ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fentaria มหัศจรรย์ไอเท็มแห่งเทพ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 นามต้องห้าม

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 49




                 ก็อกๆ ก็อกๆ

                 "เข้ามาเลย ประตูไม่ได้ล็อก"

                 เสียงแหบชรา ดังขัดการบรรจงรัวเคาะประตูอย่างหงุดหงิดของมารัช ผู้เมื่อลองดันบานประตูหนักอึ้งให้เปิดออก...ก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ...แล้วจะเคาะทำไมวะ

                 ร่างเล็กในชุดลำลองสีดำสนิท จึงเดินเข้าไปภายในห้อง พร้อมยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำเป็นประกาย ให็เข้าที่เข้าทาง ร่างชราของสตรีผู้หนึ่ง นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้หรูหรา รายล้อมไปด้วยอีกนับสิบร่างที่ยืนนิ่งไร้ความรู้สึก ...เข้ามาห้องนี้ทีไร รู้สึกไม่ค่อยดีเลยให้ตายสิ....

                 "ได้ข่าวว่าเจ้าจะออกเดินทางรึ"

                 "ใช่ฮะ เอ่อ ท่านทวดนีเทีย มีธุระอะไรกับข้า"

                 กล่าวพลางคนพูดก็เดินมายืนเก้ๆกังๆ อยู่ตรงหน้าหญิงชรา ในชุดผ้าบางพริ้ว สีครีม ริ้วรอยที่ปรากฏทั่วใบหน้า ก็คงบอกได้เป็นอย่างดีถึงวัยอันเริ่มจะร่วงโรย ท่านทวดนีเรีย จ้องมองผู้เป็นหลานด้วยแววตาราวกับกำลังชั่งใจ ในที่สุดจึงเอ่ยถามคำถามด้วยสีหน้าหวั่นเกรง

                 "เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ มารัช"

                 มารัชเกาท้ายทอยแกรกๆ ท่านทวดก็เป็นเสียอย่างนี้ มีหลานคนเดียวแท้ๆ จะจำอายุหน่อยก็ไม่ได้...แต่ถึงจะคิดเช่นนั้น ... มารัชก็ยังแอบยกนิ้วขึ้นมานับก่อนจะตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

                 "19 ฮะ"

                 เด็กหนุ่มสังเกตุประกายตาหวั่นเกรงจากผู้สูงอายุตรงหน้าเพียงชั่วแวบ แล้วร่างนั้นก็หันไปหาเหล่าผู้ที่ดูจะเป็นผู้คุ้มกันเหล่านั้น

                 "พวกเจ้าออกไปก่อน"

                 สิ้นคำสั่ง ห้องนั้นก็ว่างโล่งจนมารัชชักใจหาย แต่ยังยิ้มเครียดๆ ขณะที่ท่านทวด ค้นของในตัวเสียงกุกกัก จนเจอสิ่งที่ต้องการในกระเป๋าเสื้อ ด้านในสุด เพียงแวบแรกที่เห็นประกาย จากของสิ่งนั้น หัวใจของมารัชก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนถูกกดทับไว้ด้วยอะไรบางอย่าง ซึ่งความรู้สึกนี้คลายลงแทบจะในทันทีที่เอื้อมมือไปรับของสิ่งนั้นมาจากหญิงชรา

                 สร้อยสีเงินยวง แกว่งไปมาในมือของเขา ส่วนจี้รูปกางเขน ที่คล้ายจะกลับหัว ถูกมือเรียว จับขึ้นมาจ้องอย่างพิศวง อักขระโบราณถูกจารึกไว้ทั่วทั้งจี้ แต่เล็กจนเกินกว่าจะเห็นเป็นประโยค มารัชยังพลิกตัวจี้ไปมา ขณะฟังคำอธิบายจากผู้ให้

                 "สร้อยนี่ .... เป็นมรดกชิ้นเดียวที่ทวดจะให้เจ้าได้ อย่าถามเลยว่ามันคืออะไร ..รับไว้ก็พอแล้ว"

                 ท่านทวดมีสีหน้าลำบากใจ ด้วยไม่อยากจะกล่าวถึงเหตุผลที่แท้จริง ว่าตนเพิ่งฝันประหลาด ...ฝันว่าชายหนุ่มผมสีเงินมาบอกให้นางมอบสร้อยนี้ให้กับผู้ที่มีพลังมากที่สุด...ซึ่งนางเองก็รู้จักอยู่คนเดียว..

                 ข้าเชื่อในลางสังหรณ์ แม้จะอยู่ในรูปของความฝันก็ตามที....

                 "ท่านยังไม่รู้หรือฮะ ว่ามันชื่ออะไร"

                 คนกล่าวยังเหม่อมองจ้องสมบัติในมือ หากจู่ๆ เขาก็รู้สึกหูอื้อ ได้ยินเพียงเสียงเลือนลาง ห่างไกลของท่านทวดนีเทีย มารัชเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะสบเข้ากับแสงสว่างจ้าจนปวดหัว หมอกหนาทึบเคลื่อนตัวมาใกล้ และขณะที่เขายังงง กับสถานที่ที่ตนอยู่ หมอกนั้นก็สลายออกทันใด เผยให้เห็นสิ่งที่น่าจะอยู่ภายใน....

                 ร่างร่างหนึ่งในชุดประหลาดจ้องนิ่งมาที่เขา แววตาที่เหมือนน้ำแข็ง รับกับผมสีเงินที่ยาวประมาถึงบ่า....ใครน่ะ...

                 "มารัช"

                 เจ้าเป็นใคร

                 "มารัช!!!"

                 "ฮะ"

                 เหงื่อใสๆ ผุดขึ้นทั่วใบหน้าและลำตัว หญิงชรายังเพียรเรียกชื่อเขาอยู่อีกหลายครั้ง แต่มารัชยังจ้องมองไปรอบๆด้านอย่างตกตะลึง...นี่เขาง่วงขนาดฝันทั้งๆอย่างนี้เชียวรึ

                 "เป็นอะไรรึเปล่า อยู่ดีๆหลานก็เงียบไป "

                 เสียงแหบแห้งนั้นเอ่ยอย่างกังวล หากมารัชตอบพร้อมรอยยิ้มแห้ง ทำเอาท่านทวดโล่งใจขึ้นมาก

                 "เปล่าซักหน่อย  ตกลงท่านไม่รู้ชื่อมันเหรอ น่าเสียดายนะฮะ สวยๆอย่างนี้น่าจะมีชื่อเรีย..."

                 เสียงมารัชขาดห้วง เสียงบางเบาจากที่ไกลแสนใกลลอยวนเวียนอยู่โดยรอบ จนเด็กหนุ่มเผลอพึมพำตามเสียงที่ได้สัมผัส

                 "เฟนเทเรีย.."

                 "ฮือ ว่าไงนะ"

                 ท่านทวดถามซ้ำทันใด แต่ใบหน้าของหลานตน ซีดอย่างที่ไม่เคยจะซีด จนชักน่าเป็นห่วง ..ทำยังกับเจอผี....

                 "หลานเป็นอะไรรึเปล่า ถ้าไม่พร้อมอย่าเพิ่งรับก็ได้นะ"

                 ....
                 หากคนรับแล้ว พุ่งลิ่วออกไปจากห้องทันใด เสียงประตูถูกดันปิดอย่างแรงจนคนข้างในสะดุ้ง  ใบหน้าชราฉาบริ้วรอยแห่งความกังวลเข้าไว้เต็มที่....แล้วถอนหายใจก่อนจะลืมเรื่องทั้งหมดไปในเวลาไม่ถึงชั่วยาม..

                .................

                 บ้าที่สุด... ทั้งตาฝาด ทั้งหูฝาด

                 แหงสิ ดึกขนาดนี้ใครออกมาเดินไปทั่วปราสาทแทนที่จะหลับสบายอยู่บนเตียงก็ต้องเป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น ใบหน้ามารัชเริ่มจะมุ่ยลงทุกที ..หวังว่าท่านทวดคงไม่โกรธที่ผลุนผลันออกมาแบบนี้...ก็ส่วนหนึ่งบรรยากาศห้องนั่น มันน่ากลัวนี่....

                 ตึกๆ ตึกๆ

                 เสียงหัวใจยังคงเต้นระรัวดังคลอไปกับเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งเดินกลับห้อง สร้อยประหลาดยังคานิ่งอยู่ในฝ่ามือ จู่ๆ มารัชก็หยุดกึก ยกของในมือขึ้นมาจ้องด้วยแววตาประหลาด....

                 "เฟนเทเรียรึ...."

                 คนขี้สงสัย วางสร้อยลงกับพื้น รอยยิ้มร่า ปรากฏขึ้นจนสมกับเป็นมารัช สิ่งที่ใจสงสัยยังตะหงิดๆ จนต้องการการทดสอบ

                 "มาสิ มาสิ จะผีรึอะไรก็ออกมาสิฟะ"

                 สิ้นเสียงพึมพำ ก็ตามมาด้วยเสียงร่ายเวท รัวเร็ว จนฟังไม่ทัน หากผลจากการร่ายเวท ทำเอาบรรยากาศในห้องเมื่อครู่กลับมาอีกครั้ง ร่างเดิมมายืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ส่วนคนเรียก บัดนี้อ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว

                 "ข้าขอทราบนามแห่งผู้เป็นนาย"

                 เสียงกร้าวดังขึ้นในหัวจน มารัชต้องยกมือขึ้นมาปิด เขาได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไปราวต้องมนตร์

                 "มารีเชีย  เทลเมอร์"

                 .....ร่างนั้นสว่างวาบอยู่ในความมืดยามราตรี แล้วหายวับไปพร้อมๆกับแสงนั้น.....


                 ตึก ๆๆๆๆ

                 ปัง!!!

                 โอ้ย อยากจะบ้าๆๆๆๆๆๆตาย

                 ร่างที่เพิ่งวิ่งเข้ามาในห้องเตะโครมเข้าใส่หีบอย่างอารมณ์เสีย จนหีบไม้ใส่ของกลายเป็นเพียงเศษไม้ ภายในห้องนอนส่วนตัว ที่ยังเละเทะด้วยข้าวของที่เจ้าของห้องไม่คิดจะจัดการ

                 กิ้ง

                 สร้อยในมือ ถูกขว้างทิ้งอย่างแรง จนทะลุพื้นไม้ลงไปลึกโข

                 ทั้งเรื่องต้องถูกยึดพลังเวท แล้วยังเรื่องบ้าๆนี่อีก...มันอะไรกันนักหนานะ

                 มารัชกระแทกตัวลงนั่งบนเตียงในห้องอย่างแรง หากเตียงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ถูกสร้างมาเพื่อรองรับอารมณ์ร้าย จึงยังตั้งตระหง่านไม่พังครืนเหมือนของชิ้นอื่นๆ....แล้วร่างเด็กหนุ่มก็ต้องจ้องตาค้างไปยังสร้อยสีเงินที่ลอยขึ้นมาช้าๆ

                 "เฮ้ย"

                 เสียงอุทานที่ไม่เบาไปกว่าเสียงกระซิบของเขา ดังขึ้นทันควัน เมื่อร่างบ้าๆ นั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง

                 "มันเจ็บนะ โยนมาได้"

                 ไม่มีวี่แววล้อเล่นในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย ร่างนั้นจ้องมองมาอย่างตำหนิ สร้อยนั่นก็ยังลอยนิ่ง

                 เอาละ เอาละ คนอย่างมารัช ถึงจะตกใจแทบบ้า....แต่ใส่หน้ากากไว้สิฟะ ...ฮ่ะๆๆ

                 "นายเป็นใคร"

                 เอ ทำไมเสียงเขามันสั่นๆ อย่างไรพิกลแฮะ.... บ้าน่า คนอย่างมารัชน่ะหรือกลัวผี....
     
                 เฮ้ยๆๆๆ อย่าเข้ามาใกล้สิฟะ ออกไป๊ ๆๆๆ

                 และแล้วคนไม่กลัวผีก็ร้องลั่นออกมาอย่างสุดจะทน

                 "อ้ากกกกกกกกกกกกกกก"


    .......................**********-------

                เราเองก็ยังรู้สึกว่าตอนนี้ความยาวมันยังไม่พอดีนะ ไม่รู้สิ สั้นไปมั้ยน้า กลัวถ้ายาวไปแล้วมันจะดูเยอะจนเกินจะอ่านน่ะค่ะ ..ยังไงช่วยแสดงความคิดเห็นไว้หน่อยนะคะ
                
                ไว้ยังไงตอนต่อไปคงจะยาวกว่านี้...มั้ง.... แหะๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×