ตอนที่ 11 : Chapter 11 : Fooool
Chapter 11 : Fooool
“มาเช้านะเนี่ย” ซานดึลเอ่ยทักคนผมดำตาเล็กที่นั่งเขี่ยข้าวเล่นอยู่บนโต๊ะอาหารพลางวางกระเป๋านักเรียนลงตรงฝั่งตรงข้าม บาโรเหลือบตามองคนผมสีน้ำตาลตรงหน้าที่ยิ้มให้แล้วก็เกือบจะยิ้มตามถ้าหากไม่ได้ยินประโยคต่อไปซะก่อน
“มานั่งรอกงชานอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ”
“-*-” จะหมดมู้ดก็เพราะคำพูดของมันนี่แหละ ทำไมชอบคิดเองเออเองอย่างนี้ตลอดเลยนะ ซื่อบื้อชะมัดเลยไอ้นี่
“อะ..อืม ฉันมานั่งรอเพื่อนฉันแล้วมันผิดตรงไหนล่ะเจ้าเป็ด” คนตัวโตเออออห่อหมกไปตามน้ำ ในเมื่อมันว่ายังไงก็ว่าตามนั้นไปก่อนแล้วกันวะ
“ฮ่ะๆ ไม่ผิดหรอกน่าก็นายเป็นเพื่อนสนิทกันนี่ งั้นจะว่าอะไรมั้ยถ้าคนไม่สนิทอย่างฉันจะขอนั่งกินข้าวด้วยคน” ซานดึลแกล้งพูดเล่นแต่นั่นกลับทำให้บาโรขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ
“จะนั่งก็นั่งไปสิ -*-” คิ้วหนาผูกแน่นเป็นปม ฉันพยายามเข้าหาเพื่อที่จะตีสนิทกับนายแทบตายแค่นี้ยังดูไม่ออกหรือไง อยากจะเป็นคนห่างๆก็เป็นไปเลย เชอะ!
“เห็นมั้ยอ่ะ นายทำหน้าเหมือนไม่พอใจเลย” คนตัวเล็กพูดขึ้นหลังจากสังเกตสีหน้าของคนตรงหน้าแล้ว บาโรรีบทำหน้าให้เป็นปกติเพราะกลัวว่าซานดึลจะลำบากใจ
“ฉันแค่หิวข้าวอ่ะก็เลยหงุดหงิด”
“นายก็กินซะทีสิ เห็นนั่งเขี่ยอยู่นั่นแหละ” ซานดึลมองจานข้าวที่ยังเหลือบานเบอะของบาโรแล้วก็นึกขำ บ่นว่าหิวข้าวทั้งๆที่มีข้าวอยู่ตรงหน้าเนี่ยนะ เพี้ยน…แต่ก็น่ารักดี
แต่แล้วดวงตาของคนผมสีน้ำตาลก็ดันไปจ๊ะเอ๋กับอะไรบางอย่างเข้า ร่างเล็กแทบจะผุดลุกขึ้นนั่งทันทีเพื่อจะได้มองภาพนั้นให้เห็นเต็มตา ตาไม่ฝาดแน่คราวนี้ เรื่องจริงร้อยล้านเปอร์เซนต์เลยฟันธง!
บาโรมองคนตรงหน้าที่สตั๊นไปอย่างงงๆก่อนจะยกมือหนาขึ้นโบกตรงสายตาให้ได้สติ
“นี่เป็ด…อ้าปากกินแมลงวันอยู่นั่นแหละ ข้าวโรงอาหารมีก็ไปซื้อกินดีๆดิ”
“บระ…บราโว่ O_O”
“นายตั้งใจจะเรียกชื่อฉันหรืออยากจะร้องว่าบราโว่กันแน่ ฉันสับสน -_-;;”
“ดะ..ดูนั่นสิ O_O;;”
“อะไรของนายเนี่ย อย่าเวอร์ได้มั้ย อะไรมันจะน่าตกใจขนาด…อุ๊แม่เจ้า! O[]O” บาโรหันไปตามมือที่ชี้แล้วก็ต้องอุทานออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเห็นร่างผมดำของเพื่อนสนิทนั่งเกาะไหล่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คนผมสีไวน์แดงมาตั้งแต่ไกล เมื่อจอดรถตรงลานจอดของโรงเรียนแล้วรุ่นพี่ตาเรียวคมก็จัดแจงถอดหมวกกันน็อคให้คนรุ่นน้องด้วยท่าทางอ่อนโยนจนใครมองเห็นก็ต้องแทบเคลิ้ม แล้วไอ้ท่าทางของกงชานมันก็ดูธรรมดาซะที่ไหนล่ะ เห็นยื่นหน้าเข้าไปเป่าเศษผงที่ติดอยู่บนผมคนตรงหน้าด้วยแววตาออดอ้อนซะขนาดนั้น จินยองแกล้งผลักหัวรุ่นน้องตัวแสบไปมาด้วยความมันเขี้ยวก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะเดินน้ำหน้าเข้ามาในโรงอาหารก่อน
“ก้มหน้าเร็ว” ซานดึลบอกบาโร ไม่บอกก็กะจะทำอย่างนี้อยู่แล้วเฟ้ย! แต่คนตัวโตก็ยังไม่วายจะชำเลืองมองเพื่อนและรุ่นพี่แปลกหน้าคนนั้นอยู่เป็นระยะๆ
“กะ..กงชานจับมือรุ่นพี่คนนั้นด้วยอ่ะ”
“ฉันเห็นแล้วน่าบารอก”
“เอาแขนคล้องกันด้วย”
“ฉันรู้”
“เอาคางขึ้นมาเกยบนไหล่”
“อันนี้ฉันก็เห็น”
“กอดจากด้านหลัง เอาแก้มซบหน้าพร้อมกับถูไปมาตอนที่เลือกกับข้าว O///O”
“ฉันก็แอบเผือกอยู่พร้อมกับนายไม่ใช่เหรอ =_=^”
“โอ๊ยยย นี่เป็นเพื่อนกันมาสี่ปีเพิ่งรู้ว่ามันเป็นคนอ้อล้อได้ขนาดนี้นะเนี่ย”
“กงชานไม่เคยทำอย่างนี้กับนายเลยหรือไง” ซานดึลแอบเลียบๆเคียงถามคนที่นั่งตรงข้าม พอเห็นบาโรส่ายหน้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีใจอย่างประหลาด
“ขนาดจับมือฉันตอนสอบเต้นรำมันยังร้องอี๋เลย”
“ฮ่าๆ น่าสงสารจัง”
“เฮ้ย เหมือนเขาจะเดินมาทางนี้นะ” เท่านั้นแหละเพื่อนซี้ตัวแสบทั้งสองของกงชานก็รีบก้มหน้าก้มตากินข้าวที่ตัวเองซื้อมาอย่างไม่ได้นัดหมาย ยัดอะไรเข้าปากได้ก็รีบยัดไปก่อนแหละวะตอนนี้ก่อนที่เสียงของเพื่อนที่กำลังถูกพูดถึงจะดังขึ้นมากลางวง
“ไง ทำไมวันนี้มาเช้ากันจัง” กงชานใช้มือเคาะโต๊ะเบาๆพลางมองหน้าเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมา
“อะ..อะไร้ ฉันก็มาเช้าอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้ว” บาโรเงยหน้าขึ้นตอบงกๆเงิ่นๆก่อนจะเหลือบมองไปที่จินยองที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนสนิท ซานดึลรีบใช้เท้าเตะคนตัวใหญ่อยู่ใต้โต๊ะก่อนจะแสดงพิรุธไปมากกว่านี้
“ฉันเพิ่งมาถึงไม่นานนี้เอง เห็นบาเร็ตต้ากินข้าวอยู่คนเดียวเลยมาขอนั่งด้วย ^^” คนผมสีน้ำตาลตอบบ้าง
“ไม่ยักรู้นะเนี่ยว่าพวกนายสมานฉันท์กันแล้ว” กงชานมองกิริยาพิรุธของเพื่อนทั้งสองก็พอจะเดาออกว่าคงมีเรื่องอะไรที่ปกปิดเขาอยู่แน่นอน ตอนนี้ฉันพลาดอะไรบ้างนะ
ตั้งแต่วันที่วันที่บาโรได้ไปช่วยซานดึลให้รอดพ้นจากวัยรุ่นอันธพาลพวกนั้นก็เหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดำเนินไปในทางที่ดีมากขึ้น แต่ถึงยังไงบาโรก็ยังคงชอบแกล้งซานดึลเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ส่วนเจ้าตัวเล็กเองก็ยังไม่ยอมเรียกชื่อคนที่แกล้งอย่างชาบาโรให้ถูกซะทีอยู่ดี แหงล่ะ…วันนั้นกงชานไม่ได้อยู่ด้วยจึงไม่รู้เรื่องอะไร เจอกันอีกทีก็กลับกลายเป็นว่ามานั่งร่วมวงกินข้าวกันซะเองไปแล้ว
“สมานฉันท์? โอ๊ยไม่หรอก! เพื่อนนายยังชอบหาเรื่องฉันเหมือนเดิม” ซานดึลรีบโบกมือปฏิเสธก่อนจะรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “รุ่นพี่นายเหรอกงชาน ^^;;”
ปากเล็กยิ้มให้คนผมแดงที่ยืนค่อนข้างจะหลบมุมอยู่ข้างหลังร่างสูงผมดำ จินยองมองกลับพร้อมยิ้มให้เพื่อนรุ่นน้องพอเป็นพิธี หากแต่ไม่โดนเสียงดังของใครทำลายบรรยากาศซะก่อน
“นั่นน่ะสิ” บาโรปรบมือดังฉาด “ทำไมนายไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยล่ะกงชาน ชื่อเสียงเรียงนามมีว่ากระไรจะได้กล่าวถูก”
คนผมสีน้ำตาลตีไหล่คนตรงข้ามดังผัวะพร้อมส่งสายตาให้ว่า ‘นายเล่นใหญ่เกินไปแล้ว’ เวลาที่ปิดบังอะไรอยู่อีตานี่เป็นคนอย่างนี้เองสินะ อ้าปากพูดอะไรออกมาคนก็จับได้หมด นึกว่าเล่นละครเวทีอยู่หรือไงพ่อกระรอก -__-^
“เพื่อนนายเพิ่งหลุดออกมาจากยุคโชซอนเหรอชานชิค” คำพูดแรกที่เอ่ยออกมาจากปากของจินยองทำเอาบาโรถึงกับอ้าปากหวอ แต่กงชานกับซานดึลกลับขำก๊ากออกมาอย่างไม่เกรงใจคนที่ถูกว่า ฮยองของผมเป็นคนตลกอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“มันแค่อยากรู้จักพี่น่ะฮะก็เลยพูดหยอกเล่น ใช่มั้ยบาโร” กงชานหันไปถามเพื่อนซึ่งตอนนี้เป็นคนเดียวในกลุ่มที่นั่งเหวอรับประทานอยู่
“นั่นสิ สงสัยบาโอจิคงจะตะลึงกับสีผมรุ่นพี่น่ะฮะ พี่ย้อมได้สวยมากเลย” ซานดึลพยายามจะแก้ตัวให้พลางยิ้มให้กับคนผมแดงเจื่อนๆ ตาเรียวสวยนั้นทอดมองมาที่เพื่อนทั้งสองของรุ่นน้องอย่างคลางแคลงใจ เซนส์หมาจิ้งจอกมันแรง พวกนี้มันต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่นอน
“จองจินยอง” เสียงเรียบของรุ่นพี่แนะนำตัวสั้นๆพลางสังเกตปฏิกริยาของสองคนประหลาดตรงหน้า บาโรดูเหวอเข้าไปอีกเมื่อชื่อนั้นถูกเอ่ยออกมา
ใช่คนที่พี่ชินวูบอกจริงๆด้วยแฮะ เท่อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะทั้งกงชานกับพี่ถึงได้…
“พี่เขาอยู่ข้างๆบ้านฉัน เพิ่งจะย้ายมาตอนเปิดเทอมนี่เอง ก็เลยใจดีชวนฉันติดรถมาโรงเรียนด้วย” คนผมดำพรีเซนต์เสียงร่าเริงแจ่มใสจนคนรุ่นพี่ต้องแอบหัวเราะเบาๆ มันใช่ที่ไหนกันล่ะ…เมื่อเช้าไอ้หมาน้อยรีบอาบน้ำแต่งตัวแอบปีนรั้วเข้ามารอเขาตรงลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ในบ้านตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ คนรุ่นพี่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็เลยเดินออกมาเตรียมรถตามปกติ แต่พอมีแรงสวมกอดจากด้านหลังพร้อมสัมผัสที่คุ้นเคยเข้ามาวนเวียนใกล้ๆซอกคอและไหล่ลาดกว้างจินยองก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร
“ไปโรงเรียนด้วยคนสิฮะ” เสียงหวานน่ารักกระซิบข้างใบหู
“เข้าบ้านคนอื่นไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้เรียกบุกรุกนะ” รุ่นพี่แกล้งทำเป็นไม่สนใจหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนขายาวที่สวมอยู่ อันที่จริงอยากหันไปแทบบ้าแต่กลัวว่าตัวเองจะแพ้ดวงตาบ้องแบ๊วขี้อ้อนที่คนรุ่นน้องตั้งใจส่งให้เป็นพิเศษเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้ชอบยั่วฉันนักนะกงชาน
“ง่ะ ผมอุตส่าห์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะปีนรั้วเข้ามาเซอร์ไพรส์พี่เลยนะ”
“เหรอ ดูหน้าฉันสิ โอ๊ะ! เซอร์ไพรส์จังเลย -_-” จินยองแกล้งชี้ไปที่หน้าซังกะตายหลอกๆของตัวเองก่อนทำท่าจะใช้เท้าตวัดยกขาตั้งมอเตอร์ไซค์ขึ้นแต่กลับโดนมือของกงชานรั้งไว้ซะก่อน
“จะไปด้วย~” หมาน้อยทำเสียงอ้อนแววตาเว้าวอนสุดชีวิตชนิดที่ว่าอยากให้เจ้าของเกาพุงให้ ปากเล็กน่ารักงุ้มลงพลางจ้องลึกไปในดวงตาคมสวยของรุ่นพี่ จินยองเผลอมองกลีบปากบางสีกุหลาบที่เขาเคยได้ครอบครองเมื่อวันก่อนแล้วก็เผลอหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
อ๊า…นายกำลังจะทำให้ฉันบ้าขึ้นไปทุกทีแล้วนะชานชิค
“นะ…จินยองฮยองคนดี ให้ลูกหมาตัวนี้ติดรถไปด้วยเถอะนะ” วงแขนนิ่มกระชับอ้อมแขนให้คนผมแดงไปไหนไม่รอดแถมยังเอาแก้มนุ่มมาถูไถกับหน้าเนียนจนเริ่มขึ้นสีอีกครั้ง
“งั้นก็ไปขึ้นตะกร้ะ..เอ้ย! ไปเตรียมหมวกกันน็อคมา” คนโดนยั่วพูดผิดพูดถูก บอกแล้วว่ากงชานกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้าขึ้นทุกวัน
“ฮยองตั้งใจเล่นมุกป่ะเนี่ย หรือว่ากำลังตื่นเต้น? ^^” คนแซวรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร เพราะเสียงหัวใจของจินยองมันเต้นถี่รัวมากจนสัมผัสได้แต่ก็ยังจะถาม
“ตื่นเต้นบ้าบออะไร! สรุปจะขึ้นมั้ยเนี่ยรถน่ะ” ยังคงเถียงรักษาฟอร์มทั้งที่หน้ายังไม่หายแดง
“ฮะๆ ขึ้นเดี๋ยวนี้แหละ” คนรุ่นน้องคงกลัวคนรุ่นพี่จะแก้เขินโดยการขับรถออกไปเสียก่อนจึงรีบคร่อมตัวขึ้นรถพร้อมดันสะโพกตัวเองมาทางด้านหน้าคนขับเสียเต็มแรง สัมผัสจากกลางลำตัวของกงชานที่กระแทกลงในจุดนั้นพอดีทำให้คนขับรถถึงกับออกอาการท่อนล่างเกร็ง…
อึก! O///O
….
ทั้งคนขับคนซ้อนต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่ แต่ดูเหมือนไอ้หมาน้อยจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารณ์ของรุ่นพี่ตรงหน้ามือบางจึงสอดเข้ามาที่เอวคนขับพร้อมกระหวัดรัดดึงตัวจินยองให้เข้ามาใกล้แนบชิดอกตัวเองอีก…แหงล่ะ มันไม่ได้มีแต่อกกับหลังส่วนเดียวซะหน่อยที่แนบชิดกัน ส่วนอื่นมันก็ต้องเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“นั่งที่แค่นั้นเดี๋ยวก็ตกเบาะหรอกฮะ” ยังจะเอาคางเกยกับไหล่กระซิบที่ข้างหูอีก แม้ในความจริงเสียงกงชานที่พูดกระซิบในตอนนั้นจะฟังดูดุๆ แต่ในโมเมนต์นั้นมันกลายเป็นเสียงหวานยั่วยวนเซ็กซี่สำหรับจินยองไปแล้ว
“พี่จินยอง” เสียงหวานนุ่มหูเรียกซ้ำ
“…”
“พี่จินยองฮะ” อย่าเรียกตูได้ม้ายยยย
“ฮยอง…ออกรถสิ” กงชานเบียดสะโพกตัวเองเข้ามาใกล้พลางเขย่าตัวเรียกคนขับให้ได้สติ แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้สติคนขับเตลิดเข้าไปใหญ่ พอขยับแบบนี้แล้วมันยิ่ง…อะ..ไม่นะไอ้จินยอง
“กะ..กงชาน”
“ฮะรุ่นพี่” แม้แต่เสียงขานตอบรับห้วนๆตอนนี้ก็ยังฟังดูน่ารัก โอ๊ย…
“อ่า…กงชาน อยะ..อย่าเขย่าอย่างนั้น” จินยองพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ทำไมพี่ต้องทำเสียงสั่นอย่างนั้นด้วยล่ะ” แม้แต่เด็กมันยังดูออกเลยว่าผิดปกติ!
“เขยิบเข้ามาอีกสิฮะ ผมกลัวรุ่นพี่จะตกเบาะ” รุ่นน้องหวังดีดึงรุ่นพี่เข้ามาใกล้ตัวเข้าไปอีก สะโพกน้อยและแกนกลางลำตัวที่ขย่มอยู่ใกล้บริเวณนั้นทำให้คนผมแดงหน้าร้อนฉ่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะพยายามจะควบคุมอารมณ์
“นะ..นายออกไปให้ไกลฉัน” น้องยังเด็ก ท่องไว้จินยอง
“ทำไมล่ะฮะ รีบไปโรงเรียนกันเถอะเดี๋ยวสาย” คนผมดำไม่เข้าใจแถมยังเขย่าลำตัวช่วงล่างของตัวเองและจินยองเป็นจังหวะเข้าออกไปมาให้เร่งทำเวลาอีก เท่านั้นแหละความอดทนของฮยองตรงหน้าก็ขาดผึง ท่อนแขนแกร่งหันกลับมาดันตัวรุ่นน้องให้นอนราบไปกับเบาะมอเตอร์ไซค์ตามสัญชาตญาณ มือใช้รองหัวกงชานไว้เหมือนอ้อมกอดเพื่อไม่ให้กระแทกกับส่วนแข็งท้ายรถ ใบหน้าคมคายประดับด้วยดวงตาเรียวมีเสน่ห์โน้มเบียดทับลงมาหาคนยั่วจนแทบจะหลอมเป็นร่างเดียวกัน
ดวงตาสีดำขลับเหมือนเด็กมีแววสับสนอยู่เล็กน้อยกับการกระทำของคนตรงหน้า แววตาของจินยองครั้งนี้ดูไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วๆมาจนเขาเองยังอดประหลาดใจไม่ได้ เสียงหัวใจที่เต้นรัวภายใต้อกกว้างของรุ่นพี่ที่แนบทับร่างเขาอยู่ในตอนนี้เป็นเครื่องหมายบ่งบอกได้อย่างดีว่าตอนนี้คนข้างบนกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่
“ฮยอง…” อยากจะถามว่าฮยองเป็นอะไรแต่ริมฝีปากนุ่มกลับถูกเบียดบังจากริมฝีปากคนตรงหน้าเหมือนกำลังละเลียดชิมของหวานเสียจนไม่อยากให้ถอนออก จูบของจินยองที่มอบให้ในคราวนี้ดูดดื่มลึกล้ำมากกว่าครั้งที่แล้วเป็นไหนๆเนื่องจากอารมณ์ที่ปะทุจากการโดนเด็กน้อยไร้เดียงสายั่วกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ มือแกร่งของรุ่นพี่ใช้กึ่งรองกึ่งดันสะโพกรุ่นน้องให้สูงขึ้นตามที่ต้องการ กงชานที่พอจะเข้าใจอารมณ์คนผมแดงในตอนนี้บ้างแล้วจึงใช้แขนบางโอบรัดต้นคอคนตรงหน้าให้โน้มใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้พร้อมบรรจงมอบริมฝีปากบางหวานให้ได้ชิมเต็มคำ ปากเล็กเม้มขยี้ตอบสนองรับด้วยความเต็มใจตามจังหวะที่เป็นหนึ่งเดียว เผยอปากบางสีชมพูใสออกให้ลิ้นร้อนของคนผมแดงได้สอดเข้ามาในโพรงปากเพื่อมอบสัมผัสที่แปลกใหม่ให้ ลิ้นหนาและลิ้นเรียวตวัดไล่จับกันอย่างช่ำชอง ทั้งที่ครั้งนี้เป็นจูบแรกที่ลึกซึ้งของคนทั้งคู่แต่น่าแปลกที่ทุกอย่างกลับออกมาลงตัวเป็นธรรมชาติราวกับจะยืนยันว่าจินยองและกงชานนั้นเกิดมาเพื่อคู่กัน
กลิ่นสบู่เย็นๆของรุ่นพี่ตรงหน้ามันน่ารัญจวนให้เข้ามาซุกไซ้ใกล้ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาดจนน่าพิศวงไปหมด กงชานรัก…รักทุกอย่างที่เป็นสัมผัสของคนๆนี้
ริมฝีปากสีส้มที่ค่อนข้างแดงเจ่อจากการจูบมาเป็นเวลานานของจินยองค่อยๆถอนออกช้าๆเพราะกลัวคนที่ถูกนอนทับอยู่ข้างล่างจะขาดออกซิเจนเสียก่อน เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดของกงชานดังขึ้นมาเบาๆ ปากบางสีชมพูที่เผยอขึ้นมาเล็กน้อยดูยั่วยวนจนจินยองอยากจะครอบครองอีกทีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ต้องข่มใจไว้เพราะสถานที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่ เขายังไม่ลืมว่าตอนนี้ทั้งกงชานและเขาอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์แถมยังจอดไว้แถวๆหน้าประตูบ้านเสียด้วย
สัมผัสบางเบานุ่มนวลเปลี่ยนที่หมายมาเป็นหน้าผากมนแทน ริมฝีปากอุ่นประทับอยู่บนระหว่างคิ้วโก่งสวยของรุ่นน้องก่อนจะสูดกลิ่นอายแชมพูที่คลอเคลียอยู่แถวโครงหน้าที่ถูกล้อมด้วยกรอบผมสีดำนุ่มให้หายคิดถึง เด็กคนนี้กำลังจะทำให้เขาบ้า…ทำไมฉันถึงได้รักนายได้ขนาดนี้นะกงชานชิค
ปากสีส้มอ่อนผละออกจากหน้าใสแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ ตาแป๋วช้อนขึ้นมามองด้วยความสงสัยคล้ายจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่าฮะฮยอง? แววตาคมสวยของรุ่นพี่ยิ้มพลางใช้ปากหยักกระซิบปลอบโยนข้างใบหูเล็กน่ากัด
“เด็กดื้อ บอกแล้วไงว่าอย่าทำอย่างนี้” มือข้างขวาใช้ลูบหัวทุยด้วยความทะนุถนอม รุ่นน้องแย้มปากยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“ผมไปยั่วอะไรฮยองตอนไหนกัน”
“ก็นายกระแทกเข้ามา”
“กระแทก?”
“ก็อืมสิ”
“…? อ๋ออออ ตรงนี้น่ะเหรอฮะ” กึก!
“ไอ้เด็กทะลึ่ง จะดันเข้ามาทำไมห๊ะ!” เสียงตีก้นโค้งงอนทำโทษดังผัวะเมื่อคนรุ่นน้องกระตุกส่วนล่างของลำตัวบางอ้อนแอ้นตัวเองขึ้นมาหาคนที่นอนทับข้างบนอย่างจินยองเต็มๆ
"อ้าว จะได้รู้ไงว่าใช่ตรงนี้จริงหรือเปล่า” ดูมันแก้ตัว -*-
“เออตรงนั้นแหละ อย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นนะรู้มั้ย”
“แต่กับฮยองทำได้ใช่ป่ะ ^^”
“กงชาน!”
“ฮะๆ ผมรู้แล้ว” รุ่นน้องผมดำประโลมรุ่นพี่ด้วยการเอาจมูกมาถูกับพวงแก้มกลิ่นเลม่อนเบาๆอย่างออดอ้อน จินยองเลยใจอ่อนอีกตามเคย
“วันนี้เราตรวจการบ้านกันแต่เช้าเลยนะฮะ” เสียงหวานกระซิบแผ่วข้างหูคล้ายอยากจะยั่วคนฟังอีกรอบ
“ใช่ที่ไหน อันนี้ฉันทำโทษนายต่างหาก โทษฐานที่นายดื้อไม่ยอมฟังฉันเลย”
“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะฮะว่าฮยองจะอ่อนไหวตรงนั้นพอดี”
“ไอ้ลูกหมาทะลึ่ง หยุดพูดเรื่องนี้ไปเลยนะ!”
“ใครกันแน่ที่ทะลึ่ง จับดันผมให้นอนจูบบนมอเตอร์ไซค์เฉยเลย”
“เอ๊ะ! ฉันบอกให้หยุดไง”
“แถมยังขโมยจุ๊บหน้าผากผมไปอีก”
“กงชาน!” หมาน้อยผงกหัวขึ้นมาจุ๊บเร็วๆตรงปลายจมูกโด่งคนผมแดงทันทีที่ยินชื่อตัวเอง
“ฮะ~เรียกผมเหรอ ^^”
“โว้ย! นายนี่มัน…!”
“ยั่วใช่มั้ย”
“อ้อล้อต่างหากล่ะ” คนรุ่นพี่พยายามจะผลักรุ่นน้องในอ้อมกอดให้ออกไปห่างๆแต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ร่างเขาได้ถูกกงชานเหนี่ยวรั้งกับเอวบางไว้เองซะแล้ว
“ปล่อยฉันสิ” รุ่นพี่ผมแดงชักเสียงดุ เป็นฝ่ายเริ่มก่อนทีไรสุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยการเป็นฝ่ายทำเสียงขรึมใส่มันทุกที ร่างเพรียวบอบบางข้างล่างยังไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระง่ายๆ
“ฟังกันบ้างมั้ยเนี่ยชานชิค” จะยกมือขึ้นมาตีก็ทำไม่ได้เพราะคนรุ่นน้องดันรู้ทันเลยเอาไปกุมไว้ซะแน่นอย่างไม่มีทางหนีรอดไปไหนได้อีก จินยองเองพอจะรู้อยู่หรอกว่ากงชานชิคต้องการอะไร...
“เด็กดี..." แล้วริมฝีปากของรุ่นพี่ก็ตัดสินใจประกบเข้ากับปากบางข้างล่างอีกรอบ ดูดดึงอ้อยอิ่งอยู่แค่ครู่ก่อนจะถอนขึ้นมาทำหน้ายั่วใส่เด็กน้อยบ้าง
“ปล่อยฉันเถอะนะ” ยอมทำขนาดนี้แล้วปล่อยตูเถ๊อะ (ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นการสนองนี้ดของจินยองเองบ้างก็ตาม -.,-)
ริมฝีปากกงชานคลี่ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะค่อยๆปล่อยคนรุ่นพี่ให้เป็นอิสระ คนขับรีบเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองก่อนจะบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องเตรียมขับรถออกสู่นอกรั้วบ้าน
“พี่รู้อะไรมั้ยฮะ”
“…”
“ถ้ารู้ว่าทำอย่างนี้แล้วจะโดนทำโทษแบบเมื่อกี้ผมจะยอมทำทุกวันเลย” มือขาวข้างหลังเกาะเหนี่ยวคอจินยองเอาไว้หลวมๆพลางเอาแก้มนุ่มมาแนบแบบที่ชอบทำเป็นประจำ
“เงียบไปเหอะน่า เป็นเด็กเป็นเล็ก”
“เมื่อกี้ฮยองยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผมไม่ใช่เด็กแล้ว” คนข้างหลังเปลี่ยนเป็นเอามือมารัดสะโพกจินยองแล้วแกล้งขยับส่วนนั้นให้เข้ามากระแทกคนข้างหน้าแรงๆหนึ่งที เสียงตีผัวะดังลงที่ตรงหน้าตักรุ่นน้องตัวแสบอีกครั้งก่อนที่เสียงโวยวายของคนรุ่นพี่จะตามมา
“กงชานชิค! ไอ้เด็กทะลึ่ง!”
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่มาโรงเรียนช้ากว่าบาโรและซานดึล คนผมแดงที่ยืนนึกเรื่องอยู่เผลออมยิ้มเล็กน้อยด้วยความลืมตัว กงชานที่ยืนอยู่ข้างๆแอบสังเกตเห็นจึงแกล้งยื่นหน้าตาน่ารักเข้ามาแซวใกล้ๆ
“คิดเรื่องเมื่อเช้าอยู่ล่ะสิ หน้าแดงไปถึงหูแล้ว ^^”
“หะ..หา!”
“ทำไมถึงได้เป็นคนทะลึ่งอย่างนี้นะพี่จินยอง จุดอ่อนไหวตรงนั้น~” ประโยคนี้กงชานกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนแต่มันก็ดังเต็มสองรูหูของจินยองจนคนถูกแซวหน้าแดงจนแก้มแทบแตก มือดันไหล่รุ่นน้องผมดำเป็นการรักษาฟอร์มที่แทบจะไม่มีเหลือของตัวเอง
“ไอ้เด็กขี้อ่อย!” กงชานหัวเราะชอบใจที่ยั่วรุ่นพี่ตรงหน้าได้สำเร็จ ในขณะที่บาโรและซานดึลนั่งกินจุดกันจนอิ่มพลางมองหน้ากันไปมาตอนที่ฟังเพื่อนและรุ่นพี่แปลกหน้าคุยกันเรื่องลับๆที่พวกเขาไม่มีวันได้รู้
เอิ่ม…ยู้ฮู พวกตูอยู่ตรงนี้หรือเปล่าวะ สนใจกันบ้างดิ๊ =_=;;
“นั่งด้วยสิ” แล้วกงชานก็เป็นคนทำลายความเงียบนั้นขึ้นมา ยังไม่ทันที่เพื่อนทั้งสองจะพยักหน้าร่างบอบบางก็จูงมือคนผมแดงให้นั่งลงแหมะตรงฝั่งของซานดึล แล้วจะถามพวกตูเพื่ออออ?
“เห็นพี่ชายผมเล่าให้ฟังว่ารุ่นพี่เก่งวิชาดนตรีมาก” บาโรชวนสมาชิกใหม่คุยเพื่อจะสืบข้อมูลไว้บ้างคร่าวๆ ถ้าไม่เป็นแฟนเพื่อนในอนาคตก็ต้องเป็นแฟนพี่ชายเรานี่แหละวะ เนื้อหอมจริงคนอะไร
“พี่ชายนายนี่ใช่อีตาประธานนักเรียนแว่นที่ผูกจุกนั่นหรือเปล่า” จินยองเองก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองมากมายจึงยอมคุยกับเพื่อนรุ่นน้องไปตามน้ำ ดีที่ไม่ได้พูดคำว่าหน้าหมีออกมาด้วยเหมือนตอนที่อยู่กับกงชาน
“ครับรุ่นพี่ นั่นแหละพี่ชินวูพี่ชายผมเอง” คนผมดำตาเล็กตักข้าวเข้าปาก
“ก็คงงั้นมั้ง ฉันพอเล่นกีตาร์ได้บ้าง”
อื้อหืมมม คนอะไรหน้าตาก็เท่ ย้อมผมแดงไม่แคร์สื่อ ทำตัวติสท์แตก ขับมอเตอร์ไซค์มาโรงเรียน แถมยังเล่นกีตาร์เป็นอีก ถ้าบ้านรวยอีกอย่างนี่ออฟชั่นครบเลยนะเนี่ย แต่ทำไมถึงได้สนิทกับกงชานเร็วนักนะ แค่บ้านอยู่ติดกันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องสนิทสนมกันเร็วก็ได้นี่นา ขนาดพี่ชินวูที่นั่งข้างกันยังไม่เห็นตัวติดกันขนาดนี้เลย
“พี่ฮะผมเอานี่มาเผื่อ เห็นฮยองชอบกินตอนเช้า” เพื่อนผู้แสนน่ารักของบาโรและซานดึลหยิบถุงโกโก้ครันช์สีเงินวาวจากในกระเป๋านักเรียนแล้วยื่นให้กับรุ่นพี่ผมแดงแถมด้วยรอยยิ้มใส…
คือความจริงกงชานก็เป็นคนยิ้มบ่อย แต่ไอ้รอยยิ้มตาพราวพร้อมด้วยท่าทางอ้อนเอาใจอย่างนี้เห็นจะมีแต่จินยองคนเดียวที่เพื่อนของพวกเขาทำให้
“เอาโยเกิร์ตรสส้มมาให้ด้วยนะ” ตาแป๋วเอียงมองตามหน้ารุ่นพี่พลางส่งกระปุกโยเกิร์ตให้อีกอย่างหนึ่ง เฮ้ยเดี๋ยว! เมนูนี้มันคุ้นๆเหมือนมีใครเคยเอาให้กิน -_-;;
“เป็ด”
“หืม?”
“ฉันว่ามันไม่ธรรมดาละ”
“นายเพิ่งรู้หรือไง =_= ฉันนั่งกินจุดจนอิ่มละเนี่ย” ขนาดสองคนผลัดกันกระซิบไปมากงชานและจินยองก็เหมือนจะยังไม่รู้ตัวเองว่าประเด็นที่พูดอยู่คือเรื่องตัวเอง
“อ้าวเฮ้ย ทำไมมันป่นอย่างเงี้ย" เสียงจินยองโวยวายทำให้กระรอกกับเป็ดต้องหันไปสนใจคู่สนทนาข้างๆอีกรอบ
“ก็มันโดนทับเมื่อเช้านี่ฮะ”
“นายเอาโกโก้ครันช์ที่นายนั่งทับมาให้ฉันกินเนี่ยนะ -_-^”
“ใช่ที่ไหนเล่า ฮยองเป็นคนทำให้ผมนอนทับมันต่างหาก มันอุตส่าห์ใส่อยู่ในกระเป๋านักเรียนผมดีๆแล้วแท้”
“-///- อะ..อ้อ”
เห้ย! อ้อนี่คืออะไร กะจะคุยให้เข้าใจกันสองคนว่างั้นเถอะ U_U;; สงสารคนที่เป็นส่วนเกินแต่อยากเผือกมั่งสิ
บาโรนั่งมองจินยองที่เทโกโก้ครันช์ลงไปในกระปุกโยเกิร์ตอย่างพินิจพิจารณาสุดๆอย่างที่กระรอกตัวหนึ่งจะสามารถทำได้ ใช่เลย! ไอ้เมนูนี้แหละที่ทำเอาเขาเกือบขย้อนอาหารเก่าออกมา เมนูนี้แหละที่พักนี้กงชานมันชอบกินเป็นพิเศษแล้วชมว่าอร่อยนักอร่อยหนา และที่สำคัญไอ้ช้อนสีส้มที่ติดมากับแพคเกจโยเกิร์ตแบบนี้แหละที่กงชานพกมาโรงเรียนเพื่อใช้กินข้าวทุกวัน เขาเคยเปิดกระเป๋าเพื่อนเพื่อจะค้นปากกามายืมแล้วก็ดันเจอช้อนสีส้มเล็กๆแบบนี่อยู่คันหนึ่ง นี่คงเป็นช้อนที่จินยองใช้และได้ให้มาแน่นอน ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะชานชิค หึๆ -.,-
“บาบาเรียน…ทำไมนายไม่แกะพลาสเตอร์เดิมออกล่ะ” เสียงคนตัวเล็กผมสีน้ำตาลเรียกชื่อพิกลหูทำให้บาโรต้องหันกลับไปมองสิ่งที่เจ้าตัวชี้
“นายควรจะเปลี่ยนพลาสเตอร์ให้บ่อยนะ มันจะได้ไม่หมักหมมเชื้อโรค” มือเล็กจับข้อศอกคนตรงหน้าไปดูอย่างถนอมมือเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะบ่นเอาได้ถ้าจับแรงเกินไป บาโรมองไปที่ซานดึลพลางคิดอะไรบางอย่าง…
หรือตอนนี้เราก็กำลังเป็นเหมือนกงชานวะ?
ตั้งแต่กลับบ้านไปเขาก็ไม่เคยแกะพลาสเตอร์ที่ซานดึลซื้อมาแปะให้ออกเลยซักครั้งเหมือนกัน ถึงสีมันจะหวานไม่ได้ถูกเทสต์สไตล์คนอย่างเขาเลยก็ตาม ไอ้รูปกระรอกฟันเหยินลายเส้นคิกขุอาโนเนะบนแผ่นกระดาษตอนนี้ก็ดูดีน่ารักไปหมดเพียงเพราะคนตัวเล็กที่เขาชอบแกล้งเป็นคนเลือกซื้อและไปให้เองกับมือ
บรื๋อ +__+! นี่ไอ้เป็ดมันทำอะไรกับฉันวะเนี่ย
“เออ แขนนายไปโดนอะไรมาอ่ะบาโร ถ้าซานดึลไม่พูดฉันไม่สังเกตเห็นเลยนะ -_-^” ก็แหงสิ มัวแต่คุยกับพี่จินยองออกหน้าออกตาอย่างนั้นแกจะมาเห็นแผลเล็กๆบนข้อศอกฉันได้ยังไงกันล่ะ ชิ! -^-
“ฉันว่ามันดูแดงๆขึ้นนะบาซูก้า นายได้กลับไปล้างแผลด้วยแอลกอฮอลล์บ้างหรือเปล่า” คงจะมีแต่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขานี่แหละที่ยังเป็นห่วงและสนใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไม่เลิก นี่ถ้าแผลเขาเกิดอักเสบขึ้นมาคนตัวเล็กคงรีบวิ่งไปขอยาจากห้องพยาบาลมาให้เขาแล้วล่ะมั้ง
“ก็ล้างบ้างไม่ล้างบ้างแล้วแต่อารมณ์” บาโรเลือกที่จะตอบคำถามของซานดึลแทนแล้วข้ามคำถามของกงชานไปเพราะคงไม่ดีแน่ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้หลายๆคน เรื่องอาจจะไปถึงหูพี่ชินวูก็ได้…โดยเฉพาะตอนนี้ก็มีจองจินยองที่นั่งหัวโด่โชว์ความเท่อยู่ทั้งคน
“ถ้าแผลเน่าแล้วนายจะรู้สึก” อีซานดึลว่า
“เน่าไม่เน่ามันก็แขนฉัน เกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะเป็ด”
“ก็หัดดูแลตัวเองบ้างสิกระรอกจะได้ไม่ต้องมาฟังเสียงฉันสวดให้รำคาญหูนาย”
“แล้วทำไมนายต้องมายุ่งกับฉันขนาดนี้ด้วย เป็นแม่ฉันรึไง :P” บาโรเอื้อมมือไปขยี้หัวซานดึลอย่างหมั่นไส้ เขาไม่อยากคิดไปเองว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังทำท่าเหมือน…เป็นห่วงเป็นใยเขา
“ก็ฉันทำนายเป็นแผลอ่ะ เห็นแผลบวมฉึ่งเพราะนายไม่รักษาตัวเองอย่างนี้แล้วมันก็ต้องรำคาญหูรำคาญตาเป็นธรรมดา” คนตัวเล็กผมน้ำตาลพยายามจับมือหนาออกจากหัว ไม่ใช่ไม่ชอบที่โดนแกล้งอย่างนี้ทุกวัน แต่เป็นเพราะชอบมากจนไม่อยากจะเคยชินไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“นายไม่ต้องมารู้สึกผิดหรอก” อยู่ดีๆมือของบาโรก็หยุดชะงักไปเฉยๆแล้วถอนออกจากหัวทุยของคนตัวเล็กช้าๆ เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ…ซานดึลก็แค่รับผิดชอบตามสิ่งที่ควรจะทำก็เท่านั้นเอง
“ถือซะว่ามันเป็นโชคร้ายของฉันแล้วกันที่ได้แผลนี่มา นายจะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบตามหน้าที่ของคนดี” ประโยคนี้เน้นเสียงประชดประชันอยู่หน่อยๆจนซานดึลต้องลอบถอนหายใจอย่างหงุดหงิด นึกว่าตัวเองซื่อบื้อแล้วที่แท้ไอ้กระรอกนี่ก็ดันซื่อบื้อพอกัน
ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเลยถ้าคนที่เป็นแผลมันไม่ใช่นาย รู้ตัวบ้างไม่ได้หรือไง -*-
“เถียงอะไรกันอีกแล้วสองคนนี้ เสียงดังไปนอกโรงอาหารเลย” ประธานนักเรียนผมจุกเดินเข้ามาผลักหัวน้องชายจากทางด้านหลังพลางเข้ามานั่งร่วมวงใกล้ๆกับน้องชาย สายตาในกรอบแว่นใสแอบเหลือบมองคนผมแดงที่นั่งกินโยเกิร์ตรสสั้มอย่างสบายใจไม่ได้รับรู้ถึงการมาเยือนของผู้ร่วมโต๊ะคนใหม่เลยซักนิดเดียว
“เปล่าครับ!” ตัวต้นเสียงทั้งสองแทบจะตอบพร้อมกัน มือบาโรรีบดึงแขนเสื้อยูนิฟอร์มให้ลงมาปิดส่วนข้อศอกที่เป็นแผลอย่างรวดเร็ว แต่ชินวูคงไม่ทันได้สังเกตเห็นมันหรอกเพราะมัวแต่มองหน้าเรียวของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซะมากกว่า
“ฮยอง ผมหิวจัง” เสียงกงชานชิคที่นั่งใกล้กับคนที่แอบจ้องพูดขึ้นมาทำให้ชินวูต้องเหลือบหันไปมองคู่แข่งหัวใจอย่างอดไม่ได้ คนผมแดงเลื่อนชามต๊อกโบกีให้รุ่นน้องที่นั่งข้างๆ
“ซื้อมาแล้วก็กินสิ มาบ่นให้ฉันฟังทำไม”
“มันไม่น่าอร่อยเท่าอันที่ฮยองกินอยู่อ่ะ” ตาใสช้อนขึ้นมองกระปุกโยเกิร์ตสีส้มแล้วส่งสายตาวิ้งๆให้จินยอง รุ่นพี่ผมสีไวน์ส่ายหน้าพลางอมยิ้มระอาปนเอ็นดู
“ทีหลังก็เตรียมมาเองบ้างดิ ชอบมาเบียดเบียนอาหารเช้าฉันอยู่เรื่อย” มือขาวของจินยองใช้ช้อนอันเดียวกันกับที่ตัวเองกินอยู่ตักโยเกิร์ตใส่ปากรุ่นน้องอย่างรู้หน้าที่ กงชานนั่งอ้าปากเป็นลูกนกรออาหารมาป้อนใส่ปากอย่างอารมณ์ดี เขารู้ว่าถึงจินยองจะชอบทำเสียงเหมือนรำคาญแต่สุดท้ายคนผมแดงก็ยอมทำตามใจคนอื่นทุกรอบ…โดยเฉพาะถ้าคนอื่นที่ว่านั้นชื่อ ‘กงชานชิค’
แต่ที่แน่ๆในตอนนี้คนที่กำลังอยู่ในโหมดอารมณ์ตรงข้ามกับกงชานอย่างสิ้นเชิงก็คือชินดงอู สายตาของประธานนักเรียนดีเด่นพยายามที่จะไม่มองเพื่อนร่วมชั้นเรียนนั่งเทคแคร์เพื่อนน้องชายจอมอ้อล้อขี้อ้อนของเขาคนนี้อย่างสุดความสามารถ ทำไมจินยองต้องมานั่งดูแล ทำไมถึงมีรอยยิ้มอยู่ในตาคมเรียวคู่นั้นตลอดเวลาที่มองกงชาน ทำไมถึงได้พูดเยอะมากกว่าตอนที่อยู่ในห้องเรียน ทำไมคนคนนั้นไม่เป็นเขา…
“จินยอง” ประธานนักเรียนเอ่ยเรียก คิ้วโก่งบนใบหน้าดูดีข้างหนึ่งกระดกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง
“นายเรียกฉันเหรอ” มือขาวละจากภารกิจป้อนข้าวให้ลูกนกตาแป๋วตัวยักษ์ แต่ก็ยังไม่วายจะเช็ดคราบโยเกิร์ตที่เปื้อนปากรุ่นน้องออกให้ด้วยนิ้วหัวแม่มือก่อนจะหันมา
“สภานักเรียนมีเรื่องอยากจะคุยกับนายหน่อย เลยให้ฉันมาตามนายไปห้องปกครอง” พยายามจะพูดเสียงเรียบนิ่งเมื่อได้เห็นภาพขัดตาเหล่านั้นพร้อมกระดกแว่นขึ้นเล็กน้อยให้ดูมีมาดสมกับเป็นคนใหญ่คนโตในหมู่นักเรียน
“สภานักเรียน?” คนผมแดงทวนคำ ถึงกับใช้ให้ประธานนักเรียนมาตามเขาด้วยตัวเองแสดงว่าต้องมีเรื่องใหญ่อยู่เอาการ
กงชานมองจินยองสลับกับชินวูไปมาอย่างสงสัย เท่าที่รู้จินยองไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องพวกคณะกรรมการหรือสภานักเรียนนอกจากเรื่องที่ใช้เส้นฝากเข้าโรงเรียนนี้ หรือจะว่าเรียกไปตักเตือนเรื่องสีผมก็ไม่น่าใช่ นี่มันก็ผ่านมาตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้วตั้งแต่เปิดเทอมถ้าเพิ่งจะเรียกไปตักเตือนตอนนี้มันก็ใช่เรื่องอยู่
“เรื่องอะไรฮะพี่” แม้แต่บาโรเองก็ยังสงสัยจนอดถามพี่ชายไม่ได้
“เป็นการส่วนตัว” ขนาดคนเป็นน้องชายยังโดนตอกกลับมาขนาดนี้กงชานจึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยนั่นไว้ต่อไป เท่าที่รู้จักกับชินวูถึงแม้จะไม่ได้สนิทอะไรกันมากก็จริงรุ่นพี่คนนี้ก็ดูเป็นคนเอาการเอางานอยู่พอตัว คงไม่เอาเรื่องไร้สาระมาเรียกตัวพี่จินยองไปในเวลาแบบนี้หรอก แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ ไม่อยากให้จินยองไปเลย…
เหมือนคนอายุมากกว่าจะอ่านแววตาของหมาน้อยตรงหน้าออก มือบางจึงเอื้อมไปลูบผมสีดำขลับที่ซอยเป็นทรงสวยด้วยความเอ็นดู ส่งแววตาไปยังคนรุ่นน้องเป็นความหมายเชิงว่า ‘เดี๋ยวฉันกลับมา’ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามประธานนักเรียนออกจากโรงอาหารไป แต่ถึงอย่างนั้นกงชานก็อดที่จะทำปากยู่ไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องที่ชินวูพูดเมื่อกี้ คางสวยได้รูปหมอบลงกับโต๊ะอาหารอย่างเซ็งๆ
“เอ้า ทำหน้าเป็นหมาหงอยเลยเพื่อนตู” บาโรเอ่ยแซวเมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าเหมือนโดนวางยาเบื่อใส่อาหาร
“อย่าลามปามได้มั้ยไอ้กระรอก -*-”
“ฮะชัดช่า! เดี๋ยวนี้ทำเป็นอารมณ์เสียนะชานชิคกี้” บาโรถึงกับวางตะเกียบแล้วมองเพื่อนอย่างพิจารณา นอกจากจะโดนน้ำเสียงไม่สบอารมณ์จากเพื่อนส่งกลับมาแล้วยังโดนเมินไปเลยอีกต่างหาก
“นายอย่าห่วงไปเลยกงชาน ฉันเห็นพี่ชินวูถามหาพี่จินยองมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว คงจะมีเรื่องสำคัญจริงๆนั่นแหละถึงได้มาตาม” ซานดึลพูดให้กำลังใจ ขืนให้ไอ้กระรอกที่นั่งข้างๆเป็นคนเคลียร์เรื่องคงจบลงที่กงชานเดินสะบัดตูดพรืดลุกออกไปจากโต๊ะแน่
“แล้วทำไมพี่ชินวูต้องมาถามหาพี่จินยองจากพวกนายด้วย ตอนนั้นพวกนายยังไม่เคยเจอพี่จินยองซะหน่อย” หมาน้อยยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม กระรอกกับเป็ดถึงกับมองตากันไปมาเลิ่กลั่กอย่างไม่รู้จะตอบยังไงดี
“เอ่อ…พี่เขาก็คงเห็นแกไปนั่งกินข้าวกลางวันกับพี่จินยองบ่อยๆล่ะมั้ง...เลยนึกว่าพวกฉันจะรู้จักด้วยก็เลยมาถามหา” บาโรกระดกขวดน้ำขึ้นดื่มพร้อมซานดึล คอก็ไม่ได้แห้งอะไรเล้ยยย แต่ถ้าลองมีใครมาเห็นหน้ากงชานในตอนนี้ก็คงจะทำอย่างพวกเขานั่นแหละ
จะให้พวกเขาตอบได้ยังไงว่าพี่ชินวูเองก็ทำท่าเหมือนชอบพี่จินยองอยู่เหมือนกัน...ตอบอย่างนี้ไปมีหวังได้จุดประกายไฟเปิดศึกชิงนายให้เพื่อนกับพี่ชายชัดๆ -_-^
มือขาวของรุ่นน้องผมดำหยิบกระปุกโยเกิร์ตขึ้นมาดู พอเห็นส่วนที่เป็นเนื้อโยเกิร์ตเพิ่งจะพร่องไปไม่เท่าไหร่ร่างบางก็ถอนหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่โลกอีกครั้ง กินไปเท่าแมวดมอย่างนี้จะไปอิ่มอะไรล่ะฮะฮยอง
แต่เดี๋ยว…ก็เขาเองนี่หว่าที่เป็นคนแย่งรุ่นพี่กินไปซะตั้งเยอะ จินยองก็เลยแทบไม่ได้แตะอะไรรองท้องในตอนเช้านี้ไปเลย แล้วพวกสภานักเรียนจะเรียกตัวไปคุยนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แถมตอนเย็นคนผมแดงก็ยังต้องไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่เมียงดงต่ออีก มีหวังได้หมดแรงไม่มีพลังทำงานแน่ถ้าไม่กินข้าวไปเยอะๆ แค่นี้ก็ผอมเก้งก้างจนลมจะพัดปลิวอยู่แล้ว
กงชานรีบเก็บต๊อกโบกีที่ยังไม่ได้แตะใส่ลงในกล่องข้าวกลางวันอย่างรวดเร็วก่อนที่เสียงออดขึ้นชั้นเรียนจะดังขึ้นมาพอดี ไม่กงไม่กินมันแล้ว เก็บไว้ให้คนที่ยังไม่ได้กินอะไรกินดีกว่า ถึงโยเกิร์ตกับซีเรียลอาหารเช้าแค่กระปุกเดียวมันจะลงไปไม่ถึงครึ่งกระเพาะเขาก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้พี่จินยองต้องหิวไส้กิ่วไปหลายชั่วโมงแล้วกัน
“ไป ขึ้นห้องเว้ย เดี๋ยวเข้าสายก็ได้โดนอาจารย์ปาร์คสวดใส่แต่เช้าอีก” บาโรผู้มีปะสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับการมาไม่ตรงเวลาเอ่ยชวนเพื่อนทั้งสอง ซานดึลคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายแล้วเดินตามบาโรไป มีกงชานชิครีบยัดกล่องข้าวลงกระเป๋าก่อนจะวิ่งตามเพื่อนไปติดๆ
…………………………….
11.30 am
ร่างรุ่นน้องผมดำบิดขี้เกียจเต็มที่อย่างอารมณ์ดีหลังจากชั่วโมงภาษาเกาหลีเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป นักเรียนในห้องเริ่มส่งเสียงคุยเหมือนนกกระจอกแตกรังทันทีเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย แต่ละคนต่างหยิบกล่องข้าวกลางวันขึ้นมาวางบนโต๊ะพลางจับกลุ่มนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน กงชานหยิบกล่องข้าวลายน่ารักของตัวเองขึ้นมาแล้วลุกเดินออกจากห้องไปทันทีโดยแทบจะไม่ต้องมีใครมาบอก
ป่านนี้พี่จินยองคงหิวแย่แล้ว…คิดได้ดังนั้นขาเรียวก็รีบก้าวฉับๆขึ้นบันไดไปชั้นบนด้วยความเร่งรีบ สีหน้าของรุ่นน้องผมดำดูแจ่มใสมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้ถึงห้องจุดหมาย เท้าข้างหนึ่งเกือบจะก้าวเข้าห้องนักเรียนเกรดสิบสองห้องสองอยู่แล้วถ้าไม่ทันได้ยินหรือเห็นอะไรบางอย่างเข้าซะก่อน
“นี่มันซาซิมินี่” เสียงคุ้นเคยดังมาจากในห้อง
“ฉันตั้งใจซื้อมาให้นายน่ะ ขอโทษด้วยที่เมื่อเช้าเรียกตัวไปกระทันหัน นายเลยยังไม่ได้กินอะไรเลย” ชินวูยกมือขึ้นเกาหัวเขินๆพลางส่งกล่องข้าวสีชมพูลายหมีแพนด้าให้ คนผมแดงรับมันมาไว้ในมือพลางเปิดดูก่อนจะทำตาวาวด้วยความประหลาดใจ
“โห ของโปรดฉันทั้งนั้นเลย เยอะขนาดนี้จะกินหมดได้ยังไง”
“เอาไปเถอะ ฉันเห็นนายชอบห่อมากินตอนมื้อกลางวัน ทานให้เยอะๆก็พอ” ยิ้มละไมของพี่ชายเพื่อนถูกส่งให้กับคนที่นั่งเรียนอยู่โต๊ะข้างๆ กงชานทำปากย่นพลางมองกล่องต๊อกโบกีในมือตัวเอง
เอ๊อออ! แกจะไปสู้อะไรกับซาซิมิของโปรดเขาได้ล่ะฮึ
ยิ่งเห็นคนรุ่นพี่ใช้ตะเกียบคีบอาหารในกล่องนั้นขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมคุยกับเพื่อนที่นั่งข้างๆแจ้วๆ กงชานก็แทบอยากจะขว้างกล่องข้าวตัวเองออกไปนอกอาคารเรียนซะเดี๋ยวนั้น คิ้วโก่งสวยขมวดเป็นปมเหมือนริบบิ้นห่อของขวัญ ตาจมูกปากแทบจะมาหลอมรวมเป็นกระจุกเดียวกันอยู่บนใบหน้าใส
ฮยองนะฮยอง…ทีตอนเรามาขอนั่งกินข้าวด้วยเห็นมีแต่กระโดดหนีบ้างล่ะ ตั้งการ์ดใส่บ้างล่ะ เข้าไปนั่งข้างๆก็ยังโวยวายผลักไสแทบตาย พอเขาเอาซาซิมิเข้ามาล่อหน่อยนี่ยิ้มหน้าบานแฉ่งเป็นกระด้งเชียว -^-*
“อ้าวกงชาน มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอก” ตาเรียวรีตวัดมองหน้ารุ่นน้องที่ยืนอะโลนอยู่ตรงหน้าประตูห้องเรียน จะบอกทำไมล่ะก็เห็นยิ้มหน้าฉีกอร่อยกับของโปรดอยู่เลยไม่อยากขัดจังหวะ -^-
“ยืนทำหน้าบ้องแบ๊วอะไรอยู่ เข้ามาสิไอ้ลูกหมา” จินยองมองหมาน้อยที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนไม่ได้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าอย่างมึนงง ปกติคนรุ่นน้องต้องรีบพูดรับคำว่า ‘ฮะรุ่นพี่’ หรือไม่ก็เดินยิ้มทะเล่อทะล่าเข้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว
ร่างผอมเพรียวผมดำเดินมาหย่อนตัวลงแหมะกับโต๊ะเรียนที่ตั้งอยู่ข้างหน้าจินยองด้วยอารมณ์งุ่นง่านฟึดฟัด เพราะในเวลานี้ที่ประจำของเขาได้โดนเจ้าของที่ตัวจริงเวนคืนไปเรียบร้อย ส่วนชินวูก็ยังเพลิดเพลินอยู่กับกล่องข้าวตัวเองพลางหันมายิ้มให้กับผู้มาใหม่ที่นั่งหน้ามู่ทู่บอกบุญไม่รับอย่างแรง
หงุดหงิดงั้นเหรอกงชานชิค แต่อย่างที่ว่าแหละ...ทีใครทีมันแล้วกันนะ
“แล้วนั่นต๊อกโบกีเมื่อเช้านี่ นายยังไม่ได้กินอีกเหรอ” จนแล้วจนรอดจินยองก็ยังอุตส่าห์ชะเง้อมองกล่องข้าวที่ไม่ได้ถูกวางร่วมโต๊ะเดียวกันเหมือนเคยจนได้ เล่นเอาหน้าคนที่อุตส่าห์เก็บไว้ให้หงิกกว่าเดิม
ก็เก็บไว้ให้ฮยองนั่นแหละ แต่ตอนนี้แค่กับข้าวบนโต๊ะก็คงกินไม่หมดแล้วมั้ง -^-
“ใช่ที่ไหนล่ะฮะ อันนี้ผมซื้อมาใหม่ต่างหาก” คนโกหกเปิดฝากล่องข้าวเซ็งๆพลางใช้ช้อนโยเกิร์ตสีส้มคันเดิมตัวเค้กข้าวเข้าปาก
บอกว่าซื้อมาใหม่แต่ทำไมไม่เห็นมีควันออกมาจากกล่องเลยฟะ -_-;; ดูก็รู้ว่าเป็นอันเดียวกับเมื่อเช้าชัดๆ
“จะไปนั่งทำไมตั้งไกล เขยิบมานั่งด้วยกันสิที่ก็เหลือตั้งเยอะตั้งแยะ” จินยองจับเก้าอี้คนรุ่นน้องลากเข้ามาร่วมโต๊ะเดียวกันอย่างเคย แต่พอได้นั่งประจันหน้าอยู่ฝั่งตรงชินวูกงชานก็ยิ่งหงุดหงิดพาลให้กินไม่ลงเข้าไปใหญ่ ที่ข้างๆจินยองตรงนั้นมันเคยเป็นของเขาทุกช่วงพักกลางวัน แต่วันนี้จู่ๆเจ้าของที่ก็นึกครึ้มอยากจะมานั่งกินข้าวที่โต๊ะตัวเองซะงั้น แถมสายตาที่มองไปยังจินยองก็ทำให้เขารู้ทันทีว่ารุ่นพี่ประธานนักเรียนกำลังรู้สึกอะไรกับฮยองข้างบ้านเขาอยู่ กงชานชิคไม่ใช่คนโง่นะ
ปากบางงุ้มลงอย่างอารมณ์เสียแต่ก็พยายามเก็บอาการเพราะไม่อยากให้จินยองไม่สบายใจ เขาเองก็ไม่ชอบเวลาที่ตัวเองงี่เง่าอย่างนี้เหมือนกัน อีกอย่างพี่จินยองก็ไม่ค่อยชอบเด็กดื้อซะด้วย เขาก็เลยพยายามจะทำตัวให้เป็นเด็กดีตลอดเวลา แต่ครั้งนี้มัน...
“แร็พที่นายให้ฉันช่วยแต่ง...ฉันแต่งเสร็จตั้งแต่ในคาบดนตรีแล้วนะ” ชินวูส่งสมุดแต่งเพลงคืนให้เจ้าของ กงชานจำได้แม่นว่ามันเป็นสมุดเล่มเดียวกันกับที่จินยองเคยให้เขาดูตอนที่เข้าไปช่วยแปะดาวในห้องนอน คนผมไวน์ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจเมื่อเปิดเห็นผลงานของเพื่อนใหม่
“เฮ้ย! นายก็มีฝีมือเหมือนกันนี่นาหมีแว่น” มือของจินยองตบลงตรงไหล่ชินวูอย่างทึ่งๆ กงชานนั่งมองปฏิกริยานั้นของฮยองพลางเบะปากออก อยู่ดีๆก็นึกหมั่นไส้พี่ชายของเพื่อนขึ้นมาเฉยๆ ไปด้วยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่พอกลับมาก็กลายเป็นเพื่อนรักมีฉายาตั้งให้กันเรียบร้อยซะแล้ว กะอีแค่แต่งท่อนแร็พแค่นี้ผมก็แต่งให้ฮยองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องไปพึ่งพี่ชินวูเลย อิโธ่ววว -^-*
“นายอยากให้ฉันแร็พให้ฟังก่อนมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ฟังจากที่นายแร็พตอนนั้นฉันว่าก็โอเคแล้วแหละ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่าาา” ชินวูถอดแจ๊คหูฟังที่จินยองใส่อยู่ประจำออกแล้วเสียบเข้ากับไอพอดของตัวเองแทน มือใหญ่เลื่อนเปิดไฟล์เสียงท่อนแร็พที่อัดไว้ให้เพื่อนอีกคนได้ฟัง อีกมืออ้อมมาเสียบหูฟังแบ่งให้ตัวเองและจินยองฟังกันคนละข้าง เหมือนว่าจินยองจะมัวแต่ตั้งใจฟังเสียงแรพที่เล่นอยู่ในไอพอดจึงไม่ทันได้สังเกตว่าใบหน้าของตัวเองได้เข้ามาใกล้ชิดกับชินวูจนทำให้ไอ้หมาน้อยอยู่ในโหมดหวงเจ้าของมากกว่าเดิม หงุดหงิด อารมณ์เสีย อยากได้ตะกร้อมาครอบปากก่อนจะเผลอไปงับใครเข้า นี่แหละสามคำนิยามของกงชานชิคในตอนนี้...
“เฮ้ยเจ๋งว่ะ!" จินยองถอดหูฟังออกเมื่อไฟล์เสียงเล่นจบ
"เข้ากับเนื้อเพลงฉันเป๊ะเลย ขอบคุณนายมากเลยนะที่ช่วยแต่งให้ พอถึงท่อนแร็พทีไรฉันชอบไปไม่เป็นทุกที” คนผมแดงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นงานที่ตัวเองตั้งใจทำเป็นพิเศษเสร็จสมบูรณ์ ยิ้มมมม หัวเราะเข้าไปนะพี่จินยอง แค่แต่งเพลงให้บางท่อนก็ไปซาบซึ้งน้ำใจกับเขาซะแล้ว ชิ!
“จริงสิ เพลงก็แต่งเสร็จทุกท่อนแล้ว นายสนใจจะไปเล่นเปิดหมวกกับฉันตอนเย็นมั้ยชินวู ฉันไม่ค่อยถนัดร้องแร็พเท่าไหร่ นายเป็นคนแต่งถ้าได้ร้องเองน่าจะดีกว่า”
นะ..นี่ถึงกับชวนไปเล่นเปิดหมวกด้วยกันเลยเหรอ O_O เพิ่งสนิทกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเนี่ยนะ ทีเราอ้อนแทบตายกว่าจะได้ไป โดนพี่จินยองทำหน้าหงิกเสียงดุใส่ไปก็ตั้งหลายรอบ นี่มันข้ามขั้นเกินไปป่ะ!
“ก็ดีนะ จะได้ไปหาประสบการณ์ ^^” ปฏิเสธไปซักคำมันจะตายรึไง -*-
กงชานก้มหน้างุดรีบตักข้าวกลางวันใส่ปากอย่างอารมณ์เสีย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกขึ้นมาทุกที คุยอะไรกันก็ไม่รู้…รู้เรื่องกันอยู่แค่สองคน คิดผิดอย่างแรงที่มานั่งกินข้าวกับรุ่นพี่ด้วยในวันนี้ มาตั้งนานแล้วแทบจะคุยกันนับคำได้เลย มันน่าน้อยใจจริงๆมั้ยล่ะ
“กงชาน ช่วยฉันกินหน่อย” คนผมแดงอุตส่าห์ตักปลาดิบเอาใจรุ่นน้องที่นั่งทำหน้าเป็นลูกหมาอึไม่ออกมาได้ซักพักแล้ว วันนี้เป็นอะไรของเขานะ หน้าตาดูบึ้งตึงพิกล ผิดคอนเซปต์กงชานชิคผู้มากับรอยยิ้มใสๆไปไกลเลย
“ฮยองกินไปเถอะ เมื่อเช้าก็กินไปนิดเดียวเอง” รุ่นน้องบอกปัด
“กล่องตั้งใหญ่ขนาดนี้ฉันจะกินคนเดียวหมดได้ไงล่ะ” จินยองยังไม่ละความพยายามคีบปลาดิบใส่กล่องข้าวรุ่นน้อง เห็นเมื่อเช้าคนผมดำก็กินไปแค่โยเกิร์ตกระปุกเดียวซึ่งเขาก็รู้ดีว่าคนกินถล่มทลายแบบกงชานแค่นั้นไม่น่าจะพอยาไส้ได้หรอก
“ผมไม่ชอบกินซาซิมิ” พูดเสียงใสนิ่งจนรุ่นพี่ผมแดงต้องดีดหน้าผากเบาๆพลางใช้สายตาสวยปรามดุๆ กลัวตายแหละฮะฮยอง -^-
“คนซื้อเขาก็นั่งอยู่นี่นายพูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไงห๊ะ -_-*”
“ผมไม่ชอบอะไรผมก็บอกกันตรงๆมันผิดด้วยเหรอ”
“กงชาน” จินยองเริ่มเสียงดังเมื่อเห็นไอ้หมาน้อยกำลังทำตัวงี่เง่าอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรหรอก พูดตรงๆอย่างนี้ก็ดีแล้ว เดี๋ยวฉันช่วยนายกินเองก็ได้” ชินวูยิ้มใสให้จินยอง ในขณะที่กงชานยิ่งหน้างอเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นชินวูใช้ตะเกียบคีบซาซิมิกินกล่องเดียวกับจินยอง เอาเลย! เอาที่สบายใจ กะอีแค่กินกล่องเดียวกันไม่ถึงกับป้อนกันแบบที่พี่จินยองทำให้เราซะหน่อย
“จินยอง”
“ฮึ?”
“นายทำข้าวเลอะปาก” มือหนาของชินวูเลื่อนมาเช็ดเศษข้าวออกจากปากคนผมแดงอย่างถือวิสาสะ จินยองนั่งแข็งทื่อเพราะไม่ทันตั้งตัว ปกติเขาก็ไม่ใช่คนกินเลอะเทอะอะไรอยู่แล้วด้วยก็เลยยิ่งสตั๊นเข้าไปใหญ่เมื่อคนตรงหน้าใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากสีส้มอ่อนให้
เป๊าะ!
ช้อนประจำตัวของรุ่นน้องผมดำหักเป็นสองท่อนส่งผลให้ประธานนักเรียนต้องหยุดชะงักการกระทำไว้แค่นั้น ร่างบางผมดำเก็บกล่องข้าวและช้อนที่หักเข้าไปด้วยกันก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้าเชิดไปทางอื่น
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวนะฮะรุ่นพี่ ^^” แม้ตาใสจะยิ้มแต่จินยองก็รู้ดีว่ามันไม่ได้มีอะไรแค่นั้น
“กง…” พูดยังไม่ทันจบกงชานก็ลุกเดินออกไปซะแล้ว คนผมแดงเอามือขยี้หัวอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เมื่อเช้าก็ยังเห็นร่าเริงเป็นลูกหมาอ้อล้อดีๆแต่ทำไมพอตอนกลางวันถึงได้เปลี่ยนเป็นโหมดอารมณ์บูดอย่างนี้ไปได้ล่ะ จะว่าเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้อย่างเดียวก็ไม่น่าใช่ เพราะเท่าที่สังเกตท่าทางคนรุ่นน้องก็ดูเหมือนจะมีรังสีมาคุแผ่ซ่านอยู่รอบตัวตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องแล้ว
กงชานเดินเงียบๆเข้ามาในห้องเรียน เก็บกล่องข้าวที่ยังกินไปไม่ถึงครึ่งใส่กระเป๋าแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเอง ความรู้สึกตีกันยุ่งเหยิงไปหมดจนยากเกินที่จะจัดการ
“ไง ทำไมหน้าตาตอนขาไปกับขากลับมันแตกต่างกันอย่างนี้วะ” บาโรที่นั่งกินข้าวอยู่กับซานดึลขมวดคิ้วพลางจ้องเพื่อนอย่างสงสัย ไปหาพี่จินยองมันก็ควรจะยิ้มแย้มแจ่มใสกลับมาไม่ใช่เหรอ
คนผมดำไม่ตอบอะไร เหลือบมองช้อนที่อยู่ในกล่องข้าวใสด้วยความเสียดาย ช้อนอันแรกที่ได้มาจากรุ่นพี่…ผมดันเผลอทำมันหักซะแล้ว ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าจะเก็บรักษาไว้อย่างดีแท้ๆ
‘เดี๋ยวฉันกลับมา’
ภาพแววตาและสัมผัสอุ่นของจินยองที่ส่งมาให้เมื่อเช้าถูกฉายขึ้นมาในความคิด กงชานทอดตัวลงหมอบกับโต๊ะเรียน ฝนดินสอดำลงในสมุดทดเลขเพื่อระบายอารมณ์น้อยใจที่กำลังก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย ไม่มีใครสังเกตว่ามีหยาดน้ำใสๆไหลลงมาเปรอะแขนเสื้อนักเรียนของคนผมดำเลยซักคน หน้าที่เคยแจ่มใสดูหม่นลงอย่างชัดเจนพลางตะแคงหันออกไปทางนอกหน้าต่าง เจ้าตัวคงไม่อยากให้ใครรู้…เพราะคนที่อยากให้รู้เขาก็ดันไม่ตรัสรู้ด้วย
ฮยองโกหก…จนป่านนี้แล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย ผมรอตั้งนานแล้วนะฮะ
ใครเอาพี่ไปไว้ที่ไหนแล้ว…พี่จินยอง
PS. ฮ้าาาา ชอบวันเสาร์จัง วันนี้วัน Baro Day ด้วย คิดว่าจะมาอัพไม่ทันซะแล้วแต่ก็ยังดิ้นรนกระเสือกกระสนมาอัพให้จนได้ ในเมื่อที่หอไม่มีโน้ตบุ๊คก็เลยแต่งใส่ลงในสมุดนี่แหละแล้วค่อยเอามาพิมพ์อีกที ก็ดีนะ...เหมือนได้ตรวจอะไรหลายๆรอบด้วยเพราะเราเป็นคนชอบพิมพ์ผิดก็เลยต้องเข้ามารีไรท์บ่อยๆ 555 สำหรับ Chapter นี้เราจะได้เห็นความงี่เง่าของชานชิคกี้และความร้ายกาจของพี่หมี คือที่จริงรักพี่หมีและเด็กเลือดทุกคนนะคะ แต่ ณ จุดนั้นคือก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องแต่งอย่างนี้ ให้อภัยหนูด้วย TwT อาทิตย์หน้าก็คงอัพไม่เลทหรอกเพราะคิดว่าน่าจะบริหารเวลาได้แล้ว ขอบคุณนะคะที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องก๊งหึงแล้วไง พจย.รีบมาว้อเรววว
สงสารน้อง ร้องไห้คนเดียว แงๆๆๆ
ไรท์สู้ๆๆๆๆๆนะคะ รออ่านเน้ออ