย่าถือสานะนารูโตะ"

     

    "เอาล่ะ เตรียมตัวทานข้าวกันเถอะ" ฟูคาคุพูดขึ้น

     

    ระหว่างมื้ออาหาร บทสนทนาต่างๆดูครื้นเครงราวกับไม่ใช่บ้านอุจิวะ เป็นครั้งแรกในรอบกว่าปีที่อิทาจิเห็นพ่อของเขายิ้ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่พานารูโตะมาที่บ้าน จะเว้นก็แต่ซาสึเกะที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดจาอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้าของผมสีทองอร่ามหนึ่งเดียวภายใต้หลังคานี้

     

    "ซาสึเกะ วันนี้อาหารไม่อร่อยหรอ ดูไม่ค่อยทานเลยนะลูก" มิโคโตะเอ่ยถามลูกชายคนเล็กเสียงอ่อย

     

    ซาสึเกะส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะก้มหน้าลงกับโต๊ะเช่นเดิม

     

    "อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมไม่ได้กินอาหารดีอย่างนี้มาเป็นสิบปีแล้วมิโคโตะซัง โดยเฉพาะเนื้อนี่ ผมต้องขอโทษไว้ก่อนเลยนะครับที่กินหมดก่อนไม่รอใคร ความผิดมิโคโตะซังนะครับเนี่ย ถ้าไม่เกรงใจผมยังกินได้อีกสามชามนะฮะ"

     

    มิโคโตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี รู้สึกชื่นใจที่เห็นคนทานอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อย

     

    "เห็นตัวผอมๆไม่นึกว่านารูโตะคุงจะทานได้เยอะขนาดนี้ แหม แม่ดีใจจัง บ้านนี้ทานกันน้อยมากจ้ะกับข้าวแม่เหลือประจำเลย ไว้คราวหน้าจะทำเผื่อนารูโตะคุงเยอะๆดีกว่า เอาเป็นศุกร์หน้าเลยดีมั้ย นารูโตะคุงอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า อย่ามาเกรงใจนะ!"

     

    ระหว่างบทสนทนาเรื่องเมนูอาหารอาทิตย์ต่อไปของนารูโตะกับมิโคโตะ

     

    ซาสึเกะก็ค่อยๆยันตัวขึ้น เขาตักเนื้อในจานของตัวเองไปไว้ที่จานของนารูโตะ ก่อนจะกลับมาก้มหน้าลงกับโต๊ะต่อไป

     

    "ผะ.. ผมให้ ผมอิ่มแล้ว"

     

    สมาชิกอุจิวะทั้งสามมองตามการกระทำของซาสึเกะ

    ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลไม่เคยมีประวัติทำตัวเป็นมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้า มิโคโตะหันไปมองหน้าลูกชายคนโต อิทาจิยักไหล่

     

    "วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ราตรีสวัสดิ์ทุกคน ฝันดีนะครับ ไว้ว่างๆผมจะแวะมาใหม่ครับ ขอบคุณจริงๆครับที่ต้อนรับ" นารูโตะล่ำลา ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาเด็กน้อยผมดำที่มายืนก้มหน้าก้มตาส่งเขาที่ประตู "ขอบคุณอีกครั้งนะซาสึเกะ"

     

    เด็กน้อยไม่สบตาเอาแต่พยักหน้า

     

    "ฉันไปส่ง" อิทาจิพูดก่อนจะเปิดประตูบ้านออกไป

     

    มิโคโตะย่อตัวลง เอามือทาบหน้าผากของลูกชายคนเล็กของตัว "ซาสึเกะ เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าแดงมากเลย"

     

    ซาสึเกะส่ายหน้าแรงๆก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องนอน

     

     

    oOo

     

     

    จากนั้นทุกเย็นวันศุกร์ก็กลายเป็นธรรมเนียมที่นารูโตะจะต้องมีนัดทานอาหารค่ำที่บ้านอุจิวะ บรรยากาศอบอุ่นครื้นเครงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมือนนารูโตะเป็นดวงอาทิตย์ที่มาละลายความเย็นเยียบของครอบครัว การไม่มีนารูโตะเป็นส่วนหนึ่งของบ้านก็ดูจะเป็นเรื่องยากนับตั้งแต่นั้นไป

     

    ในเย็นหนึ่งของวันศุกร์

     

    วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม อุจิวะ อิทาจิถึงบ้านเร็วกว่าปกติ

     

    "กลับมาแล้วครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะกำลังถอดร้องเท้าที่หน้าประตูบ้าน เขาได้ยินเสียงฝีเท้าถี่ๆของมิโคโตะรี่เข้ามา

     

    "กลับกันมาแล้วหรือจ๊ะ..." มิโคโตะเลิกคิ้วเมื่อเห็นลูกชายยืนอยู่ที่ประตูบ้านเพียงลำพัง ก่อนจะพยายามเอี้ยวตัวดูให้ทั่วบริเวณ "อิทาจิ นารูโตะล่ะ"

     

    อิทาจิไม่ตอบพลางเดินตรงไปยังห้องน้ำ

     

    "อิทาจิ ได้ยินที่แม่ถามไหม นารูโตะคุงล่ะ" มิโคโตะเดินตามประกบลูกชาย

     

    "ไม่ทราบครับ" เด็กหนุ่มผมสีดำยาวปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง

     

    มิโคโตะเคาะประตู "อิทาจิ เกิดอะไรขึ้น อธิบายหน่อยสิ ลูกทะเลาะกันหรอ อิทาจิ! อิทา..!"

     

    อิทาจิกระชากประตูเปิด สบตากับผู้เป็นแม่ ก่อนจะพูดด้วยสำเสียงเย็นเยียบ "นารูโตะงี่เง่าเองครับ ถ้าเจ้าตัวสำนึกได้ อีกสักพักเขาคงโผล่มา"

     

    ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลงอีกครั้ง

     

    มิโคโตะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลูกชายที่มักจะสงบอยู่เสมอ เธอมองเห็นความเดือดดาลภายตาใบหน้าเรียบเฉยนั่น

     

     

    ที่โต๊ะอาหารเย็นสมาชิกอุจิวะทั้งสามกำลังรับประทานมื้อค่ำด้วยบรรยากาศอันแสนอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานข้าวและซาสึเกะที่นั่งก้มหน้ามองห่อของในมือราวกับจะร้องไห้

     

    "อิทาจิ วันนี้วันเกิดนารูโตะคุงนะ..." มิโคโตะเอ่ยขึ้นในที่สุดระหว่างนึกถึงเค้กในตู้เย็นที่เธอใช้เวลาอบมาทั้งวัน

     

    "ลูกทะเลาะอะไรกันบอกแม่หน่อยได้ไหม ทั้งที่เราวางแผนจะฉลองให้เขากันไม่ใช่หรอ"

     

    อิทาจิค่อยๆวางช้อนส้อมลง

     

    "เขาคงไม่ต้องการหรอกครับ" อิทาจิกมองพื้น "นารูโตะไม่ได้เห็นความสำคัญ...."

     

    เสียงกริ่งก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน ก่อนอิทาจิจะพูดจบ 

     

    ซาสึเกะเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกาย เขาแทบจะกระโดดลงจากเก้าอี้

     

    "เดี๋ยวแม่ไปเปิดเอง" มิโคโตะลุกขึ้น เดินเร่งจังหวะกว่าปกติไปที่ประตู

     

    มือของสาวสูงวัยแทบกระชากลูกบิดประตูออก

     

    เธอถอนหายใจยาว

     

    "แม่นึกอยู่แล้วว่าเธอต้องมา นารุจัง" มิโคโตะโผเข้ากอดเด็กหนุ่มผมสีทอง หยิบเศษผมที่ปิดหน้าปิดตาจากการวิ่งกระหืดกระหอบมาทัดเข้าไปที่หู

     

    นารูโตะยิ้ม

     

    "เข้ามาเร็ว ทุกคนรออยู่ แม่มีเค้กด้วย แม่ไม่มีทางลืมวันนี้หรอกนะ"

     

    นารูโตะหัวเราะก่อนจะเดินตามหญิงสาวเข้าไปที่โต๊ะอาหาร

     

    ซาสึเกะวิ่งออกจากเก้าอี้มาหยุดตรงหน้านารูโตะ เขาก้มหน้าและยื่นห่อของในมือให้สุดแขน

     

    นารูโตะย่อตัวลง "ของฉันหรอ"

     

    ซาสึเกะพยักหน้าแรงๆ

     

    "ขอบคุณนะซาสึเกะ" นารูโตะเอื้อมมือไปขยี้หัวเด็กตัวน้อยตรงหน้า "ไว้ทานข้าวเสร็จเรามาแกะของขวัญพร้อมกันนะ"

     

    ซาสึเกะพยักหน้าแรงๆอีกครั้งก่อนจะกลับไปที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าพอใจ เด็กน้อยดูมีชีวิตชีวาอีกครั้งเทียบกับก่อนหน้าที่นารูโตะจะปรากฏตัวขึ้นมา

     

    นารูโตะลากเก้าอี้และนั่งลงข้างๆอิทาจิ

     

    เด็กหนุ่มผมสีดำยาวรวบช้อนส้อมแล้วลุกขึ้นทันที

     

    "ผมขอตัวครับ"

     

    ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป

     

    นารูโตะมองตามหลังเพื่อนของเขา

     

    "ปล่อยอิทาจิไปสักพักเถอะ เอ้าทานข้าวๆ วันนี้จะมาทำให้บรรยากาศเสียไม่ได้นะ!" มิโคโตะเอ่ยขึ้น

     

    ซาสึเกะพยักหน้าเห็นด้วยขณะที่ฟุคาคุยกยิ้มที่มุมปาก

     

    อาหารมื้อใหญ่ เค้กและคำอวยพรทำให้วันเกิดปีนี้ของนารูโตะพิเศษและน่าจดจำกว่าทุกปี

     

    นารูโตะร้องไห้ โค้งขอบคุณแล้วขอบคุณอีกจนฟุคาคุต้องบอกให้เขาหยุดสักทีก่อนที่จะเรียกใครมาโยนนารูโตะออกนอกบ้าน

     

    นารูโตะหัวเราะอีกครั้ง

     

    ในขณะที่มิโคโตะและแม่บ้านกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดขณะเดียวกับที่ฟุคาคุไปอาบน้ำ

     

    นารูโตะพาซาสึเกะไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์

     

    "อะไรหรอ?" นารูโตะเอ่ยถามก่อนจะเขย่าของในกล่อง "ใบ้หน่อยสิ ซาสึเกะ"

     

    ขณะที่นารูโตะทำท่าจะเขย่าแรงขึ้น มือที่เล็กกว่าของซาสึเกะก็มาห้ามไว้

     

    นารูโตะเบิกตากว้าง

     

    "ระวังแตกงั้นสินะ"

     

    ซาสึเกะเม้มปากและพยักหน้า

     

    "งั้นแกะเลยละกัน"

     

    นารูโตะแกะกระดาษข้างนอกออกช้าๆโดยมีซาสึเกะนั่งคอยสังเกตปฏิกริยาของเขาอยู่ข้างๆ

     

    เมื่อเห็นกล่องว่าคืออะไรนารูโตะแทบจะสบถออกมา เขามองหน้าซาสึเกะก่อนจะขมวดคิ้ว

     

    "ซาสึเกะ..." นารูโตะพูดตะกุกตะกัก "เธอให้ของแพงขนาดนี้กับฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันจะรับไว้ได้ยังไง"

     

    ซาสึเกะดูเศร้าหมองลงกับปฏิกริยาที่ตรงข้ามกับที่เขาคาดหวังไว้

     

    "ฉัน... รับไว้ไม่ได้หรอก จะให้ฉันรับของแพงขนาดนี้จากเด็กประถมได้ยังไง"

     

    "แต่ปีหน้าผมก็เข้าไฮสคูลแล้วนะ"

     

    "นั่นไม่ใช่ประเด็นนะ"

     

    ซาสึเกะหันหลังให้นารูโตะ

     

    "ซาสึเกะ..." นารูโตะพูดเสียงอ่อน

     

    "ผมจะติดต่อนารูโตะซังได้ยังไง ผมไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันเหมือนกับอิทาจิสักหน่อย" ซาสึเกะกระซิบ "ผมแค่อยากติดต่อกันได้บ้าง"

     

    "ซาสึเกะ... คือ" นารูโตะเอื้อมมือไปจับไหล่ที่เริ่มไหวน้อยๆของเด็กน้อย

     

    "รับไปเถอะจ้ะนารูโตะ ซาสึเกะคงพยายามเก็บเงินมาหลายเดือนเลย ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากบ้านเราก็ได้ มีอะไรจะได้โทรหากันนะ" มิโคโตะที่ท้าวแขนดูเหตุการณ์อยู่ที่ขอบประตูห้องนั่งเล่นพูดขึ้น

     

    นารูโตะถอนหายใจ "ครับ เข้าใจแล้ว"

     

    นารูโตะดึงตัวซาสึเกะที่เริ่มจะมีน้ำตาเข้ามาในอ้อมกอด "ขอบคุณนะซาสึเกะ ขอบคุณจริงๆ"

     

    เขาลูบหัวเด็กตัวน้อยที่เริ่มสะอื้น "ปีหน้าขอเป็นแค่การ์ดก็พอนะ แค่นั้นฉันก็ดีใจแย่แล้ว แค่ซาสึเกะอวยพรให้พี่ก็ดีใจแทบตายแล้วนะซาสึเกะ"

     

    นารูโตะซุกหน้าลงกัมผมสีดำขลับ ซาสึเกะพยักหน้าแรงๆก่อนจะเกาะเสื้อของนารูโตะไว้แน่น

     

    หลังจากที่ซาสึเกะสงบลง เด็กหนุ่มนั่งเล่นกับซาสึเกะสักพักก่อนที่นารูโตะจะเอ่ยขึ้น

     

    "ง่วงหรือยัง ไปนอนเถอะ"

     

    "ยะ ยังครับ" แม้ดวงตาทั้งสองข้างจะล้าจนแทบปิดแต่ซาสึเกะก็ตอบนารูโตะไปแบบนั้น เด็กน้อยอยากจะใช้เวลากับนารูโตะให้มากกว่านี้

     

    "ไปนอนเถอะ"

     

    "ไม่ ผมยังไม่ง่วง"

     

    นารูโตะยิ้ม

     

    "มา ฉันไปส่งนอนนะ"

     

    ซาสึเกะเบิกตากว้าง

     

    "หมะ หมายความว่าจะไปนอนกับผมหรอ"

     

    นารูโตะยิ้มอีกครั้ง

     

    "ถ้างั้น กะ.. ก็ได้"

     

    ซาสึเกะจูงมือนารูโตะไปที่ห้องนอนของเขา นารูโตะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี่ให้เด็กน้อยฟังจนซาสึเกะผล็อยหลับไปในที่สุด นารูโตะขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องของซาสึเกะให้เงียบเท่าที่เขาจะทำได้

     

    "หลับไปแล้วหรอ" มิโคโตะถามขึ้นเมื่อเห็นนารูโตะกำลังปิดประตูห้องซาสึเกะ

     

    "ครับ"

     

    "จะค้างหรือเปล่านารุจัง เสื้อผ้าอะไรก็อยู่ที่เดิมนะ "

     

    "ขอบคุณนะครับมิโคโตะซัง ผมขอไปคุยกับอิทาจิสักเดี๋ยว"

     

    "จ้ะ ตามสบาย แม่ไม่รู้หรอกนะว่าทะเลาะอะไรกันมา เราสองคนก็ไม่ค่อยใช่เห็นทะเลาะกันเท่าไหร่เลย ถ้าคืนนี้อิทาจิไม่ยอมให้นอนในห้อง นารูโตะนอนห้องนอนที่แม่เตรียมไว้ได้เลยนะลูก อยู่สุดทางเดินนั่นล่ะ"

     

    "ครับ" นารูโตะจูบราตรีสวัสดิ์ที่ข้างแก้มของมิโคโตะ ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องของเพื่อนสนิท

     

    "อิทาจิ.."

     

    ไม่มีกระทั่งเสียงลมหายใจจากอีกฝั่งประตู

     

    "ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่านายโกรธฉันเรื่องอะไรแน่ ไม่แน่ใจว่าทำอะไรให้นายโมโหขนาดนั้น แต่ฉันอยากขอโทษนะ"

     

    "กลับไป" เสียงอันเฉยเมยของอิทาจิลอดผ่านบานประตู

     

    นารูโตะขยับตัวเข้าไปใกล้บานไม้ เขาแทบจะแนบริมฝีปากไปบนผิวสัมผัสสีน้ำตาลเข้มของไม้มะฮอกกะนีใหญ่

     

    "อิทาจิ... นี่... ให้อภัยไม่ได้เลยหรอ" นารูโตะกระซิบ "ไม่รักฉันแล้วหรือไง"

     

    นารูโตะแทบหน้าคว่ำลงกับพื้นเมื่อบานประตูที่เขาพิงอยู่ถูกเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว

    อิทาจิกระชากเด็กหนุ่มผมทองเข้ามาก่อนจะปิดประตูลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างท้าวไว้ข้างหัวนารูโตะ

     

    "เลิกพูดจาแบบนั้นไปทั่วสักทีเถอะ" อิทาจิขู่ฟ่อ

     

    "ก็เพื่อนประสาอะไรเรื่องนิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ได้" นารูโตะขมวดคิ้ว

     

    "นิดหน่อยหรอ" อิทาจิบบีบคางคนตรงหน้า "ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบที่นายทำ นายก็ยังทำ คิดว่าไม่มีใครเขารู้หรอ ทั้งที่วันนี้ทั้งฉันทั้งคนที่บ้านฉันรอที่จะฉลองวันเกิดให้นาย นายกลับจงใจสร้างเรื่องให้โดนทำโทษในวิชาของครูคาคาชิ เพื่อที่จะได้อยู่ลงโทษในตอนเย็น ทำอะไรล่ะ ใช้เวลากับครูที่รักนักหนาในวันพิเศษหรือไง นารูโตะ"

     

    ใบหน้าของนารูโตะแดงและร้อนราวกับควบคุมไม่ได้ เขาเสหน้ามองไปทางอื่น ขณะขยับข้อมือที่โดนอิทาจิบีบไว้แน่น

     

    "ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าเพราะครูคาคาชิเป็นลูกศิษย์ของพ่อฉัน แล้วมันแปลกอะไรถ้าเขาจะเป็นเพียงคนที่คล้ายๆจะเป็นญาติคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่"

     

    "ญาติกันไม่จูบกันอย่างที่นายจูบกับเขาหรอก นารูโตะ"

     

    นารูโตะเบิกตากว้าง เขาหันไปสบตากับดวงตาสีดำสนิทที่มองเขากลับมาอย่างเฉยเมย

     

    "นอกจากนั้นยังเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ ขายหน้าชะมัด ถ้าหากพ่อของนายรู้ว่าคนที่เขาไว้ใจฝากฝังลูกชายไว้ กลับทำเรื่องแบบนั้นกันเสียเอง"

     

    "หยุดพูดนะ" นารูสลัดข้อมืออกจากพันธนาการแล้วยกมือขึ้นปิดปากเด็กหนุ่มตัวสูงข้างหน้า เขาหายใจถี่ อิทาจิค่อยๆแกะมือผอมๆของนารูโตะออก

     

    "ฉันรักนาย มากกว่าเขา ฉันให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับนายได้มากกว่าเขา เมื่อไหร่จะยอมรับเสียที" อิทาจิโน้มตัวลงมากระซิบ

     

    นารูโตะพยายามเอามือดันอกคนตรงหน้าแต่วงแขนที่โอบรอบเขาไว้กลับกระชับขึ้น

     

    "เมื่อไหร่จะเลิกทำเป็นไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง"

     

    "อิทาจิ!" นารูโตะร้องปรามขณะที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าค่อยๆโน้มลงมา

     

    อิทาจิจ้องดวงตาสีฟ้าอย่างเย็นเยียบก่อนจะผละจากนารูโตะไปที่เตียงนอน

     

    "ออกไป จะไปไหนก็ไป"

     

    "อิทาจิ" นารูโตะเรียก

     

    "ไป!" เขาตะคอก

     

    นารูโตะถลาไปที่เตียงแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในโลกของเขา

     

    "ไม่" เสียงของนารูโตะอู้อี้

     

    "นายนี่มันน่ารำคาญชะมัด ต้องให้ฉันโยนออกไปใช่ไหม"

     

    มือที่กำเสื้อเชิ้ตสีขาวของคนตรงหน้าสั่นน้อยๆ

     

    "ถ้า.. ถ้าฉันโอเค นายจะหายโกรธใช่ไหม" นารูโตะกระซิบ​ เขาค่อยๆซุกหน้าคงกับลำคอของอิทาจิก่อนจะขยับไปหาริมฝีปากสีสด เขาจูบริมฝีปากที่เย็นชืดนั่นด้วยริมฝีปากที่สั่นของตัวเอง "ถ้าฉันโอเค นายจะยังเป็นเพื่อนกับฉันใช่ไหม"

     

    อิทาจิมองดวงตาสีฟ้าที่ไหวระริกและใบหน้าอ้อนวอน

     

    "ฉันไม่มีใครอีกแล้ว ฉันไม่มีนายฉันจะใช้ชีวิตได้ยังไง นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน เป็นคนเดียวที่ยอมรับฉัน"

     

    อิทาจิรู้ เขารู้ว่าเขากำลังบีบคั้นนารูโตะ เขารู้ว่าจุดอ่อนของนารูโตะคืออะไรและเขาไม่ปล่อยให้มันเสียเปล่า

     

    อิทาจิหันมาเผชิญหน้ากับนารูโตะ ลมหายใจของทั้งคู่รดใบหน้ากันและกัน

    "แน่ใจแล้วใช่ไหม" นารูโตะพยักหน้าโดยที่หลบตาไปทางอื่น นารูโตะไม่ได้แน่ใจ แต่ก็ใช่ว่าอิทาจิจะสน ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เขาปรารถนามาเนิ่นนาน เขาจูบเพื่อนตรงหน้าอีกครั้ง เขาจับข้างหลังศีรษะของนารูโตะไว้ก่อนจะกดริมฝีปากลงอย่างหิวกระหาย ไม่ใส่ใจกับการที่นารูโตะดูจะพยายามเอี้ยวตัวให้ออกห่างทีละน้อย ทันทีที่เขาใส่ลิ้นเข้าไปในปากของนารูโตะ เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ นารูโตะเกร็งและมือของเขาก็เริ่มสั่นจนอิทาจิต้องค่อยๆหยุด

     

    "ขะ ขอเวลาหน่อย ไม่ต้องรีบร้อนนักได้ไหมเจ้าบ้า" นารูโตะว่า ก่อนจะหัวเราะน้อยๆทำเป็นเรื่องตลก แต่อิทาจิรู้ว่า นารูโตะจะไม่ชิน ไม่มีทางชิน ไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคต นารูโตะไม่เคยรู้สึกแบบที่เขารู้สึก แต่เพราะอิทาจิเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของนารูโตะและอิทาจิจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น

     

    "เวลากับคาคาชิ ไม่เห็นเป็นแบบนั้นนี่"

     

    นารูโตะขมวดคิ้ว เขากัดริมฝีปากตัวเอง เขาอยากจะร้องไห้ เขาไม่ชอบเวลาอิทาจิพูดแบบนี้กับเขา อิทาจิเพื่อนที่เคยอ่อนโยนและคอยดูแลอย่างดี เพื่อนเพียงหนึ่งเดียว

     

    นารูโตะค่อยๆใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบศีรษะของอิทาจิที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เด็กหนุ่มผมทองค่อยๆก้าวขึ้นไปนั่งที่หน้าตักของเพื่อน เขาดูกังวลแต่ก็ค่อยๆกดจูบริมฝีปากตรงหน้า เขาหลับตาและเริ่มจูบอันลึกซึ้งให้เท่ากับที่อิทาจิทำ เขาใช้ลิ้นและเป็นฝ่ายเริ่มจนอีกฝ่ายเริ่มมีการตอบสนอง เสียงน้ำลายและลมหายใจดังชัดในห้องนอนสีน้ำเงินเข้มที่มืดสลัวของอิทาจิ นารูโตะรู้สึกถึงความตื่นตัวของเพื่อนตรงหน้า มันสัมผัสที่สะโพกด้านหลังของเขา นารูโตะค่อยๆผละออกช้าๆ

     

    "วะ วันนี้เท่านี้ก่อนเถอะนะ" อิทาจิที่ดูดำดิ่งไปในห้วงความรู้สึก พยักหน้าช้าๆ

     

    "ฉัน.. ฉันจะไปนอนห้องที่มิโคโตะซังเตรียมไว้แล้วกัน"

     

    นารูโตะที่ทำท่าจะลุกถูกคว้าตัวไว้

     

    "นอนที่นี่แหละ นายก็นอนที่นี่ทุกครั้งไม่ใช่หรอ ทำตัวเหมือนปกติสิ" อิทาจิประทับรอยจูบที่ต้นคอด้านหลัง

     

    เขาคงมองไม่เห็นแววตาที่แสดงชัดถึงความกังวลของคนในอ้อมแขน

     

     

     

     












     

     

     

     

    TO BE CONTINUED.

     

     

     

     





     





     

     

    บ้าคลั่งนารูโตะมากค่ะช่วงนี้ กลั่นออกมาเป็นฟิคทีเดียว ><

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×