ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NARUTO | ItaNaru/SasuNaru] FALLING MADLY.

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 4

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 58





    Falling Madly
    Chapter 4











     

    หลังจากมีปากเสียงกัน นารุโตะและอิทาจิก็ไม่ได้พูดจากันอีกหลังจากนั้น

     

    ทั้งสองอาบน้ำและเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียนของซาสึเกะในตอนบ่าย หลังจากรับข่าวกล่องที่มิโคโตะทำเตรียมไว้แต่เช้าทั้งคู่ก็ออกจากบ้าน คุณแม่แห่งตระกูลอุจิวะได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงไปยังเด็กทั้งสองโดยเลือกที่จะไม่ซักถามอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนอีก

     

    อิทาจิเปิดประตู Maserati Granturismo สีดำมันปลาบให้นารูโตะด้วยความเคยชิน แม้ทั้งคู่จะอยู่ในบรรยากาศที่แทบจะแยกเขี้ยวงับคอกันและกัน ภายในรถเงียบสนิทโดยที่ไม่มีเสียงนารูโตะคอยพูดคุยอย่างเคย บวกกับนิสัยไม่ชอบเปิดวิทยุ ตัวเครื่องของรถหลักสิบล้านที่ทำงานอย่างดีเยี่ยม ยิ่งทำให้ภายในรถนั้นเงียบจนอึดอัด

     

    อิทาจิเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของโรงเรียน ทั้งคู่ค่อยๆเปิดประตูออกมาโดยนารูโตะถือกล่องข้าวและสัมภาระอยู่ในมือ

    นารูโตะเดินตามหลังอิทาจิไปเงียบๆ เขาไม่รู้ว่าซาสึเกะอยู่ที่ตึกไหนในโรงเรียนอันกว้างขวาง ขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าใกล้โรงยิม นารูโตะก็เริ่มได้ยินเสียงเชียร์สนั่นเล็ดลอดออกมาข้างนอก เด็กผู้หญิงทั้งเด็กเล็กเด็กโตวิ่งกรูกันเข้าไปอย่างรีบร้อน ซาสึเกะคุง!!!’  เสียงกรี๊ดเบาๆพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำของกลุ่มเด็กผู้หญิงที่เพิ่งวิ่งผ่านหน้าทั้งคู่ไป

     

    นารูโตะเลิกคิ้ว เขาไม่แปลกใจนักที่ซาสึเกะจะเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนนักเรียนหญิงรุ่นเดียวกัน แต่กับเด็กสาวรุ่นพี่ นารูโตะหัวเราะในลำคอเบาๆ ยีนส์ของอุจิวะนี่สุดยอดจริงๆ

     

    อิทาจิเดินฝ่าฝูงเด็กนักเรียนประถมมัธยมต้นตัวเล็กๆและเหล่าผู้ปกครองเข้าไปอย่างง่ายดาย ผู้คนแทบจะเหลียวหลังมองอุจิวะคนพี่เป็นตาเดียว นารูโตะกลอกตา เขายืนยันกับตัวเองอีกครั้งว่ายีนส์ของอุจิวะนั้นช่างสุดยอดเสียยิ่งกว่าอะไร

     

    เสียงเฮสนั่นทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น มีใครสักคนในสนามเพิ่งทำแต้มได้ พอดีกับที่อิทาจิพาเขาไปถึงยังรั้วบนชั้นสองของยิม ที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณจากชั้นบน

     

    นารูโตะกวาดตาไปทั้งสนามเพื่อมองหาซาสึเกะ เขาใช้เวลาไม่นานเพราะรูปร่างและหน้าตาที่โดดเด่นทำให้เจ้าตัวสะดุดตาออกมาจากฝูงชน ซาสึเกะกำลังเดาะลูกกับพื้นและพยายามฝ่ากำแพงแนวหลังเพื่อไปชู้ตที่แป้นซึ่งห่างจากเด็กน้อยไม่ถึงห้าร้อยเมตร เพียงชั่วอึดใจซาสึเกะเอี้ยวหมุนตลบหลังผู้เล่นฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วและมั่นคง เด็กน้อยผมสีน้ำตาลเบอร์สิบจากทีมตรงข้ามสะดุดข้อเท้าตัวเองล้มก่อนที่ซาสึเกะจะกระโดดชู้ตลูกเข้าห่วงไปอย่างสวยงาม

     

    นารูโตะเบิกตากว้าง เขารู้สึกประทับใจในตัวเด็กน้อยในมุมที่เขาไม่เคยเห็น เสียงเด็กสาวกรีดร้องกระหน่ำเรียกชื่อซาสึเกะราวกับจะทำให้ทั้งยิมพังครืนลงมา นารูโตะมองซาสึเกะที่ยกคอเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อ ใบหน้าของเด็กน้อยยังเรียบเฉยและไม่แสดงอารมณ์มากนักผิดกับตอนที่อยู่ลำพังกับเขา
    นารูโตะมองดูซาสึเกะในเสื้อเบอร์ 7 ที่หอบน้อยๆก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำที่เด็กผู้หญิงเรือนผมสีชมพูยื่นให้

    ดูจากหมวกแล้วเด็กสาวน่าจะเป็นผู้จัดการทีมบาสของซาสึเกะ เด็กสาวยื่นผ้าขนหนูให้ลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลอุจิวะใช้ซับเหงื่อ ขณะที่ซาสึเกะเช็ดหน้าเช็ดตา เขาเหลือบขึ้นมองมาที่ชั้นสองที่นารูโตะและอิทาจิยืนอยู่ 

    นารูโตะเลิกคิ้วและโบกมือให้พร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าที่เรียบเฉยของอุจิวะ ซาสึเกะ แดงจัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  เด็กน้อยพนักหน้าเล็กๆเป็นอันรับรู้ก่อนจะหันไปคืนผ้าขนหนูกับผู้จัดการทีมคนเดิม เด็กหญิงผมสีชมพูยืนมองท่าทางแปลกๆของซาสึเกะ เธอมองขึ้นมายังบริเวณที่ซาสึเกะเพิ่งละสายตาไปก็พบพี่ชายคนโตของอุจิวะและเด็กหนุ่มผมสีทองสว่างที่เธอไม่เคยเห็น เธอหันไปโฟกัสกับลูกทีมในสนามและซาสึเกะที่ยังคงหน้าแดงแจ๋

    ครึ่งหลังของเกมส์เด็กน้อยดูจะตั้งใจและรุนแรงกว่าทุกทีทำให้ชั้น ป.6 ห้อง 1 ของซาสึเกะชนะไปอย่างขาดลอย


     

    ซาสึเกะไม่ได้ไปร่วมยินดีกับเพื่อนในทีมแต่เจ้าตัวกลับเดินมายังข้างล่างตรงหน้าที่นารูโตะยืนอยู่ เจ้าตัวยิ้มน้อยๆและมองขึ้นไปยังดวงตาสีฟ้าเนิ่นนาน เด็กน้อยยกเหรียญสีทองขึ้นชูให้เห็น นารูโตะยิ้มกว้างก่อนจะชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง ซาสึเกะหลุดหัวเราะเบาๆ

     

    นารูโตะได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงรอบๆตัวเขาส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ พร้อมเสียงกระซิบ ซาสึเกะคุงยิ้มละ เขายิ้มล่ะ กรี๊ด นารุโตะนึกขำในความน่ารักของเหล่าแฟนๆตัวน้อยๆ

     

    นารูโตะมองไปที่ซาสึเกะข้างล่างก่อนจะขยับปาก เดี๋ยวฉันลงไปหานะ ก่อนจะชี้ลงไปข้างล่าง

     

    ซาสึเกะพยักหน้า

     

    “นายจะลงไปด้วยไหม” นารูโตะเอ่ยถามเด็กหนุ่มผมสีดำยาวข้างๆ เป็นประโยคแรกหลังจากความเงียบอันยาวนานของทั้งคู่ อิทาจิไม่ตอบแต่เขาเดินตามนารุโตะไปเงียบๆ

     

    “สุดยอดเลยซาสึเกะ” นารูโตะเดินมาขยี้ผมซาสึเกะ เด็กน้อยทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยก่อนจะจัดทรงผมให้เรียบร้อย

     

    นารูโตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

     

    ซาสึเกะค่อยๆถอดสายเหรียญนั้นออกจากคอแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มผมสีทองตรงหน้า

     

    “หือ? อะไร” นารูโตะเลิกคิ้ว



    “ผมให้ ผมตั้งใจจะชนะให้นารูโตะ ผมอยากให้นารูโตะซังเห็นว่าผมน่ะแข็งแรงขนาดไหน” นารูโตะหัวเราะอีกครั้งก่อนจะลูบหัวซาสึเกะอย่างเบามือ



    “ขอบใจนะซาสึเกะ ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอแข็งแรงแล้วก็เก่งแค่ไหน ขอบใจนะสำหรับชัยชนะ” นารูโตะยิ้ม “เพื่อฉัน”


    ก่อนที่ซาสึเกะจะเริ่มหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง



    “แต่เด็กน้อยน่ารักคนนั้นคงอยากจะแสดงความยินดีกับเธอมากกว่าฉันเสียอีกนะ” นารูโตะพยักเพยิดหน้าไปทางเด็กผู้หญิงผมสีชมพูที่ยืนมองมาทางซาสึเกะอยู่นานราวกับอยากจะเข้ามาแสดงความยินดีด้วย



    ซาสึเกะหันไปมองตามก่อนจะกลอกตา



    “ซากุระ...”



    “ว้าว หน้าตาก็น่ารัก ชื่อก็น่ารักจัง แฟนหรอซาสึเกะ” นารุโตะยกยิ้มอย่างมีเลศนัย



    ซาสึเกะขมวดคิ้ว “ไม่มีทาง”



    นารูโตะกวักมือเรียกเด็กผู้หญิงตัวน้อย เด็กสาวยิ้มก่อนจะวิ่งเข้ามาหา



    “ซากุระจังใช่ไหม เหนื่อยหน่อยนะวันนี้ แต่เก่งจังเลยเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในทีมด้วย เท่ชะมัด”



    ซากุระยิ้มเขินๆก่อนจะโค้งขอบคุณนารูโตะและโค้งทักทายอิทาจิข้างๆ



    “ซากุระจัง เดี๋ยวเราจะไปทานข้าวกล่องกัน ซากุระจังคนสวยจะไปกับพวกเราหรือเปล่าครับ” นารูโตะเอ่ยถามอย่างเป็นมิตรและดูถูกใจซากุระเข้าอย่างจัง



    ซาสึเกะคิ้วกระตุกก่อนจะไปหันไปหาเพื่อนผู้จัดการทีมที่ยืนอยู่ข้างๆ



    ซากุระหันมามองซาสึเกะที่ดูไม่สบอารมณ์ก่อนจะก้มหน้าและปฏิเสธเสียงอ่อย



    “ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูต้องไปฉลองกับเพื่อนร่วมทีม ซาสึเกะจะไม่ไปกับพวกเราใช่ไหมจ๊ะ”



    “ไม่”



    ซาสึเกะตอบเสียงเย็นจนนารูโตะต้องเอามือไปหยิกแก้มอย่างแรง



    เด็กน้อยผมสีดำลูบแก้มที่บวมแดงป้อยๆก่อนจะเสมองไปทางอื่นระหว่างที่ซากุระขอตัวและโค้งล่ำลาไป



    “ใจร้ายจังซาสึเกะ เย็นชาชะมัด ซากุระเสียใจแย่ มิโคโตะซังทำข้าวกล่องมาตั้งเยอะแยะ ลำพังสามคนยังจะกินกันไม่หมดเลย”



    “แน่ใจหรอครับ ผมว่าที่คุณแม่ทำมานารูโตะซังทานคนเดียวยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ” ซาสึเกะยกยิ้มเจ้าเล่ห์



    “ซาสึเกะ!” นารุโตะเขกหัวเด็กน้อยไปหนึ่งที “เอาใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้”



    ระหว่างทางที่ทั้งสามเดินไปหาที่นั่งตามใต้ร่มไม้ อิทาจิก็พบกับเข้ากับนางาโตะ คนรู้จักสมัยทำงานกับซึนาเดะหลังออกมาจากโรงยิมไม่ถึงห้าเมตร ทั้งสองขอแยกตัวไปคุยกันตามลำพัง นารูโตะพยักหน้า



    “ตามมาล่ะ ฉันจะหาที่ว่างแถวนี้แหละ”



    อิทาจิพยักหน้าก่อนจะเดินตามนางาโตะที่มองนารูโตะด้วยใบหน้าเรียบเฉย



    นารูโตะขมวดคิ้ว ผู้คนที่มีความเกี่ยวข้องกับซึนาเดะและอิทาจินั้นมีความเป็นไปได้มากที่จะรู้เรื่องราวของเขา นารูโตะกัดริมฝีปาก ทั้งคู่คงไม่ได้แยกตัวไปคุยกันเรื่องของเขาหรอกนะ



    นารูโตะสะดุ้งออกจากความคิดเมื่อซาสึเกะยื่นมือมาจับมือของเขา นารูโตะหันไปมองเด็กน้อย



    ซาสึเกะไม่สบตา



    “ตรงต้นไม้นั้นว่างอยู่ครับ นารูโตะซัง” ซาสึเกะที่ใบหน้าอมสีชมพูเรื่อๆจับมือเขาแน่นขึ้นและกึ่งลากกึ่งจูงเขาไป นารูโตะหัวเราะ



    นารูโตะปูผ้าที่นำมาก่อนจะค่อยๆแกะห่อข้าว เขาเบิกตากว้างและน้ำลายแทบหกเมื่อเห็นอาหารอันวิจิตรที่อยู่ข้างใน ซาสึเกะสังเกตอาการคนข้างๆก่อนจะหัวเราะในลำคอ



    ทั้งคู่จัดการข้าวกล่องอย่างเอร็ดอร่อย ซาสึเกะแบ่งเนื้อให้นารูโตะอย่างเคยตามนิสัยที่เขาปฏิบัติตั้งแต่วันแรกที่ทั้งสองเจอกันจนปัจจุบันแม้นารูโตะจะคอยปฏิเสธ นารูโตะคุยเรื่องนั่นนี่ทั้งที่โรงเรียนและเรื่องในชมรมฟุตบอลของนารูโตะโดยหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างเต็มที่



    นารูโตะดื่มชาอึกใหญ่จนหมดขวดก่อนจะร้องออกมาเสียงดังด้วยความพอใจกับมื้ออาหาร



    “อิทาจิช้าชะมัด...” นารูโตะพูดขึ้นขณะมองไปยังข้าวกล่องส่วนของเด็กหนุ่มผมสีดำยาว เขาล้มตัวลง “ถ้างั้นขอนอนซักงีบละกันนะ”



    นารูโตะเอนตัวลงกับรากของต้นไม้ใหญ่ เขาหลับตาลงสักพักก่อนที่สมองจะย้อนถาพถึงการถกเถียงกันเมื่อเช้าของเขากับอิทาจิ ทุกคำพูดของเพื่อนสนิทครั้งนี้ช่างเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเขากับอิทาจิกลับมาเหมือนเดิม นารูโตะลืมตาขึ้นช้าๆ เจ้าตัวแทบจะสะดุ้ง เด็กน้อยผมสีดำในชุดบาสเกตบอลสีขาวใช้แขนยันกับลำต้นของต้นไม้ใหญ่คร่อมตัวของเขาไว้



    “ซาสึเกะ..” นารูโตะเบิกตากว้าง



    ซาสึเกะโน้มตัวลงมาช้าๆ “ไม่รู้นารูโตะซังได้สังเกตไหม ว่าผมใส่เสื้อเบอร์ 7” ริมฝีปากของทั้งคู่ห่างกันแค่เซนติเมตร ซาสึเกะค้างอยู่ในท่านั้นอย่างอ้อยอิ่ง “ผมใส่เบอร์ 7 เพราะมันคือชื่อของคุณ*” นารูโตะกลั้นหายใจก่อนที่เด็กน้อยผมดำจะค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากไปที่ใบหูของเขา



    “มีดอกหญ้าติดน่ะครับ” ซาสึเกะกระซิบก่อนจะใช้นิ้วหยิบอะไรซักอย่างออกจากเรือนผมของนารุโตะแล้วค่อยๆผละออกช้าๆ



    นารูโตะเบิกตากว้างก่อนจะถอนหายใจที่ไม่รู้ว่ากลั้นไว้นานแค่ไหนเฮือกใหญ่



    “ซาสึเกะ...  ตกใจหมด บอกกันก็ได้ เดี๋ยวฉันดึงออกเอง” นารุโตะพูดอุบอิบ ซาสึเกะหันไปมองก่อนก่อนจะหันกลับไป



    “จะกลับบ้านกันเลยหรือเปล่า” ทั้งสองหันขวับทันทีที่เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น อิทาโผล่ที่หลังต้นไม้ใหญ่หลังกลับจากพูดคุยกับนางาโตะ



    “แล้วนายจะไม่ทานข้าวกล่องนี่ก่อนหรอ” นารูโตะเอ่ยถาม



    “ไม่” อิทาจิตอบ “ซาสึเกะจะกลับด้วยหรืออยู่ต่อแล้วเดี๋ยวให้คนมารับอีกทีตอนเย็น”



    ซาสึเกะหันมองนารุโตะ



    “เอ่อ ฉันขอกลับพร้อมอิทาจิเลยแล้วกันนะซาสึเกะ”



    ซาสึเกะขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจ



    “งั้นผมก็กลับเลย” ซาสึเกะลุกขึ้น



    “งั้นเดี๋ยวฉันไปช่วยเก็บของนะ” นารูโตะลุกตามซาสึเกะไปยังโรงยิม



     

    oOo



     

    ระหว่างที่รถกำลังแล่นไปเงียบๆโดยมีจุดหมายคือบ้านอุจิวะ นารุโตะเริ่มทำตัวหลุกหลิกอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ อันที่จริงเขาเริ่มที่จะกัดเล็บ



    “อิทาจิ...” นารูโตะเรียกคนข้างๆเสียงเบา “ฉันขอลงแถวๆนี้ได้ไหม”



    ทั้งอิทาจิและซาสึเกะต่างหันมามองนารูโตะ



    “ทำไมล่ะครับ” เป็นซาสึเกะที่ถามขึ้นโดยที่อิทาจิไม่มีท่าทีจะหยุดรถ “นารูโตะซังจะไปไหน”



    “คือฉัน ลืมของไว้ที่โรงเรียน ว่าจะกลับไปเอา”



    “โรงเรียนผมหรอ ลืมอะไรไว้ตรงไหน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยไปหาแล้วเก็บไว้ให้”



    “ไม่ใช่หรอกซาสึเกะ” เขาอึกอัก “ที่โรงเรียนของฉันน่ะ”



    อิทาจิมองดูถนนข้างหน้าโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ



    “อิทาจิ จอดตรงนี้เถอะ ขอฉันลงตรงนี้นะ” อิทาจิไม่มีทีท่าจะจอดจนกระทั่งนารุโตะเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของเขา



    เด็กหนุ่มผมสีดำยาวขมวดคิ้ว เขาใช้หางตามองเพื่อนสนิท ใบหน้าของอิทาจิว่างเปล่า เขาเหยียบเบรกก่อนที่นิ้วขาวซีดจะค่อยๆปลดล็อคประตู



    “ถ้าอย่างนั้นฉันฝากสวัสดีเขาด้วยละกัน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นโดยไม่หันมามองหน้าเขา



    นารูโตะสะอึก แน่นอนอิทาจิรู้และแสดงออกชัดว่าอิทาจินั้นรู้ดีเหลือเกินว่าเขาไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่ไหนอย่างที่เจ้าตัวบอก



    เด็กหนุ่มผมสีทองปลดเข็มขัดนิรภัย ล่ำลาซาสึเกะที่มุ่ยหน้าหันออกนอกหน้าต่างก่อนจะพยายามยิ้มให้อิทาจิ



    “ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ อิทาจิ”



    เพื่อนของเขาไม่ตอบ



    ทันทีที่นารูโตะปิดประตู



    Maserati คันหรูก็กระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว



    นารูโตะมองตามจนลับสายตา ก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า ก่อนจะกดเบอร์ที่เขาท่องได้ราวกับบทสวดมนต์



    “อาจารย์ครับ ผมมีการบ้านที่ไม่เข้าใจ ผมเข้าไปหานะครับ” นารูโตะพูดกรอกเสียงไปกับโทรศัพท์ ข้ออ้างเดิมข้ออ้างเดียวของเขา หลังจากอีกฝ่ายตกลงเด็กหนุ่มก็วางสายด้วยรอยยิ้ม



    นารูโตะเดินไปเรื่อยจนถึงป้ายรถเมล์ เขารอไม่นานนักกว่าที่รถเมล์สายประจำจะมา นารูโตะ
    มองทิวทัศน์ข้างทางอันคุ้นเคย เขาจำต้นไม้ได้ทุกต้นที่เขาต้องผ่านทุกเช้าเพื่อไปโรงเรียน ดวงตาสีฟ้ามองออกไปยังท้องฟ้าสีส้มอันกว้างใหญ่ เวลานี้เริ่มเย็นมากแล้ว นารูโตะใจเต้นน้อยๆ เขาอยากจะพบหน้าคาคาชิขึ้นมาและมันช่วยไม่ได้จริงๆแม้ว่าอิทาจิจะบีบคอเขาหลังจากนี้อีกก็ตาม



    นารูโตะเดินผ่านทางเดินของโรงเรียนที่แทบไม่เหลือใครนอกจากเด็กบางชมรมที่ยังเตร็ดเตร่กันอยู่นอกอาคาร นารูโตะเดินไปยังห้องพักของอาจารย์ฝ่ายวิทยาศาสตร์ เขาตรงไปยังห้องที่ติดป้าย ฮาตาเกะ คาคาชิ



    เขาเคาะประตูไม่นานเจ้าของเส้นผมสีเงินที่เขาหลงใหลก็มาเปิดประตู ชายวัยสามสิบกลางๆหน้าตาหล่อเหลาขยับตัวให้เด็กหนุ่มเข้ามา แม้จะมีผ้าคาดปากปิดไปครึ่งหน้าและรอยแผลเป็นเล็กๆที่ตาข้างซ้าย แต่ทุกอย่างที่เป็นของชายคนนี้ก็ทำให้นารูโตะแทบโงหัวไม่ขึ้น



    “อาจารย์คาคาชิ” นารูโตะเอ่ยทักด้วยเสียงสั่นเครือ



    “นารูโตะ” คาคาชิส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มตัวผอมตรงหน้าเขา



    “ผะ ผม ที่จริงผมบอกว่ามีการบ้าน แต่ผมไปโรงเรียนของซาสึเกะมา ที่จริงผมลืมหยิบหนังสือมา คือว่า ที่จริง..” นารูโตะเลิ่กลั่กเขาสรรหาข้ออ้างต่างๆนาๆจนพูดจาตะกุกตะกัก เด็กหนุ่มรีบร้อนจนพูดไม่เป็นภาษา ดวงตาสีฟ้าจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีอ่อนข้างหนึ่งเข้มอีกข้างหนึ่งที่มองเขากลับมาราวกับอ่านเขาได้ทะลุปรุโปร่ง “ที่จริงผมอยากเจออาจารย์มากขึ้นมา”



    นารูโตะหัวเราะแห้งๆ หน้าของเขาแดงแข่งกับสีของท้องฟ้ายามเย็นข้างนอก คาคาชิหลุดขำ



    “เธอรอครูแป๊ปนึงนะ ครูขอเก็บของแล้วเดี๋ยวเราไปทานราเมงกัน วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”



    นารูโตะกระโดดไปทั่วห้อง ยิ้มกว้างไปถึงใบหู “รักครูคาคาชิชะมัด!



    คาคาชิยิ้ม



    นารูโตะอยากจะพูด เขาอยากจะบอกว่าเขาหมายความอย่างนั้นจากใจจริง

     

     

    oOo

     

     

    คาคาชิมีความรักให้กับนารูโตะ แต่ความรักนั้นเขาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเขารักเด็กคนนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหน เขารักนารูโตะที่เป็นลูกศิษย์ของเขา ห่วงใย ให้คำปรึกษา ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะจูบกับเด็กคนนั้นในลักษณะนั้น



    หากถ้าเขารักนารูโตะเพราะนารุโตะเป็นลูกชายคนเดียวของนามิคาเสะ มินาโตะ อาจารย์ที่เจ้าตัวทั้งเคารพทั้งบูชา งั้นเขาก็ควรเอ่ยห้ามและไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น เหตุการณ์ในเย็นวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม เย็นที่นารูโตะก้มลงไปทำออรัลเซ็กส์ให้กับเขาหลังจากที่เขาเรียกนารูโตะมากักบริเวณเพราะเด็กน้อยตั้งใจหลับในคาบเรียนวิทยาศาสตร์วันนั้น คาคาชิสาบานว่าเขานั้นไร้ความรับผิดชอบและไร้จรรยาบรรณ แต่กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะหยุดหรือว่ากล่าวติติงการกระทำของนารูโตะแม้แต่น้อย



    “มิโสะราเมงสองชามของผมฮะลุง” นารูโตะตะโกน “ส่วนของครูคาคาชิก็มิโสะเหมือนกันแต่ไม่เอาต้นหอม”



    นารูโตะจัดแจงสั่งอาหารทันทีที่มาถึง เขาและคาคาชิไม่เคยหลบซ่อนที่จะไปไหนมาไหน ทั้งคู่ไม่เห็นความจำเป็น อันที่จริงนอกจากอิทาจิ ไม่มีใครคิดหรือผิดสังเกตกับความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ นารูโตะ คาคาชิเป็นครูและลูกศิษย์  เป็นเหมือนพ่อและลูกในสายตาของผู้คนทั้งเมืองโคโนฮะฝั่งตะวันตก



    “เธอจะให้ฉันเล่าเรื่องของอาจารย์มินาโตะสักกี่รอบถึงจะพอใจกันนะ” คาคาชิขำที่นารูโตะขอให้เขาเล่าเรื่องพ่อของเจ้าตัวเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่ทั้งคู่รู้จักกันมา มินาโตะเป็นคนอย่างไร พบกับแม่เขาตอนไหน คาคาชิเล่าเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาหรือบางทีนารูโตะอาจแค่อยากสอบความจริง ว่าคาคาชิรับรู้เรื่องราวของเขามากน้อยระดับไหนกันแน่

     
     

    หากฟังจากทุกสิ่งที่คาคาชิเล่าตลอดหลายครั้งที่ผ่านมา ทั้งหมดทั้งมวลแสดงให้นารูโตะเห็นว่า คาคาชิรู้เพียงน้อยนิด ชายหนุ่มรู้ว่าพ่อและแม่ของเขามีแผนงานวิจัยที่ใช้ระยะเวลาพัฒนามาเนิ่นนาน แต่มินาโตะไม่เคยเล่าว่าเขามีความคิดที่จะทำการทดลองกับลูกของตัวเอง มินาโตะส่งคาคาชิมาที่โคโนฮะฝั่งตะวันตกเมื่อตอนคุชินะท้องได้เจ็ดเดือนด้วยเหตุผลว่าต้องการให้เขามาช่วยงานของ ผอ. ฮิรุเซ็นที่มินาโตะไม่อาจสละเวลามาได้ คาคาชิรู้ข่าวของทั้งคู่อีกครั้งพร้อมกับสื่อวิทยุ สิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ที่พร้อมกันประโคมข่าวเป็นเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ ผู้คนทั่วโลกต่างมีความเห็นหลากหลาย คาคาชิไม่ใช่ทั้งคนเคร่งศาสนาหรือยึดถืออะไรทั้งสิ้น ฉะนั้นสิ่งเดียวที่เขาติดใจคือทำไมมินาโตะและคุชินะถึงกล้าที่จะทำการทดลองกับลูกของตัวเองได้ลง

     
     

    เรื่องราวของนารุโตะเด็กน้อยที่โดนตราหน้าว่าเป็นบาป คาคาชิก็รับรู้เพียงแค่เด็กทารกเติบโตและเลี้ยงดูโดยบ้านอุปถัมป์ไม่แสวงหาผลกำไรที่ให้ความช่วยเหลือจนมีคนพานารูโตะย้ายมาทางโคโนฮะฝั่งตะวันตกเพราะ ผอ. ฮิรุเซ็น มีความสัมพันธ์อันดีกับมินาโตะและต้องการช่วยด้านการศึกษา คาคาชิรู้เท่าที่คนภายนอกรู้ ไม่มีนอกเหนือไปจากนั้น นารูโตะไม่เคยเล่า คาคาชิไม่รู้อดีตความโหดร้ายของนารูโตะ ความอัปยศ ความเสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นคนที่แทบไม่มีเหลือ เขารู้ว่าผู้คนเรียกเด็กน้อยว่าปีศาจ แต่เขาไม่รู้ว่าผู้คนทางฝั่งนั้นปฏิบัติกับปีศาจอย่างไร นารูโตะเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดิมของคุชินะซึ่งทำให้ผู้คนแทบไม่ระแคะระคายตอนที่ย้ายโรงเรียนเข้ามา อันที่จริงเพราะไม่มีใครเคยเห็นเด็กปีศาจมาเป็นเวลาหลายปี




    “ผมแวะไปดื่มชาที่ห้องด้วยนะ” นารูโตะเช็ดปากหลังจากสั่งราเมงเพิ่มอีกสองเป็นชามที่สี่



    “นารูโตะ...” คาคาชิพูดเสียงเข้ม



    “โธ่ แค่ดื่มชาเอง ดื่มชาจริงๆ ไม่เห็นจะเป็นอะไร” คาคาชิถอนหายใจก่อนจะยอมแพ้



    นารุโตะกึ่งเดินกึ่งกระโดดอย่างอารมณ์ดีระหว่างทางไปอพาร์ทเม้นท์ของคาคาชิ เขาถอดรองเท้าก่อนจะก้าวเข้าไปชงชาในครัวโดยที่คาคาชินั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องนั่งเล่น นารูโตะวางถ้วยชาอุ่นๆข้างหน้าชายผมสีเงิน



    “ครูจะไปเมื่อไหร่นะครับ การประชุมที่ว่า” นารุโตะเป่าชาให้พอหายร้อน



    “อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า” คาคาชิยกถ้วยขึ้นจิบก่อนจะพูดต่อ “อีเมล์รายชื่อผู้เข้าร่วมที่ส่งมามีอิทาจิเป็นตัวแทนของอุจิวะไปด้วย”



    นารูโตะเบิกตากว้าง



    “ไม่เห็นเขาบอกอะไรผมเลย”



    คาคาชิวางถ้วยชาลงช้าๆ “หมู่นี้พวกเธอทั้งคู่ดูแปลกๆหรือเปล่า”



    นารูโตะมุ่ยหน้า



    “ทะเลาะกันหรือนารูโตะ”



    ดวงตาสีฟ้าหันกลับมาจ้องคาคาชิ เขาไม่กล้าพูด เขาไม่กล้าเล่าอะไร คาคาชิจะต้องเหินห่างจากเขาทันที นารุโตะสามารถคาดเดาการกระทำของคุณครูสอนวิทยาศาสตร์หากรู้เรื่องเขาและอิทาจิได้เป็นฉากๆ



    “ผมจะค้างที่นี่ มืดแล้วผมไม่เดินกลับหรอก” นารูโตะแนบหน้าลงกับโต๊ะและทำท่าจะหลับเสียตรงนั้น



    “ย้ายมาอยู่ที่นี่เสียเลยสิ” นารูโตะแทบกระเด้งตัวขึ้น ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย “เธอก็รู้ว่าฉันล้อเล่นนะนารูโตะ”



    นารูโตะร้องโอดโอยเสียงดัง เขาสงบท่าทีและยิ้ม ก่อนจะแนบจมูกลงกับแก้มของชายวัยสามสิบกว่า ลูกศิษย์ของพ่อเขา คนที่เขาหลงรัก หลงรักแบบผู้ชายรักผู้หญิง



    “อย่าล้อเล่นแบบนี้บ่อยๆนะครับครูคาคาชิ ผมจะดีใจตายเอานารู้เปล่า” นารูโตะทำเสียงทะเล้น คาคาชิยกยิ้มมุมปาก



    หากอิทาจิรู้ต้องฆ่าเขาตายแน่ๆ...



    แต่นารูโตะจะยอมตาย

     


    คืนนั้นนารูโตะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ซาสึเกะโทรมาหลายสิบครั้ง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

     

     

     

     

    TO BE CONTINUED.

     

     

    หมายเหตุ - * เบอร์ 7 ในภาษาญี่ปุ่นคือ นานะ คนญี่ปุ่นสามารถนำตัวเลขมาอ่านเป็นชื่อได้น่ะค่ะ เพราะฉะนั้น นารูโตะ นา เลยเป็น นานะ จากตัวเลข 7 นะคะ หรืออย่างที่เราเคยเห็นที่เหล่าแฟนฉลองวัน 37 day หรือก็คือ SasuNaru Day นั่นเอง (กรี๊ด)

     

    Maserati Granturismo ของอิทาจิ

                       


















     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×