ตอนที่ 7 : Chapter 7 : What's going on
Chapter 7 : What’s going on
“เวร…”
“ใช่ วันนี้เป็นเวรของเราไงบาซิลลัส”
“ไม่ใช่”
“จะไม่ใช่ได้ยังไง ก็วันนี้เป็นวันศุกร์นายจำไม่ได้หรอ”
“ฉันหมายถึงว่าเวรกรรมจริงๆเลยที่ต้องมาเป็นเวรทำความสะอาดวันเดียวกับนายเนี่ย -*-”
บาโรเทเศษขยะในที่ตักผงลงถังขยะดังโครมก่อนจะหันมาทำปากงุ้มใส่ซานดึล คนตัวเล็กผมสีน้ำตาลกำลังเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างให้ครบทุกบานแล้วหันมายิ้มให้เพื่อนเจื่อนๆ
“ก็…ช่วยไม่ได้นี่นะ ขนาดใช้วิธีจับฉลากเวรฉันก็ยังหนีนายไม่พ้นเลย ^^;;”
“นายว่าไงนะเจ้าเป็ด =_=*”
“ปล๊าววววววว” ซานดึลลากเสียงสูงก่อนจะวางมือจากการปิดหน้าต่างไปเช็ดกระดานหน้าห้องแทน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทั้งๆที่อาจารย์ปาร์คใช้วิธีจับฉลากเลือกเวรทำความสะอาดให้นักเรียนในห้อง เขากับบาโรก็ยังอุตส่าห์ได้อยู่เวรวันเดียวกันอีก ถ้าไม่เรียกว่าพรหมลิขิตก็คงเป็นผีผลักแล้วล่ะ
แต่ดูๆแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังซะมากกว่า -_-;;
“เออนี่ ทำไมถึงมีแต่เราสองคนที่ทำเวรกันอยู่ล่ะ เพื่อนๆคนอื่นหายไปไหนกันหมด” เด็กใหม่หันหน้าซ้ายทีขวาทีด้วยความสงสัยเมื่อไม่เห็นมีนักเรียนซักคนอยู่ช่วยพวกเขาทำเวร
“เหอะ! นายไม่รู้อะไรซะแล้วเป็ดดึล” บาโรวางที่ตักผงกับไม้กวาดลงพร้อมส่ายหน้าใส่อย่างระอา
“มีเรื่องอะไรที่ฉันควรรู้งั้นเหรอ O_o”
“โรงเรียนเก่านายเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับโซลฮวาอะคาเดมี่เวรวันศุกร์เป็นเวรที่มีทั้งโชคดีแล้วก็โชคร้าย” บาโรทำน้ำเสียงนิ่งจนซานดึลต้องหยุดเช็ดกระดานแล้วหันมาฟังอย่างสนใจ
“มีทั้งโชคดีแล้วก็โชคร้าย? มันจะเป็นไปได้ยังไงบาแก๊ต”
“นั่นมันชื่อขนมปังไม่ใช่หรือไง -_-^”
“อ่า…โทษที ^^;; ไม่รู้ทำไมจนป่านนี้ฉันก็ยังจำชื่อนายไม่ได้ซักทีอ่ะ” คนตัวเล็กผมน้ำตาลขึ้นมานั่งบนโต๊ะหน้าห้องพลางแลบลิ้นออกมาด้วยความเขิน
“แล้วไงต่อ ที่นายว่ามีทั้งโชคดีแล้วก็โชคร้ายนี่มันคืออะไรกันแน่” ซานดึลรีบท้วงเมื่อเห็นว่าบาโรทำท่าจะไม่เล่าต่อ คนผมดำตาเล็กหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ทีหนึ่งแต่ก็อดคันปากที่จะเล่าต่อไม่ได้
“จะอะไรซะอีกเล่า! นายก็รู้ใช่มั้ยว่าโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกเด็กลูกผู้รากมากดีลูกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินมาเรียนกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเรื่องการทำเวรน่ะหรอ…ฝันไปเถอะ” คนเล่าชักสนุกเลยลากเก้าอี้ตรงโต๊ะที่ซานดึลนั่งอยู่ในตอนนี้มานั่งด้วย คนทั้งสองคนหันหน้าชนกันอยู่ในห้องเรียนเงียบๆในยามเย็น ซานดึลนั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะตัวสูงนั่งรอฟังบาโรเล่าอย่าตั้งอกตั้งใจ
“แล้วทำไมต้องเป็นเฉพาะเวรวันศุกร์ด้วยล่ะ”
“นายนี่ไม่มีเซนส์ทางด้านนี้เลยสินะ ก็เพราะว่าทุกเวรเล่นโดดไม่ทำกันทุกวันๆภาระก็เลยตกมาถึงเวรวันศุกร์ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นใครที่ได้เป็นเวรวันศุกร์น่ะ…สุดยอดของความซวย บรมโคตรซวยเลย” แล้วความซวยมหาบรมนั่นก็ตกเป็นของฉันกับนายยังไงล่ะอีซานดึล
“นายบอกอย่างนี้ งั้นก็แสดงว่าเพื่อนๆคงหนีกลับบ้านกันไปหมดแล้วใช่มั้ย” คนตัวเล็กพยายามก้มตัวลงเพื่อจะได้เอามือเท้าคางกับหัวเข่าตัวเองได้ถนัดๆ
“ก็ใช่น่ะสิ เหลือแค่ฉันกับนายนี่แหละที่ต้องมานั่งทำกันหัวฟู เวลาอาจารย์มาตรวจในวันจันทร์ห้องเราจะได้ดูสะอาดเรียบร้อยไง” บาโรถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางโยกเก้าอี้เรียนไปมาอย่างซุกซน
“ถ้านี่คือความโชคร้ายที่นายบอก แล้วความโชคดีมันคืออะไร” ซานดึลถามอย่างไม่เข้าใจจนบาโรต้องระบายลมหายใจออกมาอีกรอบ
“นายคิดว่าเวรวันอะไรมีข้ออ้างในการโดดมากที่สุดล่ะอีซานดึล”
“…”
“อย่างมินอาวันนี้อ้างว่าไปต้องรีบกลับไปขึ้นเครื่องบินเพื่อไปพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ ดงซันอ้างว่าต้องรีบกลับไปจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำ ฮียองบอกว่าเขามีนัดกับเพื่อนทำรายงานกลุ่มที่อาจารย์สั่งให้ไปทำในวันหยุด ส่วนโซยองก็บอกว่าเธอ…”
“อ่าๆพอแล้ว ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทุกคนใช้ข้ออ้างในวันหยุดมาทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการทำเวร” ซานดึลรีบตัดบทก่อนที่บาโรจะพูดยาวไปมากกว่านี้
“กงชานมันรอดแล้ว ถึงมันจะเป็นคนที่ไม่โดดทำเวรก็จริงแต่อย่างน้อยเวรวันพุธก็ไม่ต้องมารับผิดชอบมหกรรมความสกปรกที่คนในห้องร่วมกันหมักหมมไว้ตลอดสัปดาห์เหมือนเวรวันศุกร์ มันทำบุญมาด้วยอะไรนะถึงได้โชคดีได้ขนาดนี้” บาโรพูดถึงเพื่อนสนิทอีกคนซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องด้วย
“พูดถึงกงชาน เขาไม่ได้กลับบ้านพร้อมนายหรอกเหรอ พักนี้ฉันเห็นเขารีบกลับเหมือนมีธุระแทบทุกวันเลย” ซานดึลทำหน้าสงสัย เพื่อนที่นั่งข้างๆเขาชอบหายไปในช่วงเช้าและพักกลางวันตลอด แถมตอนเย็นก็ยังรีบกลับแบบตรงเวลาแทบทุกวันอีก มันน่าแปลกจริงๆนะ…
“ตั้งแต่อยู่เกรด 7 ด้วยกันมามันก็กลับบ้านพร้อมฉันเกือบทุกวันนะ” บาโรเองก็ยังอดคิดไม่ได้
“มีแต่ปีนี้แหละที่มันแปลกๆไป ทำตัวอย่างกับมีนัดเดทกับแฟนทุกเวลาหลังอาหาร -_-” คนผมดำอดที่จะค่อนแคะเพื่อนไม่ได้จนซานดึลหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ขนาดนายเป็นเพื่อนสนิทกันนายยังไม่รู้ทุกเรื่องเลยอ่ะบาห์เรน ^0^” ซานดึลยันตัวเองให้ลุกออกจากโต๊ะแล้วกลับไปเช็ดกระดานต่อ
“แล้วทำไมนายถึงจะต้องกลัวฉันมาแย่งกงชานไปจากนายด้วยล่ะ ฉันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องกงชานไปมากกว่านายเลย” ระหว่างที่พูดคนตัวเล็กก็พยายามเขย่งเท้าเพื่อเช็ดตรงกระดานส่วนบน แต่ดูเหมือนส่วนสูงจะไม่เป็นใจก็เลยต้องกระโดดปัดผ้าไปปัดมาเพื่อให้ลบโดนจุดที่เปื้อนชอล์ก
“ฮ่าๆ เหมือนพระเจ้าจะรังแกนายตอนที่สร้างนะดึลลี่” บาโรที่มองดูกริยาอยู่พูดล้ออย่างขบขันจนซานดึลต้องปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยหลังจากทุ่มความพยายามเพื่อเช็ดกระดานด้านบนสุดอย่างเต็มที่แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ
“นายก็พูดได้สิ นายเกิดมาตัวสูงกว่าฉันนี่ -^-” คนโดนว่าเถียงเสียงอ่อยพลางมองจุดที่เลอะซึ่งอยู่สูงเกินกว่าที่ตัวเองอย่างทำอะไรไม่ได้
“ฉันให้ยืมขาเอามั้ย”
“ฮะ…ยังไง?” ยังไม่ทันจะหายสงสัยคนที่ถามก็ได้คำตอบเมื่อบาโรเดินเข้ามายกตัวเองขึ้นจนตัวลอยสูงขึ้นจากพื้น
“เฮ้ย! นายจะบ้าหรอบาซิลิสก์ เอาเก้าอี้มาให้ฉันยืนก็สิ้นเรื่อง ปล่อยฉันนะ O_O!” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักจนเสี่ยงต่อการตกลงไปกระแทกพื้น
“ได้ไง ทำอย่างนั้นเก้าอี้ก็สกปรกหมดสิอีซานดึล” คนผมดำบอกเสียงเจ้าเล่ห์ ความจริงคือฉันอยากจะแกล้งนายมากกว่าอ่ะนะ กร๊ากๆสะใจ >O<
“โหยยยย นาย…กระรอกสมองทึบ! ฉันทำเลอะเองฉันก็เช็ดเองได้น่า! -*- ถ้าอย่างนั้นนายก็แค่มาลบกระดานให้ฉันก็แค่นั้น”
“ไม่เอาอ่ะ เรื่องอะไรฉันต้องมาลบกระดานแทนนายด้วยล่ะ เหนื่อยแถมยังเปลืองพลังงานฉันเปล่าๆ”
“แล้วที่นายอุ้มฉันอย่างนี้มันไม่เปลืองพลังงานตรงไหนฮะ >< ปล่อยช้านนนน” เออจริง ความจริงการที่อุ้มซานดึลอาจจะเปลืองพลังงานมากกว่าการไปลบเองก็ได้นะบาโร (หลบทีนเมนซานดึลแป๊บ//ฟ้าวววว)
“โอ๊ยอยู่เฉยๆสิเจ้าเป็ด เดี๋ยวนายก็ได้ตกลงมาจริงหรอก =_=^” คนที่อุ้มเริ่มโวยเมื่อเห็นว่าคนที่แกล้งดูไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย
“ปล่อยฉันนะไอ้กระรอก”
“”ไม่ปล่อย”
“บอกให้ปล่อยไง”
“ก็บอกว่าไม่ปล่อยไง เอ๊!นายนี่ ต้องให้พูดภาษาเป็ดถึงจะฟังเข้าใจสินะ ก้าบๆ แคว้กกกกๆ :P”
“โอ๊ย คนบ้าอะไรกวนประสาทชะมัด” คนผมน้ำตาลเอากำปั้นน้อยๆทุบหลังคนตัวใหญ่ที่อุ้มตัวเองอยู่อย่างไม่บันยะบันยัง
“ปล่อยฉันสิ!”
“ม่ายยยยย”
“นี่นายจงใจจะแกล้งฉันใช่มั้ยชาบาแก้ว!” คนผมสีน้ำตาลตัวเล็กเริ่มเอาขาเตะไปมา
“นายนี่…พูดชื่ออื่นได้เป็นร้อยเป็นพันแต่กลับพูดชื่อฉันไม่ได้อยู่ชื่อเดียวเนี่ยนะ -*-”
“เออ ก็ชื่อนายมันไม่มีอะไรให้น่าจดจำนี่ วันๆก็เอาแต่แกล้งฉันอยู่นั่นแหละ นายเป็นอะไรของนายนักหนาฮะไอ้กระรอกบ้า” เอาแล้ว…เป็ดเริ่มคลั่งแล้วฮะท่านผู้ชม
“ก็ไม่ได้เป็นอะไร ฉันอุตส่าห์หวังดีอยากช่วยนายนะอีซานดึล ^^”
“ช่วยบ้าอะไรกัน! เห็นๆอยู่ว่านายแกล้งฉันอ่ะ T^T” ซานดึลเริ่มปากเบะจนบาโรเริ่มใจคอไม่ดี แต่ปากกระรอกยังไงก็เสียอยู่วันยังค่ำ
“นี่…นายอย่ามาใช้ลูกไม้เดิมๆกับฉันนะอีซานดึล คิดว่าร้องไห้แล้วฉันจะใจอ่อนให้นายหรือไง” บาโรพยายามแหงนมองหน้าคนที่อุ้มว่าร้องไห้จริงหรือเปล่าแต่ซานดึลก็เอาแต่ดิ้นอย่างเอาแต่ใจ
“กระรอกโรคจิต ฉันเกลียดนาย T_T” พลั่ก! ถีบเฮือกสุดท้ายเพราะความแค้น ฮึ้ยยยย!
“เฮ้ยๆ นายอย่าถีบฉันอย่างนั้นสิเจ้าบ้า O[]O^” บาโรพยายามจะเตือนแต่ก็ไม่ทัน ร่างทั้งสองเสียการทรงตัวจนล้มไปกองอยู่กับพื้นห้องเรียนเสียงดังโครมลั่นสนั่นตึกเรียน ดีที่เป็นช่วงเวลาเย็นจึงไม่มีใครอยู่ในตึกมากนัก ไม่งั้นคงจะมีนักเรียนผู้สอดรู้แห่กันมาดูให้แซ่ด เมื่อได้สติแล้วคนตัวเล็กก็พยายามจะถีบร่างใหญ่ของผมดำที่นอนทับอยู่ออกไปให้พ้นจากตัว
“ออกไปจากฉันได้แล้ว นายนี่แกล้งอะไรไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ T///T” หน้าขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อเห็นว่าร่างของชาบาโรนอนคว่ำแนบอยู่บนร่างของตัวเอง คนตัวโตผมดำผงกหน้าขึ้นมาอย่างยากเย็นพลางพยายามใช้มืยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ต้องชะงักเพราะแรงดึงอะไรบางอย่างที่พันอยู่กับคอ
“เอ่อ…สร้อยฉันมันพันอยู่กับสร้อยนายอ่ะ” บาโรหยิบสร้อยรูปไม้กางเขนสองอันที่พันกันยุ่งเหยิงจนทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นยืนเป็นท่าปกติได้ขึ้นมาโชว์ให้คนที่โดนตัวเองนอนทับอยู่ดู ซานดึลถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรำคาญเต็มทน อะไรกันนักกันหนาเนี่ยยยยย
“นายก็รีบแกะเร็วๆเข้าไม่ได้หรือไง ฉันหายใจไม่ออก ตัวนายหนักเป็นบ้าเลยบาทิลด้า -///-” หน้าของคนตัวเล็กยิ่งแดงเข้าไปใหญ่เมื่อคนผมดำก้มหน้าใสเข้ามาใกล้เพื่อแกะปมสร้อยออกจากคอ
“เออๆ รู้แล้วน่า หน้านายแดงขนาดนั้นเพราะหายใจไม่ออกฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกันแหละ”
“…!”
ไอ้บ้า! คนอะไรแม้แต่ความรู้พื้นฐานทางวิชาชีววิทยาก็ไม่มี เขามีแต่หายใจไม่ออกแล้วหน้าเขียว อีตานี่ดันบอกว่าหน้าแดงเพราะเกิดจากการหายใจไม่ออก แต่ช่างเหอะ…ให้มันเข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว
“ไอ้นี่ก็แกะยากแกะเย็นจริงโว้ย -*-” บาโรยิ่งเอาหน้าเข้าไปใกล้ซานดึลมากกว่าเดิมเพื่อจะหาทางแกะสร้อยให้หลุดออกจากกันได้เร็วๆ ลมหายใจอุ่นๆของคนผมดำที่รดอยู่ตรงหน้าทำเอาซานดึลนิ่งแข็งไปชั่วขณะ คิ้วเข้มที่พันขมวดอยู่บนหน้าใสและดวงตาเล็กๆสีดำที่ดูมุ่งมั่นจากการแกะสร้อยกลับดูดีขึ้นมาอย่างประหลาดในช่วงเวลานั้น ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กกว่าเต้นโครมครามขึ้นมาเสียเฉยๆ โอ๊ยตายล่ะ! ฉันเขินอีตาบาคุกันนี่เหรอเนี่ย….นายอย่าได้ยินเสียงหัวใจฉันเต้นนะ น่าอายชะมัดเลยอีซานดึล T///T
“นายมีสร้อยอย่างนี้ด้วยเหมือนกันเหรอ” บาโรชวนคุยในขณะที่ตัวเองก็กำลังรีบแกะปมสร้อยออกจากกันอย่างขะมักเขม้น
“…” คนตัวเล็กไม่ตอบเพราะมัวแต่ข่มใจไม่ให้มองหน้าคนตรงหน้าแล้วใจเต้นไปมากกว่านี้ ใครจะมามีแก่จิตแก่ใจคุยในช่วงเวลาแบบนี้กันล่ะ
“แอบไปซื้อตามฉันมาป่ะเนี่ย” เหมือนบาโรจะพยายามทำให้ตัวเองอารมณ์ดีก็เลยพยายามทำให้มันเป็นเรื่องขำ บอกว่าอย่ายิ้มอย่างนั้นไงอีตาบ้า T///T
“นี่…อีซานดึล นายจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือไง”
“…”
“ดีนะที่ช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนอยู่บนตึก ฉันกับนายเลย…”
“เสียงดังโครมครามอะไรกะ… O_O^” ปรากฎร่างของชินวูที่เปิดประตูเข้ามาดูแล้วก็ต้องช็อคกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เป็นเวลาเดียวกับที่สร้อยของทั้งคู่ถูกแกะออกจากกันพอดี ซานดึลและบาโรรีบถอยห่างออกจากกันอัตโนมัติ
“เอ่อ…พี่ฮะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” บาโรพยายามจะอธิบาย แต่ภาพน้องชายผมดำสุดที่รักตัวเองกำลังนอนคว่ำหน้าทำอะไรบางอย่างอยู่กับเด็กใหม่มันได้ถูกฝังเข้าไปในซีรีบรัมสมองของประธานนักเรียนเสียแล้ว
“นายสองคน…” ดวงตาเลิ่กลั่กของพี่ชายประกอบกับมือที่ชี้สลับกันไปมาระหว่างซานดึลกับเขาทำให้บาโรรู้ทันทีว่าชินวูกำลังคิดอะไรอยู่
“พี่กำลังเข้าใจผิดนะครับ คือพวกเรากำลัง…”
“โอเคๆ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” ประธานนักเรียนหมีเอามือกุมขมับตัวเองพลางถอยห่างออกจากห้อง
“ฟังผมให้จบก่อนดิฮะ คือมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ” บาโรพยายามรวบรัดตัดคำให้ได้มากที่สุดพลางสะกิดซานดึลให้ช่วยพยักหน้าเสริมแรงด้วย
“ใช่ๆ คือเราแค่ลื่นล้มน่ะครับรุ่นพี่ชินวู มันไม่ได้มีอะไรเลยจริง” ซานดึลช่วยอธิบายอีกคน
“หระ…เหรอ นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย ใช่ละครหลังข่าวหรือเปล่า TwT”
“พี่….เชื่อผมซักครั้งเถอะ” สติของชินวูดูเหมือนจะหลุดลอยไปไกลเสียแล้วน้องชายกระรอกก็เลยรีบเข้ามาเขย่าตัว อีซานดึลเองก็เข้ามากอดขาอ้อนวอนประธานนักเรียนไม่ให้คิดเลยเถิดไปมากกว่านั้นเช่นกัน
“มันไม่ใช่อย่างที่รุ่นพี่เข้าใจนะฮะ…คือมันเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยจริงๆ คือ…โอ๊ย! ให้ตายสิ นายจะมาเริ่มก่อนทำไมนะบาหลี” พอถึงจุดนี้คนผมน้ำตาลก็อดจะพาลคนข้างๆไม่ได้
“นายนั่นแหละเกิดมาตัวเล็กทำไมก็ไม่รู้ ฉันก็เลยอดไม่ได้น่ะสิ -*-”
“หะ..หา?” ชินวูมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความมึนงง ไหนบอกว่าไม่ได้ทำอะไรกันไงฟะ
“เฮ้! ก็แล้วใครมาใช้ให้นายทำอะไรพิลึกอย่างนั้นกับฉันล่ะ ให้ฉันยืนบนเก้าอี้ซะก็สิ้นเรื่อง” เฮ้ย! อะไรคือการยืนบนเก้าอี้?
“ก็นายช่วงตัวสั้นอ่ะ ให้ฉันอุ้มมันก็ง่ายกว่าป่ะจะได้ขยับกะทิศทางถูกด้วย”
“…?!”
“นายแหละเริ่มก่อน”
“ฉันเปล่า”
“นายนั่นแหละ”
“หยุดดดดดดด” ชินวูกางแขนออกห้ามทัพทั้งสองฝ่ายที่กำลังทำสงครามน้ำลายกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อาทิตย์หนึ่งจะทะเลาะกันให้ได้กี่ครั้งฟะเนี่ย! ประธานเซ็งครับบบ
“สรุปนายสองคนได้ทำอะไรอย่างที่ฉันคิดมั้ย -*-”
“เปล่า!”
“แล้วจะเถียงกันทำไม ให้ตายสิ! พวกนายทะเลาะกันอย่างกับเด็กๆแน่ะ” ชินวูหันไปเอาเรื่องกับชาบาโรน้องชายสุดที่รักแทน
“ไหนอธิบายมา เรื่องมันเป็นมายังไง พี่จะได้เข้าใจให้มันถูกๆ” พอเห็นพี่ชายเริ่มจะมีอารมณ์โกรธบ้างแล้วบาโรจึงเลือกที่จะเล่าทุกอย่างแบบไม่อ้อมค้อม มีซานดึลช่วยเสริมในบางตอนแต่สุดท้ายก็เล่าจนจบ
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ” บาโรว่าตบท้ายก่อนก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเล่าจบ ชินวูถึงกับส่ายหน้าทันทีตอนที่ฟังเรื่องจบแล้ว
“เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งพวกนายก็ยังจะโทษกันไปโทษกันมาอยู่ได้” ซานดึลและบาโรยืนฟังประธานหมีบ่นอย่างสงบเสงี่ยม
“ชาบาโร พี่ก็ไม่อยากจะพูดกับนายอย่างนี้หรอกนะ แต่ต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นก็คือนาย -_-”
“ครับพี่ (_ _;;)”
“ถ้าซานดึลบอกว่าไม่ชอบ นายก็ไม่ควรจะทำต่อ พี่ไม่เคยสอนให้นายใช้อำนาจของพี่ข่มเหงรังแกคนอื่นนายก็รู้ใช่มั้ย”
“ฮะพี่ ผมจำได้และปฏิบัติตามมาเสมอครับ”
“แล้ว…ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเวลาที่นายก่อเรื่องทีไรแล้วฉันมาเจอมันต้องเป็นอีซานดึลทุกที (- - )” ชินวูหันหน้าไปมองคนก่อเหตุอีกคนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง คนถูกกล่าวโทษได้แต่ก้มหัวงุดๆอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
“ผมก็ไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้เหมือนกันฮะรุ่นพี่” เด็กใหม่ตอบเสียงอ่อย ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่เคยมีวันไหนเลยที่บาโรจะไม่หาเรื่องแกล้งเขาซักครั้ง
“เอาเป็นว่าอย่าให้พี่รับรู้อีกว่ามีเหตุการณ์ที่พวกนายสองคนเถียงกัน ตีกัน กัดกัน ข่วนกัน ถีบเตะต่อยหรือทำอะไรกันก็แล้วแต่ ฉันลำบากใจนะเวลาต้องมายุ่งกับเรื่องพวกนี้” ชินวูขยับเสื้อยูนิฟอร์มตัวนอกให้เข้าที่ให้เนี้ยบสมกับเป็นประธานนักเรียน มันจะทำได้แน่เร้ออออ ทะเลาะกันแทบทุกวันอย่างนี้ ขนาดห้ามตอนครั้งแรกมันก็ยังมีวันนี้ได้ สงสัยจะต้องหนักใจไปกับเรื่องนี้อีกยาว
แต่แล้วก่อนจะเดินลงบันไดไปก็เหมือนประธานหมีจะเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออบาโร นายพอจะรู้มั้ยว่าตอนนี้เพื่อนนายอยู่ที่ไหน”
“เพื่อนผม? พี่หมายถึงกงชานเหรอฮะ” คนผมดำขมวดคิ้วสงสัย
“อ่าใช่ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว กลับบ้านไปแล้วเหรอ” ชินวูชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องยิ่งสร้างความมึนงงให้กับบาโรหนักเข้าไปอีก พี่ชินวูจะถามหากงชานทำไม
“น่าจะอย่างนั้นมั้งฮะ…เห็นพักนี้มันชอบหายไปหัวไปไหนอยู่บ่อยๆ กลับบ้านตรงเวลาเป๊ะอย่างกับจะรีบกลับไปรอกินข้าวเย็นพร้อมแฟนที่บ้าน =_=*” ว่าแล้วก็อดที่จะบ่นถึงเพื่อนรักอีกซักทีไม่ได้ กงชานนะกงชาน…แกทิ้งให้ฉันอยู่กับเจ้าเป็ดดึลนี่สองคนได้ยังไงฮะ!
“เขาคงไปกับจินยองน่ะ” ชินวูพูดขึ้นมา
“อะไรหมูหยองนะครับพี่ -_-?”
“จินยอง…เด็กใหม่เกรดสิบสองห้องเดียวกับฉัน” ชินวูพูดให้ชัดถ้อยชัดคำกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าน้องชายตัวเองทำหน้าไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวนะ แล้วกงชานมันไปรู้จักกับเด็กใหม่ห้องพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่เห็นรู้เลยอ่ะ” คราวนี้กระรอกเลยหน้าเหวอกว่าเดิมเมื่อได้ฟังข้อมูลใหม่จากคนเป็นพี่ชาย แม้แต่ซานดึลเองก็เอามือแคะๆหูเผื่อจะฟังได้ชัดกว่าเดิม
“ฉันเห็นเพื่อนนายมาหาจินยองที่ห้องทุกวัน ตอนกลางวันก็เห็นมานั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันก็คิดว่าจะรู้จักกับพวกนายด้วยซะอีก” กลับกลายเป็นคนทั้งสามที่งงกันเองซะอย่างนั้น
“เดี๋ยวนะ ใช่รุ่นพี่จินยองที่คนในโรงเรียนบอกว่าชอบทำตัวแปลกๆหรือเปล่าฮะรุ่นพี่” ซานดึลพยายามหลับตานึกภาพรุ่นพี่ซึ่งรู้สึกว่าเหมือนจะเคยได้เห็นผ่านตามาบ้างนิดหน่อย
“คนที่ผมสีแดงๆอ่ะนะ เฮ้ย! ฉันเคยเห็นอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เดินผ่านหน้าห้อง ตอนนั้นเห็นกงชานมันมองตามตาไม่กระพริบเลย” บาโรก็นึกขึ้นได้อีกคน ชินวูก็เลยพยักหน้าสมทบ
“ถ้านายหมายถึงคนที่ตาคมเรียวๆ ผิวขาว ท่าทางเท่ๆ ทำผมสีแดงล่ะก็ใช่ -///-” ประธานนักเรียนสรุป
“แล้วทำไมพี่ต้องทำท่าเขินเวลาพูดถึงเขาด้วยล่ะเนี่ย” คนเป็นน้องชายมองดูสีหน้าของพี่ชายพลางหัวเราะ
“อ้อ…เอ่อ…เปล่าซะหน่อย นายเล่นปิดหน้าต่างในห้องหมดอย่างนี้ฉันก็ร้อนน่ะสิ”
“แต่นี่เรายืนอยู่นอกห้องนะครับพี่”
“O///O”
“ฮ่าๆ เหมือนรุ่นพี่จะกำลังมีเฟิร์สท์เลิฟอยู่เลยนะฮะ ^^” ซานดึลขำตามเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของชินวูจนคนรุ่นพี่ถึงกับต้องเอามือลูบหน้าให้กลับคืนสู่สภาวะเดิม
“สรุปแล้วนายสองคนไม่เห็นใช่มั้ย ฉันจะได้ไปทำงานต่อซักที”
“หมายถึงกงชานหรือว่ารุ่นพี่มันย่องอะไรนั่นของพี่ล่ะครับ? ^___^”
“โวะ! ฉันไม่คุยกับพวกนายแล้ว เสียเวลาชะมัด” ชินวูสะบัดหน้าพรืดพลางรีบเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็วก่อนที่น้องชายและรุ่นน้องจะได้เห็นหน้าที่แดงเหมือนถูกบำรุงด้วยมะเขือเทศมาเป็นสิบปีของตัวเอง ได้เสียงหัวเราะจากคนตัวแสบทั้งสองคนที่ยืนขำอยู่หน้าห้องเป็นการใหญ่
“ฮ่าๆ ฉันว่าพี่นายกำลังมีความรักนะบารากุ” ซานดึลเอ่ยอย่างชอบใจเมื่อเห็นคนเป็นรุ่นพี่เดินจนลับสายตาไปแล้ว
“ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นพี่ชินวูเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย” บาโรพูดออกมาจากใจจริง ตั้งแต่เด็กจนโตที่ใช้ชีวิตอยู่กับพี่ชาย ชินวูเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับงานและการเรียนซะส่วนใหญ่ เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับกิจกรรมของโรงเรียนและครอบครัวจนหมด ไม่เคยมีเวลาว่างมานั่งคิดเรื่องความรักเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆอะไรพวกนี้หรอก
จนกระทั่ง…เมื่อจินยองได้ก้าวเข้ามาที่นี่ ชักอยากรู้ซะแล้วสิว่ารุ่นพี่คนนั้นมีดียังไงถึงได้ทำให้หมีอย่างพี่ชินวูตื่นจากการหลับใหลจำศีลได้
“ความจริงดูๆแล้วบ้านนายก็มีอันจะกินนี่นา ทำไมถึงไม่เลือกที่จะโดดเวรเหมือนคนพวกนั้นล่ะ” จู่ๆซานดึลก็วกกลับเข้ามาเรื่องเดิมทำเอาบาโรแทบจะตั้งตัวไม่ทัน
“ก็ฉัน…” จะบอกยังไงดีล่ะ คือ…ฉันอยากอยู่แกล้งนายอ่ะซานดึล เป็นไปได้ฉันก็อยากจะให้เราได้ทำเวรด้วยกันอย่างนี้ทุกวันเพื่อที่ฉันจะได้อยู่แกล้งนายไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรฉันถึงได้ชอบแกล้งแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้แต่นายคนเดียว สงสัยฉันจะบ้าไปแล้วล่ะมั้ง นี่เราโรคจิตอย่างที่ซานดึลบอกจริงเหรอวะเนี่ย…โอ๊ย! กรรมของชาบาโร
“ไม่ว่านายจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันว่านายก็เป็นคนดีคนหนึ่งนะบราเซีย” ซานดึลยิ้มให้คนข้างๆที่คุยด้วย บาโรเผลอใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มใสๆจริงใจนั่น อ๊า! อีซานดึล…นายจะยั่วฉันไปถึงไหนเนี่ย
“ยกเว้นตอนที่นายชอบแกล้งฉันด้วยวิธีประหลาดๆพวกนั้น นายดูเหมือนกระรอกโรคจิต” พูดจบคนผมสีน้ำตาลก็ยิ้มตีตัวออกจากคู่สนทนาแล้วรีบเก็บกระเป๋าเดินออกนอกห้องไปทันที บาโรนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียบเรียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เท้าสองข้างจึงรีบวิ่งตามคนตัวแสบไปทันที
“อีซานดึล! นายนี่มัน…รอฉันก่อนนะเจ้าเป็ด ฉันจะลงไปจัดการนายเดี๋ยวนี้แหละ!”
“นายไม่มีวันตามฉันทันหรอก ฉันเดินลงมาถึงฉันล่างสุดแล้ว แบร่~~~”
“บอกว่าอย่าเพิ่งหนีไปไหนไง!”
“ไม่หนีฉันก็โดนนายแกล้งอ่ะเดะ!”
“นายเสร็จฉันล่ะ!”
“อ๊ากกกก นายลงมาตอนไหนเนี่ย! บินมาเรอะ!”
“ฉันไม่ใช่เป็ดอย่างนายนี่ถึงจะบินได้ เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ…บราเซียงั้นหรอ นั่นมันชุดชั้นในไม่ใช่หรือไง”
“ก็ฉันจำชื่อนายไม่ได้จริงๆอ่า ยกโทษให้ฉันเถอะนะพ่อกระรอกคนดี TwT”
“สายไปแล้วล่ะ นายวิงวอนขออะไรไม่ได้แล้วล่ะตอนนี้ -.,- ย้ากกกกกก!”
บรรยากาศโรงเรียนในตอนเย็นที่ควรเงียบสงบกลับมีเสียงเอะอะโวยวายของนักเรียนสองคนที่เล่นไล่จับกันไปมารอบสนามกันอย่างสนุกสนาน คนหนึ่งตัวเล็กผมสีน้ำตาลแก้มป่องหน้าตาดูจิ้มลิ้มกำลังวิ่งหนีคนที่ตัวสูงกว่าผมสีดำนัยน์ตาเล็กซุกซนสุดฤทธิ์สุดเดชราวกับเป็ดที่โดนไล่ล่า ชินวูแอบมองคนสองคนที่ไถลเกลือกกลิ้งทับกันไปมาบนสนามแล้วก็ต้องยิ้มพลางส่ายหน้าอย่างระอา เวลานี้เหลือเพียงประธานนักเรียนและคณะกรรมการนักเรียนบางคนเท่านั้นที่ยังคงทำงานอยู่ในสภาโรงเรียน…
“นั่นใช่น้องชายของรุ่นพี่หรือเปล่าคะ” คณะกรรมการนนักเรียนคนหนึ่งที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างหลังชินวูถามขึ้น
"ให้ฉันเข้าไปห้ามพวกเขามั้ยคะ”
“ไม่ต้อง ปล่อยเขาไป…” ประธานนักเรียนยิ้มอย่างเอ็นดู นานแล้วเช่นกันที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเต็มเปี่ยมอย่างนี้บนหน้าของน้องชาย แม้แต่กงชานที่คบกันเป็นเพื่อนมานานก็ไม่เห็นบาโรจะมีท่าทางอย่างนี้เวลาที่อยู่ด้วยกัน พี่คงห้ามนายเรื่องซานดึลไม่ได้แล้วล่ะบาโร…ถ้านายมีความสุขก็ทำต่อไปเถอะ
“แล้วเรื่องจองจินยองที่รุ่นพี่จะให้มาอยู่ในสภากรรมการนักเรียนล่ะคะ จะให้ดิฉันดำเนินการยังไงต่อ”
“รอไปก่อน…ฉันอยากจะรู้จักเขาให้มากกว่านี้อีกหน่อย” ชินวูแอบกอดอกยืนยิ้มระหว่างที่มองน้องชายของตัวเองไปด้วย ยามที่พูดถึงเด็กใหม่ผมแดงที่ทำตัวประหลาดคนนี้ทีไรทำไมหัวใจของเขาต้องรู้สึกพองโตทุกทีเลยนะ นายจะรู้มั้ยจินยอง...เวลาที่ฉันต้องแกล้งทำเป็นฝืนให้รู้สึกเฉยๆตอนที่นั่งอยู่ข้างนายในห้องเรียนมันยากมากแค่ไหน หรือการที่ต้องอดทนไม่ให้แอบมองนายทั้งๆที่นายก็นั่งอยู่ใกล้ๆฉัน มันทรมานจิตใจจนต้องยอมออกไปกินข้าวให้ห่างๆนายทุกครั้ง…ไม่ใช่เป็นเพราะฉันไม่อยากอยู่ใกล้นายนะ แต่ทั้งหมดนี่อาจเป็นเพราะฉันชอบนายจริงๆซะแล้วล่ะมั้ง…จองจินยอง
ถึงเวลาแล้วล่ะที่ฉันจะทำตามหัวใจของตัวเองบ้าง การมีความรักนี่มันมีความสุขแบบนี้นี่เองสินะ…มิน่า ใครหลายๆคนถึงได้ชอบมีกัน
ขอโทษนะกงชาน ถึงนายจะเป็นเพื่อนของน้องชายฉัน แต่ฉันเองก็รักคนของฉันเหมือนกัน ถ้านายเองก็ชอบจินยองทำไมเราไม่ลองมาแข่งกันดูล่ะว่าความรักของคนไหนที่จะทำให้จินยองเลือกที่จะรักตอบด้วย ฉันจะไม่ถอยให้นายแม้แต่ก้าวเดียวอีกต่อไปแล้ว ฉันอยากจะลองเสี่ยงในครั้งนี้ดู แม้ว่ามันอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตฉันก็ตาม…ฉันสัญญาว่าฉันจะพยายามสู้ให้เต็มที่
เพราะถึงยังไงฉันก็ยังชอบนายอยู่ดี…จินยอง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตลกความจำชื่อไม่ได้ของดึล บาซิลิสก์ก็มา ฮ่าๆๆ