[GOT7 | MarkBam/YugBam] AT THE EDGE OF INSANITY.
He is about to lose it.....
ผู้เข้าชมรวม
3,625
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
At the Edge of Insanity
Chapter I
B.
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมอยู่ที่เกาหลีมา ผมนั่งคิดพลางกวาดสายตาไล่ดูรูปสมัยที่ยังตัวโตเพียงเท่าไหล่ของพวกพี่ๆ ผมหยิบรูปที่ถ่ายคู่กับพี่มาร์คขึ้นมาดู ก่อนจะหยุดคิด
ทั้งที่สมัยก่อนผมติดพี่มาร์คมากขนาดนั้นแท้ๆ ทุกวันนี้เราอาจไม่ได้สนิทสนมไปไหนมาไหนและพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะทุกวันที่ผมโตขึ้น ด้วยวัยที่ต่างกันเกินไป ผมยักไหล่ ก็ไม่ใช่ว่าผมจะใส่ใจนักกับเรื่องนี้
ผมนั่งไล่ดูรูปต่อไป หลุดขำกับท่าทางตลกๆของยูคยอมและผมที่ถ่ายรูปคู่กัน
พูดถึงยูคยอมแล้ว ทุกวันนี้ผมรู้สึกสนุกมากเวลาที่ได้อยู่กับเขา คงเป็นเพราะเราอายุเท่าๆกัน ทำทุกอย่างได้อย่างเท่าเทียม สนใจในเรื่องเดียวกัน นอกจากนั้นเจ้านั่นยังรับส่งมุกกับผมได้ตลอดเวลา คอยคลอเคลียและทำให้ผมหัวเราะ บางทีก็ไม่ได้เหมือนเพื่อนนะ เหมือนเลี้ยงหมาเชื่องๆตัวโตๆไว้ข้างๆมากกว่า
“แบม... ทานข้าว" เสียงทุ้มต่ำของพี่มาร์คเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขาเดินผ่านผมที่นอนดูรูปภาพอยู่บนโซฟา
“อือ" ผมตอบ แต่ก็ยังนอนอยู่อย่างนั้น
“ลุกมาก่อนที่จะต้องเรียกซ้ำสองนะ"
ผมถอนหายใจออกมายาวๆ คงเป็นเพราะแบบนี้หละมั้งที่ทำให้ผมสร้างระยะห่างกับพี่มาร์คออกมาเรื่อยๆ เขาไม่ใช่คนช่างพูดและเป็นผู้ใหญ่ เงียบขรึมเสียจนบางทีผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไร เขาทำเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบที่ยังต้องให้เขาจูงมือข้ามถนนเสมอทั้งที่มันไม่ใช่ ผมอายุ 16 และคิดว่าโตพอที่จะดูแลจัดการชีวิตของตัวเอง
ผมยังนอนอยู่ที่เดิม หยิบมือถือออกมากดหายูคยอม ส่งเมสเสจไปหาเขาว่าให้รีบกลับมากินข้าว
ยังไม่ทันที่จะกดส่ง มือที่ยาวและกว้างฉวยคว้าโทรศัพท์ไปจากมือผม
“หยุดเล่นแล้วลุกมาเดี๋ยวนี้"
“ผมจะรอยูคยอม" ผมตอบเสียงขุ่นพลางยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์คืน
พี่มาร์คมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า
“ทำไมต้องรอ ยูคยอมไปกังนัมอีกสักพักกว่าจะกลับ"
“ก็ผมอยากรอ"
“ทำไม ไม่มีแล้วกินข้าวไม่ได้ใช่ไหม" เสียงพี่มาร์คเริ่มดังขึ้น
“ใช่ พี่มาร์คอย่ามายุ่งเลย หิวก็ไปกินกับคนอื่นก่อนสิ ไม่ต้องมารอ"
ภายใต้ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและสงบนั่น ผมรู้สึกได้ว่าเส้นเลือดตรงขมับของเขาแทบจะระเบิดออกมา
o0o
M.
ผมกลัว... มันน่ากลัวจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าสักวันผมไม่อาจระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ได้อีกต่อไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในรอบสองสามปีหลังที่ผมและแบมแบมมักจะมีปากเสียง และทุกๆครั้งเส้นความอดทนของผมก็พร้อมที่จะขาดลงได้ทุกเมื่อ ผมเดินออกจากหอพักโดยไม่ฟังเสียงเรียกของแจบอมที่ถามหาว่าผมจะไปไหน ผมเดินมาจนถึงร้านสะดวกซื้อที่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะที่หน้าร้าน ผมหงุดหงิดและรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง กวาดตามองทิวทัศน์รอบๆก่อนจะนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่แบมแบมเพิ่งจะมาเกาหลีแรกๆ
เด็กคนนั้นตัวเล็กแค่หัวไหล่ผมเท่านั้น เสียงเล็กๆที่ขอให้ผมพาไปโน่นมานี้และซื้อขนมให้ทุกครั้งที่มาร้านนี้ ผมเอ็นดูเขา ตามใจเขา คอยให้เขาทุกสิ่งที่เขาร้องขอ ทุกอย่างที่เด็กคนนี้จะพอใจ แน่นอน มันทำให้เด็กคนนึงเสียนิสัยและเอาแต่ใจมาก ผมมีความสุขในเวลาที่คนอื่นปฏิเสธแล้วแบมแบมจะวิ่งงอแงมาหา แล้วสุดท้ายก็เป็นผม ที่ยอมทำและให้ในทุกสิ่งที่เขาต้องการ เขาติดผมมาก ใช่ และผมเป็นคนทำให้เป็นอย่างนั้น ผมอยากให้เขารู้สึกว่าตัวเขาจะขาดผมไปไม่ได้ ผมเป็นทุกอย่างและหาให้เขาได้ทุกสิ่ง ผมเฝ้าดูการเจริญเติบโตของแบมแบมในทุกฝีก้าว ในขณะลืมที่จะเฝ้าสังเกตดูตัวเอง
"ผมอยากนั่งกับพี่แจ๊คสัน" แบมแบมพูดขึ้นในวันหนึ่งระหว่างที่ต้องนั่งรถตู้ของบริษัทไปที่เมืองข้างๆ "พี่เขาจะสอนผมเล่นเกมส์ที่โหลดมาเมื่อคืน"
แค่ประโยคสั้นๆธรรมดานั้นกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกสาดเข้าด้วยน้ำเย็นเยียบ
“เกมส์อะไร พี่ก็สอนได้" เป็นครั้งแรกที่แบมแบมขอไปนั่งกับคนอื่น
“พี่มาร์คไม่รู้จักเกมส์นี้สักหน่อย"
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ที่จริงหลังจากนั้นผมไม่ได้ยินเสียงใครอีก ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จนเมื่อรถตู้จอดและผู้จัดการมาสะกิดเรียกให้ลง ผมถึงสังเกตได้ว่าตัวเองกำมือจนห้อเลือดและสั่น
o0o
B.
ผมมองดูพี่มาร์คที่ยิ้มและทำท่าทางน่ารักใส่กล้อง ผมกลอกตา "เหอะ ภาพลวงตาทั้งนั้น"
“แบม ทำอะไรอยู่"
ยูคยอมเอาคางมาเกยไหล่ผมอย่างที่ชอบทำ
“เฮ้ย ตกใจหมด" ผมสะดุ้ง "ออกไปห่างๆเลย" ผมดันใบหน้าที่แนบแก้มผมอยู่ของเขาออกไป รู้สึกร้อนๆที่ใบหน้า
“หิวน้ำมั้ย เดี๋ยวเอามาให้" ยูคยอมเสนอ
“อือ ก็ดี" ผมยิ้มให้เขา "โค้กนะ"
ยูคยอมยิ้มตอบก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ
“รู้หน่ะ"
ผมรู้สึกถึงสายตาของพี่มาร์คที่มองมา และเหมือนทุกๆครั้ง ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจ
“แบมแบมสนุกไหมครับ?" พี่มาร์คเอ่ยถามหลังจากที่เราลงจากรถตู้มาถึงหอพัก
“สนุกมากๆเลยครับ พี่แจ๊คสันเล่นเกมส์นั้นเก่งสุดๆ" ผมกระตือรือร้นเล่าให้พี่มาร์คฟังเป็นการใหญ่ เราสองคนนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ผมพิงหลังไปกับอกพี่มาร์คในวงแขน พี่มาร์คค่อยๆเลื่อนดูมือถือของผม
“เกมส์นี้หรอครับแบม?” พี่มาร์คเอ่ยถาม
“ใช่ฮะ" ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองพี่มาร์ค เขาส่งยิ้มกลับมาให้ผม "แค่วันเดียวผมเล่นถึงเลเวลยี่สิบแล้วเชียวนะ พี่แจ๊คสันเจ๋งมากๆเลยเนอะ ถ้าไม่ได้พี่เขา...”
“แบมครับ...” เสียงพี่มาร์คอ่ยขัดขึ้นเรียบๆ"พี่ว่าเกมส์นี้มันจะดึงความสนใจเราซะจนไม่สนใจเรื่องซ้อมเอานะครับ"
ผมก้มลงมองที่หน้าจอโทรศัพท์ในมือพี่มาร์คอีกครั้ง ไม่ทันจะได้เอ่ยปากอะไร ผมเห็นหน้าต่าง Delete โผล่ขึ้นมา ก่อนที่นิ้วมือขาวซีดของพี่มาร์คจะค่อยๆเลื่อนไปกด Yes
พี่มาร์คยังคงยิ้ม ในขณะที่ผมแผดเสียงร้องไห้จ้า
o0o
M.
“คิมยูคยอม อายุ 15ปี ฝากตัวด้วยครับ" ผมหันไปมองแบมแบมทันทีที่เด็กฝึกใหม่แนะนำตัวเสร็จ ผมรู้ได้ทันทีว่าแบมแบมคงรู้สึกตตื่นเต้นไม่น้อยที่จะมีคนที่อายุพอๆกันเข้ามาเป็นเด็กฝึกด้วยกัน ผมมองตามเขาที่เดินเข้าไปจับมือกับเด็กใหม่คนนั้น
“นายตัวสูงชะมัด" ผมได้ยินเขาพูด ขณะที่มือผอมๆนั่นเอื้อมไปเทียบกับหัวของตัวเอง
“ไม่ยักรู้ว่าที่นี่รับเด็กไม่ถึงสิบขวบมาฝึกเหมือนกันนะ ไงหนู ขยันกินนมหน่อยนะจะได้สูงๆ"
ผมมองดูแบมแบมวิ่งไล่ตีเด็กใหม่ไปทั่วห้อง
ในขณะที่ทุกคนหัวเราะร่วน ผมได้แต่ยืนนิ่ง
o0o
B.
และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ที่สุดของทุกสิ่งอย่างมันทนกักเก็บไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“แล้วแบมแบมล่ะคะ สนิทกับใครที่สุดในวง?” คำถามสัมภาษณ์นี้ถูกถามขึ้นหลังจากที่คำตอบของคำถามเดียวกันถูกตอบโดยทุกคนในวงไปเป็นที่รียบร้อยแล้ว ผมเงียบไปครู่หนึ่ง แต่แน่นอนผมไม่ได้ลังเลในคำตอบใดๆทั้งสิ้น
“ยูคยอม ครับ" ยูคยอมหันมามองหน้าผม ยิ้มกว้างพร้อมกับตบไหล่พลางพยักหน้า เราสองคนต่างตอบกันและกัน
พี่มาร์คที่นั่งอยู่อีกฝากติดกับคนสัมภาษณ์ก็ได้แต่ยิ้ม
“แบมแบมไปเรียกมาร์คมากินข้าวหน่อย" เมื่อเรากลับถึงที่พักและเตรียมอาหารเย็น
พี่จูเนียร์ก็ได้บอกกกับผมแบบนั้น
“ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ"
“นายนั่นแหละ ตั้งแต่บนรถก็เห็นนั่งเงียบแปลกๆ เราแหละไป มาร์คมันกล้าทำอะไรแบมแบมซะที่ไหน"
พี่จูเนียร์ผิด
ผมจำยอมเดินไปที่ห้องพี่มาร์ค ก่อนจะเคาะประตู
“พี่มาร์คแบมเข้าไปนะ"
ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียง มองร่างสูงยาวที่นอนซุกไปกับผ้าห่มสีขาว
“พี่จูเนียร์ให้มาตามไปทานข้าว"
"ฉันไม่หิว" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบมาห้วนๆ
“ผมก็ว่างั้น" ผมทำท่าจะเดินออกไป
“แบมก็อย่าลืมไปเรียกยูคยอมด้วยหละ เดี๋ยวจะทานข้าวไม่ลงถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
ผมกลอกตา "ก็ประมาณนั้น"
ชั่วพริบตาหลังจากนั้นที่พี่มาร์คลุกจากเตียงมาคว้าคอเสื้อผมไว้
“หยุดกวนประสาทสักทีได้มั้ย" ตาของเขาแดงก่ำ ผมแหงนหน้าขึ้นมอง
“ถ้าพี่ไม่กินผมจะไปบอกคนอื่นให้ จะไปนอนต่อก็ไปเหอะ" ผมพยายามแกะมือเขาออกเพราะในขณะที่ผมพูดมือของเขายิ่งกำแน่นขึ้นราวกับจะจับผมหักกระดูกเสียตรงนั้น
“สนิทกับมันที่สุดสินะ หือ? แบมแบม สนิทถึงขั้นไหนแล้วหรอครับ? เท่ากับที่เคยสนิทกับพี่หรือเปล่า แบมแบมสนิทกับพี่ถึงขนาดยอมทำทุกอย่างให้ตอนที่พี่บอกว่าจะซื้อเกมส์ที่ออกใหม่ให้ไง เจ้าเด็กนั่นจะมีเงินไปซื้อของแบบนั้นให้แบมแบมงั้นหรอครับ?”
“นี่จะรื้อฟื้นเรื่องพวกนั้นใช่ไหม" ผมตอบเสียงเย็น
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงจะพูดไม่ได้ ก็เราสนิทกันขนาดนั้น ไม่ใช่หรอกหรอ? นี่ แบม... แบมแบมไปเล่นแลกลูกอมกับยูคยอมมาหรือยังครับ ที่แบมแบมต้องใช้ปา...” ผมเอามืออุดปากพี่มาร์ค ก่อนจะจ้องเขาอย่างเดือดดาล มือที่หยาบกร้านค่อยๆบิดข้อมือผมออก "ที่เราเล่นกันตอนที่แบมขอให้พี่ซื้อเกมส์ที่ออกใหม่ตอนนั้นไง"
“ประสาท" ผมถุยน้ำลายใส่หน้าเขา "เพราะที่จริงแล้วพี่มันบ้าอย่างงี้ไงผมถึงไม่อยากจะยุ่งด้วย"
พี่มาร์คหัวเราะเสียงดัง
“แบมไม่น่ารักเลยนะเดี๋ยวนี้"
เขาค่อยๆเอามือล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง เขาง่วนกับมันอยู่สักพักจนกระทั่งมีเสียงดังขึ้นผมถึงได้รู้ว่าพี่เขากำลังทำอะไร
“อาห์... อือ....” เสียงครางเบาๆผสมกับเสียงจ๊วบจ๊าบจากน้ำลายที่เยิ้มไหลจากปากสีสดของเด็กหนุ่มสองคน พี่มาร์คหันจอมือถือมาทางผม ผมมองตัวเองในวัยสิบขวบนิดๆนั่งคร่อมอยู่ที่ตักของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง พี่มาร์คในจอหันมาสบตากับกล้อง ยิ้มและหัวเราะในขณะที่เด็กตัวน้อยคนนั้นบดขยี้ ดุน กัด ขบริมฝีปากชายตรงหน้า เป็นเวลากว่านาทีที่คลิปได้ถูกเล่นไปโดยที่ผมได้แต่ยืนมองนิ่งๆ ก่อนที่คลิปจะหยุดลง พี่มาร์คได้แลบลิ้นให้เห็นลูกอมเม็ดสีแดงที่ละลายอยู่ในปากเขา ก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับกล้อง
“แบบนี้น่ารักกว่าเยอะแท้ๆ" เสียงทุ้มต่ำเย้ยหยันในทีเอ่ยขึ้น
“พี่มันน่าสะอิดสะเอียนชะมัดที่เที่ยวเก็บของแบบนั้นเอาไว้"
“ทำไม รับไม่ได้งั้นหรอ" ใบหน้าที่หล่อเหลาเริ่มบิดเบี้ยว "ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อยู่กับฉันแล้วมันน่าขยะแขยงนัก แบมแบม"
“เบาเสียงลงเดี๋ยวนี้นะ"
“ตั้งแต่ไอ้เบื๊อกนั่นมันเข้ามา ทำไม เกิดอยากจะกลายเป็นเด็กใสบริสุทธิ์ขึ้นมาเชียวงั้นสิ"
“หัดมองตัวเองซะบ้างเหอะ มันไม่เกี่ยวกับยูคยอม แต่พี่มันบ้า คนอื่นเขาคงมองว่าพี่น่ะแสนวิเศษ ที่ไหนได้ ใครจะรู้ว่าที่จริงพี่มันโรคจิตซะจนผมทนอยู่ด้วยไม่ได้"
มือพี่มาร์คสั่นระริก
“มีอีกสินะของอุบาทว์พวกนั้น" ผมเดินสะบัดหน้าหันหลังให้เขา "อยากทำอะไรก็เชิญ"
ผมปิดประตูโดยไม่ได้หันกลับไปมองอีก
o0o
To be continued... ?
Talk: อะไรก็ไม่รู้หล่ะ 555555
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ powder3 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ powder3
ความคิดเห็น