ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมเป็นหนุ่มวาย 🌠 (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 -- เกมกับการเข้าทางผู้ใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 59





    บทที่สาม


    ' เกมกับการเข้าทางผู้ใหญ่ '







    "คีย์ คีย์!"


    "ฮะ? เรียกทำไม"


    ผมดึงสติตัวเองกลับมาเมื่อไอ้เรย์พี่ใหญ่(แก่)สุดของกลุ่มตบโต๊ะเสียงดัง โรงอาหารคณะวันนี้มีคนประปรายเพราะพวกคลาสบ่ายเข้าเรียนกันหมดแล้วเหลือแต่พวกว่างงานที่นั่งตากลมอยู่อย่างพวกผม แต่ไม่ได้ครบกลุ่มหรอกมีสองคนเข้าคลาสบ่ายเหมือนกัน


    "กินข้าวซะทีดิ มึงนั่งรอใครมาป้อนรึไง"


    เรย์ว่าเสียงดุ แต่รูปประโยคบางอย่างดันจุดประเด็นให้ไอ้คิวโค้กสองฝาแฝดผู้เข้าขากันดีโดยเฉพาะเวลากวนตีนยิ่งกว่ากล้วยหอมจอมซนที่เอากลับมาฉายใหม่ หยุดคุยกันแล้วเสนอหน้าเข้าร่วมบทสนทนาโดยไม่ต้องส่งการ์ดเชิญ


    "อ้อๆๆ หรือจะเป็น...เด็กศิลปกรรมคนนั้น"


    คิวเริ่มเปิดด้วยนิ้วชี้จ่อตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้มยียวนกวนตีนแบบใครเห็นก็ต้องคิ้วสั่นหน่อยนึง พอถูกโยนบทให้แบบนี้ โค้กแฝดน้องเลิกคิ้วรับคำพี่มันอย่างดีไม่มีขัดข้องราวกับมีสคริปต์แปะไว้ที่หน้า


    "เพื่อนไอ้วีใช่ป่ะ ที่ชอบใส่แมสสีดำ"


    "เอๆๆ ชื่ออะไรน้า"


    สองแฝดยิ้มกริ่มใส่กันก่อนหันมาทางจำเลย พวกมันร่าเริงจนน่าถีบขนาดที่ว่าไอ้วีนั่งแดกของโปรดอยู่ข้างกันต้องหันมาถลึงตาข้อหาทำมันเสียอารมณ์ในการมุ้งมิ้งกับสุกี้น้ำของมัน คีย์ภาวนาในใจว่าอย่าพูดออกมาถึงแม้มันจะไม่มีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้เลยก็ตาม


    "....อ๋อ"


    แค่ได้ยินชื่อมัน เขาก็ได้ยินความวุ่นวายลอยมาเตะจมูก...


    "ไอ้ 'เกม' "


    .
    .
    .


    "...."


    อ้าว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรอะ?


    สงสัยวันนี้เป็นวันของกู ชะช่า


    ...


    ว่าแต่ทำไมไอ้เรย์มันถึงยิ้มสมเพชใส่กูแบบนั้นวะ


    รึว่า...


    "มีใครเรียกกูรึเปล่า"


    นั่นไงไอ้สัด ชัดเจนตั้งแต่รูปรสกลิ่นเสียง.... วันนี้มาทั้งตัวเลยนะมึง


    "โอ้ว"


    "โว้ว"


    "ว้าว"


    ไอ้คิวโค้กส่งเสียงแหกปากเหมือนไอ้เกมเป็นสิ่งมีชีวิตแสนมหัศจรรย์เหมาะสมกับการเอาเข้าพิพิธพัณฑ์มากกว่าออกมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้ ซึ่งความคิดนั้นกูเห็นดีเห็นงามด้วยมากๆครับ ไปครับมึง มึงควรไปจำศีล!


    กูจะไม่มอง... กูจะไม่มองมึงให้เสียสายตา


    คีย์เฝ้าสะกดจิตตัวเองอยู่เลยไม่ทันได้สัมผัสถึงสายตาคมโผล่พ้นจากผมหน้าม้าและผ้าปิดปากจ้องมองแผ่นหลังคนตรงหน้าที่มันไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกบันเทิงในหัวใจนิดหน่อย แหม่ๆๆ ยังไม่ทันจีบอะไรก็อายจนไม่กล้ามองหน้ากันซะแล้ว ...แบบนี้ไอ้เกมก็เขินดิครับ


    อ่ายยย หวงเนื้อหวงตัวด้วย น่ารักจังเลยเว้ย...



    "มาทำไมวะ เลิกเรียนแล้วรึไง"


    ทว่า ไม่ทันให้นายเกศรินทร์ได้เพ้อเจ้อจบตอนกลับมีเสียงบางคนโพล่งขึ้นมาจนจินตนาการฟองสบู่ของเขาแตกละเอียดเป็นเม็ดทรายซะก่อน เกมจิ๊ปากขัดใจก่อนบอกปัดตามประสาคนมีมารยาทและการศึกษา


    "ไม่ได้มาหามึงเพื่อนรัก หรือมีความหมายอีกหนึ่งคือไม่เสือกนะไอ้สัด จงแดกสุกี้น้ำของมึงต่อไป"


    "เฮ้ย มึงเมินกู"


    หนุ่มผิวแทนกระชากตัวขึ้นจากชามอาหารพลางถลึงตาใส่ รังสีอำมหิตเหมือนจะฆ่าคนตายแผ่ออกมาเป็นแบ็คกราวน์แต่แน่นอนว่า It's not effective สำหรับคนที่รู้จักกันดี อันที่จริงไอ้วีมันก็แค่แกล้งโมโหแหละครับแต่มันเป็นคนที่หน้านำอารมณ์ไงมันเลยดูเหมือนโกรธที่ผมไปแย่งเมียมันทั้งๆที่แค่กวนตีนกัน ก็เป็นเอาซะแบบเนี้ยน้าถึงไม่มีผู้หญิงมาติดไงล่ะสหายเอ๊ย


    "ชะช่า หยุดตรงนั้นไอ้คอยคิงส์เลเวล5! ไอ้ทอยกูเลือกมึงละนะ จัดการมันซะ"


    เทรนเนอร์เกมเลือกสหายที่แข็งแกร่งออกไปประจันหน้าคู่ต่อสู้ที่ใครๆก็ต่างหวาดกลัว หึหึ แต่ขอโทษทีครับ ไอ้เกมมีไม้ตายที่ต่อให้เป็นพ่อไอ้วีก็ต้องใจอ่อนยวบ นั่นคือไอ้ทอยยังไงล่ะ ล่ะ ล่ะ ล่ะ


    ไอ้เหี้ยวีหยุดกลายร่างและถูกกดไหล่ลงไปนั่งหน้าโง่ด้วยฝีมือคนด้านหลัง ทอยมันยังคงยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม และยิ้มเท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่ง แม้การกระทำของมันจะเป็นการช่วยเหลือเพื่อนเหี้ยๆแบบไอ้เกมก็ตาม สมบัติหน้าสวยแห่งศิลปกรรมหยิบช้อนแสตนเลสขึ้นมาจ่อปากหนุ่มวิศวะแบบไม่บอกไม่กล่าวอะไรมากความ


    "กินสิเดี๋ยวกูป้อน"


    "ทอยมึงอย่าไปช่วย....มะ มัน มัน"


    "วี..."


    เจ้าของชื่อกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ รอบด้านเขาเต็มไปด้วยสายตาแห่งความเสือกทั้งจากเพื่อนและอาจจะคนวงนอก ไอ้คิวโค้กนี่แทบจะถ่ายรูปไว้ประจาน ขนาดเรย์มันยังแอบดูลุ้นว่าไอ้เขาจะอ้าปากไหมด้วยเลยว่ะ กดดันจนเยี่ยวจะราดแล้วเว้ย แล้วไอ้ทอย มึงๆๆๆๆ เลิกส่งสายตาแบบนั้นมาซะที


    มึงรู้ว่ากูแพ้!


    แต่เฮ้ย แป๊ปนึงนะ พวกมึงควรจะสนใจตัวเอกมากกว่าป่ะวะ ไอ้เกมแย่งซีนกูซักทีดิสัด!


    "ได้ข่าวว่านั่งเหม่อไม่กินข้าว รอกูมาป้อนจริงเหรอ"


    ดุจนรกจะฟังคำขอเขา ดวงตาทั้งหลายที่เคยสนใจนายวีรภัทรตวัดกลับจุดมุ่งหมายเดิมด้วยความเร็วเสียง ไอ้คีย์ทำหน้ายุ่งอีกครั้งเมื่อไอ้เพื่อนปลิงของเขาถลาตัวไปนั่งเบียดมันแบบอิงแอบแนบชิดจนเริ่มสงสัยแล้วว่ามันแค่ถูกใจรึมันเสือกชอบผู้ชายจริงๆกันแน่


    ยังไงก็ไม่รู้แหละ แต่ที่ทำนี่เกมไม่ได้ทำตามคำขอเพื่อนรักแต่อย่างใด ทั้งหมดที่ทำลงนี่จากใจล้วนๆ


    "ได้ข่าวเหี้ยไรกูรู้ว่ามึงแอบฟังอยู่แล้วค่อยโผล่หัวเข้ามาให้ถูกจังหวะ เก่งจริงนะมึงเรื่องรอเสียบจังหวะเปิดตัวเนี่ย"


    "รู้ไต๋กูหมดเลย เก่งมาก มาๆเดี๋ยวน้องเกมป้อนข้าวพี่คีย์นะ"


    อ่อก!


    สรรพนามใหม่ของพวกมันทำเอาเขาแทบสำลักวุ้นเส้นออกมาจากจมูกให้มันรู้รอดไป วีไอค่อกแค่กๆขณะที่เพื่อนร่วมคณะเขาทำหน้าเหวอในแบบแตกต่างกันมากน้อยแล้วแต่สันดาน ส่วนทอยเหมือนจะรู้หน้าที่ มือขาวเอื้อมไปลูบหลังคนข้างๆให้โดยไม่ต้องขอ


    "อุ๊ย สงสัยคนข้างๆเราความอิจฉาติดคอนะ ดูสิเห่าใหญ่เลย แต่เค้าว่าหนามยอกเอาหนามบ่งได้ เพราะงั้นเรามาหวานให้มันดูกันนะพี่คีย์ อ่ะโม่ๆๆๆ"


    "ไม่ไอ้สัด อย่ามาเกย์แดกใส่กู"


    คีย์กระชากจานข้าวมันคืนจากมือไอ้เกม ซึ่งคนอย่างไอ้เหี้ยเกมให้ดีๆฝนก็คงตกแหละ มันยื้อไว้พร้อมทำหน้าตาจริงจังผ่านหน้ากากอนามัยสีดำลูกรักของมันแล้วโพล่งหมาในปากออกมาอีกตัว


    "อย่ากระชากดิเดี๋ยวหก เนี่ย กูป้อนให้ สบายๆจะได้เป็นง่อยให้กูเอา"


    พรวด!


    เป็นไอ้โค้กเองที่ตบมุกโดยการพ่นน้ำที่แดกอยู่ออกมาใส่หน้าแฝดพี่ของมันแบบเต็มรัก แบบไม่เหลือค้างคาในปากซักหยดนึงก็ไม่มี ไอ้คิวลูบหน้าตัวเองช้าๆพร้อมคิ้วขวาที่กระตุกรัวๆ .....กูว่าฝาแฝดจะแตกหักกันก็วันนี้แหละ


    "เอา...ใจ...ใส่"


    "ไอ้เชี่ยเกม มึง... มึง........ โอ๊ย!!!"


    เมื่อเห็นคนโดนหยอดเบิกเนตรใส่เหมือนจะด่าไอ้เกมก็รีบเล่นมุกเห่ยๆของมันให้จบก่อนมันจะโดนจานร่อนใส่หน้า ไอ้คีย์อ้าปากพะงาบๆก่อนจะยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองแทน นิ้วยาวขยี้ผมจนหัวฟูเป็นไอสไตลน์ ...เอาจริงนะ ถ้าเป็นกูๆก็เครียด


    "ฮิ้วว"


    "ฮิ้ววว"


    ไอ้สองตัวนี่ก็ขยันชงไม่รู้จักเวล่ำเวลาจริงๆเว้ย! ไปเล่นตรงโน้นไปไอ่สัด!


    "เกม วันนี้เป้าหมายหลักเราไม่ได้มาจีบคีย์ไม่ใช่รึไง"


    เสียงคนข้างๆวีเอ่ยขึ้นเรียบๆพร้อมรอยยิ้มที่ติดตัวประจำ คำพูดนั้นทำให้วีเหล่ไปมองคนที่นั่งซบไหล่เขาอยู่อย่างสงสัยเช่นกันกับไอ้คีย์ที่เงยหน้าขึ้นมาจากอุ้งมือตัวเอง


    "อันนี้เป็นภารกิจรองไง แบบ ....เห็นแล้วมันทนไม่ได้"


    เกมเล่นหูเล่นตาเหมือนพวกตาแก่หัวงูมองเด็กสวยๆ ยักคิ้วโก่งๆใส่คีย์หนึ่งทีเป็นการยั่วก่อนจะเลิกแกล้งกันเพราะเกรงว่าใกล้หวิดโดนเด็กวิศวะฟาดมือใส่หลังเหมือนคราวที่แล้วที่โดนไป


    บอกได้เลยว่า มือหนักสมกับเป็นซึนเดเระจริงๆครับ


    "คีย์มึงก็อย่าไปเครียดกับมันนักนะ ไอ้เกมมันก็เป็นแบบนี้แหละ"


    "ใช่ เป็นคนจังไรแบบนี้แหละ มันเหี้ยจนกูรู้สึกผิดที่พามึงไปเจอมันวันนั้นเลย"


    "หุบปากไปเพื่อนวี วาจาไม่สร้างสรรค์เสือกพูดมาก ถ้าสุกี้น้ำชามนั้นถูกแดกไม่หมด กุ้งในชามจะสาปมึง"


    "พอๆพวกมึง ไอ้เกมมึงเอานี่ไป"


    คนหน้าสวยเอ่ยขัดก่อนเพื่อนทั้งสองของเขาจะตีกันอีกยก ทอยยื่นถุงพลาสติกใสที่ด้านในใส่ของบางอย่างอยู่ให้ไอ้เกมไปถือ แต่สกรีนข้างถุงที่เห็นอยู่แว้บๆนั่นมันคุ้นมากๆ พอจะเอ่ยปากถามไอ้เกมก็วางถุงนั่นลงต่อหน้าประชากรทุกคนซะก่อนแล้ว


    "ส่วนนี่ กูเอาขนมมาฝากพวกมึง อย่าถามว่ากูไปขโมยใครมานะเดี๋ยวตบหัวแตก กูซื้อทั้งหมดมาเอง เจ้าอร่อยสุดของคณะสิน'กำเลยนะเว้ยย"


    เพราะเคยมาเทียวตามทำความคุ้นเคยกับไอ้คีย์หลายครั้ง เกมเลยมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อนมันบ้าง เขาจึงกล้าเปลี่ยนสรรพนามเป็นแบบโบราณได้โดยไม่ต้องกลัวตีนใคร โดยเฉพาะพวกไร้สติอย่างไอ้ฝาแฝดมันก็ง่ายที่จะตีสนิท กับบางคนก็ได้คุยบ้างพอเป็นพิธี แต่ดูภาพรวมกูก็สนิท ...มั้ง


    เฮ้ย! แต่ผมรู้จักครบทุกคนนะ ผมเรียกมันว่าแก๊งคนแคระเพราะมันมี7คน มีไอ้เรย์ ไอ้โย ไอ้ปริ๊นซ์ ไอ้ฝาแฝด ไอ้เหี้ยวี แล้วก็คีย์ของผม เนี่ยก็รู้ตั้งขนาดนี้แล้วก็คงสนิทนั่นแหละน่า! อย่าไปคิดมากเลย!


    "โว้วววว"


    "ขนมมม"


    เสียงตอบรับด้านดีทำให้เกศรินทร์ยิ้มจางๆใต้หน้ากากอนามัยสีดำเป็นเอกลักษณ์ ไอ้คิวกับไอ้โค้กพุ่งเข้าหาถุงขนมดุจคนหิวโหย พี่ใหญ่นิสัยเงียบๆอย่างเรย์ยังฉีกยิ้มสวยๆแทนการขอบคุณเขา


    ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้..


    เหอะๆ


    "ทอย ไอ้เกมป่วยเหรอ"


    แต่มีอีกคนที่พอรู้สันดานกันดี วีเลื่อนไปกระซิบกระซาบคนที่น่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับไอ้ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเพื่อนเขา ทอยยกยิ้มน้อยๆแล้วตอบปัด


    "รอดูสิเดี๋ยวก็รู้"


    "เฮ้ย ทำไมใจดีจังวะเกม เพิ่งเคยเจอกันไม่กี่ครั้งมึงซื้อขนมมาล่อกูละ"


    "อ่ะแหน่ะๆ คิดอะไรกับพวกกูรึเปล่าเนี่ย เห็นแบบนี้กูก็ใจง่ายน้าาา"


    "คิดดิ"


    เกมตอบคำถามไปสั้นๆ พร้อมใช้สายตาของตนทอดมองไปทางคนที่นั่งเงียบเฉยแต่มีชั่วพริบตาหนึ่งที่เขาเห็นตาของไอ้คีย์ที่เผลอมองมา สีหน้ากระอักกระอ่วนที่แสดงความเหนื่อยใจและลำบากใจยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งมันขึ้นเรื่อยๆ


    เกมกำลังรู้สึกเหมือนเป็นคนบ้าที่เสพติดท่าทางต่อต้านของใครบางคน


    ยิ่งรุนแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งเร้าใจเท่านั้น


    ...


    "แต่ไม่ใช่มึง กูคิดกับคนนี้"


    ไม่จำเป็นต้องตวัดนิ้วชี้ยาวไปเพื่อบอกว่าใครคือคู่สนทนา เพราะเพียงแค่สายตากับองศาหน้ามันก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับทิ้งช้อนส้อมลงขอบจาน คีย์ยกมือเหนือบ่าเหมือนจะยอมแพ้กับความหน้าด้านหน้าทนของคู่กรณี แม้เขาจะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ยังไงมันก็ยังอดเหนื่อยใจไม่ได้


    อัคคีโชติได้แต่นึกในใจอยู่เพียงคนเดียวอย่างเงียบงันว่าถ้าหากตัวเขานั้น สามารถย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ขอไปเจอคนอย่างไอ้เกมอีกเป็นอันขาด


    "อ๊ายยยย"


    "แอร๊ยยย"


    อ่อ และถ้าจะให้ดียิ่งๆขึ้นไป จะไม่ขอเจอไอ้สองฝาแฝดนี่ด้วย


    "แล้วที่เอามาฝากเนี่ยพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมนะ กูเอามาติดสินบนพวกมึง"


    "สินบนอะไรวะ"


    ไอ้คิวหยุดแย่งกันคุ้ยถุงขนมกับแฝดน้องมันแล้วหันมาถาม และเหมือนคำถามมันจะเสือกเข้าทางไอ้เกมพอดี ไอ้แสบนี่ตาปิด ให้เดามันก็คงแสยะยิ้มจนถึงหูไปแล้วล่ะ


    คีย์ส่ายศีรษะเหนื่อยหน่ายแล้วเลือกมาตั้งใจกับจานอาหารแทน แต่มือข้างหนึ่งกับยกไม่ขึ้นเพราะแรงดึงบางอย่างที่เขาพอจะรู้ว่าเกิดจากอะไร ดวงตาใต้กรอบเเว่นตวัดขวางมามองตัวต้นเหตุที่ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยซ้ำยังหันกลับมามองหน้าด้านๆ แม้เขาจะยื้อฝ่ามือตัวเองกลับก็แล้ว ถลึงตาใส่ก็แล้วแต่ไอ้มือซีดยังกับจูออนนั่นกลับไม่ยอมปล่อย


    ไอ้เชี่ยเกมแม่ง! แอบจับมือคนมีพ่อมีแม่แบบนี้ได้ไงวะ!



    "มึงเคยได้ยินคำสอนนี้ป่ะ"


    ...



    "ถ้าคิดจะจีบลูกเค้า ก็ให้เข้าทางผู้ใหญ่"







    50 %








    วอหนึ่งเรียกวอสอง ผมกำลังตกอยู่ในสถานะการณ์ตื่นตะหนก


    อึดอัด...นี่คือคำสั้นๆที่บรรยายเรื่องราวของผมได้ตอนนี้


    "...."


    "..."


    ผมนายคีย์ที่ทุกคนก็คงรู้ว่าเพิ่งโดนอะไรมาถูกแฝดนรกกดดันให้นั่งตรงข้ามกับคู่กรณีที่ตั้งแต่ปล่อยมุกกาวๆใส่ผม มันก็นั่งเงียบดุจแดกปากตัวเองลงท้องแทนข้าวกลางวันไปแล้ว ปล่อยให้คนเสียหายทางจิตใจจริงๆอย่างผมต้องมานั่งตะขิดตะขวงใจแทนมันและโต๊ะหินอ่อนที่กั้นระหว่างนี่ก็ไม่สามารถลดความกระอักกระอ่วนได้สักนิด


    ไอ้เกมเสียบหูฟังนั่งกดpspในมือตัวเองแบบลืมโลก ลืมผม ลืมเพื่อน และก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำมั้งว่าทำอะไรไว้


    เออ คนหน้าด้านนี่ก็ดีเนอะ ไม่ต้องมารู้สึกอะไรทีหลัง


    "ทอย กูอยากกินคุกกี้อันนั้น"


    คีย์มองตามเสียงเบสต่ำๆที่ตัวเขาคุ้นเคยไปพบกับภาพที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นักกับการต้องมาเห็นผู้ชายหน้าเข้มๆตัวเท่าหมีเอาคางเกยไหล่คนข้างๆที่สาละวนกับกล้อง ถ้ามองต่ำลงไปอีกพนันได้ว่าผมได้พบกับเจ้าฝ่ามือที่คล้องช่วงเอวเล็กๆนั่นเป็นแน่แท้


    ให้ตายเถอะ! ไม่มีใครบอกมึงรึไงว่าผู้ชายเค้าไม่เล่นกันแบบนี้หรอกเว้ย!


    "มีมือก็หยิบเอง เป็นง่อยรึไงวี ไม่เห็นเหรอเลือกรูปอยู่น่ะ"


    ทอยเหลือบตามองไอ้วีติดขำๆแต่ก็ไม่ได้ผละออกแถมยังยิ้มอ่อนอีก เออ ก็ถูกตามที่ผมเคยได้ยินมานะ ทอยเป็นคนยิ้มสวยมาก เพียงแค่ยิ้มเล็กๆก็สวย ยิ้มกว้างๆก็สวยแค่ปากกระตุกยังสวยเลยคิดดู!


    "ก็อยากให้มึงหยิบให้มากกว่า"


    "เดี๋ยวกล้องเปรอะทำไง"


    "เดี๋ยวเช็ดให้ก็ได้"


    "มันจะอร่อยกว่ากินเองรึไง"


    "อือ อร่อยกว่าเยอะ"


    พอเห็นว่าจะยืดเยื้อต่อไปก็ไร้ประโยชน์ในเมื่ออีกคนมันดื้อด้านหน้าทนขนาดนั้น ทอยจำใจหยิบคุ้กกี้กาแฟของชอบอีกฝ่ายขึ้นไปจ่อตรงปากพร้อมกับเอ่ยหยอกล้อกันเบาๆ


    "เซย์ อ้าาาา"


    "อ้า"


    วีเปิดปากรับคุ้กกี้สีน้ำตาลเข้ามาตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขาเคี้ยวๆๆแล้วกลืนลงคออย่างพอใจก่อนจะกลับไปซบไหล่บางๆนั่นต่ออย่างสงบ ท่ามกลางความตื่นตะลึงจากรอบข้างที่ไม่คุ้นชินกับการกระทำนี้เท่าไหร่นัก


    ไม่หน่อยหรอก โคตรรรรรรร ไม่คุ้นเลยต่างหากเว้ย!


    คีย์แทบจะยกนิ้วจิ้มตาตัวเองให้บอดวินาทีตอนเห็นไอ้หมาวีที่มักทำตาขวางเหมือนเป็นโรคกลัวน้ำพร้อมกัดคนทุกเมื่อกลายเป็นบางแก้วตัวน้อยแสนซื่อสัตย์ ได้แต่บอกตัวเองว่ากูละเมอเพ้อไปเองแต่จะขยี้ตากี่ครั้งไอ้ภาพหลอนนี่มันก็ยังไม่หาย


    ฟ้าคคคคค หมาบ้าวิศวะกลายเป็นหมาบ้านไปแล้วเร้อ!?


    "ถ้าพวกมึงจะหวานเลี่ยนดุจเฮลล์บลูบอยส์ใส่น้ำตาลอีกสิบช้อนขนาดนี้ก็คบกันเป็นแฟนเลยเหอะ"


    ไอ้เกมแย้งขึ้นแม้วาตามันยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอpsp ไม่สะทกสะท้านแม้เพื่อนข้างๆแทบจะได้เสียกันทางซอกคออยู่แล้ว เอ่อะ ไม่สิ ถ้าลองมานั่งตรงข้ามมันอย่างผมอาจจะสังเกตอะไรบ้างอย่างได้.... ทำไมมือมันสั่นจัง? หน้ามันก็แดงๆจางๆ ขนาดใส่ไอ้ที่ปิดปากอยู่ยังเห็นเลย ม่านตาแม่งขยายแปลกๆอีกต่างหาก


    มันไม่สบายรึเปล่าวะ?


    "เพ้อเจ้อ"


    "ไร้สาระ"


    ทอยกับวีด่าแบบลูกคู่แม้ทั้งคู่จะไม่สนใจไอ้คนข้างๆที่แม่งเริ่มสั่นจนจะลงไปชัก คือคีย์ก็คิดนะ พวกมึงสามคนนี่เป็นเพื่อนกันจริงหรือโดนจ้างมาร้อยนึงวะเนี่ย คนนึงนั่งเล่นกล้อง อีกคนซบคนเล่นกล้อง อีกคนเล่นเกมไปชักไป แม่งยังกะอยู่คนละโลก!


    ตึ้ง!


    เสียงไลน์เด้งขึ้นเสียงนึงแต่หลายคนควานหาโทรศัพท์ตัวเองเป็นพัลวัน อันที่จริงแค่ไอ้สองแฝดที่แม่งวุ่นวายเห็นว่าเพิ่งทักสาวที่ไหนไปเนี่ยแหละ ส่วนผมมั่นใจว่าตัวเองเปิดสั่นอยู่ และผู้โชคดีของวันก็คือทอย คนหน้าสวยของศิลปกรรมอ่านข้อความจบก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงก่อนปัดขยะ(?)ตรงไหล่ออกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความยาวขา


    "โดนตามตัวว่ะ เดี๋ยวเอาของไปให้เพื่อนที่คณะแป๊ปนะ"


    ว่าแล้วเจ้าตัวก็วิ่งไปกระโดดขึ้นมอไซต์ที่แลดูไฮโซสุดไรสุดของคนที่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมคณะไป ทิ้งไอ้หมาตัวเท่าหมีนั่งหูลู่อย่างเดียวดาย แต่ไม่นานนัก โทรศัพท์เจ้ากรรมของมันก็สั่นขึ้นมาเหมือนจะรู้งาน


    วีจ้องมันด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมปล่อยให้มันแผดเสียงรำคาญหูอยู่นานจนไอ้เกมต้องผละความสนใจไปให้มันบ้าง


    "เป็นอะไรของมึง"


    "ไอ้เวย์โทรมา"


    สิ้นคำหน้ามันทั้งคู่ฉายแววเครียดทั้งคู่แทน ไอ้วีถอนหายใจก่อนจะขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ตามระเบียบ


    คิวโค้กเริ่มสะกิดกันยึกยักๆ ฝาแฝดส่งข้อความกันทางสายตาก่อนคิวจะเป็นคนดึงแขนเรย์ผู้โชคร้ายที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่ข้างๆผมออกไปด้วย ส่วนโค้กระบายยิ้มกว้างอารมณ์ดีพร้อมกับแจ้งจุดประสงค์


    "ไปเซเว่นแป๊ปนะ หิวเป๊ปซี่"


    "อยากกินฟุตลองจังเลยยย"


    ไอ้แฝดว่าแล้วก็หัวเราะคิกคักกันสนุกสนาน ส่วนเรย์ไม่ได้พูดอะไรแค่ถอนหายใจและฉกเอาการ์ตูนไปอ่านต่อเท่านั้น เสียงหัวเราะค่อยๆจางหายไปตามระยะทางจนกระทั่งเงียบหายไปที่สุด และเมื่อหันกลับมาพบกับสถานการณ์ตรงหน้าคีย์ก็เพิ่งนึกได้ว่าเขากำลังเผชิญกับอะไร


    สองต่อสอง... กับความอึดอัดแบบเดิมเพิ่มเติมคือมากขึ้น


    "....."


    "ตั้งแต่คนเต็มยันคนหมด มึงไม่คิดจะคุยอะไรกับกูบ้างเหรอ"


    เกมเอ่ยเหมือนกับกำลังพูดประโยคสามัญธรรมดาอย่างเช่นสวัสดีตอนเช้า ในขณะที่คนฟังเกือบจะสะดุ้ง คีย์เหล่ตามองแต่ดันบังเอิญหันไปสบพอดี เขารีบสะบัดหน้าหนีก่อนตอบเสียงแข็งกลับ


    "กูไม่อยากคุยกับมึง"


    "แต่มึงก็คุยอยู่..... โอเคๆ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว เลิกจิกตาใส่กูเถอะ"


    ยิ่งฟังก็ยิ่งกดคิ้วต่ำลง ใจจริงอยากจะสะบัดหน้าหนีแรงๆใส่มันสักครั้ง แต่ถ้าทำก็ดูจะแต๋วไปหน่อย คีย์เท้าคางกับโต๊ะหินอ่อนทิ้งไว้แต่รูปหน้าด้านข้างให้อีกฝ่ายชมเชย


    เกมไม่ได้ตอแยหรือทำตัวหน้ารำคาญเพียงนั่งเงียบราวกับเฟดตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมไป รอบด้านเงียบลงยังกับว่าอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงใบไม้เสียดกับแรงลมและเสียงแกรกๆเหมือนมีคนเอาอะไรมาขูดกันเบาๆ


    ...


    ว่าแต่มันเสียงอะไรวะ?


    "เฮ้ย! อย่าขยับดิ องศาหน้านี้หล่อกำลังได้ที่เลย!"


    ไอ้เกมแหกปากร้องตอนคีย์ขยับหน้าไปมองด้านข้าง เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่าเผลอปล่อยไก่ตัวเท่าหมาไซบีเรียนไปก็รีบวางมือที่ถือดินสอไม้อยู่ลงกับโต๊ะเนียนๆ ดวงตาโผล่พ้นหน้าม้ารกเสหลบไปไม่สบกัน ส่วนอีกมือใช้ปิดสมุดปกดำเล่มเขื่องคล้ายสมุดศิลปะที่ใช้เรียนตอนมัธยม .....แหม่ เพลินเลยสิมึง


    "นี่มึงวาดรูปกูอยู่เหรอ?"


    "เปล๊า วาดดอกไม้ข้างหลังพู้นนนน"


    "กูยังไม่อนุญาตให้วาดเลยนะเว้ย เอามาเลย!"


    คีย์ยืนขึ้นเต็มตัวก่อนจะแบมือออกตรงหน้าเด็กศิลปกรรมที่กำสมุดตัวเองเหมือนจะหวงยิ่งกว่าชีวิต เหมือนจะมีเขียนตรงหน้าปกว่า 'deathnote' ด้วย นี่กูถูกกูจะไม่ตายใช่ไหมตอบ! ไอ้เกมเลือกปฏิเสธทางสายตา คีย์จิ๊ปากแล้วยืนยันคำเดิมซ้ำ


    "เอามาให้กูดู"


    "เหย! จะดูอะไรล่ะ วาดโครงกูยังวาดไม่เสร็จเลย เพราะมึงเอาแต่ขยุกขยิกไปมาแบบเนี้ย"


    "ไอ้เกม"


    "นั่งลงเหอะคีย์ เดี๋ยววาดเสร็จกูจะให้ดู ถึงฝีมือวาดรูปพอทเททกูจะกากมากเมื่อเทียบกับไอ้ทอยก็เถอะ แต่กูจะพยายาม"


    "มึงแน่ใจนะว่าจะไม่วาดกูออกมาเป็นแบบหมาๆแมวๆไส้เดือนกิ้งกือไรเงี้ย ...ไม่ๆๆ มึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง กูยังไม่อนุญาตให้มึงวาดซะหน่อย"


    "หน้าตามึงก็ดี จะหวงทำไมให้เสียของวะ"


    คีย์ฉวยเข้าไปหยิบสมุดวาดเขียนมาจากมืออีกฝ่าย ทว่าเกมก็คงไม่ยอมปล่อยลูกรักให้หลุดมือไปง่ายๆรวมทั้งเบี่ยงตัวหลบ แต่อาจเพราะความชังจากนรกภูมิขุมไหนไม่ทราบ กลายเป็นว่าหน้าเขากับมันอยู่ใกล้กันไม่กี่ช่วงฝ่ามือ


    ร่างกายเขารีบสปริงกลับที่เดิมแบบอัตโนมัติ ความรู้สึกกระดากอายก่อขึ้นในใจเหมือนหมอกควันจากการเผาป่าภาคเหนือ คีย์กลับไปเท้าคางท่าเดิมขณะที่ใบหน้าหล่อมุ่ยลงน่าเอ็นดู


    "ทำไรก็ทำเลยมึงน่ะ!"


    "เสียงดังอะไรวะ? เขินเหรอ? หึ มึงขยับเข้ามาเองนะคีย์"


    "เออๆ กูผิด แล้วมึงจะชะโงกหน้ามาทำไมนักหนา ใกล้ๆขนาดนี้ก็นั่งตักเล่นจ้องหน้ากับกูเลยไหมล่ะ"


    คีย์สะบัดมือจะให้มันฟาดไอ้หน้าขาวๆซีดๆเหมือนผีที่บังอาจยื่นหน้ามาเยาะเย้ยให้มันช้ำซักทีสองที แต่เกศรินทร์ก็ยังหลบได้ตามเคยเพราะไม่ใช่เคสนี้เป็นเคสแรก เขาเคยเจอทั้งมือไอ้วีแล้วก้มือไอ้ทอยตอนหงุดหงิด(ซึ่งหายากมากกกกก)ด้วย


    "ท้าเหรอ"


    "กูประชด!"


    "จำเป็นต้องฟังมึงด้วยเหรอ ที่ข้างๆก็ว่างป่ะ ไม่มีใครห้ามกูด้ายยยย~"


    "หยุดเลยไอ้เกม มึงจะเสียสติก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง"


    "แต่กูอยากได้มุมตรงหน้ามึงมากกว่า อีกอย่างกูนั่งคนเดียวมันเหงานะเว้ย สองคนอุ่นใจอุ่นตูดกว่าเยอะ"


    คีย์ถลึงตาพลางเงื้อหมัดขู่ฟ่อๆ แต่สำหรับนายเกศรินทร์เจ้าของลัทธิบูชาไฟ(?)ภาพตรงหน้ามันเหมือนการเชื้อเชิญให้เข้าไปรับหมัดมากกว่า โอเค แต่อย่าเลย ไม่อยากลำบากคอยประคบเย็น -..-


    "ปากแบบนี้เดี๋ยวมึงจะโดน เดี๋ยวเพื่อนๆมึงก็กลับมาแล้ว ทนเอาดิวะ"


    "ไอ้ทอยกลับไปคณะซึ่งมึงว่าวิศวะกับศิลป์มันใกล้กันป่ะ?"


    คำตอบคือแม่งโคตรไกล...


    แต่ถึงอย่างนั้น คีย์ก็ยังไม่ลดละความพยายาม


    "เดี๋ยวไอ้วีก็มา"


    "ปกติไอ้เวย์ไม่เคยโทรพี่มันนอกจากจะมีเรื่องด่วนจริงๆ มึงคิดว่าคนเราจะคุยเรื่องด่วนกันนานไหมล่ะ"


    คำตอบคือนาน แถมสองคนมันยังรู้จักกันดียังกับแอบซ่อนกล้องไว้ในบ้านไอ้วี


    แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเหลืออีกความหวังนึง


    "งั้นพวกไอ้เรย์..."


    "เพื่อนมึงเอง มึงน่าจะรู้ดีนะคีย์ ไอ้แฝดมันชอบแกล้งมึงเป็นทุนเดิมมันตั้งใจทิ้งมึงกับกูไว้ด้วยกันอยู่แล้ว แถมเรย์ก็คงไม่ขัดใจพวกมัน ป่านนี้แวะทุกเซเว่นที่เดินผ่านละมั้ง"


    "..."


    "มึงหมดข้ออ้างรึยัง?"


    "เออๆๆ กูยอมแล้ว มานั่งข้างๆก็ได้ แต่อย่ามานั่งตักกูก็พอ"


    "นี่มึงห่วงแค่เรื่องเนี้ย เหอะๆ ไม่มีใครเค้าบ้าจี้นั่งตักมึงจริงๆหรอก"


    ก็มีอิคนหน้าด้านคูณด้านแบบมึงนั่นแหละไอ้ฝรัด! มึงยังจะกล้าพูดนะ!


    "เรื่องแบบนี้...ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไปไม่ดีกว่ารึไง"


    ถ้าคนอื่นพูดคงจะดูดีอยู่หรอก แต่พอเป็นไอ้เกมแม่งโคตรไม่เหมาะซักนิด...


    ไอ้คนโดนด่าในใจเคลื่อนที่ตัวเองลงมานั่งข้างๆกันตามที่ว่าแบบไม่รู้สึกรู้สา เกมถกเเขนเสื้อตัวเองให้อยู่ทรงก่อนหยิบดินสอไม้ขึ้นมาควงเล่น อาจจะรอให้จินตนาการฟุ้งหรืออะไรก็แล้วแต่ เราทั้งคู่เริ่มเงียบกันอีกครั้งระหว่างรอมันแกว่งดินสอบ้าง รึว่าอมดินสอบ้างก็ตาม มันเกือบลุกเดินไปคุยกับต้นไม่แล้วถ้าผมไม่ห้ามก่อน ไอ้ผมก็พอรู้นะว่าศิลปินมันต้องใช้เวลา แต่มึงก็บิ๊วนานป้ายยย


    เกมกลับมาอีกครั้งพร้อมอารมณ์ฟุ้งเฟ้อ ไส้ดินสอคาร์บอนถูกวาดไปตามกระดาษแบบเร็วๆในแบบที่คีย์แอบประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นมันในโหมดนี้ ในเวลาที่ดวงตามันมั่นคงต่อสิ่งตรงหน้าทำให้ไอ้เกมดูมีเสน่ห์ในอีกมุมมองที่เขาไม่เคยเห็น


    เอ่อะ... ที่จริง มันก็ไม่เคยทำอะไรมีเสน่ห์ให้กูดูอะไรนี่หว่า


    แกร่กๆๆ


    "..."


    เมื่ออีกคนหลุดเข้าโลกส่วนตัวไปแล้ว มันก็เหลือแต่ผมที่ยังอยู่ในโลกความจริงคนเดียว นิ้วยาวจากมือผมค่อยๆเคาะลงตามผิวโต๊ะเป็นทำนองจากเพลงที่มักจะฟังบ่อยๆ อ่า ไม่อยากคุย ตอนมัธยมผมเคยฝึกเล่นเบสไปฟอร์มวงกับเพื่อนด้วยนะ แต่ตอนนี้นี่แค่จำวิธีเล่นก็เต็มกลืนละ


    "ถ้าเบื่อจะเอาเพลงกูไปฟังก็ได้นะ"


    "ห๊ะ"


    "กูไม่อยากให้นายแบบรู้สึกไม่ดี เพราะรูปกูมันจะรู้สึกไม่ดีไปด้วย"


    "อ่า เอางั้นเหรอ?"


    ไม่พล่ามอะไรให้ยืดเยื้อหรือมากความ ไอ้เกมจัดการยัดเครื่องmp3สีดำลายตัวการ์ตูนผมทองใส่มือผม ส่วนเจ้าของมันก็กลับไปจดจ่อสมุดวาดรูปต่อ


    'ขอบใจ'


    คีย์เอ่ยเพียงข้างในใจคนเดียว เพราะหากเผลอพูดออกไปเกรงจะกลายเป็นการทำลายสมาธิอีกฝ่ายมากกว่าจะเป็นเรื่องดี


    ...


    ไม่หรอก จริงๆน่าจะเขินมากกว่า


    ผมนั่งพลิกสำรวจเครื่องเพลงอยู่พักนึงแล้วจัดการเสียบหูฟัง เมื่อกดปุ่มเริ่ม เสียงดนตรีกับทำนองไม่คุ้นหูก็ดังกระหึ่ม ภาษาไม่คุ้นเคยทำให้ผมไล่รายชื่อเพลงรัวๆ ในเครื่องไม่ค่อยมีเพลงไทยส่วนมากเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นรึอังกฤษทั้งร็อค ป๊อปและบัลลาดช้าๆ บางเพลงก็มีเสียงแหลมๆเปล่งๆยังกับไม่ใช่เสียงคน แต่ฟังไปก็เพราะดี ถือว่ารสนิยมไม่เลว


    คีย์เลือกจะฟังเพลงสากลมากกว่าชาติใกล้เคียง นิ้วชี้ยาวเคาะกับโต๊ะอย่างอารมณ์ดี ดนตรีช้าๆโทนบลูค่อยๆประโลมให้เปลือกตาผ่อนคลายลงแทบสนิท เขาคิดว่าหลังจากวันนี้คงต้องโหลดเพลงบัลลาดใส่เครื่องไว้ฟังบ้าง.... ซะ... แล้ว...


    ...


    "ทำไมมึงมองกูแบบนั้น"


    หลังจากหลับตาลงไปครู่นึง คีย์ลืมตาขึ้นมาเพื่อเจอว่าอีกคนได้ละมือจากสมุดวาดเขียนมาจ้องหน้าเขาเงียบๆ ไม่มีอาการอะไรนอกเหนือจากภาพสะท้อนของเขาในดวงตาของมัน


    "กำลังคิดว่าแสงมุมนี้สวยเกินไป แล้วมันก็ทำให้มึงดูดีเกินไปด้วยว่ะ"


    "จะบอกว่าปกติกูไม่หล่องั้นสิ"


    "ยังไม่ได้พูดแบบนั้นซักคำ"


    ไอ้เกมว่าขำๆ บรรยากาศของเราดูจะผ่อนคลายลงจากการล้อเล่นเหมือนเพื่อนปกติ แต่ไม่นานมันเริ่มกลายเป็นเดดแอร์ย่อมๆ คีย์จึงเลือกเป็นฝ่ายเปิดการสนทนา


    "เมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ เมื่อยแล้ว"


    "อีกแป๊ปนึง มึงไม่รู้รึไงว่าอย่าเร่งคนวาดรูป จินตนาการมันจะไม่ฟู"


    "อ่ะๆ ตามที่มึงต้องการเลยละกัน.... จะว่าไปไอ้เหี้ยวีนี่ตกบ่อปลาสวายตายห่าไปแล้วมั้ง"


    "ไม่อยากอยู่สองคนกับกูขนาดนั้นเชียว"


    "ยังไม่ได้พูดแบบนั้นซักคำ"


    ประโยคปฏิเสธเดิมถูกยกขึ้นมาอย่างกับต้องการจะล้อเลียน อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นจมูกครั้งเดียวก่อนจะหันไปวาดรูปต่อ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ดูจะเข้าหากันได้มากขึ้น เท่าที่ดูมันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร แค่อาจจะแสดงออกมากไปแค่นั้น


    แทร็คเพลงสักเพลงที่ผมไม่รู้จักจบลงไป ก่อนจะเริ่มด้วยแทร็คใหม่ที่เคยได้ยินจากร้านกาแฟที่ไหนซักแห่ง น่าแปลกที่คนห่ามๆแบบมันจะฟังเพลงหวานเลี่ยนพรรคนี้ เสียงกีตาร์นุ่มเรื่อยนำเวสแรกขึ้นมาตอนเริ่มเป็นจังหวะ ในครั้งเวสสองที่คุ้นเคย เขาก็อดโยกศีรษะพร้อมร้องคลอในใจตามไปไม่ได้


    And, darling, I will be loving you 'til we're 70

    And, baby, my heart could still fall as hard at 23

    And I'm thinking 'bout how people fall in love in mysterious ways

    Maybe just the touch of a hand




    "เสร็จแล้ว"


    เสียงอู้อี้ๆเอ่ยขึ้นก่อนหมุนสมุดตัวเองแสดงผลงานสดๆร้อนๆ เผยภาพวาดจากดินสอในรูปแบบสองมิติคล้ายตัวละครในหนังสือการ์ตูน ไม่ถึงกับภาพเสมือนแต่ก็คล้ายตามต้นแบบ รวมทั้งโพสเจอร์และองค์ประกอบลัพธ์ส่วนใหญ่ก็อิงจากตัวเขาทั้งนั้น ไอ้เขาที่ไม่มีหัวด้านนี้เท่าไหร่มักจะตื่นเต้นกับเรื่องพรรค์นี้ทุกที


    แต่ก็...ต้องขอวางฟอร์มนิดหน่อย


    "ก็ดี..... แต่ทำไมมันมีแต่จมูกวะ"


    ไอ้เกมมองภาพวาดตัวเองก่อนเงยหน้าขึ้นมา ปลายดินสอถูกยกขึ้นมาจิ้มจึกๆตรงระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง


    "ก็ไม่อยากวาดมึงตอนหน้าเครียดนี่นา"


    "แล้วมึงจะปล่อยทิ้งไว้ให้กูเป็นสเลนเดอร์แมนแบบนี้เนี่ยนะ"


    "มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นป่ะ"


    "ยังไง"


    "ยิ้มดิ"


    ว่าแล้วอีกฝ่ายก็ใช้ตรงก้นดินสอจิ้มมาตรงข้างแก้มของคีย์เบาๆ ส่งแรงผ่านดินสอบังคับให้มุมปากหยักยกขึ้น แต่เขาคงไม่ยอมตามอีกฝ่ายไปง่ายๆ คีย์ปัดแท่งดินสอไปด้านข้างแทน


    "มึงวาดเองไม่เป็นไง๊?"


    "ไม่อ่ะ"


    "อย่ามาหลอกกู พวกเด็กศิลป์แบบพวกมึงมีพื้นฐานอยู่แล้ว นึกเอาก็วาดได้"


    "อ่า.... มันก็จริง ที่กูนึกเอาก็ได้"


    คนถูกหาว่าเป็นเด็กศิลป์ควงดินสอนับได้ครบถ้วนหกรอบแล้วใช้มันชี้หน้าคนตรงข้าม


    "แต่กูอยากเห็นมึงยิ้มมากกว่าคิดไปเอง"


    ใบหน้าโชว์เพียงครึ่งเสี้ยวเอียง30องศาตั้งกับสมุดส่งสายตาซื่อโง่ๆมาสนับสนุนคำพูดไร้สาระของมันที่ทำให้เขาเบลอไปสามวิฯ คีย์ก้มหน้าถอนหายใจก่อนจะยื่นมาไปตรงหน้าอีกฝ่ายและ....


    แป๊ะ!


    "โอ๊ย! ไอ่สัด เหม่งกู!"


    "ได้คืบเอาศอกตลอดนะมึง..."


    คีย์ว่าพร้อมใช้ฝ่ามือทาบปิดบริเวณดวงตาที่ชอบคุกคามเสรีภาพของเขา ไอ้เกมอ้าปากเหมือนเตรียมพร้อมในการพ่นการด่า ทว่าสุดท้ายมันก็นิ่งชะงัก เมื่อดวงตาทั้งสองที่โผล่พ้นง่ามนิ้วยาวเปิดกว้างค้างเติ่งกลางอากาศเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกชิ้นใหม่


    "พอใจยัง?"


    เขาค่อยๆลดมือลง กล้ามเนื้อบนหน้าเหมือนจะถูกตรึงด้วยเส้นด้ายสีแดง แต่ก็ยังโชคดีที่แว่นกรอบใหญ่ช่วยบดบังบางส่วนไว้


    "....มาก"


    ไอ้เกมตอบสั้นๆแล้วหลุบตาลงแล้วเริ่มตั้งสมาธิในการวาดรูปอีกครั้ง คราวนี้ดูเอาจริงเอาจังพิเศษ ซึ่งทำให้มันน่าเอ็นดูขึ้นมาระดับนึงในสายตาเขา ความเงียบเหมือนเป็นเพื่อนคนที่สาม คีย์เองจึงเลือกที่จะเอนสันกรามไปอิงแอบเเนบชิดกับฝ่ามือหยาบๆของตัวเองและกลับไปตั้งใจฟังเพลงต่อ


    แสงแดดวันนี้ก็ยังคงเจิดจ้าเช่นทุกวัน ดีหน่อยที่ตรงนี้อากาศค่อนข้างถ่ายเท ระลอกลมสดชื่นพัดมาอีกวูบหนึ่งช่วยพัดเอาความอบอ้าวออกไป พร้อมกับกลุ่มผมสีดำที่ปลิวล้อ ......เหมือนจะดูดีนะ แต่สำหรับกูกูรำคาญ!!


    หน้าม้าปิดหูปิดตาทำเอาคีย์อยากจะกระชากมันขึ้นรวมกันแล้วหยิบยางจากไหนซักที่มามัดให้มันไม่เกะกะลูกตาเหลือเกิน ได้แต่สงสัยว่าเจ้าของมันไม่รำคาญลูกตารึไงกันนะ ถ้ามันตาเหล่เขาก็จะไม่สงสัยเลยว่าเพราะอะไร ไอ้หน้ากากนั่นอีก เป็นบ้าอะไรถึงต้องใส่มาครบเครื่องยังกับเป็นวัณโรคพร้อมกับภูมิแพ้เรื้อรังวะ


    อ่า.... หงุดหงิดชิบ



    'Cause, honey, your soul could never grow old, it's evergreen

    And, baby, your smile's forever in my mind and memory

    I'm thinking 'bout how people fall in love in mysterious ways

    Maybe it's all part of a plan




    "โอ่ะ"


    "เอ่อะ"


    ทั้งคู่ถึงกับชะงักกระทันหัน เมื่อเกศรินทร์เงยหน้าขึ้นมาพบกับฝ่ามือข้างเดิมที่เคยปิดตาเขา แต่คราวนี้กลับเลื่อนมาแบบไม่รู้จุดประสงค์ แต่เหมือนเจ้าของมันเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน เกมกล่าวประโยคคำถามไปสั้นๆ


    "อะไร?"


    "กู...."


    ถูกจับได้คาหนังคาเขา ทำเอาสติเป๋ออกนอกเส้นทางไปไกลเกินกว่าจะดึงกลับมาเร็วๆนี้ คีย์อ้ำอึ้งไม่อาจตอบ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม กว่าจะรู้สึกตัวกลับอยู่ในท่าน่าอายนั้นซะแล้ว


    "กูแค่ ...เอ่อ แบบว่า"


    ดวงตานิลเลิ่กหนีไปทางอื่น วนกลิ้งกรอกจากซ้ายไปขวาเป็นครึ่งวงกลมเลียนแบบตุ้มนาฬิกา จนสุดท้ายคำโง่ๆคำนึงก็ผุดขึ้นมาให้หัวเขาได้ทันท่วงที


    "กู...อยากรู้ว่าถ้ามึงไม่ใส่ผ้าปิดปากแล้วมันจะเป็นยังไง .......ใช่ นี่แหละที่อยากรู้"


    คีย์เผยยิ้มแห้งไป โอเค นี่อาจเป็นคำแก้ตัวที่ดูไม่มีอะไรเลยแต่ก็ค่อนข้างเมกเซนซ์ระดับหนึ่ง และปฏิกิริยาตอบกลับก็คงไม่น่ากลัวมากนัก อาจจะแค่โดนเหลือกตาใส่จากคนที่เขามักทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ หรืออาจแค่โดนด่าว่าเสือกจากคนที่เขามักด่ามันไปก็เท่านั้น


    แค่นั้นเองจริงจริ๊ง...


    "งั้นมึงก็ลองถอดดูดิ"


    "ฮะ?"


    ปฏิกิริยาผิดกับที่คาดคิดตัลปัตรทำเอาเผลออุทานออกมาหนึ่งคำ ไอ้เกมขมวดคิ้วเหมือนจะถามว่า 'มีปัญหาอะไรกับข้อเสนอของกูรึไง มึงขอมากูก็จัดให้ ทำไมต้องทำหน้าแปลกใจเหมือนควายงงอย่างนั้นด้วย?'


    "เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ กูไม่ได้ติดใจขนาดนั้น"


    "ถ้าเป็นมึงก็ไม่เป็นไรหรอก"


    "..."


    "หมายถึง ก็เป็นเพื่อนกัน อยากรู้ก็จะเปิดให้ดูก็ได้ไง"


    คำพูดนั้นเหมือนต้องการจะทำลายหรืออย่างน้อยก็ช่วยละลายให้ความตื่นตระหนกในใจของเราทั้งคู่ แม้จะไม่สนิทใจกันบ้างแต่มันเป็นคนทอดสะพานมิตรภาพมาขนาดนี้ จะให้ทิฐิค้ำใจก็ไม่ใช่เรื่อง


    "เอางั้นเหรอ"


    ...


    "งั้นกูเปิด...นะ"


    ทั้งคู่สบตากันครู่นึงก่อนเกมจะปิดตาคล้ายคำอนุญาต ทิ้งเขาไว้กับความรู้สึกแตกแยกในตัวเอง คีย์พ่นลมหายใจออกมาฟู่ใหญ่ก่อนยื่นขิ้อนิ้วยาวไปเกี่ยวสายคล้องหูออกมาข้างนึงอย่างเชื่องช้า วินาทีผ่านไปเชื่องช้าและน่าหวาดเสียวราวกับโมเมนต์หวานอมขมกลืนของพระนางในละครน้ำเน่าหรือเมโลดราม่าซักเรื่อง


    แต่พวกกูไม่ใช่พระนางนะครับ! เอาฉากนี้ออกไปจากชีวิตกูดายมายยยยยยย



    So, baby, now

    Take me into your loving arms

    Kiss me under the light of a thousand stars

    Oh, darling, place your head on my beating heart

    I'm thinking out loud


    Maybe, we found love right where we are





    อีเพลงนี่ก็อีกอัน จะบิ้วกูไปไหน โฮวววว ไอ้เกม! มึงมันไร้รสนิยม!


    ยอม กูยอมใจทุกสิ่ง ถ้ามึงจะเป็นใจขนาดนี้ถีบกูส่งเข้าหอกับมันเลยก็ได้! อ่ะ กูไม่พร้อม เชิญถีบหัวส่งกูเลยตามสบาย


    คีย์ไม่รู้ว่าระยะระหว่างตัวเองกับอีกฝ่ายมีเท่าไหร่ เขารู้แค่รู้ว่าในตอนนี้ว่าไอ้เกมเป็นคนที่ขนตาสวยกว่าผู้หญิงบางคน สันจมูกไม่ถึงกับโด่งขนาดหยิบขึ้นมาฟาดแทนไม้คริกเก็ตได้แต่สโลปกำลังดีเหมาะกับหน้า และผิวขาวซีดของมัน...



    ไม่สนใจ! ไม่เห็นน่าสนใจซักหน่อย!


    เพราะงั้นรีบๆถอดซะทีเถอะไอ้คีย์  มึงจะได้พิสูจน์ใจว่ามึงไม่แพ้ของขาว เข้าใจไหมไอ้มือ!


    ถ้าเข้าใจมึงก็หยุดสั่นซะทีสิวะ ปั๊ดโถ่เว้ยยยยยย!


    นับในใจแล้วเปิดนะ สาม....





    สอง....




    .

    .





    "ยื่นหน้ามาใกล้ตอนกูเผลอแบบเนี้ย ชักจะสงสัยแล้วว่ะว่าใครอ่อยใครกันแน่"





    Oh, baby, we found love right where we are

    And we found love right where we are








    100 %









    แล้วมึงจะลืมตาทำไม๊!!!!!! -- Mr.Key screams silently



    ออกทะเลไหม? ใช่...... 50%แม่งไม่ได้เท่ากันเล๊ยยยยย U___U
    //สอบโอเน็ตสองวันนี้ทำให้รู้ว่าเรียนในห้องแอร์ก็ไม่ช่วยให้เก่งขึ้นคร่ะ <3

    อยากอ่อยผู้ชาย? ใช้เสียงเพลงเข้าช่วยสิ! เก่งมากเจ้าเกม! <3

    (เพลง Thinking Out Loud ของพี่ Ed Sheeran)




    ปล. เป็นคนขี้อวด (แปะ) คู่อิสองผัวเมียในจินตภาพของฉันกับฉากนั้นแหละค่ะ ภาพจางไปขออภัยโทษ อิ__อิ



     

    ©
    t
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×