ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชุลมุนวุ่น ลุ้นรักเจ้าหญิงกำมะลอ

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : บทเริ่มต้นที่ (ดูเหมือนจะ) งดงาม

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 49



                 "ใกล้จะถึงรึยังจ๊ะ"

                 เสียงหวานถามพร้อมกับโผล่ใบหน้าออกมาจากด้านในของรถม้าที่กำลังควบปุเลงไปด้านหน้า เส้นผมสีทองภายใต้หมวกผ้า เริ่มจะปลิวลู่หลุด จากสายลมที่ค่อนข้างแรงของฤดูหนาว
                  ทัช คนขับรถ ผู้รับคำสั่งให้มาพาตัวคนจากจันทรานครยิ้มให้เจ้าหญิง ก่อนจะตอบคำถามพร้อมกับลดความเร็วลง ด้วยเกรงว่าคนอยู่ไม่สุขจะเกิดอันตราย

                  "ใกล้แล้วล่ะกระหม่อม นั่นไง กำแพงเมือง อาทิตยนคร กระหม่อมว่า ท่านหญิงซีเลียนาเรลควรเข้าไปประทับรอด้านในจะดีกว่านะกระหม่อม"

                  คนฟังได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วผลุบหายเข้าไปทางด้านใน โดยไม่ลืมขอบคุณเสียงใส ทัชยิ่งยิ้มเมื่อเห็นท่าทางอันอ่อนโยนของเจ้าหญิง
                  ไหนเขาว่าเจ้าหญิง ซีเลียนาเรลทรงเอาแต่พระทัยไม่ใช่รึไง อ่อนโยนยังงี้สิ ท่าทางเจ้าชายของพวกเขาจะโชคดีเสียล่ะมั้ง

                  "ถึงแล้วกระหม่อม"
                  ผ้าม่านบางๆ ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา ร่างหญิงสาวภายในค่อยๆก้าวออกมารับอากาศบริสุทธิจากภายนอก อย่างช้าๆ ขณะที่มือบางกำลังจะเอื้อมกลับไปหยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้า ใบเล็กจากข้างใน ก็ถูกคนขับรถห้ามทันควัน

                  "ไม่ต้องๆ เดี๋ยวกระหม่อมจัดการเอง ท่านหญิงทรงรอที่ห้องโถงได้เลย ป่านนี้คงพร้อมกันแล้ว"

                  หญิงสาวพยักหน้ายิ้มๆ นั่นสินะ ... จันทรานครอยู่ไกลคนละฝั่งอย่างนั้น ... กว่าจะมาถึงได้
                  เจ้าหญิงซีเลียนาเรล เดินตรงเข้าไปสู่พระราชวังอันประดับประดาด้วยสีสันงดงามจากโคมไฟ มือบางค่อยๆผลักประตูบานใหญ่ ให้เปิดกว้างออก สูดหายใจเข้าเต็มแรง แล้วก้าวเดินเข้าไปภายใน


                  "เจ้ารู้มั้ยว่าข้าเกลียดการรอคอย"

                  ซีเลียนาเรลยืนอึ้ง การปรากฏตัวของเธอเรียกสายตาแทบทุกคู่ในห้องโถงให้หันมามองอย่างตำหนิ โดยเฉพาะเจ้าของนัยน์ตาคมกริบสีรัตติกาล ผู้แต่งเครื่องเสียเต็มยศ กลัวใครจะไม่รู้รึไง ว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย

                  "ขอประทานอภัยเพคะ"

                  คำขอโทษสั้นๆไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาสักเท่าไหร่นัก หญิงสาวเหลือบมองพระพักตร์ของคนว่า ที่บัดนี้เคร่งครึมลงจนน่ากลัว

                  โอเค... ไม่ได้หล่อเหมือนเจ้าชาย .. แต่ถึงยังไง เธอก็ไม่มีสิทธิ์

                  ผนสั้นสีดำสนิทที่ระต้นคอ และรูปหน้าที่ดูเผินๆ เหมือนจะผิดรูปผิดร่างนั้น ... ซีเรียนาเรลเผลอยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างตกใจ

                  นี่เธอ ตาฝาด ขนาดเห็นเจ้าชายรูปงามซ้อนทับอยู่กับพระวรกายของเจ้าชายเฮลมัสเชียวรึนี่...

                  "ข้าจะเก็บบทลงโทษของเจ้าไว้ก่อน วันนี้เสด็จพ่อทรงงานหนักมาก ข้าจึงเป็นผู้มาบอกเงื่อนไขทั้งหมดกับพวกเจ้า"
                  "พวกเจ้า เป็นธิดาแห่งกษัตริย์ คงรู้ดีว่า .. การคัดเลือกครั้งนี้มีความหมายแค่ไหน ข้ามีเวลาให้หนึ่งอาทิตย์นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ไม่มีข้อกำหนดอะไรทั้งนั้น เมื่อหมดระยะเวลา ข้าเลือก ใคร คนนั้นก็จะได้อภิเษกสมรสกับข้า มีใครมีปัญหาอะไรมั้ย"

                  เงียบกริบ ไม่มีใครขยับตัว... ยกเว้นเพลิงโลภภายในใจหญิงสาวนับสิบคนในที่นี้ ที่ต่างคาดหวังกับการเอาชนะใจเจ้าชายหนุ่มรูป (ไม่) งามองค์นี้เสียจริงๆ
                  ซีเลียนาเรล เผลอจ้องพระพักตร์ขององค์รัชทายาทอย่างลืมตัว ภาพเงาหลอนเมื่อครู่หายไปแล้ว แต่บัดนี้ดวงหน้าพระองค์ทรงฉาบไว้ด้วยริ้วรอยแห่งความสลดลึก

                  "ถ้าเช่นนั้น ก็เชิญพักผ่อนตามสบาย วันนี้ห้ามใครมายุ่งวุ่นวายกับข้าทั้งสิ้น"

                  สิ้นคำกล่าว เจ้าชายเฮลมัส ก็หันพระวรกายเดินกลับไปอย่างสง่างาม ทิ้งเสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นของบรรดาคนเป็นเจ้าหญิงไว้เบื้องหลัง และเสียงแอบถอนหายใจของเจ้าหญิง ..ซีเลียนาเรล..

    ......................

                  พวกผู้หญิงบ้าๆ พวกนั้นก็หวังเพียงสมบัติของข้ากันทั้งนั้น

                  องค์รัชทายาทคนสำคัญแห่งอาทิตยนคร กระแทกตัวลงประทับบนเตียงในห้องอย่างขัดใจ ภาพนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่จ้องมองมา ยังประทับนิ่งอยู่ในความทรงจำ มีเพียงนางเท่านั้น .. ที่มองที่ตัวข้า .. นอกนั้นก็เห็นเพียงทรัพย์สมบัติที่ฉาบตัวข้าเอาไว้เท่านั้น ....แล้วเราจะได้รู้กัน....

                  "เฮ้ย!"
                  เสียงอุทานดังขึ้นแผ่วเบาจากเจ้าชายเฮลมัส เมื่อห้องส่วนพระองค์ที่ไม่ควรจะมีใคร กลับเริ่มมีเงาเลือนลางของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนจะค่อยๆเด่นชัดขึ้น จนกลายเป็นร่างบุรุษในชุดเสื้อคลุมสีดำ ที่ยืนกอดอกมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์
                  ไม่ต้องมองก็รู้ ว่าประตูยังคงปิดสนิทอยู่ดังเดิม...

                  "ท่านก็รู้ ว่าข้าไม่คุ้นชินกับการปรากฏตัวเช่นนี้ จอมเวทไทน์"

                  แขกแปลกหน้ายักใหล่อย่างไม่ใส่ใจ เดินนำร่างตัวเองมาทิ้งตัวลงนั่ง บนเก้าอี้นวมแสนสบายอย่างถือวิสาสะ และดูท่าเจ้าชายจะเกรงๆเขาอยู่มากทีเดียว

                  "ไปถึงไหนแล้วล่ะ ท่านพบรักแท้ของท่านรึยังฮึ เฮลมัส"

                  แม้แต่น้ำเสียง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนพูดจะให้ความเคารพ องค์รัชทายาทแห่งมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในขณะนี้เลยแม้แต่น้อย เจ้าชายเฮลมัสขมวดคิ้ว

                  "ท่านมาเพื่อถามข้าแค่นี้รึไง ท่านก็รู้ว่า เรื่องนี้มันเพิ่งจะเริ่ม"

                  "แหม มันก็น่าจะมีบ้างไม่ใช่หรือ พวกรักแรกพบน่ะ"

                  เจ้าชายเบ้ปากอย่างไม่เชื่อ อีกฝ่ายนิ่งมองอยู่อยู่ คราวนี้เอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง
                  "เฮลมัส ท่านจะทำเป็นไม่ใส่ใจอย่างนี้ไม่ได้นะ ท่านอยากหน้าตาอัปลักษ์เช่นนี้ตลอดไปรึไง"

                  "ท่านไม่เห็นสายตาที่แม่พวกนั้นมองข้านี่ รักสมบัติข้ากันทั้งนั้น"
                  คนกล่าวเหยียดรอยยิ้มอย่างดูถูก จอมเวทไทน์ส่ายหัวอย่างระอาจนผมสีเทาที่รวบไว้อย่างลวกๆสะบัดไปมา

                  "ก็หน้าตาอย่างนี้ นิสัยอย่างนี้ ใครเขาจะไปรักที่ตัวท่านกันล่ะฮึ"
                  หากแม้ความหมายจะจี้ใจดำเช่นนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าชายจะทรงกริ้วผู้มาเยือนเลยแม้แต่น้อย

                  "งั้นข้าก็ไม่อภิเษก ข้าไม่มีวันอภิเษกกับผู้ที่รักสมบัติข้าหรอก"

                  "เฮ้ย!! ไม่ได้นะ" จอมเวทตาโต รีบชี้แจงเหตุผล
                  "ข้าบอกท่านแล้วไงถึงจะรักท่านแค่นิดเเดียวก็เป็นการเริ่มต้นแก้คำสาปที่แม่ท่านร่ายไว้ได้แล้ว  แล้วหลังจากนั้นข้าก็แค่ร่ายเวทลูกโซ่ต่อ ท่านก็กลับมาหล่อเหลาดังเดิมแล้ว ทีนี้จะเลิก จะแต่งกับใครก็ไม่มีใครว่า"

                  แต่สายตาสีรัตติกาลแน่วแน่ บ่งบอกว่าความคิดเรื่องนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไทน์ได้แต่ถอนหายใจ

                  "จริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลยนะนี่ ทำไมข้าต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเจ้าชายจอมเอาแต่ใจอย่างท่านด้วยก็ไม่รู้ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นสหายกันมานานล่ะก็นะ ฮึมห์!!!"
                  พอคนตรงหน้าทวงบุญคุณกันดื้อๆ เจ้าชายจึงบอกเสียงอ่อน

                  "ข้าก็ไม่ได้อยากจะหล่อเหลาเหมือนเดิมสักหน่อยนี่ ข้าอยู่ในรูปลักษณ์อย่างนี้มาตั้งแต่ 5 ขวบ อยู่ต่อไปอีกทั้งชีวิตก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร"

                  เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล จอมเวทไทน์จึงนั่งเท้าคางอย่างเซ็งๆ ขณะที่ร่างเขาค่อยเลือนลางลงเรื่อยๆ พร้อมคำกล่าวทิ้งท้าย 

                  "ตามใจ แต่ข้าจะบอกอะไรให้อย่างนะ บางครั้ง รักแท้ก็มีรูปลักษณ์เป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกัน ถ้าท่านอยากอยู่คนเดียวไปจนตายก็ตามใจ"

                  ไม่นานร่างนั้นก็หายวับไป จนไม่เหลือร่องรอยใดๆอันบ่งบอกว่า บนเก้าอี้หนานุ่มนั้น เคยมีคนมานั่งอยู่ เฮลมัส หรี่ตาแล้วพึมพำกับตัวเองแต่จงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน

                  "แล้วท่านจะรู้ ว่ายังมีรักแท้ที่ท่านไม่รู้จักนะ ไทน์"

    ...................

                  ..เฮ้อ...
                  ร่างบางของหญิงสาวเอนกายลงนอนราบบนเตียงอย่างอ่อนล้า บรรดาเจ้าหญิงจากแต่ละเมืองจะได้รับห้องส่วนตัวคนละห้อง ซึ่งแต่ละห้องก็กว้างขวางใช่ย่อยเลย นึกถึงตอนที่คนอื่นๆ พากันแย่งห้องที่อยู่ใกล้เจ้าชายรัชทายาทมากที่สุดแล้ว ซีเลียนาเรลก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ช่างต่างจากเธอเสียจริงๆ

                  ....ทำตัวดีๆ อย่าให้เขาเลือกเธอ แล้วหลังจากนั้นก็กลับมา เห็นมั้ย .. ง่ายจะตาย

                  ถ้อยคำสั่งของผู้เป็นนายยังดังก้องอยู่ในหัว หญิงสาวดันตัวลุกขึ้นในท่านั่ง มือเสยผมสีทองสลวยให้เข้าที่ ขณะที่อีกคำสั่งยังดังดุจจะย้ำ

                  ...รีเรียลลา.... หน้าตาเจ้าเองก็ใช้ได้ ช่วยข้าสักครั้งเถอะนะ ...ข้ากลัว...อ้อ อย่าบอกใครนะว่าข้าสั่งเจ้า...ได้มั้ย

                  รีเรียลลา ในนามซีเลียนาเรลยกมือขึ้นแตะท้ายทอยพลางส่ายหัวเบาๆ
                  แค่นึกก็น่ากลัวแล้ว ถ้าความแตกครอบครัวข้าต้องเจออะไรบ้างนะ
                  แต่ก็นั่นแหละ หน้าหวาน เสียงหวานๆ ยามออดอ้อนของเจ้าหญิง ใครจะไปปฏิเสธลงล่ะ หลังจากนั่งปลงอยู่นาน เธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
                  ...การทำให้ใครสักคนหันมารัก อาจจะยากก็จริง แต่ถ้าเป็นการทำให้เกลียด ก็คงไม่ได้ยากอะไร...

                  หากเด็กน้อยเอ๋ย ท่าทางเจ้าจะคิดผิดอย่างยากจะกู่กลับเลยจริงๆ
                  หลังจากนั้นเธอก็จัดการกับกองเสื้อผ้าที่เคยเป็นของซีเลียนาเรลตัวจริงแต่นางมอบมาให้ จัดเข้าตู้ไม้ให้เป็นระเบียบด้วยความชำนาญ เวลาผ่านไปไม่นานกระเป๋าหนังสีดำก็ว่างเปล่า
                  อาทิตย์เดียวเท่านั้น ....อดทนหน่อยนะ รีเรียลลา

                  ขณะที่ด้านนอกเหล่าเจ้าหญิงตัวจริงทั้งหลายต่างพากันวิ่งวุ่นไปทั่วพระราชวัง เพื่อค้นหาข้อมูล ทั้งของเสวยที่ทรงโปรด และทุกๆสิ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทคนนั้น ทหารทุกคนแทบไม่ได้ทำหน้าที่ เมื่อมีหญิงงามมาหว่านเสน่ห์หลอกถามข้อมูลกันไม่ขาดสาย 

                  ร่างบางเบาในซอกมุมมืด ส่ายหัวเบาๆด้วยความขัดใจ
                  จอมเวทไทน์นั่นเอง นัยน์ตาสีฟ้ากวาดตามองเหตุการณ์ไปทั่ว ก่อนจะสรุปกับตนเองว่า
                  ...ท่าจะแย่ซะแล้วล่ะ เฮลมัสเอ๋ย...

                  เพราะจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ หญิงสาวประหลาดผู้ขอเลือกห้องท้ายสุดของวัง...ไม่ได้อยู่ในความคิดของไทน์เลยแม้แต่น้อย
                  ....จะตามหารักแท้จากพวกนี้หรือ..ข้าล่ะอยากจะเชื่อเลย......

    ..................

                  ไกลออกมาอีกซีกโลก ณ จันทรานคร เมืองเล็กๆอันเงียบสงบ 
                  เทล องค์กษัตริย์ทรงเบิกพระเนตรค้างเมื่อ เห็นลูกสาวตัวดีนอนนิ่งยิ้มแย้มอยู่บนที่บรรทม ความคิดวนไปถึงคำพูดจ๋อยๆของพระธิดา

                  "เสด็จพ่อจะไปส่งทำไมเพคะ หม่อมฉันจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ขอไปอย่างเงียบๆดีกว่า" มันน่าแปลกตั้งแต่คำพูดไม่เข้าหูนี้แล้ว

                  ภาพอีกภาพที่องค์กษัตริย์ทรงนึกถึง คือภาพรถม้าของทางอาทิตยนคร ค่อยๆแล่นจากไปพร้อมกับความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้าใส่ผู้เป็นพ่อ
                  แต่ตอนนี้ กลับเรียกเลือดในกายให้เดือดพล่านด้วยความโมโห
                  ทั้งที่บอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าอย่าไปหลงกลลูกสาวตัวแสบ
                  แต่นี่ ..โอ้พระเจ้า....ชักเริ่มเห็นลางร้าย ก่อรูปขึ้นที่ปลายทางเสียแล้ว
                  องค์กษัตริย์ทรงพยายามควบคุมสติ ตรัสออกมาอย่างยากลำบาก หากก็ดังก้องจนสั่นสะเทือนปราสาทอีกครั้ง

                  "เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่  ซีเลียนาเรล!!!!"

    .............................................                         ..............................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×