ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Alice in Wonderland -- part I
Alice in Wonderland -- part I
「 We are all mad here... 」
Alice in Wonderland by Tim Burton
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
อลิซในวัย19ฝันถึงเรื่องราวประหลาดมาตลอดชีวิต จนวันหนึ่งเธอถูกบังคับให้แต่งงาน แต่ว่าเธอมองเห็นกระต่ายขาวใส่เสื้อกั๊กอลิซจึงตามไป เธอตกลงไปในหลุมลึกและไปโผล่ในห้องที่มีประตูรอบด้าน อลิซใช้กุญแจเปิดประตูทุกบานแต่มันไม่ออก ยกเว้นแต่ประตูเล็กๆที่ลอดได้เพียงฟัว อลิซเจอขวดน้ำที่ทำให้ตัวเล็กลงและขนมเค้กที่ทำให้ตัวใหญ่จนในที่สุดเธอก็ออกมาจากห้องได้ ในเบื้องหน้าเธอคืออันเดอร์แลนด์ที่แสนพิลึกมหัศจรรย์ อลิซเจอกับพวกประหลาดอย่างกระต่ายขาว หนูขาว และฝาแฝด พวกนั้นพาเธอพบหนอนผีเสื้อสีฟ้าที่นำปฏิทินวันที่เธอจะฆ่ามังกรเเจ็บเบอร์วอร์คกี้และล้มราชินีแดง พวกนั้นบอกอลิซว่าเธอเคยมาที่นี่และเป็นนักรบผู้กล้า แต่อลิซกลับจำเรื่องราวไม่ได้ซักอย่างและเธอไม่ใช่อัศวิน ทันใดนั้นทหารจากราชินีแดงได้มาตามล่าปฏิทินนั้นและจับตัวคนอื่นไป อลิซแยกตัวออกมาจนเจอกับแมวเชสเชอร์ที่พาเธอไปหาช่างทำหมวก องครักษ์ของเร้ดควีนตามมาแต่เเฮทเทอร์ซ่อนอลิซไว้ก่อน แอทเทอร์ถูกจับตัวไปอลิซจึงตัดสินใจจะเข้าวังไปนำดาบวอร์พอลและช่วยดอร์เม้าส์กับแฮทเทอร์ที่ถูกจับไว้ ทว่าอลิซหนีออกมาได้คนเดียว เธอนำดาบไปให้ไวท์ควีนและได้คุยกับหนอนผีเสื้อเอ็บโซเลม อลิซตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามในวันรุ่งขึ้น ขณะเดียวกันเเฮทเทอร์ได้ทำการประกาศเป็นกบฏต่อราชินีแดงและหนีกลับมา วันรุ่งขึ้นอลิซต้องเผชิญหน้ากับแจ็บเบอร์วอคกี้ และเธอก็สามารถตัดคอมันได้ เช่นกับแฮทเทอร์ที่เอาชนะสเตนน์ องครักษ์ของเร้ดควีน ไวท์ควีนได้อำนาจคืนและเธอเนรเทศพี่สาวกับสเตนน์ไปสู่Outland ไวท์ควีนมอบเลือดมังกรให้อลิซดื่มเพื่อกลับสู่โลกเดิม อลิซสัญญากับทุกคนว่าเธอจะกลับมา อลิซกลับสู่โลกความจริงและใช้ชีวิตในแบบที่เธออยากจะเป็น
Happy Ever After
วี้หว่อ!! วี้หว่อ!! วี้หว่อ!!
กึงๆๆๆ!!!
' ปล่อย.....แค่ก '
ตื้ด.... ตื้ด....
"หมอคะ คนไข้เลือดออก ชีพจรเองก็ลดลงเร็วมากค่ะ!!"
' แค่ก....ขอร้อง อย่าทำผม แค่ก '
' จำเอาไว้อลิซ.....เธอไม่มีวัน '
ตื้ด......... ตื้ด...............
"เตรียมปั๊มหัวใจ!! เร็ว!"
' เธอไม่มีวันหนีจากฉัน....หรือว่าอันเดอร์แลนด์พ้น '
"1 2 3 .... clear!!"
' เธอจะต้องกลับมาที่นี่อลิซ เพราะเธอเหมือนกับทุกคนที่นี่ '
' ผมเกลียดคุณ! ฮึก ผมเกลียดคุณ ราชา.... '
"clear !!!!!"
".........ฟู่...........ฟู่"
"clear!!!"
ตื้ด................... ตื้ด....................
' อย่าจ้องผม.......แค่ก ผมเกลียดดวงตาสีแดงของคุณ '
....
' จำไว้อลิซ เธอ....เป็นของฉัน '
ตื้ด.........................
ติ๊ก..... ติ๊ก...
"นี่เจ้าน่ะ ตื่นเร็วเข้าๆๆ สายมากแล้วนะ"
เปลือกตาสีแทนกระตุกช้าๆแล้วเปิดขึ้นทีนะนิด มือเรียวถูกยกขึ้นมาบังแสงสว่างจ้าที่ประสาทตายังไม่พร้อมจะรับ ร่างสูงโปร่งยันตัวขึ้นพอดีกับความเจ็บปวดตามร่างกาย พอสำรวจก็พบรอยแผลรอยช้ำเหมือนกระทบอะไรแรงๆ ตาคมสอดส่องไปรอบๆห้อง มันเป็นห้องไม้สิบสองรูปเหลี่ยมเรขาคณิตเล็กๆที่มีประตูฝังอยู่ทุกด้าน ตรงกลางคือโต๊ะไม้มีกุญแจวางอยู่กับขวดน้ำสีฟ้า
เขาสะดุดเข้ากับร่างเล็กๆที่แต่งตัวเหมือนคุณหนูยุโรปยุคกลางพร้อมนาฬิกาพกในมือบนหัวเล็กๆมีของเหมือนหูกระต่ายสีขาวงอกออกมา เด็กผู้ชายคนนั้นวิ่งพล่านไปมารอบห้อง เอาแต่ตะโกนคำว่า 'สายแล้วๆ' เด็กคนนั้นมีบางอย่างที่สะกดเขาเอาไว้ให้ไม่อาจละสายตา ดวงตากลม จมูกรั้นและริมฝีปากอิ่มราวกับกำลังส่องกระจกย้อนเวลา
เด็กคนนี้เหมือนเขาตอนสิบกว่าขวบไม่มีผิดเพี้ยน.....
"มัวทำอะไรของเจ้าอยู่ รีบๆออกไปจากห้องนี้เร็วเข้า"
เด็กกระต่ายกระโดดมาดึงมือเขาแล้วลากไปที่โต๊ะไม้กลางห้อง ร่างสูงหยิบขวดน้ำสีฟ้าขึ้นมาดู มีป้ายห้อยข้างขวดไว้ว่า 'ดื่มฉัน' คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความฉงน เขาไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกเหมือนว่าถ้าดื่มเข้าไปมันจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่...
"เร็วสิอลิซ องค์ราชากำลังรอการกลับมาของเจ้าอยู่นะ"
"อ่ะ..........อ๊ากก!!!!!!"
คนถูกเรียกว่าอลิซชะงักกึก.....ก่อนจะทรุดตัวลงแล้วเอามือกุมศีรษะ ฟันขาวบดเข้าหากันเพื่อข่มอาการปวดที่แล่นปราดเข้าแกนสมอง ขวดน้ำสีฟ้าที่ถูกปล่อยกระทันหันร่วงลงพื้นห้องจนแก้วแตกละเอียด ของเหลวสีสวยไหลออกเต็มพื้นห้องแต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเสียดาย ร่างสูงรูดกายไปนอนกับพื้นพลางส่งเสียงร้องโหยหวน
"เจ็บ....ยังกับหัวจะระเบิด ห่ะ!......อ๊าก!!!!"
"ช่วยด้วย....ช่วยด้วย!!"
เด็กชายกระต่ายยืนมองคนที่สูงกว่าเกือบสองเท่าทุรนทุรายไปกับพื้นก่อนจะแน่นิ่งไป มือเล็กปิดฝาพับนาฬิกาพกลงด้วยความเงียบสงบแล้วนั่งลงข้างๆร่างไร้สติ มือเล็กลูบไปตามรูปหน้าหล่อเชื่องช้า
"สายไปแล้ว......มันสายเกินไปแล้วสำหรับการหนีรอดไปจากอันเดอร์แลนด์"
เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับร่างของชายคนที่หน้าคล้ายเขา ดวงตากลมฉาบไปด้วยความเศร้าเช่นกับหยาดน้ำตาที่ไหนออกมา
....ก่อนที่ห้องสิบสองเหลี่ยมเล็กๆกับร่างของเด็กน้อยจะค่อยๆเลือนหายไปเป็นฝุ่นละอองที่เรืองแสงสีอ่อน ริมฝีปากเล็กได้ขยับไปมาเป็นคำพูดเบาๆที่คงไม่มีใครได้ยิน
...
"นายไม่น่ากลับมาที่นี่เลย ....คิมจงอิน"
' ทำไมดวงตาของพระองค์เป็นสีแดงล่ะครับ'
ชายหนุ่มร่างสูงก้มหน้าลงมาหาเด็กชายตัวเล็กที่เอ่ยคำถามเมื่อครู่ เขาคุกเข่าลงเพื่อจะได้คุยกันง่ายขึ้น ดวงตาสีแดงสะท้อนดวงตาสดใสของร่างเล็กในชุดเอื้อมสีน้ำเงิน มือเย็นเอื้อมไปลูบใบหน้ากลมด้วยความอ่อนโยน
' เจ้ารังเกียจมันหรือเปล่าอลิซ '
' ไม่หรอก มันสวยมากเลย สีแดงเหมือนผลสตอวเบอร์รี่ที่ผมชอบเลย '
เด็กชายเผยรอยยิ้มกว้างแล้วโถมตัวเข้ากอดคนตรงหน้า ร่างสูงตอบรับพลางลูบศีรษะเล็กสีน้ำตาลแผ่วเบา ก่อนจะอุ้มอลิซตัวน้อยขึ้นมา ดวงตาสีแดงวาวแสงในพริบตาแล้วหลุบลงมองคนในอ้อมแขน
' เหรอ....ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ชอบเราด้วยใช่ไหม '
' ครับ ผมชอบองค์ราชาที่สุดเลย! '
ฟู่.....
"คะ แค่ก!...แค่กๆๆๆ"
ดวงตารีเปิดขวางออกมาเมื่อถูกกลิ่นเหม็นฉุนบางอย่างรมรอบตัว จงอินตื่นมาเป็นรอบที่สองในโลกแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าออกมาจากห้องโง่ๆนั่นได้ยังไงแต่ตอนนี้รอบกายเขามีแต่ต้นไม้ใบหญ้าประหลาดๆ ดอกไม้หน้าคน หรือว่าเห็ดสีรุ้ง แล้วก็หนูตัวใหญ่เท่าวัว
ฟู่ว...
ควันสีเทาคลุ้งท่วมหัวอีกคราว เขาสะบัดให้มันจางแล้วหันรีหันขวางหาตัวการ สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องตะลึงอีกครั้งเมื่อเขาได้เจอกับชายร่างโปร่งแทบจะเปลือยกายกึ่งนั่งกึ่งนอนไปกับดอกไม้กลีบโต มือมือเรียวคือบ้องยาสูบขนาดยักษ์ที่ไม่รู้ว่าถือเข้าไปได้อย่างไร สายจากบ้องเชื่อมไปทางด้านหลังที่มีท่อไอน้ำพ่นควันคละคลุ้ง ขาทั้งสองของเขามีเยื่อบางๆที่ยึดติดไว้เกือบเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนพวกเงือกในหนังสือสิ่งเหลือเชื่อ
"ไม่คิดจะทักทายคนรู้จักหน่อยรึไง อลิซ"
เสียงติดแหลมเอ่ยทักเอื่อยเฉื่อยก่อนจะพ่นควันออกจากบาง จงอินขมวดคิ้วกับคำพูด เขาจำไม่ได้ว่ารู้จักคนๆนี้ หรือต่อให้เคยรู้จักกับรูปลักษณ์แบบนี้ก็คงลืมไม่ลงด้วย
"ขอโทษนะแต่คุณเป็นใคร แล้วผมอยู่ที่ไหนกันแน่"
"ข้าก็แค่หนอนผีเสื้อแก่ๆตัวหนึ่ง........หรือเจ้าจะเรียกข้าว่าเฉินเหมือนที่เคยเรียกก็ได้ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกลับมาตามคำทำนายจริงๆ"
"เคยเรียก? คำทำนายอะไร? โว้ย เลิกพ่นควันซะทีสิ!"
เพราะถูกพ่นควันใส่เป็นครั้งที่สามจงอินจึงเผลอสบถด่าไป แต่อีกฝ่ายไม่ได้แคร์ซ้ำยังหัวเราะเยาะอีกต่างหาก เนี่ยนะหนอนผีเสื้อแก่ กวนตีนกว่าเด็กแถวบ้านอีกแม่ง... น่ากระทืบชิบหาย
"เจ้าไม่น่ากลับมาเลยอลิซ...."
"ห๊ะ?"
คนที่เรียกตัวเองว่าหนอนผีเสื้อพึมพำเสียงเบาจนเขาไม่ได้ยิน พอถามหมอนั่นก็เมินไปหยิบม้วนกระดาษเก่าๆสีคร่ำครึมาให้ดู ตวัดหนึ่งที่จนมันกลิ้งกลายเป็นกระดาษแผ่นยาว จงอินชะโงกหน้าเข้าไปมองก็พบว่ามันมีรูปภาพบันทึกเรื่องราวไล่ไปเรื่อยๆจากอดีตจนอนาคต
และที่น่าแปลกก็คือ...
"สิ่งนี้คือปฏิทินคำทำนาย และอัศวินคนนี้.....คือเจ้า"
ใช่ มันแปลกที่มีรูปเขาถือดาบประจันหน้ากับสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรอยู่บนไอ้ปฏิทินบ้านี่ น่าตกใจมากที่เขาทำเพียงยืนเฉยไม่กระโตกกระตาก ในขณะที่หนอนผีเสื้อหรือเฉินค่อยเก็บม้วนกระดาษกลับไป
"ตามคำทำนาย เจ้าจะสังหารแจ็บเบอร์วอคกี้ของราชาแดง และช่วยให้ราชาขาวกลับมาปกครองอันเดอร์แลนด์อีกครั้ง"
"ผมเหรอ? ไม่มีทาง ทำไมผมต้องไปสู้กับมังกรตัวเท่าตึกเพื่อใครที่ไม่รู้จักด้วย นี่เฉินแทนที่คุณจะบอกเรื่องไร้สาระแบบนี้คุณบอกผมที่เถอะว่าทางออกของความฝันนี่อยู่ที่ไหน ผมอยากจะกลับบ้านแล้วล่ะ"
"ไม่มีทางที่เจ้าจะออกจากอันเดอร์แลนด์อีกแล้วอลิซ ตราบใดที่เจ้ายังไม่ปลดปล่อยคำสาปของเจ้าเอง"
"คำสาป? คำสาปอะไร? ผมไม่เคยมาที่นี่ด้วยซ้ำ"
"เจ้าเคยมาที่นี่อลิซ...."
"ผมไม่ได้ชื่ออลิซ! เลิกเลยชื่อผมแบบนั้นซะที!"
"......"
หนอนผีเสื้อหนุ่มดูดบ้องยาสูบแล้วคายควันพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าสีเทา เฉินมองร่างสูงที่ดูจะประสาทเสียด้วยสายตาเวทนา เขารู้ดีว่าจงอินคือใคร เขารู้ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นเพียงแต่เขาพูดออกไปไม่ได้ ตั้งแต่วันที่อลิซจากไป....เขาเฝ้าภาวนาทุกวันคืนว่าอย่าให้เด็กคนนี้กลับมาที่อันเดอร์แลนด์อีกเลย
แต่แล้ววันที่เขาเฝ้าปฏิเสธมาตลอดก็มาถึงจนได้.......
"ป่านนี้ราชาคงจะรับรู้การมาของเจ้าและคงกำลังจะส่งคนมาชิงตัวเจ้าไปอย่างแน่นอน"
ว่าพลางนึกถึงชายสูงศักดิ์บางคนที่น่าจะรู้เรื่องของอลิซแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เฉินได้แต่เก็บปฏิทินคำทำนายลงข้างกายก่อนจะเรียกจงอินเข้ามาใกล้ๆ
"จากนี้ไปเจ้าจะต้องเจอเรื่องที่ยากลำบากสาหัส.... ข้าคงไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้อย่างในอดีตอีกแล้ว"
"เฉิน ผม...ผมไม่เข้าใจจริงๆ คุณหมายถึงอะไรกันแน่?"
เฉินยื่นมือมาลูบเสี้ยวหน้าจงอินก่อนจะใช้ดวงตาจริงจังจ้องเข้ามาในตาของเขา ปากบางขยับท่ามกลางกลุ่มควันสีเทาชวนอึดอัด ราวกับคำเตือนก่อนที่เขาจะก้าวเข้าสู่โลกบิดเบี้ยวอย่างเต็มรูปแบบ
"จำไว้จงอิน ที่แห่งนี้มิใช่ความฝัน อย่าปล่อยให้ความชิงชังชักพาโชคชะตาของเจ้า อย่าเชื่อมั่นเพียงสิ่งที่ดวงตาได้เห็น....และห้ามเชื่อใจใครซักคนจนหมดหัวใจเด็ดขาดแม้แต่ตัวเจ้าเอง"
....
"อันเดอร์แลนด์ในเวลานี้ ...บ้าคลั่งกว่าที่เจ้าคิดยิ่งนัก"
แซ่กๆๆ
"เฮ้ๆๆๆๆ ดูสิว่านั่นใคร ใช่คนที่เรากำลังตามหาอยู่รึเปล่าน้าาาา~"
เสียงขี้เล่นดังขึ้นด้านหลังพร้อมเสียงเสียดสีของต้นไม้ ร่างผอมของใครบางคนก้าวออกมาจากพุ่มไม้สูงที่ออกลูกเป็นสัตว์ คนนั้นอยู่ในชุดเสื้อยืดลายขวางกับสายเอี๊ยมครึ่งน่องพร้อมรอยยิ้มแป้นแล้น
"หุบปากน่ะแบคฮยอน ไอ้หน้าโง่ แกอยากให้เหยื่อหนีเตลิดไปรึไง"
เเละตามด้วยอีกคนที่แต่งชุดเหมือนกันยังกับเเกะราวกับฝาแฝด แต่แตกต่างก็ตรงใบหน้าที่อีกคนตาตี่ ผมน้ำตาลอ่อน ออกแนวเป็นมิตรกว่าอีกคนที่ตาโตแต่ดุ ผมสีดำทะมึนกับออร่าที่ชวนไม่น่าคบหาเท่าไหร่ ซ้ำยังคำพูดบาดกระดูกนั่นอีก จงอินกลืนน้ำลายแล้วหันไปหาหนอนเฉินที่เอนตัวดูดยาสูบไม่สนใจโลก
"ไม่เอาน่าดีโอ หมอนั่นก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง เฮ้ตาเฒ่า เจ้าบอกอลิซเรื่องวันศึกอัศจรรย์รึยัง"
"วันศึกอัศจรรย์?? หมายถึงอะไร"
"วันที่เธอจะสังหารแจ็บเบอร์ว็อคกี้ตามคำทำนายยังไงล่ะอลิซ"
จงอินผู้งงงวยได้แต่หันไปทางหนอนผีเสื้อทีกับคู่ฝาแฝดทีหนึ่ง เฉินคายบ้องยาสูบก่อนจะตอบคำถามจงอินแม้ว่าดวงตาจะจับจ้องไปที่คู่แฝดที่เขา คุ้นหน้าดี
"น่าแปลกที่เห็นเจ้าทั้งคู่อุตส่าห์ดั้นด้นมาที่นี่ ราชาขาวส่งพวกเจ้ามาใช่ไหม"
"อย่างที่รู้นั่นแหละ ทันทีที่อลิซกลับมาที่นี่ราชาก็สั่งให้เราตามหาทันที แต่ก็นะ พระองค์บอกว่าให้มาหาที่เจ้าที่แรก แล้วก็อลิซจะอยู่ที่นี่จริงๆซะด้วย สมกับเป็นราชาขาวจริงๆ .....รู้ใจกันตลอด"
คนผมน้ำตาลอ่อนหัวเราะแล้วเลียปาก สายตาที่เคยขี้เล่นแปรเปลี่ยนไปจนจงอินขนลุก ร่างโปร่งขยับไปใกล้หนอนผีเสื้อเพราะเข้าใจว่าเป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดในฐานะคนแปลกหน้าในอันเดอร์เเลนด์ในตอนนี้ จนคู่แฝดผมดำทุบเข้าที่แผ่นหลังคนข้างๆจนสำลัก เจ้าของชื่อดีโอใช้ดวงตาโตมองจิกคู่แฝดตัวเองอย่างน่ากลัว
"หุบปากแบคฮยอน... แกกำลังทำเรื่องให้เลวลง"
"แค่กๆๆๆ โธ่เอ๊ย คยองซูใจร้าย...."
"เสียเวลามามากพอแล้ว อลิซ เจ้าต้องไปกับพวกเรา"
"พูดเรื่องอะไรของพวกนาย..."
แฝดผมดำหันมาพูดกับเขาด้วยประโยคคำสั่ง จงอินถอยเข้าหาหนอนเฉินมากกว่าเก่า จะให้เขาไว้ใจคนแปลกหน้าที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องเนี่ยนะ เชื่อก็โง่ละ ย้อนกลับซักสามขวบแล้วค่อยมาหลอกกันดีกว่า
"ไปหาราชาขาวกับเรา ก่อนที่พวกมันจะพบตัวเจ้า"
"แต่ว่า...."
"เดี๋ยวนี้!!"
แฝดดีโอคอกดังลั่นพร้อมใบหน้าบ่งบอกพร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ แบคฮยอนค่อยๆปรามคนข้างกาย ขณะที่คิมจงอินกำลังตัวสั่นก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้คู่แฝด
"หุบปากซะทีเถอะพวกแกน่ะ! พูดเอาแต่ใจอยู่ได้ ใครจะทำตามก็บ้าเต็มทนแล้วไอ้งี่เง่า!!"
กร๊าซซซซซ!!!!!!!!
เสียงคำรามกึกก้องทั่วท้องฟ้าราวกับโลกใบนี้จะแตกลงทุกเมื่อ ผืนดินสั่นไหวพร้อมแสงอาทิตย์ค่อยๆเลือนจางไป ท้องฟ้าครึ้มมีเมฆสีเทาก่อตัววนกันเป็นลายก้นหอย ขายาวถึงคราวสั่นพั่บๆ จงอินเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่ากระต่ายตื่นตูมรู้สึกยังไง ผิดกับมนุษย์แฝดกับมนุษย์หนอน เฉินพ่นควันแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แบคฮยอนทำหน้าแหย
"ชิบหายแล้วไง...........แขกพิเศษมาแล้ว"
"เจ้าพวกนั้นไม่น่าจะไหวตัวเร็วขนาดนี้นี่นา เฉินแกคงไม่ได้ทำลำเอียงใช่ไหม"
ดีโอตวัดสายตามองหนอนเฒ่าแววตาอาฆาต เฉินเองดูค่อนข้างไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาเลยตอกเจ้าแฝดผมดำนั่นกลับ
"ทำตัวไม่ได้เรื่องแล้วอย่าปากดีลามมาถึงข้า ข้าคือผู้ถือครองปฏิทิน ข้ามีใจที่ยุติธรรมเพียงพอ ....อีกอย่างหนึ่ง จงอย่าลืมสิว่าราชาทั้งสองคือพี่น้องกัน ราชาขาวฉลาดเท่าใด ราชาแดงเองก็ฉลาดเท่านั้น"
"อย่าให้รู้ละกัน... แบคฮยอน พาอลิซหนีไปเร็วเข้า เราเสียเวลากับเจ้าหนอนผีเสื้อนี่นานพอแล้ว"
"ตามนั้นแหละอลิซ ตามพวกเราไปเถอะนะ"
จงอินขยับหลบแบคฮยอนที่มอบรอยยิ้มผูกมิตรมาให้ แบคฮยอนถลึงตามองก่อนจะคว้าข้อมือจงอินไปบีบแรง ทั้งคู่ฉุดกระชากกันเอาเป็นเอาตาย
"น่ารำคาญจริงๆเว้ย!! รีบๆไปซะทีเถอะก่อนที่แจ็บเบอร์วอคกี้มันจะมาฉีกร่างแกเป็นชิ้นๆ อยากตายนักรึฮะอลิซ!! ถ้าอยากตายนักก็รอกู้บัลลังก์ให้ราชาก่อนแล้วหลังจากนั้นจะไปตายไหนก็ไปไป๊!!"
"แบคฮยอน!"
เหมือนเสียงดีโอจะเป็นตัวสับสวิตช์ในหัวแบคฮยอน ร่างเล็กหยุดชะงักก่อนจะปล่อยข้อมือแดงเป็นรอยนิ้วของจงอินคืนไป รอยยิ้มแบบเดิมถูกหยิบขึ้นมาประดับบนใบหน้าสดใส
"อุ๊ย.... ขอโทษที พอหงุดหงิดทีไรแล้วเป็นแบบนี้ทุกที เอาเป็นว่าตามเรามาเถอะนะอลิซ"
กรรซ์....
"ไม่งั้นเธออาจจะต้องถูกแจ็บเบอร์วอคกี้....ฉีกร่างที่น่ารักออกเป็นชิ้นก็ได้นะ"
"ผม...."
"จับมือฉันไว้สิ....กลับไปหาราชาขาวของเรา"
ดวงตาคมสั่นระริกเช่นกันมือที่วางไว้ระดับอก จงอินสั่นเป็นเจ้าเข้าเมื่อเสียงคำรามขู่ดังใกล้มาเรื่อยๆ หัวใจเต้นเร็วยังกับคนอยากยาจนเผลอลืมหายใจ คู่แฝดยกยิ้มเมื่อมือสีแทนค่อยๆเอื้อมมาทางพวกเขา
เพี๊ยะ!
"แก...."
"ก็กูบอกว่าไม่ไปยังไงเล่า!!!!!"
แต่กลับกลายเป็นว่าคิมจงอินตบมือขาวนั้นออกไปอีกทาง แบคฮยอนกัดฟันจ้องมาด้วยดวงตาวาวแสง พริบตาที่จงอินเห็นดวงตาสีน้ำตาลนั่นกลายสีเป็นสีทอง ร่างเล็กตั้งท่ากระโจนใส่เขาแต่เพราะมีเสียงหนึ่งขัดเอาไว้
"แบคฮยอนหนีเร็วเข้า!!!!!"
ตึง! โครม!!
ท่อนไม้ใหญ่ล้มลงมาตรงหน้าจงอินเพียงมิลลิเมตร พริบตาเดียวที่แบคฮยอนกระโดดหลบจากรัศมีไปได้ทัน นึกขอบคุณคำเตือนของคยองซู ถ้าเขาช้ากว่านี้เพียงแค่เสี้ยววินาที...ไม่อยากจะนึกถึง ดีโอรุดเข้ามาพยุงคู่แฝดตนให้ลุกขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นห่วงขนาดไหน
กร๊าซ!!!!!!
หมดเวลาซึ้งเมื่อเงาดำพาดทับทั่วตัวของเขาทั้งสี่คน สายลมกรรโชกพัดพาทั้งเศษใบไม้และฝุ่นเข้าหน้าตา ดีโอใช้มือกันส่วนตาเอไว้แล้วมองหาตัวอลิซคนที่ยืนเป็นคนโง่อยู่ท่ามกลางพายุใบไม้แห้งขนาดย่อม ใบหน้าคมคายแหงนสุดขึ้นไปบนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่บินโฉบไปมา พร้อมปีกขนาดใหญ่และอันตราย ดวงตาสีเหลืองอ่อนพร้อมกรงเล็บแหลมคม
รูปร่างแบบนี้.... นี่มันมังกรนี่นา.....
.....
อิเหี้ย นั่นมันมังกรรรรรรรร!!!
"อลิซ แกทำบ้าอะไรอยู่ รีบหนีออกมาเร็วเข้า!!"
เสียงของฝาแฝดใครสักคนนึงดึงสติจงอินกลับมา ร่างสูงหันซ้ายขวาก็เห็นว่าคู่ฝาแฝดยืนอยู่ในป่าเฟิร์นยักษ์ที่มีต้นไม้ใหญ่คลุมไม่อีกที เงาทึบมากทำให้ตรงนั้นเป็นที่หลบตัวชั้นดี พอหันกลับข้างหลัง ดอกไม้ที่เคยผลิบานเป็นที่นอนของหนอนผีเสื้อค่อยๆหุบเข้าหากัน เฉินเองก็ขดตัวลงนอนในนั้นแถมรอบตัวยังมีเมือกแบบเดียวกับที่พันขาสองข้างปกคลุมไว้อยู่ ดวงตารีกำลังปิดลงเชื่องช้าแต่ปากยังคงขยับอยู่
"หนีไปซะอลิซ....เดินไปตามเส้นทางของเจ้า"
"หนียังไงล่ะเฉิน คุณอย่าเพิ่งขังตัวเองสิ ขอผมไปอยู่ด้วย ผมไม่ไว้ใจพวกเขา ทุกคนที่นี่เอาแต่เข้าข้างตัวเองทั้งนั้นเลย"
"ลำพังหนอนแก่ๆตัวนี้คงไม่อาจปกป้องเจ้าได้ จงพึ่งพาเพียงสองขาของเจ้าเอง"
"ไม่เอา! ผมรับไม่ได้ ความฝันแบบนี้ผมรับไม่ได้!"
"อย่าลืมคำพูดของข้าอลิซ เจ้า....ต้องมีสติ...."
กลีบดอกสุดท้ายหุบลงเช่นกับภาพของหนอนผีเสื้อได้หายไปต่อหน้าต่อตา ถึงอีกฝ่ายจะบอกให้เขามีสติแต่ตอนนี้คิมจงอินกำลังรนยิ่งกว่าอะไรดีซะอีก ในหัวตอนนี้มีแต่ภาพตัวเองเดินวนเป็นหนูติดจั่นเพราะในโลกแห่งความจริงแม้แต่ขาก้าวเดียวก็ก้าวไม่ออก *ร้องไห้หนักมาก*
"โอ้ ดูซิว่านั่นใคร....."
"เอ๊ะ"
จงอินหันกลับไปตามเสียงนุ่มๆของใครซักคนที่เขาไม่ปรารถนาจะเจอ ร่างของชายหนุ่มตัวเล็กในชุดเหมือนนักรบยุคกลางเข้ารูปกับเกราะเหล็กหุ้มเฉพาะส่วน ต้นขาเรียวก้าวลงจากหลังม้าพร้อมผ้าคลุมสีแดงเลือดนกปลิวไสว นักรบหนุ่มหน้าหล่อติดหวานก้าวเดินมาทางเขาด้วยท่าทางเป็นที่ต้องตา ผิวขาวนวลเนียนและสรีระสะโอดสะองทำเอาจงอินนึกอิจฉาเนื้อผ้าที่ได้ใกล้ชิดคนๆนี้
"ในที่สุดเราก็เจอเจ้าอลิซ ราชาแดงรอคอยเวลาที่จะได้เจอเจ้ามาตลอด หากไม่รังเกียจ ช่วยไปกับข้าได้หรือไม่"
"ราชา? อีกแล้วเหรอ อันที่จริงผมไม่รังเกียจคุณนะ คุณน่ารักมากก็จริงแต่ผมต้องกลับบ้านน่ะ"
"เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้นะอลิซ..... ถือว่านี่เป็นคำขอของเรา"
"พวกคุณไม่ว่าใครก็ตาม ช่วยเลิกยุ่งกับชีวิตผมทีเถอะ ทุกวันนี้ผมก็ปัญหาให้ปวดหัวมากพออยู่แล้ว! อ๋อ ราชาแดงใช่ไหม ถ้าคุณกลัวว่าผมจะไปฆ่ามังกรของเขาก็บอกทางกลับโลกของผมมาสิ สาบานเลยว่าจะไม่กลับมาอีก"
".........นี่เจ้า รู้เรื่องแล้วเหรอ .....ข้ามาช้าไปจริงๆสินะ"
รอยยิ้มหวานหายไปจากใบหน้าขาวเมื่อดาบข้างสะโพกถูกชักออกมา ปลายดาบแวววับเช่นกับดวงตาที่เคยฉ่ำหวานกำลังจะตวัดออกมาและเป้าหมายของมันคือลำคอของจงอิน
"หนีไปเร็วอลิซ ผู้ชายคนนั้นคือองครักษ์ของราชาแดง มันจะฆ่านาย!"
ไม่ต้องรอให้สองแฝดออกคำสั่งจบ ขายาวรีบก้าวออกจากตำแหน่งเดิมอย่างเร็ว จงอินวิ่งปิดหูปิดตาไร้ทิศทาง เอาเถอะตอนนี้ต่อให้วิ่งลงนรกก็วิ่งๆไปเถอะว่ะ ขืนยืนนิ่งเป็นรูปปั้นสงสัยจะได้โดนคนสวยเสียบไส้แตก พอหันหลังไปดูก็เห็นอัศวินยังยืนนิ่ง มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งตามหลังมา พร้อมกับสายลมกรรโชกแรงและร่างสูงโตของสัตว์ประหลาดในตำนานที่พุ่งลงเหยียบพื้นดิน
"ตามมันไป"
นักรบหนุ่มกระโดดขึ้นอาชาเกราะแดงแล้วชี้นิ้วไล่หลังทางที่จงอินวิ่งหนี ร่างกายของมังกรยักษ์ค่อยๆหดลงเหลือเพียงประมาณสองเมตรครึ่ง ปีกถูกเก็บไว้ข้างลำตัวแล้วใช้ขาทั้งสี่ออกวิ่งติดตามไป
กรรซ์
"แฮ่ก .....แฮ่ก"
เสียงขู่ไล่หลังทำให้จังหวะการก้าวขาถูกเร่งขึ้นสูง เข้าจังหวะกับเสียงหัวใจระรัว จงอินรู้สึกถึงแรงประท้วงที่โลดแล่นไปทั่วร่าง ทั้งระบบหายใจที่ดำเนินอย่างยากลำบาก เลือดลมสูบฉีดยังกว่าฉีดอันดีนาลีนช็อตเข้าไปสองกระบอกซะอีก นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่รู้สึกถึงความหมายของการมีชีวิตแบบนี้
แต่ถ้าต้องเรียนรู้มันแบบนี้ เขาก็ยังไม่อยากเรียนหรอกนะ....
แซ่กๆๆ
จงอินค่อยๆผ่อนแรงวิ่ง เสียงคำรามไล่หลังก็จางลงแล้ว เขาคิดว่านี่ก็น่าจะทิ้งระยะห่างได้ไกลพอสมควร ร่างสูงเกาะต้นไม้แล้วยืนหอบพลางสูดอากาศเข้าไปเต็ม ในหัวเขามันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด จงอินเชื่อว่าเขากำลังฝัน แต่เพราะความหวาดกลัวกำลังทำลายความคิดทุกอย่าง
กุบกับ
"หมดทางหนีแล้วนะอลิซ"
เพราะประมาทว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นยังอยู่ห่างจนลืมไปว่าใครกันแน่ที่เขาหนีจากมา อาชาไนยเกราะแดงโผล่มายืนขนาบข้างอลิซผู้น่าสงสารไม่ให้ซุ่มเสียงราวกับโผล่จากเงา ดาบเรียวคมกริบยกขึ้นจ่อที่ใบหน้าคมคายอีกครา นัยต์ตาหวานสีน้ำทะเลหรี่มอง 'เหยื่อ' ที่ตัวสั่นงันงกด้วยความเห็นใจ ทว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ มันคงเป็นอันตรายต่อองค์เหนือหัวตน
หากเช่นนั้นแล้ว ตัวเขายอมถูกสาปแช่งว่าเป็นคนใจร้ายไส้ระกำ...
"ขอโทษแต่ทว่า.... ลาก่อน"
อัศวินสีชาดตวัดดาบลงหมายศีรษะของชายหนุ่ม แต่แล้วมือของเขาสะบัดจนผิดรูปทรงเพราะก้อนหินเขื่องขนาดกลางที่ถูกปาเข้ามากลางมือ ดาบสีเงินเฉี่ยวเข้าที่แก้มตอบของอลิซแทบที่ลำคอระหงก่อนจะร่วงลงสู่ผืนดิน ดวงตาสีทะเลมองไปทางพุ่มไม้เงามืดที่เป็าเป้าหมายพลางสบถด่าเสียงเบา และพอหันกลับมาอีกครั้ง ร่างสูงของอลิซก็วิ่งหนีหายไป
จงอินออกวิ่งแบบลืมตายอีกครั้งแต่คราวนี้ศัตรูอยู่ใกล้กว่าที่คิด อาชาเกราะเหล็กควบตามเขาติดๆจนนึกหาทางออกไม่ได้ แม้จิตใจจะยอมแพ้และคิดว่ายังไงก็ไม่รอดแต่ขาทั้งสองยังคงก้าวต่อไป
จนเข้าสู่เขตป่าที่หญ้าขึ้นสูง ที่แห่งนี้คล้ายทุ่งดอกแดนดิไลออนแต่มันเป็นดอกสีแดงอ่อน ละอองดอกไม้ปลิวขึ้นสูงเมื่อเขาก้าวผ่าน แต่เพราะมันทึบจนมองพื้นไม่เห็น ร่างสูงสะดุดเข้ากับบางสิ่งแล้วกลิ้งโค่โล่ไปกับพื้นแล้วหยุดลงในทุ่งแดนดิไลออน
จงอินพยุงตัวขึ้นมา มือเรียวแตะพื้นสะเปะสะปะแล้วก็สัมผัสโดนกับขวดแก้วบางอย่างเข้า หน้าตามันเหมือนกับขวดน้ำสีฟ้าที่เคยอยู่ในห้องสิบสองเหลี่ยมนั่น เขาไม่รู้ว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่จงอินก็เริ่มมีความคิดหนึ่งได้เมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นป้าย'Drink me'ข้างขวด ตัวเขาไม่รู้ว่าความคิดนี้มันจะได้ผลลัพธ์แบบไหนแต่ในเมื่อมันโผล่หัวมาในเวลาคับขันแบบนี้ก็ขอคิดว่ามันเป็นโชคชะตาแล้วกัน!
อึก!
ของเหลวสีฟ้าไหลผ่านลำคอจนรู้สึกแสบ จงอินไอค่อกแค่กก่อนจะชายตามองร่างของอัศวินราชาแดงที่ตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ ต้องเรียกว่าตัวเขาเล็กลงมากกว่า เล็กลงขนาดว่าตอนนี้ต้นแดนดิไลออนปิดหัวเขาได้พอดี อ้าววว แบบนี้ก็สวยสิครับ~
ร่างสูงตะกายตัวออกมาจากกองผ้า เขาหาเศษๆชิ้นส่วนมาปิดร่างกายเลยเหลือแค่ใส่เสื้อกล้ามลากพื้นอยู่ มันค่อนข้างทุลักทุเลแต่ก็ได้ผลดีเพราะผู้ชายคนนั้นดูสับสนที่เขาหายตัวไป ใช่ นี่เป็นโอกาสดีแล้วที่เขาจะหนีไปซะทีก่อนจะโดนคนหรือมังกรกระทืบไส้แตกเอา
"อ้าวงง งงเยย~ ชิบหายไหมล่ะ"
จงอินมองอีกฝ่ายที่หัวเสียกลับไปพลางยิ้มเยาะอยู่ในดงก้านดอกไม้ ร่างจิ๋วผินตัวจะจากไปแต่ก็สะดุดเข้ากับสิ่งของบางอย่างตรงกระเป๋ากางเกงในกองเสื้อผ้า ลักษณะคล้ายลูกกุญแจแต่รูปร่างประหลาดถูกคล้องไว้กับสายสร้อย จงอินออกแรงดึงมันออกมา ไม่รู้มันมาจากไหนหรือมาอยู่ในนี้ได้ไง แค่พอสัมผัสโดนมือลูกกุญแจหดเล็กลงตามขนาดตัว ตอนนี้เขาสวมมันได้สบายๆ
"ลาขาดเถอะนะ นักดาบคนสวย"
กระชับเสื้อแสงและสายสร้อยเรียบร้อย จงอินหันกลับไปมองนักดาบชุดแดงที่กำลังจากไปพลางนึกเสียดาย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่หน้าตานี่สเป็คสุด ถ้าอีกฝ่ายไม่พกดาบมานะสาบานเลยว่าเขาเกือบจะตามไปแล้ว แต่นี่โห.... จะฟันคอกูสองรอบสามรอบ
น้องจงอินรับไม่ได้ค่าาาาาาาา ;___; //วิ่งไปฟ้องแม่
"อูยยยย แม่เอ๊ยแสบแท้แสบว่า"
แตะโดนแผลที่แก้มแล้วบ่นเป็นครั้งที่สิบตั้งแต่ออกมาจากทุ่งแดนดิไลออนได้ ย้อนความกลับไป ช่างโชคดีที่ข้างหน้าไปป่าหนามที่มีเถาวัลย์หนามคมเลื้อยอยู่เต็มไปหมดจงอินเลยเข้าไปเพราะว่าตัวเขาเล็ก สามารถหลบหนามนั้นได้และอีกอย่างก็เพื่อกันไม่ให้คนสวยใจร้ายตามมาได้ ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่ยังไงม้าเจ๊ก็ไม่กล้าเหยียบดงหนามหรอกครับ ฮ่าๆๆๆ
จงอินนั่งพักอยู่ริมบ่อน้ำท่ามกลางพืชเขียวชอุ่มเนื่องจากเดินทางมาทั้งวันแขนขาล้าไปหมด ละอองส่องแสงประกายเหมือนอยู่ในโลกภูติเด่นชัดในตอนกลางคืนจึงไม่ต้องพึ่งแสงอาทิตย์ นับเป็นสิ่งสวยงามไม่กี่สิ่งที่เขาเพิ่งได้เห็นตอนมาอันเดอร์แลนด์แห่งนี้ ที่นี่สวยมากเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่ที่นี่อยู่หรอก แต่ติดที่ว่าใครๆก็ไม่รักเรา *สะอื้น*
"หวังว่าพรุ่งนี้จะได้เจอทางกลับบ้านซะทีนะ ฮือออ"
ร่างจิ๋วครวญก่อนจะล้มตัวลงบนหญ้านุ่มนิ่ม อา กลิ่นวนิลลาด้วย ดีจังเลยย มือเล็กหยิบชายเสื้อที่ยาวเลยตัวไปขึ้นมาใช้แทนผ้าห่ม ดวงตาปรือลงจนเปลือกตาชิดกับถุงใต้ตา ลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ ขณะที่ภูติแห่งสายน้ำที่โผล่ขึ้นจากบึงน้ำ พวกหล่อนบินโฉบไปมาเหนือร่างนั้นและขับขานดนตรีกล่อมเด็กน้อยแปลกหน้า
และกลางกระทำทั้งหมด ตกอยู่ภายใต้การจับจ้องของดวงตาคู่หนึ่งที่เปล่งแสงแวววับ เช่นกับมุมปากที่ยกขึ้นสูงจนเห็นฟันเขี้ยวน่ารักน่าเอ็นดู(?)
"แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะอลิซ"
...ฝุ่นเงาลึกลับกล่าว ก่อนที่แสงสีฟ้าอะควอมารีนจะเลือนลางหายไปในความมืดมิด
' ราชา หากโตขึ้นข้าจะแต่งงานกับคุณนะ แล้วเราจะมาอยู่ที่อันเดอร์แลนด์นี้ ผมชอบที่นี่ ผมชอบทุกคนเลย '
รอยยิ้มกว้างผุดที่ใบหน้ากลมของเด็กชายตัวเล็กที่นั่งบนตักของคนที่ถูกเรียกว่าราชา เขาทั้งคู่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้สีขาวและแดง ชายหนุ่มในชุดผู้ดียุโรปได้ฟังก็อมยิ้ม มองอีกฝ่ายกำลังหยิบดอกไม้รอบกายมาทำเป็นมงกุฎดอกไม้ด้วยแววตาเอ็นดู
' พูดจริงเหรอที่จะเป็นเจ้าสาวให้ข้า หือ อลิซ '
' ไม่เป็นเจ้าสาววว~ ท่านพ่อบอกว่าผู้ชายต้องเป็นเจ้าบ่าวต่างหาก '
เด็กน้อยเถียงกลับมาแม้ดวงตาโตจะยังไม่ละออกจากกิจกรรมในมือ ครั้นองค์ราชาได้ฟังก็นึกขำ ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้บังอาจขอราชาแต่งงานแถมยังจะให้เขาเป็นเจ้าสาวด้วยหรือไร ...มิได้หรอกอลิซของข้า ข้าสัญญากับบุพการีไว้แล้วว่าจะหาเมีย
' โถ่ หากเช่นนั้นแล้วข้าคงแต่งงานกับเจ้าไม่ได้ ท่านพ่อบอกไว้ว่าควีนต้องเป็นเจ้าสาวของข้าเท่านั้น.... ตัวข้าคงต้องกล้ำกลืนรักกับหญิงอื่น ถึงแม้ข้าจะอยากให้เจ้ามาเป็นควีนของข้าเหลือเกินอลิซ '
' ไม่ได้นะ! ถ้าอย่างนั้น....ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นเจ้าสาวให้คุณก็ได้! แต่อย่าไปรักคนอื่นมากกว่าผมนะ '
อลิซหันกลับมาประจันหน้ากับราชาด้วยแววตาจริงจัง แก้มยุ้ยๆพองลมพลางเบะปากใส่เขา
' เช่นนั้นหากเจ้าเติบโตขึ้น เราจะแต่งงานกันใช่ไหม '
' ใช่ คุณสัญญากับผมเเล้วนะราชา เกี่ยวก้อยสัญญากันไว้~ ถ้าใครโกหกต้องกินเข็มพันเล่มม~ '
นิ้วก้อยทั้งสองเกาะเกี่ยวกันเป็นมั่นเหมาะ เรียกยิ้มสดใสจากเด็กชายได้เป็นอย่างดี ร่างสูงทอดตามองดวงหน้านวลก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากนุ่มชวนชิม ก็อย่างว่า...กับเด็กวัยสิบกว่าขวบอย่างไร้เดียงสา หนูน้อยทำเพียงหลับตาและจูบตอบเหมือนที่เคยทำกับพ่อแม่
หากแต่กับองค์ราชา ความหมายมันมากกว่านั้น...
' ปากคุณหวานเหมือนอมยิ้มเลยราชา อ่ะ ไอ้เนี่ยถ้าทำเสร็จแล้วผมจะให้คุณนะ '
มือเล็กหยิบมงกุฏดอกไม้ที่ใกล้สมบูรณ์ขึ้นมาโชว์แล้วก้มหน้าก้มตาร้อยเรียงอย่างมีความสุข เช่นกับร่างสูงกำชับอ้อมกอดแน่น จมูกโด่งฝังชิดลำคอเล็กจนเด็กน้อยรู็สึกจั๊กจี้
' คุณกำลังทำผมเสียสมาธิน่าาาาาาาา '
' จำไว้อลิซ ถ้าหากเจ้าไม่กลับมาทำตามสัญญา ข้าจะไปตามตัวเจ้ากลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องตามไปถึงนรก โลกใด....ภพใด '
' เจ้าจะต้องเป็นของข้า ....จงอิน '
"ก็เฮี้ยละ อี๋~~"
จงอินลูบแขนตัวเองเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืน ขยะแขยงชิบหาย เรื่องอะไรผู้ชายมาบอกรักแล้วตัวเองไปอ่อยเขาเต็มประดา Unbelieveable! นั่นมันต้องเป็นมโนทัศน์แน่นอน น้องจงอินสาบานต่อหน้าเทพเจ้าโอดินแห่งเกมแร็คนาร็อคว่าไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับผู้ชายคนใดเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่เค้าฝันเห็นตั้งสองครั้งแต่กลับไม่ได้เห็นหน้าแบบนี้
คิมจงอินตัวน้อยที่รู้สึกเหมือนสูงกว่าเก่าเดินออกจากเขตป่าได้สำเร็จ ตรงหน้าเขาคือต้นไม้แห้งๆยืนต้นอยู่พร้อมกับป้ายลูกศรเยอะแยะมากมาย ร่างจิ๋วเขม่นตามองก็พบว่ามันเป็นป้ายบอกทาง แต่ไม่ยักกะมีป้ายบอกทางกลับโซล... แล้วไง จะไปไหนต่อดีวะกู
"อือ..................................ปราสาทขาว 94 ..............................ปราสาทแดง 61"
อ่านทวนป้ายสองป้ายที่ใหญ่กว่าเพื่อน อะไรวะ อยู่ๆก็มีเลข ไม่บ่มไม่บอกอะไรสักอย่าง แต่ถ้าให้คิดก็คงเป็นระยะทาง....ล่ะมั้ง อยากจะรู้จริงๆอิโลกบ้านี่มันมีแต่แดงๆขาวๆรึไงวะ ไม่เห็นจะมีเขียว ฟ้า เหลืองบ้างเลย ตาบอดสีกันเหรอ
"ไปปราสาทแดงน่าจะใกล้กว่านะ ไปดีไหมน้าๆๆ"
ร่างจิ๋วส่ายหัวด๊อกแด๊กเป็นตุ๊กตาติดสปริงแลดูน่ารักน่าชัง โดยไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังเขามีรอยยิ้มโชว์ฟันเขี้ยวสถิตอยู่ ดวงตาสีอควอมารีนจ้องมองเด็กหนุ่มพลางนึกสนุกเเล้วเลียนแบบ
"อย่าไปเลยน้าๆ"
"เออ ก็ว่างั้นแหละ ถ้าไปกูว่าโดนเจ้าของเสียบหัวประจานชัวร์ เหี้ย!!!....."
"ไม่ใช่เหี้ยซะหน่อย พูดจาไม่ดีเลยอลิซ~ "
"ใครวะ! โผล่มาจากไหนเนี่ยเฮ้ย โรคจิต! โรคจิตตตต"
จงอินวิ่งไปกอดโคนต้นไม้แล้วหรี่ตามองร่างของคนแปลกๆที่นั่งขัดสมาธิบน อากาศ ผู้ชายคนนั้นเริ่มลอยเชื่องช้าเข้ามาวนเวียนรอบกายเขาพร้อมรอยยิ้ม ถ้าลองมองดีๆจะพบว่ามีหูตั้งๆบนกลุ่มผมสีเทาๆฟ้าๆและหางยาวสีเดียวกันกับเส้นผม
น่ะ น่ะ น่ะ....น่ารัก!
"ชู่ว ดึงสติหน่อยน่าาา จะแนะนำตัวนะ ข้าคือเช..."
"แป๊ปนึงๆๆ อย่าเพิ่งเฉลยนะ จะเดาๆ หน้าแบบนี้ หูแบบนี้.... ตาแบบนี้....แมวใช่ไหม"
พอตอบไปแบบนั้น ผู้ชายคอสเพลย์ตรงหน้าก็ทำหน้าเพลียใส่เขา อ้าวไรวะ นี่มันไม่ได้เดากันง่ายๆนะเว้ยยยย
"ถ้าเจ้าดูไม่ออกก็นะ อืมใช่ข้าเป็นแมวชื่อ เชสเชอร์ เดอะ คริส เรียกว่าคริสก็ได้ ถ้าเจ้าถามว่าข้ามาจากไหนล่ะก็ วิ๊งงง"
สิ้นคำพูด ร่างของคริสก็ค่อยเลือนหายไปเหลือเพียงควันเลื่อนลอยสีเทาอ่อน ก่อนจะโผล่ออกมาอีกทีเพียงแค่หัวแล้วฉีกยิ้มกว้าง จงอินเบิกตาโตพลางปรบมือชื่นชม
"เป็นไง~~~"
"เฮ้ย! เท่ว่ะ หายตัวได้ด้วย ทำได้ไงอ่ะ"
"ง่ายๆ ก็แค่กินวิตามินเยอะๆ ว่าแต่อลิซ.... เจ้ากลับมาทำอะไรที่อันเดอร์แลนด์นี่ แถมยังคิดจะไปปราสาทราชาหน้าตายคนนั้นอีก"
"มาขายตรงมั้งแหม่ หลงทาง อยากกลับบ้าน แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี แถมที่นี่มีแต่คนพูดเรื่องฆ่าฟันกัน ฟังแล้วปวดหัวตุ้บตับเลยเนี่ย เฮ้อออ"
ว่าแล้วก็จัดโอเวอร์แอคติ้งไปหนึ่งที คริสก็พยักหน้าเออออไปด้วยซะอย่างนั้น แมวตัวสูงลอยไปโผล่ไปรอบๆร่างจิ๋วก่อนจะห้อยหัวลงมาสบตากับอลิซ ดวงตาสุกใสและฟันเขี้ยวเหมือนแมวในหนังทำเอาจงอินอยากจะคว้าไปกอด
"ถ้ายังไม่มีที่ไป สนใจไปดื่มชากับพวกเราไหม ข้าจะพาไปพบเพื่อนๆของข้า ที่สำคัญ มีคนบางคนรอเจ้าอยู่ด้วยสิ"
"...........ไปก็ได้นะ แต่เดินมาปวดเท้ามาก ขอพักแป๊ปนึงแล้วกัน"
"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เอ้า ฮึบ!"
"เฮ้ยๆๆๆๆ"
จงอินคว้าคอคริสไว้กันตกเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ช้อนตัวเขาขึ้นมาอุ้มยังกับลูกเล็กๆ คงเพราะเขาตัวเล็กด้วยคริสก็เลยอุ้มได้สบาย ทั้งคู่ลอยขึ้นสูงจากพื้นด้วยควันสีเทาอ่อน เพราะท่อนแขนแข็งแรงล็อคตัวเขาแนบไปกับอกจงอินเลยได้กลิ่นฟีโรโมนหอมๆจากผู้ชายหูแมวคนนี้ มันทั้งมึนแล้วก็หอม...
จะว่าไปแมวคริสนี่ก็หล่อนะ หนังหน้าจัดว่านายแบบมาก ดวงตาสีฟ้าสด ผิวยังกับพวกยุโรปแถมไว้ผมสีเทาสโมคกี้ คาริสม่าสุด ว่าววว~~
............เดี๋ยวนะๆ อะไรคือชมผู้ชาย
"คิดถึงจังแฮะ ตอนนั้นที่เจ้ามักจะแวะเวียนมาอันเดอร์แลนด์เจ้าชอบให้ข้าอุ้มแบบนี้แหละ เมื่อก่อนตัวเล็กๆประมาณนี้เลย"
"ผม.....เคยมาที่นี่จริงๆเหรอ"
"ทำไมล่ะ? เจ้าลืมไปแล้วเหรอ"
"ไม่ใช่ลืมหรอก แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง....ทั้งพวกคนที่ผมเจอ ทั้งโลกใบนี้"
แล้วก็ผู้ชายในความฝันนั่นด้วย
"หือ....."
คริสเลือกจะไม่เซ้าซี้และปล่อยให้อีกฝ่ายให้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง จนดวงตาแมวมองเห็นกังหันลมผุพังสนิมเขรอะจึงได้เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง ปาร์ตี้น้ำชาตอนบ่ายที่มักจะจัดขึ้นประจำของสามสหาย วันนี้ก็ครบหน้าครบตากันเหมือนเดิม
แมวตัวสูงสะกิดคนในอ้อมกอดให้หันไปมองดูปาร์ตี้น้ำชาของกลุ่มคนประหลาดทั้งสาม คนนึงกำลังนอนฟุบแต่นิ้วชี้ยังคล้องกับหูแก้วกาแฟ ส่วนอีกสองคนกำลังโยนน้ำตาลก้อนใส่กันไม่ลืมหูลืมตา เดี๋ยวๆๆๆ
"ไง ดูเหมือนปาร์ตี้จะรอข้าอยู่สินะ...."
"ไม่มีใครรอเจ้าทั้งนั้นแหละคริส ว่าแต่นั่น....ไม่ยักกะรู้ว่าเจ้ามีลูกแล้ว"
คนที่กำลังเล่นโยนก้อนน้ำตาลหันมาสนทนากับผู้มาใหม่ทั้งสอง ดวงตาสวยเบิกโตเมื่อเห็นเพื่อนร่วมปาร์ตี้อุ้มเด็กคนนึงไว้แนบอก นี่มันข่าวใหญ่นะเนี่ย ไอ้แมวนรกนี่หาเมียได้ตอนไหน!
"ใช่ซะที่ไหนเล่า พวกเจ้าจำหน้าแบบนี้ไม่ได้รึไง"
"หน้าแบบนี้? ทำไมล่ะ อยากได้เหรอ อันเดอร์แลนด์ไม่มีคลีนิคศัลยกรรมนะคริส"
ผู้ชายอีกคนที่ตาคมกว่าเปิดปากบ้าง ทั้งคู่เพ่งมองหน้าจงอินอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร จนคริสต้องถอนหายใจแรง
"อลิซไงอลิซ..."
"......อลิซ? จะเป็นไปได้ไงในเมื่อ.....อุ๊!!"
เพล้ง!
แก้มกระเบื้องเยินๆปลิวไปกระทบศีรษะที่มีหูกระต่ายงอกออกมาอย่างจัง คนๆนั้นล้มไปทั้งนั่งเก้าอี้ จงอินร้องซี้ดเพราะดูก็เจ็บแทนแล้ว เขานึกว่าจะเกิดเรื่องทะเลาะแต่ทั้งคู่กลับหัวเราะใส่กันเสียงดัง
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"
"อย่าไปสนใจหรือเลียนแบบล่ะ พวกนั้นมันก็แบบนี้แหละไม่ได้เลือดออกกันซักวันมันจะลงแดงตายเอา เอาล่าอลิซ ข้าจะแนะนำให้รู้จักอีกรอบนะ ผู้ชายที่นอนหลับอยู่นั่นคือเลย์เม้าส์ หมอนั่นบางวันก็หลับบางวันก็ตื่นเป็นแบบนี้ประจำ"
คริสชี้ให้ดูผู้ชายผิวขาวคนที่แต่งตัวเหมือนพวกโจรสลัดแต่บนศีรษะมีกลมๆสีดำสองข้างเหมือนมิกกี้เม้าส์ เชื่อเขาเลยว่ะ ขนาดเพื่อนจะฆ่ากันตายยังไม่ตื่นซักเเอะ แถมแม่งยังนอนมุดกองขนมปังสบายใจเฉิบ
"เจ้าหมอนั่นชื่อมาร์ชเทา สปีชี่ย์กระต่ายป่า"
ต่อมาเป็นชายคนที่ถูกแก้วปาใส่หัว เสื้อผ้าที่ใส่ก็ประมาณยุโรปกลางเหมือนคนอื่นๆแต่ใบหน้าออกไปทางเอเชียกลาง ถ้าเทียบกับคนอื่นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เขาดูเป็นคนเรื่อยๆดี ขนาดเลือดออกก็ยังมีอารมณ์หัวเราะร่าเลย
"แล้วก็....แมดแฮทเทอร์ ลู่หาน"
และสุดท้าย คริสผายมือไปที่ผู้ชายที่จงอินเหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด ผู้ชายหน้าหวานที่แต่งตัวสไตล์โกธิคพร้อมหมวกทรงสูงสีดำเมี่ยม ดวงตาสีเขียวมะนาวเป็นประกายที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีดำสวยงามราวกับตุ๊กตาบรายธ์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายเพี้ยนคนนี้สวยจนอดชมไม่ได้เลย
ออมม่า น้องจงอินอยากได้....
"ฮี้ๆๆๆๆๆๆ เฮ้ยคริสรับเว้ย!"
กาน้ำชาลอยข้ามจากหัวโต๊ะมาท้ายสุดตรงแมวหนุ่มนั่ง คริสรับมันมาแล้วบ่นปอดแปดว่า 'จะโยนทำไมวะ แม่งร้อน' ส่วนจงอินบนตักคริสก็ได้แต่นั่งอึ้งๆ ไม่ใช่ไร คือเฉียดกบาลไปหน่อยนึง แถมตอนปาแม่งควงสว่านยังกับพิชเชอร์มืออาชีพ น้ำชงน้ำชานี่หกกระจายทั่วโต๊ะเรียบร้อย
"ไอ้ลู่หาน ปาน้ำชาอีกแล้วเหรอวะ...."
คุณชายมิกกี้เม้าส์ค่อยๆโผล่หัวออกมาจากกองขนมปังพลางลูบต้นคอตัวเอง ดวงตาปรือมองซ้ายขวาแล้วหยุดที่ตัวจิ๋วของเขา
"....ไอ้คริส ......มีลูกตอนไหนวะ"
"ไม่ใช่ลูกกกก ไอ้ห่านี่ทำไมพวกมึงต้องบอกว่าอลิซเป็นลูกกูวะ หน้าเราเหมือนกันรึไง เจ้านี่มันมีหูมีหางเหมือนข้าไหม"
คริสบ่นเรื่อยๆแต่มันคงเข้าหูซ้ายแล้วก็ออกทางเดิมไปแล้ว ลู่หานกับเทายังแข่งกันเอาน้ำตาลใส่ถ้วยว่าใครจะทำได้เยอะสุด ส่วนเลย์ใช้ตาปรือมองขึ้นฟ้า มองมือตัวเอง แล้วก็มองขึ้นฟ้าใหม่
"อลิซ??? อ่า.....................อ๋อ อลิซนี่เอง ตัวเท่าเดิมเลยเฮอะ ที่โลกของเจ้ามันไม่มีการเติบโตเหรอ"
....เรียกว่ากวนตีนดีไหม รู้สึกคันๆ - -
"ไม่ใช่แบบนั้น แค่กินไอ้น้ำสีฟ้าๆเข้าไปตัวเลยหดเฉยๆ ตัวจริงผมสูงกว่าคุณอีก"
"น้ำฟ้าๆ อ๋อ งั้นกินนี่สิ"
เลย์ปาขนมเค้กมาทางเขาแล้วก็ดื่มชาสบายใจแม้ถ้วยของตนก้นแก้วจะรั่วอยู่ จงอินมองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยหน้าเค้กเละๆ เลยตัดใจกินมันทั้งอย่างนั้นเลย ทันทีที่ทานเข้าก็รู้สึกถึงความร้อนแผ่ไปทั่วลำคอ ลามไปถึงร่างกาย จงอินหลับตาแน่นโดยมีมือเรียววางรอบลำคอระหง
"ว่าว....."
ปาร์ตี้น้ำชาที่เงียบกะทันหันถูกทำลายความเงียบด้วยคำๆเดียวแต่หลายเสียงประสานกัน ดวงตาคมลืมขึ้นมาก็พบว่าภาพตรงหน้ากลับเป็นปกติ จะมีไม่ปกติก็คนสามคนที่จ้องเขาตาเขม็งโดยเฉพาะแมดเเฮทเทอร์หัวโต๊ะ
"ฮี้ๆๆ เชื่อเลยว่าสูงจริงว่ะ ใช่ป่ะเลย์ ฮ่าๆๆๆๆๆ"
"ก็เห็นกันอยู่จะๆนี่หว่า คิๆๆๆๆๆๆๆ"
คุณชายหนูกับกระต่ายป่าหันหน้าเข้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก ขณะที่ช่างทำหมวกหันหลังกลับไปทำอะไรยุกยิกก่อนจะโยนมันส่งมาให้เขา จงอินหยิบชุดกระโปรงสองชั้นย้วยๆสีฟ้าขึ้นมาพิจารณา แต่แล้วจงอินก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆจิ้มร่างกายส่วนล่างของตน
"ล....ลุกออกไป........ฮือออออ"
เป็นคริสที่ยกอุ้งมือปิดหน้าแดงก่ำกล่าวขึ้นเบาๆให้อีกคนได้รู้ตัวอีกที พอเขาไล่สายตาลงมามองตัวเองจงอินก็แทบจะยกเท้าขึ้นถีบคริส ร่างสูงโปร่งกระโดดออกจากตักแมวหนุ่มแล้วใช้ชุดกระโปรงปิดร่างเปลือยของตนเอง จงอินชี้หน้าคริสแล้วก็เลื่อนนิ้วลงต่ำเขาก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ จะด่าก็ตั้งสตินึกคำด่าไม่ออก
ไอ้แมวนรกนี่แม่งขึ้น.....แม่งขึ้นธงกับเขา!!
"ฮี้ๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"
"ไม่เอาน่าอลิซ เจ้าเป็นคนนั่งตักมันแถมยังเปลือยให้พวกข้าดูเอง พวกข้าไม่ผิดนะ"
เลย์หยักไหล่ขณะที่เจ้าเทาหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง อันที่จริงมันก็ถูกอย่างที่หมอนั่นว่า แต่ใครจะไปนึกทันวะว่าตัวใหญ่แล้วเสื้อผ้ามันจะขาด เชี่ยแม่ง เราผิดเองที่เผลอไปพวกคนรู้หน้าไม่รู้ใจอย่างพวกเธอ T T
"ข้าว่า เจ้าเลิกทำหน้าแบบนั้นแล้วเจ้าไปใส่เสื้อผ้าดีกว่าไหม"
จงอินมองตามลู่หานไปก็เห็นบ้านกังหันลมไม้ผุๆพังๆแล้วค่อยๆกระดึ๊บๆไปช้า ท่ามกลางสายตาของผู้ร่วมปาร์ตี้ทั้งวง คือมันก็ไม่ไกลนะแต่พอโดนจ้องเท่านั้นแหละ แม่งไกลเลยจ้าาา
"แล้ว.........ข้าควรจะพาเด็กนั่นไปหาราชาใช่ไหม"
"ก็คงต้องเป็นแบบนั้น"
เลย์เป็นคนตอบคำถามให้ลู่หานที่ดูจะจริงจังขึ้นมาเฉยๆ คริสกับเทานั่งดื่มน้ำชากันเงียบๆ บรรยากาศผิดกับครั้งแรกที่เคยเป็นมีเพียงเสียงก๊องแก๊งจากกระเบื้องกระทบกันเท่านั้น
"หึ เจ้าเด็กนั่น มีดีอะไรให้ราชารักใคร่นักหนา ถึงได้พยายามพลิกแผ่นดินหาตัวเช่นนี้"
"นั่นมันเป็นการดีของเจ้าไม่ใช่รึไง ถ้าเจ้าพาของรักของราชากลับไปได้สิ น่ากลัวว่าเจ้าผู้ชายคนนั้นจะตบรางวัลให้อย่างงาม"
"เหอะ ต่อให้เจ้าคิงนั่นจะไม่ให้ข้า ไม่ว่ายังไงข้าก็จะเอามันมาให้ได้อยู่ดี...."
"......อัญมณีเม็ดนั้น........มันเป็นของข้า"
ลู่หานว่าพลางมองไปยังยอดธงสีแดงที่พริ้วไหวอยู่ลิบๆ ดวงตาสีเขียวมะนาวกรอบดำฉายประกายบางอย่างที่ถูกเก็บไว้ในใจ ขณะที่มุมปากสีชมพูมุกคลี่ยิ้มจางที่เพื่อนทั้งสามรู้ความหมายของรอยยิ้มนี้ดี
ลู่หานไม่ได้ได้ชื่อแมดเเฮทเทอร์เพียงเพราะเป็นคนบ้าธรรมดา ภายใต้ดวงตาหวานฉ่ำคู่นั้นไม่มีใครสักคนที่รู้หรอกว่าหมอนี่กำลังคิดแบบไหนอยู่ แต่ที่แน่ๆช่างทำหมวกคนนี้ไม่ใช่คนดีนักหรอก
...
ไม่ใช่เพียงcrazyหรือmad .....insaneต่างหากที่ดูเหมาะกับลู่หานที่สุด
จงอินมองมือตัวเองที่ถูกช่างทำหมวกร่างโปร่งกุมไว้ในหลายๆความรู้สึก เขาไม่ได้รังเกียจอะไรเพียงแต่รู้สึก....แปลกๆ ทั้งคนเดินข้างๆแล้วก็ชุดรุ่มร่ามนี่ด้วย เขารู้อยู่เต็มอกว่าตัวไม่ได้ดูดีในการแต่งครอสเดรสแถมรู้สึกสยดสยองตัวในชุดผู้หญิงอีก ลู่หานกำลังย้ำเตือนเขาเรื่องนั้นด้วยชุดกระโปรงพริ้วไสวเหมือนคุณหนูสีฟ้าหม่น
.....ยี้
หลังจากที่จงอินก้าวออกมาจากบ้านกังหันในสภาพ....นั่นแหละ ไอ้สี่สหายมันก็หัวเราะเยาะเขาเป็นบ้าเป็นหลัง โดยเฉพาะขาประจำอย่างกระต่ายป่าเทา หมอนั่นขำไปสำลักไปเกือบตาย แหม่ นึกว่ากุอยากแต่งเหรออออออ ไม่ทันจะได้ด่าใครหรืออะไร ปาร์ตี้ของเขาก็ถูกบังคับให้จบลงโดยช่างทำหมวกหน้าสวย ลู่หานอาสารับช่วงต่อเป็นคนพาจงอินเดินทางต่อ เขาทั้งคู่แยกตัวออกมาจากสามคน(ตัว?)ที่ยังโยนก้อนน้ำตาลใส่กัน ไม่เข้าใจว่ะ คือมันสนุกเหรอ= =?
"เหม่ออะไรอยู่อลิซ ข้าบอกว่าใกล้ถึงแล้วนะ"
"ฮะๆๆ อ๋อ อ่าๆๆๆ เคๆ"
"เค? คือ?"
ลู่หานขมวดคิ้วให้กับคำพูดแปลกที่ตัวเขาไม่เคยได้ยิน เค... อลิซจากเมืองไกลทำหน้าเหรอหราแล้วนึกคิดอยู่ว่า'เค'มันคืออะไร มันย่อมาจากโอเคใช่ไหมล่ะ ....จะว่าไป ทำไมเราถึงเปลี่ยนจากโอเคเหลือแค่เคกันนะ.... แล้วไอ้เคเนี่ยมันมีความหมายอื่นรึเปล่า อือ............จะว่าไปทำไมเราถึงพูดโอเคล่ะ ถ้าไม่มีคำๆนี้เราจะใช้คำอะไรกันน้าาาา
"เอ่อ อลิซ ข้าไม่ได้ทำให้เจ้าเครียดใช่ไหม?"
ดวงตาสีมะนาวกรอบดำฉายแววหวาดหวั่นกับท่าทีพิลึกของคนตรงหน้า คิมจงอินยกมือลูบคางพลางทำสีหน้าเหมือนนึกเรื่องสำคัญไม่ออกเสียที มันดูค่อนข้างแย่นะ
"มัน......หมายถึงตกลงน่ะ"
"อือ..."
"อือ..."
สิ้นประโยคโง่ๆนั่น สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่เงียบกันไปตลอดทาง จนลู่หานชี้ให้ดูสถานที่ๆพวกเราเพิ่งจะมาถึง เสี้ยวหน้าคมของจงอินเงยขึ้นมองสถาปัตยกรรมเบื้องหน้าที่ดูงดงามและสะอาดบริสุทธิ์ ปราสาทหินอ่อนสีขาวสะท้อนแสงอาทิตย์ส่องประกายราวกับไข่มุกแวววับ ครั้นมองเข้าในด้านในก็พบกับต้นไม้สูงใบสีขาวปนสีทองคำที่ปลิวร่วงปูไปตลอดทางเดินเข้าปราสาท
จงอินได้แต่อ้าปากค้างเป็นรูปปั้นหน้าปราสาท ขนาดว่าลู่หานเอามือไปปัดๆด้านหน้า อลิซคนสวยของเขาก็ยังไม่ได้สติจนฝ่ามือสวยฟาดเข้าตรงผิวหน้าสีแทนเท่านั้นแหละ
เพี๊ยะ!
"โอ๊ย! ตบทำไมอ่ะ!"
"เอ้า ก็ตาลอยทำไมอ่ะ!"
เจ้าของรอยมือลอยหน้าลอยตาก่อนจะเอื้อมมาจูงมือหยาบๆเป็นกระดาษขัดไม้ของอลิซลากเข้าไปในเขตปราสาทสีขาวนั่น จงอินก้าวเท้าเปล่าเปลือยไปตามพื้นหินอ่อนเย็นแต่ดวงตาคมทั้งคู่กวาดไปรอบตัวด้วยความอัศจรรย์ สถานที่แห่งนี้ช่างสวยงามจนไม่รู้จะบรรยายยังไง สีขาวสะอาดยังกับโบสถ์แต่งงานในหนัง สาบานเลยถ้ามีคนรักเมื่อไหร่ เขาจะมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นที่นี่
"ที่นี่มันสวยมากจนอยากจะลุกขึ้นมาร้องเพลงเหมือนพวกเจ้าหญิงดิสนีย์เลย...."
"งั้นเจ้าก็ไปร้องซะสิ ข้าให้เวลาห้านาที"
"จริงจัง? นี่ๆลู่หาน ยังไม่มีใครอนุญาติให้คุณเข้ามาที่นี่เลยนะ แบบนี้เจ้าของเขาจะไม่ว่าเอารึไง"
"เดิมพันด้วยหัวของข้าเลยว่าที่นี่ต้อนรับเจ้ามากแค่ไหน"
"หมายความว่ายังไง"
"ไง! ช่างทำหมวกไม่ได้เจอกันนานนะ"
ลู่หานไม่ได้ตอบจงอินเพราะเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน คนหน้าสวยเผยยิ้มจางก่อนจะเดินเข้าไปจับมือทักทายผู้ชายร่างเล็กที่จงอินรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแม้จะมองเห็นแค่เศษเสี้ยวหน้ากับเส้นผม ทั้งคู่พูดคุยกันได้เพียงหน่อยหนึ่งผู้ชายคนนั้นก็ชะโงกหน้ามามองเขา
โอเค ตอนนี้จงอินจำได้ว่าหมอนี่เป็นใคร หน้าแบบนี้ต่อให้อยากลืมก็ยาก
"ว้าววววว นั่นใช่คนที่ข้าคิดรึเปล่าน้าาาาา"
รอยยิ้มกว้างแฝงความนัยถูกส่งมาจากหนึ่งในแฝดนรกหรือทวินแบคฮยอน สุนัขรับใช้ขององค์ราชาขาว ร่างเล็กนั่นเดินเข้ามากอดเขาไว้เบาๆก่อนจะกระซิบข้างหู
"ในที่สุดเจ้าก็กลับมาอยู่เคียงข้างเรา อลิซ..... เจ้าต้องจินตนาการไม่ออกแน่ว่าราชาขาวปรารถนาให้วันนี้หวนคืนมานานขนาดไหน พระองค์รอคอยเจ้าหวนคืนมาที่นี่ ครั้งที่แล้วเจ้าจากไปได้แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้แน่....เตรียมตัวไว้ละกันนะที่รัก หึๆๆ"
"หมายถึงอะไร ทำไมคนๆนั้นต้องรอผมด้วย"
"รอถามพระองค์เองดีกว่าไหม ....เยี่ยมจริงๆที่เจ้าพาเขามาได้ องค์ราชาประทับอยู่ที่โถงใหญ่ พวกเจ้ารีบไปเข้าเฝ้าพระองค์เถอะ"
ประโยคที่สองแบคฮยอนหันไปพูดกับลู่หานก่อนจะขอตีตัวออกไป จงอินมองตามแบคฮยอนด้วยสายตาสงสัยขณะที่อีกฝ่ายหันกลับมามองเขาเพียงหางตาอีกครั้งแล้วยกยิ้มจนจงอินต้องหันหน้าหนี
"ไหงทำหน้าแบบนั้นล่ะอลิซ หือ เจ้าแฝดนั่นขู่อะไรเจ้ารึไง"
"เขาบอกว่าราชาขาวรอคอยจะพบผม หมายความว่ายังไงเหรอลู่หาน ผมกับราชานั่นสนิทอะไรกันรึไง"
"เมื่อก่อนก็ใช่ เจ้าสนิทกับองค์ราชาน่าดูเลยล่ะ"
"แล้วเขาก็ยังบอกว่าให้เตรียมตัวไว้....รอบที่แล้วผมหนีได้แต่คราวนี้คงยาก น่ากลัวอ่ะลู่หาน ผมไม่อยากเข้าไปแล้ว!"
"ไม่เอาน่าอลิซ ก็เเค่องค์ราชาไม่อยากเสียเจ้าไปเหมือนครั้งอดีต อย่าไปฟังมันเลย หมอนั่นชอบพูดอะไรเละเทะ"
ลู่หานรวบมือที่ขยุ้มชายเสื้อเขาไว้แล้วออกแรงดึงไปที่ห้องโถงใหญ่ ทั้งๆที่ตัวเขาสูงกว่าลู่หานแต่เขากลับสู้เเรงช่างทำหมวกไม่ได้เลยจำต้องเดินตามไปโดยดี ระหว่างทางจงอินเฝ้าสังเกตุรูปภาพฝาผนัง แต่ละรูปถูกวาดและออกแบบด้วยความประณีตราวกับรูปถ่าย ไม่ว่าจะเป็นรูปคน สถานที่หรือความงามที่ไร้นิยาม ศิลปะทุกชิ้นถูกเก็บไว้ในกรอบคริสตัลใสเป็นประกายที่สะท้อนแสงไฟชานเดอเลียได้อย่างลงตัว สะท้อนให้เห็นความละเอียดในตัวเจ้าของปราสาทนี้อย่างดีเยี่ยม
พวกเขาทั้งคู่หยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานใหญ่เหมือนพวกปราสาทเก่าในยุโรป ลู่หานหันมาเช็คสภาพของขวัญที่ตนเตรียมมอบให้ราชาด้วยความพึงพอใจ มือเรียวค่อยๆแง้มบานประตูออกแล้วดันให้คนที่เกร็งมาตลอดทางก้าวเข้าไปแล้วจึงก้าวตามไป กระนั้นเด็กตัวสูงกลับรีรอให้เขาเดินนำหน้า ลู่หานจึงจำยอมเป็นโล่กำบังให้อีกฝ่ายไปก่อน
ดวงตาสีเขียวมะนาวหรี่ลงเมื่อเงยหน้ามองไปยังบัลลังก์สีขาวกรอบทองที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องพร้อมกับร่างสูงชะลูดของเจ้าของบัลลังก์ที่นั่งหลับตาอยู่ จงอินตั้งใจจะมองหน้าราชาเผื่อจะนึกอะไรออกแต่เพราะในทิศทางเขามันย้อนแสงจึงเห็นเพียงเงามืดๆ ลู่หานโค้งคำนับก่อนจะเอ่ยปากเรียก
"ถวายบังคมองค์ราชา"
"เสียงเช่นนี้ แมดแฮทเทอร์หรือไร ช่างน่าประหลาดนัก ลมอันใดพัดเจ้ามาทีแห่งนี้"
"ข้าคือผู้จงรักภักดียิ่ง เพียงแค่คิดถึงใบหน้าท่านขาทั้งสองของข้าก็รีบเร่งมาที่นี่เสียแล้ว ว่าแต่....พระองค์จะไม่โปรดทอดพระเนตรมองมาที่ 'เรา' หน่อยหรืออย่างไร"
"หึ เพื่อนใหม่หรือไร ไหนดูซิ"
เปลือกตาสีมุกของผู้สูงศักดิ์เปิดออกพลางส่องประกายในที่มืด นัยน์ตาสะอาดมองมาที่เขาที่หลบอยู่หลังลู่หานก่อนจะเบิกกว้าง ร่างสูงขององค์ราชาพรวดพราดลุกขึ้นมาเวลาเดียวกับรอยฉีกยิ้มของลู่หาน
...เหยื่อติดกับแล้ว
"ไปทักทายองค์ราชาหน่อยสิที่รัก"
พลั่ก!
จงอินสะดุ้งเมื่อจู่ๆลู่หานก็ผลักเข้าออกไปข้างหน้าจนชนกับบางสิ่ง หัวไหล่มนถูกครองด้วยฝ่ามือใหญ่ของคนบางคน และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปก็ต้องเผลอหยุดหายใจเมื่อบังอาจไปสบตากับดวงตาประกายเพชรดุจอัญมณีล้ำค่า ร่างโปร่งกลับมายืนตรงแม้ขาจะสั่นและหัวใจจะแกว่งๆ
"อลิซ.......นี่เจ้าหรือ"
"เอ่อ...............ความจริงไม่ได้ชื่ออลิซ แต่ใช่มั้ง"
"พระเจ้า เจ้าจริงด้วยอลิซ......อลิซของข้า"
มือเย็นของอีกฝ่ายยกขึ้นลูบใบหน้าเขาจนขนลุกเกรียว จงอินโดนบังคับกลายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับใบหน้าคมคายราวกับเทพบุตรที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีบรอนด์สว่าง เขาก็เหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าทันทีที่ได้สบเข้าเต็มตากับเพชรสีบุษราคัมสีอ่อนเม็ดงาม ร่างสูงโปร่งแน่นิ่งแม้จะถูกแขนยาวโอบเข้าไปกอดไว้แนบอก ทั้งอบอุ่นและหน่วงชวนอึดอัด
คล้ายกับว่าความรู้สึกนี้ เขาจะเคยได้รับจากใครซักคน....
เมื่อนานมากแล้ว...
"ข้าคิดถึงเจ้า ข้าเฝ้าแต่วิงวอนต่อเบื้องบน....ว่าปรารถนาจะพบเจ้าเหลือเกิน"
"ผมจำอะไรเมื่อก่อนไม่ได้หรอกนะ เลยไม่รู้เรื่องว่าคุณเศร้าทำไม"
จงอินรู้สึกชื้นตรงหัวไหล่ที่มีศีรษะของขัตติยะซุกอยู่ ร่างสูงสั่นน้อยๆแม้เจ้าตัวจะเอาแต่กอดเขาอยู่อย่างเดิม เห็นแบบนั้นเขาก็อดสงสารไม่ได้ซ้ำยังพาลโมโหตัวเองที่นึกจำอะไรไม่ได้เลย เขาทำได้เพียงโอบแผ่นหลังกว้างนั้นกลับเงียบๆ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายได้ซึมซับกับช่วงเวลานี้ไว้ตราบเท่าที่ต้องการ
"....แต่ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว"
ทั้งๆที่เขาจะปล่อยผ่านมันไปก็ได้จงอินกลับเลือกจะพูดปลอบใจคนแปลกหน้าตรงหน้า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ...เพียงแค่คำปลอบประโลมคำเดียว... แต่เหมือนกับจะถูกแฝงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ซ่อนลึกไว้ในใจเสมอมา
...
ชักอยากรู้เร็วๆเสียแล้วสิว่าเขากับผู้ชายคนนี้ เราทั้งคู่เคยผูกพันธ์กันแบบไหนนะ?
ลูกมะนาวกรอบดำมองเรื่องราวทั้งหมดผ่านช่องบานประตูที่ถูกแง้มเอาไว้ก่อนจะปิดลงจนเหลือเพียงแต่เครื่องสำอางค์สีทึบ ลู่หานผินกายเดินออกห่างจากห้องโถงใหญ่ด้วยรอยยิ้มสุขสมใจ เท่านี้ภารกิจของเขาสำเร็จลุล่วงไปอีกหนึ่งขั้น ไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กตัวสูงคนนั้นจะมีอิทธิพลกับราชาขาวแต่เพียงนี้
"ไง พ่อหนุ่มฮอต ส่งเครื่องบรรณาการณ์ถึงมือผู้รับรึยัง"
ร่างสูงของเชสเชอร์คริสลอยไปมาอย่างไม่รู้ที่มาโผล่ข้างร่างของลู่หาน ตัวเขาเงียบไม่ตอบเพียงแต่กระตุกยิ้มแล้วพูดอ้อม
"กะอีแค่เด็กผู้ชายคนเดียว ....ไม่นึกเลยว่าคนเป็นถึงราชาขาวแห่งอันเดอร์แลนด์จะติดสัตว์อะไรขนาดนี้"
"หยาบคายนะ ถ้าอยู่กับไอ้เด็กหัวแดงนั่นนายโดนตัดหัวเย็บปากไปแล้ว"
ทั้งคู่หัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงขัตติยาอีกคนที่อาศัยอยู่อีกฟากของอันเดอร์แลนด์ มักมีการกล่าวถึงชื่อเสียงโหดร้ายอันเป็นที่โจษจัณฑ์ทั่วดินแดนและข่าวที่ว่าเด็กนั่นเลี้ยงมังกรให้ได้ฟังกันบ่อยๆ และในขณะนั้น แฮทเทอร์ลู่หานก็ได้นึกถึงใครบางคนผู้อยู่เคียงข้างราชาแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น มือเรียวหยิบสายสร้อยเปล่าๆที่คล้องคอตนขึ้นมามอง
"ถ้าอยากได้พลังแห่งอัญมณี เจ้าก็คงต้องแย่งมาจากราชาผู้ปกครองเท่านั้น"
"ข้ารู้ ข้ากำลังทำอยู่นี่ไง"
"พวกเราจะภาวนาให้สายสร้อยของเจ้าได้จี้มาคล้องในเร็ววัน จะได้ออกจากที่น่ากลัวๆนี่ซะที แล้วก็.....หวังว่าเจ้าจะไม่ตายก่อนนะ เพื่อนรัก"
คริสว่าก่อนจะหายตัวกลายเป็นควันลอยจากไป ลู่หานใช้หางตามองตามรอยสีเทาที่เคลื่อนตัวอยู่ก่อนจะกล่าวเย้ยเยาะเพียงลำพัง
"หึ มันจะเก่งไปได้กี่น้ำกันเชียว"
นิ้วเรียวฉวยหยิบดอกอานิโมเน่จากแจกันที่เดินผ่านขึ้นมาสูดดม ลู่หานกระชากกลีบมันออกก่อนจะปล่อยดอกไม้เล็กสีขาวทิ้งลงพื้นหินอ่อนแล้วใช้รองเท้าเหยียบย่ำมันจนเหลือเพียงซากที่น่าสงสาร รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นตรงมุมปากบางเช่นกับดวงตาสีเขียวสว่างแวววาว
...
แล้วเราจะได้สนุกกันแน่ ....ราชาขาวชานยอล ทูลหัวของกระหม่อม
"นี่คุณ ....ช่วยเลิกทำให้ผมกลัวสักทีได้ไหม ...........ครับ"
"ข้าเปล่าทำสักหน่อย"
"งั้นจะพูดตรงๆนะ ช่วยเลิกจ้องหน้าผมที ผมกินไม่ลง"
ตามที่กล่าวไป คิมจงอินแทบอมส้อมไว้ตลอดช่วงเวลามื้ออาหารเย็นของเขากับร่างสูงตรงหน้า ทั้งๆที่หมอนั่นควรจะสนใจอาหารแล้วกินๆเข้าไปแต่กลับเอาแต่จ้องหน้าเขายังกับเครื่องทีจีสแกน คือถ้ารู้จักกันก็ไม่อะไรไงแต่นี่มันคนแปลกหน้าอ่ะแถมมันยังเป็นราชาด้วย มายก็อด จะด่าก็เกรงใจอำนาจดาบตรงเอว ขนาดพูดเป็นกันเองได้ยังรู้สึกเกร็งเลย
"ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะทำให้"
ราชาขาวยิ้มก่อนจะหันไปสนใจจานอาหารของพระองค์ จงอินถอนหายใจโล่งไปแล้วจัดการทำให้ปากท้องตนหยุดร้องเสียที บนโต๊ะอาหารถูกประกอบด้วยจานหรูหราที่เขาทำได้เพียงมองมันผ่านกระดาษหรือจอ ทนหิวมาหลายมื้อสำหรับอันเดอร์แลนด์ มีคนใจดีเลี้ยงอาหารหรูแบบนี้ต้องจัดให้หนักสิ
แม้จะยอมหลบตาเพื่อลดความกระอักกระอ่วนของมื้ออาหารให้ แต่ดวงตาสีเหลืองอ่อนยังคงแอบเฝ้ามองดูร่างสูงข้างตัวตลอดเวลาพร้อมรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าขาวนวล เพราะว่าไม่เคยเเสดงตัวออกไป เด็กตรงหน้าคงไม่รู้หรอกว่าดวงตาคู่นี้เฝ้าสะท้อนภาพของตัวมานานเพียงใดแล้ว
"เจ้า.....อยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในอันเดอร์แลนด์งั้นหรือ"
"ครับ ก็ตั้งแต่ที่ผมเหยียบที่นี่ ทุกคนเอาแต่พูดโน่นนี้ .....โดยเฉพาะเรื่องคุณกับราชาแดงนั่น แต่ผมกลับไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย"
หลังจบมื้ออาหารเขาทั้งคู่ก็ได้ย้ายนั่งสนทนากันต่อที่ห้องหนึ่ง ท้องฟ้าเริ่มอ่อนแสงลงจนในปราสาทขาวเหลือเพียงแสงไฟจากเทียนและเตาผิง จงอินได้ถามราชาขาวหรือที่รู้จักทีหลังว่า 'ชานยอล' เกี่ยวกับเรื่องที่เขาสงสัย
"ราชาแดงเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของข้าเอง"
"น้องชาย? แต่คุณดูเหมือนศัตรูกัน"
"มันก็ใช่ แต่ว่าเมื่อก่อนเราสองคนพี่น้องรักกันมาก.....เราเคยรักกันมาตลอดจนกระทั่งวันเลือกองค์ราชา"
ร่างสูงลุกไปหยอบหนังสือกระดาษสีน้ำตาล มือเรียตบที่หน้าปกให้ฝุ่นคลุ้งก่อนจะลงมือเปิดแล้วเรียกให้เขามาดู จงอินย้ายไปนั่งใกล้กับชานยอล นัยน์ตาสีนิลกาฬจ้องหน้ากระดาษว่างเปล่าที่ค่อยมีลายเส้นเลื้อยขยับไปมาราวกับหนังโบราณที่ใช้ฟิล์มถ่ายเป็นรูปราชวังที่ดูสดใสพร้อมทั้งเด็กชายสองคนยืนจับมือกัน
"ตามกฎของอันเดอร์แลนด์ เมื่อใดที่อัญมณีแห่งปัญญาและพลังร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า วันนั้นจะเป็นวันสถาปนาราชาองค์ใหม่ที่จะมาปกครองแผ่นดิน แต่เพราะสายเลือดของเรามีองค์ชายสองคนจึงกลายเป็นวันคัดเลือกราชา"
กระดาษหน้าใหม่ถูกเปิดขึ้นมา บนนั้นมีรูปภาพของอัญมณีรูปทรงหยดน้ำสีฟ้าอ่อนทะเลและสีฟ้าซีดเกล็ดหิมะที่ลอยอยู่ระหว่างเด็กทั้งสอง เบื้องหลังเป็นเงาดำของฝูงชนที่มายืนล้อมรอบ
"....ทุกๆคนในอันเดอร์แลนด์เชื่อว่าข้าควรจะเป็นคนได้ แต่แล้วอัญมณีแห่งกษัตรย์กลับเลือกเซฮุนผู้เป็นองค์ชายเล็กแทนที่จะเป็นข้า จนเกิดการครหาในความไม่เหมาะสมของราชาคนใหม่ เกิดความขัดแย้งในดินแดนระหว่างคนที่สนับสนุนกับผู้ต่อต้าน ประชาชนแบ่งเป็นสองฝ่ายจนเกิดการก่อกบฏ แม้ว่าพวกเราจะพยายามห้ามปรามเพียงไหนแต่ผู้คนกลับไม่ยอมอ่อนข้อต่อกัน"
หน้าต่อไปคือเปลวไฟและบ้านเรือนที่ถูกทำลาย เงาดำแบ่งออกเป็นสองส่วนขนาบข้างบัลลังก์ทองที่มีเด็กชายคนนึงนั่งอยู่อย่างเดียวดาย จงอินเหลือบมองชานยอลที่พอมาถึงท่อนนี้ก็หยุดไปพักหนึ่ง ดวงตาสีเหลืองอ่อนฉายแววสั่นไหว
"แต่แล่วตอนนั้น อาจเพราะแรงกดดัน น้องชายของข้าเปลี่ยนเป็นราวกับคนละคน เขาออกมาจัดการกับพวกผู้ต่อต้านกษัตริย์อย่างรุนแรงด้วยการสั่งตัดหัวประจานหน้าราชวัง.... และจากเหตุการณ์นั่น เซฮุนที่ปกครองแผ่นดินด้วยความหวาดกลัวก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นราชาแดงผู้โหดร้าย สีแดงที่เขาถูกเรียกมาจากเลือดของหัวหน้ากบฏวันนั้นที่น้องลงมือตัดหัวเขาด้วยตนเอง"
ตัวละครเดินลงมาจากบัลลังก์มาตรงหน้าคือตัวละครถมดำที่ถูกมัดบังคับให้นั่งลง ดาบลายเส้นถูกเงื้อขึ้นและฟาดลงมาตรงคอที่หลุดร่วงไปกับพื้นพร้อมหมึกสีดำที่พุ่งขึ้นและตกลงมาเป็นหยาดฝนเปรอะทั่วตัวของเด็กคนนั้น
"ส่วนพวกที่เหลืออยู่ถูกเนรเทศมาที่อีกฟากของอันเดอร์แลนด์พร้อมกับตัวข้าเพราะเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวาย ประชาชนของข้าได้แต่งตั้งข้าให้เป็นเหนือหัวของพวกเขา และข้าได้กลายเป็นราชาขาวตัวแทนแห่งความเมตตาและบริสุทธิ์ทุกวันนี้.... เด็กคนนั้นเก็บตัวอยู่แต่วังหลวงเพียงลำพัง มันค่อนข้างน่าเศร้านะ ....แม้ใจหนึ่งข้าจะอยากกลับไปคืนดีต่อน้องชายของข้าเพียงใด แต่เรื่องราวมันคงกลับย้อนคืนไปมิได้อีกแล้ว"
ชานยอลปิดสมุดภาพลงอย่างเบามือแล้ววางมันบนโต๊ะใกล้ตัว มือใหญ่เอื้อมมาจับมือจงอินไปกุมแบบไม่ขออนุญาต
"และเพื่อจะแก้ไขมัน....พวกเราจำเป็นต้องมีเจ้าอลิซ ตามปฎิทินคำทำนายเจ้าคือคนเดียวที่สามารถปลดผนึกพลังแห่งดาบวอร์พอลเพื่อโค่นมังกรของเซฮุน"
"หมายถึง แจ็บเบอร์วอคกี้อ่ะนะ...........ไม่เอาอ่ะ ไอ้มังกรนั่นน่ากลัวจะตาย ถ้ามันพ่นไฟเผาผมอ่ะจะทำไง ตอนนั้นจะคุณหรือวอร์พอลก็คงช่วยผมไม่ได้"
"อ่ะฮะๆๆๆๆ อย่าห่วงเลยอลิซ แจ็บเบอร์วอคกี้ไม่ได้พ่นไฟหรอก"
จงอินส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆจนผมเผิมกระจายเป็นที่น่าเอ็นดูในสายตาราชาขาวยิ่ง ชานยอลอาศัยจังหวะทำการปลอบใจด้วยการลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเบามือ ภาพของคนคู่มองผ่านๆราวกับคนรักกัน แต่ต่างไปก็แค่บทสนทนา
"เจ้านั่นเป็นมังกรน้ำแข็งน่ะ"
"อ่าวเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกก็แค่นี้เอง ฮะๆๆๆๆ"
"...."
"ฮะๆๆๆๆๆๆ....."
ปัง!
"จะบ้ารึไง!! ถ้าผมโดนแช่แข็งเข้าไปจะไม่ตายรึไง ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาตายนะ พ่อแม่ผมยังรออยู่ที่โลกมนุษย์โน่นนะเฮ้ย คิดบ้างสิคิดบ้าง!!"
มือเรียวยันโต๊ะอย่างแรงแล้วดันร่างกายตนให้ลุกขึ้น จงอินกระแทกฝ่ามือกับโต๊ะไม้จนเสียงก้องทั่วห้องด้วยโทสะ
"ใครจะยอมเป็นเครื่องสังเวยให้พวกคุณก็ช่างแต่ผมไม่ ผมไม่อยากตาย!! ผมจะกลับบ้านได้ยินไหมราชา ผม!-จะ!-กลับ!-บ้าน!"
ปากบางหอบเอาลมหายใจเข้าไปลึกๆหลังจบคำสุดท้าย จงอินขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะก้าวเท้าหนี แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิมเพราะข้อมือถูกดึงให้หยุดไว้
"ไม่มีใครปรารถนาจะตายหรอกอลิซ ทั้งเจ้าเเละมังกรตัวนั้น แต่เจ้าต้องทำและเอาชัยชนะมามอบให้ข้า.....เพราะมันคือโชคชะตา"
"ก็แล้วทำไมผมต้องมีเจอเรื่องแบบนี้ด้วย...."
"อย่ากังวลไปเลยอลิซที่รัก คำทำนายบอกว่าเจ้าจะไม่เป็นไร"
"แล้วถ้าผมเป็นล่ะ.........ถ้าคำทำนายอะไรนั่นของพวกคุณมันผิดแล้วผม.....ผมตาย"
ฝ่ามือสีแทนปิดลงตรงเสี้ยวหน้าด้านขวา คิ้วขมวดเป็นปมกับดวงตาวูบไหวแสดงออกถึงความวุ่นวายในใจ ชานยอลช่วยพยุงตัวเขาให้นั่งลงแล้วลูบหลังเหมือนเด็กๆ
"เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรือ อลิซของข้า....ไม่ว่าใครที่บังอาจมาทำร้ายตัวเจ้า"
เสียงทุ้มกำลังกล่าวคำปลอบโยน จงอินหลับตาลงสัมผัสความอ่อนแอของตนก่อนจะลืมตาขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับสัมผัสนิ่มหยุ่นและอุ่นที่หลังมือ และสบตาเข้ากับบุษราคัมสีใสที่มีความรู้สึกบางอย่างเวียนว่ายอยู่ภายใน
"ชานยอลผู้นี้จะติดตามไปลงทัณฑ์มันจนถึงขุมนรกขุมสุดท้าย"
จูบที่หลังมือ ....การเคารพรัก ความอ่อนโยนและการให้เกียรติ
...
พลั่ก!
"งั้นก็ลงโทษตัวเองก่อนคนแรกเลยละกัน ราชางี่เง่า!"
ชานยอลได้แต่มองตามหลังอลิซตัวสูงของเขาที่กระแทกเท้าหงุดหงิดออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มือหนายกขึ้นลูบข้างแก้มที่โดนหมัดแห่งรัก(?)สอยเข้ารุ่นๆเมื่อครู่ ถือเป็นบทลงโทษของอลิซที่เขารับไว้ด้วยความยินดี
ถ้าเป็นคนอื่นมาต่อยเขาแบบนี้ อย่าหวังจะได้ออกไปเห็นตะวัน หากแต่ถ้าว่าถ้าเป็นอลิซต่อยล่ะก็....ชานยอลจะจูบ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิย์
"โชคชะตางั้นเหรอ เฮ้ออออ"
ร่างสูงลุกขึ้นไปตรงหน้าเตาผิงที่ไฟกำลังลุกโชน เปลวไฟสีแสดสะท้อนลามเลียกับดวงเนตรแห่งขัตติยาและยังโชติช่วงขึ้นไปเมื่อชานยอลโยนหนังสือปกสีน้ำตาลที่เปิดให้จงอินดูเมื่อครู่ใส่ไปเป็นเชื้อเพลิง
"ของพรรค์นั้นมันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะ"
ใช่ ที่อลิซกลับมาที่อันเดอร์แลนด์ มันไม่ใช่เพราะต้องมาช่วยกู้บัลลังก์งี่เง่านั่นให้เขาหรอก ที่เด็กคนนั้นกลับมาที่นี่ ก็เพื่อแก้ไขคำสาปของตนเอง
คำสาปที่ว่าตนจะกลับมาล้างแค้นใครบางคนให้พินาศไม่เหลือชิ้นดี
แต่ถ้าเด็กคนนั้นทำไม่ได้ คิมจงอินจะไม่มีทางออกไปจากอันเดอร์แลนด์ได้อีก
....ตลอดไป
' ผมขอสาบานว่าจะกลับมาแก้แค้นแน่ ซักวันหนึ่ง..............ผมจะทำให้หัวใจคุณสลาย จะทำให้คุณต้องตายทั้งเป็น จะตาย...ก็ไม่ได้ตาย จะอยู่...ก็อย่าหวังจะได้มีความสุข '
' เมื่อเจ้าหวนกลับไปตัวข้าก็คงจะหายไปจากใจเจ้า หากเช่นนั้นแล้วมันก็มีทางเดียว ....ข้าจะให้ร่างกายของเจ้าได้จดจำไว้ แม้เจ้าพยายามจะลืมเท่าใดเจ้าก็ไม่มีวันละทิ้งได้ มันจะยังคอยติดตามเจ้าไปตลอดกาล จะยามหลับ หรือยามนอน
' ให้มันเป็นฝันร้ายของเจ้า ....และเจ้าจะไม่มีวันลืมข้าได้ลง '
' ไม่มีวัน '
คิมจงอินสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมร่างกายชุ่มเหงื่อ เสียงหายใจกึกก้องไปทั่วห้องเงียบสงัด มือเรียวยกขึ้นลูบใบหน้าเพื่อเช็ดเหงื่อออก ทั้งที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกสบายแต่ร่างกายเขากลับรุ่มร้อน เสียงคนสองคนจากในความฝันยังคงก้องอยู่ในหัวไม่ลดละ
ความฝันอันแปลกประหลาดที่มีเพียงเสียงสนทนาและภาพสีดำมืด น่าแลกใจที่แม้จะตื่นขึ้นมาจงอินกลับยังสัมผัสมันได้ว่าร่างกายเขาเกิดอาการหวาดกลัว กลัวน้ำเสียงของใครสักคนที่เขาไม่เคยรู้จัก กลัวความรู้สึกของตัวเองที่ติดค้างอยู่ภายใน เหมือนกับตะกอนที่ถมรอวันจะถูกกวนขึ้นมาให้ขุ่นใหม่
....และเขาก็ยังกลัวดวงตาสีแดงทับทิมของอีกฝ่ายอีกด้วย
".......แล้วใช่ไหม"
"อือ แต่......................."
จงอินจับที่เปิดประตูยืนค้างเป็นหุ่นอยู่ตรงนี้มาหลายนาที ในใจบอกกับตัวเองเสมอว่าอย่าพยายามอยากรู้เรื่องคนอื่นแต่ร่างกายกลับก่อจราจลด้วยการยืนเสือกแบบเงียบๆแถมแทบจะแหกหูฟัง
เพราะว่าหลังจากฝันนั้นจะข่มตานอนอีกซักกี่ครั้งก็นอนไม่หลับแถมบรรยากาศเป็นใจให้เปิดหนังผีซะเหลือเกิน เขาก็เลยออกมาเดินหาคนอยู่เป็นเพื่อน ตอนแรกก็ว่าจะออกไปตามหาเจ้าช่างทำหมวกสติแตก แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไหน จงอินเลยตัดใจมาหาราชาขาวแทน แต่พอจะเปิดประตูเขาก็ได้ยินเสียงคุยกันจากด้านในเสียก่อน จะพรวดพราดเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องใช่ป่ะล่ะ เออ กลัวเสียมารยาทไงเลยมายืนฟังข้างนอก คนดีอ่ะ เข้าใจ๊?
"...................เข้าใจไหม"
"ครับ ผมจะ........................"
เสียงด้านในเริ่มเบาจนฟังไม่ได้ยินสักคำ จงอินจึงจับตัวเองเบียดเข้ากับบานประตูแทบจะหลอมติดกัน
"พูดอะไรวะ พูดดังๆหน่อยฟังไม่ได้ยินนนน"
"............ไม่ได้ยินก็เข้าไปฟังข้างในสิ"
"เฮ้ย!!!"
พลั่ก!
จงอินถูกประชิดหลังด้วยฝาแฝดไหล่แคบพร้อมบานประตูที่เปิดออกกว้าง ตัวเขาล้มลงไปกองกับพรมสีขาวนุ่มนิ่ม ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดโทษแต่เจ้าคนที่ชื่อดีโอนั่นดูจะไม่ได้สำนึกเลย...สักนิดก็ไม่มี หมอนั่นเดินผ่านเขาเข้าไปในห้องที่มีคนสองคนรออยู่ทิ้งให้จงอินบ่นงึมงำอยู่คนเดียว
เหมือนเขาจะลืมอะไรไปนะ.....
"อลิซ....แอบฟังเหรอ"
"ไม่ใช่! คือ แบบ ยังไงดี แบบนี้นะ คือมีเรื่องนิดหน่อย ว่าจะมาหา แต่ว่าทีนี้ คุณเอ่อ กำลัง แบบว่า"
เสียงนุ่มของชานยอลทำเอาจงอินสะดุ้ง ชายร่างสูงกอดอกแล้วใช้สายตาแบบเดียวที่ตัวเขาใช้มองเจ้าแฝดดีโอ เออว่ะ! ลืมไปเลยว่าแอบฟังเขาอยู่ อลิซตัวสูงนึกคำแก้ตัวแต่ก็ลิ้นพันกันไปหมด
"ข.....ขอโทษ"
ชานยอลมองเด็กตรงหน้าแล้วก็ถอนใจ ส่งมือไปพยุงอีกคนให้ลุกขึ้นมาดีๆ พลันสายตาเหลือบไปเห็นสร้อยสีชาที่คล้องคอระหงอยู่ก็ต้องชะงัก ร่างสูงถือวิสาสะเข้าไปจับจี้ห้อยคอ
"นี่มัน...... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เจ้าไปเอามาจากไหน"
"เอ๋ นี่เหรอ ผมเก็บได้น่ะสิ ของคุณเหรอ"
จงอินปลดสายสร้อยวางบนมือชานยอลไร้ความสงสัย ยังไงเขาก็ไม่ได้ต้องการมันอยู่แล้ว พอได้ไปชานยอลก็เรียกให้สองแฝดเข้ามาตรวจสอบจี้กุญแจดอกนั้นราวกับมันเป็นของต้องสงสัย ทั้งสามคนดูเคร่งเครียดน่าดูจนแบคฮยอนหันกลับมา
"นี่มันแปลกมากที่เจ้าได้รับมันมา ในเมื่อกุญแจดอกนี้หายสาบสูญไปตั้งแต่สังหารกบฎ"
"ไม่รู้ใครรู้ว่ามันหายไปไหน มีข่าวลือมาว่ามันอยู่บ่อน้ำลีเธที่เป็นเขตหวงห้ามแห่งอันเดอร์แลนด์"
ฝาแฝดดีโอต่อบทพูดของแบคฮยอนอย่างรู้กัน และไอ้คำว่าหวงห้ามก็ทำให้จงอินรู้สึกเกิดอยากรู้อยากเห็นซะงั้น
"บ่อน้ำลีเธ?"
"เดิมเป็นชื่อหนึ่งในห้าแม่น้ำแห่งความตาย เป็นแม่น้ำแห่งการลืมเลือนในเทพนิยายกรีก ส่วนในอันเดอร์แลนด์เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในป่าลึกที่มีหมอกทึบ เล่ากันว่าที่นั่นเป็นที่อยู่ของภูติพราย กลางบ่อน้ำมีสิ่งก่อสร้างประหลาดอยู่หนึ่งเเห่ง เป็นเพียงห้องไม้ทรงสิบสองเหลี่ยมที่มีประตูติดอยู่ทั่ว ไม่มีใครรู้ว่าสร้างไว้เพื่ออะไรแต่ว่าไม่ว่าใครที่เข้าไปไม่เคยมีใคร.....ที่ได้กลับออกมา"
โหอีเหี้ยยยยยย แล้วคืนนี้กูจะได้นอนหลับไหมเนี่ย!
เอ่อะ เดี๋ยวนะ ห้องทรงสิบสองเหลี่ยมเหรอ
"หากแต่ ....ตำนานได้เล่าขานมานับต่อนักว่าที่เเห่งนั้นกักเก็บดาบวอร์พอลที่ทรงอำนาจ เพราะพลังที่มากเกินไปทำให้ต้องถูกสะกดให้หลับใหลตราบชั่วอายุกาล ....กล่าวว่าเมื่อใดที่อัญมณีราชาแปดเปื้อนด้วยอธรรม เมื่อนั้นจงใช้วอร์พอลในการชำระล้าง และนี่คือกุญแจที่จะเปิดผนึกของมัน"
ชานยอลสวมสร้อยลูกกุญแจมอบกลับคืนสู่จงอินเช่นเดิม เขามั่นใจว่าตาไม่ฝาดที่เห็นว่าจงอินเหมาะสมกับมันสักเพียงใด เขามั่นใจ ว่าเลือกไว้ไม่ผิดคน
"เพื่อเจ้า อลิซ.....พรุ่งนี้เราจะพิสูจน์ตำนานวอร์พอลกัน"
จ๊อกก~
ผ้าสะอาดถูกบิดเป็นเกลียวให้น้ำแห้งแล้ววางมันลงบนหน้าผากกว้างที่อุณหภูมิค่อนข้างจะอุ่นของคนบนเตียง มือขาวแนบตามใบหน้าชื้นเหงื่อจากพิษไข้พอเห็นว่าอาการดูจะดีขึ้น จึงได้เอ่ยถาม
"เอ้า รู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง"
"อือ ดีขึ้นเยอะเลยพี่"
"เฮ้อ พี่เตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าออกไป แค่อลิซพี่ล่าคนเดียวได้"
รอยยิ้มจางถูกส่งมาทำให้คนเป็นพี่ได้แต่ถอนหายใจอ่อนๆ เพราะน้องชายคนนี้เป็นคนค่อนข้างจะอ่อนแอผิดกับตนที่รุนแรงก้าวร้าวจึงอด ห่วงเป็นพิเศษไม่ได้
"แฮะๆๆ แต่ผมก็ปล่อยให้อลิซหนีไปได้ซะงั้น ขอโทษนะพี่"
พอคิดเช่นนั้นก็อดโทษให้เป็นความผิดตัวเองไม่ได้ รอยยิ้มเจือจางพาลหายไป คนป่วยก้มหน้ากำผ้าห่มจนมือขาวสั่นระริก
"ถ้าผมฆ่าอลิซได้ล่ะก็..............พี่จะ....พี่มินซอกก็จะ... ฮึก"
"นายมักจะฝืนตัวเองเสมอเลยนะจุนมยอน.... พี่น่ะ จะไม่ยอมเป็นอะไรหรอก"
มินซอกคว้าตัวน้องชายขี้แยกอดโยกเยกปลอบพลางหัวเราะเป็นเรื่องสนุก แม้เขาจะพูดออกไปกระนั้นดวงตาสีฟ้านภาซีดกลับหม่นแสงลงพร้อมกับอ้อมแขนที่รัดแน่น .....อันที่จริงแล้วตลอดมา เขาเองก็กลัว แต่เหตุผลที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ มันก็มีแค่เรื่องเดียว
"เพื่อนายและองค์เหนือหัว...พี่จะไม่ตายเด็ดขาด"
มินซอกจะอยู่หรือจะตาย.....ทั้งหมดก็เพื่อองค์ราชาแดงของตน
"I found myself in wonderland get back on my feet agian~"
"is this real? is this pretend? I'll take a stand~"
เรือกอนโดล่าล่องไปตามสายน้ำลีเธสีขุ่นท่ามกลางมีแต่หมอกทึบ เสียงร้องเพลงสอดประสานเข้ากับจังหวะการพายเรือจนน่ารำคาญ ซ้ำยังมีเสียงหัวเราะไม่หยุดไม่หย่อนตามมา อุ้งมือสีเทาจ่อเข้าตรงใบหน้าบูดบึ้งเป็นการบังคับให้จงอินรับลูกคู่ พอเขาไม่ร้องไอ้พวกนั้นก็จ้อง เลยจำต้องร้องประโยคส่วนสุดท้ายออกมาให้มันจบเรื่อง
"until the end!"
"ยะฮู้! วู้ววววว!!"
"ฮ่าๆๆ เคี๊ยกก ค่อกๆๆ"
จงอินอยากจะวีนแตกใจจะขาดเมื่อนักพายเรือจำเป็นอย่างแมดแฮทเตอร์ปรบมือชอบใจกับเลย์เม้าส์ ขณะที่เจ้าเทากระต่ายป่านั่งอยู่ท้ายเรือระเบิดหัวเราะขาดใจ แม้แต่ราชาขาวข้างๆเขายังอมยิ้มปรบมือให้ มีไรตลกเหรอสัด!
"เจ้าตลกดีว่ะอลิซ"
ขอบใจที่ตอบ ==
วันนี้ฝาแฝดไม่ได้มาด้วยเพราะดูแลราชวังให้จึงตัดสินใจส่งเจ้าสามสหายโต๊ะน้ำชามาแทน(คริสแม่งหายหัวไปไหนไม่รู้ แมวเลว!) หวังจะให้คุ้มครององค์ราชา แล้วเป็นไงล่ะ วุ่นวายสัดๆ วุ่นวายชิบหาย วุ่นวายเหี้ยๆ กูให้พวกมึงคนละอันเลยอ่ะ
"โอ้นั่นไง ใช่รึเปล่า"
สารถีกับหมวกทรงสูงกล่าวเมื่อเงาดำเกิดขึ้นท่ามกลางหมอกหนา ยิ่งใกล้อาคารสูงเท่าไหร่เข็มทิศก็ยิ่งรวนจับทิศทางไม่ได้ ฝีพายเชื่องช้าลงเมื่อกอนโดร่าเข้าถึงฝั่ง ราชาขาวกระโดดลงเหยียบพื้นดินเป็นคนแรกเพื่อยื่นมือออกมารับอลิซตัวสูงขณะที่เจ้าสามสหายเลือกจะนั่งรออยู่บนเรือ
"ไปเถอะ"
ชานยอลบีบมือเขาแล้วจูงพาไปยังสิ่งก่อสร้างโง่ๆที่เขาคลับคราใจ มันดูคุ้นตาและรู้สึกเหมือนจะถูกดึงดูดให้เดินตรงเข้าไปหา จงอินผละจากราชาขาวเดี่ยวเข้าไปด้วยหัวใจรัวเร้า มือสีแทนยื่นไปสัมผัสกับผิวอาคาร จู่ๆแสงสว่างและสายลมกรรโชกจ์กลับพุ่งออกมาจนจงอินต้องยกแขนกันดวงตาไว้
เขาค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อสายลมหยุดลง รอบกายเปลี่ยนไปมีแต่สีขาวระบายไว้สุดลูกตา จงอินอ้าปากค้างขณะที่ใจเริ่มแป้วลง โดดเดี่ยวอีกครั้งโดยไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนด้วยซ้ำเนี่ยนะ โคตรไม่ตลก!
' หันมาทางนี้สิ '
เสียงทุ้มสะท้อนขึ้นมาในหัวกระทันหันในทิศด้านหลัง เขากล้าๆกลัวๆที่จะหันไปแต่ก็ต้องกลั้นใจหันไปมอง เป็นเด็กกระต่ายตัวเล็กที่เราเคยพบกันเมื่อตอนเริ่มต้น ใบหน้าที่คล้ายคลึงเขาในวัยเยาว์เผยรยยิ้มจางก่อนจะขยับตัวให้เขาได้เห็นบางสิ่งด้านหลัง
แท่นสีดำสลักลวดลายเลื่อมสีทองงดงามตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าเขา ทรงยาวและแวววับของดาบเล่มงามถูกเสียบสลักบนแท่นนั้นนิ่งสงบ หากให้เดา นั่นคจะเป็นดาบวอร์พอลที่เคยได้ยิน จงอินก้าวเท้าหมายจะไปจับแต่เด็กกระต่ายยื่นแขนมาขวางไว้ก่อน
' แน่ใจแล้วหรือ ถ้าหากเจ้าดึงมันออกไป ทุกอย่างจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะ ไม่ว่าจะตัวเจ้าหรืออนาคตของเจ้า '
"ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก ถ้าหากไม่สู้ฉันก็กลับบ้านไม่ได้"
' .....จะไม่เสียใจ จะรับให้ได้ใช่ไหม '
"ฉันเองก็ไม่รู้ ก็ในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลา ฉันก็ควรทำเท่าที่ทำได้ไม่ใช่หรือไง"
' หากเธอตั้งใจเช่นนั้น.....ก็ไปเถอะ '
เด็กน้อยหดมือกลับไปวางข้างกายเป็นการบอกให้จงอินเดินต่อไปได้ ร่างสูงก้าวเท้าตรงไปยังแท่นหินสีขาวนวล อีกไม่กี่นิ้วที่จะหยิบถึงด้ามดาบทว่าเสียงด้านหลังกลับดังขึ้นก่อน จงอินหันไปหาต้นเสียงก็ต้องตกใจ
' อยากรู้ไหมว่าข้าคือใคร '
เด็กน้อยหูกระต่ายส่งรอยยิ้มเพียงครึ่งซีกมาให้ ไม่ผิดหรอก รอยยิ้มเพียงครึ่งซีก เพราะร่างกายเล็กๆนั่นอีกครึ่งหนึ่งกลับกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำประดับกับทับทิมแดง นัยน์สุกใสอีกด้านต้องแสงประกายด้วยหยดน้ำตา ปากเล็กสีมุกขยับไหวเชื่องช้าเป็นประโยคสั้นๆ ถึงแม้จะไม่มีเสียง....แต่เขาก็อ่านเป็นคำได้สำเร็จ
' ฉันคือ....... '
"อลิซ!!!!!"
"....!"
เปลือกตาสีแทนเบิกโพลงขึ้นตามเสียงตะโกนของใครสักคน จงอินเหลือกตามองไปรอบด้านก็อยู่บนเรือกอนโดล่าลำเดิมกับที่มา ราชาขาวช่วยพยุงตัวเขาไว้และรอบข้างๆเขาคือเจ้าสามสหายโต๊ะน้ำชากำลังมุงอย่างสนใจ ลู่หานเลิกคิ้วจนหน้าผากย่น ลูกมะนาวทั้งสองมององค์ราชาสลับกับคนในอ้อมแขนโดยมีอีกเทาและเลย์เป็นลูกคู่
"ว้าว เขาฟื้นแล้ว ....ทั้งๆที่ก่อนหน้าข้าตะโกนจนคอแทบแตกแท้ๆ"
"แต่พอองค์ราชาตะโกนเรียกเขาเท่านั้น....เขากลับฟื้นขึ้นมา"
"อาาา....นี่สินะรักแท้"
คนบ้าสามคนละเมอเพ้อพกเหมือนอยู่กันคนละโลกกับอีกสอง ทั้งๆที่ข้างๆกำลังซึ้งอินกินใจอยู่ ชานยอลกลับเอาแต่ลูบหน้าพลิกตัวเขาไปมาพร้อมทำหน้าวิกลจริตจนต้องร้องขอให้หยุด
"เฮ้ยๆๆ หยุดก่อน"
"เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม! มันเกิดอะไรขึ้น! นี่รู้บ้างไหมว่าข้าเป็นกังวลขนาดไหน!"
แทนที่จะตอบคำถามกลับถูกถามกลับหน้าด้านๆ ไหล่สูงข้างของจงอินถูกยกสูงเพราะแรงบีบ ท่าทีที่เปลี่ยนฉับพลันตามไม่ทันช่างยากเกินกว่าจะรับไหว เขาส่งสายตาของความช่วยเหลือแต่เจ้าสามตัวนั่นกลับคอสเพลย์เป็นเจ้าลิงสามตัวที่ปิดตา ปิดหู ปิดปากใส่เขา
....เอิ่ม ขอบใจนะสัส
"ผมไม่เป็นไรๆๆ"
"จะไม่เป็นไรได้ไงก็ข้าเห็นกับตา พอเจ้าเเตะไอ้อาคารเก่านั่นจู่ก็มีแสงสว่างวาบมาแล้วเจ้าก็หายตัวไป! มันต้องเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสิ"
"เออๆงั้นเป็นก็ได้"
"เห็นไหมเจ้าเป็นอะไรจริงๆด้วย เจ็บตรงไหนบอกมาอย่าได้เกรงใจ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการไอ้อาคารเก่านั่นให้"
"เฮ้ย ไม่ต้อง คุณเป็นบ้าไปเเล้วเหรอออ"
"ไม่ได้! ข้าจะจัดการมัน มันทำคนรักของข้าเจ็บ!"
"แต่ผมไม่ได้เจ็บ ฮะ ตะกี้ว่าไงนะ"
"ข้าบอกว่า!"
ราชาขาวอ้าปากแต่ก็ชะงักไปทันที เขาหันหน้าหนีและแสร้งทำปากพะงาบๆเหมือนตุ๊กตานัทแคร็กเกอร์หน้าโง่ ก่อนจะหันมาตัดบท
"ก็......เปล่านี่ บ้าข้าวิ่งตามหาเจ้ารอบเหมือนหมาบ้ากว่าจะเจอเจ้านอนอยู่บนริมธารน้ำเท่านั้น...แค่นั้นเอ๊งงง"
"อ่ะๆๆ แล้วแต่คุณล่ะกัน ว่าแต่.....ดาบล่ะ?"
"วอร์พอลก็อยู่มือเจ้าไง"
จงอินมองตามคำของลู่หานก็ต้องแอบตกใจกับวัตถุสีเงินเงามันปลาบที่นอนสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอด นี่เขานอนกอดไอ้ดาบคมเฟี้ยบมานานขนาดไหนวะ คอกูยังอยู่ดีไหมเนี่ย!
"ตั้งแต่ข้าเจอเจ้าก็เห็นเจ้ากอดมันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แม้จะพยายามแกะมันออกเจ้าก็มิยอมปล่อยจนข้าต้องแบกเจ้ามาทั้งอย่างนั้น"
"แปลกนะ ผมไม่เห็นรู้สึกตัวเลย"
"นั่นหมายความว่าดาบวอร์พอลชอบเจ้ามากแน่นอน สมกับเป็นอลิซของข้า..."
ริมฝีปากอุ่นประทับเข้ากลางหน้าผากเขาไม่บอกไม่กล่าว จงอินกระชากสายตาจิกราชาขาวตัวต้นเหตุที่ทำหน้าดี๊ด๊าจนอยากจะลุกขึ้นถีบให้ตกเรือซักที แต่เนื่องจากกลัวเรือล่มเขาจึงได้แต่ระงับอารมณ์แล้วกระชากไม้พายจากเลย์ที่ใกล้ตัวสุดฟาดเข้ากลางหน้าองค์ราชาแก้เขิน
"เฮ้ย อลิซใจเย็น!!"
เขิน?? เขินบ้าอะไร ใครเขิน!!
"โอ๊ย อลิซ พอแล้ว!"
"อลิซนั่นราชานะเว้ยยยยยยยย"
ใครเขิน! ไม่มีโว้ย!!
แกร๊ก
"เจ้าจะบอกว่าอลิซได้ดาบวอร์พอลมาแล้วเช่นนั้นหรือ"
ตัวหมากสีแดงบนกระดานถูกดันออกไปตามช่องว่าง ขณะที่ดวงตาสีทัมทิมเลือดตวัดขึ้นจ้องหน้าคนตรงกันข้าม แสงอาทิตย์ยามเย็นลอดผ่านหน้าต่างบานสูงลูบไล้ใบหน้าของนักเกมกระดานทั้งสอง หนึ่งคือขัตติยาแห่งอันเดอร์แลนด์ อีกหนึ่ง...แนะนำตัวเพียงหนอนเฒ่าผู้รักการอมควันพิษเป็นชีวิตจิตใจ น่าแปลกที่วันนี้เจ้าตัวเพียงร่างกายเปลือยท่อนบนกับส่วนล่างที่หลอมรวมตัดกับต้นไม้ไปแล้ว
เฉินเดินตัวหมากตนก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าผากบุรุษผู้มีเชื้อกษัตริย์ ใบหน้างดงามดุจรูปสลักหินอ่อนที่แสนประณีตถูกสรรค์สร้างขึ้นมาคู่กับทับทิมเม็ดงามทว่าแข็งกระด้าง ผิดกับพี่ชายที่อยู่ห่างไกลไปอีกฝั่งของดินแดน
"เรื่องราวทั้งหลายกำลังหมุนวนไปตามเรื่องราวแห่งอนาคตที่ถูกทำนายไว้มิมีผิดเพี้ยน เช่นนั้นอีกไม่นาน มังกรของท่านคงถูกสังหารจนสิ้นเป็นแน่"
"หากพูดเป็นแต่เรื่องแบบนี้ก็จงหุบปากอัปมงคลของเจ้าไปซะหนอนแก่ คนของข้าไม่มีทางพ่ายแพ้แก่ผู้กล้าหน้าโง่ที่ไหนทั้งนั้น"
"อนาคตได้ถูกขีดเส้นไว้ทั้งหมดแล้วราชา ไม่มีวันที่ท่านจะเปลี่ยนมันได้หรอก"
ดวงตาคมจากอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ผู้เฒ่าหวั่นใจอันใด ดวงตากร้านโลกทำเพียงจดจ้องเกมกระดานที่ตนเองกำลังแข่งขันอยู่ แต่ถึงจะบอกว่าแข่งขัน เขาทั้งคู่ก็เพียงแค่หาอะไรทำฆ่าเวลาทำนั้นเอง
เพียงเพื่อรอเวลาให้กลไกแห่งอนาคตที่ขัดข้องค่อยๆไหลออกไป
"ข้า....คือราชาแดงแห่งดินแดนอันเดอร์แลนด์ พันธะสัญญาที่ได้มอบไว้แด่สองคนนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาละเมิด จะไม่มีใคร...กล้าเอื้อมมือโสมมนั่นมาถูกกายอัญมณีแห่งข้า"
แกร๊ก
"มิเช่นนั้นแล้ว ข้าคงต้องชิงบั่นคอมันขาดให้สาแก่ใจ"
'รุกฆาต'
เฉินเพียงกล่าวกับตนในใจพลางยกมือยอมรับความพ่ายแพ้ เขาแพ้เกมนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกับเจ้าเด็กเหลือขอนี่จนเริ่มจะเบื่อหน่าย ดวงตาสีพื้นปฐพีเหลือบมองรอยยิ้มลำพองของเจ้าดินแดนที่ยืดตัวขึ้นสูง องค์ราชาผินหลังให้เขาได้แต่มองตามผ้าคลุมสีแดงที่ลากห่างไกลออกไปจนกระทั่งประตูปราสาทสไตล์วิคตอเรียนกอธปิดลง
เหลือเพียงเขาผู้โดดเดี่ยวที่ยกน้ำชาเย็นชืดขึ้นจิบน้อยๆ หนอนเฒ่ามองออกไปยังภาพปลายปราสาทอีกฝั่งที่ไม่อาจมองเห็นที่ถูกล้อมกรอบด้วยเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปราย ครั้นนึกถึงใบหน้าสองพี่น้องผู้ปกปักษ์ราชาแดงแล้วกลับอดสูหัวใจมิได้ ความจงรักภักดีที่มาคู่กับภาระหน้าที่ แม้จะกระเสือกกระสนดิ้นรนมากเพียงไหน แต่อนาคตมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
และไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้
หิมะนั้นยิ่งขาวเท่านั้น พิษสงและความอันตรายก็ยิ่งมากเท่านั้น
ประดุจเถาวัลย์พิษ ที่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่น และยิ่งรัดแน่นเท่าไหร่ก็ตายเร็วเท่านั้น
อลิซผู้นั้นเองก็เช่นเดียวกัน..
- To be continue -
>>> 4/6/16 ขออนุญาติ ตัดแบ่งเป็นสองพาร์ทนะคะ มันยาวเกิน
>>> น้องจงอินเองค่าาาาา พระเอกสู้ชีวิตเองค่า อะฮิ ><
พยายามจะไม่ให้ยาวนะ ไม่รู้จะออกทะเลไปไกลไหม แล้วแต่คลื่นลมพัดพา ;____;
>>> ขอแก้ตรงท้ายคราวที่แล้วหน่อย สงสัยพิมพ์ไม่เคลียร์จริงๆ เฮ้อออ พี่ชานเป็นราาขาวนะคะ ไม่แดงค่ะไม่แดง T T อันนี้เป็นสต็อคไว้นานแล้ว หลังจากนี้อาจจะนานอัพแล้วน้าา แก่แล้วไม่ค่อยมีแรง
@SQWEEZ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น