ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) amour tales ❦ นิยายรัก . {chankai lumin hunho}

    ลำดับตอนที่ #9 : Leaving On a Jet Plane

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 57












    [ I'm leaving on a jet plane I don't know when I'll be back again... ]





    Leaving On a Jet Plane  by Chantal Kreviazuk


    All my bags are packed, I'm ready to go
    I'm standin' here outside your door
    I hate to wake you up to say goodbye
    But the dawn is breakin', it's early morn
    The taxi's waitin', he's blowin' his horn
    Already I'm so lonesome I could die

    So kiss me and smile for me
    Tell me that you'll wait for me
    Hold me like you'll never let me go
    'Cause I'm leaving on a jet plane
    I don't know when I'll be back again
    Oh, babe, I hate to go


    There's so many times I've let you down
    So many times I've played around
    I'll tell you now, they don't mean a thing
    Every place I go, I think of you
    Every song I sing, I sing for you
    When I come back I'll wear your wedding ring

    So kiss me and smile for me
    Tell me that you'll wait for me
    Hold me like you'll never let me go
    'Cause I'm leaving on a jet plane
    I don't know when I'll be back again
    Oh, babe, I hate to go


    Now the time has come to leave you
    One more time, oh, let me kiss you
    And close your eyes and I'll be on my way

    Dream about the days to come
    When I won't have to leave alone
    About the times that I won't have to say

    Oh, kiss me and smile for me
    Tell me that you'll wait for me
    Hold me like you'll never let me go
    'Cause I'm leaving on a jet plane
    I don't know when I'll be back again
    Oh, babe, I hate to go

    And I'm leaving on a jet plane
    I don't know when I'll be back again
    Oh, babe, I hate to go

    But I'm leaving on a jet plane

    Leaving on a jet plane...



    cr.









    "นี่ จัดของเสร็จรึยัง จะได้เวลาไปแล้วนะ"


    "อือ เสร็จแล้ว"


    "ไม่ลืมอะไรแน่นะ"


    "อือ ไม่ลืมหรอกน่า"


    มินซอกถอนหายใจเมื่อลู่หานเลือกจะตอบเขามาส่งๆ เป็นแบบนี้ทุกทีเลยสิ แล้วก็ลืมตลอด ...ร่างเล็กเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะยื่นผ้าพันคอผืนยาวให้อีกฝ่ายไปตรงหน้าหวานๆของลู่หาน


    "....แล้วนี่ล่ะ"


    "อุ๊ย......ตายล่ะ ลืมไปเลย"


    ลู่หานรีบแย่งผ้าพันคอผืนโปรดที่เขาเผลอเอาไปวางไว้ตรงไหนซักทีมาจากมือเล็ก มินซอกจ้องดวงตากวางที่ส่องประกายความรู้สึกผิดอยู่อย่างเอาเรื่อง เขาชี้หน้าเพื่อนสนิทคาดโทษ


    มันน่าโมโหไหมล่ะ นั่นน่ะผ้าพันคออย่างดีที่เขาอุตส่าห์เก็บเงินไปซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเลยนะ แต่ไหงกลับเอามันมาโยนทิ้งๆขว้างอยู่ได้ อย่าให้อารมณ์ขึ้นนะ เดี๋ยวก็เอาไปโยนทิ้งให้หมดเลยนี่


    "ฉันเหนื่อยแล้วนะที่ต้องตามไล่เก็บให้นายเนี่ย ถ้าลืมอะไรไว้อีกก็ลืมไปตลอดเลยละกัน!"


    "จ้า จะไม่ลืมแล้วนะ อย่าดุสิ"


    มินซอกเดินหายไปทางครัว เขากำลังเตรียมอาหารเช้าง่ายๆอย่างพวกแซนวิซให้ลู่หานเพื่อสะดวกในการทานเวลาการเดินทาง เขาทั้งคู่ต้องออกเดินทางกะทันหันแต่เช้าเพราะงั้นจึงไม่ค่อยมีเวลามากในการเตรียมตัว


    เมื่อแผ่นขนมปังชิ้้นบนถููกวางลงบนแผ่นผักกาด เมนูมื้อเช้าก็เป็นอันเสร็จ มินซอกรีบเอามันลงกล่องข้าวเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากข้างในห้อง


    "มินซอกเสร็จแล้ววววว"


    "โอเค เอาของออกมาเลย ฉันเองก็เสร็จแล้ว"


    ลู่หานแบกของพะรุงพะรังออกมา ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าหนักเอาเรื่องเหมือนกัน ก็ลู่หานอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีนี่นาของมันก็เลยเยอะแยะไปหมด ตอนแรกเขาก็ว่าจะทิ้งของบางอย่างทิ้งไว้บ้าง ไม่ขนกลับหมดให้เมื่อยหรอก แต่ไปๆมาๆเขาก็ทำไม่ลง


    ก็ของทุกชิ้นของเขามันเต็มไปด้วยความทรงจำในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่


    ...ถ้าจะให้ลืมความทรงจำของพวกเขาทิ้งไว้ที่นี่ ลู่หานทำไม่ได้



    มินซอกเองก็เข้าไปเอาของข้างในที่เหลือมาด้วยกัน กลายเป็นว่าทั้งสองคนเองถือของอะไรเยอะแยะไปหมด มินซอกปิดประตูห้องลงแล้วเช็คลูกบิด ก่อนที่จะเขาทั้งสองจะพากันไปที่ลิฟต์ตัวใหญ่


    ภายในคือกลุ่มรุ่นน้องคนที่พวกเขารู้จักเงยหน้าขึ้นมาจากสมาร์ตโฟน แก๊งเด็กมหาลัยสามคนอย่างโอเซฮุน คิมจงอิน และหวงจื่อเทามองพวกเขาสองคนที่สภาพต่างไปจากเดิมก่อนจะเอ่ยปากถาม


    "อ้าว จะไปแล้วเหรอครับ"


    "อือ"


    ลู่หานตอบกลับสั้นๆแต่สายตาพวกเขาแสดงความอาลัยอาวรณ์ต่อกัน เขาเคยพูดถึงเรื่องๆนี้กันอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นวันๆนี้ เด็กๆพยักหน้ารับรู้ก่อนจะอาสาช่วยถือของให้พี่ชายของพวกเขาไปส่งที่รถ เพราะพวกเขามีภาระที่ต้องไปเรียนต่อเขาจึงส่งพี่ชายสุดที่รักของเขาได้แค่นี้


    "เดินทางดีๆนะครับ พวกผมจะพยายามทำต่อให้ส่วนของพี่เอง"


    "แล้วพี่จะคิดถึงพวกนายนะ"


    ทั้งลู่หานและมินซอกโอบกอดน้องๆทั้งสามคนของเขาก่อนจะผละออกมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะขึ้นรถไปเพื่อออกเดินทางไกล


    รถยนต์คันเล็กเคลื่อนออกจากที่เดิมไปสู่ถนนใหญ่ เพราะมินซอกเป็นคนขับ ลู่หานจึงมีโอกาสได้มองน้องๆของเขาที่ยืนรอส่งอยู่ เด็กๆใช้รอยยิ้มเป็นการอวยพรพี่ชายของเขา ดวงหน้าหวานของลู่หานโผล่ออกไปนอกกระจกก่อนจะตะโกนบอก


    "แล้วเจอกันใหม่นะ!!"









    เพราะลู่หานเลือกที่จะงอแงอยากทานกาแฟตอนเช้า มินซอกจึงจำเป็นต้องขับรถเข้าคาเฟ่ประจำของพวกเขา มันเป็นเพียงร้านเล็กๆที่มีเจ้าของร้านร่วมกันสร้างขึ้นมาสองคน เพราะว่ามาประจำ พวกเขาจึงมีโอกาสได้คุยกับทั้งสองคนนั้นจนรู้จักกันดี ทุกทีถ้ามีเวลาก็จะเเวะตอนเช้าก่อนไปทำงาน


    แต่สำหรับวันพิเศษอย่างนี้ ดูเหมือนว่าลู่หานอาจจะไม่ได้อยากกินแค่กาแฟอย่างเดียวแล้วมั้ง



    "สวัสดีครับพี่ลู่หานพี่มินซอก ไหงวันนี้มาเช้าจังเลยล่ะเนี่ย ผมเพิ่งจะเปิดร้านได้ไม่นานเองนะ"


    แบคฮยอนที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์หันมายิ้มรับลูกค้ารายแรกของวันด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นเคย ไม่นานคยองซูก็โผล่ออกมาจากทางข้างในพร้อมขนมคุ้กกี้เพิ่งอบใหม่ที่กรุ่นกลิ่นหอมไปทั่วร้าน


    "อ้าว พี่ๆมาแล้วเหรอ วันนี้มีงานเช้าเหรอฮะ"


    "ไม่ใช่หรอก คือพี่อยากกินฝีมือคยองซูก่อนจะไปน่ะ เอาเหมือนเดิมนะ"


    เจ้าของร้านทั้งสองคลายรอยยิ้มลงแทบจะทันทีที่ลู่หานกล่าวจบประโยคก่อนจะนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง จนคยองซูลุกขึ้นไปทำเครื่องดื่มตามออร์เดอร์ของพี่ชายหน้าหวาน ขณะที่แบคฮยอนก็เริ่มประโยคอีกครั้ง


    "อ้าว พี่จะไปแล้วเหรอครับ ว้าเสียดายจังเลย วันนี้คยองซูว่าจะทำพายรสใหม่ซะด้วย"


    "จริงเหรอ เสียดายจังเนอะ เดี๋ยวไว้พี่กลับมาแล้วจะมากินให้ได้เลยนะ"


    แบคฮยอนยิ้ม แต่มันจะไม่ได้เป็นยิ้มที่สดใสเหมือนเดิม เขาส่งนิ้วก้อยจากมือเรียวยาวมาชูตรงหน้าลู่หาน ซึ่งเจ้าตัวก็คล้องนิ้วก้อยตัวเองเข้ากับมัน


    "สัญญาแล้วนะ อย่าลืมล่ะ"


    "ไม่ลืมแน่นอนอยู่แล้ว"


    คยองซูกลับมาพร้อมแก้วกาแฟ เขายื่นมันให้มินซอกเพราะลู่หานกำลังล้วงกระเป๋าเงินอยู่ แต่คนตัวเล็กก็ออกปากห้ามซะก่อน


    "แก้วนี้พี่ยังไม่ต้องจ่ายผมหรอก แล้วจำไว้ด้วยว่าเป็นหนี้ผมอยู่"


    "ฮะ? ทำไมล่ะ"


    "....ไว้กลับมาเมื่อไหนค่อยจ่ายให้ผมนะ"


    แบคฮยอนลุกขึ้นมายืนข้างๆเพื่อนตัวเล็กของตน มือเรียวยาวยื่นถุงขนมสีสวยให้พี่ชายตรงหน้า ก่อนที่เด็กๆที่สองจะส่งรอยยิ้มลาให้ ลู่หานและมินซอกมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้าง


    "แล้วกลับมาเร็วๆนะครับ"


    "ขอบใจนะ แล้วเจอกัน"










    "ดูสิเนี่ยเพราะนายน่ะชักช้าถึงได้สายโด่งขนาดนี้น่ะ!"


    "แหม ใจเย็นๆน่าคุณคิมมินซอก อย่างน้อยมันก็ทันไม่ใช่เหรอจ๊ะ อย่าทำหน้าดุนักซี่"


    มินซอกยกนาฬิกาขึ้นดูขณะที่เขาทั้งสองรีบวิ่งไปในสนามบิน มินซอกก็แบบนี้แหละ คนขี้บ่นขี้กังวล ...เพราะโดนบ่นให้ทำโดนทำนี่ตลอดเวลาลู่หานถึงได้ไม่ต้องห่วงอะไรเลยจนบางทีเค้าก็เผลอขาดอีกฝ่ายไปไม่ได้ทุกทีเลย


    ผู้คนในสนามบินก็ยังคับคั่งเหมือนๆกันในทุกๆวัน ไม่เข้าใจเลยว่าในประเทศที่ชื่อเกาหลีตายนี่มันจะมีดีดอะไรนักหนาถึงมาท่องเที่ยวกันอยู่ได้ทุกวัน แล้วก็หัดมีมารยาทกันหน่อยได้ไหมคนกำลังรีบเนี่ย!!


    "มินซอกๆ"


    "อะไร!"


    "ดูโน่นดิ เพื่อนๆเรามาส่งด้วย"


    มินซอกหันไปทางที่ลู่หานชี้อย่างไม่เชื่อสายตา เขาก็ได้เห็นเพื่อนร่วมงานทุกๆคนที่สนิทกันมาตั้งหลายปียืนโบกมือให้อยู่ ทั้งปาร์คชานยอลคิมจงแดคิมจุนมยอนและจางอี้ชิง ต่างยืนยิ้มเผล่กันเป็นหน้ากระดาน


    "มาให้บอกลาก่อนดิ๊ยังไม่ถึงเวลาบินไม่ใช่เหรอ"


    "มากันทำไมเนี่ย ไม่ทำงมทำงานกันรึไงฮะ"


    "ไม่รู้สิ เจ้าของบริษัทบอกให้มา"


    แล้วเพื่อนๆทั้งสามคนก็ชี้ไปทางผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุดอย่างคิมจุนมยอน เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราพรางยักไหล่ไม่แคร์ ทำไมอ่ะก็บ้านรวย?


    "เงินกับเพื่อน วัดยังพวกนายก็สำคัญกว่าว่ะ ......ถ้าไม่มีเงินก็ยืมเพื่อนไง"


    "โหยโคตรพระเอกอ่ะ น้ำตาจะไหลอยู่แล้วถ้าไม่พูดอันหลังออกมานะเว้ย"


    ลู่หานฟาดมือลงหลังของเพื่อนตัวเล็กลงไปป้าบใหญ่ ก่อนที่พวกเขาทั้งหกจะหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ พวกเขาทำงานด้วยกันจนสนิทกันเอามากๆ จุนมยอนเลือกจะเปิดบริษัทงานเล็กๆตามความต้องการอันเลื่อนลอยของตัวเอง แล้วมันก็ทำให้เขาได้เจอกันและผูกพันธ์กันเสมอมา แต่แน่นอนพวกเราก็หัวยุ่งโต้รุ่งกันแทบทุกวันกับการทำงาน พอนึกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานกับพวกมันแล้วก็ดีใจแปลกๆ


    ....แต่แน่นอนว่าพวกเขาต้องคิดถึงมันแน่นอน



    "แล้วจะไปกันนานไหมวะ เมื่อไหร่จะกลับมา"


    "อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่ะ แต่ถ้ากลับมาได้เมื่อไหร่จะรีบกลับมานะ"


    "แหงอยู่แล้ว ถ้าไม่กลับนายก็โดนดีแน่"


    ทุกคนชี้หน้าคาดโทษ ขณะที่มินซอกและลู่หานก็หัวเราะออกมา ทั้งสองคนจึงวางมือลงกลางวงสนทนา ก่อนที่มือของทุกคนก็เริ่มทาบทับลงมาทีละคนอย่างรู้งาน


    "สัญญาเลยว่าจะกลับมาแน่ รักนะเว้ย! หนึ่ง...สอง...."



    ...



    "แล้วเจอกันใหม่นะ !!!!!"







    มินซอกและลู่หานยืนอยู่ที่หน้าเกทด้วยหัวใจเต้นระรัว ทั้งสองมองซุ้มประตูที่สูงขึ้นไปเหนือหัวก่อนจะหันมามองหน้ากัน มือเรียวของทั้งคู่กุมเข้าหากันแม้มันจะเต็มไปด้วยเหงื่อ


    "พร้อมนะ?"


    "อืม..."


    มืออีกข้างของมินซอกหยิบตั๋วเครื่องบิน 'สองใบ' มาเช็คเวลาและลายละเอียดอื่นๆ คนตัวเล็กจึงหันมายิ้มให้เพื่อนข้างกาย ลู่หานกระชับสิ่งของๆตนไว้ด้วยมือหนึ่งก่อนจะบีบมมือของมินซอกแน่นขึ้นไปอีก



    "ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ"













    ครืน....




    ดวงตากวางมองออกไปนอกกระจกกลมๆที่ฉายภาพท้องฟ้าสีสดใส ปุยเมฆสีเทาราวกับอยู่ใกล้แค่เอื้อมเพียงเขาเปิดกระจกไปจับมัน เมื่อมองไกลออกไปเขาก็พบท้องสมุทรสีครามงดงามอันเวิ้งว้าง ลู่หานรู้ว่าเมืองปักกิ่งในจีนแผ่นดินใหญ่กับกรุงโซลของเกาหลีใต้มันห่างกันแต่มันไม่ได้ใช้เวลาในการเดินทางอะไรเยอะมากมาย


    แต่ทำไมตอนเขายกนาฬิกาขึ้นมาดูแต่ละที เวลามันถึงได้เดินช้าจังเลย


    ...



    "ทำอะไรอยู่ล่ะลู่หาน"


    ดวงหน้าหวานหันไปมองคนข้างกายที่กำลังขยี้ตาอย่างเอาเป็นเอาตาเพราะเพิ่งตื่นจากการพักผ่อน ลู่หานจึงเอื้อมไปดึงมือนั่นออกให้จนอีกฝ่ายตีหน้าโมโหใส่เขา


    "อย่าขยี้ตาสิด้วยตาแดง"


    "อือๆ รู้แล้วน่าก็มันมัวๆนี่หว่า หาวว....นี่เราบินมากีชั่วโมงแล้วล่ะ เมื่อยแล้วววว"


    ลู่หานยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วเขาก็ต้องพบว่ามันเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเองจากการดูคราวที่แล้ว หลายครั้งแล้วที่มันช้าเกิดจริง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนาฬิกาของเขารึเปล่านะ?


    "เกือบชั่วโมงแล้วล่ะ อีกชั่วโมงนึงก็ถึง นอนต่อไปเถอะ"


    "เพราะนายนั่นแหละมัวแต่ทำอะไรยุกไปยิกมาอยู่ได้"


    "แหะๆ ขอโทษทีนะ"


    "คิดถึงเขาล่ะสิ"


    "ใครล่ะที่ว่าน่ะ"


    "............มินซอกน่ะ"



    ...



    ลู่หานค่อยๆหันมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่าง 'อู๋อี้ฟาน' ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหันหน้ากลับไปทางหน้าต่างเดิมก่อนจะตอบคำถามนั้นกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม



    "ใช่....คิดถึงที่สุดเลยล่ะ"



    ลู่หานคิดว่า บางทีนาฬิกาของเขาอย่างจะไม่ได้เสียหรอก บางทีอาจจะเป็นหัวใจของเขาเองที่เสีย.....


    ทุกๆอย่างในหัวเขายังเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกอยู่ในแผ่นดินเกาหลีกับคนรู้จัก ได้ใช้ชีวิตเเสนดีกับหลายๆคนเป็นเพื่อน และได้พบเรื่องราวความรักของตัวเองกับช่วงเวลาเหล่านั้น


    ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะกระโดดลงไปจากตรงนี้และต่อสายหาใครบางคน หรืออาจจะพุ่งเข้าไปกอดแล้วบอกรักให้หายคิดถึงกับช่วงเวลาที่จากมา แค่หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านไปมันก็เหมือนเขาผ่านความอึดอัดมาตลอดปี แต่จากนี้เขาจะต้องเผชิญความโดดเดี่ยวไปอีกไม่รู้กี่นาที


    แค่นี้คิด เขาก็นึกถึงผู้คนที่ 'เคย' อยู่ข้างๆเขาตลอด คอยให้กำลังใจยามสุข คอยปลอบใจยามเศร้า คอยเชียร์อยู่ห่างเวลาที่เขาสิ้นหวัง และคอยดูแลเขาอยู่ห่างๆตลอดมา


    เขากำลังคิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังอย่างโอเซฮุน คิมจงอิน หวงจื่อเทา บยอนแบคฮยอน โดคยองซู ปาร์คชานยอล คิมจงแด จางอี้ชิง คิมจุนมยอนและคนที่พิเศษที่สุดอย่างคิมมินซอก





    "แล้วพบกันใหญ่นะ"





    ....แล้วตอนนี้เขาจะทำยังไงกับน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดนี่ดีนะ?













    มินซอกเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามท่ามกลางสนามหญ้าเตี้ยๆ เครื่องบินสีขาวเคลื่อนผ่านเหนือหัวเขาไปช้าๆในแบบของมัน ในขณะที่ลมแรงก็พัดเข้ามาปะทะใบหน้ากลมๆของเขา



    ลู่หานไปแล้ว....เขากลับบ้านเกิดที่ปักกิ่งไปพร้อมกับเครื่องบินเครื่องนั้น



    ในช่วงเวลาที่ไม่ดี ลู่หานมักจะชวนเขามานั่งตากลมบนสนามหญ้าที่ไหนซักแห่งเพื่อคลายเครียด คนหน้าสวยเคยบอกว่าสายลมเย็นๆจากธรรมชาติมันจะช่วยพัดความทุกข์ความเศร้าออกไปจากตัวเราได้ และมินซอกก็เชื่อลู่หานว่ามันได้ผลมาตลอด



    แต่วันนี้ไม่ว่าจะลมแบบไหนมันก็ไม่ได้ผล.... คำพูดของลู่หานมันเชื่อถือไม่ได้อีกแล้วรึไงนะ



    หรืออาจะเพราะวันนี้ มีแค่เขานั่งอยู่คนเดียว...



    "อ่า บ้าจริง"


    มินซอกยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาออกจากตาเรียวของตัวเองที่เพื่อนสนิทของเขามักจะชมว่ามันสวยที่สุดแม้ของๆลู่หานมันจะสวยกว่ามาก ร่างเล็กลุกขึ้นจนเต็มความสูง มือขาวหยิบกระดาษโบรชัวร์ที่เพิ่งรับมาจากที่ไหนซักแผ่นพร้อมด้วยปากกาออกมา มินซอกลงมือเขียนอะไรบางอย่างลงไปอยากขมักเขม้น เขาเขียนมันย้ำๆถี่ๆราวกับจะเอาความรู้สึกที่อัดท่วมอยู่ในใจทั้งหมดเขียนลงไปบนกระดาษแผ่นนั้น


    นิ้วเรียวบรรจงพับมันเป็นเครื่องบินกระดาษลำน้อย ก่อนจะส่งมันทะยานให้สูงขึ้นไป สายลมแรงหอบขึ้นไปจนหายลับสายตาไป ....มินซอกไม่คิดหรอกว่ามันจะขึ้นไปหาลู่หานได้ แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็อยากจะแสดงมันออกมาจากการกระทำบ้าๆบอๆให้ตัวเองได้ทำแล้วหายฟุ้งซ่านได้ก็เท่านั้นเอง


    แต่แค่นั้นมันยังไม่พอหรอก....



    คิมมินซอกสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเขาจะปล่อยมันออกไปกับคำพูดทั้งหมด



    "ผู้ชายคนนั้นน่ะ!!!!!!! คนที่แซ่ลู่ชื่อหานน่ะนายได้ยินฉันไหม!!!!!!!!!!!!!"



    มินซอกไม่ได้หวังอะไรมากมาย เขาแค่อยากจะทำมัน...



    "นายได้ยินว่าฉันรักนาย!!!!!!!!!!!! ฉันรักนายมากๆเลยนะ!!!!!! ฉันสัญญาว่าฉันจะรอนายเองก็อย่าลืมฉันนะ!!!!!!"



    เขาอยากให้ลู่หานได้รับรู้มันนะ...


    แต่สำหรับตอนนี้ดูยังไงมันก็ไม่มีทางที่คนบนฟ้าจะได้ยินเขา....






    "แล้วพบกันอีกนะ!!!!!!!!!!!!"




    ...



    ....ไว้เขาจะพูดมันใหม่อีกครั้ง ตอนที่อีกฝ่ายกลับมาแล้วกัน





    So kiss me and smile for me. Tell me that you'll wait for me
    Hold me like you'll never let me go


    'Cause I'm leaving on a jet plane. I don't know when I'll be back again
    Oh, babe, I hate to go








    มินซอกเปิดประตูห้องนอนพลางเดินสะโหลสะเหลเข้ามาอย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากส่งลู่หานเสร็จเขาก็เข้าไปทำงานตอนหลังเที่ยงเป็นบ้าเป็นหลังโต้รุ่งไปวันแล้ววันเล่าจนจุนมยอนถึงกับไล่ให้มานอนที่บ้าน ต้องแรกก็ดื้อแพ่งว่าจะอยู่บริษัทแต่อีกฝ่ายกลับขู่ว่าจะไล่ออก มินซอกจึงต้องยอมแต่โดยดี


    ...ทำไงได้ล่ะ เขาไม่อยากกลับมาอยู่ที่ห้องที่เขาต้องอยู่คนเดียว


    มินซอกโถมตัวลงบนเตียงแล้วกลิ้งตัวเกลื้องไปมาบนเตียงนุ่มสีขาว เขาสูดหายใจเอากลิ่นของความทรงจำจางๆเข้าไปจนน้ำตาใสๆค่อยไหลลงที่หางตา


    ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นมาสะบัดหัวแรงๆเพื่อให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่าน ทั้งหยิกทั้งตีตัวเองจนกลัวมาเนื้อจะช้ำจนต้องสุดท้ายก็เลิกไป มินซอกเริ่มเดินไปทั่วห้องทั้งห้องโน้นห้องนี้อย่างไร้เหตุผลและสุดท้ายเขาก็ลงมานั่งอยู่ตรงปลายเตียงเช่นเดิม


    มือเรียวยกขึ้นมาปิดใบหน้ากลมที่กำลังเต็มไปด้วยน้ำที่ร่วงมาจากดวงตา เขายอมแพ้แล้ว



    ....คิมมินซอกเหนื่อยที่จะหยุดมันแล้วจริงๆแหละ



    ...



    ดวงตาเรียวบวมเป่งจนแทบไม่เห็นลูกตาดำค่อยๆลืมขึ้นมาอย่างอ่อนล้า เพราะการร้องไห้บวกกับทำงานหนักสร้างความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจนมินซอกแทบจะลุกไม่ขึ้น ร่างเล็กผงกหัวฟูขึ้นมาแล้วก็ตกใจกับหน้าตาตัวเองที่สะท้อนกับกระจก



    ทุเรศมาก....เขาบอกได้แค่นี้แหละ



    เพราะมินซอกไม่ค่อยได้สนใจดูแลหนังหน้าตัวเองเหมือนลู่หานเขาจึงไม่ค่อยได้เสียตังซื้อของสำอางค์ๆมาซักเท่าไหร่ แต่ลู่หานก็เคยซื้อของประทินผิวมาให้เขาใช้เวลาที่เหนื่อยจัดจริงๆ เขาลากตัวเองไปยังโต๊ะที่มีกระจกตั้งอยู่ ลู่หานมักจะมานั่งตบๆหน้าตัวเองอยู่แถวๆนี้ ไม่ก็เอาแตงกวากับอะไรสีเขียวๆมาพอกหน้า บางทีก็ลามมาบังคับเขาทำเป็นเพื่อนด้วย


    มินซอกก็ว่ามันสนุกดีที่ได้ทำอะไรร่วมกับใครบางคน แต่ตอนนี้ตอนนี้เขาก็คงต้องทำเองแล้วแหละ....


    มือขาวเอื้อมไปเปิดลิ้นชักสมบัติของคนที่เคยอยู่ที่นี่ ภายในมันก็ยังคงมีของอะไรเยอะแยะเหมือนเดิม ลู่หานคงไม่ได้เอากลับไปเลยสิเนี่ย แล้วจะทำยังไงกับพวกมันดีล่ะ เขาเองก็ใช้ไม่ค่อยเป็นซะด้วย ...เพราะงั้นมินซอกก็ปล่อยพวกมันไว้เฉยๆแล้วเริ่มหาครีมทาหน้ากระปุกสีเขียวๆสีเขาใช้ประจำแทน และเขาก็เจอกล่องเล็กๆบางอย่างที่ไม่ค่อยคุ้นตา แต่ดูแล้วน่าจะแพงเอาเรื่องอยู่


    ไอ้หน้าสวยนั่นซื้ออะไรมาอีกแล้ว?



    "ใช้เงินเก่งจริงๆ"


    ร่างเล็กเริ่มบ่นถึงคนไกล ลู่หานก็แบบนี้แหละตลอดเเหละชอบหมดเงินไปกับของๆที่อยากได้ตลอดแต่ไม่เคยสนใจเลยว่ามันคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปไหม ก็รู้นะว่าบ้านรวย ....แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีแหละ


    มินซอกหยิบมันขึ้นมาก่อนจะค่อยเปิดมันออกมาช้าๆ และแล้วก็เป็นตัวเขาที่ต้องตกตะลึง


    "ไอ้คนบ้านั่น...........ลืมของอีกแล้ว"


    มินซอกส่ายหน้าระอาเมื่อทราบว่าอะไรที่อยู่ในกล่องใบนี้ มันคือแหวนเงินเกลี้ยงที่นอนอยู่ท่ามกลางดอกไม้อัดแห้งสีหม่นที่มินซอกจำได้ว่าลู่หานเคยบอกว่ามันเป็นแหวนวงแรกที่พ่อมอบให้แม่ของลู่หาน และเธอก็มอบให้ลูกชายตัวแก้วหัวแหวนคนนี้มาเป็นเครื่องรางนำโชคดี


    "ทั้งๆที่ย้ำแล้วย้ำอีก ทำไมไม่รู้จักจำบ้างนะ แล้วจะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงกันคนโง่นี่..."


    พลันตาเรียวก็สบเข้ากับม้วนกระดาษสีขาวที่ถูกเสียบไว้ข้างกล่อง มินซอกหยิบมันขึ้นมาอ่านช้าแล้วก็หัวเราะเบาๆ คุณชายลู่....เล่นอะไรพิเรณท์อีกแล้วล่ะเนี่ย...


    "ทำไมฉันต้องทำตามด้วยล่ะ?"


    มันเรื่องอะไรมาสั่งให้มินซอกใส่มันกัน ?


    มินซอกสวมฝาให้กล่องใบนั้นก่อนจะปิดมันลงที่เดิม เขาไม่ลืมที่จะหยิบแผ่นโน๊ตสีขาวเล็กๆใส่คืนที่เดิมของมันแล้วปิดผนึกมันลงไปที่ส่วนในสุดของลิ้นชัก มินซอกจะไม่ทำตามคำขอของลู่หานคนใจร้ายหรอก


    มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาเลยที่จะหยิบแหวนวงนั้นมาใส่ให้ตัวเองน่ะ


    ถ้าใครอยากให้ใส่ ก็มาใส่ให้เองสิ....



    "ไว้ถึงตอนที่พบกันใหม่ นายค่อยมาบังคับฉันใส่เองแล้วกัน"






    คิมมินซอกจะรอลู่หานอย่างที่ขอไว้ก็ได้ แต่จะให้รอไปตลอดชีวิตก็คงไม่ได้.....



    .............เพราะงั้นรีบๆกลับมานะลู่หาน




    Every place I go, I think of you

    Every song I sing, I sing for you

    When I come back I'll wear your wedding ring




    เรื่องราวชีวิตของเราต่อจากนี้คงไม่รู้ว่าว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร การลาจากไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุด มันอาจจะหมายถึงว่าเธอมีเส้นทางใหม่ที่จะได้เดินต่อไป เธออาจจะต้องเหงาบ้างในบ้างครั้งแต่เธอจะเข้มแข็งขึ้น แล้วเราจะคิดถึงกันและกันจนกว่าจะได้พบกันใหม่อีกครั้ง  ....สุดท้ายพวกเราทั้งหมดที่ต่างถูกเรียงร้องเข้าหากันด้วยคำสัญญาง่ายๆก็จะโอบกอดกันแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน



    "....ยินดีที่กลับมา"






    The End




    ____________________________________________________________




    สวัสดีค่ะ :)


    มันอาจจะช้าไปหน่อยสำหรับเรื่องนี้นะ 555555 แต่ว่าเราอยากจะให้กำลังใจกับ EXO-L ทุกๆคน

    เราไม่รู้จักเพลงนี้ จนไปเปิดดูคลิปthe voice ของคุณวี ตอนนแรกเลยก็ว่าจะหยิบเอามาเขียนซักเรื่องขึ้นมา แต่ก็ไม่นึกว่าจะได้เอามาเขียนเร็วขนาดนี



    เราคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นอซอ.ที่ไม่ดีเท่าไหร่ล่ะมั้ง ตามก็ไม่ค่อยได้ตาม คอนก็ไม่ไป อัลบั้มก็ยังไม่ครบ เรื่องพี่ลู่หานเราก็ร้องไห้ไปนิดเดียวเอง พยายามแก้ตัวอยู่นะว่าคงเป็นเพราะเราเรียนรู้จากกรณีพี่คริสแล้วหรือไม่ก็พอจะรู้ข่าวมาบ้างแล้ว ....โอ๊ย ใครก็ได้ตบกูที! ;__;

    ก็นั่นแหละค่ะ หลายๆคนก็คงเสียใจร้องไห้กันอยู่ เราเลยอยากมาให้กำลังใจนะ สำหรับเราคิดเสมอว่าEXOไม่เคยไปไหนซักคนค่ะ สองคนแค่เหนื่อยเลยอยากอู้งานเฉยๆ เด็กๆยังเป็น12 และถ้าเรามั่นหน้าและเชื่อแบบนั้น มันจะเป็นแบบนั้นค่ะ!

    มีคนบอกว่าถ้ามีจุดเริ่มต้นก็จะมีจุดจบ แต่ถ้าคิดกลับกัน ถ้ามันจะมีจุดจบ มันก็ต้องจุดเริ่มต้นใหม่ค่ะ เด็กกำลังเเข็งแรงขึ้นแฟนคลับก็ด้วย เหมือนซากดินซากสัตว์แหละค่ะ ถ้าผ่านการทับถมขึ้นไปมากๆเราจะกลายเป็นฟอลซิลทรงคุณค่าที่คนรุ่นหลังอาจจะมาพบเองค่ะ(เปรียบเทียบได้ฮาร์ดคอร์สัดๆ) ทุกอย่างจะเป็นไปตามเวลาของมันค่ะ

    leaving on a jet plane ยังกล่าวไว้ว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาได้เมื่อไหร่ แต่ทุกๆที่ทุกๆเพลงเขาจะคิดถึงคนที่เขารักและเขายังเชื่อเสมอว่าเขาจะได้กลับมาเพื่อสวมแหวนแต่งงานกับคนรัก

    พี่ตูนยังบอกในเพลงความเชื่อไว้เลยว่าชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าไหร่ มันจะไปจบที่ตรงไหน แต่จะยังไงก็ต้องไปให้ถึง ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำว่าครั้งนึงเคยก้าวไป แค่คนที่เชื่อในความฝัน จะเหน็ดจะเหนื่อยก็ยังต้องเดินต่อไป



    ทั้งหมดนี้จะบอกว่าให้เชื่อมั่นในความรักและรอเสมอในวันที่จะเขาจะกลับมาอีกครั้งค่ะ สู้ๆนะคะ อซอทุกคน!!:)


     



    ปล. ฟิคเราจะยังดำเนินเหมือน ลู่หานจะยังคงมีบทกับพี่มินซอกตลอดไปค่ะ


    แม้ตัวจะห่างไกล แต่ความลู่หมินในใจยังเหมือนเดิมค่ะ!!!!!







    "> SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×