ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
                นี่คือภาคต่อของเดิมพันรัก ตัวละครหลักหลายๆตัวจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง...
                หัวรบนิวเคลียร์ และแร่กัมมันตรังสีนับตันถูกจารกรรมไปจากรัสเซียอย่างไร้ร่องรอย เป็นฝีมือของหน่วยงานใดถึงได้หาญกล้าขโมยลูกเสือไปจากถ้ำเสือเยี่ยงนี้ สายตาของหน่วยสืบราชการลับสากลมุ่งไปที่ กลุ่มอาระเบียน เทอเรอไรซ์ (Arabian Terrorize) กลุ่มผู้ก่อการร้ายแห่งอาหรับ หน่วยงานที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในตะวันออกกลาง...
   
                ผู้นำกลุ่มของพวกมันเป็นคนเปิดเผย และหยิ่งทระนง ไม่เคยหวั่นเกรงประเทศมหาอำนาจ มันมีนาม อับดุล ราซิส มันมีลูกน้องกระจายอยู่ทุกมุมโลก โดยเฉพาะแถบคาบสมุทรอาหรับ มันล้วนมีเส้นสายซอกซอนเข้าไปในหน่วยงานต่างๆอย่างกลมกลืน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผู้ใดเป็นสมุนของมัน หน่วยสืบราชการลับสากล ที่มีหน่วยงานหลักตั้งอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้ส่งหน่วยสืบราชการลับหลายคนออกปฏิบัติภารกิจ เพื่อสังหารมันผู้นี้ และออกสืบหาร่องรอยของหัวรบนิวเคลียร์ว่าเป็นผู้ใดที่ขโมยมันไป...
    ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เวลา 21.30 น.
    คฤหาสน์แห่งหนึ่งในกรุงปารีสถูกประดับประดาเต็มไปด้วยแสงไฟ เป็นการจัดงานปาร์ตี้ของผู้มีอำนาจคนหนึ่งของเมืองนี้ ในสวนเต็มไปด้วยพฤกษา แมกไม้นานาพันธุ์ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ผู้คนในงานไม่พลุ่กพล่านมากนัก มีเพียงผู้ดีมีสกุลในชุดหรูหราอลังการเท่านั้นที่ได้รับเชิญในงานนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินชมงานดูเหล่าผู้ดีต่างโอ้อวดเพชรนิลจินดา เครื่องประดับที่สะท้อนแสงแวววาวจนละลานตาเต็มไปหมด ด้วยความเหนื่อยใจ หรือว่าเขาไม่ใช่ผู้ดีไฮโซเฉกเช่นคนผู้นั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาเป็นใครกันแน่ล่ะ เขาเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมสัน ดั้งโด่ง ผิวขาว ดวงตาสีฟ้าสุกใส ผมสีน้ำตาลเข้ม ดูไปก็หล่อไม่เบาเลยทีเดียว หญิงสาวคนหนึ่งพลันวิ่งออกมาจากกลางงาน เขาเองก็ไม่ทราบว่าเธอโผล่ออกมาจากไหน เธอมีตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีบรอนซ์ แก้มขาวเนียนไร้สิวฝ้า ริ้วรอยตำหนิ ผิวสีขาวนวล เธอใส่ในชุดราตรีสีดำยิ่งขับสีผิวเธอให้ดูเปล่งปลั่งมีราศีราวกับพระจันทร์มากยิ่งขึ้น เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดเขา ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างเธอขึ้น แล้วหมุนตัวอยู่เป็นเวลานาน เขาจึงค่อยๆวางเธอลง
    “ฉันนึกว่า คุณจะไม่มางานนี้ซะแล้ว”เธอพูดมองหน้าชายหนุ่มอย่างดีใจ (นี่เป็นการแปลจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยครับ เนื่องจากผู้แต่งเองก็ไม่จัดเจนเรื่องภาษาต่างประเทศครับ)
    “งานวันเกิดของคุณทั้งที ผมจะพลาดไปได้ไงล่ะครับ”เขายิ้ม แล้วจุมพิตเธอที่หน้าผาก
    “วันนี้ พ่อ แม่ ฉันไม่อยู่ ตามมานี่สิ”เธอพูด แล้วฉุดลากชายหนุ่มตามเธอไป
                                                                              ...................................
    เธอฉุดเขามาที่ห้องนอนของเธอ ชายหนุ่มค่อยๆกดล็อกปิดประตู เธอจึงเข้าใจเจตนาของเขา อันที่จริงเป็นเขาต่างหากที่เข้าใจเจตนาของเธอ เธอค่อยๆเปลื้องอาภรณ์ออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงบราสองตัวที่รัดติ้ว จนหน้าอกเธอเกือบทะลักออกมา ชายหนุ่มก็ถอดเสื้อทักซิโด้สีดำออก เธอหันมามองเขา หัวใจเธอเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะ มองชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ มือสองมือไขว้อยู่ข้างหลัง
    “ยังรีรออะไรอยู่อีกล่ะจ๊ะ”เธอถามเขา เหงื่อกาฬไหลชโลมใบหน้าเธอ
    “รอคอยเวลา”เขาตอบราบเรียบ ดูเยือกเย็น ตามความเป็นจริงผู้ชายที่พบเห็นหญิงอยู่ในสภาพนี้คงไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้เยือกเย็นปานนี้
    “รอคอยเวลา... เวลาอะไรจ๊ะ”เธอถาม แย้มยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มตอบกลับให้เธอ เขาไม่พูดอะไร ค่อยๆก้าวเดินมาที่เธอ อกเธอสั่นสะเทือนขึ้นลง หายใจเร็วถี่ แต่ฉับพลันที่เธอกำลังปล่อยใจ เขากลับพุ่งตัวรวบเธอ แล้วเหวี่ยงเธอขึ้นไปที่เตียงสีขาว เขาขึ้นคร่อมร่างเธอ มือซ้ายกดปิดปากเธอไว้ เธอนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่หัวใจกับเต้นรัว ทำไมชายหนุ่มต้องทำเยี่ยงนี้ อันที่จริงเธอยินยอมเขา แล้วเพราะเหตุใดเขาจึงต้องลงมือข่มขืนเธอ มือขวาไขว้ไปหยิบของบางอย่างที่เหน็บอยู่ข้างหลังของเขา เป็นปืนพกกระบอกหนึ่ง ดวงตาเธอเบิกโตด้วยความตกใจสุดขีด เธอพยายามดิ้นสุดกำลัง เพื่อให้หลุดจากพันธนาการของชายหนุ่ม เธอตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีเสียงใดหลุดพ้นออกมา ดวงตาเธอแทบถลนออกมาจากเบ้าจับจ้องมองชายหนุ่ม เขาค่อยๆคลายมือซ้ายออกช้าๆ แต่ฉับพลัน เขาก็ยัดปืนกระบอกนั้นเข้าไปในปากเธอ มือซ้ายเค้นอยู่ที่ลำคอขาวของเธอ เธอสั่นศีรษะไปมา แววตาบ่งบอกถึงความกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แผ่ไปทั่วพื้นที่ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างอันอวบอิ่มของเธอ ร่างเธอดิ้นไปมา เนื้อตัวสั่นระริก แต่ชายหนุ่มยังเยือกเย็น ดวงตาสีฟ้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ แล้ว...
                  ปัง !
                  กระสุนวิ่งเข้าไปในปาก ผ่านลำคอ คอหอย แล้วทะลุออกที่ท้ายทอย เลือดสาดกระเด็นเต็มเตียงนอนสีขาว ร่างของเธอหยุดดิ้นโดยฉับพลัน แต่ดวงตากลับเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด แต่กลับกันดวงตาชายหนุ่มยังคงเยือกเย็น ไม่แฝงแววหวาดหวั่นพรั่นพรึงแต่อย่างใด เขาค่อยๆลุกขึ้น เก็บปืนพกกลับไว้ที่เดิม เขาต้องรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะเสียงปืนเมื่อครู่ต้องดึงดูดผู้คนให้มาที่นี่เป็นแน่ เขาค่อยๆฉวยเสื้อทักซิโด้สีดำ แล้วเขาเดินมาที่ระเบียงเบื้องนอก ในมือเขากลับมีเชือกเส้นหนึ่ง ด้านหนึ่งเป็นตะขอเกี่ยว เขาใช้ตะขอเกี่ยวเกี่ยวกับราวเกาะ แล้วตัวเขาพุ่งออกจากระเบียงจากชั้น 3 ลงไปชั้นหนึ่ง เขาลงถึงพื้นอย่างช่ำชอง เขาค่อยๆม้วนเก็บเชือก แล้วเดินออกมาจากคฤหาสน์อย่างเยือกเย็น เขาค่อยๆถอดถุงมือสีดำออกอย่างช้าๆ แล้วโยนมันทิ้งลงไปในถังขยะข้างทาง ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถสีดำที่จอดรอคอยเขาอยู่แล้วรถคันนั้นก็บึ่งจากไปอย่างไร้ร่องรอย
    การลงมือของชายผู้นี้ละเอียด รอบคอบ รวบรัดหมดจด และแนบเนียนไร้ที่ติ ไม่มีข้อบกพร่องใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากจะมีข้อบกพร่อง ก็คงจะมีเพียงข้อเดียว คือ ทำไมเขาจึงไม่ใช้ที่เก็บเสียงในการสังหาร หรือว่านี่คือ จุดที่เขาตั้งใจจะให้มันเป็น เขาตั้งใจให้มีคนได้ยินเสียง ความคิดของเขาลึกล้ำเกินกว่าที่จะมีผู้ใดจะหยั่งถึง เขาลงทุนคบกับเป้าหมายเป็นคนรักมานานนับปี เพื่อรอคอยวันนี้ วันที่มีโอกาสที่จะสังหารเพียงวันเดียว  ดวงตาของเขาแฝงไว้ซึ่งแววอำมหิต ไร้ซึ่งแววตาแห่งความเมตตาการุณย์ ศพของหญิงสาวคนนั้นถูกพบเจอ หลังจากเขาจากไปสองชั่วโมง ไม่มีใครรู้จักชายคนนี้ ทุกผู้คนล้วนทราบแต่เพียงว่า เป็นคนรักของหญิงคนนี้ หญิงคนนี้... ซึ่งเป็นถึงลูกสาวของนายพลแห่งฝรั่งเศส นายพลฟรอล็อง ฌักซิแยร์...
                                                                              ..................................
    สนามบินดอนเมือง กรุงเทพ ประเทศไทย เวลา 6.00 น.
    เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งร่อนลงในรันเวย์ ก่อนที่จะจอดนิ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งเดินมารอผู้ที่มากับเครื่องบินลำนี้ ผู้ชายดูสูงอายุ ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน น่าจะมีอายุห่างกันไม่มากนัก ประตูเครื่องบินเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา ใบหน้าเขาแจ่มใส ผมสีดำเป็นมันเข้ม ในชุดสูทสีเทา ผูกเน็กไท นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม แว่นกรอบสี่เหลี่ยม ผิวเหลืองซีด เขายิ้มให้ชาย และหญิงชราทั้งสอง เขาค่อยๆก้าวลงมาตามบันได มายืนอยู่ที่เบื้องหน้าทั้งสอง หญิงชราเข้าสวมกอดเขา น้ำตาแห่งความปิติไหล่หลั่งออกจากดวงตาของเธอ
    “กลับมาซะทีนะลูก แม่คิดถึงลูกมาก”ที่แท้เขาคนนี้เป็นบุตรชายของเธอ เขาคลายวงออก แล้วค่อยสวมกอดชายชรา
    “ยินดีต้อนรับกลับ นะ...”
    “เอก”ชายหนุ่มแย้มยิ้ม เขาได้กลับสู่มาตุภูมิอีกครั้ง หลังจากที่ต้องย้ายไปเรียนสิงคโปร์หลายปี
    “ครับ คุณพ่อ”เอกกล่าวอย่างแช่มช้า แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่น นี่คือการกลับมาอย่างแท้จริง หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็มุ่งหน้ากลับสู่แดนสยาม ดินแดนที่เขาเรียกว่า บ้าน...
                หัวรบนิวเคลียร์ และแร่กัมมันตรังสีนับตันถูกจารกรรมไปจากรัสเซียอย่างไร้ร่องรอย เป็นฝีมือของหน่วยงานใดถึงได้หาญกล้าขโมยลูกเสือไปจากถ้ำเสือเยี่ยงนี้ สายตาของหน่วยสืบราชการลับสากลมุ่งไปที่ กลุ่มอาระเบียน เทอเรอไรซ์ (Arabian Terrorize) กลุ่มผู้ก่อการร้ายแห่งอาหรับ หน่วยงานที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในตะวันออกกลาง...
   
                ผู้นำกลุ่มของพวกมันเป็นคนเปิดเผย และหยิ่งทระนง ไม่เคยหวั่นเกรงประเทศมหาอำนาจ มันมีนาม อับดุล ราซิส มันมีลูกน้องกระจายอยู่ทุกมุมโลก โดยเฉพาะแถบคาบสมุทรอาหรับ มันล้วนมีเส้นสายซอกซอนเข้าไปในหน่วยงานต่างๆอย่างกลมกลืน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผู้ใดเป็นสมุนของมัน หน่วยสืบราชการลับสากล ที่มีหน่วยงานหลักตั้งอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้ส่งหน่วยสืบราชการลับหลายคนออกปฏิบัติภารกิจ เพื่อสังหารมันผู้นี้ และออกสืบหาร่องรอยของหัวรบนิวเคลียร์ว่าเป็นผู้ใดที่ขโมยมันไป...
    ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เวลา 21.30 น.
    คฤหาสน์แห่งหนึ่งในกรุงปารีสถูกประดับประดาเต็มไปด้วยแสงไฟ เป็นการจัดงานปาร์ตี้ของผู้มีอำนาจคนหนึ่งของเมืองนี้ ในสวนเต็มไปด้วยพฤกษา แมกไม้นานาพันธุ์ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ผู้คนในงานไม่พลุ่กพล่านมากนัก มีเพียงผู้ดีมีสกุลในชุดหรูหราอลังการเท่านั้นที่ได้รับเชิญในงานนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินชมงานดูเหล่าผู้ดีต่างโอ้อวดเพชรนิลจินดา เครื่องประดับที่สะท้อนแสงแวววาวจนละลานตาเต็มไปหมด ด้วยความเหนื่อยใจ หรือว่าเขาไม่ใช่ผู้ดีไฮโซเฉกเช่นคนผู้นั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาเป็นใครกันแน่ล่ะ เขาเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมสัน ดั้งโด่ง ผิวขาว ดวงตาสีฟ้าสุกใส ผมสีน้ำตาลเข้ม ดูไปก็หล่อไม่เบาเลยทีเดียว หญิงสาวคนหนึ่งพลันวิ่งออกมาจากกลางงาน เขาเองก็ไม่ทราบว่าเธอโผล่ออกมาจากไหน เธอมีตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีบรอนซ์ แก้มขาวเนียนไร้สิวฝ้า ริ้วรอยตำหนิ ผิวสีขาวนวล เธอใส่ในชุดราตรีสีดำยิ่งขับสีผิวเธอให้ดูเปล่งปลั่งมีราศีราวกับพระจันทร์มากยิ่งขึ้น เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดเขา ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างเธอขึ้น แล้วหมุนตัวอยู่เป็นเวลานาน เขาจึงค่อยๆวางเธอลง
    “ฉันนึกว่า คุณจะไม่มางานนี้ซะแล้ว”เธอพูดมองหน้าชายหนุ่มอย่างดีใจ (นี่เป็นการแปลจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยครับ เนื่องจากผู้แต่งเองก็ไม่จัดเจนเรื่องภาษาต่างประเทศครับ)
    “งานวันเกิดของคุณทั้งที ผมจะพลาดไปได้ไงล่ะครับ”เขายิ้ม แล้วจุมพิตเธอที่หน้าผาก
    “วันนี้ พ่อ แม่ ฉันไม่อยู่ ตามมานี่สิ”เธอพูด แล้วฉุดลากชายหนุ่มตามเธอไป
                                                                              ...................................
    เธอฉุดเขามาที่ห้องนอนของเธอ ชายหนุ่มค่อยๆกดล็อกปิดประตู เธอจึงเข้าใจเจตนาของเขา อันที่จริงเป็นเขาต่างหากที่เข้าใจเจตนาของเธอ เธอค่อยๆเปลื้องอาภรณ์ออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงบราสองตัวที่รัดติ้ว จนหน้าอกเธอเกือบทะลักออกมา ชายหนุ่มก็ถอดเสื้อทักซิโด้สีดำออก เธอหันมามองเขา หัวใจเธอเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะ มองชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ มือสองมือไขว้อยู่ข้างหลัง
    “ยังรีรออะไรอยู่อีกล่ะจ๊ะ”เธอถามเขา เหงื่อกาฬไหลชโลมใบหน้าเธอ
    “รอคอยเวลา”เขาตอบราบเรียบ ดูเยือกเย็น ตามความเป็นจริงผู้ชายที่พบเห็นหญิงอยู่ในสภาพนี้คงไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้เยือกเย็นปานนี้
    “รอคอยเวลา... เวลาอะไรจ๊ะ”เธอถาม แย้มยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มตอบกลับให้เธอ เขาไม่พูดอะไร ค่อยๆก้าวเดินมาที่เธอ อกเธอสั่นสะเทือนขึ้นลง หายใจเร็วถี่ แต่ฉับพลันที่เธอกำลังปล่อยใจ เขากลับพุ่งตัวรวบเธอ แล้วเหวี่ยงเธอขึ้นไปที่เตียงสีขาว เขาขึ้นคร่อมร่างเธอ มือซ้ายกดปิดปากเธอไว้ เธอนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่หัวใจกับเต้นรัว ทำไมชายหนุ่มต้องทำเยี่ยงนี้ อันที่จริงเธอยินยอมเขา แล้วเพราะเหตุใดเขาจึงต้องลงมือข่มขืนเธอ มือขวาไขว้ไปหยิบของบางอย่างที่เหน็บอยู่ข้างหลังของเขา เป็นปืนพกกระบอกหนึ่ง ดวงตาเธอเบิกโตด้วยความตกใจสุดขีด เธอพยายามดิ้นสุดกำลัง เพื่อให้หลุดจากพันธนาการของชายหนุ่ม เธอตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีเสียงใดหลุดพ้นออกมา ดวงตาเธอแทบถลนออกมาจากเบ้าจับจ้องมองชายหนุ่ม เขาค่อยๆคลายมือซ้ายออกช้าๆ แต่ฉับพลัน เขาก็ยัดปืนกระบอกนั้นเข้าไปในปากเธอ มือซ้ายเค้นอยู่ที่ลำคอขาวของเธอ เธอสั่นศีรษะไปมา แววตาบ่งบอกถึงความกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แผ่ไปทั่วพื้นที่ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างอันอวบอิ่มของเธอ ร่างเธอดิ้นไปมา เนื้อตัวสั่นระริก แต่ชายหนุ่มยังเยือกเย็น ดวงตาสีฟ้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ แล้ว...
                  ปัง !
                  กระสุนวิ่งเข้าไปในปาก ผ่านลำคอ คอหอย แล้วทะลุออกที่ท้ายทอย เลือดสาดกระเด็นเต็มเตียงนอนสีขาว ร่างของเธอหยุดดิ้นโดยฉับพลัน แต่ดวงตากลับเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด แต่กลับกันดวงตาชายหนุ่มยังคงเยือกเย็น ไม่แฝงแววหวาดหวั่นพรั่นพรึงแต่อย่างใด เขาค่อยๆลุกขึ้น เก็บปืนพกกลับไว้ที่เดิม เขาต้องรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะเสียงปืนเมื่อครู่ต้องดึงดูดผู้คนให้มาที่นี่เป็นแน่ เขาค่อยๆฉวยเสื้อทักซิโด้สีดำ แล้วเขาเดินมาที่ระเบียงเบื้องนอก ในมือเขากลับมีเชือกเส้นหนึ่ง ด้านหนึ่งเป็นตะขอเกี่ยว เขาใช้ตะขอเกี่ยวเกี่ยวกับราวเกาะ แล้วตัวเขาพุ่งออกจากระเบียงจากชั้น 3 ลงไปชั้นหนึ่ง เขาลงถึงพื้นอย่างช่ำชอง เขาค่อยๆม้วนเก็บเชือก แล้วเดินออกมาจากคฤหาสน์อย่างเยือกเย็น เขาค่อยๆถอดถุงมือสีดำออกอย่างช้าๆ แล้วโยนมันทิ้งลงไปในถังขยะข้างทาง ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถสีดำที่จอดรอคอยเขาอยู่แล้วรถคันนั้นก็บึ่งจากไปอย่างไร้ร่องรอย
    การลงมือของชายผู้นี้ละเอียด รอบคอบ รวบรัดหมดจด และแนบเนียนไร้ที่ติ ไม่มีข้อบกพร่องใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากจะมีข้อบกพร่อง ก็คงจะมีเพียงข้อเดียว คือ ทำไมเขาจึงไม่ใช้ที่เก็บเสียงในการสังหาร หรือว่านี่คือ จุดที่เขาตั้งใจจะให้มันเป็น เขาตั้งใจให้มีคนได้ยินเสียง ความคิดของเขาลึกล้ำเกินกว่าที่จะมีผู้ใดจะหยั่งถึง เขาลงทุนคบกับเป้าหมายเป็นคนรักมานานนับปี เพื่อรอคอยวันนี้ วันที่มีโอกาสที่จะสังหารเพียงวันเดียว  ดวงตาของเขาแฝงไว้ซึ่งแววอำมหิต ไร้ซึ่งแววตาแห่งความเมตตาการุณย์ ศพของหญิงสาวคนนั้นถูกพบเจอ หลังจากเขาจากไปสองชั่วโมง ไม่มีใครรู้จักชายคนนี้ ทุกผู้คนล้วนทราบแต่เพียงว่า เป็นคนรักของหญิงคนนี้ หญิงคนนี้... ซึ่งเป็นถึงลูกสาวของนายพลแห่งฝรั่งเศส นายพลฟรอล็อง ฌักซิแยร์...
                                                                              ..................................
    สนามบินดอนเมือง กรุงเทพ ประเทศไทย เวลา 6.00 น.
    เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งร่อนลงในรันเวย์ ก่อนที่จะจอดนิ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งเดินมารอผู้ที่มากับเครื่องบินลำนี้ ผู้ชายดูสูงอายุ ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน น่าจะมีอายุห่างกันไม่มากนัก ประตูเครื่องบินเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา ใบหน้าเขาแจ่มใส ผมสีดำเป็นมันเข้ม ในชุดสูทสีเทา ผูกเน็กไท นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม แว่นกรอบสี่เหลี่ยม ผิวเหลืองซีด เขายิ้มให้ชาย และหญิงชราทั้งสอง เขาค่อยๆก้าวลงมาตามบันได มายืนอยู่ที่เบื้องหน้าทั้งสอง หญิงชราเข้าสวมกอดเขา น้ำตาแห่งความปิติไหล่หลั่งออกจากดวงตาของเธอ
    “กลับมาซะทีนะลูก แม่คิดถึงลูกมาก”ที่แท้เขาคนนี้เป็นบุตรชายของเธอ เขาคลายวงออก แล้วค่อยสวมกอดชายชรา
    “ยินดีต้อนรับกลับ นะ...”
    “เอก”ชายหนุ่มแย้มยิ้ม เขาได้กลับสู่มาตุภูมิอีกครั้ง หลังจากที่ต้องย้ายไปเรียนสิงคโปร์หลายปี
    “ครับ คุณพ่อ”เอกกล่าวอย่างแช่มช้า แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่น นี่คือการกลับมาอย่างแท้จริง หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็มุ่งหน้ากลับสู่แดนสยาม ดินแดนที่เขาเรียกว่า บ้าน...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น