ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จารกรรมสุดขอบฟ้า

    ลำดับตอนที่ #6 : หนีสุดชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 48


                    ณ คอนโดหรูแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ



        หญิงสาวผมยาวหน้าตาดี ในชุดพนักงานบริษัทเดินออกมาจากลิฟท์ ในชั้นที่ 20 ในมือของเธอถือโทรศัพท์มือถือคุยกับใครบางคนอยู่



        “ถึงบ้านหรือยังจ๊ะ มิ้งค์จ๋า”เสียงชายหนุ่มปลายสายพูด



        “ถึงแล้ว”เธอตอบกลับด้วยอารมณ์ขุ่นมัว



        “งั้นแค่นี้นะจ๊ะ น้องมิ้งค์ รักนะเด็กโง่”ชายหนุ่มปลายสายพูด แล้ววางสายลง มิ้งค์เก็บมือถือลงกระเป๋าขอองเธอ



                     “เชอะ พวกผู้ชาย”เธอพูดขึ้น แล้วยกมือซ้ายขึ้น นิ้วนางซ้ายของเธอสวมแหวน แหวนพระจันทร์เสี้ยวสีเหลือง ตาของเธอปรากฏประกายน้ำตาขึ้นมา เธอเดินมาหยุดที่หน้าประตูคอนโดของเธอ เธอค่อยๆไขกุญแจเข้าไป เธอก้าวเข้ามาในห้องที่มืดสนิท เธอปิดประตูลง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปที่สวิทซ์ไฟ เพื่อเปิดไฟ ในห้องของเธอสว่างไสวขึ้นมาทันใด แต่แล้วเธอก็เห็น...



                      “อุ๊บ...”เธออุทานด้วยความตกใจสุดขีด ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหันหน้ามาทางเธอในห้องของเธอ รูปร่างสูง สมส่วน ผมสีน้ำตาล ดวงตาสีฟ้าสุกใส เขาส่งยิ้มมาให้เธอ



                      “คุณ ปะ...เป็น ใคร”มิ้งค์ตัวสั่นด้วยความตกใจ



                      “สวัสดีครับ คุณจุฑามณีสินะครับ”บลูทักทายอย่างเป็นกันเอง สำนียงของเขาใช้ได้เลยทีเดียว



                      “เอ๊ะ นายรู้จักชื่อฉันได้ไง”มิ้งค์



                      “คุณสวยกว่าในรูปที่ผมเห็นมากเลยนะครับ”บลูพูดต่ออย่างไม่สนใจ เขาสวมเสื้อแขนยาวสีเลือดหมู กางเกงขายาว ดูแล้วไม่น่าจะมีพิษสงอะไร



                       “ขอบคุณค่ะ แต่คุณเป็นใคร แล้วเข้ามาทำอะไรที่ห้องของฉัน”บลูยิ้มให้มิ้งค์อีกครั้ง



                       “ครับผมรู้ว่าคุณตกใจมากที่จู่ๆ เห็นผมอยู่ในห้อง”บลูเดินไปเปิดม่านออก เผยให้เห็นทิวทัศน์ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นตึกที่มีความสูงไล่เลี่ยกับตึกนี้



                       “ขอร้องเถอะนะ อย่าทำอะไรฉันเลย จะเอาอะไรไปก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง”มิ้งค์อ้อนวอน บลูหันมามองเธอ

    สายตาของเขาช่างดูอบอุ่น มิ้งค์คิด



                       “ผมเป็นหน่วยสืบราชการลับสากล ถูกส่งตัวมาคุ้มครองคุณ”บลูอธิบายสีหน้าราบเรียบปกติ



                       “คุ้มครองฉัน เรื่องอะไร”มิ้งค์ถามหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ท่าทางบลูยังดูสงบราบเรียบ



                       “ผมยังไม่สามารถอธิบายได้มากในตอนนี้ครับ แต่จะอธิบายทีหลังเมื่อเรามีเวลา แต่ตอนนี้เราต้องไปจากที่นี่ คุณกำลังถูกตามล่าอยู่”บลูอธิบาย เขาดูเป็นงานเป็นการมากขึ้น



                       “ฉันไม่เชื่อ ถ้าฉันไปกับคุณ คุณก็คงจับฉันไปเรียกค่าไถ่แน่ๆ”มิ้งค์ตะโกนใส่บลู แต่บลูยังสงบไม่มีปฏิกิริยาของความโกรธ



                       “ได้โปรด มิ้งค์ เชื่อผม เราต้องรีบไปมันเกี่ยวข้องกับชีวิตคุณโดยตรง”บลูก้าวเข้ามาที่เธอช้าๆ มิ้งค์ฉวยมีดที่วางไว้ข้างๆได้ แล้วชี้มาที่บลู



                        “อย่าเข้ามานะ”มิ้งค์ขู่ แต่ทันใดนั้น...



                        เพล้ง!



                        กระจกด้านหลังบลูแตกออกกระสุนนับสิบนัดวิ่งฝ่าอากาศมาจากตึกฝั่งตรงข้าม กระสุนบางนัดพุ่งเข้าที่แขนของบลู เขากระเด็นหลบเข้าที่กำบัง ส่วนมิ้งค์ก็ได้โอกาส เธอทิ้งมีด แล้ววิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว



                        “ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”เธอตะโกนไปตลอดทาง เธอวิ่งลงไปตามทางหนีไฟ แล้วออกมาที่ลานจอดรถ



                        “ช่วยด้วยค่ะ”เธอตะโกนเมื่อเห็น กลุ่มชายหนุ่มหลายคนยืนอยู่ และดูเหมือนว่าจะเป็นชาวต่างชาติ



                        ชาวต่างชาติพวกนั้นหันมามองเธอ แล้วทั้งหมดก็พร้อมใจกันชักปืนออกมา มิ้งค์วิ่งหนีอย่างสิ้นไร้หนทาง จนถึงทางตัน เบื้องหลังไม่สามารถผ่านไปได้ ถ้าจะผ่านไปได้คือ เธอต้องกระโดดจากชั้นที่ 18 ของตึกนี้ลงไปเบื้องล่าง



                        “ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลย”มิ้งค์อ้อนวอน



                         พวกมันดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด พวกมันยังก้าวประชิดเธอ มิ้งค์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แล้วในห้วงความคิดของเธอมีใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่ขึ้นมา เด็กหนุ่มที่เธอเฝ้าโหยหาและคิดถึง และเชื่อว่าเขาจะสามารถปกป้องเธอได้ตลอดเวลา



                         “หยุดนะ”เสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นภาษาฝรั่งเศสซึ่งแน่นอนมิ้งค์ฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าคนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มหันหน้าไป ก็ต้องพบกับใบมีดคมกริบจ่ออยู่ที่คอหอยของตัวมันเอง



                         “ทิ้งปืนซะ ไอ้พวกลูกกระจ๊อก”เป็นบลูนั่นเอง มิ้งค์ผิดหวังเล็กน้อย คนที่มาช่วยไม่ใช่ปัน พวกมันทุกคนทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย



                         “คุณไม่เป็นไรนะมิ้งค์”บลูพูดภาษาไทยให้มิ้งค์เข้าใจ มิ้งค์ออกอาการสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ



                         “อยู่ๆใกล้ๆตัวผมไว้นะ”บลูพูด แล้วดึงร่าของเธอเข้ามาใกล้เขา



                         แต่แล้วบลูก็ได้ยินคนที่เขาจับตัวไว้ตะโกนบอกพวกพ้องด้วยรหัสอะไรบางอย่าง



                        “แย่แล้ว”บลูอุทาน มือขวาปาดคอของเจ้าโย่งนั่น โดยมีดยังคงปักอยู่ที่ลำคอ แล้วเขาควานหาอุปกรณ์ของตน เขาเจอมัน มันเป็นโลหะลักษณะกลมสีดำเรียบ ตรงสันมีด้ามจับ เขารีบฉุดมิ้งค์ไปที่ขอบตึก แล้วพุ่งตัวออกไป ก่อนที่พวกนั้นจะ...



                        ตูม!



                         พวกมันเล่นระเบิดพลีชีพ บลูทะยานออกมาอย่างรวดเร็ว มือขวาของบลูติดเจ้าอุปกรณ์นั่นเข้าที่ขอบตึก และมือของเขาเอื้อมไปจับที่ด้ามจับก่อนที่ร่างของเขาและมิ้งค์ จะดิ่งลงสู่เบื้องล่าง อุปกรณ์นั้นกลับมีเชือกปรากฏออกมา ช่วยชะลอการลงให้กับร่างของทั้งสอง มิ้งค์กระชับร่างของเธอเข้ากับชายหนุ่มอย่างแนบแน่น เธอใจของเธอเต้นถี่ด้วยความหวาดเสียว สายลมโชยสะบัดเข้าปะทะใบหน้า เธอมองลงไปเบื้องล่าง ที่เริ่มปรากฏชัดขึ้นทุกทีๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นของชายที่เธอโอบกอดอยู่ เธอใกล้เขามากจนได้ยินแม้แต่ลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขา ได้ยินแม้กระทั่งเสียงการเต้นของหัวใจ ซึ่งของบลูยังคงเต้นในจังหวะเป็นปกติ แต่ของเธอกลับรัวด้วยความตื่นตระหนก เท้าของบลูแตะถึงพื้นอย่างชำนาญ มิ้งค์โล่งอกเมื่อกลับมายืนบนพื้นอีกครั้ง



                        “ไม่เคยคิดเลยว่า พวกมันมีลูกน้องจำพวกนี้ด้วย”บลูพูดหายใจหอบ มิ้งค์เพิ่งสังเกตเห็น ร่างของเขาได้รับบาดเจ็บจากการยิงบนตึกมากพอสมควร



                         “ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันไว้”มิ้งค์พูด ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ



                         “ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่น่ะครับ”



                          “แล้วจะเอาไงต่อดีล่ะคะ พวกมันคงเลิกตามแล้วมั้งคะ”มิ้งค์พูด เธอหันมามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า



                          “ไม่มีทางพวกมันจะไม่หยุด ถ้าพวกมันยังไม่ได้ตัวคุณ เราต้องรีบไปจากที่นี่”บลูพูด แล้วเขาก็ฉุดมือของมิ้งค์ขึ้นมอเตอร์ไซด์ที่จอดไว้ข้างถนน ก่อนที่เขาจะบึ่งออกไปด้วยความเร็ว และเหมือนกับที่เขาคาดเดาไว้ พวกมันยังคงไล่ตามทั้งสองอยู่ มีมอเตอร์ไซด์สองสามคันขับไล่ตามทั้งสองมา ในมือของพวกมันถือปืนกล ที่กำลังรัวกระหน่ำใส่ทั้งสอง บลูหักเลี้ยวเข้ามุมอย่างหวาดเสียว พวกมันก็ยังไล่ตามมาเข้ามาอย่างกระชั้นชิด จนถึงสี่แยกรถบรรสิบล้อวิ่งตัดหน้าบลู บลูเอี้ยวตัวหลบ มอเตอร์ไซด์ของเขาแนบลงกับพื้น แล้วลอดไปใต้รถบรรทุกส่วน พวกที่ตามมาก็ชนเข้ากับรถบรรทุกอย่างจัง ส่งผลให้รถบรรทุกล้มพลิกคว่ำลง บลูบังคับมอเตอร์ไซด์ไปต่อได้ มิ้งค์หลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว เธอยิ่งกระชับร่างเข้ากับบลูแนบแน่นมากยิ่งขึ้น บลูขับฝ่าฝูงชนเข้าไปในเมือง ยังมีพวกมันตามมาไม่ลดละ มิ้งค์รับรู้ถึงความเร็วของมอเตอร์ไซด์ที่เธอนั่งที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ ลมโชยสะบัดพัดใบหน้าเธอ ผมของเธอปลิวยาวไสวไปตามสายลม เธอเห็นดวงตาเขา ดวงตาของบลูที่แน่วแน่ รถเก๋งคันหนึ่งเบียดเข้ามาที่ด้านข้าง บลูหักเข้าโค้งหลบอย่างกะทันหัน เขาหลบหลีกรถที่วิ่งสวนมาอย่างทุลักทุเล มือของมิ้งค์จับเขาแน่นมากขึ้นทุกทีๆ



                            “คุณไม่เป็นไรนะ มิ้งค์”เสียงบลูตะโกนดัง



                            “ค่ะ”มิ้งค์ตอบเสียงดังพอๆกัน



                            แต่แล้วในระหว่างที่พวกเขากำลังอยู่บนสะพาน เพื่อข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่ง รถยนต์คันหนึ่งพุ่งเข้าชน มอเตอร์ไซด์ของทั้งสองโดยแรง มิ้งค์รับรู้ถึงแรงกระชากอย่างรุนแรงร่างของเธอกำลังจะกระเด็นตกจากสะพานแล้วพบจุดจบพร้อมกับชายแปลกหน้าที่แม้แต่ชื่อ เธอก็ยังไม่รู้ แต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นที่มีเขาคนนี้อยู่ใกล้ๆ มิ้งค์เห็นบลูเขาก็กำลังลอยออกไปเช่นเดียวกันกับเธอ แต่ศีรษะเขามีเลือดนองอาบจนแดงฉาน ดวงตาปิดไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์รอบๆตัว มิ้งค์เอื้อมมือไปคว้าเขาไว้ ร่างของทั้งสองดิ่งลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว



                            ตูม!



                            มิ้งค์รู้สึกถึงแรงดันมหาศาลทันที เมื่อร่างของเธอกระแทกเข้ากับผืนน้ำ เธอหมดสิ้นเรี่ยวแรง มือของเธอค่อยๆคลายออกจากบลู ดวงตาเธอปิดสนิท เธอกำลังจะจมน้ำตายกลายเป็นศพขึ้นอืดในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ แต่ทว่าเธอเริ่มรู้สึกเหมือนมีคนกำลังฉุดร่างของเธอ เธอลืมตาขึ้น คนที่กำลังดึงเธอกลับเป็นปัน แต่ไมใช่มิ้งค์เพ่งตามองดูอีกทีเป็นบลูที่กำลังดึงร่างของเธอขึ้นสู่ผิวน้ำ เขายิ้มให้เธอ เธอยิ้มตอบกลับไปที่เขาอย่างจริงใจ เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอรู้สึกเหมือนมีความสุข เมื่อเห็นชายตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่ เธอโผล่ขึ้นที่ผิวน้ำ แล้วสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอด เธอรู้สึกรักโลกนี้มากขึ้น เธอลอยตัวไปตามแรงที่บลูฉุดเธอไป พวกเขาทั้งสองขึ้นฝั่งมาได้อย่างยากเย็น มิ้งค์นอนแผ่ลงหอบหายใจ บลูนั่งหอบอยู่ข้างๆ ศีรษะของเขาแตก เลือดยังคงไม่ยอมหยุดไหล



                           “มิ้งค์ คุณเป็นยังไงบ้าง”บลูถาม แล้วหันมามองดูเธอ



                           “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบ... ว๊ายยย”เธอกรี๊ดดังลั่น บลูรู้โดยสัญชาติญาณทันที แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ปืนกระบอกหนึ่งจ่อเข้าที่ท้ายทอยของเขา



                            “คราวนี้แกตายไร้ที่ฝังแน่ ไอ้สายลับ”ภาษาฝรั่งเศสสำเนียงแปลกๆดังขึ้นข้างหลัง มิ้งค์นั่งขึ้นด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด เหงื่อไหลชโลมใบหน้าบลู ไม่มีทางเลยที่เขาจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ มีเพียงปาฏิหาริยิ์เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้



                             บลูถึงคราตกอับอีกครา ท่ามกลางความตื่นตระหนกตรงใจกลางมหานครกรุงเทพมหานคร มีเสียงเฮอลิคอปเตอร์แว่วมา จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหรือไม่ ชะตากรรมของบลูกับมิ้งค์กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×