คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1
Falling Madly
"น้องชายของฉันไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้า ถ้าเขาเสียมารยาทบ้างก็อย่าใส่ใจไปนะ นารูโตะ" เสียงทุ้มลึกของอิทาจิเอ่ยปากบอกเพื่อนสนิทที่เดินอยู่ข้างๆระหว่างทางที่จะไปทานข้าวเย็นที่บ้านอุจิวะ
"น่ากลัวจังแฮะ นายแน่ใจหรอว่าครอบครัวนายจะต้อนรับฉัน คือว่า โอเค เราก็เป็นเพื่อนกันมานานน่ะนะ แต่คือ นายก็เป็นถึงคนในตระกูลอุจิวะไง มันก็" นารูโตะดูกังวลเล็กน้อย อิทาจิตบบ่าเด็กหนุ่มข้างๆ นารูโตะหันไปยิ้มให้เจ้าของผมสีดำขลับ
"พวกเขาต้องชอบนาย เหมือนฉัน"
oOo
"มากันแล้วหรอจ๊ะ แม่เพิ่งเตรียมอาหารเสร็จเมื่อห้านาทีนี้เอง" อุจิวะ มิโคโตะออกมาต้อนรับลูกชายและแขกสำหรับอาหารเย็นในวันนี้ด้วยรอยยิ้ม
"นารูโตะคุงสินะ ไม่ต้องเกร็งนะจ๊ะ" เธอเข้าไปช่วยนารูโตะถอดเสื้อโค้ทอย่างใจดี "แม่ได้ยินเรื่องของเธอมาเยอะเชียว อยู่คนเดียวคงจะลำบากแย่เลยสินะ ถ้าไม่รังเกียจแวะมาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆแม่ก็ไม่ว่าหรอกจ้ะ บ้านนี้มันเงียบเหงาเกินไป"
นารูโตะยิ้มกว้าง โค้งทักทายอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเสนอตัวเป็นแขกที่ดี "มิโคโตะซัง ให้ผมช่วยนะครับ"
"โธ่ มาเป็นแขกจะให้มาช่วยได้ยังไงจ๊ะ"
"ผมจะไม่ช่วยได้ยังไงล่ะครับ ให้มิโคโตะซังถือว่าเป็นค่าข้าว อีกอย่างถ้าเปิดโอกาสขนาดนี้ผมคงจะต้องมาบ่อยๆแล้วหละ คุณแม่จะได้ไม่เสียน้ำใจ" มิโคโตะหัวเราะและจัดแจงพานารูโตะไปที่ห้องครัว
"เดี๋ยวพ่อของอิทาจิกับซาสึเกะก็จะมาแล้วหละ นารูโตะคุงก็ไปล้างมือเตรียมมาทานอาหารได้แล้วนะจ๊ะ"
นารูโตะยิ้มรับ
อีกไม่กี่นาทีประตูบ้านของอูจิวะก็ถูกเปิดออก อุจิวะ ฟูคาคุเดินอาดๆเข้ามา นารูโตะกล่าวทักทายอย่างสุภาพก่อนจะปรายตามองไปยังเด็กประถมที่เดินตามหลังหัวหน้าครอบครัวมาติดๆ
เด็กน้อยชั้นประถมเดินหน้ามุ่ยมาพร้อมกระเป๋าหนังสือเรียน ทุกอย่างของเขาเหมือนอิทาจิย่อส่วนยกเว้นผมที่สั้นกว่า บรรยากาศของความเป็นอุจิวะก็ชัดเจนแม้เพียงอายุยังน้อย
"สวัสดี ซาสึเกะ" นารูโตะพูดพลางโบกมือน้อยๆ "วันนี้ฉันขอทานข้าวด้วยคนนะ"
ซาสึเกะหยุดมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อโค้ทตัวนอกออก เขาเบิกตากว้างมองแขกสำหรับอาหารมื้อค่ำ ไม่รู้เพราะอากาศหนาวข้างนอกหรือเปล่าที่ทำให้แก้มของซาสึเกะแดงจัด เขาก้มหน้าโดยไม่พูดตอบอะไรและพยายามแกะกระดุมโค้ทของตัวเองต่อ
"แม่ครับผมไปล้างมือก่อนนะ" ซาสึเกะพูดเร็วๆก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำ
มิโคโตะลอบขำ
"ซาสึเกะไม่ค่อยชอบให้คนแปลกหน้ามาบ้านน่ะจ้ะ อย่าถือสานะนารูโตะ"
"เอาล่ะ เตรียมตัวทานข้าวกันเถอะ" ฟูคาคุพูดขึ้น
ระหว่างมื้ออาหาร บทสนทนาต่างๆดูครื้นเครงราวกับไม่ใช่บ้านอุจิวะ เป็นครั้งแรกในรอบกว่าปีที่อิทาจิเห็นพ่อของเขายิ้ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่พานารูโตะมาที่บ้าน จะเว้นก็แต่ซาสึเกะที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดจาอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้าของผมสีทองอร่ามหนึ่งเดียวภายใต้หลังคานี้
"ซาสึเกะ วันนี้อาหารไม่อร่อยหรอ ดูไม่ค่อยทานเลยนะลูก" มิโคโตะเอ่ยถามลูกชายคนเล็กเสียงอ่อย
ซาสึเกะส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะก้มหน้าลงกับโต๊ะเช่นเดิม
"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมไม่ได้กินอาหารดีอย่างนี้มาเป็นสิบปีแล้วมิโคโตะซัง โดยเฉพาะเนื้อนี่ ผมต้องขอโทษไว้ก่อนเลยนะครับที่กินหมดก่อนไม่รอใคร ความผิดมิโคโตะซังนะครับเนี่ย ถ้าไม่เกรงใจผมยังกินได้อีกสามชามนะฮะ"
มิโคโตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี รู้สึกชื่นใจที่เห็นคนทานอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อย
"เห็นตัวผอมๆไม่นึกว่านารูโตะคุงจะทานได้เยอะขนาดนี้ แหม แม่ดีใจจัง บ้านนี้ทานกันน้อยมากจ้ะกับข้าวแม่เหลือประจำเลย ไว้คราวหน้าจะทำเผื่อนารูโตะคุงเยอะๆดีกว่า เอาเป็นศุกร์หน้าเลยดีมั้ย นารูโตะคุงอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า อย่ามาเกรงใจนะ!"
ระหว่างบทสนทนาเรื่องเมนูอาหารอาทิตย์ต่อไปของนารูโตะกับมิโคโตะ
ซาสึเกะก็ค่อยๆยันตัวขึ้น เขาตักเนื้อในจานของตัวเองไปไว้ที่จานของนารูโตะ ก่อนจะกลับมาก้มหน้าลงกับโต๊ะต่อไป
"ผะ.. ผมให้ ผมอิ่มแล้ว"
สมาชิกอุจิวะทั้งสามมองตามการกระทำของซาสึเกะ
ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลไม่เคยมีประวัติทำตัวเป็นมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้า มิโคโตะหันไปมองหน้าลูกชายคนโต อิทาจิยักไหล่
"วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ราตรีสวัสดิ์ทุกคน ฝันดีนะครับ ไว้ว่างๆผมจะแวะมาใหม่ครับ ขอบคุณจริงๆครับที่ต้อนรับ" นารูโตะล่ำลา ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาเด็กน้อยผมดำที่มายืนก้มหน้าก้มตาส่งเขาที่ประตู "ขอบคุณอีกครั้งนะซาสึเกะ"
เด็กน้อยไม่สบตาเอาแต่พยักหน้า
"ฉันไปส่ง" อิทาจิพูดก่อนจะเปิดประตูบ้านออกไป
มิโคโตะย่อตัวลง เอามือทาบหน้าผากของลูกชายคนเล็กของตัว "ซาสึเกะ เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าแดงมากเลย"
ซาสึเกะส่ายหน้าแรงๆก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องนอน
oOo
จากนั้นทุกเย็นวันศุกร์ก็กลายเป็นธรรมเนียมที่นารูโตะจะต้องมีนัดทานอาหารค่ำที่บ้านอุจิวะ บรรยากาศอบอุ่นครื้นเครงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมือนนารูโตะเป็นดวงอาทิตย์ที่มาละลายความเย็นเยียบของครอบครัว การไม่มีนารูโตะเป็นส่วนหนึ่งของบ้านก็ดูจะเป็นเรื่องยากนับตั้งแต่นั้นไป
ในเย็นหนึ่งของวันศุกร์
วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม อุจิวะ อิทาจิถึงบ้านเร็วกว่าปกติ
"กลับมาแล้วครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะกำลังถอดร้องเท้าที่หน้าประตูบ้าน เขาได้ยินเสียงฝีเท้าถี่ๆของมิโคโตะรี่เข้ามา
"กลับกันมาแล้วหรือจ๊ะ..." มิโคโตะเลิกคิ้วเมื่อเห็นลูกชายยืนอยู่ที่ประตูบ้านเพียงลำพัง ก่อนจะพยายามเอี้ยวตัวดูให้ทั่วบริเวณ "อิทาจิ นารูโตะล่ะ"
อิทาจิไม่ตอบพลางเดินตรงไปยังห้องน้ำ
"อิทาจิ ได้ยินที่แม่ถามไหม นารูโตะคุงล่ะ" มิโคโตะเดินตามประกบลูกชาย
"ไม่ทราบครับ" เด็กหนุ่มผมสีดำยาวปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง
มิโคโตะเคาะประตู "อิทาจิ เกิดอะไรขึ้น อธิบายหน่อยสิ ลูกทะเลาะกันหรอ อิทาจิ! อิทา..!"
อิทาจิกระชากประตูเปิด สบตากับผู้เป็นแม่ ก่อนจะพูดด้วยสำเสียงเย็นเยียบ "นารูโตะงี่เง่าเองครับ ถ้าเจ้าตัวสำนึกได้ อีกสักพักเขาคงโผล่มา"
ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลงอีกครั้ง
มิโคโตะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลูกชายที่มักจะสงบอยู่เสมอ เธอมองเห็นความเดือดดาลภายตาใบหน้าเรียบเฉยนั่น
ที่โต๊ะอาหารเย็นสมาชิกอุจิวะทั้งสามกำลังรับประทานมื้อค่ำด้วยบรรยากาศอันแสนอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานข้าวและซาสึเกะที่นั่งก้มหน้ามองห่อของในมือราวกับจะร้องไห้
"อิทาจิ วันนี้วันเกิดนารูโตะคุงนะ..." มิโคโตะเอ่ยขึ้นในที่สุดระหว่างนึกถึงเค้กในตู้เย็นที่เธอใช้เวลาอบมาทั้งวัน
"ลูกทะเลาะอะไรกันบอกแม่หน่อยได้ไหม ทั้งที่เราวางแผนจะฉลองให้เขากันไม่ใช่หรอ"
อิทาจิค่อยๆวางช้อนส้อมลง
"เขาคงไม่ต้องการหรอกครับ" อิทาจิกมองพื้น "นารูโตะไม่ได้เห็นความสำคัญ...."
เสียงกริ่งก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน ก่อนอิทาจิจะพูดจบ
ซาสึเกะเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกาย เขาแทบจะกระโดดลงจากเก้าอี้
"เดี๋ยวแม่ไปเปิดเอง" มิโคโตะลุกขึ้น เดินเร่งจังหวะกว่าปกติไปที่ประตู
มือของสาวสูงวัยแทบกระชากลูกบิดประตูออก
เธอถอนหายใจยาว
"แม่นึกอยู่แล้วว่าเธอต้องมา นารุจัง" มิโคโตะโผเข้ากอดเด็กหนุ่มผมสีทอง หยิบเศษผมที่ปิดหน้าปิดตาจากการวิ่งกระหืดกระหอบมาทัดเข้าไปที่หู
นารูโตะยิ้ม
"เข้ามาเร็ว ทุกคนรออยู่ แม่มีเค้กด้วย แม่ไม่มีทางลืมวันนี้หรอกนะ"
นารูโตะหัวเราะก่อนจะเดินตามหญิงสาวเข้าไปที่โต๊ะอาหาร
ซาสึเกะวิ่งออกจากเก้าอี้มาหยุดตรงหน้านารูโตะ เขาก้มหน้าและยื่นห่อของในมือให้สุดแขน
นารูโตะย่อตัวลง "ของฉันหรอ"
ซาสึเกะพยักหน้าแรงๆ
"ขอบคุณนะซาสึเกะ" นารูโตะเอื้อมมือไปขยี้หัวเด็กตัวน้อยตรงหน้า "ไว้ทานข้าวเสร็จเรามาแกะของขวัญพร้อมกันนะ"
ซาสึเกะพยักหน้าแรงๆอีกครั้งก่อนจะกลับไปที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าพอใจ เด็กน้อยดูมีชีวิตชีวาอีกครั้งเทียบกับก่อนหน้าที่นารูโตะจะปรากฏตัวขึ้นมา
นารูโตะลากเก้าอี้และนั่งลงข้างๆอิทาจิ
เด็กหนุ่มผมสีดำยาวรวบช้อนส้อมแล้วลุกขึ้นทันที
"ผมขอตัวครับ"
ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
นารูโตะมองตามหลังเพื่อนของเขา
"ปล่อยอิทาจิไปสักพักเถอะ เอ้าทานข้าวๆ วันนี้จะมาทำให้บรรยากาศเสียไม่ได้นะ!" มิโคโตะเอ่ยขึ้น
ซาสึเกะพยักหน้าเห็นด้วยขณะที่ฟุคาคุยกยิ้มที่มุมปาก
อาหารมื้อใหญ่ เค้กและคำอวยพรทำให้วันเกิดปีนี้ของนารูโตะพิเศษและน่าจดจำกว่าทุกปี
นารูโตะร้องไห้ โค้งขอบคุณแล้วขอบคุณอีกจนฟุคาคุต้องบอกให้เขาหยุดสักทีก่อนที่จะเรียกใครมาโยนนารูโตะออกนอกบ้าน
นารูโตะหัวเราะอีกครั้ง
ในขณะที่มิโคโตะและแม่บ้านกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดขณะเดียวกับที่ฟุคาคุไปอาบน้ำ
นารูโตะพาซาสึเกะไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
"อะไรหรอ?" นารูโตะเอ่ยถามก่อนจะเขย่าของในกล่อง "ใบ้หน่อยสิ ซาสึเกะ"
ขณะที่นารูโตะทำท่าจะเขย่าแรงขึ้น มือที่เล็กกว่าของซาสึเกะก็มาห้ามไว้
นารูโตะเบิกตากว้าง
"ระวังแตกงั้นสินะ"
ซาสึเกะเม้มปากและพยักหน้า
"งั้นแกะเลยละกัน"
นารูโตะแกะกระดาษข้างนอกออกช้าๆโดยมีซาสึเกะนั่งคอยสังเกตปฏิกริยาของเขาอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นกล่องว่าคืออะไรนารูโตะแทบจะสบถออกมา เขามองหน้าซาสึเกะก่อนจะขมวดคิ้ว
"ซาสึเกะ..." นารูโตะพูดตะกุกตะกัก "เธอให้ของแพงขนาดนี้กับฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันจะรับไว้ได้ยังไง"
ซาสึเกะดูเศร้าหมองลงกับปฏิกริยาที่ตรงข้ามกับที่เขาคาดหวังไว้
"ฉัน... รับไว้ไม่ได้หรอก จะให้ฉันรับของแพงขนาดนี้จากเด็กประถมได้ยังไง"
"แต่ปีหน้าผมก็เข้าไฮสคูลแล้วนะ"
"นั่นไม่ใช่ประเด็นนะ"
ซาสึเกะหันหลังให้นารูโตะ
"ซาสึเกะ..." นารูโตะพูดเสียงอ่อน
"ผมจะติดต่อนารูโตะซังได้ยังไง ผมไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันเหมือนกับอิทาจิสักหน่อย" ซาสึเกะกระซิบ "ผมแค่อยากติดต่อกันได้บ้าง"
"ซาสึเกะ... คือ" นารูโตะเอื้อมมือไปจับไหล่ที่เริ่มไหวน้อยๆของเด็กน้อย
"รับไปเถอะจ้ะนารูโตะ ซาสึเกะคงพยายามเก็บเงินมาหลายเดือนเลย ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากบ้านเราก็ได้ มีอะไรจะได้โทรหากันนะ" มิโคโตะที่ท้าวแขนดูเหตุการณ์อยู่ที่ขอบประตูห้องนั่งเล่นพูดขึ้น
นารูโตะถอนหายใจ "ครับ เข้าใจแล้ว"
นารูโตะดึงตัวซาสึเกะที่เริ่มจะมีน้ำตาเข้ามาในอ้อมกอด "ขอบคุณนะซาสึเกะ ขอบคุณจริงๆ"
เขาลูบหัวเด็กตัวน้อยที่เริ่มสะอื้น "ปีหน้าขอเป็นแค่การ์ดก็พอนะ แค่นั้นฉันก็ดีใจแย่แล้ว แค่ซาสึเกะอวยพรให้พี่ก็ดีใจแทบตายแล้วนะซาสึเกะ"
นารูโตะซุกหน้าลงกัมผมสีดำขลับ ซาสึเกะพยักหน้าแรงๆก่อนจะเกาะเสื้อของนารูโตะไว้แน่น
หลังจากที่ซาสึเกะสงบลง เด็กหนุ่มนั่งเล่นกับซาสึเกะสักพักก่อนที่นารูโตะจะเอ่ยขึ้น
"ง่วงหรือยัง ไปนอนเถอะ"
"ยะ ยังครับ" แม้ดวงตาทั้งสองข้างจะล้าจนแทบปิดแต่ซาสึเกะก็ตอบนารูโตะไปแบบนั้น เด็กน้อยอยากจะใช้เวลากับนารูโตะให้มากกว่านี้
"ไปนอนเถอะ"
"ไม่ ผมยังไม่ง่วง"
นารูโตะยิ้ม
"มา ฉันไปส่งนอนนะ"
ซาสึเกะเบิกตากว้าง
"หมะ หมายความว่าจะไปนอนกับผมหรอ"
นารูโตะยิ้มอีกครั้ง
"ถ้างั้น กะ.. ก็ได้"
ซาสึเกะจูงมือนารูโตะไปที่ห้องนอนของเขา นารูโตะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี่ให้เด็กน้อยฟังจนซาสึเกะผล็อยหลับไปในที่สุด นารูโตะขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องของซาสึเกะให้เงียบเท่าที่เขาจะทำได้
"หลับไปแล้วหรอ" มิโคโตะถามขึ้นเมื่อเห็นนารูโตะกำลังปิดประตูห้องซาสึเกะ
"ครับ"
"จะค้างหรือเปล่านารุจัง เสื้อผ้าอะไรก็อยู่ที่เดิมนะ "
"ขอบคุณนะครับมิโคโตะซัง ผมขอไปคุยกับอิทาจิสักเดี๋ยว"
"จ้ะ ตามสบาย แม่ไม่รู้หรอกนะว่าทะเลาะอะไรกันมา เราสองคนก็ไม่ค่อยใช่เห็นทะเลาะกันเท่าไหร่เลย ถ้าคืนนี้อิทาจิไม่ยอมให้นอนในห้อง นารูโตะนอนห้องนอนที่แม่เตรียมไว้ได้เลยนะลูก อยู่สุดทางเดินนั่นล่ะ"
"ครับ" นารูโตะจูบราตรีสวัสดิ์ที่ข้างแก้มของมิโคโตะ ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องของเพื่อนสนิท
"อิทาจิ.."
ไม่มีกระทั่งเสียงลมหายใจจากอีกฝั่งประตู
"ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่านายโกรธฉันเรื่องอะไรแน่ ไม่แน่ใจว่าทำอะไรให้นายโมโหขนาดนั้น แต่ฉันอยากขอโทษนะ"
"กลับไป" เสียงอันเฉยเมยของอิทาจิลอดผ่านบานประตู
นารูโตะขยับตัวเข้าไปใกล้บานไม้ เขาแทบจะแนบริมฝีปากไปบนผิวสัมผัสสีน้ำตาลเข้มของไม้มะฮอกกะนีใหญ่
"อิทาจิ... นี่... ให้อภัยไม่ได้เลยหรอ" นารูโตะกระซิบ "ไม่รักฉันแล้วหรือไง"
นารูโตะแทบหน้าคว่ำลงกับพื้นเมื่อบานประตูที่เขาพิงอยู่ถูกเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว
อิทาจิกระชากเด็กหนุ่มผมทองเข้ามาก่อนจะปิดประตูลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างท้าวไว้ข้างหัวนารูโตะ
"เลิกพูดจาแบบนั้นไปทั่วสักทีเถอะ" อิทาจิขู่ฟ่อ
"ก็เพื่อนประสาอะไรเรื่องนิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ได้" นารูโตะขมวดคิ้ว
"นิดหน่อยหรอ" อิทาจิบบีบคางคนตรงหน้า "ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบที่นายทำ นายก็ยังทำ คิดว่าไม่มีใครเขารู้หรอ ทั้งที่วันนี้ทั้งฉันทั้งคนที่บ้านฉันรอที่จะฉลองวันเกิดให้นาย นายกลับจงใจสร้างเรื่องให้โดนทำโทษในวิชาของครูคาคาชิ เพื่อที่จะได้อยู่ลงโทษในตอนเย็น ทำอะไรล่ะ ใช้เวลากับครูที่รักนักหนาในวันพิเศษหรือไง นารูโตะ"
ใบหน้าของนารูโตะแดงและร้อนราวกับควบคุมไม่ได้ เขาเสหน้ามองไปทางอื่น ขณะขยับข้อมือที่โดนอิทาจิบีบไว้แน่น
"ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าเพราะครูคาคาชิเป็นลูกศิษย์ของพ่อฉัน แล้วมันแปลกอะไรถ้าเขาจะเป็นเพียงคนที่คล้ายๆจะเป็นญาติคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่"
"ญาติกันไม่จูบกันอย่างที่นายจูบกับเขาหรอก นารูโตะ"
นารูโตะเบิกตากว้าง เขาหันไปสบตากับดวงตาสีดำสนิทที่มองเขากลับมาอย่างเฉยเมย
"นอกจากนั้นยังเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ ขายหน้าชะมัด ถ้าหากพ่อของนายรู้ว่าคนที่เขาไว้ใจฝากฝังลูกชายไว้ กลับทำเรื่องแบบนั้นกันเสียเอง"
"หยุดพูดนะ" นารูสลัดข้อมืออกจากพันธนาการแล้วยกมือขึ้นปิดปากเด็กหนุ่มตัวสูงข้างหน้า เขาหายใจถี่ อิทาจิค่อยๆแกะมือผอมๆของนารูโตะออก
"ฉันรักนาย มากกว่าเขา ฉันให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับนายได้มากกว่าเขา เมื่อไหร่จะยอมรับเสียที" อิทาจิโน้มตัวลงมากระซิบ
นารูโตะพยายามเอามือดันอกคนตรงหน้าแต่วงแขนที่โอบรอบเขาไว้กลับกระชับขึ้น
"เมื่อไหร่จะเลิกทำเป็นไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง"
"อิทาจิ!" นารูโตะร้องปรามขณะที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าค่อยๆโน้มลงมา
อิทาจิจ้องดวงตาสีฟ้าอย่างเย็นเยียบก่อนจะผละจากนารูโตะไปที่เตียงนอน
"ออกไป จะไปไหนก็ไป"
"อิทาจิ" นารูโตะเรียก
"ไป!" เขาตะคอก
นารูโตะถลาไปที่เตียงแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในโลกของเขา
"ไม่" เสียงของนารูโตะอู้อี้
"นายนี่มันน่ารำคาญชะมัด ต้องให้ฉันโยนออกไปใช่ไหม"
มือที่กำเสื้อเชิ้ตสีขาวของคนตรงหน้าสั่นน้อยๆ
"ถ้า.. ถ้าฉันโอเค นายจะหายโกรธใช่ไหม" นารูโตะกระซิบ เขาค่อยๆซุกหน้าคงกับลำคอของอิทาจิก่อนจะขยับไปหาริมฝีปากสีสด เขาจูบริมฝีปากที่เย็นชืดนั่นด้วยริมฝีปากที่สั่นของตัวเอง "ถ้าฉันโอเค นายจะยังเป็นเพื่อนกับฉันใช่ไหม"
อิทาจิมองดวงตาสีฟ้าที่ไหวระริกและใบหน้าอ้อนวอน
"ฉันไม่มีใครอีกแล้ว ฉันไม่มีนายฉันจะใช้ชีวิตได้ยังไง นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน เป็นคนเดียวที่ยอมรับฉัน"
อิทาจิรู้ เขารู้ว่าเขากำลังบีบคั้นนารูโตะ เขารู้ว่าจุดอ่อนของนารูโตะคืออะไรและเขาไม่ปล่อยให้มันเสียเปล่า
อิทาจิหันมาเผชิญหน้ากับนารูโตะ ลมหายใจของทั้งคู่รดใบหน้ากันและกัน
"แน่ใจแล้วใช่ไหม" นารูโตะพยักหน้าโดยที่หลบตาไปทางอื่น นารูโตะไม่ได้แน่ใจ แต่ก็ใช่ว่าอิทาจิจะสน ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เขาปรารถนามาเนิ่นนาน เขาจูบเพื่อนตรงหน้าอีกครั้ง เขาจับข้างหลังศีรษะของนารูโตะไว้ก่อนจะกดริมฝีปากลงอย่างหิวกระหาย ไม่ใส่ใจกับการที่นารูโตะดูจะพยายามเอี้ยวตัวให้ออกห่างทีละน้อย ทันทีที่เขาใส่ลิ้นเข้าไปในปากของนารูโตะ เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ นารูโตะเกร็งและมือของเขาก็เริ่มสั่นจนอิทาจิต้องค่อยๆหยุด
"ขะ ขอเวลาหน่อย ไม่ต้องรีบร้อนนักได้ไหมเจ้าบ้า" นารูโตะว่า ก่อนจะหัวเราะน้อยๆทำเป็นเรื่องตลก แต่อิทาจิรู้ว่า นารูโตะจะไม่ชิน ไม่มีทางชิน ไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคต นารูโตะไม่เคยรู้สึกแบบที่เขารู้สึก แต่เพราะอิทาจิเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของนารูโตะและอิทาจิจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น
"เวลากับคาคาชิ ไม่เห็นเป็นแบบนั้นนี่"
นารูโตะขมวดคิ้ว เขากัดริมฝีปากตัวเอง เขาอยากจะร้องไห้ เขาไม่ชอบเวลาอิทาจิพูดแบบนี้กับเขา อิทาจิเพื่อนที่เคยอ่อนโยนและคอยดูแลอย่างดี เพื่อนเพียงหนึ่งเดียว
นารูโตะค่อยๆใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบศีรษะของอิทาจิที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เด็กหนุ่มผมทองค่อยๆก้าวขึ้นไปนั่งที่หน้าตักของเพื่อน เขาดูกังวลแต่ก็ค่อยๆกดจูบริมฝีปากตรงหน้า เขาหลับตาและเริ่มจูบอันลึกซึ้งให้เท่ากับที่อิทาจิทำ เขาใช้ลิ้นและเป็นฝ่ายเริ่มจนอีกฝ่ายเริ่มมีการตอบสนอง เสียงน้ำลายและลมหายใจดังชัดในห้องนอนสีน้ำเงินเข้มที่มืดสลัวของอิทาจิ นารูโตะรู้สึกถึงความตื่นตัวของเพื่อนตรงหน้า มันสัมผัสที่สะโพกด้านหลังของเขา นารูโตะค่อยๆผละออกช้าๆ
"วะ วันนี้เท่านี้ก่อนเถอะนะ" อิทาจิที่ดูดำดิ่งไปในห้วงความรู้สึก พยักหน้าช้าๆ
"ฉัน.. ฉันจะไปนอนห้องที่มิโคโตะซังเตรียมไว้แล้วกัน"
นารูโตะที่ทำท่าจะลุกถูกคว้าตัวไว้
"นอนที่นี่แหละ นายก็นอนที่นี่ทุกครั้งไม่ใช่หรอ ทำตัวเหมือนปกติสิ" อิทาจิประทับรอยจูบที่ต้นคอด้านหลัง
เขาคงมองไม่เห็นแววตาที่แสดงชัดถึงความกังวลของคนในอ้อมแขน
TO BE CONTINUED.
บ้าคลั่งนารูโตะมากค่ะช่วงนี้ กลั่นออกมาเป็นฟิคทีเดียว ><
ความคิดเห็น