ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมเป็นหนุ่มวาย 🌠 (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 -- เกมไม่ใช่เกย์

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 58





    บทที่หนึ่ง


    ' เกมไม่ใช่เกย์ '







    วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส ปุยเมฆสีขาวดุจคอนตอนแคนดี้สีขาวที่น่าแดก แดดที่ไม่ร้อนนรกระดับมีเดียมที่หาได้ยากในทุกวันนี้ สายลมอ่อนๆกับเสียงต้นไม้เสียดสีที่ชวนให้ง่วงเหงาหาวนอน บรรยากาศอันเงียบสงบของคนโชคดีที่ถูกปล่อยก่อนขณะที่คนอื่นยังไม่เลิกคลาส เพื่อฆ่าเวลาในการรอคอยใครบางคน เขาเลือกจะฟุบหน้าลงกับกระเป๋าสะพายข้างสีดำของตน


    ช่างเป็นวันที่ดีเหมาะกับสุขภาพและจินตภาพสิบแปดบวกที่กำลังโลดแล่นบนหัวสนุกสนานเหลือเกิน


    ถ้าไม่นับยัยผู้หญิงสองคนตรงหน้า...


    "ลิลลี่ นี่ตกลงแกจับพี่ปาล์มได้รึยังเนี่ย"


    ยัยผู้หญิงตัดผมบ๊อบย้อมแดงไม่แคร์รูปหน้าตัวเองยกมือขึ้นเป่าลมใส่เล็บสีแดงเพิ่งทาเสร็จสดๆร้อนๆของหล่อนพลางเอ่ยถามเพื่อนผมบลอนด์จอมปลอมตรงข้ามเธอที่กำลังตบแป้งโบ๊ะหน้าตัวเองจนแทบจะหนาออกมาเป็นเมตรๆ บาร์บี้ยี่สิบบาทขมวดคิ้วใส่กระจกพกพาแล้วเอ่ยเสียงหงุดหงิด


    "ยังน่ะสิแก พูดไปก็หงุดหงิด ไอ้ชั้นน่ะอุตส่าห์พยายามอ่อยแบบไปได้สวยเลย แต่จู่ๆไอ้พี่วาก็พังประตูเข้ามา แกรู้ไหมว่าเขาทำอะไรกับฉัน"


    เขาอยากตอบออกไปเหลือเกินว่าใครจะไปรู้กับหล่อนวะแล้วช่วยหุบปากไปซักทีได้ไหม แต่ก็เลือกจะไม่ทำเพราะขี้เกียจเกินกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ ส่วนแม่ผมแดงก็ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นเพื่อนหล่อนเต็มที่ ยัยบาร์บี้นั่นจึงพล่ามวีรกรรมน่าภาคภูมิของเธอออกมา


    "พี่วามันเก็บเสื้อฉันกลับมาใส่คืน แถมไล่ชั้นออกมาพร้อมยัดค่าแท็กซี่กลับบ้านน่ะสิ! แถมพี่ไอ้พี่ปาล์มมันก็ไม่พูดอะไรซักคำ เจออีกทีก็อยู่ด้วยกันกับไอ้วานั่นแถมเจอหน้าฉันมันก็หลบหนีด้วย! โอ๊ย พูดแล้วหงุดหงิดจริงๆ"


    "แย่จังเนอะผู้ชายสมัยนี้"


    ผู้หญิงสองคนปลอบกันอยู่ในทีก่อนจะย้ายไปหัวข้อไร้สาระอื่นๆ ขณะที่คนฟังอีกคนได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ วันนี้พระเจ้าดูจะไม่ค่อยเข้าข้างเขาเท่าไหร่กระมังเลยส่งแม่พวกนี้มารบกวนประสาทหู ถามว่าทำไมเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้น่ะเหรอ? เรื่องมันง่ายนิดเดียว


    อันดับแรก เขาเลือกที่จะนั่งรอเพื่อนตรงม้านั่งหินอ่อนนี่เพราะมันร่มเย็นสบายดี อันดับสองยัยบาร์บี้ยี่สิบบาทและสหายก็นวยนาดย้ายก้นใหญ่ๆของพวกหล่อนเข้ามานั่งโดยไม่เอ่ยขอพร้อมกับเติมหน้าจนฝุ่นคลุ้งไปหมด และอันดับสามเขาขี้เกียจเกินว่าจะบอกพวกเธอว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้


    และถ้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงกล้าพูดเรื่องน่าละอายแบบนั้นทั้งๆที่มีผมอยู่ใกล้ๆล่ะก็ คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวครับ...


    เพราะนายเกศรินทร์ หรือ 'เกม' คนนี้....เป็นผู้ชายจืดจางเกินกว่าที่ใครๆจะสังเกตเห็น


    ถามว่าทำไมถึงจืดจางน่ะเหรอ


    ไอ้เรื่องพรรค์นี้นี่ต้องมีเหตุผลด้วยรึไงวะครับ?


    หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้และน่าสังเวช แต่สำหรับเกมมันเป็นดุจพรสวรรค์ที่สรวงสวรรค์มอบให้ตั้งแต่เกิด เพราะมันทำให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบสงบสุข สบายกาย สบายใจอย่างเต็มที่ตั้งแต่เด็กจนทุกวันนี้


    เรื่องเสือกก็เช่นกัน...


    "อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"


    เสียงนุ่มดังขึ้นด้านหลัง เกมเหลือบตาไปยังผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังเดินตรงเข้ามา ด้านหลังเป็นเพื่อนร่วมสาขาของอีกฝ่ายที่คงเพิ่งบอกลากันไป ดวงตานิลจ้องเรื่อยขึ้นไปถึงรอยยิ้มหวานบนใบหน้าสวยๆที่ไม่ว่าจะมองเมื่อไหร่ก็สามารถเยียวยาหัวใจของผู้ชายตายซากอย่างเขาได้เสมอ เอ่อ ไม่ใช่ในด้านนั้นหรอก แค่หมายถึงว่ารอยยิ้มของมันทำให้โลกดูสดใสขึ้นแค่นั้นเอง


    สองสาวที่เข้ามาร่วมโต๊ะแบบไม่ได้ตั้งใจมองหน้าคนมาใหม่แบบอ้ำๆอึ้งๆ เกมคิดว่าพวกหล่อนยังไม่เหลือบตาเห็นเขาแน่นอนปฏิกิริยาถึงยังอ่อนแบบนี้ คำถามที่ไร้ซึ่งคนตอบเมื่อครู่ของอีกฝ่ายทำเอาพวกเธอมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พอเห็นไม่มีใครอยู่บริเวณนี้นอกจากพวกเธอ ยัยบาร์บี้ยี่สิบบาทเลยตอบกลับเสียงเบา


    "พะ พักนึงแล้วค่ะ"


    "วันนี้เรานัดกันไว้ ลุกเร็วๆเลย"


    ไอ้หนุ่มหน้าสวยพูดเสียงเข้มก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ายีนส์ขาดของตัวเอง ทว่านายเกมยังคงแน่นิ่งเหมือนแพนด้าแห้งเฉา อันที่จริงเขาไม่ใช่คนชักช้าอิดออดอะไรนักหรอก แค่อยากรอดูคนหน้าแตกมากกว่า


    อ่อ ไม่ใช่ รุ่นนี้โปะมาหนา คงไม่หลุดง่ายๆหรอก...


    "เอ๋ พูดอะไรน่ะ เรารู้จักกันเหรอคะ เอ่อ แต่ไม่เป็นไรฉันว่างนะคะ"


    แม่ผมบลอนด์ย้อมเอ่ยขึ้นโดยมียัยหัวแดงพยักหน้าเสริมเป็นลูกคู่ แม้สีหน้าจะเหนียมอายแต่สาบานเถอะว่าใจหล่อนคงจะวิ่งเต้นอยู่บนดาวอังคารเสียแล้วเป็นแน่ที่จู่ๆก็ถูกผู้ชายหน้าตาดีน่ารักน่าเคลมแบบนี้มาชวนไปด้วย หารู้ไม่ว่าปากแดงๆของหล่อนกำลังสั่นริกๆเหมือนเก็บอารมณ์เต็มที่เนี่ยมันตลกจนไอ้เกมแทบจะหัวเราะออกมา


    "พูดกับผมเหรอครับ?"


    ชายผิวขาวทำหน้าเหลอหลาพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เขาเองก็เพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวทั้งสองแบบตั้งใจก็เมื่อกี้นี้


    "เอ๋ เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดกับพวกฉันเหรอคะ?"


    "ขอโทษครับคุณทั้งสอง แต่ผมทักเพื่อนผมเฉยๆครับ"


    ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ขณะที่พวกหล่อนเริ่มมีหน้าที่ปั้นยาก ทั้งสองเริ่มส่งสายตาหากันอ่านได้ว่า 'ใครวะ' และอาจจะลามไปถึงเรื่องพลังงานลึกลับก็เป็นได้


    "เพื่อนไหนคะ ก็ตรงนี้มีแค่..."


    "เก็บของเสร็จแล้ว ไปเหอะ"


    เกมโพล่งเสียงดังพร้อมลุกขึ้นเป็นการตัดบทสนทนาของทั้งสองฝ่าย ถึงหน้าโง่ๆครั้นพวกเธอเงิบนั่นจะตลกมากแค่ไหนแต่เห็นมากๆแล้วมันน่ารำคาญ ทันทีที่เขาประกาศตัวแม่สาวทั้งสองก็เบิกตากว้างจนไอ้แผ่นตาสองชั้นแทบกระเด็นหลุด


    "ว้าย! นาย! มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!! นี่ นี่ อย่าบอกนะว่า....แอบฟังงั้นเหรอ! ทุเรศ!!"


    "....ก็พูดเองไม่ใช่รึไง น่ารำคาญ"


    "อะไรนะยะ!!"


    "บางทีผู้ชายสองคนก็เพียงพอไม่ต้องการมือที่สามแบบเธอหรอกครับ ไม่ดิ ผู้หญิงแบบเธอน่ะผู้ชายเค้าไม่แลหรอก"


    "เฮ้อออ เกมไปเหอะ"


    หนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนดึงแขนพร้อมลากออกไปเพราะแม่สาวทั้งสองเริ่มจะแสดงอาการไม่พอใจเนืองๆ แต่ไอ้คนหน้าตายกลับพูดไม่ยอมหยุด ไอ้เขาอยากจะตบปากมันให้ตาย แต่ก็ห้ามมันไม่ได้ยิ่งเฉพาะตอนนี้


    "อ้อ เผื่อจะไม่รู้นะแม่บาร์บี้ยี่สิบบาท สมัยนี้หนุ่มๆของเธอเค้ากินกันเองแล้ว"


    ตอนที่มันจะเรียกร้องหาสิทธิให้เหล่าคุณผู้ชายทั้งหลาย....


    "นี่แกอย่ามาพูดเลอะเทอะนะยะ ประสาทไปแล้วรึไง! ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงเท่านั้นย่ะ!"


    "เชยสัด นี่เกิดมาตั้งแต่พศ.ไหนครับเนี่ย ตรรกะพรรคนั้นไม่มีคนเชื่อแล้วครับ ผู้ชายเองก็มีรูครับทั้งปากและ....."


    นิ้วยาวจุดไว้ที่ปาก และลำดับถัดมาเกมไม่ได้ขยับมันไปหาอวัยวะที่เขาพูดในใจถึงที่จริงถึงไม่พูดใครๆก็รู้ก็เถอะ ริมฝีปากบางยกยิ้มเยาะขึ้นมาช้า


    "สองรูผลัดกันเสียบได้ไม่ลำบากขนาดสามรุมหนึ่งยังไหวแถมฟิตได้ใจกว่าด้วย ...เพราะงั้นไม่มโนนะครับชะนี"


    "อี๋....."


    "ไอ้ ไอ้ทุเรศ ไอ้เกย์ทุเรศ!!"


    ปึก!


    ฝ่ามือกว้างฟาดลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน ดวงตาสีนิลแข็งกร้าวเหลือบขึ้นมองหน้าจอมปลอมทั้งสองอย่างหงุดหงิดจนแม่ผมบลอนด์หน้าเสียหน่อยๆ เกมเป็นคนที่ไม่โกรธง่ายแต่ไม่ได้โกรธไม่เป็น โดยเฉพาะกับคนที่ดูหมิ่นเขา มีหลายคำที่เขาไม่ชอบและรำคาญทุกครั้งเวลาได้ยินมัน โดยเฉพาะไอ้คำที่ว่าเขาเป็นเกย์แบบนี้


    "ผมไม่ใช่เกย์ครับ"


    "..."


    "แค่มีรสนิยมชอบให้ผู้ชายได้กันเฉยๆ"




    เพราะเวลาได้ยินแบบนี้ที่ไรต้องเอ่ยปากแก้ข่าวไปเสียทุกทีเลยแบบนี้ไงมันเลยน่ารำคาญ


    ก็ตามนั้นแหละ ผมไม่ใช่เกย์หรอกครับ


    ตราบใดที่ฟูดันชิไม่ได้แปลว่าเกย์...


    ไอ้เกมก็ยังแค่เป็นหนุ่มวายที่สนับสนุนให้ผู้ชายได้กันเฉยๆเท่านั้นเอง






     
    ( 50% )
     




    "วี วันนี้มึงว่างเปล่า"


    "ไม่ว่าง มีนัดแดกข้าว กำลังจะไปด้วย"


    วีรภัทรตอบขณะที่มือยังสาละวนอยู่กับการตอบข้อความในโทรศัพท์มือถือ ฝ่ามือกว้างสีแทนยกเป้ลายกราฟิตี้พาดบ่าพร้อมเดินทางตามที่บอก ดวงตาน้ำตาลเข้มเช่นกันกับสีผมหันมามองเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ ด้านหลังมันเป็นเพื่อนอีกคนของเขากำลังนั่งซึมถือแผ่นกระดาษเล็กๆมองไม่ละสายตา


    "กับสาว?"


    "เพื่อน"


    "กูว่าแล้วอย่างมึงไม่น่ามีสาวไหนติด เอาไอ้เชี่ยคีย์นี่ไปด้วยดิ มันไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่กลางวันและ หน้าก็เหี้ยยังกับคนโดนของ"


    ไอ้คิวว่าพร้อมบุ๊ยปากไปทางตัวต้นเหตุข้างหลัง มันเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนจะรู้ว่าถูกนินทาแต่ไม่ได้ว่าอะไร วีเริ่มไล่ตาสังเกต ดวงตาใต้กรอบแว่นของมันช้ำเหมือนคนไม่ได้นอนแถมยังคล้ำดันให้ลูกตาดูลึกลงไป ใบหน้าที่ว่าขาวแล้วก็ซีดเซียวลงเหมือนคนติดยา ไม่เหลือมาดของหนูอัคคี องค์ชายน้อยของเหล่าผองเพื่อนซักนิด


    "แล้วไอ้เหี้ยคีย์เป็นอะไร ทำไมพวกมึงไม่เอามันไปเองวะ มันไม่รู้จักเพื่อนกูนะเอาไปมันจะไม่เซ็งเหรอ"


    "งานเข้าพร้อมกันเลยว่ะเหลือแค่มึงนี่แหละ แค่พามันไปแดกข้าวกันตายแล้วเอาเข้านอนพอ มันถูกสาวปฏิเสธมาทั้งๆที่ตามจีบมาหลายเดือน คนนี้มันจริงใจมั้ง นิดๆหน่อยๆสำออยจะเป็นจะตาย"


    "เอาอีกแล้ว พวกมึงนี่ไม่มีประเด็นอื่นจะเสียใจกันแล้วรึไงวะ"


    วีถอนหายใจ ไอ้เพื่อนส่วนใหญ่ของเขาก็ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายในหัวข้อนี้บ่อยๆซึ่งวีไม่เข้าใจซักนิดว่าไอ้คนพวกนั้นที่เขาไม่เห็นหัวเรามันมีคุณค่าหรืออิทธิพลต่อชีวิตของเราอย่างไร แต่จะพูดแบบนั้นออกไปก็แลดูไร้หัวใจนัก อีกทั้งเขาเองไม่เคยได้พบเจอกับตัวถึงพูดไปก็ไร้น้ำหนักความน่าเชื่อถือ


    "อันที่จริงตอนแรกมันก็ดูโอเคอยู่ แต่ทีหลังแม่มันไลน์มาบอกว่าไอ้ทูน่าแมวที่บ้านตายแล้ว ไอ้เชี่ยคีย์เลยซึมเศร้าแบบที่มึงเป็น"


    "ตกลงที่เป็นแบบนี้เพราะแมว"


    คิวพยักหน้าเหนื่อยๆ สาเหตุนี่มันทำให้เขาอยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ โอเค แมวตายเลยเศร้ามากกว่าหญิงปฏิเสธ เมกเซนซ์ เมกเซนซ์จนเขาไม่รู้จะว่ายังไงเลยล่ะ


    วีปรายตาไปมองอีกครั้งแล้วถอนใจ ใจนึงรู้สึกรำคาญแต่อีกใจก็รู้สึกเป็นห่วง เห็นหน้ามันทีไรหัวใจอ่อนยวบยาบทุกที แน่นอน คีย์มันเป็นคนหล่อ ....แล้วดันสวยด้วย ตัวสูงแต่ไม่เท่าเพื่อน ผิวขาวออกซีดๆ ชอบใส่แว่นกรอบใหญ่ๆเพราะมันอยากดูเนิร์ด(อยากจะด่าเหลือเกินว่าไม่ได้ส่องกระจกเลยรึไงว่ามันทำให้มึงดูฮอตกว่าเดิมซะอีก) เพราะรูปหน้าและรูปร่างแบบนั้นมันทำให้คีย์กลายเป็นเจ้าชายน้อยที่ถูกคนในกลุ่มประคบประหงมโดยไม่รู้ตัว มันเหมือนน้องคนสุดท้องของพวกเราในขณะที่เขาเป็นพี่ลำดับกลางๆที่ชอบทำตัวอันธพาลหน้าโหด


    "เออๆๆ เดี๋ยวกูดูมันเอง พวกมึงไปเถอะ"


    "เออขอบใจมาก แล้วเพื่อนมึงโอเคใช่ไหม"


    "ต่อให้กูเอาพวกมึงไปทั้งแก๊ง พวกแม่งก็ว่าอะไรหรอก"


    "อ่อ เพื่อนมึงนี่ใจกว้างดีเนอะ"


    วีฟังแล้วก็เบ้ปากกรอกตาไปมา สำหรับทอยน่ะอาจจะใช่ แต่อีกคนน่ะมันตรงข้ามกับที่มึงพูดเลยว่ะ เขาหวนนึกถึงไอ้ใบหน้ากวนตีนๆตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนทุกวันนี้มันก็ยังเหมือนเดิม โดยเฉพาะไอ้ดวงตาปลาตายชวนให้ยั้งตีนไม่อยู่นั่น ไม่รู้นรกชั้นไหนบันดาลให้รู้จักกันจนถึงวันนี้


    "ใจกว้างเหี้ยไรล่ะ เชี่ยเกมแม่งไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเองต่างหาก"


    "...."


    "..."


    "เออ โชคดีล่ะกัน"














    การนัดกินข้าวเย็นพร้อมกันจะเกิดขึ้นอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการยืดเยื้อความสัมพันธ์อันเนิ่นนานของเกศรินทร์และวีรภัทรโดยมีธีรธรหรือทอยเป็นสักขีพยาน พูดไปก็ว่าเว่อร์เปล่าๆเพราะที่จริงพวกเขาเองก็เช่าหออยู่ที่เดียวกันต่างก็แค่เลขห้อง แค่เรียนคนละคณะ แต่ยังไงการได้เจอกันทำกิจกรรมร่วมกันแบบสม่ำเสมอถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของครอบครัวอย่างนึง


    โอเคๆเริ่มออกทะเลอีกละ ตอนนี้ผมเกมกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ในร้านขายรองเท้าแบรนด์ที่วัยรุ่นชอบใส่กัน ถามว่าผมมาทำเชี่ยไรที่ร้านรองเท้าแต่ไม่ซื้อรองเท้าเหรอ? มาเอาWifiมั้งครับ นั่งรอคุณชายธีรธรลองรองเท้าอยู่หรอก แล้วก็รอคุณชายวีรภัทรเสด็จด้วย ท้องผมเองก็เริ่มแกร่วๆออกมาแล้วซ้ำผมไม่ค่อยชอบรอใครนานแต่ครั้งนี้มันพิเศษนิดหน่อย ก็พี่วีเค้าอาสาจะเลี้ยงสุกี้ในห้างอ่ะครับ พอดีมีมารยาทบวกกับความอยากแดกเลยต้องทนรอเจ้ามือ


    หงืดดดด


    วัตถุสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือสั่นระริกระรี้เหมือนเห็นผู้ชายหน้าตาดีเดินผ่าน หน้าจอแสดงแอพไลน์ว่ามีข้อความส่งมาใหม่ ไม่ทันจะได้ทำอะไรข้อความก็เด้งขึ้นมาอีกหลายข้อความจากคนอีกคนด้วย เกมเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตว่างพวกพี่ขนาดนั่งเฝ้ามือถือกันเลยรึไงครับ พอบ่นเสร็จนิ้วโป้งขวาของผมก็เลื่อนจอเข้าไปเป็นคนว่างงานด้วยอีกคน



    ชมรมคนสยองขวัญ (3)


    Mr. J : หนังสือมีมี่ตันออกใหม่เห็นยัง

    Mr. J sent a photo

    Mr. J : อยากได้อะดิ 555555555

    Lawrenze : เร็วตลอด

    Lawrenze : ส่งลิ้งมาให้ผมหน่อย

    Lawrenze : คนขายแถวบ้านเป็น ผญ

    Lawrenze : ไม่อยากออกไปซื้อ

    Lawrenze sent sticker

    9 game : อ๊ากกกกก อยากด้ายยยยยย!!! พนผมออกไปซื้อแน่!

    9 game : เรื่องนี้รอรวมเล่มมานานมาก

    9 game sent sticker

    9 game sent sticker

    9 game : พนนี้เจอกันแน่ไทโซของพี่

    9 game : //เลียจอ

    Lawrenze : เป็นเอามาก /ทำหน้าเพลีย

    Mr. J : ทุเรศสัด 5555555


    พนักงานสาวตามองลูกค้าของเธอกำลังดีดดิ้นอยู่คนเดียวกับโทรศัพท์มือถืออย่างหวาดระแวง แต่คนอย่างไอ้เกมหรือจะต้องแคร์ ตอนนี้ใจของผมลอยไปที่ชั้นหนังสือร้านเพอร์เพิลแคนดี้เจ้าประจำเรียบร้อยแล้ว พอจิ้มจึ้กไปในรูปที่พี่เจหรือMr. Jส่งมา ภาพหน้าปกแสนงดงามของมังงะวายที่เฝ้ารอมาเนิ่นนานกว่าจะรวมเล่มเสร็จทำเอาผมแทบจะละลายไปกองกับพื้น อ๊ากกก ไทโซของพี่เกม ไทโซหล่อมากกกกกก


    โอ๊ย หัวใจ อย่าเต้นเร็วนักสิ เกมจะไม่ไหวแล้ววววว ///q/// *เช็ดน้ำลาย*


    "เกม วีโทรมาบอกว่ารออยู่ร้านแล้วไปกัน"


    เพื่อนหน้าสวยเข้ามาได้จังหวะที่เขาสงบสติอารมณ์ได้พอดี มือไม้เปล่าเปลือยของมันทำให้เขาแอบชมในใจไปนิดหน่อยว่า 'จริงๆมึงแอบมาลองรองเท้าเค้าฟรีใช่ไหมทอย' แต่เราก็รู้กันของห้างมันแพงหูลากขนาดไหน เพราะงั้นถ้าเพื่อนอยากลองรองเท้าฟรีผมก็จะสนับสนุนให้เขาทำต่อไป เฮ้ๆ


    "เออๆ แป๊ป"


    เกมตอบกลับสั้นๆพร้อมรัวนิ้วลงจอมือถือ


    9 game : พี่ ผมไปแดกข้าวแป๊ป

    9 game : นัดเพื่อนไว้ ไปละ

    Mr. J : ฝากความคิดถึงให้น้องทอยของกูด้วย ว่าจุ๊บๆ

    Lawrenze : เผื่อพี่ด้วยเกม วันๆแดกแต่มาม่า เมื่อไหร่เค้าจะทำรสลาบเป็ดวะ

    9 game : ไปหาข้าวแดกบ้างเถอะพี่

    Mr. J : ไปหาข้าวแดกบ้างเหอะลอว์

    9 game : กำ

    Lawrenze : กำ

    Mr. J : กำ

    9 game : ...

    9 game : ไปละ


    นิ้วยาวกดปุ่มล็อคแล้วหย่อนลงกระเป๋ากางเกง เกมเป็นคนติดโซเชี่ยลแต่เขาก็ใส่ใจกับโลกความจริง เอ๊ะ แต่จริงๆเขาก็ไม่ได้ติดขนาดนั้นป่ะ แค่ชอบเข้าเว็บไซต์พิลึกๆเพื่อไปหาเรื่องคุยกับคนแปลกๆเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็ตกมาได้สองคนที่สนิทกันแล้วด้วย ทั้งคู่อายุมากกว่าเขา คนนึงชื่อพี่ลอว์ส่วนอีกคนชื่อพี่เจ


    เราเคยนัดเจอกันครั้งนึง พี่ลอว์เป็นคนขี้กลัวเพราะมีแผลใจเกี่ยวกับผู้หญิง แต่ถึงแบบนั้นพี่เขากลับหน้าตาดีแถมรูปร่างสูงยาวมากจากเชื้อลูกครึ่งทางฝั่งตะวันตก เส้นผมสีดำยาวเลยอกรับกรอบรูปหน้า ดวงตาเศร้าสร้อยสีน้ำเงินหม่นธรรมชาติที่ฉายแววหวาดหวั่นตลอดเวลาสามารถกระชากใจผมออกจากอกทันทีที่ได้สบตา ว่าง่ายๆคือผมได้ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น รวมทั้งได้มอบตำแหน่งเซเมะ(Seme)ในอุดมคติให้เขาไปเสียแล้วด้วย อ่า พูดแล้วก็เขิน พี่ลอว์นี่หล่อจริงๆแหละครับ ....ชักเริ่มเข้าใจหัวอกผู้หญิงพวกนั้นแล้วว่าทำไมต้องรุมแย่งพี่ลอว์ขนาดนั้น


    ส่วนพี่เจคนนี้ผมขอข้ามยาวๆครับ ตอนนัดเจอกันตานี่เล่นตื่นเที่ยง แถมมีหน้ามาพิมพ์ 5555555 ใส่อีกนะ == อยากกดบล็อกมากแต่เขาเป็นแหล่งข่าวใหญ่ของผม เพราะฉะนั้นทำใจคบต่อครับ


    ปั่บ!


    ร่างผมเอนไปตามแรงดึงแทนที่จะชนเข้ากับใครบางคนที่เดินสวนทางกันเพราะผมเองที่เดินไม่ดูทาง เกมมองมือที่วางบนไหล่ผมแบบไม่ขออนุญาตก่อนจะเบนสายตาไปมองเจ้าของมัน รอยยิ้มสว่างไสวแต้มออกมาดั่งเช่นทุกทีจนเผลอแสบตา


    "เดินดูทางหน่อย"


    ส่วนคนนี้ทอย... เป็นคนสำคัญในชีวิตจริงของผม


    ....


    เอ่อ หมายถึงเพื่อนนะครับ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั่น ผมเป็นหนุ่มวาย ชีวิตสบาย ยังไม่ต้องการผู้ชาย ไม่มีก็ไม่ตาย ยูโน้ว? จริงสิ ผมมีบางอย่างที่ต้องบอกเขาอยู่นี่นา


    "ทอย"


    "หือ"


    "พี่เจฝากบอกว่า จุ๊บๆ"


    "..."


    ทอยไม่ตอบอะไรผม เอาแต่ยิ้มเหมือนเดิมแล้วก็ก้าวเท้าเดินนำไป....


    โอ๊ะ แต่เมื่อกี้เหมือนเห็นคิ้วมันกระตุกนิดนึงนะ













    "มึง.... ไม่เป็นไรแน่ใช่ไหมเนี่ย"


    วีรภัทรเอ่ยถามชายตรงข้ามตนที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก คีย์ส่ายหน้าเบาๆพลางยกรูปถ่ายเจ้าทูน่าแมวรักไว้ไม่ห่างมือ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะตีตั๋วเครื่องบินกลับบ้านไปกอดมันก่อนจะจากกันแล้วฝังศพให้มันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ เขายังจำได้แมวสามสีขนนุ่มนิ่มหางขดม้วนที่เคยออดอ้อนเขาตั้งแต่ลูกแมวยันโตขึ้นเป็นแมวตัวผู้แสนสง่าจนกระทั่งเป็นเจ้าเฒ่าสามสีที่เขารัก จนวันนี้อายุขัยของมันสิ้นลงเหมือนกับหัวใจของไอ้คีย์จะหมดลงตามไปด้วย


    ฝ่ามือกว้างยกขึ้นลูบหน้าเวลาหวนกลับไปนึกถึงจนเกือบเผลอปล่อยความเสียใจลงมา วีได้แต่ลอบมองอย่างเป็นห่วงไม่กล้าว่าอะไร กลัวว่าจะพูดอะไรกระทบใจมันเปล่าๆ รู้อยู่ว่าเพื่อนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอ แต่สำหรับไอ้คีย์ ทูน่าลูกชายมันมันรักมากจริงๆ


    แต่ความเป็นความตาย มันก็ใช่จะหยุดยั้งกันได้ ก็ต้องปล่อยมันไปอย่างเดียว


    "พรุ่งนี้หยุดมึงก็ตื่นไปทำบุญให้ทูน่ามัน วันพระพอดีด้วย มันจะได้รู้ว่ามึงคิดถึงมัน เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน"


    "ขอบใจ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะ"


    คีย์ขอตัวก่อนลุกออกไปช้าๆ เขาโล่งใจเมื่อสีหน้าที่ดีขึ้น พลันหางตาบังเอิญไปเห็นคนหน้าคุ้นสองคนเดินผ่านกระจกใสหน้าร้านจึงย้ายตัวเองไปนั่งข้างเพื่อนร่วมคณะที่ตอนนี้หนีไปเข้าห้องน้ำแล้ว ทอยเดินเข้ามาคนแรกโดยมีเกมอยู่ด้านหลัง พอได้สบตากันจู่ๆนายวีรภัทรมีความรู้สึกอยากเอาหม้อสุกี้สาดหน้าเกศรินทร์แปลกๆก่อนมันจะหายไปในห้าวินาที เกมมากับคอนเซปต์หวัดแดกทุกฤดูเหมือนเดิมคือจะมีหน้ากากอนามัยคาดไว้ มันยกมือทักเขาก่อนจะไถลตัวเข้าไปนั่งด้านใน


    "สั่งอะไรไปรึยัง"


    ทอยวางกระเป๋าพร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานอันสว่างจ้าจนวีรภัทรเผลอหรี่ตา


    "เลือกไม่เป็นว่ะเลยสั่งแค่ของกินเล่นไปนิดเดียว รอมึงมานี่แหละ"


    "ก็แค่จิ้มเลือกเอาสักชุดดิว้า โอเคๆ เดี๋ยวกูสั่งเอง ขอโทษนะครับ"


    "ค่า"


    พนักงานสาวขานรับด้วยรอยยิ้มหวานแต่สำหรับวีของทอยยังหวานกว่าเยอะ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเฝ้ามองการกระทำของคนตรงข้ามตั้งแต่เปิดเมนูไปถึงคุยกับพนักงานสาวน้อยคนนั้นอย่างเป็นกันเอง ตั้งแต่พบกันครั้งแรกทอยยังคงเป็นทอย ผู้ชายสบายๆที่มากับบรรยากาศง่ายๆและเป็นมิตร ไม่ว่าใครอยู่ด้วยก็รู้สึกสงบแบบไม่มีสาเหตุ


    ...ผิดกับไอ้เหี้ยข้างๆที่ชอบทำหน้าขวางโลก


    "เออ วันนี้กูพาเพื่อนมาด้วยคนนึง พอดีวันนี้มันเฮิร์ทแมวที่บ้านตายแถมโดนผู้หญิงปฏิเสธ"


    "อ้อ ไหนล่ะ"


    "ไปเยี่ยว นั่นน่ะ"


    หนุ่มหน้าหวานหันกลับไปมองผู้ชายร่างสูงที่เดินเซๆเข้ามาทางพวกเขา คีย์เลิกคิ้วเมื่อเห็นหน้าคนมาใหม่ทั้งสองที่เขาไม่รู้จัก ด้วยความอัธยาศัยดีทอยจึงถือโอกาสแนะนำตัวเพื่อลดความไม่คุ้นเคยระหว่างคนแปลกหน้า


    "หวัดดี เราเพื่อนวีนะ ชื่อทอย"


    "หวัดดี คีย์...ครับ"


    หนุ่มวิศวะผงกหัวแอบเขินนิดหน่อยที่จู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายฉีกยิ้มหวานหยดใส่ ผู้ชายคนนั้นคงไม่รู้ว่าตัวเองมียิ้มอิมแพ็คต่อคนอื่นขนาดไหนถึงได้ปล่อยเรี่ยปล่อยราดเสียของ ขนาดเขาที่เพิ่งเคยเจอยังรู้สึกดีด้วยไม่ต้องถามถึงสาวๆรับรองว่าติดโดยไม่ต้องจีบด้วยซ้ำไปมั้งนั่น


    วีรภัทรยกยิ้มพึงพอใจ อีกฝ่ายไม่เคยทำให้เขาผิดหวังจริงๆด้านการสานสัมพันธไมตรี แต่ยิ้มไปยิ้มมาได้ไม่ได้นาน ตาคมสีเปลือกไม้เหลือบไปด้านซ้ายตัวเองก็พบหลุมดำที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครเพิ่มมาหรือเปล่าด้วยซ้ำ เกศรินทร์เด็กเหี้ยกำลังนั่งกดpspในมือแบบเมามันมากถึงมากที่สุด คิ้วบางขมวดแทบจะเลื้อยเข้ากันเป็นไส้เดือนสองตัวขณะที่ดวงตานิลจ้องจอจนแทบจะเข้าสิง


    มันใส่เวลามาเล่นเกมจีบหนุ่มที่มึงรักนักรักหนาตอนนี้ไหมตอบ!


    "เกม มึงช่วยเงยหน้าขึ้นแป๊ปนึงได้ไหม"


    "แป๊ป กำลังจะจีบฮิโรเซะซังติด"


    "เกม"


    "เกมมม"


    "กูกราบตีนขอร้องล่ะ"


    คนผิวเข้มออกปากขอร้องแม้มือจะขยับไปเขย่าไอ้เครื่องpspจนมันแทบกระเด็นลงหม้อสุกี้ คนโดนเขย่าจ้องจอเล็กนั่นก่อนจะตวัดมาถลึงตาใส่เขาเขียวปั๊ด ร่างผอมลุกพรวดขึ้นชี้หน้าเพื่อนสนิทพร้อมเปลวไฟนรกสีดำเป็นแบล็คกราวด์


    "เว้ย! พลาดเลยสัด เพราะมึงไอ้เหี้...!"


    และจู่ๆคำด่านั่นก็ถูกกลืนเมื่อดวงตาสีนิลกาฬเผลอเลื่อนมาสบกับลูกแก้วสีดำอีกคู่หนึ่งใต้กรอบแว่น เสียงเขาย้อนกลับลงคอเหมือนถูกเครื่องดูดน้ำลายดูดลงไป นิ้วยาวเลื่อนจากชายผิวแทนมาที่คนผิวขาวช้าๆขณะที่เจ้าตัวเริ่มจะเกิดอาการงง


    "นาย"


    "ครับ?"


    คีย์ขมวดคิ้วใส่คนแปลกหน้าไม่รู้จักชื่อที่เริ่มจะทำตัวแปลกขึ้นมากทุกที(แม้มันจะเป็นเรื่องปกติของอีกฝ่ายก็ตาม) สองคนที่ถูกลืมอย่างวีและทอยเองก็ไม่อาจทราบว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนี้ เขารู้ว่าเกมมันแปลก เพราะงั้นการอยู่เฉยๆแล้วรอดูต่อไปอาจจะได้ศึกษาทำความเข้าใจไอ้ตัวนอกโลกขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งก็ได้


    "สวย..."


    "ฮะ?"


    พรวด!


    โชคดีที่ธีรธรสำลักน้ำชาใส่แก้วคาปากมันจึงไม่ได้ถูกพ่นใส่หน้าใคร ปกติเขาจะต้องหารกระดาษทิชชู่มาเช็ดมาแต่เวลานี้ทอยไม่อาจละสายตาจากคนด้านข้างได้เลย เขาเหมือนกำลังฝันหรืออาจเผลอกระโดดลงโพรงวันเดอร์แลนด์ถึงได้เห็นดวงตาสีดำของเกมเป็นประกายทั้งๆที่ไม่เคยได้เห็นมานานตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายกลับมาจากการนัดบอร์ด ดวงตาเหลือบน้ำตาลอ่อนหันไปสบกับตาไข่ห่านของคนผิวแทนที่แทบลื่นลงไปกองกับพื้น เหมือนสื่อกันทางสายตา เขาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเหมือนๆกันพร้อมคำถามที่ผุดขึ้นมาอย่างเร็ว


    เชี่ยเกมมันเป็นบ้าอะไร!?


    "อยากได้"


    "เดี๋ยว เฮ้ย!"


    หนุ่มวิศวะเกือบหลุดโวยวายออกมาเพราะจู่ๆอีกฝ่ายโน้มกายโฉบหน้าลงมาใกล้จนเข้าต้องถดหนี มือสองข้างของเขาถูกกอบกุม ไม่ ต้องเรียกว่าถูกกำมากกว่า หน้ากากอนามัยสีขาวถูกปลดออกโดยเจ้าของมัน ให้ปลายจมูกโด่งลาดและกลีบปากติดชมพูเผยออกมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนตรงหน้าเขาไม่ขี้เหร่เลย ...ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นลูกรักของเทพเจ้าเลยด้วยซ้ำ


    "คีย์"


    เกมหยุดคำพูดไว้ขณะที่คีย์เผลอหายใจผิดจังหวะเมื่อเผลอถูกดูดลงไปในห้วงอวกาศสองดวงตรงหน้า เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นสื่อของหัวใจ แต่วันนี้คีย์ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะสื่อสารอะไรกับเขา ลมหายใจอ่อนถูกพ่นใส่เขาแบบไม่ได้ตั้งใจก่อนกลีบปากบางคู่นั้นจะเอ่ยเอื้อนบางคำออกมา



    คำที่จะเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง....




    "ช่วยมาเป็นนายเอกโดจินเรื่องใหม่ให้ผมหน่อยนะ!!"




    ของความวุ่นวายในชีวิตธรรมดาๆนี้....







    ( 100% )







     


    ตอนแรกจบแล้ว แฮ่กๆๆ =q=;;; พอไหวไหมคะเนี่ย 555555555 ตอนพิมพ์ไปตาก็ซึมๆ นึกถึงตอนแมวตายเหมือนกันพี่คีย์แล้วมันเศร้าค่ะ เฮ้อ

    เรื่องนี้คือไปเรื่อยๆค่ะ ชีวิตปกติที่ไม่ปกติของนายเกมผู้จะเป็นหนุ่มวายที่แข็งแรง

    ถ้าถามว่าเกมสติดีไหม บอกเลยว่าดีค่ะแค่เก็บไว้ใช้ในบางเวลา


    ## ตอบที่ถามว่าเกมเป็นรุกรึรับนะคะ พี่เกมไม่ใช่เกย์ค่ะ รุกรับอะไรกัน คนพบ้า~ ///w/// /ตีแขน ##




     
    ©
    t
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×