คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
เสียงกรีดร้องจากบริเวณด้านนอกของแผนก ทำให้หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในห้องทำงานส่วนตัวละมือจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์และละสายตาจากหน้าจอแสดงผล ดวงตายาวรีเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงเมื่อเสียงกรีดร้องด้านนอกนันยังทวีความดังชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ใจดวงน้อยเต้นระส่ำราวมีคนมาตีกลองรัวในอก เธอกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก เพราะยามนี้ไม่มีพนักงานอยู่ในออฟฟิศเลยสักคน ทุกคนต่างลงไปทานอาหารกลางวันกันหมด ยกเว้นก็แต่เธอ ที่ยังมีงานด่วนคั่งค้างอยู่ซึ่งต้องรีบทำให้เสร็จรุร่วงก่อนเลิกงานวันนี้ เพราะถ้างานชิ้นนี้ไม่เสร็จ หนังสือก็ไม่สามารถปิดเล่มลงได้
รุ้งกมลนั่งนิ่งตัวเกร็งราวท่อนไม้ เพราะเสียงนั้นเต็มเปี่่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและหวาดหวั่น หญิงสาวเหลียวหน้ามองหลังไปรอบๆ ห้องทำงานอันว่างเปล่าเพื่อมองหาตัวช่วยราวกับคนละเมอ สมองตื้อๆ ต้องกระตุกวาบเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครา คราวนี้มันดังใกล้เข้ามาเหมือนกับว่าเจ้าของเสียงนั้นอยู่ด้วยกันกับเธอให้ห้องทำงานนี้
“ปั้ง!” ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาโดยแรงจนบานประตูกระแทกเข้ากับผนังห้องเสียงดังโครม รุ้งกมลมองร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ของแม่บ้านประจำออฟฟิศที่ล้มหงายหลังก้นจ้ำเบ้าอยู่ปลายเท้าของเธอ แววตาเบิกกว้างดูตระหนกและหวาดผวานั้นทำให้รุ้งกมลใจเต้นระรัวถี่ขึ้นอีก ภาพเหตุการณ์เลวร้ายตามหน้าหนังสือพิมพ์และหน้าจอทีวีผุดเข้ามาเป็นฉากไปต่างๆ นานา หญิงสาวไม่อยากคิดว่าโจรปล้นหรืออันธพาลบุกเข้ามาทำร้ายคนในบริษัทอย่างที่เคยได้รับโทรศัพท์ข่มขู่อยู่บ่อยๆ เพราะบทความจากคอลัมน์ต่างๆ ที่เธอดูแลอยู่นั้นได้บรรยายพาดพิงหรือกระทบกับผู้ทรงอิทธิพลอยู่บ่อยครั้งด้วยความตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ความจริงก็คือ...
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามายืนขวางกลางประตู เขาสวมชุดหนังสีดำทับกับเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายกะโหลก กับกางเกงยีนส์สีเข้มขาดแต่ไม่เก่า การแต่งกายของเขานั้นเป็นแฟชั่นออกไปทางผู้ชายเซอร์ๆ ดวงตาของเขาถูกบดบังไว้ด้วยแว่นตาดำกรอบกลม ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเคราจนคาดเดาไม่ได้ว่าใบหน้าแท้จริงของเขาเป็นเช่นไร ผมรองทรงก็ยาวจนระบ่า แต่สีผมและสีหนวดเคราของเขาออกเป็นสีเหลืองทองและรูปร่างอันสูงใหญ่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทย ใบหน้านิ่งของเขาแสยะยิ้มให้กับป้าน้อยนิดหนึ่ง นั่นเป็นผลทำให้ป้าน้อยกรีดร้องเสียงหลงขึ้นมาอีกครั้ง
รุ้งกมลลุกขึ้นใช้เท้าผลักล้อเลื่อนของเก้าอี้ทำงานเร็วๆ เพื่อเปิดทางเดินให้สามารถขยับเท้าไปหาลูกน้องได้ ถ้านายหน้าโหดตัวใหญ่นั่นเป็นโจรหรือนักเลงจริงๆ ทั้งเธอและป้าน้องก็คงไม่มีใครสามารถรอดเงื้อมือคู่นั้นไปได้หรอก ทางที่ดีควรรีบออกไปช่วยกันดีกว่า... คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายตามสุภาษิตโบราณ ท่านว่า
แม้ใจของหญิงสาวจะสั่นระรัว แต่เธอก็ฝืนก้าวเดินไปหยุดอยู่เบื้องหลังป้าน้อยจนได้ มาเห็นป้าน้อยใกล้ๆ ก็รับรู้ได้ว่าร่างอ้วนสั่นเทิ้ม เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขาเรียวเริ่มสั่นตามหัวใจ เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาคมภายใต้กรอบแว่นสีดำที่จับจ้องมายังเธอ หญิงสาวรวบรวมพลังทั้งหมดยื่นมือไปวางไว้บนบ่าของป้าน้อย แม่บ้านผวาตกใจ สะดุ้งจนตัวโยน แต่เมื่อหันหลังกลับมามองพบว่าเจ้าของมือบนบ่าเป็นมือของเจ้านายก็ดีดตัวอ้อมไปหากำบังมนุษย์ทันทีอย่างลุกลี้ลุกลน ต้นแขนเรียวของผู้อ่อนวัยกว่าถูกมืออวบอูมกำกระชับแน่นจนแขนเริ่มซีดเพราะเลือดไม่สามารถไหลหล่อเลี้ยงได้ทั่วร่าง
รุ้งกมลเซเล็กน้อยกับแรงโถมเข้าหาของแม่บ้าน ดวงตายาวรีมองไปยังคนตัวโตที่กำลังก้าวเท้าผ่านกรอบประตูเข้ามาในห้อง การเยื้องย่างของเขาแต่ละก้าวช่างแน่วแน่มั่นคงดั่งเสือจ้องตะครุบเหยื่อ
“ช่วยป้าด้วย ป้ากลัว” ป้าน้อยบอกเสียงสั่นจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะสติกระเจิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ตอนนี้เธอคิดเพียงแค่เอาตัวรอดไปจากเงื้อมือผู้ชายคนนี้ให้ได้เพียงเท่านั้น
'บุญที่เคยทำแต่ปางใดไว้ โปรดช่วยลูกให้พ้นจากภัยอันตรายจากผู้ชายคนนี้ด้วยเทอญ' รุ้งกมลคิดภาวนาในใจ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกให้ช่วยดลบันดาลพรแก่เธอ หญิงสาวยังมีห่วง หากเธอตายหรือถูกทำร้ายสาหัส ใครจะดูแลพ่อของเธอ ในเมืื่อมีกันอยู่เพียงสองคนเท่านั้น... ดวงตาดำขลับจับจ้องเขม็งใบหน้าคมเข้มของชายแปลกหน้าก่อนก้มต่ำ จับอยู่ที่รองเท้าหนังสีดำขลับที่กำลังขยับเข้ามาหาเธอและป้าน้อยช้าๆ... ใจดวงน้อยๆ เต้นตุ้บตับ จนแทบกระโจนออกจากอก ห้องทำงานกว้างกลับแคบลงถนัดตาในความรู้สึกของเจ้าของห้อง
หญิงสาวพยายามเอื้อนเอ่ยทำลายความเงียบ ต้องการหยุดการคุกคามนั้น เขาเหมือนอสูรกำลังไล่ล่ามนุษย์ เจอเหยื่อเมื่อไหร่ก็พร้อมจับไปเป็นอาหารอันโอชะ “คุณต้องการอะไรจากพวกเราคะ”
ฟรานเซเซียส ปิเอโร่ ชะงักกับคำถามทีทั้งซื่อและงี่เง่า ท่าทางและแววตาทั้งคู่ของผู้หญิงคนนั้นยามมองมายังเขาทั้งหวาดกลัวและหวาดหวั่นในตัวเขา
นัยน์ตาคมจ้องมองผู้หญิงใบหน้ารูปไข่ที่ประดับด้วยดวงตายาวรีรับกับจมูกโด่งเชิดรั้น ล่างลงไปเป็นกลีบปากอิ่มรูปกระจับ รูปร่างอรชรนั้นห่อหุ้มไว้ด้วยเดรสสั้นสีน้ำเงินเข้ม ความสั้นของเดรสเผยให้เห็นเรียวขาเรียวงาม ร้องเท้าส้นสูงลักษณะสานเปิดให้เห็นเท้าเรียวสะอาดสะอ้าน สายตาคมสะอยู่ที่ผมหยักโศกสีดำสนิทยาวเครียบ่า
ฟรานเซเซียสสลัดสายตาจากความงามของผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะอ้าปากบอกถึงสิ่งที่เขาต้องการ แต่ต้องอ้าปากค้างเมื่อเธอหน้าเอ่ยแทรกกลางปล้องขึ้นมาก่อนว่า
“คุณไปจากที่นี่เถอะนะคะ พวกเราไม่มีอะไรจะให้หรอกนะคะ ทุกอย่างล้วนทำไปตามหน้าที่ที่ต้องทำจนสุดความสามารถ งานก็คืองานนะคะ” รุ้งกมลรวบรวมพลังกายและใจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เริ่มขยับร่างถอยหลังไปชิดกับร่างของป้าน้อย หญิงสาวไม่คิดว่าเขาเป็นขโมยที่ไหนหรือเป็นนักเลงหัวไม้ เพราะเสื้อผ้าที่เขานุ่งห่มล้วนมาจากยี่ห้อดัง ตัวหนึ่งหลายพันถึงหลักหมื่นด้วยซ้ำ...
ครานี้ฟรานเซเซียสสบถออกมาเสียงดังติดเกรี้ยวกราด ดั่งสิงโตเจ้าป่าคำรามข่มขู่ศัตรูผู้มารุกราน ถึงแม้ว่าเขาจะฟังภาษาไทยได้ไม่มาก แต่ประโยคและน้ำเสียงแบบนี้มักดังให้ได้ยินบ่อยๆ จากปากนักพนันชาวไทย เพราะมันเป็นคำแก้ตัวยามที่นักพนันทั้งหลายโกงพนันในบ่อนแล้วถูกจับได้ ผู้หญิงสองคนนี้เห็นเขาเป็นนักเลงหรืออย่างไร ผู้หญิงสูงวัยร่างอ้วนที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวนั้นเขาก็พอเชื่อว่าเธออาจจะมองเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงที่เขาสวมใส่ไม่ออก แต่หญิงสาวตรงหน้านี่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตา... นี่เธอมองไม่ออกจริงๆ หรือว่าเขารวยแค่ไหน
ชายหนุ่มตั้งใจจะก้าวเท้าไปหาทั้งคู่ ความรู้สึกตอนนี้คือ ทั้งอยากเอาเรื่องและบอกให้รู้สำนึกว่าเขาเป็นใคร ไม่ใช่โจรห้าร้อยหรือนักเลงหัวไม้อย่างที่ทุกคนคิด แต่ผู้หญิงสูงวัยด้านหลังก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาอีก ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้า เปลี่ยนเป็นสบถออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศษเสียงดังกว่าเดิม คราวนี้เหยื่อตัวเล็กๆ ทั้งสองก็ถอยหลังกรูดราวกับถูกผลักด้วยน้ำมือของอสูร ฟรานเซเซียสตัดสินใจหันหลังกลับ จ้ำเดินออกไปอย่างหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์กับผู้หญิงทั้งคู่
คล้อยหลังอสูร รุ้งกมลก็ทรุดกายลงแทบพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงด้วยความรู้สึกโล่งใจ ขอบคุณบุญกุศลที่ช่วยให้เธอและป้าน้อยปลอดภัย หญิงสาวหันไปมองลูกที่อาวุโสวัยกว่า สีหน้าของป้าน้อยยังคงซีดเหลือง ตัวสั่นเทาไม่เปลี่ยนแปลง เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ป้าน้อยคงกลัวผู้ชายคนนั้นเอามากๆ
“ป้าน้อยคะ ป้าน้อย” หญิงสาวเรียกป้าน้อยเบาๆ แล้วทวีความดังขึ้นเมื่อเห็นป้าน้อยยังคงตกอยู่ในภวังค์ของความกลัวเกรง คราวนี้หญิงสาวคว้าต้นแขนอวบใหญ่เขย่าแรงๆ พร้อมกับร้องเรียกเสียงดัง เท่านั้นแม่บ้านก็ตัวอ่อนเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาราวกับว่ากำแพงที่สร้างขึ้นมาป้องกันตัวเองได้พังทลายลง
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับคุณรุ้ง” เสียงห้าวทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังอยู่ตรงหน้าประตู
รุ้งกมลหันกลับไปมองเห็นช่างภาพมือหนึ่งของบริษัทก็ใจชื้น “ป้าน้อยเป็นลมค่ะ คุณแหลมช่วยพยุงป้าน้อยไปนั่งที่โซฟารับแขกหน่อยสิคะ”
“มาๆ ครับ เดี๋ยวผมพยุงป้าน้อยไปนั่งเอง” แหลมเดินเร็วๆ เข้าไปหาผู้หญิงทั้งสอง รุ้งกมลเบี่ยงตัวให้พนักงานรุ่นพี่พยุงร่างอ้วนขึ้นไปนั่งบนโซฟารับแขกด้านนอก ลำพังตัวเธอเองนั้นไม่มีกำลังพอที่จะยกร่างของป้าน้อยได้หรอก
“เดี๋ยวฉันจะไปเอายาดมมาให้ป้าน้อยก่อนนะคะ” หญิงสาวรีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าสะพายหนังใบเก๋ออกมาวางบนโต๊ะทำงาน เปิดมันออกหายาดมหลอดเล็กที่ติดตัวไว้เสมอ เมื่อคว้ามันได้ก็รีบวิ่งออกไปด้านนอก ที่โต๊ะรับแขกประจำแผนก
ชุดโซฟารับแขกหนังสีดำชุดเล็ก ตั้งแอบอยู่ด้านข้างของประตูห้องทำงาน ตอนนี้มีป้าน้อยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนนั้น ใบหน้าของป้าน้อยยังซีดเหลือง ศีรษะแหงนอิงกับพนักหนุน เปลือกตายังปิดสนิท หน้าอกขยับขึ้นลงช้าๆ บ่งบอกถึงลมหายใจผะแผ่ว... แหลมที่นั่งอยู่เคียงข้างป้าน้อยใช้หนังสือปกอ่อนเล่มหนึ่งโบกพัดไปยังบริเวณใบหน้าชุ่มเหงื่อของป้าน้อยจนผมหยิกดัดเป็นลอนสั้นเคลื่อนไหวไปมา แม้ว่าบนเพดานเหนือศีรษะจะมีเครื่องปรับอากาศเครื่องใหญ่ให้ความเย็น แต่เหงื่อเม็ดใหญ่ก็ยังผุดพรายจากหน้าผากและใบหน้าของป้าน้อยอยู่ไม่ขาดสาย
รุ้งกมลเปิดฝาของหลอดยาดมพร้อมกับเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาขนาบข้างป้าน้อย จ่อยาดมชิดจมูกกลมแบนแล้วส่ายมันไปมาให้กลิ่นฉุนๆ ของมันโชยเข้าจมูกนั้น
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับคุณรุ้ง เมื่อกี้ผมเห็นคุณฟรานเซเซียส ปิเอโร่เดินสวนออกไป แล้วก็เห็นพวกคุณอยู่ในสภาพแบบนี้ ท่านเข้ามาอาละวาดอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามรุ้งกมลคิ้วขมวดมุ่น มือใหญ่ของเขายังไม่หยุดโบกพัดหนังสือปกอ่อนเล่มบาง... เจอคุณ ฟรานเซเซียสนั้น เขาไม่แปลกใจหรอก แต่สภาพคุณรุ้งกับป้าน้อยนี่สิชวนสงสัย
คำพูดและน้ำเสียงของลูกน้องยามพูดถึงจอมอสูรคนนั้นเต็มไปด้วยความให้เกียรติและนับถือจนรุ้งกมลอดเงยหน้ามองหน้าชายหนุ่มไม่ได้
“คุณรู้จักกับผู้ชายคนนั้นเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย ยังไงแหลมก็ทำงานที่นี่มาก่อนเธอ หญิงสาวพึ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่ปี ความที่เป็นสาวสมัยใหม่ และความเป็นคนมีหัวคิดทันสมัยทำให้ก้าวสู่ตำแหน่งใหญ่ภายในเวลาไม่นาน ในวงการแวดวงหนังสือไม่มีใครไม่รู้เธอ
“เอ่อๆ... คุณรุ้งไม่รู้จักคุณฟรานเซเซียส ปิเอโร่จริงๆ เหรอครับ” แหลมอึกอักถามอย่างไม่เชื่อหู
รุ้งกมลเกิดอาการน้ำลายเหนียวขึ้นมากะทันหัน 'ฟรานเซเซียส ปิเอโร่' เธอลืมชื่อเจ้าของอาคารและบริษัทแห่งนี้ได้ยังไง ในเมื่อชื่อของเขาก็ลอยมากระทบหูอยู่เป็นประจำจากปากคำผู้บริหารต่างๆ ยามมีการประชุมบริษัทเกิดขึ้น หญิงสาวกลืนก้อนสะอึกก้อนใหญ่ลงคออยากลำบาก ยามนี้สีหน้าของเธอคงซีดเหลืองไม่ต่างไปจากสีหน้าของป้าน้อยกระมัง ถึงว่าสิ... เขาดูหล่อเหลาราวเทพบุตรซาตานปานนั้น เธอก็ยังมองเห็นเขาเป็นอันธพาลไปได้ หญิงสาวอยากยกมือขึ้นมาเขกกะโหลกตัวเองสักโป๊กให้คลายความเขลา
“ฉันยอมรับเลยนะว่าเคยได้ยินแต่ชื่อของเขา แต่ไม่เคยได้เห็นหน้าจริงๆ สักหน รู้แต่ว่าเขาไม่ได้มาเมืองไทยบ่อยนัก แล้วก็ตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่ ก็ไม่เคยเจอหน้าเขาเลยสักหน” หญิงสาวยอมรับไปตรงๆ เพราะไม่รู้จะหาวิธีรักษาหน้าตาที่แตกละเอียดไว้ได้อย่างไรเหมือนกัน
แหลมคิดตามเจ้านายก็เห็นจริงกับที่เจ้านายบอก “จริงครับ คุณรุ้งไม่เคยเห็นหน้าท่าน ขนาดผมทำงานอยู่ที่นี่เกือบเจ็ดปี เห็นหน้าท่านสักสามหนได้ นับรวมหนนี้ไปด้วยนะครับ ท่านอยู่เมืองไทยนานๆ แต่ว่าไม่ค่อยมาที่นี่เท่านั้นเอง”
“เหรอ ถึงว่าสิ ฉันทำงานที่นี่เกือบสี่ปี ไม่เคยเห็นเขาเลย” หญิงสาวออเออ
“ผมเห็นท่าทางของท่านเดินออกไปใจคอไม่ค่อยดีเลยครับ ปกติที่เห็น เวลาผมเอ่ยทักทายท่านจะต้องพนักหน้าให้น้อยๆ แม้จะไม่หยุดทักทายด้วยก็ตาม” แหลมเอ่ยขึ้นมาตามที่เห็น
‘กรรมของเวร’ รุ้งกมลอุทานในใจ ทำไมเรื่องจะต้องมาเกิดเอาตอนเธออยู่ด้วย พรุ่งนี้เธอกับป้าน้อยจะได้ซองขาวไหมนะ หญิงสาวงานและรักที่นี่ ได้ทำงานที่รักและเป็นตัวของตัวเองก็ทำให้มีความสุข อยู่ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรต้องลำบากใจ จะมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานบ้างก็เป็นเพียงเรื่องงาน นอกจากงานก็ยังปรองดองกันดี สรุปแล้วทั้งเพื่อนและงานก็ดีที่สุด หญิงสาวคิดผ่านๆ ว่าหากตกงานขึ้นมาจริงๆ จะตอบตกลงทำงานกับบริษัทไหนดีที่ติดต่อเธอมาหลายที่ว่าอยากได้เธอไปทำงานด้วย หากตกงานจากที่นี่ปุ๊บหญิงสาวจะต้องเริ่มงานใหม่กับที่อื่นทันทีเพราะว่าเธอมีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้ร้องขอ
ร่างอ้วนบนโซฟาเริ่มขยับ ดวงตากลมเริ่มขยับเปลือกตามองเพดานสีขาวแล้วดีดตัวนั่งตรง ป้าน้อยกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณด้วยความหวาดกลัว
“ปลอดภัยแล้วครับป้าน้อย คนที่ป้าน้อยกลัวเขาไม่อยู่แล้วล่ะครับ” แหลมเอ่ย รู้ดีว่าป้าน้อยกำลังมองหาใคร นี่เป็นครั้งที่สองแล้วสำหรับอาการหวาดผวานี้ ครั้งแรกนั้นโกลาหลกันไปหมด คุณพหลสั่งให้เลขาต่อสายถึงแม่บ้านคนเก่าให้มารับน้องสาวกลับ จึงได้ความว่าป้าน้อยกลัวคนมีเครา จากนั้นคนมีเคราก็เลี่ยงเจอหน้าป้าน้อยกันทุกคน ดีหรอกที่พนักงานบนตึกไว้เครากันแค่คนเดียว พอเลี่ยงกันได้ไม่ลำบาก และอีกสองคนคือพนักงานส่งเอกสารที่แทบจะไม่ได้เจอหน้าป้าน้อยเลย เพราะสายงานต่างกัน
“คุณรุ้งกลับไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจะดูแลเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” แหลมบอก เข้าใจว่าเจ้านายมีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลาจนไม่ค่อยว่างลงไปทานข้าวได้ตรงเวลาเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ
“จ๊ะ งั้นฉันฝากป้าน้อยด้วยนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเองก็ไปเรียกฉันได้ตลอด” รุ้งกมลขอตัวก่อนลุกเดินกลับเข้าห้องทำงานส่วนตัว
หญิงสาวกำลังตรวจบทความต่างๆ และกำลังคิดไอเดียกับคอลัมน์ใหม่ที่อยากนำเสนอให้เจ้านายใหญ่รับไปพิจารณา คอลัมน์ที่หญิงสาวนำเสนอเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับแฟชั่นผู้หญิง เธออยากบีบกรอบเนื้อหาให้เล็กลงกว่านี้อีกสักหน่อย ให้งานมันกระชับขึ้นแล้วจะส่งขึ้นไปนำเสนอกับคุณพหลทันที ในความโล่งอกที่เรื่องราววุ่นวายจบลงแต่ก็หนักใจที่มันคงจะก้าวเข้ามาทำให้เธอหัวหมุนในอีกไม่ช้า
///////////////////////////////////////////////
ความคิดเห็น